More Related Content
Similar to นวัตกรรมช่วยสอน
Similar to นวัตกรรมช่วยสอน (20)
นวัตกรรมช่วยสอน
- 1. นวัตกรรมช่วยสอน บทสไลด์ (Power Point) ประกอบการเรียนการสอนแบบฝึกทักษะ การอ่านออกเสียง ร้อยแก้วและร้อยกรอง ระดับมัธยมศึกษาต้อนต้น โดย ครูปราณี ศาตะนิมิ กศน.ไทรน้อย ป.บัณฑิต รุ่นที่ 4
- 3. ความหมายนวัตกรรม นวัตกรรม หมายถึงความคิด การปฏิบัติรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อนหรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงมาจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้ทันสมัยและใช้ได้ดียิ่งขึ้นเมื่อนำนวัตกรรมมาใช้จะช่วยให้การทำงานนั้นได้ผลดีมีประสิทธิภาพแลประสิทธิผลสูงกว่าเดิมทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้ด้วย
- 5. ความหมาย e-learning ผศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง ให้คำนิยาม e-learning หรือ Electronic learningว่าหมายถึงกราเรียในรูปของสือมัลติมิเดียได้แก่ ข้อคาวมอิเลคทรอนิกส์ ภาพนิ่ง ภาพกราฟิก วิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว ภาพสามมิติฯลฯ
- 6. ความหมาย e-learning คุณธิดาทิตย์ จันคนา ที่ให้ความหมายของ e-learning หมายถึงการศึกษาที่เรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตโดยผู้เรียนรู้จะเรียนรู้ด้วยตัวเองการเรียนรู้จะเป็นไปตามปัจจัยภานใต้ทษฎีแห่งการเรียนรู้สองประการคือ
- 7. ความหมาย e-learning เรียนตามความรู้บุคคลใช้ในการเรียนรู้ การเรียนจะกระทำผ่านสื่อบนเครือข่ายอินเตอร์เนตโดยผู้สอนปฎิจะนำเสนอข้อมูลความรู้ให้ผู้เรียน ได้ทำการศึกษาผ่านบริการ world wide web หรือเวปไซด์ โดยอาจให้มีปฎิสัมพันธ์(สนทนา โต้ตอบ ส่งข้าวสาร)ระหว่างกันจะมีการเรียนรู้สามรูปแบบคือ ผู้สอนกับผู้เรียนผู้เรียนกับผู้เรียนอีกคนหนึ่ง หรือผู้เรียนหนึ่งคนกับกลุ่มของผู้เรียนปฎิสัมพันธ์นี้สามารถกระทำผ่านเครื่องมือสองลักษณะคือ
- 8. ปัจจุบันควาเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และความทันสมัย ด้านเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการผลิตวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ อำนวนความสะดวกสบาบมากขึ้นผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาไม่มีข้อจำกัด นักเรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดการเรียนรู้มากขึ้น ครูเป็นเพียงผู้จัดสภาพแวดล้อม คอยให้คำแนะนำ สนันสนุนช่วยเหลือ กระตุ้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ดังนั้น ครูผู้สอนจึงนำคอมพิวเตอร์มัลติมิเดีย หรือนำเสนอโดยโปรแกรม microsoft office (powerpoint) สรุปการเรียนรู้ยนทุกเรื่อง นักเรียนจะได้รับความรู้สิ่งใหมๆ มองเห็นภาพพจน์ตื่นเต้นเร้าใจ ได้รับความรู้ทันต่อเหตุการณ์โลก และช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้บรรลุจุดมุ่งหมายของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- 9. