More Related Content
Similar to ร่างพรบ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบฯ ฉบับสธ. (14)
More from ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา (15)
ร่างพรบ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบฯ ฉบับสธ.
- 3. 3
“บริการสาธารณสุข ” หมายความว่า บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งได้แก่
การประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ การประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมาย
ว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพ
การพยาบาลและการผดุงครรภ์ การประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม
การประกอบวิชาชีพกายภาพบาบัดตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพ กายภาพบาบัด การประกอบวิชาชีพเทคนิค
การแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ การประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วย
วิชาชีพเภสัชกรรม การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ประยุกต์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย การประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนตาม
กฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน การประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น หรือ
การให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกาหนด
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการ
สาธารณสุข
“สานักงาน” หมายความว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มี
อานาจออกระเบียบและประกาศ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ระเบียบและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
การคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข
ส่วนที่ 1
การช่วยเหลือเบื้องต้น
มาตรา ๕ ผู้ได้รับผลกระทบ มีสิทธิได้รับเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้น ตามพระราชบัญญัตินี้
หรือตามกฎหมายอื่น โดยไม่ต้องพิสูจน์ความรับผิด
มาตรา ๖ ขอบเขตของสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นของผู้ได้รับผลกระทบตาม บทบัญญัติ
ในมาตรา ๕ มีดังต่อไปนี้
(๑) ผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขหรือผู้ให้บริการสาธารณสุขตาม
กฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้เป็นไปตามที่กาหนดในกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติ
- 4. 4
(2) ผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเป็นผู้ประกันตนหรือผู้ให้บริการทางการแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วย
ประกันสังคมให้เป็นไปตามที่กาหนดในกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม
(3) ผู้ได้รับผลกระทบเฉพาะผู้รับบริการสาธารณสุขซึ่งเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วน
ราชการให้ถือเป็นสวัสดิการจากทางราชการ และให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วน ราชการมีสิทธิได้รับเงิน
ช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงินสวัสดิการตามที่กาหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
(4) ผู้ได้รับผลกระทบอื่นนอกจาก (1) (2) และ (3) รวมทั้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้เป็นไป
ตามที่คณะรัฐมนตรีกาหนด
ส่วนที่ 2
การชดเชย
มาตรา 7 ผู้ได้รับผลกระทบมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามที่กาหนดโดยพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 8 บทบัญญัติในมาตรา 7 มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ผลกระทบสาหรับผู้รับบริการสาธารณสุขที่เกิดขึ้นตามปกติธรรมดาของโรคนั้น
(๒) ผลกระทบซึ่งหลีกเลี่ยงมิได้จากการให้หรือการรับบริการส าธารณสุขตามมาตรฐาน
ทั้งนี้ คณะกรรมการอาจประกาศกาหนดรายละเอียดเพิ่มเติมภายใต้หลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น
หมวด ๒
คณะกรรมการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข
มาตรา 9 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการคุ้มครองผู้ได้รับ
ผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข” ประกอบด้วย
(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เป็นรองประธานกรรมการ
(๒) ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคง ของมนุษย์
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงกลาโหม อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เลขาธิการ
คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เลขาธิการสานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและเลขาธิการสานักงาน
ประกันสังคม
(3) ผู้แทนผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยคาแนะนาของสภาวิชาชีพ
ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเพื่อควบคุมการประกอบวิชาชีพนั้นสภาละหนึ่งคน
(4) ผู้แทนคณะกรรมการวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะเลือกกันเอง
