SlideShare a Scribd company logo
1 of 50
1.วิส ัย ทัศ น์ส ำำ หรับ คนพิก ำร

คำำว่ำ วิสัยทัศน์ ในที่นี้หมำยถึงควำมใฝ่ฝันที่อยำกจะให้เป็นหรืออยำกจะให้
มี ดังนั้นวิสัยทัศน์สำำหรับคนพิกำร ก็คือควำมใฝ่ฝันที่อยำกจะให้คนพิกำรได้
เป็น
ได้มีนั่นเอง วิสัยทัศน์นั้นเปรียบได้กับดวงดำวดวงเดือน หำกดูเผิน ๆ แล้วก็
เป็นเรื่องที่มนุษย์ไปถึงไม่ได้ แต่ในควำมเป็นจริงมนุษย์ก็ไปถึงดวงจันทร์ได้
จริงอยู่หลำยคนไม่อำจไปถึงดวงดำว แต่อย่ำงน้อยที่สุดดวงดำวดวงเดือนก็
สำมำรถบอกมนุษย์ให้เดินทำงที่ถูกต้องไม่หลงทำงมีแสงสว่ำงมำกพอให้
เห็นทำง
ให้มนุษย์เดินทำงได้ หลำยท่ำนอำจจะตั้งคำำถำมไว้ในใจว่ำวิสัยทัศน์กับ
ควำมฟุ้งซ่ำนนั้นแตกต่ำงกันอย่ำงไร ควำมใฝ่ฝันกับคนหลำยคนที่ต้องกำร
ได้รับ
รำงวัลที่ ๑ ของสลำกกินแบ่งรัฐบำลเป็นวิสัยทัศน์หรือควำมฟุ้งซ่ำนวิสัยทัศน์
กับควำมฟุ้งซ่ำนแตกต่ำงกันอยู่ตรงที่ว่ำ ควำมฟุ้งซ่ำนนั้นเป็นควำมใฝ่ฝันที่
ไม่
อำจ มีแผนงำนไปถึงได้ แต่วิสัยทัศน์นั้นเป็นควำมใฝ่ฝันที่มีแผนงำน
สำมำรถไปถึงได้มีควำมเป็นไปได้ค่อนข้ำงมำกเมื่อเป็นเช่นนี้จึงตอบได้ทันที
ว่ำ ควำมต้อง กำรที่ จะได้รับรำงวัลที่ ๑ ของสลำกกินแบ่งรัฐบำลเป็นควำม
ฟุ้งซ่ำน เพรำะกำรได้รำงวัลที่ ๑ หรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแผนงำนใด ๆ
ขึ้นอยู่กับโชคแต่ เพียง อย่ำงเดียว และมีควำมเป็นไปได้น้อย
บุคคลใดทีต้องกำรแก้ไขปัญหำของคนพิกำร บุคคลนั้นต้องทำำตัวเหมือนนัก
่
ปฏิมำกร กล่ำวคือ นักปฏิมำกรต้องกำรปั้นรูปปั้นขึ้นมำสักชิ้นหนึ่ง นัก
ปฏิมำกร
ต้อง จินตนำกำรให้ออกเสียก่อนว่ำ ต้องกำรให้รูปที่ต้องกำรปั้นนั้นมีหน้ำตำ
เป็นอย่ำงไร ยิ่งสำมำรถจินตนำกำรกำรรูปที่ต้อง กำรปั้นออกมำได้สวยสด
งดงำมเพียงใด ก็ยิ่งสำมำรถปั้นรูปปั้นนั้นออกมำสวยสดงดงำมได้เพียงนั้น
