SlideShare a Scribd company logo
1 of 102
Download to read offline
y                R                                                     B




                                                        ฟิ สิ กส์
                            m 
                                   T
                                    r                                                    1                          T
                                                                                                                         L2
          x                                                                                         F      จุด
                                        m                                    A   3       m
                                                                                 m                      m หมุน           L1
                                                                                                         



                                                                                                           R O 
     2M

              300                                                                                               A
                        M



T1
          A
          B         F
                                                  เรื่อง คลืนกล
                                                            ่                                           20 cm
                                                                                                                    15
                                                                                                                    cm        F

T2                                                                                                         5 cm A
          C




                                                                                                    ตำแหน่ง
                                                                                                    A สมดุล C R               B


                                                                                         P
                                                                                          200
                                                                                         (kg.m/s)
                                                                                          100
                                                          V                      P
                               30                                                               0 1 2 3 4 5 6 7 8 9
                                           60   0.4    1.0 m   0.2 m   R       a           - 10 t(s)
                                                  m                                          100
                                                                                                                         1
คลืนแบ่ งออกได้ เป็ น 2 ประเภทใหญ่
      ่
1. คลืนกล
       ่
   เป็ นคลืนทีเ่ กิดในตัวกลางยืดหยุ่นโดยเกิด
           ่
จากการใช้ แรงกระตุ้น สามารถถ่ ายโอน
พลังงานกลได้ เช่ น คลืนนา คลืนเชือก
                         ่ ้ ่
 คลืนเสี ยง เป็ นต้ น
    ่
                                         2
2. คลืนแม่ เหล็กไฟฟา
       ่            ้
     เป็ นคลืนทีไม่ ต้องมีตัวกลางในการถ่ ายโอน
             ่ ่
พลังงาน เช่ นคลืนวิทยุ คลืนแสง รังสี เอกซ์
                  ่          ่
คลืนไมโครเวฟ เป็ นต้ น
   ่


                                           3
เมื่อสะบัดเชือกขึนลงจะเห็นว่ าทิศการ
                     ้
เคลือนที่ของคลืนจะไปตามแนวของเส้ น
      ่           ่
เชือก แต่ ทุก ๆ อนุภาคบนเส้ นเชือกจะขยับ
ขึนลงในแนวตั้งฉากกับแนวเส้ นเชือก
  ้
     เราจัดประเภทคลืนทีอนุภาคของตัว
                         ่ ่
กลางสั่ นในแนวตั้งฉากกับทิศการเคลือนที่
                                      ่
ของคลืนนั้นว่ า คลืนตามขวาง
          ่            ่
                                       4
5
ในกรณีททศการเคลือนทีของคลืนกับทิศ
          ี่ ิ      ่ ่         ่
การเคลือนทีของอนุภาคไปในทิศทางเดียว
        ่ ่
กัน เรียกการเคลือนทีของคลืนนีว่า
                ่ ่       ่ ้
                           คลืนตามยาว
                              ่



                                    6
คลืนผิวนา
    ่     ้
   คลืนผิวนาเป็ นคลืนกลเกิดขึนเมื่อผิวนา
      ่     ้       ่        ้         ้
ถูกรบกวน และมีการถ่ ายโอนพลังงานผ่ าน
โมเลกุลของนา  ้


                                      7
l
OA        A

     PB       B
 P
 A




                  8
P
A



     PP P P
AA
 A
A



              9
P
A

    l

        P
A




            10
ระยะทางทีสันคลืน P เคลือนที่ไปได้ ใน
             ่      ่        ่
หนึ่งหน่ วยเวลา เรียกว่ า อัตราเร็วคลืน( v )
                                      ่
  จานวนคลืนทีเ่ คลือนที่ผ่านตาแหน่ งใด ๆ
             ่      ่
ในหนึ่งหน่ วยเวลา เรียกว่ า ความถี่ ( f )
 ช่ วงเวลาที่คลืนเคลือนที่ผ่านตาแหน่ งใด ๆ
                ่ ่
ครบหนึ่งรอบคลืน เรียกว่ า คาบ ( T )
                  ่
                                          11
1
T
   f

v  fl



         12
ตัวอย่ าง 1 นักเรียนคนหนึ่งนั่งทีขอบสระนา
                                   ่         ้
แล้ วใช้ เท้ ากระทุ้งนาเป็ นจังหวะสมาเสมอ 2
                      ้                ่
ครั้งต่ อวินาที เมือจับเวลาทีคลืนลูกแรกเคลือน
                    ่          ่ ่         ่
ทีไปกระทบขอบสระอีกด้ านหนึ่งซึ่งอยู่ห่าง
  ่
ไป 12 เมตร พบว่ าใช้ เวลา 12 วินาที
    จงคานวณหาความยาวคลืนผิวนานี้่    ้

                                          13
ตัวอย่ าง 2 เมื่อคลืนเคลือนที่ไปบนผิวนา ทาให้
                    ่ ่               ้
ผิวนากระเพือมขึนลงจากระดับเดิม 900 รอบ
    ้         ่ ้
ในเวลา 1 นาที ระยะระหว่ างสั นคลืนที่ถัดกัน
                                  ่
วัดได้ 30 cm จงคานวณหาอัตราเร็วของคลืน    ่
ผิวนา ้


                                          14
เฟสของคลืน ่
   เป็ นการกาหนดตาแหน่ งของการเคลือนที่
                                  ่
ทีมีลกษณะเป็ นรอบ โดยจะมีความสั มพันธ์
  ่ ั
กับการกระจัดของการเคลือนที่น้ัน
                        ่



                                     15
b                   f               j
 a0        c0         e       g       i
 0    900 180 270 3600
                    0

                d                 h
เฟสตรงข้นมกัอจุคือจุดทีมการกระจัดเท่ ากัน
เฟสตรงกัา คื น ดทีมการกระจัดตรงกัน
                   ่ ี ่ ี
เคลือนทีตปทิศาเดียวกัน
    ่ ่ไ รงข้ มกัน
                                              16
4m
           P
          450


   คลืนนากาลังเคลือนที่ไปทางขวามือด้ วยความเร็ว
      ่ ้           ่
0.5 m/s ดังรู ป ถ้ าขณะนั้นจุด Pมีเฟส 450 ถามว่ า
อย่ างเร็วทีสุดกีวนาที P จึงจะถูกแกว่ งขึนไปอยู่ที่
            ่ ่ิ                         ้
สั นคลืน
       ่
                                               17
ตัวอย่ าง คลืนผิวนามีอตราเร็ว 20 cm/s
             ่    ้ ั
กระจายออกจากแหล่ งกาเนิดคลืนซึ่งมีความ
                               ่
ถี่ 5 Hz การกระเพือมของผิวนาทีอยู่ห่างจาก
                   ่          ้ ่
แหล่ งกาเนิด 30 cm และ 48 cm จะมีเฟส
ต่ างกันกีองศา
          ่


                                      18
Dark   Light
               19
ลักษณะของคลืนทีมองผ่ านถาดคลืน
            ่ ่              ่




                                 20
การซ้ อนทับของคลืน
                 ่




                     21
22
23
การซ้ อนทับของคลืนดลสองคลืน
                 ่        ่




                              24
การซ้ อนทับของคลืนดลสองคลืน
                 ่        ่




                              25
สมบัติของคลืน
               ่
1. การสะท้ อน
2. การหักเห
3. การแทรกสอด
4. การเลียวเบน
         ้

                   26
การสะท้ อนของคลืน
                ่




                    27
ถ้ าปลายสุ ดของตัวกลางถูกยึดหรือตรึง
ไว้ แอมพลิจูดของคลืนทีสะท้ อนออกมาจะ
                      ่ ่
อยู่ในทิศตรงข้ ามกับคลืนเดิม หรือกล่ าวได้
                         ่
ว่ ามีเฟสตรงข้ ามกับคลืนเดิม
                       ่



                                       28
ถ้ าให้ ปลายสุ ดของตัวกลางอิสระสามารถ
เคลือนทีขนลงได้ อสระ แอมพลิจูดของคลืน
     ่ ่ ึ้          ิ                  ่
ทีสะท้ อนออกมาจะอยู่ในทิศเดิม หรือกล่ าว
  ่
ได้ ว่ามีเฟสตรงกับคลืนเดิม
                       ่



                                      29
การสะท้ อนของคลืนผิวนา
                    ่    ้
              เส้ นแนวฉาก
คลืนตกกระทบ
   ่                        คลืนสะท้ อน
                               ่


                1 2



                                          30
31
32
33
34
การหักเหของคลืน
                       ่

                           น้าตืน
                                ้


น้าลึก


                                    35
การหักเหของคลืน
                       ่

                           นาตืน
                            ้ ้


น้าลึก


                                   36
เมื่อคลืนเคลือนทีเ่ ข้ าไปในอีกตัวกลางหนึ่ง
          ่ ่
พบว่ า ความยาวคลืนในนาลึก และนาตืนต่ าง
                     ่      ้         ้ ้
กัน แต่ ความถียงคงเท่ าเดิม เมื่อวิเคราะห์ จาก
              ่ั
สมการ v = f l ดังนั้นอัตราเร็วคลืนจึง      ่
แตกต่ างกัน