จานวนหนึ่งคน
- 5. 5
(5) ผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทางานด้านคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพ
จานวนห้าคน
(6) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนหกคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน การแพทย์และ
สาธารณสุข ด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขหรือด้านสังคมศาสตร์
การคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการตามวรรคหนึ่ง (4) (5) และ (6) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกาหนดโดยคาแนะนาของคณะกรรมการ
ให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้อธิบดีกรม
สนับสนุนบริการสุขภาพแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสานักงานจานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
มาตรา 10 กรรมการตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (4) (5) และ (6) มีวาระการดารงตาแหน่ง
คราวละสี่ปี และอาจได้รับคัดเลือกหรือแต่งตั้ง ใหม่อีกได้ แต่จะดารงตาแหน่งเกินกว่าสองวาระติดต่อกันไม่ได้
เมื่อครบกาหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการคัดเลือกหรือแต่งตั้งกรรมการ
ขึ้นใหม่ ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตาแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตาแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปจนกว่ากรรมการ
ซึ่งได้รับคัดเลือกหรือได้รับแต่งตั้งเข้ารับหน้าที่ แต่ต้องไม่เกินเก้าสิบวัน นับแต่วันที่กรรมการพ้นจากตาแหน่ง
ตามวาระนั้น
ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจากตาแหน่ง ก่อนครบวาระ ให้ดาเนินการคัดเลือกหรือ
แต่งตั้งกรรมการประเภทเดียวกันแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ตาแหน่งกรรมการนั้นว่างลงและให้ผู้ได้รับ
คัดเลือกหรือได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งแทนอยู่ในตาแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน
ในกรณีที่วาระของกรรมการที่พ้นจากตาแหน่งก่อนครบวาระเหลืออยู่ไม่ถึงเก้าสิบวัน
จะไม่ดาเนินการคัดเลือก หรือแต่งตั้งกรรมการแทนตาแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้ และในการนี้ให้คณะกรรมกา ร
ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่
มาตรา 11 นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง กรรมการตาม
มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (4) (5) และ (6) พ้นจากตาแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๕) ได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่โทษสาหรับความผิดที่ได้กระทา
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๖) รัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อนความสามารถ
- 6. 6
มาตรา ๑2 คณะกรรมการมีอานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) กาหนดนโยบายและมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบ และการสนับสนุนการสร้าง
เสริมความสัมพันธ์ที่ดี ในระบบบริการสาธารณสุข และการพัฒนาระบบความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบ
(2) กาหนดระเบียบเกี่ยวกับการยื่นคาขอรับเงินค่าชดเชยตามมาตรา ๒0
(3) กาหนดจานวนเงินชดเชยระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชยและวิธีการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ได้รับ
ผลกระทบตามมาตรา ๒2
(4) วินิจฉัยอุทธรณ์และกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอุทธรณ์และวิธีพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์
ตามมาตรา ๒2
(5) จัดประชุมรับฟังความเห็นของสถานพยาบาลและผู้ให้และผู้รับบริการสาธารณสุข
เพื่อรับทราบปัญหาข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและพัฒนาระบบความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบ
(6) กาหนดนโยบายการบริหารงานและให้ความเห็นชอบแผนการดาเนินงานของสานักงาน
(7) วิเคราะห์สาเหตุแห่งผลกระทบและพิจารณาหาแนวทางพัฒนาระบบความปลอดภัยและ
ป้องกันผลกระทบตามมาตรา 26
(8) กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การพัฒนาระบบความปลอดภัยและป้องกัน
ผลกระทบเพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดี ในระบบบริการสาธารณสุข
(9) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ของ
คณะกรรมการหรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจมอบหมายหรือมอบอานาจให้สานักงาน
เป็นผู้ดาเนินการแทนได้
มาตรา ๑3 การประชุมคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุม ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จานวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานคณะกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่
อยู่ในที่ประชุมให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธาน
กรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่
ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการ
ลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ในการประชุม ถ้ามีการพิจารณาเรื่องที่ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ใดมีส่วนได้เสีย
ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งให้คณะกรรมการทราบและมีสิทธิเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงหรือ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นแต่ไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและลงคะแนนเสียง
วิธีการประชุมและการมีส่วนได้เสียซึ่งประธานกรรมการหรือกรรมการมีหน้าที่ต้องแจ้ง
ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกาหนด
- 7. 7
มาตรา ๑ 4 คณะกรรมการมีอานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตาม
พระราชบัญญัตินี้หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ดังนี้
(1) คณะอนุกรรมการพิจารณาเงินช ดเชยตามมาตรา ๒ 2 ประกอบด้วย ผู้แทนสานักงาน
ผู้ทรงคุณวุฒิ จานวนสามคนซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ทาง ด้านต่างๆ เช่น นิติศาสตร์ การแพทย์และ
สาธารณสุข การคุ้มครองผู้บริโภคหรืออื่นๆ และผู้แทนสถานพยาบาล ซึ่งต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการ
แพทย์และสาธารณสุขหรือผู้ประกอบโรคศิลปะและผู้แทนผู้รับบริการสาธารณสุข ฝ่ายละหนึ่งคน
(2) คณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยประจาจังหวัด ตามมาตรา ๒2 ประกอบด้วยผู้แทน
สานักงานสาธารณสุขจังหวัด ผู้ทรงคุณวุฒิ จานวนสาม คนซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ทาง ด้านต่างๆ
เช่น นิติศาสตร์ การแพทย์และสาธารณสุข การคุ้มครองผู้บริโภคหรืออื่นๆ และผู้แทนสถานพยาบาล ซึ่งต้อง
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขหรือผู้ประกอบโรคศิลปะ และผู้แทนผู้รับบริการ
สาธารณสุข ฝ่ายละหนึ่งคน
(3) คณะอนุกรรมการอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร
หลักเกณฑ์และวิธีการการได้มา วาระการดารงตาแหน่ง การพ้นจากตาแหน่ง และเขตพื้นที่
รับผิดชอบของคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่ง (๑) (2) และ (3) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกาหนด
ประธานคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่คณะอนุกรรมการแต่ละคณะ
เลือกกันเอง
ให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพหรือนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดที่อธิบดีกรมสนับสนุน
บริการสุขภาพมอบหมายแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ในสานักงานหรือเจ้าหน้าที่ในสานักงานสาธารณสุขจังหวัดแล้วแต่
กรณีเป็นฝ่ายเลขานุการ
ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจแต่งตั้งมากกว่าหนึ่งคณะก็ได้
ให้นามาตรา ๑ 3 มาใช้บังคับกับการประชุม วิธีการประชุม และการมีส่วนได้เสียของ
คณะอนุกรรมการและอนุกรรมการโดยอนุโลม
มาตรา ๑5 ให้ประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการ หรืออนุกรรมการ ได้รับ
เบี้ยประชุม ค่าพาหนะ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก และประโยชน์ตอบแทนอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ตาม
พระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกาหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา ๑ 6 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ประธานกรรมการ กรรมการ
ประธานอนุกรรมการ หรืออนุกรรมการ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑7 ให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ มีอานาจสั่งให้สถานพยาบาล ผู้ได้รับ
ผลกระทบหรือทายาท บุคคล หน่วยงาน หรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทาหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง หรือมาให้ถ้อยคา
ด้วยตนเอง หรือส่งข้อมูลหรือเอกสารหลักฐานตามกาหนดเวลาที่เห็นสมควร
ให้บุคคลที่มาให้ถ้อยคาด้วยตนเองตามวรรคหนึ่งได้รับค่าพาหนะ ค่าเช่าที่พัก และค่าป่วยการ
ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกาหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
- 8. 8
มาตรา ๑8 ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เป็นสานักงานเลขานุการ
ของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ และมีอานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) รับและตรวจสอบคาขอรับเงินชดเชยและคาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(๒) ประสานงานกับสถานพยาบาลเพื่อให้ส่งเวชระเบียนของผู้ได้รับผลกระทบหรือ
ข้อมูลเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑7
(3) ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ องค์กร หรือบุคคลใด ๆ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงหรือ
ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
(4) เก็บ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลการจ่ายเงินค่าชดเชยตามพระราชบัญญัตินี้และวิธีป้องกัน
ผลกระทบเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(5) สนับสนุนการดาเนินงานตามมาตรการส่งเสริมพัฒนาระบบความปลอดภัยและป้องกัน
ผลกระทบ รวมทั้งการสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดี ในระบบบริการสาธารณสุข
(6) มอบให้หน่วยงานของรัฐ องค์กร หรือบุคคลอื่นทากิจการที่อยู่ภายในอานาจหน้าที่ของ
สานักงานตามพระราชบัญญัตินี้
(7) จัดทารายงานประจาปีเกี่ยวกับผลงานและ อุปสรรคในการดาเนินงานของ
คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และสานักงาน เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(8) ประชาสัมพันธ์และแจ้งผู้ยื่นคาขอและประชาชนทั่วไปเพื่อความเข้าใจหลักการและ
เหตุผล ขั้นตอน วิธีการและเงื่อนไขการใช้สิทธิ ตามพระราชบัญญัตินี้
(9) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
หมวด 3
การพิจารณาคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข
มาตรา 19 ผู้ใดเป็น ผู้ได้รับผลกระทบ ตามที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติ นี้ ให้ดาเนินการ
ได้เฉพาะตามขั้นตอนและวิธีการที่กาหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้เท่านั้น
ภายใต้บังคับมาตรา 2 5 ถ้าความปรากฏแก่ศาล ที่มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง
ว่าผู้ได้รับผลกระทบไม่ได้ดาเนินการ ตามขั้นตอนและวิธีการที่กาหนดไว้ใน วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกรณีที่มีกฎหมาย
กาหนดขั้นตอนและวิธีการสาหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายในเรื่อง นี้ไว้โดยเฉพาะ การฟ้องคดีใน
เรื่องทานองนี้จะกระทาได้ต่อเมื่อมีการดาเนินการตามขั้นตอนและวิธีการดังกล่าว หากไม่ปฏิบัติตา มให้ศาล
ที่มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง สั่งจาหน่ายคดีออกจากสารบบความ
มาตรา ๒0 ให้ผู้ได้รับผลกระทบยื่นคาขอรับเงิน ชดเชยตามพระราชบัญญัตินี้ต่อสานักงาน
หรือหน่วยงานหรือองค์กรที่สานักงานกาหนด ภายในสามปีนับแต่วันที่ให้หรือรับบริการสาธารณสุข แต่ทั้งนี้
ต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่ให้หรือรับบริการสาธารณสุข
- 9. 9
ในกรณีที่ผู้ได้รับผลกระทบถึงแก่ชีวิต เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือไม่สามารถยื่นคาขอด้วย
ตนเองได้ บิดามารดา คู่สมรส ทายาท หรือผู้อนุบาล หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดซึ่งได้รับมอบหมายเป็นหนังสือ
จากผู้ได้รับผลกระทบแล้วแต่กรณีอาจยื่นคาขอตามวรรคหนึ่งได้
ผู้ได้รับผลกระทบที่เป็นผู้ให้บริการสาธารณสุขซึ่งอาจได้รับเงินชดเชย ต้องเป็นผู้ให้บริการของ
สถานพยาบาลตามพระราชบัญญัตินี้ และ การจ่ายเงินชดเชยให้แก่ ผู้ได้รับผลกระทบที่เป็นผู้ ให้บริการ
สาธารณสุขหรือทายาทตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการรอนสิทธิของผู้ให้บริการสาธารณสุขหรือทายาทที่จะ
ได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการหรือหน่วยงานต้นสังกัด
การยื่นคาขอตามมาตรานี้จะกระทาด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ ทั้งนี้ ตามวิธีการ รูปแบบ
และรายละเอียดที่คณะกรรมการกาหนดในระเบียบ
มาตรา ๒ 1 เมื่อมีการยื่นคาขอตามมาตรา ๒ 0 ให้อายุความนั้นสะดุดหยุดอยู่ไม่นับ
ในระหว่างนั้นจนกว่าการพิจารณาคาขอเงินชดเชยนั้นจะถึงที่สุดหรือมีการยุติการพิจารณาคาขอตาม
มาตรา 25
มาตรา ๒2 ให้สานักงานหรือหน่วยงานหรือองค์กรที่สานักงานกาหนด แล้วแต่กรณีส่งคาขอ
ตามมาตรา ๒0 ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยหรือคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยประจา
จังหวัดภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคาขอ และให้คณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยหรือคณะอนุกรรมการ
พิจารณาเงินชดเชยประจาจังหวัดวินิจฉัยคาขอให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคาขอ
หากคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยหรือคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยประจาจังหวัดเห็น
ว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบตามมาตรา 7 และไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา 8 ให้ประเมินจานวนเงินค่าชดเชย
ที่ผู้ได้รับผลกระทบพึงจะได้รับเงินชดเชยทั้งหมด
จานวนเงินชดเชยที่ผู้ ได้รับผลกระทบ จะได้รับให้คานึงถึงหลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
เพื่อละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยพิจารณาจากผลกระทบหรือความเดือดร้อนที่ได้รับ
พฤติการณ์แวดล้อม ระดับความรุนแรง การบรรเทาเยียวยาหรือความจาเป็นอื่นๆประกอบด้วย
จานวนเงินชดเชย ระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชย และวิธีการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ได้รับผลกระทบ
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกาหนด ทั้งนี้ ให้คานึงถึง สภาวะทางเศรษฐกิจและ
การเงินการคลังของประเทศ
