More Related Content
Similar to การศึกษาผลการใช้กิจกรรมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง “ความคล้าย” โดยใช้กิจก (20)
การศึกษาผลการใช้กิจกรรมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง “ความคล้าย” โดยใช้กิจก
- 1. ผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
ชื่อผลงาน การศึกษาผลการใช้กิจกรรมและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง “ความคล้าย”
โดยใช้กิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนยกตัวอย่างและตั้งคาถามของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/8
โรงเรียนนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
ชื่อผู้นาเสนอ นางสาวกัลยา ปาสอ
โรงเรียน นราธิวาส ตาบลโคกเคียน อาเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 15
โทรศัพท์ 073-541771 โทรสาร 073-541773
โทรศัพท์มือถือ 089-7324868 e-mail kanya_tato@hotmail.co.th
1. ความสาคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นาเสนอ
จากผลการประเมิน Math test ที่ผ่านมาพบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลการทดสอบ
คิดเป็นค่าเฉลี่ย 8.66 จากคะแนนสอบทั้งหมด 30 คะแนน และในฐานะที่ผู้รายงานเป็นครูผู้สอนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3/8 พบว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 6.82 ซึ่งต่ากว่าคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ชั้นปีที่ 3 (วิชาการโรงเรียนนราธิวาส. 2557)
จากประสบการณ์การสอนของผู้วิจัยซึ่งเป็นครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ของโรงเรียนนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมักจะใช้วิธีการสอนด้วยการอธิบายเนื้อหา ใช้การบอกกฎ หลักการ
ยกตัวอย่าง แล้วให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดตามหนังสือเรียน และจากการสอบถามครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 เกี่ยวกับปัญหาการเรียนเรื่อง ความคล้าย พบว่านักเรียนประสบปัญหาในการเรียนรู้เรื่อง “ความคล้าย”
ที่สาคัญดังต่อไปนี้คือ 1. นักเรียนส่วนใหญ่บอกได้ว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปคล้ายกันหรือไม่ แต่ไม่สามารถบอก
หรือแสดงเหตุผลได้ 2. นักเรียนไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความคล้ายได้ เนื่องจากนักเรียนไม่สามารถ
นาสิ่งที่โจทย์กาหนดให้มาเขียนเป็นแผนภาพรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่คล้ายกันได้ 3. นักเรียนไม่สามารถนา
ความรู้เรื่องสามเหลี่ยมที่คล้ายกันไปประยุกต์ใช้ได้
ผู้วิจัยจึงเห็นว่าการจัดการเรียนการสอนในเนื้อหา “ความคล้าย” เป็นปัญหา จึงได้ค้นคว้าหาวิธีเพื่อ
ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง “ความคล้าย” ซึ่งจากการค้นคว้านั้นพบว่า การจัดการเรียนการสอนโดย
ใช้กิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนยกตัวอย่างและตั้งคาถาม ทาให้ผู้เรียนได้แสดงออกในการคิดและการให้เหตุผล
เป็นการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งให้นักเรียนรู้จักคิด และช่วยส่งเสริมความสามารถในการเรียนได้
การจัดกิจรรมที่เน้นให้นักเรียนยกตัวอย่าง เป็นการสะท้อนผลการเรียนรู้ซึ่งวัดถึงความเข้าใจของ
ผู้เรียน ดังคากล่าวของ Thomus Butts (1980: 26) กล่าวไว้ว่า การที่ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างนั้น สามารถ
วัดถึง “ความเข้าใจ” ซึ่งดีกว่า การตั้งโจทย์หรือแบบฝึกหัดในลักษณะ เช่น แบบให้เติม ถูก - ผิด แบบหลาย
