แปลและเรียบเรียงจาก The Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a
healthy diet.” The Overseas Development Institute.
โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
1. บทนา
สถาบัน The Overseas Development Institute (ODI) ได้เผยแพร่งานวิจัยชิ้นหนึ่งในชื่อ Future
Diets เมื่อปี 2014 โดย Keats และ Wiggins ได้อธิบายการเพิ่มจานวนของผู้ที่มีน้าหนักเกินมาตรฐานและ
เป็นโรคอ้วนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกาลังพัฒนา(ดูแผนภาพที่ 1) ซึ่งยังไม่มีประเทศใดที่เคยทดลอง
ใช้นโยบายที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคอ้วนมาก่อน โดยสาเหตุของโรคอ้วนนั้นมีหลายสาเหตุ เช่น
การเพิ่มขึ้นของรายได้ การกลายเป็นเมืองและการเพิ่มขึ้นของอาชีพที่นั่งทางานอยู่กับที่ ผลกระทบจากสื่อ
และโฆษณา และการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารแต่ละชนิด และการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารนี้ที่เป็น
จุดสนใจของงานวิจัยฉบับนี้
1
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
แปลและเรียบเรียงจาก The rising
cost of a healthy diet.
ทาอย่างไรให้อาหารเพื่อสุขภาพราคาถูกลง?
อ้างอิงรูปภาพ http://i.huffpost.com/gen/2148542/images/o-HEALTHY-FOOD-VS-JUNK-FOOD-facebook.jpg
แผนภาพที่ 1 แสดงการเพิ่มขึ้นของจานวนผู้ที่มีน้าหนักเกินและเป็นโรคอ้วน ช่วงปี 1980-2008
ที่มา: Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute.
ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีงานวิจัยใดที่เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารในแต่ละกลุ่ม โดย
ศึกษาจากตัวอย่างประเทศที่กาลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหม่ งานวิจัยชิ้นนี้จะมุ่งความสนใจไปที่
ประเทศบราซิล จีน และเม็กซิโก ซึ่งเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income) และ
ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในปี 1990 ยังเป็นประเทศกาลังพัฒนาอยู่ เหตุผลที่เลือกประเทศเหล่านี้ เนื่องจาก
เป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่โตเร็วกว่าประเทศอุตสาหกรรมเก่า และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในด้าน
อาหารและราคาของอาหารมาตั้งแต่ปี 1990
แผนภาพที่ 2 แสดงข้อมูลตัวอย่างอาหารจากแต่ละกลุ่ม
เพื่อให้สามารถตรวจสอบตัวอย่างของอาหารแต่ละประเภทที่วางขายอยู่ในร้านค้าปลีกได้
ที่มา: แปลจาก Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute.
โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
2
วัตถุดิบ ธัญญาพืช, พืชหัว, ถั่ว
ผักและผลไม้ ผักและผลไม้
เนื้อสัตว์ ปลา และ
ผลิตภัณฑ์จากนม
ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป
น้อยที่สุด และผลิตภัณฑ์จากนม
น้ามัน ไขมัน และน้าตาล น้ามันและไขมันจากพืช, ไขมันสัตว์,
น้าตาล
 ภาพรวมของราคาอาหารเพื่อสุขภาพ
จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า อาหารเพื่อสุขภาพจะแพงกว่าอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ซึ่ง
เริ่มมีแนวโน้มแบบนี้มาตั้งแต่ 30-40 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าอาหารจาพวกผักและผลไม้จะสามารถหาซื้อได้ง่าย
