More Related Content
Similar to การประยุกต์คอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาโครงงาน
Similar to การประยุกต์คอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาโครงงาน (20)
การประยุกต์คอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาโครงงาน
- 1. การประยุกต์คอมพิวเตอร์เพอื่พัฒนาโคร
งงาน
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
1.
โครงงานพัฒนาสื่อเพอื่การศึกษา ลักษณ
ะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิ
ตสื่อเพื่อการศึกษา
โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่ว
ยการเรียน
ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด
บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม
ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรื
อรายกลุ่มการสอน
โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้
- 2. ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน
ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไ
ลน์
ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงาน
ประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประก
อบการสอนในวิชาต่างๆ
โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยา
ก
มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึก
ษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น
การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์
ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่างๆ
ที่มีผลต่อการชากิ่งกุหลาบ
หลักภาษาไทย
และสถานที่สาคัญของประเทศไทย
เป็นต้น
- 5. 3.โครงงานพัฒนาเกม โครงงานประเภท
นี้เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อ
ความรู้หรือเพื่อความเพลิดเพลิน
เกมที่พัฒนาควรจะเป็นเกมที่ไม่รุนแรงเน้
นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ
โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษ
ณะและกฎเกณฑ์การเล่นเพื่อให้น่าสนใจ
แก่ผู้เล่น
พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วยผู้พั
ฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวม
ข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่างๆที่มีอยู่ทั่วไป
และนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อ
- 6. ให้เป็นเกมที่แปลกใหม่
และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่างๆ
4.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานปร
ะเภทนี้เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือ
ช่วยสร้างงานประยุกต์ต่างๆ
โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์ เช่น
ซอฟต์แวร์วาดรูปซอฟต์แวร์พิมพ์งาน
และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่า
งๆเป็นต้น
สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้
างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวลคาซึ่งจะเป็นเ
ครื่องมือให้เราใช้ในการพิมพ์งานต่างๆบ
- 8. 5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอ
มพิวเตอร์ช่วยในการ
จาลองการทดลองของสาขาต่างๆซึ่งเป็น
งานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์
จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น
และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรว
มความรู้หลักการ
ข้อเท็จจริงและแนวคิดต่างๆอย่างลึกซึ้งใ
นเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนว
คิด แบบจาลอง หลักการ
ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ
หรือคาอธิบายพร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้
วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพภาพที่
ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น
ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้
นการทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอ
- 11. โดยปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือผู้
ทรงคุณวุฒิแล้ว
จึงเขียนเค้าโครงของโครงงานเพื่อใช้
เป็นกรอบแนวคิดและแนวทาง
ตลอดจนข้อตกลงต่างๆ
ในการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ระหว่