ตัวเลือก แบบเติมคาในช่องว่าง และแบบจับคู่สิ่งที่สัมพันธ์กัน เป็นต้น ซึ่งเป็นการวัดผลเกี่ยวกับ “ความรู้
ความจา” แต่ไม่ได้วัดถึง “ความเข้าใจ” และสอดคล้องกับ ยุพิน พิพิธกุล (2530: 162) กล่าวว่า “ครูควรเปิด
โอกาสให้นักเรียนยกตัวอย่าง เพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียน เช่น ครูสอนกฎการแยกแฟกเตอร์ a2 b2
( a b ) ( a b ) เสร็จแล้วครูก็ให้นักเรียนยกตัวอย่าง เพื่อแสดงให้เห็นว่า a และ b นั้นเป็นเพียง
สัญลักษณ์ใด ๆ เท่านั้น อาจจะเปลี่ยน a และ b เป็นตัวอื่นได้”
นอกจากการจัดกิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนยกตัวอย่างดังข้างต้นแล้ว การจัดกิจกรรมที่เน้นให้นักเรียน
ตั้งคาถามก็เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนที่สาคัญที่ครูผู้สอนควรนามาใช้ ดังคากล่าวของ ปรีชา เนาว์เย็นผล
- 2. (2538: 67) ที่กล่าวไว้ว่า ครูควรให้นักเรียนฝึกหัดตั้งคาถามเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจ เนื้อหาและทาให้สามารถมองเห็นแนวทางในการหาคาตอบของคาถามและสอดคล้องกับ สสวท. (2551: 177) ที่กล่าวไว้ว่า ครูควรฝึกให้นักเรียนสร้างคาถามใหม่ โดยอาศัยแนวคิดจากตัวอย่างหรือแบบฝึกหัดที่ทาเสร็จแล้ว และได้คาตอบเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ การคิดตั้งคาถามนามาซึ่งความรู้และส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน เพราะการตั้งคาถามเป็นการสร้างปัญญา ซึ่งสอดคล้องกับหลักพุทธศาสนา คือ ปุจฉา - วิสัชนา ยิ่งตั้งคาถามก็ จะยิ่งได้คาตอบ ยิ่งได้ความรู้และมีการถกเถียง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้มุมมองที่แตกต่าง และสร้างปัญญาเพิ่ม (ทันทรรศ์(นามแฝง), 2549: 33-34) และการคิดตั้งคาถามเป็นสิ่งสาคัญที่นามาซึ่งการเรียนรู้ เพราะคาถามคือ ตัวช่วยนาทาให้การตอบสนองของกลุ่มในการเรียนรู้มีประสิทธิภาพและส่งผลต่อการเรียนรู้ของตัวบุคคล (Marquard, 2007)
จะเห็นได้ว่า การจัดกิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนยกตัวอย่างและตั้งคาถามนั้น เป็นกิจกรรมการเรียนการ สอนที่สาคัญ ซึ่งการให้นักเรียนยกตัวอย่างตามเงื่อนไขที่ผู้สอนกาหนดเป็นการตรวจสอบผลการเรียนของ นักเรียน และเป็นการวัดผลถึงความเข้าใจของนักเรียนซึ่งเป็นขั้นที่สูงกว่าความรู้ ความจา และการที่นักเรียน ฝึกตั้งคาถามด้วยตนเองนั้นเป็นการฝึกให้นักเรียนมีคุณลักษณะเป็นผู้ใฝ่รู้ ช่างสงสัย มุ่งมั่นหาคาตอบ รู้จักคิด วิเคราะห์ ถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นอกจากนี้การจัดกิจกรรมโดยเน้นให้นักเรียนยกตัวอย่างและตั้ง คาถาม ยังช่วยให้ผู้สอนสามารถวัดผลด้านความเข้าใจของนักเรียนจากการให้นักเรียนยกตัวอย่างตามเงื่อนไขที่ ผู้สอนกาหนด และช่วยให้ผู้สอนเข้าใจว่านักเรียนรู้อะไร และขั้นตอนต่อไปจะวางแผนอะไรเพื่อตอบคาถาม จากการตั้งคาถามด้วยตนเอง นักเรียนจะมีความเชื่อมั่นในการสร้างความท้าทายทางคณิตศาสตร์ด้วยตนเอง และยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางคณิตศาสตร์
ดังนั้น ผู้วิจัยต้องการหาคาตอบของคาถามวิจัยที่ว่า การใช้กิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนยกตัวอย่างและตั้ง คาถาม ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายมีลักษณะอย่างไร และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์เรื่อง “ความ- คล้าย” โดยใช้กิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนยกตัวอย่างและตั้งคาถามหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นอย่างไร