                                           37
ปรากฏการณ์ ทคลืนเคลือนทีผ่านผิวรอยต่ อ
                    ี่ ่ ่ ่
ระหว่ างตัวกลางที่มีสมบัติต่างกัน แล้ วทาให้
อัตราเร็ว และทิศทางการเคลือนที่ของคลืน
                             ่           ่
เปลียนไปเรียกว่ า การหักเห
    ่
   และคลืนทีเ่ คลือนที่ผ่านรอยต่ อระหว่ าง
          ่       ่
ตัวกลางไปเรียกว่ า คลืนหักเห
                        ่
                                        38
ในการเคลือนทีผ่านผิวรอยต่ อ ความถีของ
           ่ ่                      ่
คลืนจะมีค่าคงตัว และความยาวคลืนมีค่า
   ่                            ่
เปลียนแปลงทาให้ อตราเร็วของคลืนเปลียน
     ่            ั            ่ ่
ไปด้ วย
                 v = fl


                                    39
N
                                  2
                 C            B
                     1
            1
                 A        D
                     2

ระยะ BC เป็ นความยาวคลืนในเขตนาลึก l1
                       ่      ้
ระยะ AD เป็ นความยาวคลืนในเขตนาตืน l2
                         ่      ้ ้
                                       40
N
   C        B   2              BC l1
                       sin 1    
       1                       AB AB
  1
   A D                sin  2 
                                AD l2
                                  
       2                       AB AB

sin 1 l1 AB
       
sin  2 l2 AB
sin 1 l1            sin 1 l1 v1
                             
sin  2 l2           sin  2 l2 v2


                                        41
ตัวอย่ าง คลืนผิวนามีความถี่ 12 HZ เคลือนที่
             ่     ้                     ่
จากบริเวณนาลึกเข้ าสู่ บริเวณนาตืน โดยหน้ า
               ้                ้ ้
คลืนตกกระทบทามุม 45
   ่                     0 กับเส้ นรอยต่ อนา
                                           ้
ลึกกับนาตืน เมื่อความยาวคลืนในนาลึกเป็ น
         ้ ้                  ่      ้
1.5 cm และในนาตืนเป็ น 1 cm
                 ้ ้


                                        42
จงหา ก) อัตราเร็วของคลืนผิวนาในนาลึก
                       ่     ้ ้
     ข) มุมหักเหเมือคลืนผ่ านผิวรอยต่ อ
                   ่ ่
     ค) ความถีของคลืนในบริเวณนาตืน
                ่    ่            ้ ้




                                      43
การแทรกสอด
   การแทรกสอด เกิดจากคลืนต่ อเนื่องจาก
                         ่
แหล่ งกาเนิดคลืนสองแหล่ งทีมีความถีเ่ ท่ า
               ่           ่
กัน และมีเฟสตรงกันเคลือนทีมาพบกัน
                       ่ ่
จะเกิดการซ้ อนทับระหว่ างคลืนต่ อเนื่อง
                             ่
ทั้งสอง
                                        44
การซ้ อนทับของคลืนดลสองคลืน
                 ่        ่




                              45
ในกรณีทการแทรกสอดนั้นเกิดจากการที่
               ี่
สั นคลืนกับสั นคลืนมาตรงกัน หรือท้ องคลืน
       ่          ่                     ่
กับท้ องคลืนมาตรงกัน คลืนลัพธ์ จะมีแอมพลิ
             ่              ่
จูดของคลืนสู งกว่ าเดิม เรียกการแทรกสอด
           ่
แบบนีว่า การแทรกสอดแบบเสริม
         ้


                                     46
แต่ ถ้าการแทรกสอดนั้นสั นคลืนของแหล่ ง
                              ่
กาเนิดหนึ่งไปตรงกับท้ องคลืนของอีกแหล่ ง
                           ่
กาเนิดหนึ่งเรียกการแทรกสอดแบบนีว่า้
การแทรกสอดแบบหักล้ าง



                                     47
แหล่ งกาเนิดคลืนทีมีความถีเ่ ท่ ากัน และ
                    ่ ่
มีเฟสตรงกัน หรือมีเฟสต่ างกันเป็ นค่ าคง
ตัว เรียกว่ าแหล่ งกาเนิดอาพันธ์




                                        48
49
N2 A1 N1 A0 N1 A1 N
A2                    2 A
                         2

                P1

         P2
         s1    s2

                        50
A2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2       N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2
                         A2 A2                      A2
                                                 Q1
                                           P1

                 P1

          s1    s2                   s1    s2



    เส้ น A0 คือแนวเส้ นปฏิบัพแนวกลาง A1 เป็ น
เส้ นปฏิบัพที่ 1 ถัดจากแนวกลางไปทั้งซ้ ายและขวา

                                                      51
A2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2       N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2
                         A2 A2                      A2
                                                 Q1
                                           P1

                 P1

          s1    s2                   s1    s2



  เส้ น N1 คือแนวเส้ นบัพที่ 1 ถัดจากแนวกลาง
ไปทั้งซ้ ายและขวา

                                                      52
A2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2
                         A2
                P1
                      Q1
                              S1P - S2P = nl
                              เมื่อ n = 0,1,2 ...
          s1    s2
การแทรกสอดของคลืนจะเกิดในแนว A0,A1,A2..An
                    ่
และ N1,N2..Nn และผลต่ างระหว่ างระยะทางจาก
แหล่งกาเนิดคลืนทั้งสองไปยังจุดใดๆ บนเส้ นปฏิบัพ
              ่
จะเท่ ากับจานวนเต็มของความยาวคลืนเสมอ
                                  ่
                                               53
ทุก ๆ จุดบนแนวบัพ คลืนจะแทรกสอดแบบ
                           ่
หักล้ างกัน ผลต่ างระหว่ างระยะทางจากแหล่ ง
กาเนิดคลืนทั้งสองไปยังจุดใด ๆบนแนวเส้ น
           ่
บัพจะเท่ ากับจานวนเต็มคลืนบวกกับครึ่งหนึ่ง
                             ่
ของความยาวคลืนเสมอเพราะเป็ นตาแหน่ งที่
                  ่
สั นคลืนพบกับท้ องคลืนพอดี
        ่             ่

                                       54
N2   A1   N1   A0   N1   A1
     A2                                  N2
                                              A2
                                        Q1
                              P1




                    s1        s2
S1Q - S2Q = ( n+ 2   1 )l เมื่อ n = 0,1,2 ...
                     1 )l เมื่อ n = 1,2,3 ...
S1 Q - S 2 Q = ( n - 2
                                                   55
ขณะเกิดการแทรกสอด ในแนว S1 และ S2
รู ปคลืนทีเ่ กิดขึนจะปรากฎเป็ น คลืนนิ่ง
       ่          ้                ่
    การเกิดคลืนนิ่งในเส้ นเชือกก็สามารถเป็ น
                ่
ไปได้ เช่ นเดียวกัน



                                         56
ตัวอย่ าง จากรู ป เป็ นคลืน 2 คลืนจากแหล่ ง
                          ่       ่
กาเนิดอาพันธ์ ถ้ าให้ จุด P อยู่ห่างจากแหล่ ง
กาเนิดคลืนทั้งสอง เป็ นระยะ 9.6 และ 7.2
           ่
cm ตามลาดับ จงหาค่ า
ก) ตาแหน่ ง P เป็ นบัพหรือปฏิบัพที่เท่ าใด
ข) ความยาวคลืนของคลืนผิวนา
                 ่          ่       ้
                                          57
P

s1   s2



          58
ตัวอย่ าง แหล่ งกาเนิดคลืนอาพันธ์ ให้ หน้ า
                         ่
คลืนวงกลมสองแหล่ งอยู่ห่างกัน 10 cm มี
   ่
ความยาวคลืน 2cm ทีตาแหน่ งหนึ่งห่ างจาก
               ่      ่
แหล่ งกาเนิดคลืนทั้งสองเป็ นระยะ 10 cm
                 ่
และ 19 cm ตามลาดับ จะอยู่บนแนวบัพหรือ
ปฏิบัพที่เท่ าใด นับจากแนวกลาง

                                        59
P
                          เมือจุด P อยู่ไกลมากจะได้
                              ่
                          ว่ า S2P = DP
         
                           S1P - S2P = S1D
     D                                S1D
                             sin  =
                                    d
s1       d       s2       d sin  = S1D
                          d sin  = nl
                                               60
t=0   t = 1/4 T   t = 2/4 T