และมีขายตลอดปีก็ยังมีราคาที่แพงกว่าเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น เนื่องจากคนให้ค่ากับผักและผลไม้
มากนั่นเอง และพฤติกรรมการบริโภคอาหารส่วนใหญ่จะเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหาร
ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
หากเราจะใช้มาตรการภาษีกับสินค้าที่ไม่มีประโยชน์ต้องคานึงถึงผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิด
อื่น เช่น การเก็บภาษีอาหารที่มีเกลือและไขมันเป็นส่วนประกอบอาจส่งผลให้ปริมาณการบริโภคอาหาร
ชนิดอื่นลดลงด้วย ดังนั้น รัฐควรที่จะสนับสนุนราคาอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อราคา
สินค้าชนิดอื่น
อีกทั้งยังพบว่าเมื่อราคาอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพสูงขึ้น ดัชนีมวลกาย(BMI)ของคนจะลดลง
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงพบว่างานวิจัยส่วนใหญ่จะศึกษาผลกระทบของภาษีอาหารที่
ต่ามาก เพียง 5% หรือต่ากว่านั้น ซึ่งอัตราดังกล่าวจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการบริโภคเพียง
เล็กน้อยเท่านั้น ทาให้ได้คาตอบที่ไม่ชัดเจนนักเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีอาหารที่มีต่อการ
เปลี่ยนแปลงการบริโภค
 ราคาอาหารในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่ศึกษาใน 4 ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (บราซิล จีน เม็กซิโกและ
เกาหลีใต้) โดยเฉพาะ พบว่าในละตินอเมริกามีการบริโภคอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มที่มีน้าตาลเป็น
ส่วนผสมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากการทาตลาดอย่างหนักของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิต
อาหารแปรรูปและน้าดื่มเหล่านี้จานวนมาก อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่บอกว่าการใช้มาตรการภาษีนั้นมีความ
เป็นไปได้ในการลดการบริโภคอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มที่มีน้าตาลผสม ซึ่งในเม็กซิโกได้บังคับใช้การ
เก็บภาษีอาหารที่ให้พลังงานสูงและเครื่องดื่มที่มีน้าตาลผสมแล้วเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.2014 ซึ่งก็ต้อง
ติดตามต่อไปว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง
3
โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
3
โดยสรุป มีสองสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ข้อแรกคือราคาผลไม้และผักได้เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี
1990 เป็นต้นมา โดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นปีละ 2-3% และเพิ่มขึ้นสูงถึง 55%-91% ในช่วงปี 1990-2012 ข้อที่
สองคือ อาหารแปรรูป 4 ใน 6 ชนิด ที่ถูกนามาประเมินนั้นพบว่าราคาต่าลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 1990 ขณะที่
อาหารชนิดอื่นๆส่วนใหญ่ราคาจะเพิ่มขึ้นปีละ 1-2% ยกเว้นราคาข้าวในเกาหลีใต้และไก่ในเม็กซิโกที่มีราคา
ต่าลง ดังแผนภาพที่ 3
แผนภาพที่ 3 แสดงการประเมินการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าตั้งแต่ปี 1990
ที่มา: Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute.
