ตัวอย่างการทำโครงงาน

1. 1
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ที่มำและควำมสำคัญ
ถ้ามีรถยนต์อยู่แต่ขับรถยนต์ไม่เป็น รถยนต์คันดังกล่าวก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย คอมพิวเตอร์ก็
เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากเพียงใดก็ตาม ถ้าหากเครื่องคอมพิวเตอร์
ดังกล่าวไม่มีระบบปฏิบัติการคอยควบคุมการทางาน ซึ่งเปรียบได้กับรถยนต์ที่ไม่มีคนขับ เครื่องคอมพิวเตอร์
ดังกล่าวก็จะไม่มีประโยชน์เลย ดังนั้นระบบปฏิบัติการจึงมีความสาคัญเปรียบเสมือนกับคนขับรถยนต์ที่จะต้อง
คอยควบคุมรถให้เดินทางไปถึงที่หมายอย่างถูกต้อง และปลอดภัย ระบบปฏิบัติการก็จะต้องควบคุมการทางาน
ของคอมพิวเตอร์ให้ทางานตามที่ต้องการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการไม่ได้นามาใช้งานกับคอมพิวเตอร์เท่านั้น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์สมัยใหม่
ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องเล่นเกมส์ หรือแม้กระทั่งเครื่องซักผ้า ก็มีระบบปฏิบัติการในการควบคุม
การทางานเช่นกัน แต่จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาสาหรับอุปกรณ์นั้น ๆ โดยเฉพาะ
กล่าวคือในอดีตที่ผ่านมาทาง Microsoft ซึ่งเป็นเจ้าของและผลิตระบบปฏิบัติการ Windows มา
หลากหลายรุ่นแล้วทั้งที่ได้รับความนิยมมากและไม่รับความนิยมมากนัก และได้รับพัฒนาจนได้รับความนิยมกัน
อย่างแพร่หลายทั้งในด้าน การทางาน ธุระกิจ องค์กร และใช้งานตามบ้านเรือนต่างๆ
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงำน
1. เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะนาไปประกอบอาชีพและในชีวิตประจาวัน
2. เพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษามีความสะดวกสบาย
3. เพื่อให้ผู้ที่มีสนใจที่ต้องการศึกษาเรียนรู้ ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
1.3 ผลที่คำดว่ำจะได้รับ
1. การทาเป็นสื่อผสมผสานประกอบกับการเรียนการสอนและการประกอบอาชีพ
2. นาสิ่งที่ได้เรียนรู้นาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
3. ผู้ศึกษามีความสะดวกสบาย

2. 2
1.4 ตัวแปรที่ศึกษำ
ตัวแปรต้น ระบบปฎิบัติการ Windows
ตัวแปรตำม ความพึงพอใจของ CAI ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ตัวแปรควบคุม โปรแกรม สถานที่ศึกษา ระยะเวลาที่ศึกษา และสภาพแวดล้อมขณะที่ศึกษา
1.5 ขอบเขตของกำรศึกษำ
เพื่อทาการศึกษาประวัติความเป็นมาของระบบปฎิบัติการ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
1.6 ระยะเวลำในกำรศึกษำ
ผู้จัดทาได้ศึกษาและจัดทาโครงงานในระหว่างวันที่ 4 พฤษจิกายน ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2559
1.7 สถำนที่ดำเนินโครงงำน
โรงเรียนชุมชนวัดหนองค้อ ตาบลหนองขาม อาเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
1.8 นิยำมศัพท์เฉพำะ
ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ (อังกฤษ: Microsoft Windows) เป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท
ไมโครซอฟท์ เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985 โดยรุ่นแรกของวินโดวส์ คือ วินโดวส์ 1.0) และครองความ
นิยมในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มากกว่า 90% ของการใช้งานทั่วโลก
1.9 โปรแกรมที่ใช้
โปรแกรม Photoshop CS6
Microsoft office PowerPoint 2013
Macromedia Author ware 7.0
2.0 ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ผู้ศึกษาได้ทราบประวัติของระบบปฎิบัติการ Windows แต่ละรุ่น
2.ผู้ศึกษาสามารถนาความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปใช้ในการประกอบอาชีพ
3.ผู้ศึกษาสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวกสบาย

3. 3
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ควำมหมำยของคำว่ำ Windows
ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ (อังกฤษ: Microsoft Windows) เป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท
ไมโครซอฟท์ เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985 โดยรุ่นแรกของวินโดวส์ คือ วินโดวส์ 1.0) และครองความ
นิยมในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มากกว่า 90% ของการใช้งานทั่วโลก
ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Windows รุ่นล่าสุดในชื่อว่า Windows 10 เข้าสู่
ยุคใหม่ของระบบปฏิบัติการ Windows อย่างเต็มรูปแบบ แต่คงมีหลายคนที่ยังไม่เคยรู้หรืออาจจากันไม่ได้แล้ว
ว่า Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอ
พาทุกท่านย้อนอดีตไปดูกันดีกว่าว่า Windows รุ่นเด่น ๆ ที่หลายคนรู้จักและบางคนอาจยังไม่เคยเห็นนั้นมี
หน้าตาอย่างไรกันบ้าง
 Windows 1.0
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1985 เป็น Windows รุ่น
แรก ซึ่งยังไม่ได้รับความนิยม โดยแรกเริ่มถูกเรียกว่า Interface Manager
แต่สุดท้ายทางไมโครซอฟท์ก็เลือกที่จะใช้ชื่อ Windows แทนเนื่องจาก
เรียกและจดจาได้ง่ายกว่า

4. 4
 Windows 2.0
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 1987 เป็นการนา Windows 1.0 มาพัฒนาใช้งานได้สะดวกและ
รวดเร็วกว่าเดิม ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นแรก เริ่มมีนักพัฒนาหลายรายพัฒนาโปรแกรมสาหรับใช้บน
Windows 2.0
 Windows 3.0
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 1990 ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสาเร็จของ
Windows ที่ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก รองรับ 16 สี อินเทอร์เฟซถูก
พัฒนาให้มีสีสันดูน่าใช้งานมากกว่าเดิม และได้ออก Windows 3.1 ตามมาในปี 1992 ที่ทาให้
Windows กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่คนใช้กับแพร่หลายมากที่สุด

5. 5
 Windows NT
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1993 เป็นรุ่นที่พัฒนามาสาหรับใช้ในกลุ่มองค์กรและธุรกิจต่าง ๆ
โดยเฉพาะ ซึ่งในภายหลังได้ออกรุ่นใหม่ ๆ มาในช่วงเดียวกับ Windows สาหรับใช้ในบ้านแต่ละรุ่น
 Windows 95
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 1995 ยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่ประสบความสาเร็จอย่างต่อเนื่อง
โดย Windows 95 รองรับสีแบบ 32 บิต และรองรับ Multitasking อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งฟีเจอร์ต่าง ๆ
ที่ถูกพัฒนาขึัันมา รวมทั้งการนาเสนอปุ่ม Start และ Taskbar เป็นครั้งแรก

6. 6
 Windows 98
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1998 เป็นรุ่นที่พัฒนามีให้เหมาะกับการใช้ทางานและใช้เพื่อความ
บันเทิงในบ้าน อินเทอร์เฟซคล้ายกับ Windows 95 แต่มีสีสันมากกว่าเดิม พร้อมกับการมาครั้งแรกของแถบ
Quick Launch สาหรับเปิดโปรแกรมอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิด Start Menu

7. 7
 Windows 2000 Professional
วางจาหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2000 เป็นรุ่นที่พัฒนามาด้วยโค้ดเคอร์เนลเดียวกับ Windows
ตระกูล NT ออกแบบมาเพื่อใช้ในกลุ่มองค์กรหรือธุรกิจ มีการพัฒนาให้รองรับระบบเครือข่ายและมีความ
เสถียรมากยิ่งขึ้น

8. 8
 Windows Me
วางจาหน่ายเมื่อเดือนกันยายน 2000 ตัวย่อ ME ย่อมาจาก Millennium Edition เป็น Windows
สาหรับใช้งานภายในบ้านรุ่นสุดท้ายที่จะใช้โค้ดเคอร์เนลแบบเดียวกับ Windows 95 และ 98 ในการพัฒนา มี
การพัฒนาให้รองรับสื่อบันเทิงต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่า Windows 98