                              61
t = 3/4 T   t=T

                  62
l
    N       N       N

A       A       A       A


                            63
N3
               s1                  A2
N2
                                   A1
N1
                                   A0
N1                                 A1
N2
               s2                  A2
N3
          2d             2d
     N             A        1
          l              l
                                        64
ตัวอย่ าง จุดกาเนิดคลืน s ในถาดคลืนให้
                      ่            ่
กาเนิดคลืนอย่ างต่ อเนื่องด้ วยความถีค่าหนึ่ง
           ่                         ่
มีวตถุขอบตรง R กั้นสะท้ อนคลืนทีระยะห่ าง
   ั                             ่ ่
ออกมาจาก s เท่ ากับ 20 เท่ าของความยาวคลืน    ่
ถามว่ า จะเกิดแนวบัพกีแนวระหว่ าง s กับ R
                         ่
          s            R
                                           65
ตัวอย่ าง จากรู ป s1 และ s2 เป็ นแหล่ งกาเนิด
คลืนนาให้ แอมพลิจูด ความยาวคลืน และเฟส
   ่ ้                               ่
ตรงกัน จุด P เป็ นจุดทีแนว N4 ผ่ านและเป็ น
                         ่
แนวบัพสุ ดท้ ายด้ วย ถ้ าผลต่ างระหว่ าง S1P
กับ S2P เท่ ากับ 7 cm แหล่ งกาเนิด s1 กับ s2
จะห่ างกันเท่ าไร     s1          s2
                                          P
                                         66
การเลียวเบนของคลืน
      ้          ่




                     67
เมื่อช่ องเปิ ดมีความกว้ างน้ อยกว่ าความยาวคลืน
                                               ่
                                             68
หลักของฮอยเกนส์ กล่ าวว่ า แต่ ละจุดบน
หน้ าคลืนถือได้ ว่าเป็ นแหล่ งกาเนิดคลืนใหม่
         ่                             ่
ซึ่งส่ งคลืนออกไปทุกทิศทางด้ วยอัตราเร็ว
           ่
เท่ ากับอัตราเร็วของคลืนเดิม
                         ่



                                         69
ถ้ าช่ องเปิ ดมีความกว้ างมากกว่ าหรือเท่ ากับ
ความยาวคลืน จะเกิดการแทรกสอดกัน
               ่
                A      O B
                       

  AP - BP = nl
   d sin  = nl
                                   P
                                           70
เมื่อคลืนเคลือนทีผ่านช่ องเปิ ดสองช่ องทีวาง
           ่ ่ ่                            ่
ห่ างกันจะเกิดการแทรกสอดเหมือนคลืนทีมา   ่ ่
จากแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ สองจุด


                   s1     s2

                                           71
ตัวอย่ าง คลืนนาความยาวคลืนเท่ าไร ทีทา
              ่ ้            ่          ่
ให้ เกิดบัพทั้งหมด 4 บัพ รอบแนวกึงกลาง
                                   ่
ของช่ องเปิ ด เมื่อคลืนเคลือนทีผ่านช่ องเปิ ดที่
                      ่ ่ ่
มีความกว้ าง 2.2 cm



                                            72
ตัวอย่ าง คลืนนาหน้ าตรงเคลือนทีผ่านช่ อง
             ่ ้              ่ ่
เดียวทีมีความกว้ าง 8 cm เมื่อความถีของ
   ่ ่                                 ่
คลืนเป็ น 60 Hz พบว่ าจะเกิดแนวบัพ โดย
    ่
แนวบัพเส้ นทีหกเบนไปจากแนวตรงกลาง
                ่
 30 องศา คลืนทีเ่ กิดมีอตราเร็วเท่ าไร
              ่         ั


                                      73
1. จากรู ป ถ้ าแหล่ งกาเนิดคลืนมีความถี่
                              ่
1200 Hz ความเร็ว 400 m/s จงหาความเร็ว
และความยาวคลืนในตัวกลางที่ 2
                  ่
                        1
                300
                        2
                  600



                                      74
2. คลืนนาหน้ าตรงในถาดคลืนเคลือนที่จาก
       ่ ้                    ่ ่
บริเวณ 1 ไปยังบริเวณ 2 ทาให้ การหักเหมีลกษณะ
                                          ั
ดังรู ป ถ้ าแหล่งกาเนิดคลืนมีความถี6 Hz และหน้ า
                          ่        ่
คลืนทีอยู่ถดกันในบริเวณ 1 ห่ างกัน 0.02 m จงหา
   ่ ่ ั
อัตราเร็วของคลืนในบริเวณที่ 2
                  ่
                  450       300


                                            75
3. A และ B เป็ แหล่ งกาเนิดคลืนอาพันธ์ เฟส
                              ่
ตรงกันห่ างกัน 4 cm ให้ คลืนทีมีเฟสตรงกัน
                           ่ ่
จุด P อยู่ห่างจาก A 3 cm และอยู่บนแนว
ปิ ฏบัพที่ 2 ในแนว PB จะมีแนวปฏิบัพผ่ าน
กีแนว
   ่          A          A2
                      P

           B
                                       76
4. S1 และ S2 เป็ นแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ จุด P
อยู่บนแนวปฏิบัพที่ 2 โดยระยะ S1P = 12cm
และ S2P = 15 cm จงหาความยาวคลืน     ่




                                        77
5. คลืนนาหน้ าตรงมีความยาวคลืน0.02 m
       ่ ้                          ่
ผ่ านตั้งฉากกับช่ องเปิ ดเดียวซึ่งกว้ าง
                            ่
0.05 m จงหาแนวบัพทีเ่ กิดขึนทั้งหมดมี
                              ้
เท่ าไร



                                       78
6. สระว่ ายนามีด้านหนึ่งนาตืน และอีกด้ าน
              ้           ้ ้
นาลึก ทาให้ เกิดคลืนโดยพบว่ าคลืนทีนาตืน
  ้                ่            ่ ่ ้ ้
มีความยาวคลืน 50 cm และความยาวคลืน
                ่                       ่
ในนาลึก 70 cm ถ้ าพบว่ าคลืนในนาตืนมี
    ้                       ่    ้ ้
ความเร็วเท่ ากับ 30 cm/s ความเร็วคลืนในนา
                                     ่    ้
ลึกจะมีค่าเท่ าไร
                                        79
7. จากข้ อ 6 ถ้ าหน้ าคลืนทีเ่ กิดในนาตืนทา
                         ่            ้ ้
มุม 30 องศา กับผิวรอยต่ อของนาลึกกับ้
นาตืน มุมหักเหในนาลึกจะเป็ นเท่ าไร
  ้ ้                  ้




                                          80
8. จากรู ป ความยาวคลืนในตัวกลางที่ 2
                     ่
เป็ นกีเ่ ซนติเมตร
             1 2 3 cm
                     530

                           370




                                       81
9. คลืนนาจากแหล่ งกาเนิดคลืนหนึ่งมีความ
      ่ ้                    ่
เร็ว 2 m/s เคลือนที่จากตัวกลางหนึ่งไปยังอีก
                 ่
ตัวกลางหนึ่งโดยทามุมตกกระทบ 30 องศา
ทาให้ เกิดมุมหักเห 45 องศา ในตัวกลางที่ 2
ถ้ าคลืนใหม่ ทหักเหมานีมีความยาวคลืน
       ่      ี่       ้            ่
0.07 m จงหาความถีของคลืนในตัวกลางที่ 2
                     ่     ่

                                        82
10. S1 และ S2 เป็ นแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ บน
ถาดคลืนมีความถี่ 60 Hz ความเร็วคลืนผิว
       ่                            ่
นามีค่า1.5 m/s
 ้
                A1 N1   A0   N1 A
    N3 A 2 N2                       1N
                                         2 A2
 A3                                 P           N3 A
N4                                                     3
                                                           N4
S1                                                         S2
                                          Q

                                                   83
ก) จงหาความยาวคลืน่
ข) ความแตกต่ างระหว่ าง S1P และ S2P
ค) ความแตกต่ างระหว่ าง S1Q และ S2Q




                                  84
11. ถ้ าแหล่ งกาเนิดคลืนอาพันธ์ เฟสตรงกัน
                       ่
ห่ างกัน 21 cm กระจายคลืนความถี่ 10 Hz
                           ่
มีอตราเร็ว 40 cm/s การแทรกสอดจะทาให้
    ั
เกิดแนวบัพ และปฏิบัพ ระหว่ างรอยต่ อของ
แหล่ งกาเนิดทั้งสองเท่ าไร


                                      85
12. S1 และ S2 เป็ นแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ ให้
คลืนมีความยาวคลืน 2 cm P อยู่ห่างจาก
   ่               ่
S1 และ S2 8 และ 12 cm S1                P
ก) P อยู่บนแนวใด                  S2
ข) บนเส้ นตรง S1S2 เกิดคลืนนิ่งได้ มากทีสุดกีลูพ
                             ่           ่ ่
ค) ถ้ า S1S2 อยู่ห่างกัน 8 cm จุด P เบนจากแนว
กลางกีองศา
        ่
                                              86
13. คลืนนาทีมีความเร็ว 30 cm/s ผ่ านช่ อง
         ่ ้ ่
เปิ ดนีแล้ วไม่ เห็นแนวบัพ คลืนนาควรมี
       ้                      ่ ้
ความถีเ่ ท่ าไร