2. ข้อสังเกตในงานวิจัย
ข้อสังเกตในงานวิจัย คือ ทาไมผักและผลไม้ถึงกลายมาเป็นสินค้าที่มีราคาสูงเมื่อเทียบกับสินค้าชนิด
อื่น? จากการพิจารณา ปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการทาเกษตร ซึ่งจะทาให้ต้นทุนการผลิต
ลดลง และมีความก้าวหน้าทางการขนส่งอาหารทั้งแบบขายส่งและขายปลีก จึงคาดการณ์ว่าราคาผลผลิต
ทางการเกษตรจะต้องมีราคาลดลง แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ดังนั้น สมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้ คือ การผลิตพืชสวนอาจมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วหาก
ผลิตในปริมาณที่ต่า ต้นทุนในการผลิตจะอยู่ในปริมาณที่ต่า แต่หากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง
จุดหนึ่ง ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นจนบานปลาย นอกจากนี้อาจเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของราคา
เกี่ยวข้องกับคุณภาพของสินค้า หรืออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับราคาแต่อย่างใด แต่ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของ
ผู้บริโภคที่หันมาสนใจสุขภาพมากขึ้นโดยการบริโภคผักและผลไม้ที่มากขึ้นตาม
4
โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
4
อีกข้อสังเกตคือ ทาไมอาหารแปรรูปถึงมีราคาถูก? สิ่งหนึ่งที่เป็นไปได้คืออาหารแปรรูปนั้นไม่ได้ใช้
วัตถุดิบจากในฟาร์ม แต่ผลิตจากส่วนผสมที่ค่อนข้างถูกในโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งความก้าวหน้าทางการ
ผลิตและการปรุงแต่งกลิ่นสีในโรงงานอาจช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยในโรงงานได้ แต่ไม่ใช่อาหารแปรรูปทุก
ประเภทจะมีราคาถูกลง เพราะว่าเมื่อแบ่งอาหารแปรรูปเป็นกลุ่มย่อยๆ จะมีผลิตภัณฑ์บางกลุ่มที่มีแบรนด์
เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์และขายในราคาพรีเมียม แข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกและไม่มีแบรนด์
3. สรุป
จากการทบทวนวรรณกรรมแสดงให้เห็นว่า ราคาของสินค้ามีผลต่อการบริโภคโดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้มี
รายได้น้อย ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาถึงความเป็นไปได้ของ
มาตรการภาษีเพื่อลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จาพวกที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อสุขภาพ หรืออาจจะเป็น
มาตรการให้เงินอุดหนุนในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพื่อเพิ่มการบริโภค การศึกษาส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่า
การจัดเก็บภาษีนั้นอาจจะช่วยลดการบริโภคลงได้ แต่ก็อาจมีผลกระทบ 2 ประการ ดังนี้
1) ภาษีนี้อาจจะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิดอื่น กล่าวคือ เมื่อเก็บภาษีสินค้าชนิดหนึ่งทาให้
อาหารมีราคาสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ทาให้การบริโภคอาหารชนิดนั้นน้อยลงแต่การบริโภคอาหารชนิดอื่นที่มัก
บริโภคคู่กันก็จะลดลงตามด้วย เช่น เนยกับขนมปัง แต่หากอาหารที่บริโภคร่วมกันมีชนิดหนึ่งดีต่อสุขภาพ
และชนิดหนึ่งไม่ดี เมื่อมีมาตรการขึ้นภาษีอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอาจส่งผลต่ออาหารที่กินคู่กัน ซึ่งจะ
กลายเป็นว่าการที่ใช้มาตรการภาษีทาให้คนทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพลดลง ในทางทฤษฎี ปัญหานี้
สามารถที่จะจัดการได้โดยการให้เงินสมทบแก่อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพื่อชดเชยผลกระทบต่อราคา
สินค้าชนิดดังกล่าว แต่ในทางปฏิบัติ คือศึกษาว่าอาหารชนิดใดที่จะอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก
มาตรการภาษี แล้วกาหนดขอบเขตให้ชัดเจน จากนั้นกาหนดระดับเงินสมทบให้เหมาะสมที่สุด
2) อัตราภาษีที่ต่าจะสร้างผลเพียงน้อยนิด หากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการบริโภคจาเป็นต้องใช้