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน(cai) สำรับการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน(cai) เป็นการสอนรายบุคคลที่ได้รับการพัฒนาและนำหลักการจากบทเรียนโปรแกรมมาออกแบบ โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อเพราะคอมพิวเตอร์สามารถแก้ไขข้อบกพร่องของบทเรียนแบบโปรแกรมได้ เช่นความเร็วในการเสนอเนื้อหา การซ่อนคำตอบ การเสริมแรง การนำคอมพิวเตอร์มาใช่เป็นเครื่องมือในการสอนโดยอธิบายเนื่อหาและบททบทวนให้นักเรียนแทนครู หรือให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด ตามลำดับขันตอนอย่างเป็นระบบ หรือการออกแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยยึดหลักการออกแบบซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเรียนจากบทเรียนแล้ว ก่อให้เกิดความคิดและการเรียนรู้ตามกระบวนการที่เหมาะสม และทฤษฎีการเรียนที่เกี่ยวข้องได้นำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบบทเรียน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยขั้นตอนการสอนที่เป็นระบบการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเรียนรู้ดังกล่าว ย่อมทำให้แน่ใจได้ว่าคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจะเป็นบทเรียนที่มีประสิทธิภาพ
- 12. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดไปใช้ตัดสินใจแก้ไข้ปัญหาและสร้างวิสัยทัศน์ ในการดำเนินชีวิตและวินัยรักการอ่าน ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ๑.อ่านออกเสียงร้อยแก้วและร้อยกรองโดยสอดแทรกอารมณ์ ความรู้สึกให้เหมาะสมกับเนื้อหาสาระ ๒.อ่านวรรณคดี วรรณกรรมหลากหลายเลือกอ่านหนังสือได้ตามความชอบ
- 15. ๓.ด้านคุณลักษณะ ๑. เป็นผู้มีความรู้ในการใช้ภาษา และใช้ภาษาได้ถูกต้อง ๒. เป็นผู้มีวิจารณญาณ และมีเหตุผล ๓. เป็นผู้ใช้ภาษาได้สละสลวย งดงาม และเลือกใช้ถ้อยคำที่ไพเราะ ในการสื่อสาร ๔. เป็นผู้ใช้ภาษาได้ถูกต้องตามหลักภาษา ๕. เป็นมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ในการใช้ภาษา และสร้างสรรค์ผลงานทางภาษา
- 18. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง สามัคคี คำชี้แจง : ให้นักเรียนเตรียมกระดาษคำตอบ เพื่อทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ ข้อใดเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ผู้อ่านอ่านสาร ต่าง ๆ เข้าใจ ก. สุขภาพกายดี ข. อายุสมองปกติ ค. มีความสนใจที่จะอ่าน ง. มีความพร้อมที่จะอ่าน ๒. ทักษะการอ่านในข้อที่สูงสุด ก. จำได้ ข. อ่านได้ ค. เข้าใจได้ ง. เปรียบเทียบได้
- 19. ๓. กิจกรรมใดที่มีความสัมพันธ์กับการพัฒนาทักษะการอ่าน ก. ทำงานด้านพิสูจน์อักษร ข. ทำงานเป็นบรรณารักษ์ ค. ชอบอ่านหนังสือทุกประเภท ง. สอนวิชาภาษาไทยในระดับมัธยม ๔. การอ่านแบบใดที่ใช้วิจารณญาณระดับสูง ก. การอ่านให้เข้าใจ ข. การอ่านให้รู้เรื่อง ค. การอ่านโดยละเอียด ง. การอ่านด้วยหลักเหตุผล