                                        87
88
การทีลูกตุ้มเล็กทีมเี ชือกผูกความยาวเท่ ากับ
           ่          ่
ลูกตุ้มใหญ่ จะเริ่มสั่ น และช่ วงการสั่ นจะกว้ าง
ขึนเรื่อย ๆ ปรากฏการณ์ นีเ้ รียกว่ าการสั่ นพ้อง
  ้
    ซึ่งจะเกิดขึนเมือวัตถุถูกบังคับให้ สั่นด้ วยแรง
                ้ ่
ภายนอกที่มีความถี่เท่ ากัน หรือเป็ นจานวนเต็ม
เท่ าของความถีธรรมชาติของวัตถุน้ันจะมีผล
                 ่
ทาให้ วตถุสั่นด้ วยแอมพลิจูดทีกว้ างกว่ าปกติ
         ั                       ่
                                               89
A   B



        90
เมือเพิมความถีให้ สูงขึนจะเกิดลูพเพิมขึน
   ่ ่        ่        ้            ่ ้
โดยความกว้ างของลูพจะมีความสั มพันธ์
        nl
    L      เมื่อ n คือจานวนลูพ
        2
                                      91
ในกรณีต่าง ๆทีทาให้ เกิดคลืนนิ่งนี้ ความถี่
                ่           ่
ของเครื่องสั่ นจะต้ องสอดคล้ องกับความถี่
ธรรมชาติของคลืนในเส้ นเชือกจึงจะทาให้
                  ่
เกิดการสั่ นพ้อง โดยมีความสั มพันธ์
                    vnv
               f  
                  l 2L

                                         92
vnv
 f  
    l 2L
     จากสมการความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้อง
                       ่ ี่
หรือคลืนนิ่งในเส้ นเชือก เมื่อ n = 1 การสั่ น
            ่
ทีเ่ กิดขึนจะมีความถีน้อยทีสุด เรียก ความถี่
          ้          ่        ่
มูลฐาน หรือ ฮาร์ มอนิกทีหนึ่ง
                            ่

                                          93
สโตรโบสโคป
 เป็ นเครื่องมือใช้ ในการวัดหาความยาวคลืน ่
ของนา มีลกษณะเป็ นแผ่ นวงกลมแบ่ งออก
        ้ ั
เป็ นช่ อง ๆ ห่ างเท่ ากัน จานวนหลายช่ อง
                         1 8
                    2          7
                    3          6
                        4 5
                                        94
C   B        A
             1 8
        2          7
        3          6
            4 5
D   C        B         A
             2 1
        3          8
        4          7
            5 6

                           95
ถ้ าให้ n = จานวนช่ องของสโตรโบสโคป
        N = จานวนรอบต่ อวินาทีสูงสุ ดทีหมุน
                                       ่
สโตรโบสโคปแล้ วเห็นคลืนอยู่นิ่ง
                          ่
        f = ความถีคลืน = nN
                  ่ ่
        t0                       mn
     t          t  nT     fW 
        mn                       t0

                                        96
ตัวอย่ าง สโตรโบสโคป ชนิดมี 16 ช่ องต่ อรอบ
ถ้ าใช้ หาความถีของคลืนนา ปรากฏว่ าถ้ าเริ่ม
                ่     ่ ้
หมุนจากหยุดนิ่งจนกระทังหมุนได้ 20 รอบ
                          ่
ในเวลา 8 วินาที จะเห็นคลืนนาหยุดนิ่ง ความ
                            ่ ้
ถีของคลืนนามีค่าเท่ าใด
   ่       ่ ้


                                        97
ตัวอย่ าง มองคลืนนาผ่ านสโตรโบสโคปทีมี
                ่ ้                   ่
10 ช่ องโดยหมุน 2 รอบในเวลา 1 วินาที ถ้ า
คลืนนามีความถี่ 100 Hz จะเห็นคลืนนาหยุด
    ่ ้                         ่ ้
นิ่งหรือไม่ และขณะนั้นคลืนเคลือนทีผ่านไป
                         ่ ่ ่
กีลูก
  ่


                                      98
ตัวอย่ าง มองคลืนนาผ่ านสโตรโบสโคปที่มี 8 ช่ อง
                   ่ ้
พบว่ าสามารถมองเห็นคลืนหยุดนิ่งได้ เมือสโตร-
                              ่            ่
โบสโคปหมุนด้ วยอัตราเร็วสู งสุ ด10 รอบ/วินาที
 ถ้ าความยาวคลืนนาวัดได้ 1.5 cm จงหาคาบ
                  ่ ้
ความถี่ และความเร็วของคลืนนา      ่ ้
       ถ้ าเติมนาให้ ระดับสู งขึน พบว่ าความยาว
                ้               ้
คลืนยืดออกเป็ น 1.8 cm จงหาความเร็วคลืนนา
     ่                                       ่ ้
ในกรณีหลัง
                                             99
ตัวอย่ าง เมื่อใช้ สโตรโบสโคป ขนาด 4 ช่ อง หมุนดู
คลืนต่ อเนื่อง ขณะหนึ่งหมุน 5 รอบ/วินาที เห็น
    ่
คลืนอยู่นิ่ง และวัดระยะห่ างระหว่ างสั นคลืนได้
      ่                                    ่
2 cm และเมือหมุนสโตรโบสโคป ให้ มอตราเร็วสู ง
               ่                       ีั
ขึนอีก ก็ไม่ สามารถมองเห็นคลืนอยู่นิ่งอีกเลย คลืน
  ้                            ่                ่
นั้นมีความเร็วเท่ าไร


                                            100
ตัวอย่ าง ในการดูท้องคลืนทีมความถี่ 12 Hz
                        ่ ่ ี
ผ่ านสโตโบสโคปชนิด 8 ช่ อง ใช้ เวลาในการ
หมุน 10 วินาที เห็นท้ องคลืนอยู่นิ่งจงหาคาบ
                           ่
การหมุนของสโตรโบสโคป



                                      101
ตัวอย่ าง ในการทดลองวัดความยาวคลืนนา  ่ ้
โดยใช้ สโตรโบสโคปชนิด 6 ช่ อง มองดูคลืน ่
นาในถาดคลืน เมือหมุนสโตรโบสโคปด้ วย
   ้         ่ ่
ความถี่ 4 รอบ/วินาที จะเห็นคลืนอยู่นิ่ง
                              ่
ถ้ าคลืนนามีความเร็ว 15 m/s จงหาความยาว
       ่ ้
คลืนทีวดได้
     ่ ่ั

                                    102

More Related Content

What's hot

02แบบฝึกพลังงาน
02แบบฝึกพลังงาน02แบบฝึกพลังงาน
02แบบฝึกพลังงานPhanuwat Somvongs
 
แผนการสอนงานและพลังงาน
แผนการสอนงานและพลังงานแผนการสอนงานและพลังงาน
แผนการสอนงานและพลังงานWeerachat Martluplao
 
เคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณเคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณAui Ounjai
 
ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02witthawat silad
 
กัมมันตรังสี
กัมมันตรังสีกัมมันตรังสี
กัมมันตรังสีพัน พัน
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงพัน พัน
 
7ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
7ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส7ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
7ทฤษฎีจลน์ของแก๊สWijitta DevilTeacher
 
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 pptไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 ppt10846
 
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุน
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุนบทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุน
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุนThepsatri Rajabhat University
 
บทที่ 2 พันธะเคมี
บทที่ 2 พันธะเคมีบทที่ 2 พันธะเคมี
บทที่ 2 พันธะเคมีoraneehussem
 
02 เคลื่อนที่แนวตรง
02 เคลื่อนที่แนวตรง02 เคลื่อนที่แนวตรง
02 เคลื่อนที่แนวตรงwiriya kosit
 
1ความหนาแน่น และความดันในของไหล
1ความหนาแน่น และความดันในของไหล1ความหนาแน่น และความดันในของไหล
1ความหนาแน่น และความดันในของไหลWijitta DevilTeacher
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงsmEduSlide
 
บทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรง
บทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรงบทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรง
บทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรงThepsatri Rajabhat University
 
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่ายบทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่ายThepsatri Rajabhat University
 

What's hot (20)

คลื่นกล
คลื่นกลคลื่นกล
คลื่นกล
 
02แบบฝึกพลังงาน
02แบบฝึกพลังงาน02แบบฝึกพลังงาน
02แบบฝึกพลังงาน
 
แผนการสอนงานและพลังงาน
แผนการสอนงานและพลังงานแผนการสอนงานและพลังงาน
แผนการสอนงานและพลังงาน
 
เคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณเคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณ
 
ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02ใบความรู้ที่ 02
ใบความรู้ที่ 02
 
กัมมันตรังสี
กัมมันตรังสีกัมมันตรังสี
กัมมันตรังสี
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสง
 
Momentum
MomentumMomentum
Momentum
 
7ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
7ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส7ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
7ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
 
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 pptไฟฟ้าเคมี1 ppt
ไฟฟ้าเคมี1 ppt
 
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุน
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุนบทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุน
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แบบหมุน
 
บทที่ 2 พันธะเคมี
บทที่ 2 พันธะเคมีบทที่ 2 พันธะเคมี
บทที่ 2 พันธะเคมี
 
02 เคลื่อนที่แนวตรง
02 เคลื่อนที่แนวตรง02 เคลื่อนที่แนวตรง
02 เคลื่อนที่แนวตรง
 
ความร้อน
ความร้อนความร้อน
ความร้อน
 
1ความหนาแน่น และความดันในของไหล
1ความหนาแน่น และความดันในของไหล1ความหนาแน่น และความดันในของไหล
1ความหนาแน่น และความดันในของไหล
 
โลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลงโลกและการเปลี่ยนแปลง
โลกและการเปลี่ยนแปลง
 
เสียง
เสียงเสียง
เสียง
 
บทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรง
บทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรงบทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรง
บทที่ 2 การเคลื่อนที่แนวตรง
 
1.แบบฝึกหัดเวกเตอร์
1.แบบฝึกหัดเวกเตอร์1.แบบฝึกหัดเวกเตอร์
1.แบบฝึกหัดเวกเตอร์
 
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่ายบทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่าย
 

More from ชิตชัย โพธิ์ประภา

รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยารายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยาชิตชัย โพธิ์ประภา
 
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1 4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1 ชิตชัย โพธิ์ประภา
 
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 25566รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556ชิตชัย โพธิ์ประภา
 
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556ชิตชัย โพธิ์ประภา
 
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียนคู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียนชิตชัย โพธิ์ประภา
 
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...ชิตชัย โพธิ์ประภา
 

More from ชิตชัย โพธิ์ประภา (20)

ผลสอบปรีชาญาณ59
ผลสอบปรีชาญาณ59ผลสอบปรีชาญาณ59
ผลสอบปรีชาญาณ59
 
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยารายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
รายชื่อผู้เข้าค่าย ศูนย์ สอวน. ชีววิทยา
 
ครุฑน้อยกับเห็ดพิษ
ครุฑน้อยกับเห็ดพิษครุฑน้อยกับเห็ดพิษ
ครุฑน้อยกับเห็ดพิษ
 
ทหารหาญ
ทหารหาญทหารหาญ
ทหารหาญ
 
ยีราฟกลับใจ
ยีราฟกลับใจยีราฟกลับใจ
ยีราฟกลับใจ
 
วานรขาวเจ้าปัญญา
วานรขาวเจ้าปัญญาวานรขาวเจ้าปัญญา
วานรขาวเจ้าปัญญา
 
สมบัติวิเศษ
สมบัติวิเศษสมบัติวิเศษ
สมบัติวิเศษ
 
วิหคสีรุ้ง
วิหคสีรุ้งวิหคสีรุ้ง
วิหคสีรุ้ง
 
5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน
5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน
5ตารางสรุปจำนวนนักเรียน
 
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1 4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
4กำหนดการเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ ค่าย 1
 
3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย
3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย
3แนวปฏิบัติการอยู่ค่าย
 
1โครงการขยายผล สอวน
1โครงการขยายผล สอวน1โครงการขยายผล สอวน
1โครงการขยายผล สอวน
 
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 25566รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1  ปีการศึกษา 2556
6รายชื่อนักเรียนเข้าค่าย 1 ปีการศึกษา 2556
 
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
ตารางเวรครูชาย เดือน ต.ค.ถึง มี.ค. 2556
 
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียนคู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
คู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง ฝ่ายกิจการนักเรียน
 
ตารางการนำเสนอโครงงาน
ตารางการนำเสนอโครงงานตารางการนำเสนอโครงงาน
ตารางการนำเสนอโครงงาน
 
รายชื่อครูวิพากษ์โครงงาน
รายชื่อครูวิพากษ์โครงงานรายชื่อครูวิพากษ์โครงงาน
รายชื่อครูวิพากษ์โครงงาน
 
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  ครั้ง...
โครงการประชุมวิชาการนักเรียนโครงการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้ง...
 
รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่
รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่
รายชื่อโรงแรมในจังหวัดแพร่
 