อัตราภาษีในระดับที่ดูสูงจนไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม กล่าวคือต้องสูงกว่าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งใน
อังกฤษอยู่ที่ 20% ซึ่งคาถามในการออกนโยบายนั้นไม่ควรถามว่า ภาษีที่เก็บอาหารที่ไม่มีประโยชน์
จาเป็นต้องสูงขนาดไหนถึงจะทาให้การบริโภคลดลงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ควรจะถามว่า เราจะได้
ประโยชน์แค่ไหนจากการจัดเก็บภาษีอาหารที่ไม่มีประโยชน์ คาตอบสาหรับคาถามแรกน่าจะเป็น ตัวเลขที่
สูงมากพอให้หลุดจากการเป็นรัฐบาลสมัยต่อไปได้ แต่คาตอบสาหรับคาถามที่สอง ก็คงจะน่าตกใจพอๆกับ
ที่ Nnoaham et al, (2009) เคยบอกไว้ คือ สาหรับอังกฤษ มาตรการภาษีและเงินอุดหนุนในอัตราที่น้อย
กว่า 20% สามารถช่วยชีวิตคนที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ไม่น้อยกว่า 6,400 คนต่อปี จากโรคหลอดเลือด
หัวใจและมะเร็ง ซึ่งเป็นการหักล้างกับที่มีคนออกมาโต้แย้งว่าการเก็บภาษีในอัตราที่ต่านั้นไม่ค่อยได้ผล
5
โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
5
ในกรณีที่จะใช้มาตรการเก็บภาษีและให้เงินอุดหนุน ควรเก็บภาษีกับอาหารประเภทที่ให้พลังงานสูง
ส่วนผักและผลไม้ที่มีราคาสูงและราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับอาหารประเภทอื่น ก็ควรที่จะได้รับเงิน
อุดหนุน
หลายเหตุการณ์ในเม็กซิโกชี้ให้เห็นว่าประเทศเศรษฐกิจใหม่หลายๆประเทศก็สามารถนาหน้า
ประเทศรายได้สูงในเรื่องนี้ได้ หลักฐานที่แสดงในงานวิจัยชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่ามาตรการภาษีดังกล่าวในเม็กซิโก
ประสบผลสาเร็จดีมาก จึงเป็นบทเรียนที่มีค่าสาหรับประเทศกาลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหม่อื่นๆ
แผนภาพที่ 4
ที่มา: Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute.
เมื่อเรามองกลับมาที่ประเทศไทย สถานการณ์อาจไม่ร้ายแรงเท่า 4 ประเทศดังกล่าวในงานวิจัย แต่ก็
มีแนวโน้มเดียวกัน กล่าวคือ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในประเทศไทยนั้นมีเพิ่มมากขึ้น และราคาถูกลง อีกทั้งมี
การจัดโปรโมชั่นมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า ในขณะที่ราคาผัก ผลไม้ และอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ มีราคา
เพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มผู้บริโภคที่น่าเป็นห่วงว่าจะได้รับผลกระทบนี้ก็คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเด็กนักเรียน
และวัยรุ่นที่ยังไม่มีรายได้ รวมถึงกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ต้องการความรวดเร็วในการรับประทานอาหาร
รัฐบาลจึงควรเตรียมรับมือกับปัญหาดังกล่าวและไม่ควรนิ่งเฉยกับการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆเกิดขึ้นใน
สังคมไทย โดยเฉพาะสังคมเมืองที่มีคนอ้วนมากขึ้นและเป็นโรคซึ่งเกี่ยวเนื่องกับอาหารที่ไม่ก่อประโยชน์แก่
ร่างกาย
6
โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
6
7
ผู้อานวยการสถาบันคลังปัญญาฯ : ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
บรรณาธิการ: น.ส.ยุวดี คาดการณ์ไกล
แปลและเรียบเรียง: น.ส.ปลายฟ้า บุนนาค
ปีที่พิมพ์: มีนาคม 2559
สานักพิมพ์: มูลนิธิสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ
เพิ่มเติมได้ที่ www.rsu-brain.com
ที่อยู่ติดต่อ
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 52/347 พหลโยธิน 87 ตาบลหลักหก อาเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 12000
โทรศัพท์ 02-997-2200 ต่อ 1283 โทรสาร 02-997-2200 ต่อ 1216
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ อาคารพร้อมพันธุ์ 1 ชั้น 4 637/1 ถนนลาดพร้าว เขตจตุจักร กทม. 10900
โทรศัพท์ 02-930-0026 โทรสาร 02-930-0064
โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
7

ทำอย่างไรให้อาหารเพื่อสุขภาพราคาถูกลง?

  • 1.