9. 9
 Windows XP
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2001 เป็น Windows รุ่นที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดและประสบ
ความสาเร็จมากที่สุด เนื่องจากอินเทอร์เฟซที่ถูกพัฒนาให้สวยงามกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างก้าวกระโดด ปุ่ม Start
สีเขียว Taskbar สีฟ้าสดใส พร้อมทั้งระบบที่มีความเสถียรและปลอดภัย สามารถอัพเดทตัวเองได้ มีโปรแกรม
รองรับมาก โดย Windows XP เป็นรุ่นที่แรกใช้โค้ดเคอร์เนลตระกูล NT พัฒนาออกมาทั้งรุ่น Home Edition
สาหรับใช้ในบ้าน และ Professional สาหรับใช้ในธุรกิจ และออกเวอร์ชั่น 64 บิต ตามมาในปี 2005

10. 10
Windows Vista
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2007 อินเทอร์เฟซที่ถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยเน้นไปที่หน้าต่าง
แบบกึ่งโปร่งใส มองเห็นทะลุได้ ดูคล้ายกระจก ปุ่ม Start ถูกเป็นเปลี่ยนลูกแก้วโลโก้ Windows พร้อมทั้งเพิ่ม
ประสิทธิภาพด้านรักษาความปลอดภัยมากกว่าเดิมแต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับ Windows XP

11. 11
 Windows 7
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2009 ยังคงใช้อินเทอร์เฟซแบบกึ่งโปร่งใสคล้ายกับ Windows Vista
รองรับการใช้งานแบบระบบสัมผัสหน้าจอ พร้อมทั้งการมาของ Taskbar รูปแบบใหม่ที่แสดงเป็นไอคอน
โปรแกรมขนาดใหญ่กว่าเดิม สามารถปักหมุดโปรแกรมที่ใช้เป็นประจาไว้บน Taskbar ได้ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่
ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และทาให้ผู้ใช้ Windows XP หลายคนตัดสินใจที่จะอัพเกรดมาใช้ Windows 7

12. 12
 Windows 8
วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2012 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อินเทอร์เฟซถูกเปลี่ยน
ให้เป็นแบบเรียบสไตล์ Metro ปุ่ม Start และ Start Menu หายไป แทนที่ด้วย Start Screen แบบเต็มจอ การ
ใช้งานถูกแบ่งออกเป็นโหมด Desktop ปกติเหมือน Windows รุ่นก่อน ๆ กับโหมด Metro สาหรับใช้งาน
แอพพลิเคชั่นบน Windows Store แบบเต็มจอ รองรับการใช้งานระบบสัมผัสเต็มรูปแบบ มีผู้ใช้จานวนหนึ่งที่
ไม่ค่อยถูกใจกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและเลือกที่จะใช้ Windows 7 ต่อไป โดยในปี 2013 ไมโครซอฟท์ได้
ออก Windows 8.1 ที่นาปุ่ม Start กลับมา พร้อมทั้งปรับปรุงระบบอีกเล็กน้อย

13. 13
Windows10
เปิดตัวเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2014 เป็น Windows รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทางไมโครซอฟท์ได้ข้ามชื่อ Windows
9 ไป สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
อินเทอร์เฟซโดยรวมคล้ายกับ Windows 8 แต่โปรแกรมและแอพฯ ต่าง ๆ สามารถใช้งานได้ทั้งโหมด Desktop
และโหมด Tablet ไม่แยกออกจากกันเหมือน Windows 8 อีกแล้ว พร้อมทั้งการกลับมาของ Start Menu
สาหรับการใช้งานแบบโหมดDesktopโดยจะวางจาหน่ายในปี2015
เป็นอย่างไรกันบ้างสาหรับ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีใครเกิดทันใช้รุ่นไหนกันบ้าง
ไหมเอ่ย แต่นอกเหนือจาก Windows รุ่นที่กล่าวถึงแล้วนี้ ยังมี Windows รุ่นอื่น ๆ อีกมากมายที่หลายคนอาจ
ไม่รู้จัก โดยส่วนใหญ่จะเป็น Windows ตระกูล NT และ Server อีกหลายรุ่น สาหรับใช้งานในระบบเครือข่าย
ขององค์กรต่าง ๆ

