1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน รูปแบบตารางจัดเวลาการบ้าน( A homework schedule )
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นาย สุกฤษฎิ์ รูปสูง เลขที่ 9 ชั้น ม.6 ห้อง 8
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1 นาย สุกฤษฎิ์ รูปสูง เลขที่ 9
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
รูปแบบตารางจัดเวลาการบ้าน
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
A homework schedule
ประเภทโครงงาน โครงงานคอมพิวเตอร์(เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย สุกฤษฎิ์ รูปสูง
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 10 เดือน
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
การเรียนนั่นถือได้ว่าเป็นสิ่งจาเป็นมากในการเรียนรู้ เพราะผู้เรียนนั่นต้องฝึกฝนวิชา ทักษะ ต่างๆอย่าง
สม่าเสมอและการให้การบ้านก็เหมือนเป็นการให้แบบฝึกหัดทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ทาให้เราเกิดทักษะมากขึ้น ทาให้
ได้ประสบการณ์ในหลายๆวิธี เพื่อให้นาทักษะนั่นๆมาประยุกต์ใช้ได้จริง แต่ในหลายๆครั้งที่ผู้จัดทาได้ประสบปัญหามา
ก็คือ การบ้านที่เกิดการทบถมกันอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งการละเลยที่จะทาตั้งแต่แรก หรือ การที่ครูสั่งการบ้านมา
ชนกันในเวลาที่จากัดนี้ซึ้งก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด ระดับคะแนนที่
น้อย ผู้จัดทาจึงอยากที่จะแก้ปัญหาการทาการบ้านให้ได้ตรงเวลาและสามารถมีเวลาไปพักผ่อน ดูแลสุขภาพของ
นักเรียน ได้ไปทาสิ่งอื่นนอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน ผู้จัดทาจึงได้จัดทา โครงงาน รูปแบบตารางจัดเวลา
การบ้านเพื่อที่จะบริหารการบ้านนักเรียนให้สมดุล เกิดปรระสิทธิภาพในการเรียนการสอนแก่นักเรียนและคุณครู
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อออกแบบรูปแบบตารางเวลาที่สามารถจัดสรรเวลาในการทาการบ้านและกิจกรรมอื่นๆ
2. เพื่อบริหารเวลาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3. เพื่อการพัฒนาทักษะการทาโครงงาน
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
เป็นโครงงานเพื่อการศึกษาออกแบบตารางเวลาในการบริหารเวลาในการทาการบ้านของนักเรียนในในแต่ละ
วัน
3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
การบ้าน ความหมาย การบ้าน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช2542 หมายถึง งานที่
ครูให้กาหนดให้นักเรียนไปทาที่บ้าน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546:115)
 ข้อดีของการทาการบ้าน ทาให้เราได้ฝึกฝนเพิ่มเติมนอกจากชั้นเรียนและทาให้เรียนอย่างมีความรู้และความ
ชานาญในบทเรียนมากขึ้น ดังนั้น ประโยชน์ของการให้การบ้านคือ
1. เด็กได้ฝึกปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาและทักษะตามจุดหมายของการเรียน
2. เด็กได้พัฒนาความคิดมากยิ่งขึ้น เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์
3. หากเป็นงานกลุ่มจะทาให้เด็กมีทักษะในการเข้าสังคม
4.ทาให้ครูได้ทราบถึงความก้าวหน้าในการเรียนของเด็ก
 เวลาที่ดีที่สุดในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ดร.ไมเคิล บรูส ระบุว่าช่วงเวลาของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ของคนเราจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่ออยู่ใน
ช่วงเวลา 10.00-14.00 น. และ 16.00-22.00 น. เนื่องจากสมองจะอยู่ในช่วงที่พร้อมเปิดรับสิ่งต่างๆ มากที่สุด
ขณะที่ช่วงเวลาที่ไม่ควรจะเรียนรู้ หรือขวนขวายอะไรให้เข้ามาในสมองคือช่วง 04.00-07.00 น. เนื่องจาก
เป็นเวลาแห่งการนอนหลับพักผ่อน
 เวลาที่ดีที่สุดในการระดมความคิด
ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยมากในเวลาที่เราต้องการมากที่สุด นั่นก็คือช่วงเวลา
11.00-15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาทางานตามปกติของคนทั่วไป
แต่ดร.บรูส กลับพบว่าช่วงเวลาที่ความคิดสร้างสรรค์จะทางานได้ดีที่สุดกลับเป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มรู้สึกเหนื่อย
ล้า และสมองเริ่มฟุ้งซ่าน เพราะสมองด้านซ้ายและด้านขวาจะเชื่อมต่อกันและกระตุ้นความคิดใหม่ๆ นั่นอาจหมายถึง
ช่วงบ่ายๆ ก็เป็นได้
https://thematter.co/thinkers/learning-how-to-learn/56895
4
ความรู้ในความทรงจานั้นเสนอว่าการออกแบบแบ่งการเรียนรู้ออกเป็นช่วงเวลาสั้นๆ มีช่วงเว้นระยะให้เราได้ลืม
บางส่วนที่เพิ่งเรียนไป ยิ่งระลึกใหม่ทุกครั้ง ความทรงจานั้นก็ยิ่งติดแน่นทนนานมากกว่าการพยายามจาข้อมูลมหาศาล
ในรวดเดียวซ้าๆ แล้วมันก็หายไปตลอดกาลหลังสอบเสร็จ ควรที่จะ ฝึกน้อยๆ แต่บ่อยๆ ทาให้ความรู้อยู่ทนนานกว่า
โดยเรียนซ้า 20 ครั้งในคืนเดียว ผลคือความรู้จะไม่ติดทนนานเท่าการค่อยๆ ฝึกไปจานวน 20 ครั้งในช่วงเวลาหลายวัน
ค่อยๆ บรรจุความรู้ลงไป เหมือนค่อยๆ รอให้ปูนแห้งก่อนก่อเข้าไปเพิ่ม ซ้าอย่างมีช่องว่าง โดยแบ่ง session ของการ
เรียนรู้โดยซอยย่อยๆ และมีช่วงเวลาพักว่างอย่างสม่าเสมอ แทนที่เราจะวางแผนการอ่านจบ 3 ชั่วโมงรวด อาจ
แบ่งเป็น อย่างละครึ่งชั่วโมง 6 ครั้ง และพัก 5-10 นาที ทุกๆ ½ – 1 ชั่วโมง นอกจากนี้การเรียนแล้วทดสอบนั้นให้ทา
ให้จดจาดีกว่าการเรียนซ้าสองรอบ การเรียนแบบเว้นระยะ (Spaced) นั้นให้ผลดีกว่าการเรียนแบบเป็นก้อนใหญ่
(Massed) ในการสร้างความทรงจาระยะยาว
https://thematter.co/thinkers/learning-how-to-learn/56895
วิธีการจัดการเวลา 13 ข้อสั้นๆ
1.ควรตั้งนาฬิกาในตาแหน่งที่มองเห็นง่าย
2.จัดลาดับความสาคัญของงานให้ถูก
3.จาเดดไลน์ให้ขึ้นใจ
4. ใช้มือถือในทางที่เป็นประโยชน์
5. หักห้ามใจเรื่องการเล่นโซเชียลมีเดียบ้าง
6. กาหนดแผนงาน To-Do-list ในแต่ละวัน
7. ระหว่างทาการบ้านหรือทางานอะไรก็ตาม พยายามเรียนรู้งานนั้นๆ
8. รู้ขีดความสามารถตัวเองและวางแผนให้เหมาะสม
9. ทางานด้วยความรอบคอบ
10. ออกจากบ้านให้เช้าขึ้น
11. จากัดเวลาหากมีกิจกรรมเพิ่มเติมจากแผนที่วางไว้
12. จัดเก็บเอกสารหรือหนังสือให้เรียบร้อย
13. อย่ามองข้ามเศษเวลา
5
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
ศึกษา เก็บ และรวบรวม ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของโครงงาน นาข้อมูลมาวิเคราะห์ ตีความ
สรุปผลการศึกษา ออกแบบรูปแบบตารางการบริหารเวลาตามข้อสรุปที่ได้ศึกษามา
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
- คอมพิวเตอร์
- กระดาษ ดินสอ
งบประมาณ -
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. สามารถออกแบบตารางการบริหารเวลาในการทาการบ้านได้
2. สามารถช่วยให้บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ได้ความรู้ใหม่ๆในการทาโครงงาน
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียน ยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1. กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
3. กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
4. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
6
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
 http://kraiwit3.blogspot.com/p/blog-page_22.html
 https://thaipublica.org/2013/02/homework-is-important/
 http://tv.bectero.com//kids-news/64271/ตอน-ข้อดีของการบ้าน
 https://health.kapook.com/view112552.html
 https://www.honestdocs.co/getting-better-sleep
 https://themomentum.co/momentum-feature-the-best-times-to-learn-and-create/

Work1 (1)

  • 1.