    แปลและเรียบเรียงจาก The SteveWiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute. โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 1. บทนา สถาบัน The Overseas Development Institute (ODI) ได้เผยแพร่งานวิจัยชิ้นหนึ่งในชื่อ Future Diets เมื่อปี 2014 โดย Keats และ Wiggins ได้อธิบายการเพิ่มจานวนของผู้ที่มีน้าหนักเกินมาตรฐานและ เป็นโรคอ้วนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกาลังพัฒนา(ดูแผนภาพที่ 1) ซึ่งยังไม่มีประเทศใดที่เคยทดลอง ใช้นโยบายที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคอ้วนมาก่อน โดยสาเหตุของโรคอ้วนนั้นมีหลายสาเหตุ เช่น การเพิ่มขึ้นของรายได้ การกลายเป็นเมืองและการเพิ่มขึ้นของอาชีพที่นั่งทางานอยู่กับที่ ผลกระทบจากสื่อ และโฆษณา และการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารแต่ละชนิด และการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารนี้ที่เป็น จุดสนใจของงานวิจัยฉบับนี้ 1 วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต แปลและเรียบเรียงจาก The rising cost of a healthy diet. ทาอย่างไรให้อาหารเพื่อสุขภาพราคาถูกลง? อ้างอิงรูปภาพ http://i.huffpost.com/gen/2148542/images/o-HEALTHY-FOOD-VS-JUNK-FOOD-facebook.jpg
  • 2.
    แผนภาพที่ 1 แสดงการเพิ่มขึ้นของจานวนผู้ที่มีน้าหนักเกินและเป็นโรคอ้วนช่วงปี 1980-2008 ที่มา: Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute. ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีงานวิจัยใดที่เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารในแต่ละกลุ่ม โดย ศึกษาจากตัวอย่างประเทศที่กาลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหม่ งานวิจัยชิ้นนี้จะมุ่งความสนใจไปที่ ประเทศบราซิล จีน และเม็กซิโก ซึ่งเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle-income) และ ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในปี 1990 ยังเป็นประเทศกาลังพัฒนาอยู่ เหตุผลที่เลือกประเทศเหล่านี้ เนื่องจาก เป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่โตเร็วกว่าประเทศอุตสาหกรรมเก่า และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในด้าน อาหารและราคาของอาหารมาตั้งแต่ปี 1990 แผนภาพที่ 2 แสดงข้อมูลตัวอย่างอาหารจากแต่ละกลุ่ม เพื่อให้สามารถตรวจสอบตัวอย่างของอาหารแต่ละประเภทที่วางขายอยู่ในร้านค้าปลีกได้ ที่มา: แปลจาก Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute. โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 2 วัตถุดิบ ธัญญาพืช, พืชหัว, ถั่ว ผักและผลไม้ ผักและผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา และ ผลิตภัณฑ์จากนม ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป น้อยที่สุด และผลิตภัณฑ์จากนม น้ามัน ไขมัน และน้าตาล น้ามันและไขมันจากพืช, ไขมันสัตว์, น้าตาล
  • 3.
