More Related Content
Similar to ทฤษฎีการเรียนรู้
Similar to ทฤษฎีการเรียนรู้ (20)
ทฤษฎีการเรียนรู้
- 3. ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค
ได้ทาการศึกษาทดลองกับสุนัขให้ ยืนนิ่งอยู่ในที่ตรึงใน ห้องทดลอง ที่ข้างแก้มของสุนัขติดเครื่องมือวัดระดับ
การไหลของน้าลาย การทดลองแบ่งออกเป็น 3 ขั้น
ก่อนการวางเงื่อนไข (Before Conditioning)
ระหว่างการวางเงื่อนไข (During Conditioning)
หลังการวางเงื่อนไข (After Conditioning)
การเรียนรู้แบบวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค คือ การตอบสนอง ที่เป็นโดยอัตโนมัติเมื่อนา สิ่งเร้าใหม่
มาควบคุมกับสิ่งเร้าเดิม เรียกว่า พฤติกรรมเรสปอนเด้นท์ (Respondent Behavior) พฤติกรรมการ
เรียนรู้นี้เกิดขึ้นได้ทั้งกับมนุษย์และสัตว์ คาที่พาฟลอฟใช้อธิบายการทดลองของเขานั้น มีส่วนประกอบสาคั
- 4. - สิ่งเร้าที่เป็นกลาง คือ สิ่งเร้าที่ไม่ก่อให้เกิดการตอบสนอง
- สิ่งเร้าที่ไม่ได้วางเงื่อนไข คือ สิ่งเร้าที่ทาให้เกิดการตอบสนองได้ตาม
ธรรมชาติ
- สิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข คือ สิ่งเร้าที่ทาให้เกิดการตอบสนองได้หลังจากถูก
วางเงื่อนไขแล้ว
- 5. วิธีการสอนของพาฟลอฟ
1. ในแง่ของความแตกต่างระหว่างบุคคล
2. การวางเงื่อนไข เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมทางด้านอารมณ์
3. การลบพฤติกรรมที่วางเงื่อนไข
จุดเด่น
1.เน้นการสอนแบบกระตุ้นอารมณ์ของผู้เรียน
2. ยกเว้นการทาโทษผู้เรียนในชั้นเรียน
จุดด้อย
1. สาหรับผู้เรียนที่ไม่มีความกล้าแสดงออก หากผู้สอนกระตุ้นอารมณ์มากๆ อาจจะทาให้ผู้เรียนกลัวและ
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
2. หากผู้เรียนได้รับยกเว้นการทาโทษบ่อยครั้ง อาจทาให้ผู้เรียนละเลยการทากิจกรรมร่วมกับผู้เรียนอื่นๆ
- 6. ตัวอย่างการใช้ทฤษฎีของพาฟลอฟในเรียนรายวิชาภาษาไทย
การอ่านและการสะกดคา เรื่อง คาพ้องรูปและคาพ้องเสียง เช่น
คาว่า เพลา (เพา=ส่วนประกอบของจักรยาน) , เพลา (เพ-ลา=เวลา)
สระ (สะ=แอ่งน้า) , สระ (สะ-หระ=ตัวอักษรที่ใช้ประกอบพยั ชนะ)
ปักเป้า (ปัก-เป้า=ว่าวชนิดหนึ่ง) , ปักเป้า (ปัก-กะ-เป้า=ปลาชนิดหนึ่ง)
ควรฝึกให้ผู้เรียนมีการออกเสียงคา และสามารถแยะแยะคาได้ เพื่อนาไปใช้ให้ถูกกับ
รูปประโยค อาจมีประโยคมาให้และให้ผู้เรียนนาคาเหล่านี้ไปเติมให้ถูกต้อง กิจกรรมนี้ควรจัด
แบ่งกลุ่มให้ผู้เรียนและมีการให้คะแนน มีการจัดลาดับภายในชั้นเรียน เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมี
ความกระตือรือร้นในการสืบค้นข้อมูล และยังเป็นการฝึกการทางานร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น
- 8. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม
เน้นกระบวนการทางปั าหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายใน
ของสมอง นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรม
ที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้นการเรียนรู้ของมนุษย์มีความ
ซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้นการเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการสะสม
ข้อมูล การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้
ในการกระทาและการแก้ปั หาต่างๆ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปั าของ