    1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6 ปีการศึกษา 2561 ชื่อโครงงาน รูปแบบตารางจัดเวลาการบ้าน( A homework schedule ) ชื่อผู้ทาโครงงาน 1 นาย สุกฤษฎิ์ รูปสูง เลขที่ 9 ชั้น ม.6 ห้อง 8 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2.
    2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1 นาย สุกฤษฎิ์รูปสูง เลขที่ 9 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) รูปแบบตารางจัดเวลาการบ้าน ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) A homework schedule ประเภทโครงงาน โครงงานคอมพิวเตอร์(เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย สุกฤษฎิ์ รูปสูง ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน 10 เดือน ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) การเรียนนั่นถือได้ว่าเป็นสิ่งจาเป็นมากในการเรียนรู้ เพราะผู้เรียนนั่นต้องฝึกฝนวิชา ทักษะ ต่างๆอย่าง สม่าเสมอและการให้การบ้านก็เหมือนเป็นการให้แบบฝึกหัดทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ทาให้เราเกิดทักษะมากขึ้น ทาให้ ได้ประสบการณ์ในหลายๆวิธี เพื่อให้นาทักษะนั่นๆมาประยุกต์ใช้ได้จริง แต่ในหลายๆครั้งที่ผู้จัดทาได้ประสบปัญหามา ก็คือ การบ้านที่เกิดการทบถมกันอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งการละเลยที่จะทาตั้งแต่แรก หรือ การที่ครูสั่งการบ้านมา ชนกันในเวลาที่จากัดนี้ซึ้งก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด ระดับคะแนนที่ น้อย ผู้จัดทาจึงอยากที่จะแก้ปัญหาการทาการบ้านให้ได้ตรงเวลาและสามารถมีเวลาไปพักผ่อน ดูแลสุขภาพของ นักเรียน ได้ไปทาสิ่งอื่นนอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน ผู้จัดทาจึงได้จัดทา โครงงาน รูปแบบตารางจัดเวลา การบ้านเพื่อที่จะบริหารการบ้านนักเรียนให้สมดุล เกิดปรระสิทธิภาพในการเรียนการสอนแก่นักเรียนและคุณครู วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1. เพื่อออกแบบรูปแบบตารางเวลาที่สามารถจัดสรรเวลาในการทาการบ้านและกิจกรรมอื่นๆ 2. เพื่อบริหารเวลาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 3. เพื่อการพัฒนาทักษะการทาโครงงาน ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) เป็นโครงงานเพื่อการศึกษาออกแบบตารางเวลาในการบริหารเวลาในการทาการบ้านของนักเรียนในในแต่ละ วัน
  • 3.
    3 หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการหรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) การบ้าน ความหมาย การบ้าน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช2542 หมายถึง งานที่ ครูให้กาหนดให้นักเรียนไปทาที่บ้าน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546:115)  ข้อดีของการทาการบ้าน ทาให้เราได้ฝึกฝนเพิ่มเติมนอกจากชั้นเรียนและทาให้เรียนอย่างมีความรู้และความ ชานาญในบทเรียนมากขึ้น ดังนั้น ประโยชน์ของการให้การบ้านคือ 1. เด็กได้ฝึกปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาและทักษะตามจุดหมายของการเรียน 2. เด็กได้พัฒนาความคิดมากยิ่งขึ้น เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ 3. หากเป็นงานกลุ่มจะทาให้เด็กมีทักษะในการเข้าสังคม 4.ทาให้ครูได้ทราบถึงความก้าวหน้าในการเรียนของเด็ก  เวลาที่ดีที่สุดในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ดร.ไมเคิล บรูส ระบุว่าช่วงเวลาของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ของคนเราจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่ออยู่ใน ช่วงเวลา 10.00-14.00 น. และ 16.00-22.00 น. เนื่องจากสมองจะอยู่ในช่วงที่พร้อมเปิดรับสิ่งต่างๆ มากที่สุด ขณะที่ช่วงเวลาที่ไม่ควรจะเรียนรู้ หรือขวนขวายอะไรให้เข้ามาในสมองคือช่วง 04.00-07.00 น. เนื่องจาก เป็นเวลาแห่งการนอนหลับพักผ่อน  เวลาที่ดีที่สุดในการระดมความคิด ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยมากในเวลาที่เราต้องการมากที่สุด นั่นก็คือช่วงเวลา 11.00-15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาทางานตามปกติของคนทั่วไป แต่ดร.บรูส กลับพบว่าช่วงเวลาที่ความคิดสร้างสรรค์จะทางานได้ดีที่สุดกลับเป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มรู้สึกเหนื่อย ล้า และสมองเริ่มฟุ้งซ่าน เพราะสมองด้านซ้ายและด้านขวาจะเชื่อมต่อกันและกระตุ้นความคิดใหม่ๆ นั่นอาจหมายถึง ช่วงบ่ายๆ ก็เป็นได้ https://thematter.co/thinkers/learning-how-to-learn/56895
  • 4.