     ภาพรวมของราคาอาหารเพื่อสุขภาพ จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า อาหารเพื่อสุขภาพจะแพงกว่าอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ซึ่ง เริ่มมีแนวโน้มแบบนี้มาตั้งแต่ 30-40 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าอาหารจาพวกผักและผลไม้จะสามารถหาซื้อได้ง่าย และมีขายตลอดปีก็ยังมีราคาที่แพงกว่าเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น เนื่องจากคนให้ค่ากับผักและผลไม้ มากนั่นเอง และพฤติกรรมการบริโภคอาหารส่วนใหญ่จะเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหาร ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หากเราจะใช้มาตรการภาษีกับสินค้าที่ไม่มีประโยชน์ต้องคานึงถึงผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิด อื่น เช่น การเก็บภาษีอาหารที่มีเกลือและไขมันเป็นส่วนประกอบอาจส่งผลให้ปริมาณการบริโภคอาหาร ชนิดอื่นลดลงด้วย ดังนั้น รัฐควรที่จะสนับสนุนราคาอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อราคา สินค้าชนิดอื่น อีกทั้งยังพบว่าเมื่อราคาอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพสูงขึ้น ดัชนีมวลกาย(BMI)ของคนจะลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงพบว่างานวิจัยส่วนใหญ่จะศึกษาผลกระทบของภาษีอาหารที่ ต่ามาก เพียง 5% หรือต่ากว่านั้น ซึ่งอัตราดังกล่าวจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการบริโภคเพียง เล็กน้อยเท่านั้น ทาให้ได้คาตอบที่ไม่ชัดเจนนักเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีอาหารที่มีต่อการ เปลี่ยนแปลงการบริโภค  ราคาอาหารในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่ศึกษาใน 4 ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (บราซิล จีน เม็กซิโกและ เกาหลีใต้) โดยเฉพาะ พบว่าในละตินอเมริกามีการบริโภคอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มที่มีน้าตาลเป็น ส่วนผสมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากการทาตลาดอย่างหนักของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิต อาหารแปรรูปและน้าดื่มเหล่านี้จานวนมาก อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่บอกว่าการใช้มาตรการภาษีนั้นมีความ เป็นไปได้ในการลดการบริโภคอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มที่มีน้าตาลผสม ซึ่งในเม็กซิโกได้บังคับใช้การ เก็บภาษีอาหารที่ให้พลังงานสูงและเครื่องดื่มที่มีน้าตาลผสมแล้วเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.2014 ซึ่งก็ต้อง ติดตามต่อไปว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง 3 โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 3
  • 4.
    โดยสรุป มีสองสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ข้อแรกคือราคาผลไม้และผักได้เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 1990เป็นต้นมา โดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นปีละ 2-3% และเพิ่มขึ้นสูงถึง 55%-91% ในช่วงปี 1990-2012 ข้อที่ สองคือ อาหารแปรรูป 4 ใน 6 ชนิด ที่ถูกนามาประเมินนั้นพบว่าราคาต่าลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 1990 ขณะที่ อาหารชนิดอื่นๆส่วนใหญ่ราคาจะเพิ่มขึ้นปีละ 1-2% ยกเว้นราคาข้าวในเกาหลีใต้และไก่ในเม็กซิโกที่มีราคา ต่าลง ดังแผนภาพที่ 3 แผนภาพที่ 3 แสดงการประเมินการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าตั้งแต่ปี 1990 ที่มา: Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute. 2. ข้อสังเกตในงานวิจัย ข้อสังเกตในงานวิจัย คือ ทาไมผักและผลไม้ถึงกลายมาเป็นสินค้าที่มีราคาสูงเมื่อเทียบกับสินค้าชนิด อื่น? จากการพิจารณา ปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการทาเกษตร ซึ่งจะทาให้ต้นทุนการผลิต ลดลง และมีความก้าวหน้าทางการขนส่งอาหารทั้งแบบขายส่งและขายปลีก จึงคาดการณ์ว่าราคาผลผลิต ทางการเกษตรจะต้องมีราคาลดลง แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้น สมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้ คือ การผลิตพืชสวนอาจมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วหาก ผลิตในปริมาณที่ต่า ต้นทุนในการผลิตจะอยู่ในปริมาณที่ต่า แต่หากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง จุดหนึ่ง ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นจนบานปลาย นอกจากนี้อาจเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของราคา เกี่ยวข้องกับคุณภาพของสินค้า หรืออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับราคาแต่อย่างใด แต่ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของ ผู้บริโภคที่หันมาสนใจสุขภาพมากขึ้นโดยการบริโภคผักและผลไม้ที่มากขึ้นตาม 4 โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 4
  • 5.