ปอซอ
ปอซอปอซอ
ปอซอ
 

คลื่น

  • 1. y R B ฟิ สิ กส์ m  T r 1 T L2 x F จุด m A 3 m m m หมุน L1  R O  2M 300 A M T1 A B F เรื่อง คลืนกล ่ 20 cm 15 cm F T2 5 cm A C ตำแหน่ง A สมดุล C R B P 200 (kg.m/s) 100 V P 30 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9  60 0.4 1.0 m 0.2 m R a - 10 t(s) m 100 1
  • 2. คลืนแบ่ งออกได้ เป็ น 2 ประเภทใหญ่ ่ 1. คลืนกล ่ เป็ นคลืนทีเ่ กิดในตัวกลางยืดหยุ่นโดยเกิด ่ จากการใช้ แรงกระตุ้น สามารถถ่ ายโอน พลังงานกลได้ เช่ น คลืนนา คลืนเชือก ่ ้ ่ คลืนเสี ยง เป็ นต้ น ่ 2
  • 3. 2. คลืนแม่ เหล็กไฟฟา ่ ้ เป็ นคลืนทีไม่ ต้องมีตัวกลางในการถ่ ายโอน ่ ่ พลังงาน เช่ นคลืนวิทยุ คลืนแสง รังสี เอกซ์ ่ ่ คลืนไมโครเวฟ เป็ นต้ น ่ 3
  • 4. เมื่อสะบัดเชือกขึนลงจะเห็นว่ าทิศการ ้ เคลือนที่ของคลืนจะไปตามแนวของเส้ น ่ ่ เชือก แต่ ทุก ๆ อนุภาคบนเส้ นเชือกจะขยับ ขึนลงในแนวตั้งฉากกับแนวเส้ นเชือก ้ เราจัดประเภทคลืนทีอนุภาคของตัว ่ ่ กลางสั่ นในแนวตั้งฉากกับทิศการเคลือนที่ ่ ของคลืนนั้นว่ า คลืนตามขวาง ่ ่ 4
  • 5. 5
  • 6. ในกรณีททศการเคลือนทีของคลืนกับทิศ ี่ ิ ่ ่ ่ การเคลือนทีของอนุภาคไปในทิศทางเดียว ่ ่ กัน เรียกการเคลือนทีของคลืนนีว่า ่ ่ ่ ้ คลืนตามยาว ่ 6
  • 7. คลืนผิวนา ่ ้ คลืนผิวนาเป็ นคลืนกลเกิดขึนเมื่อผิวนา ่ ้ ่ ้ ้ ถูกรบกวน และมีการถ่ ายโอนพลังงานผ่ าน โมเลกุลของนา ้ 7
  • 8. l OA A PB B P A 8
  • 9. P A PP P P AA A A 9
  • 10. P A l P A 10
  • 11. ระยะทางทีสันคลืน P เคลือนที่ไปได้ ใน ่ ่ ่ หนึ่งหน่ วยเวลา เรียกว่ า อัตราเร็วคลืน( v ) ่ จานวนคลืนทีเ่ คลือนที่ผ่านตาแหน่ งใด ๆ ่ ่ ในหนึ่งหน่ วยเวลา เรียกว่ า ความถี่ ( f ) ช่ วงเวลาที่คลืนเคลือนที่ผ่านตาแหน่ งใด ๆ ่ ่ ครบหนึ่งรอบคลืน เรียกว่ า คาบ ( T ) ่ 11
  • 12. 1 T f v  fl 12
  • 13. ตัวอย่ าง 1 นักเรียนคนหนึ่งนั่งทีขอบสระนา ่ ้ แล้ วใช้ เท้ ากระทุ้งนาเป็ นจังหวะสมาเสมอ 2 ้ ่ ครั้งต่ อวินาที เมือจับเวลาทีคลืนลูกแรกเคลือน ่ ่ ่ ่ ทีไปกระทบขอบสระอีกด้ านหนึ่งซึ่งอยู่ห่าง ่ ไป 12 เมตร พบว่ าใช้ เวลา 12 วินาที จงคานวณหาความยาวคลืนผิวนานี้่ ้ 13
  • 14. ตัวอย่ าง 2 เมื่อคลืนเคลือนที่ไปบนผิวนา ทาให้ ่ ่ ้ ผิวนากระเพือมขึนลงจากระดับเดิม 900 รอบ ้ ่ ้ ในเวลา 1 นาที ระยะระหว่ างสั นคลืนที่ถัดกัน ่ วัดได้ 30 cm จงคานวณหาอัตราเร็วของคลืน ่ ผิวนา ้ 14
  • 15. เฟสของคลืน ่ เป็ นการกาหนดตาแหน่ งของการเคลือนที่ ่ ทีมีลกษณะเป็ นรอบ โดยจะมีความสั มพันธ์ ่ ั กับการกระจัดของการเคลือนที่น้ัน ่ 15
  • 16. b f j a0 c0 e g i 0 900 180 270 3600 0 d h เฟสตรงข้นมกัอจุคือจุดทีมการกระจัดเท่ ากัน เฟสตรงกัา คื น ดทีมการกระจัดตรงกัน ่ ี ่ ี เคลือนทีตปทิศาเดียวกัน ่ ่ไ รงข้ มกัน 16
  • 17. 4m P 450 คลืนนากาลังเคลือนที่ไปทางขวามือด้ วยความเร็ว ่ ้ ่ 0.5 m/s ดังรู ป ถ้ าขณะนั้นจุด Pมีเฟส 450 ถามว่ า อย่ างเร็วทีสุดกีวนาที P จึงจะถูกแกว่ งขึนไปอยู่ที่ ่ ่ิ ้ สั นคลืน ่ 17
  • 18. ตัวอย่ าง คลืนผิวนามีอตราเร็ว 20 cm/s ่ ้ ั กระจายออกจากแหล่ งกาเนิดคลืนซึ่งมีความ ่ ถี่ 5 Hz การกระเพือมของผิวนาทีอยู่ห่างจาก ่ ้ ่ แหล่ งกาเนิด 30 cm และ 48 cm จะมีเฟส ต่ างกันกีองศา ่ 18
  • 19. Dark Light 19
  • 22. 22
  • 23. 23
  • 26. สมบัติของคลืน ่ 1. การสะท้ อน 2. การหักเห 3. การแทรกสอด 4. การเลียวเบน ้ 26
  • 28. ถ้ าปลายสุ ดของตัวกลางถูกยึดหรือตรึง ไว้ แอมพลิจูดของคลืนทีสะท้ อนออกมาจะ ่ ่ อยู่ในทิศตรงข้ ามกับคลืนเดิม หรือกล่ าวได้ ่ ว่ ามีเฟสตรงข้ ามกับคลืนเดิม ่ 28
  • 29. ถ้ าให้ ปลายสุ ดของตัวกลางอิสระสามารถ เคลือนทีขนลงได้ อสระ แอมพลิจูดของคลืน ่ ่ ึ้ ิ ่ ทีสะท้ อนออกมาจะอยู่ในทิศเดิม หรือกล่ าว ่ ได้ ว่ามีเฟสตรงกับคลืนเดิม ่ 29
  • 30. การสะท้ อนของคลืนผิวนา ่ ้ เส้ นแนวฉาก คลืนตกกระทบ ่ คลืนสะท้ อน ่ 1 2 30
  • 31. 31
  • 32. 32
  • 33. 33
  • 34. 34
  • 35. การหักเหของคลืน ่ น้าตืน ้ น้าลึก 35
  • 36. การหักเหของคลืน ่ นาตืน ้ ้ น้าลึก 36
  • 37. เมื่อคลืนเคลือนทีเ่ ข้ าไปในอีกตัวกลางหนึ่ง ่ ่ พบว่ า ความยาวคลืนในนาลึก และนาตืนต่ าง ่ ้ ้ ้ กัน แต่ ความถียงคงเท่ าเดิม เมื่อวิเคราะห์ จาก ่ั สมการ v = f l ดังนั้นอัตราเร็วคลืนจึง ่ แตกต่ างกัน 37
  • 38. ปรากฏการณ์ ทคลืนเคลือนทีผ่านผิวรอยต่ อ ี่ ่ ่ ่ ระหว่ างตัวกลางที่มีสมบัติต่างกัน แล้ วทาให้ อัตราเร็ว และทิศทางการเคลือนที่ของคลืน ่ ่ เปลียนไปเรียกว่ า การหักเห ่ และคลืนทีเ่ คลือนที่ผ่านรอยต่ อระหว่ าง ่ ่ ตัวกลางไปเรียกว่ า คลืนหักเห ่ 38
  • 39. ในการเคลือนทีผ่านผิวรอยต่ อ ความถีของ ่ ่ ่ คลืนจะมีค่าคงตัว และความยาวคลืนมีค่า ่ ่ เปลียนแปลงทาให้ อตราเร็วของคลืนเปลียน ่ ั ่ ่ ไปด้ วย v = fl 39
  • 40. N 2 C B 1 1 A D 2 ระยะ BC เป็ นความยาวคลืนในเขตนาลึก l1 ่ ้ ระยะ AD เป็ นความยาวคลืนในเขตนาตืน l2 ่ ้ ้ 40
  • 41. N C B 2 BC l1 sin 1   1 AB AB 1 A D sin  2  AD l2  2 AB AB sin 1 l1 AB  sin  2 l2 AB sin 1 l1 sin 1 l1 v1    sin  2 l2 sin  2 l2 v2 41
  • 42. ตัวอย่ าง คลืนผิวนามีความถี่ 12 HZ เคลือนที่ ่ ้ ่ จากบริเวณนาลึกเข้ าสู่ บริเวณนาตืน โดยหน้ า ้ ้ ้ คลืนตกกระทบทามุม 45 ่ 0 กับเส้ นรอยต่ อนา ้ ลึกกับนาตืน เมื่อความยาวคลืนในนาลึกเป็ น ้ ้ ่ ้ 1.5 cm และในนาตืนเป็ น 1 cm ้ ้ 42
  • 43. จงหา ก) อัตราเร็วของคลืนผิวนาในนาลึก ่ ้ ้ ข) มุมหักเหเมือคลืนผ่ านผิวรอยต่ อ ่ ่ ค) ความถีของคลืนในบริเวณนาตืน ่ ่ ้ ้ 43
