More Related Content
Similar to นาย จักรพันธ์ รวบรัด เลขที่ 4 ห้อง 2/2 งานของอาจารย์สุวิชา ปัญญาไข พาวเวอร์พ้อย
Similar to นาย จักรพันธ์ รวบรัด เลขที่ 4 ห้อง 2/2 งานของอาจารย์สุวิชา ปัญญาไข พาวเวอร์พ้อย (20)
นาย จักรพันธ์ รวบรัด เลขที่ 4 ห้อง 2/2 งานของอาจารย์สุวิชา ปัญญาไข พาวเวอร์พ้อย
- 2. เทคโนโลยี่สารสนเทศมีความสา คัญต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น
1. การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษาแหล่งข้อมูล ทา ให้การศึกษาง่ายขึ้นและ
ไร้ขีดจา กัด ผู้เรียนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจัย
2. การดา รงชีวิตประจา วัน ทา ให้มีความสะดวกคล่องตัวและรวดเร็วในการทา กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ใน
ชีวิตประจา วัน สามารถทา งานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้หรือทา งานใช้เวลาน้อยลง
3. การดา เนินธุรกิจ ทา ให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น ทา ให้ต้องมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทันกับข้อมูล
ข่าวสารอยตู่ลอดเวลา อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเน่อืง
4. อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพมิ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีการติดต่อสื่อสารที่เจริญก้าวหน้า
ทันสมัย รวดเร็ว
ถูกต้องและทา ให้เป็นโลกที่ไร้พรมแดน
5. ระบบการทา งานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทา งานได้มากขึ้น งานบางอย่างมนุษย์ทา ไม่ได้ก็ใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยทา งานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ว
- 4. 1. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่
1. ฮาร์ดแวร์Hardware
2. ซอฟต์แวร์ Software
3. ข้อมูล Data
4. บุคลากร People
2. โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบและ
ผู้ใช้งาน Programmer,System Analyst และ User
เป็นบุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในงานคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์มีหน้าที่เขียน
โปรแกรมตามที่นักวิเคราะห์ได้ออกแบบไว้ส่วนผู้ใช้จะเป็นกล่มุที่มีอิทธิพลต่อทิศทาง
ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มากที่สุด
- 5. 3. หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยแสดงผลและหน่วยเก็บข้อมูล
หน่วยรับข้อมูล ทา หน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่
คอมพิวเตอร์
หน่วยประมวลผล ทา หน้าที่ประมวลผลและควบคุมการ
ทา งานของระบบคอมพิวเตอร์ทัง้หมด
หน่วยแสดงผล ทา หน้าที่แสดงผลลัพธ์จากการ
ประมวลผลข้อมูล
หน่วยเก็บข้อมูล ทา หน้าที่เก็บข้อมูลที่รอการ
ประมวลผล และเก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลในระหว่างที่รอส่งไปยังหน่วย
แสดงผล
4. การจัดการข้อมูล ซึ่งหมายถึงแฟ้มข้อมูล
5. การประมวลผล ประกอบด้วย 3 ขัน้ตอน
1. การรวมบรวมข้อมูล
2. การประมวลผล
3. การดูแลรักษา
- 6. 1. เทคโนโลยีระบบสารสนเทศ เป็นระบบการจัดการสารสนเทศที่ทา หน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการบันทึก การแก้ไข การทา
รายงาน งานบัญชี งานลงทะเบียน ระบบสารสนเทศจะช่วยให้องค์กรมีความสะดวกรวดเร็วในการทา งานและยังช่วยเป็น
ข้อมูลในการตัดสินใจด้วย
2. เทคโนโลยีระบบเครือข่าย เป็นระบบเทคโนโลยีที่นิยมใช้กันมากในปัจ
จุบัน มีประโยชน์ ดังนี้
1. สามารถติดต่อถึงกันได้ด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)
2. จัดเก็บข้อมูลไว้รวมในที่เดียวกัน ผู้อยหู่่างไกลก็สามารถดึงข้อมูลนั้นไปใช้ได้อย่างรวดเร็วไม่
ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
3. องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณด้านอุปกรณ์เพราะระบบเครื่อข่ายสามารถใช้อุปกรณ์
ร่วมกันได้
4. สามารถทางานร่วมกันได้หรือทางานโดยใช้เอกสารชุดเดียวกัน
3. เทคโนโลยีสา นักงานอัตโนมัติเป็นระบบการทา งานที่ใช้ระบบการเืืชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