างผู้เรียน อาจารย์ และผู้เกี่ยวข้อง
นอกจากจะต้องใช้หลักการทางวิชาก
ารแล้ว
ยังจาเป็นต้องมีข้อตกลงและเงือนไขต่
างๆ ด้วย เช่น
การขออนุญาตใช้ห้องปฏิบัติการคอม
พิวเตอร์
การจัดหาลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์
เครื่องมือและตัวแปลภาษาโปรแกรม
เป็นต้น
เพื่อช่วยให้การทาโครงงานดาเนินไป
- 12. อย่างราบรื่น
4. การลงมือทาโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน
คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ใ
นงานด้านต่างๆ
1. คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการออกแบบ
คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถูกนามาใช้ใน
การออกแบบมาเป็นเวลานาน
เราคงจะเคยได้ยินคาว่า CAD
(Computer - Aided
Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับช่วยใน
การออกแบบทางวิศวกรรม
โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ออกแบบหรื
- 13. อวิศวกรออกแบบงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น
กล่าวคือ
ผู้ออกแบบสามารถเขียนเป็นแบบลายเส้น
แล้วลงสี แสงเงา
เพื่อให้ดูคล้ายกับของจริงได้
นอกจากนี้แล้วเมื่อผู้ออกแบบกาหนดขน
าดของวัตถุลงในระบบ CAD แล้ว
ผู้ออกแบบยังสามารถย่อหรือขยายภาพนั้
น หรือต้องการหมุนภาพไปในมุมต่างๆ
ได้ด้วย
การแก้ไขแบบก็ทาได้ง่ายและสะดวกกว่า
การออกแบบบนกระดาษ
ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอ
นิกส์
คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการอ
อกแบบวงจรต่างๆ
ผู้ออกแบบสามารถวาดวงจรบนจอภาพโ
ดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ
- 14. ที่ระบบจัดเตรียมไว้ให้แล้วมาประกอบกัน
เป็นวงจรที่ต้องการ
ผู้ออกแบบสามารถแก้ไข ตัดต่อ
เพิ่มเติมวงจรได้โดยสะดวก
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสาหรับออกแบบ
PCB (Printed Circuit
Board) ซึ่งมีความสามารถจัดการให้แผ่
นปรินต์มีขนาดที่จะวางอุปกรณ์ทางอิเล็ก
ทรอนิกส์ได้เหมาะสมที่สุด
การออกแบบพาหนะต่างๆ เช่น
รถยนต์ เครื่องบิน หรือเครื่องจักรต่างๆ
ในปัจจุบันก็ใช้ระบบ CAD นักออกแบบส
ามารถจะออกแบบส่วนย่อยๆ
แต่ละส่วนก่อน
แล้วนามาประกอบกันเป็นส่วนใหญ่ขึ้นจ
นเป็นเครื่องจักรเครื่องยนต์ที่ต้องการได้
นอกจากนี้ในบางระบบยังสามารถที่จะท
- 15. ดสอบแบบจาลองที่ออกแบบไว้ได้ด้วย
เช่น
อาจจะออกแบบรถยนต์แล้วนาโครงสร้าง
ของรถที่ออกแบบนั้นมาจาลองการวิ่ง
โดยให้วิ่งที่ความเร็วต่างๆ
กันแล้วตรวจดูผลที่ได้
ซึ่งการทดลองแบบนี้สามารถทาได้ในระ
บบคอมพิวเตอร์และจะประหยัดกว่าการส
ร้างรถจริงๆ
แล้วนาออกมาศึกษาทดสอบการวิ่ง
การออกแบบโครงสร้าง เช่น ตึก บ้าน
สะพาน หรือโครงสร้างใดๆ
ทางวิศวกรรมโยธาและสถาปัตยกรรม
ก็สามารถทาได้โดยใช้ CAD ช่วยในกา
รออกแบบ
หลังจากสถาปนิกออกแบบโครงสร้างใน
แบบ 2 มิติเสร็จแล้ว
- 16. ระบบ CAD สามารถจัดการให้เป็นภาพ
3 มิติ
และยังสามารถแสดงภาพที่มุมมองต่างๆ
กันได้ตามที่ผู้ออกแบบต้องการ
นอกจากนี้ในบางระบบสามารถแสดงภา
พให้ปรากฏต่อผู้ออกแบบราวกับว่าผู้ออก
แบบสามารถเดินเข้าไปภายในอาคารที่อ
อกแบบได้ด้วย
2. กราฟและแผนภาพ
คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในกา
รแสดงภาพกราฟและแผนภาพของข้อมูล
ได้เป็นอย่างดี
โปรแกรมทางกราฟิกทั่วไปในท้องตลาด
จะเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างภาพกร
าฟและแผนภาพ
โปรแกรมเหล่านี้ยังสามารถสร้างกราฟไ
ด้หลายแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟแท่ง
- 17. และกราฟวงกลม
นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพกราฟได้
ทั้งในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ
ทาให้ภาพกราฟที่ได้ดูดีและน่าสนใจ
กราฟและแผนภาพทางธุรกิจ เช่น
กราฟหรือแผนภาพแสดงการเงิน สถิติ
และข้อมูลทางเศรษฐกิจ
จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารหรือผู้จัดกา
รกิจการมาก
เนื่องจากสามารถทาความเข้าใจกับข้อมู
ลได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม
ในงานวิจัยต่างๆ เช่น
การศึกษาทางฟิสิกส์
กราฟและแผนภาพมีส่วนช่วยให้นักวิจัย
ทาความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่ายขึ้นเมื่อข้อ
มูลที่ต้องวิเคราะห์มีจานวนมาก