14. 14
บทที่ 3
วิธีดำเนินงำนโครงงำน
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ผู้จัดทาโครงงานมีวิธีดาเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในกำรพัฒนำ
 เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ โน๊ตบุ๊ค พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
 โปรแกรม Adobe Photoshop CS6
 โปรแกรม Macromedia Author ware 7.0
 โปรแกรม Microsoft PowerPoint 2013
3.2 ขั้นตอนกำรดำเนินงำน
 คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือ เรื่อง ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่น
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ว่ามีเนื้อหามากน้อยเพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และ
เก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทาเนื้อหาต่อไป
 รวบรวบรายละเอียดและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่ทา
 จัดทาโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษา
 ปฏิบัติการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์
 จัดทาเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ โดยนาเสนอในรูปแบบไฟล์เอกสาร
 ประเมินผลงาน

15. 15
บทที่ 4
ผลกำรทดลอง
ผู้จัดทาได้จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึปัจจุบัน
ด้วย โปรแกรม Macromedia Author ware 7.0 นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ เรียนรู้วิธีการใช้งานโปรแกรม
Macromedia Author ware 7.0 และค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับ“ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละ
รุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน” เพื่อให้ผู้จัดทาโครงงานสามารถ นามาสู่การประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของ
ตนเองมากยิงขึ้น ตลอดจนสามารถเผยแพร่ ให้กับอาจารย์ เพื่อน และผู้สนใจทั่วไป ซึ่งมีผลการดาเนินงาน
โครงงานดังนี้ ผู้จัดทาได้เริ่มดาเนินงานตามขั้นตอนการดาเนินงานที่เสนอในบทที่ 3 แล้ว การจัดทาโครงงาน
คอมพิวเตอร์ เรื่อง ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นี้ มีวัตถุประสงค์สร้างความรู้
และความเข้าใจให้มากขึ้นกับผู้ที่สนใจและเพื่อให้ผู้จัดทาโครงงานสามารถนามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้
ของตนเองมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้สนใจทั่วไปและทาการ
ทดลองใช้งานกับผู้ทดลองใช้จานวน 30 คน และทาการสารวจโดยปรากฏผลการทดลองดังตารางต่อไปนี้
ซึ่งมีผลการดาเนินงานโครงงานแบ่งเป็นหัวข้อหลักๆ ดังนี้
4.1 ตำรำงแสดงควำมพึงพอใจของผลกำรพัฒนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ข้อ รำยกำรประเมิน
จำนวน
(คน)
ค่ำเฉลี่ย
ระดับควำม
พึงพอใจ
1 มีรูปแบบที่น่าสนใจ 30 4.76 มากที่สุด
2 มีความสะดวกสบาย ในการใช้งาน 30 4.35 มากที่สุด
3 เนื้อหา กระชับ เข้าใจง่าย 30 3.95 มาก
4 มีความคิดสร้างสรรค์ สวยงาม 30 4.29 มากที่สุด
5 จัดองค์ประกอบของเนื้อหา และรูปภาพ ได้เหมาะสม 30 3.75 มาก
รวม 30 4.22 มากที่สุด

16. 16
ภำพที่ 1 แผนภูมิแสดงค่ำเฉลี่ยควำมพึงพอใจของกำรพัฒนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
จากตารางแสดงผลความพึงพอใจของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และแผนภูมิแสดงค่าเฉลี่ย
ความพึงพอใจของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอน พบว่า มีรูปแบบที่น่าสนใจ เป็นเอกลักษณ์ มีค่าเฉลี่ย 4.76
มีความสะดวกสบาย ในการใช้งาน มีค่าเฉลี่ย 4.เนื้อหา กระชับ เข้าใจง่าย มีค่าเฉลี่ย 3.95 มีความคิดสร้างสรรค์
สวยงาม มีค่าเฉลี่ย 4.29 มีรูปแบบทันสมัย และมีคุณภาพ มีค่าเฉลี่ย 3.75 จัดองค์ประกอบของเนื้อหา และ
รูปภาพ ได้เหมาะสม มีค่าเฉลี่ยรวม 3.75 ตามลาดับ
4.76
4.35
3.95
4.29
3.75
0
0.5
1
1.5
2
2.5
3
3.5
4
4.5
5
ค่ำเฉลี่ยควำมพึงพอใจของกำรพัฒนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