  • 44. การแทรกสอด การแทรกสอด เกิดจากคลืนต่ อเนื่องจาก ่ แหล่ งกาเนิดคลืนสองแหล่ งทีมีความถีเ่ ท่ า ่ ่ กัน และมีเฟสตรงกันเคลือนทีมาพบกัน ่ ่ จะเกิดการซ้ อนทับระหว่ างคลืนต่ อเนื่อง ่ ทั้งสอง 44
  • 46. ในกรณีทการแทรกสอดนั้นเกิดจากการที่ ี่ สั นคลืนกับสั นคลืนมาตรงกัน หรือท้ องคลืน ่ ่ ่ กับท้ องคลืนมาตรงกัน คลืนลัพธ์ จะมีแอมพลิ ่ ่ จูดของคลืนสู งกว่ าเดิม เรียกการแทรกสอด ่ แบบนีว่า การแทรกสอดแบบเสริม ้ 46
  • 47. แต่ ถ้าการแทรกสอดนั้นสั นคลืนของแหล่ ง ่ กาเนิดหนึ่งไปตรงกับท้ องคลืนของอีกแหล่ ง ่ กาเนิดหนึ่งเรียกการแทรกสอดแบบนีว่า้ การแทรกสอดแบบหักล้ าง 47
  • 48. แหล่ งกาเนิดคลืนทีมีความถีเ่ ท่ ากัน และ ่ ่ มีเฟสตรงกัน หรือมีเฟสต่ างกันเป็ นค่ าคง ตัว เรียกว่ าแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ 48
  • 49. 49
  • 50. N2 A1 N1 A0 N1 A1 N A2 2 A 2 P1 P2 s1 s2 50
  • 51. A2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2 A2 A2 A2 Q1 P1 P1 s1 s2 s1 s2 เส้ น A0 คือแนวเส้ นปฏิบัพแนวกลาง A1 เป็ น เส้ นปฏิบัพที่ 1 ถัดจากแนวกลางไปทั้งซ้ ายและขวา 51
  • 52. A2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2 A2 A2 A2 Q1 P1 P1 s1 s2 s1 s2 เส้ น N1 คือแนวเส้ นบัพที่ 1 ถัดจากแนวกลาง ไปทั้งซ้ ายและขวา 52
  • 53. A2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2 A2 P1 Q1 S1P - S2P = nl เมื่อ n = 0,1,2 ... s1 s2 การแทรกสอดของคลืนจะเกิดในแนว A0,A1,A2..An ่ และ N1,N2..Nn และผลต่ างระหว่ างระยะทางจาก แหล่งกาเนิดคลืนทั้งสองไปยังจุดใดๆ บนเส้ นปฏิบัพ ่ จะเท่ ากับจานวนเต็มของความยาวคลืนเสมอ ่ 53
  • 54. ทุก ๆ จุดบนแนวบัพ คลืนจะแทรกสอดแบบ ่ หักล้ างกัน ผลต่ างระหว่ างระยะทางจากแหล่ ง กาเนิดคลืนทั้งสองไปยังจุดใด ๆบนแนวเส้ น ่ บัพจะเท่ ากับจานวนเต็มคลืนบวกกับครึ่งหนึ่ง ่ ของความยาวคลืนเสมอเพราะเป็ นตาแหน่ งที่ ่ สั นคลืนพบกับท้ องคลืนพอดี ่ ่ 54
  • 55. N2 A1 N1 A0 N1 A1 A2 N2 A2 Q1 P1 s1 s2 S1Q - S2Q = ( n+ 2 1 )l เมื่อ n = 0,1,2 ... 1 )l เมื่อ n = 1,2,3 ... S1 Q - S 2 Q = ( n - 2 55
  • 56. ขณะเกิดการแทรกสอด ในแนว S1 และ S2 รู ปคลืนทีเ่ กิดขึนจะปรากฎเป็ น คลืนนิ่ง ่ ้ ่ การเกิดคลืนนิ่งในเส้ นเชือกก็สามารถเป็ น ่ ไปได้ เช่ นเดียวกัน 56
  • 57. ตัวอย่ าง จากรู ป เป็ นคลืน 2 คลืนจากแหล่ ง ่ ่ กาเนิดอาพันธ์ ถ้ าให้ จุด P อยู่ห่างจากแหล่ ง กาเนิดคลืนทั้งสอง เป็ นระยะ 9.6 และ 7.2 ่ cm ตามลาดับ จงหาค่ า ก) ตาแหน่ ง P เป็ นบัพหรือปฏิบัพที่เท่ าใด ข) ความยาวคลืนของคลืนผิวนา ่ ่ ้ 57
  • 58. P s1 s2 58
  • 59. ตัวอย่ าง แหล่ งกาเนิดคลืนอาพันธ์ ให้ หน้ า ่ คลืนวงกลมสองแหล่ งอยู่ห่างกัน 10 cm มี ่ ความยาวคลืน 2cm ทีตาแหน่ งหนึ่งห่ างจาก ่ ่ แหล่ งกาเนิดคลืนทั้งสองเป็ นระยะ 10 cm ่ และ 19 cm ตามลาดับ จะอยู่บนแนวบัพหรือ ปฏิบัพที่เท่ าใด นับจากแนวกลาง 59
  • 60. P เมือจุด P อยู่ไกลมากจะได้ ่ ว่ า S2P = DP  S1P - S2P = S1D D S1D sin  =  d s1 d s2 d sin  = S1D d sin  = nl 60
  • 61. t=0 t = 1/4 T t = 2/4 T 61
  • 62. t = 3/4 T t=T 62
  • 63. l N N N A A A A 63
  • 64. N3 s1 A2 N2 A1 N1 A0 N1 A1 N2 s2 A2 N3 2d 2d N A 1 l l 64
  • 65. ตัวอย่ าง จุดกาเนิดคลืน s ในถาดคลืนให้ ่ ่ กาเนิดคลืนอย่ างต่ อเนื่องด้ วยความถีค่าหนึ่ง ่ ่ มีวตถุขอบตรง R กั้นสะท้ อนคลืนทีระยะห่ าง ั ่ ่ ออกมาจาก s เท่ ากับ 20 เท่ าของความยาวคลืน ่ ถามว่ า จะเกิดแนวบัพกีแนวระหว่ าง s กับ R ่ s R 65
  • 66. ตัวอย่ าง จากรู ป s1 และ s2 เป็ นแหล่ งกาเนิด คลืนนาให้ แอมพลิจูด ความยาวคลืน และเฟส ่ ้ ่ ตรงกัน จุด P เป็ นจุดทีแนว N4 ผ่ านและเป็ น ่ แนวบัพสุ ดท้ ายด้ วย ถ้ าผลต่ างระหว่ าง S1P กับ S2P เท่ ากับ 7 cm แหล่ งกาเนิด s1 กับ s2 จะห่ างกันเท่ าไร s1 s2 P 66
  • 68. เมื่อช่ องเปิ ดมีความกว้ างน้ อยกว่ าความยาวคลืน ่ 68
  • 69. หลักของฮอยเกนส์ กล่ าวว่ า แต่ ละจุดบน หน้ าคลืนถือได้ ว่าเป็ นแหล่ งกาเนิดคลืนใหม่ ่ ่ ซึ่งส่ งคลืนออกไปทุกทิศทางด้ วยอัตราเร็ว ่ เท่ ากับอัตราเร็วของคลืนเดิม ่ 69
  • 70. ถ้ าช่ องเปิ ดมีความกว้ างมากกว่ าหรือเท่ ากับ ความยาวคลืน จะเกิดการแทรกสอดกัน ่ A O B  AP - BP = nl d sin  = nl P 70
  • 71. เมื่อคลืนเคลือนทีผ่านช่ องเปิ ดสองช่ องทีวาง ่ ่ ่ ่ ห่ างกันจะเกิดการแทรกสอดเหมือนคลืนทีมา ่ ่ จากแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ สองจุด s1 s2 71
  • 72. ตัวอย่ าง คลืนนาความยาวคลืนเท่ าไร ทีทา ่ ้ ่ ่ ให้ เกิดบัพทั้งหมด 4 บัพ รอบแนวกึงกลาง ่ ของช่ องเปิ ด เมื่อคลืนเคลือนทีผ่านช่ องเปิ ดที่ ่ ่ ่ มีความกว้ าง 2.2 cm 72
  • 73. ตัวอย่ าง คลืนนาหน้ าตรงเคลือนทีผ่านช่ อง ่ ้ ่ ่ เดียวทีมีความกว้ าง 8 cm เมื่อความถีของ ่ ่ ่ คลืนเป็ น 60 Hz พบว่ าจะเกิดแนวบัพ โดย ่ แนวบัพเส้ นทีหกเบนไปจากแนวตรงกลาง ่ 30 องศา คลืนทีเ่ กิดมีอตราเร็วเท่ าไร ่ ั 73
  • 74. 1. จากรู ป ถ้ าแหล่ งกาเนิดคลืนมีความถี่ ่ 1200 Hz ความเร็ว 400 m/s จงหาความเร็ว และความยาวคลืนในตัวกลางที่ 2 ่ 1 300 2 600 74
  • 75. 2. คลืนนาหน้ าตรงในถาดคลืนเคลือนที่จาก ่ ้ ่ ่ บริเวณ 1 ไปยังบริเวณ 2 ทาให้ การหักเหมีลกษณะ ั ดังรู ป ถ้ าแหล่งกาเนิดคลืนมีความถี6 Hz และหน้ า ่ ่ คลืนทีอยู่ถดกันในบริเวณ 1 ห่ างกัน 0.02 m จงหา ่ ่ ั อัตราเร็วของคลืนในบริเวณที่ 2 ่ 450 300 75
  • 76. 3. A และ B เป็ แหล่ งกาเนิดคลืนอาพันธ์ เฟส ่ ตรงกันห่ างกัน 4 cm ให้ คลืนทีมีเฟสตรงกัน ่ ่ จุด P อยู่ห่างจาก A 3 cm และอยู่บนแนว ปิ ฏบัพที่ 2 ในแนว PB จะมีแนวปฏิบัพผ่ าน กีแนว ่ A A2 P B 76