สานักงาน ซึ่งมีผลทาให้1. พนักงานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E - mail)
2. สามารถบันทึกแฟ้มเอกสารหรืองานพิมพ์เก็บไว้และสามารถนามาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
ง่าย
3. การออกแบบงานต่าง ๆ ทาได้ง่ายสะดวกรวดเร็วและใช้งานได้ง่าย
4. มีระบบฝากข้อความเสียง (Voice Mail)
5. การประชุมทางไกล (Vedio Teleconference)
4. เทคโนโลยีช่วยสอน CAI ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โรงเรียนและสถานศึกษาก็เรมิ่มีการพัฒนา
โปรแกรมบทเรียนสา เร็จรูปขึ้นมาใช้และมีผลดีกับนักเรียนที่จะได้สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยและมีความน่าสนใจมากขึ้น
- 7. 1. การนามาประยุกต์ใช้งาน จะต้องคา นึงถึงผลที่จะได้รับและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ตามมาด้วย
2. การวางแผนที่ดีเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะสมกับ
งานและเพื่อประโยชน์สูงสุดที่ควรจะได้รับ
3. มาตรฐานการใช้งาน ควรจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่ปล่อยปละ
ละเลยหรือใช้ในทางที่ผิด
4. การลงทุน ควรคา นึงถึงงบประมาณและผลประโยชน์ที่ได้รับ
ด้วย หากประโยชน์ที่ได้ไม่ค้มุค่าแกก่ารลงทุนก็ควรที่จะปรับแผนการเสียใหม่
5. การจัดการข้อมูล ต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลซ้า ซ้อน ควรมีการ
แบ่งปัน
ข้อมูลเพื่อให้การทา งานร่วมกันมีการติดต่อสร้างความสัมพันธ์กัน
6. การรักษาความปลอดภัยของระบบ การใช้เทคโนโลยีร่วมกัน ต้อง
มีการดูแลให้สิทธิแก่ผู้ใช้ภายในขอบเขตของแต่ละคน
- 8. 1. ช่วยให้ติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวกรวดเร็ว โดยใช้โทรศัพท์คอมพิวเตอร์
หรือในรูปของ สงิ่พิมพ์ต่าง ๆ
2. ช่วยในการจัดระบบข่าวสารจา นวนมหาศาล ซึ่งผลิตออกมาในแต่ละวัน
3. ช่วยให้เก็บสารนิเทศไว้ในรูปที่สามารถเรียกใช้ได้ครัง้แล้วครัง้เล่าอย่าง
สะดวก
4. ช่วยเพมิ่ประสิทธิภาพการผลิตสารนิเทศ เช่น ช่วยนักวิทยาศาสตร์
วิศวกร ด้วยการช่วยคา นวณตัวเลขที่ยุ่งยาก ซับซ้อนซึ่งไม่สามารถทา ให้สา เร็จได้ด้วย
มือ
- 9. 1. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นการนาเอาคาอธิบายบทเรียนมาบรรจุไว้ในคอมพิวเตอร์ แล้วนา
บทเรียนนั้นมาแสดงแก่ผู้เรียน เมื่อผู้เรียนอ่านคา อธิบายนั้นแล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะทดสอบความเข้าใจ
ว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ต้องมีวิธีการอธิบายเนื้อหาเพมิ่เติมให้เข้าใจมากขึ้น แล้วถามซ้า อีก
ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาถึงระดับใช้สื่อประสม และใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้การเรียนการสอนบรรลุผล
สัมฤทธิม์ากขึ้น
2. การศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการจัดการศึกษาทางไกลมีหลายแบบ ตัง้แต่แบบ
ง่าย ๆ เช่น การใช้วิทยุ โทรทัศน์ ออกอากาศให้ผู้เรียนศึกษาเอง ตามเวลาที่ออกอากาศ ไปจนถึงการ
ใช้ระบบแพร่ภาพผ่านดาวเทียม หรือการประยุกต์ใช้ระบบประชุมทางไกล โดยให้ผู้สอน และผู้เรียน
สามารถสื่อสารกันได้ทันทีเพื่อสอบถามข้อสงสัยหรืออธิบายคา สอนเพมิ่เติม
3. เครือข่ายการศึกษา เป็นการจัดทา เครือข่ายการศึกษา เพื่อให้ครู อาจารย์ และนักเรียน นักศึกษามี
โอกาสใช้เครือข่ายเพื่อเสาะแสวงหาความรู้ที่มีอยู่อย่างมากมายในโลก และใช้บริการต่าง ๆ ที่เป็น
ประโยชน์ทางการศึกษา เช่น บริการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การเผยแพร่ และค้นหาข้อมูลในระบบ
เวิลด์ไวด์เว็บ ซึ่งในปัจจุบันมีเครือข่ายสคูลเน็ต ที่เนคเทคได้ส่งเสริมให้เกิดขึ้นและมีโรงเรียนเข้าร่วม
โครงการนี้ประมาณ 4.393 โรงเรียน และยังมีเครือข่ายกาญจนาภิเษกที่จัดทา ขึ้น เพื่อเป็นการกระจาย
ความรู้ให้กับประชาชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าใช้สารสนเทศแต่อย่างใด
- 10. 4. การใช้งานในห้องสมุด ในปัจจุบันห้องสมุดมหาวิทยาลัยของรัฐ และเอกชนเกือบทุกแห่ง ได้
นาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดา เนินงาน นอกจากน้ยีังส่งเสริมให้มีการร่วมมือใน
การให้บริการในลักษณะเครือข่าย การนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ในห้องสมุด ทาให้
ผู้ใช้ได้รับความสะดวก
มากขึ้น เช่น บริการยืมคืน การค้นหาหนังสือ วารสารสงิ่พิมพ์ต่าง ๆ ที่ต้องการได้อย่างสะดวก
และรวดเร็ว
5. การใช้งานในห้องปฏิบัติการ มีการนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการทา งานใน
ห้องปฏิบัติการ ร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น การจา ลองแบบ การออกแบบวงจรไฟฟ้า การ
ควบคุม การทดลอง ซึ่งอุปกรณ์ที่ทันสมัยในปัจจุบัน ต่างผนวกความสามารถของเทคโนโลยี
สารสนเทศเข้าไปด้วยแทบทัง้สิ้น
6. การใช้ในงานประจา และงานบริการ เช่น การจัดทา ทะเบียนประวัติของนักเรียนนักศึกษา
การเลือกเรียน การลงทะเบียนเรียน การแสดงผลสัมฤทธิท์างการเรียน การแนะแนวอาชีพ
และศึกษาต่อ ข้อมูลผู้ปกครองหรือข้อมูลครู ซึ่งการมีข้อมูลดังกล่าว ทา ให้ครูอาจารย์สามารถ
ติดตาม และดูแลนักเรียนได้อย่างดี รวมทัง้ครูอาจารย์สามารถพัฒนาตนเองได้สูงขึ้น
- 11. 1. เพื่อการสอนแบบตัวต่อตัว
2. เพื่อฝึกทักษะต่าง ๆ ในการเรียน
3. เพื่อการสาธิต
4. เพื่อการเล่นเกมและสถานการณ์จา ลอง
5. เพื่อสอนงานด้านการเขียน
6. เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอน
7. เพื่อช่วยผู้เรียนที่มีปัญ
หาเฉพาะตัว
- 12. คอมพิวเตอร์มีบทบาทอย่างสูงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข คอมพิวเตอร์เป็น
เครื่องมือที่ช่วยอา นวย ความสะดวก อย่างยงิ่ในด้านการแพทย์ เรมิ่ตั้งแต่การ
รักษาพยาบาล ทัว่ ๆไป โรงพยาบาลบางแห่งใช้คอมพิวเตอร์ ในการทา ทะเบียนคนไข้
ตลอดจนการวินิจฉัย และรักษาโรคต่าง ๆ จากการใช้ประโยชน์ของสารนิเทศที่ได้
จากเครื่องคอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการแพทย์และสาธารณสขุอาจ
เกี่ยวข้องในด้านต่อไปนี้ คือ ด้านการ รักษาพยาบาลทัว่ไป ด้านการบริหารการแพทย์
ด้านห้องทดลอง ด้านตรวจวินิจฉัยโรค และด้านการศึกษา และวิจัยทางการแพทย์ การ
ใช้ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ด้านการแพทย์และ สาธารณสุขที่สาคัญในปัจ
จุบันคือ ด้าน
วินิจฉัยโรคและด้านการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์นักวิทยาศาสตร์การแพทย์
สามารถค้นคว้าข้อมูลทาง การแพทย์เพมิ่เติมได้ตลอดเวลา เป็นการพัฒนา
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และการสาธารณสุข
- 13. การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ทางด้านวิทยาศาสตร์มีมาก ในสถาบันการศึกษา
ตลอดจนสถาบันวิจัยต่าง ๆ มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการวิจัยทดลองทางด้าน
วิทยาศาสตร์เช่น การวิจัยในทางนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ซึ่งเป็นวิชาว่าด้วยส่วนประกอบที่
เล็กที่สุดของสสาร การค้นคว้าทดลองทางวิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆ ทา ให้เกิดการ
พัฒนาประเทศอย่างไม่หยุดยัง้ เช่น ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์มีการใช้คอมพิวเตอร์ ให้
มีส่วนร่วมต่อการออกแบบโครงสร้าง ทางวิศวกรรมที่ยุ่งยากสลับซับซ้อน ทา ให้มีส่วน
ช่วยต่อการออกแบบ ทางด้านวิศวกรรมและ สถาปัตยกรรมได้อย่างไม่มีขอบเขตจากัด
บทบาทของคอมพิวเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์จึงมี ประโยชน์ต่อการพัฒนาข้อมูล
สารนิเทศอย่างไม่หยุดยัง้
- 14. จากการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลสารนิเทศโดยระบบโทรคมนาคมคอมพิวเตอร์มี
บทบาทอย่างสูง ต่อการให้บริการข้อมูลอย่างไม่มีขอบเขตจากัด ผู้ใช้สารนิเทศ
สามารถเรียกค้นข้อมูลจากผู้ให้บริการ สารนิเทศตัง้แต่เรื่องทัว่ ๆไปจนกระทัง่ขอค้น
รายละเอียดจากหนังสือสารานุกรมได้ และภายในบ้านเรือน คอมพิวเตอร์มีบทบาท
ต่อการใช้ของสมาชิกภายในครอบครัวทุกคนภายในบ้าน มีโอกาสได้เล่นเกมวีดิทัศน์
ด้วยความบันเทิงสนุกสนาน และ ศึกษาความรู้จากบทเรียนสา เร็จรูป