ในกรณีที่มีเหตุจาเป็น ให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาให้เงินชดเชยออกไปได้ไม่เกินสองครั้ง
ครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน แต่ต้องบันทึกเหตุผลและความจาเป็นในการขยายระยะเวลาทุกครั้งไว้ด้วย
หากคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชย หรือคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยประจา
จังหวัดมีคาวินิจฉัยไม่รับคาขอ หรือผู้ยื่นคาขอไม่พอใจกับจานวนเงินชดเชยที่คณะอนุกรรมการพิจารณาเงิน
ชดเชยหรือคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชยประจาจังหวัดได้วินิจฉัย ผู้ยื่นคาขอมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ
คณะกรรมการตามหลักเกณฑ์และวิธีการอุทธรณ์และวิธีพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ที่คณะกรรมการกาหนด
ในการนี้ ผู้ยื่นคาขออาจเสนอข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการได้
- 10. 10
มาตรา 23 เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินชดเชย หรือคณะอนุกรรมการพิจารณาเงิน
ชดเชยประจาจังหวัด พิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบแล้วเสร็จ ให้สานักงานหรือสานักงาน
สาธารณสุขจังหวัด ดาเนินการดังนี้
(1) แจ้งผลการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทราบ
(2) แจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือสานักงานตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
กฎหมายว่าด้วยประกันสังคมหรือตามกฎหมายอื่นดาเนินการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกาหนด
มาตรา 24 เมื่อผู้ได้รับผลกระทบหรือทายาทตกลงยินยอมรับเงินชดเชยตามพระราชบัญญัติ
นี้แล้ว ให้สิทธิการฟ้องร้องต่อศาลที่มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวงเป็นอันระงับสิ้น
มาตรา 2 5 ในกรณีที่คณะอนุกรรมการประเมินเงินชดเชยหรือคณะอนุกรรมการพิจารณา
เงินชดเชยประจาจังหวัดได้กาหนดจานวนเงินชดเชยแล้ว หากผู้ได้รับผลกระทบหรือทายาทไม่ตกลงยินยอม
รับเงินชดเชยและจะฟ้องคดีต่อศาล ในกรณีนี้ ให้สานักงานยุติการดาเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
และผู้ได้รับผลกระทบหรือทายาทไม่มีสิทธิที่จะยื่นคาขอตามพระราชบัญญัตินี้อีก
หมวด 4
การสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุข
การพัฒนาระบบความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบ
มาตรา 26 ให้คณะกรรมการหรือหน่วยงานที่คณะกรรมการมอบหมาย วิเคราะห์สาเหตุแห่ง
ผลกระทบเพื่อแจ้งให้สถานพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบพิจารณาหาแนวทางพัฒนาระบบความปลอดภัย
และป้องกันผลกระทบ รวมทั้งการสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุขแล้วให้
สถานพยาบาลนั้น ทารายงานการปรับปรุงแก้ไขและส่งให้สานักงานภายในหกเดือน
มาตรา27 ให้สานักงานสนับสนุนสถานพยาบาล หน่วยงาน หรือองค์กรที่ดาเนินกิจกรรม
ด้านการส่งเสริมและพัฒนาระบบความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบ เพื่อดาเนินกิจกรรมด้านการพัฒนา
ระบบความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบ เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุข
- 11. 11
หมวด 5
บทกาหนดโทษ
มาตรา 28 ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการ
ตามมาตรา ๑7 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจาทั้งปรับ
บทเฉพาะกาล
มาตรา 29 ในกรณีที่มีการฟ้องคดีต่อศาลและศาลยังไม่มีคาพิพากษาถึงที่สุด หากผู้ได้รับ
ผลกระทบหรือทายาทประสงค์จะขอรับเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นและ เงินชดเชยตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคา
ขอรับเงิน ช่วยเหลือเบื้องต้นและ เงินชดเชยตามพระราชบัญญัตินี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ภายใต้บังคับตามวรรคหนึ่ง คาขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ดาเนินการตามมาตรา 5 และ
มาตรา 6 ส่วนคาขอรับเงินชดเชยให้ถือว่าเป็นคาขอรับเงินชดเชยตามมาตรา ๒0 แห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 30 ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ประกอบด้วยกรรมการ
ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (๑) (๒) และ (๓) โดยให้คณะกรรมการดังกล่าวมีอานาจหน้าที่ตามมาตรา 9
วรรคสอง
เมื่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่งกาหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการตาม
มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (๔) (5) และ (6) แล้ว ให้รัฐมนตรีดาเนินการให้มีการคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการตาม
มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (๔) (5) และ (6) ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับ
มาตรา 31 การดาเนินการออก พระราชกฤษฎีกา ระเบียบ หรือประกาศ ตาม
พระราชบัญญัตินี้ ให้ดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
.................................
นายกรัฐมนตรี