  • 77. 4. S1 และ S2 เป็ นแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ จุด P อยู่บนแนวปฏิบัพที่ 2 โดยระยะ S1P = 12cm และ S2P = 15 cm จงหาความยาวคลืน ่ 77
  • 78. 5. คลืนนาหน้ าตรงมีความยาวคลืน0.02 m ่ ้ ่ ผ่ านตั้งฉากกับช่ องเปิ ดเดียวซึ่งกว้ าง ่ 0.05 m จงหาแนวบัพทีเ่ กิดขึนทั้งหมดมี ้ เท่ าไร 78
  • 79. 6. สระว่ ายนามีด้านหนึ่งนาตืน และอีกด้ าน ้ ้ ้ นาลึก ทาให้ เกิดคลืนโดยพบว่ าคลืนทีนาตืน ้ ่ ่ ่ ้ ้ มีความยาวคลืน 50 cm และความยาวคลืน ่ ่ ในนาลึก 70 cm ถ้ าพบว่ าคลืนในนาตืนมี ้ ่ ้ ้ ความเร็วเท่ ากับ 30 cm/s ความเร็วคลืนในนา ่ ้ ลึกจะมีค่าเท่ าไร 79
  • 80. 7. จากข้ อ 6 ถ้ าหน้ าคลืนทีเ่ กิดในนาตืนทา ่ ้ ้ มุม 30 องศา กับผิวรอยต่ อของนาลึกกับ้ นาตืน มุมหักเหในนาลึกจะเป็ นเท่ าไร ้ ้ ้ 80
  • 81. 8. จากรู ป ความยาวคลืนในตัวกลางที่ 2 ่ เป็ นกีเ่ ซนติเมตร 1 2 3 cm 530 370 81
  • 82. 9. คลืนนาจากแหล่ งกาเนิดคลืนหนึ่งมีความ ่ ้ ่ เร็ว 2 m/s เคลือนที่จากตัวกลางหนึ่งไปยังอีก ่ ตัวกลางหนึ่งโดยทามุมตกกระทบ 30 องศา ทาให้ เกิดมุมหักเห 45 องศา ในตัวกลางที่ 2 ถ้ าคลืนใหม่ ทหักเหมานีมีความยาวคลืน ่ ี่ ้ ่ 0.07 m จงหาความถีของคลืนในตัวกลางที่ 2 ่ ่ 82
  • 83. 10. S1 และ S2 เป็ นแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ บน ถาดคลืนมีความถี่ 60 Hz ความเร็วคลืนผิว ่ ่ นามีค่า1.5 m/s ้ A1 N1 A0 N1 A N3 A 2 N2 1N 2 A2 A3 P N3 A N4 3 N4 S1 S2 Q 83
  • 84. ก) จงหาความยาวคลืน่ ข) ความแตกต่ างระหว่ าง S1P และ S2P ค) ความแตกต่ างระหว่ าง S1Q และ S2Q 84
  • 85. 11. ถ้ าแหล่ งกาเนิดคลืนอาพันธ์ เฟสตรงกัน ่ ห่ างกัน 21 cm กระจายคลืนความถี่ 10 Hz ่ มีอตราเร็ว 40 cm/s การแทรกสอดจะทาให้ ั เกิดแนวบัพ และปฏิบัพ ระหว่ างรอยต่ อของ แหล่ งกาเนิดทั้งสองเท่ าไร 85
  • 86. 12. S1 และ S2 เป็ นแหล่ งกาเนิดอาพันธ์ ให้ คลืนมีความยาวคลืน 2 cm P อยู่ห่างจาก ่ ่ S1 และ S2 8 และ 12 cm S1 P ก) P อยู่บนแนวใด S2 ข) บนเส้ นตรง S1S2 เกิดคลืนนิ่งได้ มากทีสุดกีลูพ ่ ่ ่ ค) ถ้ า S1S2 อยู่ห่างกัน 8 cm จุด P เบนจากแนว กลางกีองศา ่ 86
  • 87. 13. คลืนนาทีมีความเร็ว 30 cm/s ผ่ านช่ อง ่ ้ ่ เปิ ดนีแล้ วไม่ เห็นแนวบัพ คลืนนาควรมี ้ ่ ้ ความถีเ่ ท่ าไร 87
  • 88. 88
  • 89. การทีลูกตุ้มเล็กทีมเี ชือกผูกความยาวเท่ ากับ ่ ่ ลูกตุ้มใหญ่ จะเริ่มสั่ น และช่ วงการสั่ นจะกว้ าง ขึนเรื่อย ๆ ปรากฏการณ์ นีเ้ รียกว่ าการสั่ นพ้อง ้ ซึ่งจะเกิดขึนเมือวัตถุถูกบังคับให้ สั่นด้ วยแรง ้ ่ ภายนอกที่มีความถี่เท่ ากัน หรือเป็ นจานวนเต็ม เท่ าของความถีธรรมชาติของวัตถุน้ันจะมีผล ่ ทาให้ วตถุสั่นด้ วยแอมพลิจูดทีกว้ างกว่ าปกติ ั ่ 89
  • 90. A B 90
  • 91. เมือเพิมความถีให้ สูงขึนจะเกิดลูพเพิมขึน ่ ่ ่ ้ ่ ้ โดยความกว้ างของลูพจะมีความสั มพันธ์ nl L เมื่อ n คือจานวนลูพ 2 91
  • 92. ในกรณีต่าง ๆทีทาให้ เกิดคลืนนิ่งนี้ ความถี่ ่ ่ ของเครื่องสั่ นจะต้ องสอดคล้ องกับความถี่ ธรรมชาติของคลืนในเส้ นเชือกจึงจะทาให้ ่ เกิดการสั่ นพ้อง โดยมีความสั มพันธ์ vnv f   l 2L 92
  • 93. vnv f   l 2L จากสมการความถีททาให้ เกิดการสั่ นพ้อง ่ ี่ หรือคลืนนิ่งในเส้ นเชือก เมื่อ n = 1 การสั่ น ่ ทีเ่ กิดขึนจะมีความถีน้อยทีสุด เรียก ความถี่ ้ ่ ่ มูลฐาน หรือ ฮาร์ มอนิกทีหนึ่ง ่ 93
  • 94. สโตรโบสโคป เป็ นเครื่องมือใช้ ในการวัดหาความยาวคลืน ่ ของนา มีลกษณะเป็ นแผ่ นวงกลมแบ่ งออก ้ ั เป็ นช่ อง ๆ ห่ างเท่ ากัน จานวนหลายช่ อง 1 8 2 7 3 6 4 5 94
  • 95. C B A 1 8 2 7 3 6 4 5 D C B A 2 1 3 8 4 7 5 6 95
  • 96. ถ้ าให้ n = จานวนช่ องของสโตรโบสโคป N = จานวนรอบต่ อวินาทีสูงสุ ดทีหมุน ่ สโตรโบสโคปแล้ วเห็นคลืนอยู่นิ่ง ่ f = ความถีคลืน = nN ่ ่ t0 mn t t  nT fW  mn t0 96
  • 97. ตัวอย่ าง สโตรโบสโคป ชนิดมี 16 ช่ องต่ อรอบ ถ้ าใช้ หาความถีของคลืนนา ปรากฏว่ าถ้ าเริ่ม ่ ่ ้ หมุนจากหยุดนิ่งจนกระทังหมุนได้ 20 รอบ ่ ในเวลา 8 วินาที จะเห็นคลืนนาหยุดนิ่ง ความ ่ ้ ถีของคลืนนามีค่าเท่ าใด ่ ่ ้ 97
  • 98. ตัวอย่ าง มองคลืนนาผ่ านสโตรโบสโคปทีมี ่ ้ ่ 10 ช่ องโดยหมุน 2 รอบในเวลา 1 วินาที ถ้ า คลืนนามีความถี่ 100 Hz จะเห็นคลืนนาหยุด ่ ้ ่ ้ นิ่งหรือไม่ และขณะนั้นคลืนเคลือนทีผ่านไป ่ ่ ่ กีลูก ่ 98
  • 99. ตัวอย่ าง มองคลืนนาผ่ านสโตรโบสโคปที่มี 8 ช่ อง ่ ้ พบว่ าสามารถมองเห็นคลืนหยุดนิ่งได้ เมือสโตร- ่ ่ โบสโคปหมุนด้ วยอัตราเร็วสู งสุ ด10 รอบ/วินาที ถ้ าความยาวคลืนนาวัดได้ 1.5 cm จงหาคาบ ่ ้ ความถี่ และความเร็วของคลืนนา ่ ้ ถ้ าเติมนาให้ ระดับสู งขึน พบว่ าความยาว ้ ้ คลืนยืดออกเป็ น 1.8 cm จงหาความเร็วคลืนนา ่ ่ ้ ในกรณีหลัง 99
  • 100. ตัวอย่ าง เมื่อใช้ สโตรโบสโคป ขนาด 4 ช่ อง หมุนดู คลืนต่ อเนื่อง ขณะหนึ่งหมุน 5 รอบ/วินาที เห็น ่ คลืนอยู่นิ่ง และวัดระยะห่ างระหว่ างสั นคลืนได้ ่ ่ 2 cm และเมือหมุนสโตรโบสโคป ให้ มอตราเร็วสู ง ่ ีั ขึนอีก ก็ไม่ สามารถมองเห็นคลืนอยู่นิ่งอีกเลย คลืน ้ ่ ่ นั้นมีความเร็วเท่ าไร 100
  • 101. ตัวอย่ าง ในการดูท้องคลืนทีมความถี่ 12 Hz ่ ่ ี ผ่ านสโตโบสโคปชนิด 8 ช่ อง ใช้ เวลาในการ หมุน 10 วินาที เห็นท้ องคลืนอยู่นิ่งจงหาคาบ ่ การหมุนของสโตรโบสโคป 101
  • 102. ตัวอย่ าง ในการทดลองวัดความยาวคลืนนา ่ ้ โดยใช้ สโตรโบสโคปชนิด 6 ช่ อง มองดูคลืน ่ นาในถาดคลืน เมือหมุนสโตรโบสโคปด้ วย ้ ่ ่ ความถี่ 4 รอบ/วินาที จะเห็นคลืนอยู่นิ่ง ่ ถ้ าคลืนนามีความเร็ว 15 m/s จงหาความยาว ่ ้ คลืนทีวดได้ ่ ่ั 102