ด้วยเหตุนี้กำรปั้นหรือกำรสร้ำงให้คนพิกำรมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ
สำมำรถจินตนำกำรออกว่ำ ที่สมบูรณ์สำำหรับคนพิกำรนั้น ตัวคนพิกำรเอง
และสิ่งแวดล้อมของคนพิกำรจะเป็นอย่ำงไร ในบทนี้จึงขอกล่ำวถึงวิสัยทัศน์
สำำหรับตัวบุคคลที่พิกำร วิสัยทัศน์ครอบครัวสำำหรับคนพิกำร วิสัยทัศน์
สำำหรับกำรรวมกลุ่มของคนพิกำร และวิสัยทัศน์สำำหรับสังคมที่มีคนพิกำรอยู่
วิสัยทัศน์เหล่ำนี้จะสะท้อน ให้เห็นภำพแห่งจินตนำกำรหรือควำมฝันที่
ต้องกำรให้คนพิกำร และสิ่งแวดล้อมของคนพิกำรเป็นหรือมี อันที่จริงแล้ว
วิสัยทัศน์สำำหรับคนพิกำร โดยทั่วไปแล้วก็ไม่แตกต่ำงไปจำกวิสัยทัศน์
สำำหรับคนไทยโดยทั่วไปไม่เท่ำไหร่นักแต่เนื่องจำกคนพิกำรมีควำม
บกพร่อง ทำงร่ำงกำย หรือสติปัญญำ หรือพฤติกรรมอันทำำให้วิสัยทัศน์
สำำหรับคนพิกำรมีรำยละเอียดแตกต่ำงไปจำกบุคคลทั่วไปบ้ำง
1.1 วิสัยทัศน์สำำหรับตัวบุคคลผู้พิกำร
(1) เป็นคนที่มีสุขภำพดีเต็มตำมศักยภำพ คำำว่ำ สุขภำพดี ในที่นี้ไม่ได้

หมำยควำมว่ำ ทำำให้คนพิกำรหำยจำกควำมพิกำร แต่หมำยถึงให้มีสุขภำพ
ดี
อยู่ในสภำพที่เป็นคนพิกำรอยู่นั่นเอง และให้มีสุขภำพดีเต็มตำมศักยภำพที่
คนพิกำรนั้นจะพึงมีได้คนพิกำรที่เกิดมำแล้วต้องพิกำรก็ขอให้พิกำรน้อย
้้ที่สุดเท่ำที่เป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้คนพิกำรหรือเด็กพิกำรจึงต้องกำรได้รับกำร
ฟื้นฟูทำงกำรแพทย์ทันทีที่ทรำบว่ำมีควำมพิกำรโดยหวังว่ำกำรฟื้นฟู
ทำงกำรแพทย์ที่ทันท่วงทีทัน
เหตุกำรณ์นั้นช่วยยับยั้งไม่ให้มีควำมพิกำรมำกขึ้น หรือช่วยฟื้นฟูในส่วนที่
พิกำรไปบ้ำงแล้วกลับดีขึ้นมำได้ กำรฟื้นฟูทำงกำรช่วยเพื่อให้กำรฟื้นฟูเต็ม
ไปด้วยควำมอบอุ่นมีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น คนพิกำรยังต้องกำรให้ครอบครัว
และขุมชนเข้ำมำมีบทบำท
ในกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรทำงกำรแพทย์ด้วย ....