- 21. ๗. ข้อใดมิใช่สาเหตุที่ทำให้อ่านหนังสือไม่เข้าใจ ก. ไม่มีความตั้งใจ ข. ไม่มีพื้นความรู้เพียงพอ ค. ไม่ได้อ่านหนังสือบ่อย ๆ ง. มีปัญญาเกี่ยวกับสายตา ๘. ขั้นตอนใดของการอ่านที่ช่วยให้ผู้อ่านมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ก. วางเป้าหมาย ข. สำรวจข้อมูล ค. ตั้งคำถามทบทวน ง. สังเกตส่วนประกอบ
- 22. ๙. การตั้งคำถามทบทวนหลังการอ่าน หมายถึงควรตั้งตามข้อใด ก. ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม ข. ใคร ทำอะไร กับใคร เมื่อไร ที่ไหน ค. ใคร ทำอะไร ที่ไหน กับใคร ทำไม ง. ใคร ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไร ๑๐. การอ่านอย่างมีสมาธิมีผลดีอย่างไร ก. ทำให้อ่านอย่างมีจุดมุ่งหมาย มิใช่ อ่านอย่างเคว้งคว้าง ข. ทำให้ความคิดซึมซาบเข้าสู่สมอง อย่างมีระบบ และจำได้นาน ค. ทำให้ไม่ง่วงนอน และเข้าใจเรื่องราว ที่อ่านได้ดีกว่าที่เคยเป็น ง. เพื่อจะได้บังคับสมอง และใช้ความตั้งใจ ในการอ่านว่าควรอยู่ในระดับใด
- 24. สาระสำคัญ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว เป็นการอ่านให้ผู้อื่นฟัง จึงต้องศึกษาเรื่องที่จะอ่านให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อจะได้แบ่งประโยคของข้อความ รู้จักเน้นหรือย้ำในส่วนที่เห็นว่าสำคัญอ่านให้คล่อง ชัดถ้อยชัดคำ และสอดแทรกอารมณ์ความรู้สึกตามเนื้อเรื่อง เพื่อให้ผู้ฟังได้รับรู้เนื้อหาสาระและอารมณ์ของเรื่องที่อ่าน
- 27. การอ่านออกเสียง จำแนกออกเป็น ๒ ลักษณะ คือ ๑. การอ่านออกเสียงตามปกติ คือ การออกเสียงตามปกติทั่วไป อ่านได้ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง เป็นต้นว่า การอ่านตีบท การอ่านข่าว การอ่านประกาศ การอ่านสารคดี อ่านบทความ หรือการอ่านข้อความประกอบภาพนิ่ง บรรยาย ในภาพยนตร์ การอ่านลักษณะนี้มุ่งเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจและลำดับเรื่องได้โดยตลอด อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน และมีความคิดคล้อยตาม ผู้อ่าน
- 29. ๒. หลักการอ่านทำนองเสนาะ การอ่านทำนองเสนาะ เป็นการอ่านออกเสียงอย่างหนึ่งที่นำมาใช้อ่านบทร้อยกรองโดยเฉพาะ เช่นในวรรณคดีไทยบางเรื่อง เพื่อให้เกิดความไพเราะ น่าฟังแต่มิใช่เป็นการขับร้อง หรือการร้องอย่างทำนองเพลงการอ่านทำนองเสนาะมุ่งที่จะให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเกิดความรู้สึกดื่มด่ำเสนาะหู ซาบซึ้ง มองเห็นความมีศิลปะในการใช้ถ้อยคำที่ดี มีการส่งสัมผัสสระหรือสัมผัสอักษร เวลาอ่านจะเกิดความไพเราะ ทั้งเสียงและความหมายก่อให้เกิดจินตนาการและเกิดอารมณ์คล้อยตามบท ร้อยกรองนั้น ๆ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้อ่านจดจำเนื้อความถ้อยคำที่อ่านได้ง่ายและเร็วขึ้นด้วย ดังนั้น การอ่านทำนองเสนาะจึงมีระเบียบและหลักเกณฑ์ในการอ่านหลายประการดังนี้ ๒.๑ ต้องรู้จักฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ไทยประเภทร้อยกรองทุกชนิด ๒.๒ ต้องอ่านให้ถูกทำนองและหลักฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ แต่ละชนิด ๒.๓ ควรมีน้ำเสียงดี ๒.๔ สามารถออกเสียงถ้อยคำแต่ละคำได้อย่างถูกต้อง ๒.๕ ต้องหมั่นฝึกฝนหัดอ่านอย่างสม่ำเสมอและเอาใจใส่ การฝึกอ่าน ออกเสียงให้มีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกนานพอสมควร เพื่อให้เกิดทักษะ