    4 ความรู้ในความทรงจานั้นเสนอว่าการออกแบบแบ่งการเรียนรู้ออกเป็นช่วงเวลาสั้นๆ มีช่วงเว้นระยะให้เราได้ลืม บางส่วนที่เพิ่งเรียนไป ยิ่งระลึกใหม่ทุกครั้งความทรงจานั้นก็ยิ่งติดแน่นทนนานมากกว่าการพยายามจาข้อมูลมหาศาล ในรวดเดียวซ้าๆ แล้วมันก็หายไปตลอดกาลหลังสอบเสร็จ ควรที่จะ ฝึกน้อยๆ แต่บ่อยๆ ทาให้ความรู้อยู่ทนนานกว่า โดยเรียนซ้า 20 ครั้งในคืนเดียว ผลคือความรู้จะไม่ติดทนนานเท่าการค่อยๆ ฝึกไปจานวน 20 ครั้งในช่วงเวลาหลายวัน ค่อยๆ บรรจุความรู้ลงไป เหมือนค่อยๆ รอให้ปูนแห้งก่อนก่อเข้าไปเพิ่ม ซ้าอย่างมีช่องว่าง โดยแบ่ง session ของการ เรียนรู้โดยซอยย่อยๆ และมีช่วงเวลาพักว่างอย่างสม่าเสมอ แทนที่เราจะวางแผนการอ่านจบ 3 ชั่วโมงรวด อาจ แบ่งเป็น อย่างละครึ่งชั่วโมง 6 ครั้ง และพัก 5-10 นาที ทุกๆ ½ – 1 ชั่วโมง นอกจากนี้การเรียนแล้วทดสอบนั้นให้ทา ให้จดจาดีกว่าการเรียนซ้าสองรอบ การเรียนแบบเว้นระยะ (Spaced) นั้นให้ผลดีกว่าการเรียนแบบเป็นก้อนใหญ่ (Massed) ในการสร้างความทรงจาระยะยาว https://thematter.co/thinkers/learning-how-to-learn/56895 วิธีการจัดการเวลา 13 ข้อสั้นๆ 1.ควรตั้งนาฬิกาในตาแหน่งที่มองเห็นง่าย 2.จัดลาดับความสาคัญของงานให้ถูก 3.จาเดดไลน์ให้ขึ้นใจ 4. ใช้มือถือในทางที่เป็นประโยชน์ 5. หักห้ามใจเรื่องการเล่นโซเชียลมีเดียบ้าง 6. กาหนดแผนงาน To-Do-list ในแต่ละวัน 7. ระหว่างทาการบ้านหรือทางานอะไรก็ตาม พยายามเรียนรู้งานนั้นๆ 8. รู้ขีดความสามารถตัวเองและวางแผนให้เหมาะสม 9. ทางานด้วยความรอบคอบ 10. ออกจากบ้านให้เช้าขึ้น 11. จากัดเวลาหากมีกิจกรรมเพิ่มเติมจากแผนที่วางไว้ 12. จัดเก็บเอกสารหรือหนังสือให้เรียบร้อย 13. อย่ามองข้ามเศษเวลา
  • 5.
    5 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน ศึกษา เก็บ และรวบรวมข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของโครงงาน นาข้อมูลมาวิเคราะห์ ตีความ สรุปผลการศึกษา ออกแบบรูปแบบตารางการบริหารเวลาตามข้อสรุปที่ได้ศึกษามา เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ - คอมพิวเตอร์ - กระดาษ ดินสอ งบประมาณ - ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1. สามารถออกแบบตารางการบริหารเวลาในการทาการบ้านได้ 2. สามารถช่วยให้บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ได้ความรู้ใหม่ๆในการทาโครงงาน สถานที่ดาเนินการ โรงเรียน ยุพราชวิทยาลัย กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1. กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 2. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 3. กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี 4. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
  • 6.
    6 แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)  http://kraiwit3.blogspot.com/p/blog-page_22.html  https://thaipublica.org/2013/02/homework-is-important/  http://tv.bectero.com//kids-news/64271/ตอน-ข้อดีของการบ้าน  https://health.kapook.com/view112552.html  https://www.honestdocs.co/getting-better-sleep  https://themomentum.co/momentum-feature-the-best-times-to-learn-and-create/