มนุษย์ในการที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ตนเอง ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สาคั ๆ มี
5 ทฤษฏี
- 9. ทฤษฎีเกสตัลท์ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็น
กระบวนการภายในตัวมนุษย์ บุคคลจะเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้
ดีกว่าส่วนย่อย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นกระบวนการ
คิด การสอนโดยเสนอภาพรวมก่อนการเสนอส่วนย่อย ส่งเสริมให้ผู้เรียนมี
ประสบการณ์มากและหลากหลายซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามรถคิดแก้ปัญหา
คิดริเริ่มและเกิดการเรียนรู้แบบหยั่งเห็นได้
ทฤษฎีสนาม แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมี
แรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทาให้ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนต้องการ หลักการจัดการเรียนการ
สอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าไปอยู่ใน “โลก” ของผู้เรียน การสร้างแรงจูงใจหรือแรงขับโดยการจัด
สิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพและจิตวิทยาให้ดึงดูดความสนใจและสนองความต้องการของผู้เรียนเป็น
สิ่งจาเป็นในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
- 11. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปั า นักคิดคนสาคั ของทฤษฏีนี้มีอยู่2 ท่าน ได้แก่ เพียเจต์
และบรุนเนอร์ แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้เน้นเรื่องพัฒนาการทางสติปั าของ
บุคคลที่เป็นไปตามวัยและเชื่อว่ามนุษย์เลือกที่จะรับรู้สิ่งที่ตนเองสนใจและการเรียนรู้เกิดจา
กระบวนการการค้นพบด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ คานึงถึงพัฒนาการ
ทางสติปั าของผู้เรียนและจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการนั้น ให้ผู้เรียนได้
มีประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมากๆ ควรเด็กได้ค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระและสอนการคิดแบบรวบยอดเพื่อช่วยส่งงเสริมความคิด
สร้างสรรค์ของผุ้เรียน
- 12. วิธีการสอน
เน้นกระบวนการทางปั าหรือความคิด นักคิดกลุ่มนี้เริ่มขยายขอบเขตของความคิดที่เน้นทางด้านพฤติกรรมออกไปสู่กระบวนการ
ทางความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง นักคิดกลุ่มนี้เชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการตอบสนอง
ต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้น การเรียนรู้ของมนุษย์มีความซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจาการสะสมข้อมูล การสร้าง
ความหมาย และความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทาและการแก้ปั หาต่างๆ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปั าของ
มนุษย์ในการที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ตนเอง
จุดเด่น
1.ยึดผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลางในการเรียนการสอน
2. ให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่
จุดด้อย
1. ความรู้ที่ผู้เรียนได้รับอาจบกพร่องหรือไม่ครบถ้วน
- 16. ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์เชิงจิตวิเคราะห์ นักจิตวิทยาทางจิตวิเคราะห์หลาย