- 18. ระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หรือ GIS
(Geographical Information
System) ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการแสด
งข้อมูลในทานองเดียวกับกราฟและแผน
ภาพ
ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกเก็บลงในระบบ
คอมพิวเตอร์
แล้วให้ระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกจัดการ
แสดงข้อมูลเหล่านั้นออกมาทางจอภาพใ
นรูปของแผนที่ทางภูมิศาสตร์
- 19. 3. ภาพศิลป์โดยคอมพิวเตอร์กราฟิก
การวาดภาพในปัจจุบันนี้ใครๆ
ก็สามารถวาดได้แล้วโดยไม่ต้องใช้พู่กัน
กับจานสี
แต่จะใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกแทน
ภาพที่วาดในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกนี้
เราสามารถกาหนดสี แสงเงา
รูปแบบลายเส้นที่ต้องการได้โดยง่าย
ภาพโฆษณาทางโทรทัศน์หลายชิ้นก็เป็น
งานจากการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก
ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพก็คื
อ
เราสามารถแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ต้องการไ
ด้ง่าย
นอกจากนี้เรายังสามารถนาภาพต่างๆ
เก็บในระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้เครื่อ
งสแกนเนอร์
- 20. (Scanner) แล้วนาภาพเหล่านั้นมาแก้ไข
4. ภาพเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพิวเตอร์
ภาพยนตร์การ์ตูนและภาพยนต์ประเภ
ทนิยายวิทยาศาสตร์หรือภาพยนตร์ที่ใช้เ
ทคนิคพิเศษต่างๆ
ในปัจจุบันมีการนาคอมพิวเตอร์กราฟิกเ
ข้ามาช่วยในการออกแบบและสร้างภาพเ
คลื่อนไหว (Computer
Animation) มากขึ้น
เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว
และง่ายกว่าวิธีอื่นๆ
นอกจากนี้ภาพที่ได้ยังดูสมจริงมากขึ้น
เช่น
ภาพยานอวกาศที่ปรากฏในภาพยนตร์ป
ระเภทนิยายวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยให้ภาพที่
อยู่ในจินตนาการของมนุษย์สามารถนาอ
- 21. อกมาทาให้ปรากฏเป็นจริงได้
ภาพเคลื่อนไหวมีประโยชน์มากทั้งในระ
บบการศึกษา การอบรม การวิจัย
และการจาลองการทางาน เช่น
จาลองการขับรถ การขับเครื่องบิน
เป็นต้น
เกมส์คอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกมส์ก็ใช้หลั
กการทาภาพเคลื่อนไหนในคอมพิวเตอร์
กราฟิกเช่นกัน
5. อิเมจโปรเซสซิงก์
คาว่าอิเมจโปรเซสซิงก์ (Image
Processing) หมายถึง
การแสดงภาพที่เกิดจากการถ่ายรูปหรือจ
ากการสแกนภาพให้ปรากฏบนจอภาพค
อมพิวเตอร์
- 22. วิธีการทางอิเมจโปรเซสซิงก์จะต่างกับวิธี
การของคอมพิวเตอร์กราฟิก กล่าวคือ
ในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิก
ตัวคอมพิวเตอร์เองจะเป็นตัวที่สร้างภาพ
แต่เทคนิกทางอิเมจโปรเซสซิงก์นั้นใช้ค
อมพิวเตอร์สาหรับการจัดรูปแบบของสีแ
ละแสงเงาที่มีอยู่แล้วในภาพให้เป็นข้อมูล
ทางดิจิตอล
แล้วอาจจะมีวิธีการทาให้ภาพที่รับเข้ามา
นั้นมีความชัดเจนมากขึ้นก่อน
จากนั้นก็จัดการกับข้อมูลดิจิตอลนี้ให้เป็
นภาพส่งออกไปที่จอภาพของคอมพิวเตอ
ร์อีกที
วิธีการนี้มีประโยชน์ในการแสดงภาพขอ
งวัตถุที่เราไม่สามารถจะเห็นได้โดยตรง
เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม
ภาพจากทีวีสแกนของหุ่นยนต์อุตสาหกร
รม เป็นต้น
- 23. เมื่อภาพถ่ายถูกทาให้เป็นข้อมูลดิจิตอ
ลแล้ว
เราก็สามารถจะจัดการแก้ไขเปลี่ยนแปล
งภาพนั้นได้โดยจัดการกับข้อมูลดิจิตอล
ของภาพนั่นเอง
ซึ่งเราก็จะใช้หลักการของคอมพิวเตอร์ก
ราฟิกมาใช้กับข้อมูลเหล่านี้ได้ เช่น
ในภาพสาหรับการโฆษณา
เราสามารถทาให้ภาพที่เห็นเหมือภาพถ่า
ยนั้นแปลกออกไปจากเดิมได้โดยมีภาพบ
างอย่างเพิ่มเข้าไปหรือบางส่วนของภาพ
นั้นหายไป
ทาให้เกิดภาพที่ไม่น่าจะเป็นจริงแต่ดูเหมื
อนกับเกิดขึ้นจริงได้ เป็นต้น
- 24. เทคนิคของอิเมจโปเซสซิงก์สามา
รถประยุกต์ใช้กับการแพทย์ได้ เช่น
เครื่องเอกซเรย์ โทโมกราฟี (X-ray
Tomography)ซึ่งใช้สาหรับแสดงภาพตั
ดขวางของระบบร่างกายมนุษย์ เป็นต้น
จากที่กล่าวมาแล้ว
เราจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นนั
บวันยิ่งมีความสาคัญในสาขาวิชาต่างๆ
มากขึ้น
ดังนั้นจึงเป็นการดีที่เราควรจะมีความรู้ค
วามเข้าใจในหลักการและเทคนิคเบื้องต้
นต่างๆ ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์กราฟิก
ที่มา
http://namkwanmay.wordpress.com/
2011/02/08/%E0%B8%9B%E0%B8