17. 17
4.2 กำรนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
แผนภูมิที่ 1 ค่ำเฉลี่ยควำมพึงพอใจของนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
จากตารางแสดงความพึงพอใจของผลการพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และแผนภูมิแสดงค่าเฉลี่ย
ความพึงพอใจของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ใช้พบว่า นาความรู้ไปใช้งานได้จริง มีค่าเฉลี่ย 4.26 ช่วยให้
ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้ง่ายขึ้น มีค่าเฉลี่ย 4.21 สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งครูและผู้เรียน มีค่าเฉลี่ย
3.49 เนื้อหาครอบคลุม อ่านง่าย เข้าใจง่าย มีค่าเฉลี่ย 4.69 ประสิทธิภาพในการใช้งานโดยรวม มีค่าเฉลี่ย 4.00
มีค่าเฉลี่ยรวม 4.21 ตามลาดับ
4.26 4.21
3.49
4.69
0
0.5
1
1.5
2
2.5
3
3.5
4
4.5
5
ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน
ข้อ รำยกำรประเมิน
จำนวน
(คน)
ค่ำเฉลี่ย
ระดับควำม
พึงพอใจ
1 นาความรู้ไปใช้งานได้จริง 30 4.26 มากที่สุด
2 ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้ง่ายขึ้น 30 4.21 มากที่สุด
3 สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งครูและผู้เรียน 30 3.49 มาก
4 เนื้อหาครอบคลุม อ่านง่าย เข้าใจง่าย 30 3.89 มาก
5 ประสิทธิภาพในการใช้งานโดยรวม 30 4.69 มาก
รวม 30 4.21 มากที่สุด

18. 18
บทที่ 5
สรุปและวิจำรณ์ผล
การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นี้
สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดังนี้
5.1 ผลกำรทดลอง
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นโครงงาน
ประเภทโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาได้แก่ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน(CAI) คือกระบวนการเรียนการสอน โดย
ใช้สื่อคอมพิวเตอร์ ในการนาเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียน
แบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) คือสามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้ทันที และยังทาให้เกิดการ
เข้าใจและการเรียนรู้ด้วยตัวเองตามความต้องการผู้ใช้งานและเพื่อทาให้ทราบถึงระบบปฎิบัติวินโดวส์ที่ใช้กัน
อย่างยาวนาน มากยิ่งขึ้น และทาการทดลองคอมพิวเตอร์ช่วยสอน(CAI) และทาการทดลองใช้งานกับ ผู้ทดลอง
ใช้จานวน 30 คน และทาการสารวจโดยปรากฏผลการทดลองดังต่อไปนี้
จากตารางแสดงผลความพึงพอใจค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และ
แผนภูมิแสดงค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของผู้ที่ทดลองใช้เครื่องหั่นซอยผักพื้นบ้าน พบว่า มีรูปแบบที่น่าสนใจ เป็น
เอกลักษณ์ มีค่าเฉลี่ย 4.76 มีความสะดวกสบาย ในการใช้งาน มีค่าเฉลี่ย 4.35 เนื้อหา กระชับ เข้าใจง่ายมี
ค่าเฉลี่ย 3.95 มีความคิดสร้างสรรค์ สวยงาม มีค่าเฉลี่ย 4.29 มีรูปแบบทันสมัย และมีคุณภาพ มีค่าเฉลี่ย 3.75
จัดองค์ประกอบของเนื้อหา และรูปภาพ ได้เหมาะสมมีค่าเฉลี่ยรวม 3.75 ตามลาดับ
5.2 วิจำรณ์ผล
จากการที่ผู้จัดทาได้จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีต
ถึงปัจจุบันและได้ทาการสารวจความพึงพอใจของผู้ที่ได้ทดลองใช้จานวน 30 คน ผลที่ได้มีดังนี้
จากตาราง แสดงผลความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้คอมพิวเตอร์สอน พบว่า มีรูปแบบที่น่าสนใจ เป็น
เอกลักษณ์ มีค่าเฉลี่ย 4.76 มีความสะดวกสบาย ในการใช้งาน มีค่าเฉลี่ย 4.เนื้อหา กระชับ เข้าใจง่าย มี
ค่าเฉลี่ย 3.95 มีความคิดสร้างสรรค์ สวยงาม มีค่าเฉลี่ย 4.29 มีรูปแบบทันสมัย และมีคุณภาพ มีค่าเฉลี่ย 3.75
จัดองค์ประกอบของเนื้อหา และรูปภาพ ได้เหมาะสม มีค่าเฉลี่ยรวม 3.75 ตามลาดับ
ซึ่งหมายความว่า มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้เนื่องมาจากสื่อการเรียนรู้ ดังกล่าวมี
ความน่าสนใจ และมีความคิดสร้าง รู้จักใช้โปรแกรมต่างๆมาพัฒนาเพื่อให้เกิดเป็นสื่อการเรียนรู้ ที่สามารถใช้
งานได้จริง จึงเป็นสื่อการเรียนรู้ ที่มีความน่าสนใจ และน่าใช้งานเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้ที่ทดลองใช้งานจึงให้
ความสนใจสื่อการเรียนรู้