คน เช่น ฟรอยด์ และคริส ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเกิดความคิดสร้างสรรค์ว่า
ความคิดสร้างสรรค์เป็นผลมาจากความขัดแย้งภายในจิตใต้สานึกระหว่างแรงขับทาง
เพศ (Libido) กับความรู้สึกรับผิดชอบทางสังคม (Social conscience) ส่วน
คูไบ และรัค ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาแนวใหม่ กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์นั้นเกิดขึ้น
ระหว่างการรู้สติกับจิตใต้สานึก ซึ่งอยู่ในขอบเขตของจิตส่วนที่เรียกว่า
จิตก่อนสานึก
- 18. 1. ความคิดริเริ่ม (Originality) หมายถึง ความคิดแปลกใหม่ไม่ซ้ากันกับความคิดของคนอื่นและแตกต่างจากความคิดธรรมดา
ความคิดริเริ่มอาจเกิดจากการคิดจากเดิมที่มีอยู่แล้วให้แปลกแตกต่างจากที่เคยเห็น หรือสามารถพลิกแพลงให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่เคย
คาดคิด ความคิดริเริ่มอาจเป็นการนาเอาความคิดเก่ามาปรุงแต่งผสมผสานจนเกิดเป็นของใหม่ ความคิดริเริ่มมีหลายระดับซึ่งอาจเป็น
ความคิดครั้งแรกที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครสอนแม้ความคิดนั้นจะมีผู้อื่นคิดไว้ก่อนแล้วก็ตาม
2. ความคิดคล่องแคล่ว (Fluency) หมายถึง ปริมาณความคิดที่ไม่ซ้ากันในเรื่องเดียวกัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
2.1 ความคล่องแคล่วทางด้านถ้อยคา (Word Fluency) เป็นความสามารถในการใช้ถ้อยคาอย่างคล่องแคล่ว
2.2 ความคิดคล่องแคล่วทางด้านการโยงสัมพันธ์(Associational Fluency) เป็นความสามารถที่จะคิดหาถ้อยคาที่
เหมือนกันได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ภายในเวลาที่กาหนด
2.3 ความคล่องแคล่วทางด้านการแสดงออก (Expression Fluency) เป็นความสามารถในการใช้วลีหรือประโยค
กล่าวคือ สามารถที่จะนาคามาเรียงกันอย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้ประโยคที่ต้องการ
2.4 ความคล่องแคล่วในการคิด(Ideational Fluency) เป็นความสามารถที่จะคิดค้นสิ่งที่ต้องการภายในเวลาที่กาหนด
เช่น ใช้คิดหาประโยชน์ของก้อนอิฐให้ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กาหนดซึ่งอาจเป็น 5 นาที หรือ 10 นที
- 19. 3. ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถึง ประเภทหรือแบบของการคิดแบ่งออกเป็น
3.1 ความคิดยืดหยุ่นที่เกิดขึ้นทันที (Spontaneous Flexibility) เป็นความสามารถที่จะพยายามคิดได้
หลายทางอย่างอิสระตัวอย่างของคนที่มีความคิดยืดหยุ่นในด้านนี้จะคิดได้ว่าประโยชน์ของหนังสือพิมพ์มีอะไรบ้าง
ความคิดของผู้ที่ยืดหยุ่นสามารถจัดกลุ่มได้หลายทิศทางหรือหลายด้าน เช่น เพื่อรู้ข่าวสาร เพื่อโฆษณาสินค้า เพื่อธุรกิจ
ฯลฯ ในขณะที่คนที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์จะคิดได้เพียงทิศทางเดียว คือ เพื่อรู้ข่าวสาร เท่านั้น
3.2 ความคิดยืดหยุ่นทางด้านการดัดแปลง(Adaptive Flexibility) หมายถึง ความสามารถในการ
ดัดแปลงความรู้ หรือประสบการณให้เกิดประโยชน์หลายๆด้าน ซึ่งมีประโยชน์ต่อการแก้ปั หา ผู้ที่มีความยืดหยุ่นจะคิด
ดัดแปลงได้ไม่ซ้ากัน
4. ความคิดละเอียดละออ (Elaboration) หมายถึง ความคิดในรายละเอียดเป็นขั้นตอน สามารถอธิบายให้เห็น
ภาพชัดเจน หรือเป็นแผนงานที่สมบูรณ์ขึ้น ความคิดละเอียดละออจัดเป็นรายละเอียดที่นามาตกแต่งขยายความคิดครั้ง
แรกให้สมบูรณ์ขึ้น