- 30. วิธีฝึกการอ่านในใจ ให้มีประสิทธิภาพ ทำได้ดังนี้ อ่านข้อความง่าย ๆ ไม่มีคำศัพท์มาก ไม่ซับซ้อน ยาวประมาณ ๓๐๐ คำ จับเวลาว่าใช้เวลาในการอ่านข้อความนั้นนานเท่าใด ตั้งคำถาม ถามตนเองเกี่ยวกับเรื่องราว หรือข้อความที่อ่านนั้น ๔. ตอบคำถามตามข้อ ๓ ได้มากน้อยเพียงใด ๕. อ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง พยายามทำเวลาในการอ่านให้น้อย ลงกว่าเดิม ๖. ตอบคำถามที่ตั้งไว้ในข้อ ๓ อีกครั้งว่า ตอบได้ดีกว่าครั้งแรก หรือไม่
- 31. แบบทดสอบหลังเรียน (เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยแก้วและร้อยกรอง) คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ โดยเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว ๑. ข้อใดเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ผู้อ่าน อ่านสาร ต่าง ๆ เข้าใจ ก. สุขภาพกายดี ข. อายุสมองปกติ ค. มีความสนใจที่จะอ่าน ง. มีความพร้อมที่จะอ่าน
- 32. ๒. ทักษะการอ่านในข้อที่สูงสุด ก. จำได้ ข. อ่านได้ ค. เข้าใจได้ ง. เปรียบเทียบได้ ๓. กิจกรรมใดที่มีความสัมพันธ์กับการพัฒนาทักษะการอ่าน ก. ทำงานด้านพิสูจน์อักษร ข. ทำงานเป็นบรรณารักษ์ ค. ชอบอ่านหนังสือทุกประเภท ง. สอนวิชาภาษาไทยในระดับมัธยม
- 33. ๔. การอ่านแบบใดที่ใช้วิจารณญาณระดับสูง ก. การอ่านให้เข้าใจ ข. การอ่านให้รู้เรื่อง ค. การอ่านโดยละเอียด ง. การอ่านด้วยหลักเหตุผล ๕. การอ่านหนังสือให้เกิดภาพพจน์จะต้องอาศัยข้อใดเป็นพื้นฐาน ก. ความรู้ ข. ความเข้าใจ ค. จินตนาการ ง. ประสบการณ์
- 35. ๗. ข้อใดมิใช่สาเหตุที่ทำให้อ่านหนังสือไม่เข้าใจ ก. ไม่มีความตั้งใจ ข. ไม่มีพื้นความรู้เพียงพอ ค. ไม่ได้อ่านหนังสือบ่อย ๆ ง. มีปัญญาเกี่ยวกับสายตา ๘. ขั้นตอนใดของการอ่านที่ช่วยให้ผู้อ่านมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ก. วางเป้าหมาย ข. สำรวจข้อมูล ค. ตั้งคำถามทบทวน ง. สังเกตส่วนประกอบ
- 36. ๙. การตั้งคำถามทบทวนหลังการอ่าน หมายถึงควรตั้งตามข้อใด ก. ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม ข. ใคร ทำอะไร กับใคร เมื่อไร ที่ไหน ค. ใคร ทำอะไร ที่ไหน กับใคร ทำไม ง. ใคร ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไร ๑๐. การอ่านอย่างมีสมาธิมีผลดีอย่างไร ก. ทำให้อ่านอย่างมีจุดมุ่งหมาย มิใช่ อ่านอย่างเคว้งคว้าง ข. ทำให้ความคิดซึมซาบเข้าสู่สมอง อย่างมีระบบ และจำได้นาน ค. ทำให้ไม่ง่วงนอน และเข้าใจเรื่องราว ที่อ่านได้ดีกว่าที่เคยเป็น ง. เพื่อจะได้บังคับสมอง และใช้ความตั้งใจ ในการอ่านว่าควรอยู่ในระดับใด