19. 19
5.2 อุปสรรคในกำรทำงำน
1.การทางานจะต้องมีการวางแผน หากไม่มีการวางแผน งานก็จะไม่เสร็จตามระยะเวลาที่
กาหนด
2. .การทางานจะต้องใจเย็น สุขุมและรอบครอบ เพื่อนให้งานมีจุดผิดพลาดน้อยที่สุด
3.ความพร้อมเพรียงในการทางาน จะต้องมีการพร้อมเพรียงทั้งในด้านวัสดุอุปกรณ์ และผู้
ประดิษฐ์จะต้องมีความรู้ความชานาญทางขั้นตอนการประดิษฐ์ เนื่องจากไม่มีความรู้และความชานาญ
จึงต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาให้เข้าใจก่อนทาการประดิษฐ์ชิ้นงานขึ้น
5.3 ข้อเสนอแนะ
 ตรวจสอบการจัดหน้ากระดาษและเนื้อหาให้รอบคอบ
 อาจทาเกมหรือแอมิเมชั่น เพื่อสร้างความสุขสนานแก่ให้ผู้งานมากขึ้น
อาจทาชิ้นงานให้มากกว่านี้หรือเข้าถึงง่ายมาขึ้นกว่านี้ เช่น การใช้ Blogger หรือ
Google site เป็นต้น

20. 20
บรรณำนุกรม
Kapook. 2558. ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน.(ออนไลน์). แหล่งที่มา
http://www.kotler.co.th/knowledge002.htm 26 กันยายน 2558

21. 21
ภำคผนวก

22. 22
แบบประเมินควำมพึงพอใจ
โครงงำนคอมพิวเตอร์ เรื่อง “ย้อนรอยประวัติ Windows แต่ละรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน”
คำชี้แจ้ง แบบสอบถามแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ให้ท่านใส่เครื่องหมาย ( ) ลงในช่องที่ตรงกับข้อมูลของท่าน
ผู้ประเมิน
 ครู  นักเรียน  อื่นๆ(โปรดระบุ)……………………….
เพศ
 ชาย  หญิง
ระดับกำรศึกษำ
 มัธยมศึกษาปีที่ 3  มัธยมศึกษาปีที่ 6  อื่นๆ (โปรดระบุ).............................
ส่วนที่ 2 ความรู้ ความเข้าใจ ของนักศึกษาที่มีต่อการเข้าร่วมโครงงาน
โปรดตอบโดยใส่เครื่องหมาย  ลงในช่องขวามือให้ตรงกับความคิดเห็นของท่าน
หัวข้อการประเมิน
ระดับความพึงพอใจ
1 2 3 4 5
1.คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
1.1 มีรูปแบบที่น่าสนใจ ใช้งานง่าย
1.2 มีเนื้อหาครบถ้วน น่าสนใจ
1.3 เนื้อหา กระชับ เข้าใจง่าย
1.4 มีความคิดสร้างสร้าง สวยงาม
1.5 จัดองค์ประกอบของเนื้อหา และรูปภาพ ได้เหมาะสม
2. กำรนำไปประยุกต์ใช้ชีวิตประจำวัน
2.1 นาความรู้ไปใช้งานได้จริง
2.2 ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้ง่ายขึ้น
2.3 สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งครูและผู้เรียน
2.4 เนื้อหาครอบคลุม อ่านง่าย เข้าใจง่าย
2.5 ประสิทธิภาพในการใช้งานโดยรวม

23. 23
ส่วนที่3 ข้อเสนอแนะ
........................................................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................................................................
ระดับควำมพึงพอใจ
1 = น้อยมาก 2 = น้อย 3 = ปานกลาง 4 = มาก 5 = มากที่สุด