2
- 1. ในขณะที่โครงงานคอมพิวเตอร์นั้นจะมีการแบ่งประเภทแตกต่างกันออกไป เนื่องจากการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ต้องใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ใน การศึกษาทดลอง โครงงานคอมพิวเตอร์จัดเป็นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์เนื่องจาก ช่วยให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้และฝึกทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้ง เครื่องมือต่างๆ ในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และยังจัดเป็นโครงงานตามความ สนใจ สามารถทาโครงงานคอมพิวเตอร์จากปัญหาที่ตนสนใจ อาจเป็นปัญหาที่ ต้องใช้ความรู้ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาผสมผสานกัน ซึ่งบางโครงงานอาจต้องใช้ ความรู้อื่นๆ มาร่วมด้วย และเนื่องจากคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ในทุกสาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายทั้ง ในลักษณะ ของเนื้อหา กิจกรรม และประโยชน์หรือผลงานที่ได้ โครงงานคอมพิวเตอร์มีหลาย ประเภท ในที่นี้แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ 1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media Development) 2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development) 3. โครงงานจาลองทฤษฏี (Theory Simulation) 4. โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application) 5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development) 1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media Development) ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้คือ เป็นโครงงานที่ใช้ คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และ
- 2. คาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การ สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษา ด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการ สอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยากมาเป็นหัวข้อใน การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริย จักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และ สถานที่สาคัญของประเทศไทย บทเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานผ่านทางมือถือ (Basic English Learning on Mobile Phone) ภาษามือ เรียนรู้ได้ ง่ายนิดเดียว แบบจาลองผสมแบบแยกแยะสาหรับการแบ่งคา ไทย เป็นต้น
- 3. 2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development) โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยสร้างงาน ประยุกต์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวลคา ซึ่ง จะเป็นเครื่องมือให้เราใช้ในการพิมพ์งานต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกให้การวาดรูป บนเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นไปได้โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมอง วัตถุในมุมต่างๆ ใช้สาหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิเช่น ผู้ใช้วาดแจกัน ด้านหน้า และต้องการจะดูว่าด้านบนและด้านข้างเป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์ คานวณค่าและภาพที่ควรจะเป็นมาให้ เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่ ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก เป็นต้น ตัวอย่างโครงงานพัฒนาเครื่องมือ เช่น โปรแกรมช่วยอ่านหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์อย่างชาญฉลาด โปรแกรมไบรท์ไซต์ (Bright Sight) เป็น ต้น
- 4. 3. โครงงานจาลองทฤษฏี (Theory Simulation) โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการ จาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วย สถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้อง ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งใน เรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ใน รูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งจาลองทฤษฏีด้วย คอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือ สมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงาน ประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหล ของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลอง เรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ CUVMiner : Volume Data Mining Software Using 3D Field Topology Analysis เป็นต้น
- 5. 4. โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application) โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้าง ผลงานเพื่อ ประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับ การออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี และ ซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานประเภทนี้จะมีการ ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิด สร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความ ต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนา สิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของ สิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้ ผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และ เครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างโครงงานประยุกต์ใช้งานเช่น การพัฒนาระบบควบคุม ไฟฟ้าโดยใช้ Zigbee เครื่องมือเอแจ็กซ์สาหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเค ชัน เม้าส์สาหรับผู้พิการทางมือ (Mouse for Hand-Disabled People) ระบบจาลองการจัดสวนออนไลน์ (Online Virtual Gardening System)เป็นต้น
- 7. 5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development) โครงงานพัฒนาเกมเป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อ ความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมทายคาศัพท์ และเกมการคานวณเลข เป็นต้น ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกความคิดอย่างมีหลักการ โครงงาน ประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป และนามาปรับปรุงหรือ พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่างๆ ตัวอย่างโครงงานพัฒนาเกม เช่น เกมเพื่อการเรียนรู้สาหรับ คนพิการ ด๊อกกี้ ด๊อก เว็บแคมเกมส์ โอ้ลัลล้าเวิร์ล เกมวีรบุรุษกู้แผ่นดินอ โยธยา เป็นต้น
- 8. การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์นั้น ผู้เรียนควรมีความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ หลักการที่ใช้ในการแก้ปัญหา กระบวนการแก้ปัญหา หลักการเขียนโปรแกรม และการแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะเริ่มทาโครงงาน และใช้ความรู้ดังกล่าวเป็นพื้นฐานในการสร้างความรู้ใหม่ ในโครงงาน คอมพิวเตอร์ โดยในการทาโครงงานผู้เรียนอาจจะมีโอกาสได้ทา ความรู้จักกับความรู้ใหม่เพิ่ม เติมอีกด้วย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การออกแบบฐานข้อมูล (Database Design) และการ สืบค้นข้อมูล (Information Retrieval) เป็นต้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับหัวข้อที่ ผู้เรียนเลือกทาโครงงาน ที่มา:
http://www.vcharkarn.com/project/article/56801