    อีกข้อสังเกตคือ ทาไมอาหารแปรรูปถึงมีราคาถูก? สิ่งหนึ่งที่เป็นไปได้คืออาหารแปรรูปนั้นไม่ได้ใช้ วัตถุดิบจากในฟาร์มแต่ผลิตจากส่วนผสมที่ค่อนข้างถูกในโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งความก้าวหน้าทางการ ผลิตและการปรุงแต่งกลิ่นสีในโรงงานอาจช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยในโรงงานได้ แต่ไม่ใช่อาหารแปรรูปทุก ประเภทจะมีราคาถูกลง เพราะว่าเมื่อแบ่งอาหารแปรรูปเป็นกลุ่มย่อยๆ จะมีผลิตภัณฑ์บางกลุ่มที่มีแบรนด์ เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์และขายในราคาพรีเมียม แข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกและไม่มีแบรนด์ 3. สรุป จากการทบทวนวรรณกรรมแสดงให้เห็นว่า ราคาของสินค้ามีผลต่อการบริโภคโดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้มี รายได้น้อย ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาถึงความเป็นไปได้ของ มาตรการภาษีเพื่อลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จาพวกที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อสุขภาพ หรืออาจจะเป็น มาตรการให้เงินอุดหนุนในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพื่อเพิ่มการบริโภค การศึกษาส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่า การจัดเก็บภาษีนั้นอาจจะช่วยลดการบริโภคลงได้ แต่ก็อาจมีผลกระทบ 2 ประการ ดังนี้ 1) ภาษีนี้อาจจะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิดอื่น กล่าวคือ เมื่อเก็บภาษีสินค้าชนิดหนึ่งทาให้ อาหารมีราคาสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ทาให้การบริโภคอาหารชนิดนั้นน้อยลงแต่การบริโภคอาหารชนิดอื่นที่มัก บริโภคคู่กันก็จะลดลงตามด้วย เช่น เนยกับขนมปัง แต่หากอาหารที่บริโภคร่วมกันมีชนิดหนึ่งดีต่อสุขภาพ และชนิดหนึ่งไม่ดี เมื่อมีมาตรการขึ้นภาษีอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอาจส่งผลต่ออาหารที่กินคู่กัน ซึ่งจะ กลายเป็นว่าการที่ใช้มาตรการภาษีทาให้คนทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพลดลง ในทางทฤษฎี ปัญหานี้ สามารถที่จะจัดการได้โดยการให้เงินสมทบแก่อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพื่อชดเชยผลกระทบต่อราคา สินค้าชนิดดังกล่าว แต่ในทางปฏิบัติ คือศึกษาว่าอาหารชนิดใดที่จะอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก มาตรการภาษี แล้วกาหนดขอบเขตให้ชัดเจน จากนั้นกาหนดระดับเงินสมทบให้เหมาะสมที่สุด 2) อัตราภาษีที่ต่าจะสร้างผลเพียงน้อยนิด หากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการบริโภคจาเป็นต้องใช้ อัตราภาษีในระดับที่ดูสูงจนไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม กล่าวคือต้องสูงกว่าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งใน อังกฤษอยู่ที่ 20% ซึ่งคาถามในการออกนโยบายนั้นไม่ควรถามว่า ภาษีที่เก็บอาหารที่ไม่มีประโยชน์ จาเป็นต้องสูงขนาดไหนถึงจะทาให้การบริโภคลดลงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ควรจะถามว่า เราจะได้ ประโยชน์แค่ไหนจากการจัดเก็บภาษีอาหารที่ไม่มีประโยชน์ คาตอบสาหรับคาถามแรกน่าจะเป็น ตัวเลขที่ สูงมากพอให้หลุดจากการเป็นรัฐบาลสมัยต่อไปได้ แต่คาตอบสาหรับคาถามที่สอง ก็คงจะน่าตกใจพอๆกับ ที่ Nnoaham et al, (2009) เคยบอกไว้ คือ สาหรับอังกฤษ มาตรการภาษีและเงินอุดหนุนในอัตราที่น้อย กว่า 20% สามารถช่วยชีวิตคนที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ไม่น้อยกว่า 6,400 คนต่อปี จากโรคหลอดเลือด หัวใจและมะเร็ง ซึ่งเป็นการหักล้างกับที่มีคนออกมาโต้แย้งว่าการเก็บภาษีในอัตราที่ต่านั้นไม่ค่อยได้ผล 5 โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 5
  • 6.
    ในกรณีที่จะใช้มาตรการเก็บภาษีและให้เงินอุดหนุน ควรเก็บภาษีกับอาหารประเภทที่ให้พลังงานสูง ส่วนผักและผลไม้ที่มีราคาสูงและราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับอาหารประเภทอื่น ก็ควรที่จะได้รับเงิน อุดหนุน หลายเหตุการณ์ในเม็กซิโกชี้ให้เห็นว่าประเทศเศรษฐกิจใหม่หลายๆประเทศก็สามารถนาหน้า ประเทศรายได้สูงในเรื่องนี้ได้หลักฐานที่แสดงในงานวิจัยชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่ามาตรการภาษีดังกล่าวในเม็กซิโก ประสบผลสาเร็จดีมาก จึงเป็นบทเรียนที่มีค่าสาหรับประเทศกาลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหม่อื่นๆ แผนภาพที่ 4 ที่มา: Steve Wiggins and Sharada Keats.2015 “The rising cost of a healthy diet.” The Overseas Development Institute. เมื่อเรามองกลับมาที่ประเทศไทย สถานการณ์อาจไม่ร้ายแรงเท่า 4 ประเทศดังกล่าวในงานวิจัย แต่ก็ มีแนวโน้มเดียวกัน กล่าวคือ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในประเทศไทยนั้นมีเพิ่มมากขึ้น และราคาถูกลง อีกทั้งมี การจัดโปรโมชั่นมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า ในขณะที่ราคาผัก ผลไม้ และอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ มีราคา เพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มผู้บริโภคที่น่าเป็นห่วงว่าจะได้รับผลกระทบนี้ก็คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเด็กนักเรียน และวัยรุ่นที่ยังไม่มีรายได้ รวมถึงกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ต้องการความรวดเร็วในการรับประทานอาหาร รัฐบาลจึงควรเตรียมรับมือกับปัญหาดังกล่าวและไม่ควรนิ่งเฉยกับการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆเกิดขึ้นใน สังคมไทย โดยเฉพาะสังคมเมืองที่มีคนอ้วนมากขึ้นและเป็นโรคซึ่งเกี่ยวเนื่องกับอาหารที่ไม่ก่อประโยชน์แก่ ร่างกาย 6 โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 6
  • 7.
    7 ผู้อานวยการสถาบันคลังปัญญาฯ : ศ.ดร.เอนกเหล่าธรรมทัศน์ บรรณาธิการ: น.ส.ยุวดี คาดการณ์ไกล แปลและเรียบเรียง: น.ส.ปลายฟ้า บุนนาค ปีที่พิมพ์: มีนาคม 2559 สานักพิมพ์: มูลนิธิสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ เพิ่มเติมได้ที่ www.rsu-brain.com ที่อยู่ติดต่อ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 52/347 พหลโยธิน 87 ตาบลหลักหก อาเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 12000 โทรศัพท์ 02-997-2200 ต่อ 1283 โทรสาร 02-997-2200 ต่อ 1216 สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ อาคารพร้อมพันธุ์ 1 ชั้น 4 637/1 ถนนลาดพร้าว เขตจตุจักร กทม. 10900 โทรศัพท์ 02-930-0026 โทรสาร 02-930-0064 โครงการคลังปัญญาเพื่อการอภิวัตน์ประเทศไทยในยุคบูรพาภิวัตน์ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต 7