ในกรณีร่ำงกำยที่พิกำรไม่อำจฟื้นฟูให้กลับมำใช้งำนได้นั้นคนพิกำรก็
ต้องกำรให้มีกำยอุปกรณ์หรือเครื่องช่วยควำมพิกำร เช่น แขนเทียม ขำ
เทียม รถเข็นสำำหรับคนพิกำร เครื่องช่วยกำรได้ยินไม้เท้ำขำว เป็นต้น
นอกจำกนี้กำรพัฒนำทักษะเพื่อให้คนพิกำรสำมำรถดำำรงชีวิตได้ด้วยตนเอง
ก็เป็นเรื่อง
ที่สำำคัญ กำรพัฒนำทักษะนั้นเป็นกำรฝึกอบรมคนพิกำรให้รู้กลวิธีใช้อวัยวะ
ส่วนที่เหลืออยู่และหรือกับเครื่องช่วยคนพิกำรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น
สอนให้คนแขนด้วนรู้จักใช้เครื่องไม้เครื่องมือช่วยในกำรแปรงฟัน อำบนำ้ำ
แต่งตัว เป็นต้น ฝึกอบรมให้คนพิกำรขำรู้จักวิธีใช้รถเข็นสำำหรับคนพิกำร
อย่ำงถูกวิธี หรือฝึกอบรมให้คนตำบอดใช้ไม้เท้ำขำวอย่ำงถูกวิธีเพื่อเดินทำง
ได้อย่ำงปลอดภัย เป็นต้น กำรปล่อยให้คนพิกำรอยู่เฉย ๆ ไปไหนไม่ได ้้มี
แต่ทำำให้พิกำรมำกขึ้น และสุขภำพเสื่อมโทรมลงแต่กำรช่วยให้คนพิกำร
สำมำรถช่วยเหลือตนเองในกำรดำำรงชีวิตประจำำวันและสำมำรถเข้ำร่วม
กิจกรรมของสังคมได้ย่อม มีแต่ผลดีต่อ สุขภำพของคนพิกำร
คนพิกำรยังต้องกำรได้รับคำำปรึกษำ คำำแนะนำำจำกแพทย์หรือนักจิตวิทยำ
เมื่อประสบปัญหำต่ำง ๆ ของชีวิต ในกรณีของเด็กพิกำร เด็กพิกำรต้องกำร
ให้บิดำ มำรดำ ได้รับคำำปรึกษำจำกจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยำเพื่อให้บิดำ
มำรดำ ประพฤติต่อตนได้อย่ำงเหมำะสม ในกรณีคนพิกำรตอนโตแล้วก็
ต้องกำร
ได้รับคำำปรึกษำจำกจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยำเพื่อให้มีกำำลังใจสู้กับชีวิต
และเข็งแรงและยังต้องกำรมีสุขภำพจิตที่ดีด้วย คนพิกำรจำำนวนมำกที่ไม่ได้
รับ
้ี กำรดูแลจำกแพทย์หรือนักจิตวิทยำ และหมดอะไรตำยอยำกในชีวิต
นอกจำกจะมีสุขภำพจิตที่เสื่อมโทรมแล้ว ยังมีสุขภำพกำยที่อ่อนแอด้วย กำร
ให้บริกำรทำงกำรฟื้นฟูทำงจิตใจแก่คนพิกำรจึงเป็นเรื่องที่สำำคัญยิ่งเป็นที่
ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ำ กำรออกกำำลังกำย กำรเล่นกีฬำ กำรพักผ่อนตำม
สวนสำธำรณะ หรือสถำนพักผ่อนต่ำง ๆ นั้นมีผลทำำให้สุขภำพทั้งกำยและ
ใจดีได้ คนพิกำรก็เหมือนกับคนอื่นต้องกำรมีสถำนที่ออก
กำำลังกำย มีสถำนที่เล่นกีฬำ มีสวนสำธำรณะ มีสวนสัตว์ หรือสถำนที่เที่ยว
อื่น ๆ ไว้สำำหรับพักผ่อน ด้วยเหตุนี้คนพิกำรต้องกำรให้สถำนที่เหล่ำนั้น มี
เครื่องไม้เครื่องมือที่จะให้คนพิกำรออกกำำลังและเล่นกีฬำได้ หรืออย่ำงน้อย
ที่สุดต้องมีสิ่งอำำนวยควำมสะดวกที่จะให้คนพิกำรเข้ำไปใช้สถำนท
้ี้่เหล่ำนั้นได้ เช่น มีทำงลำด มีห้องสุขำที่คนพิกำรสำมำรถใช้ได้ หรือมีที่
จอดรถสำำหรับคนพิกำร เป็นต้น
(2) เป็นคนมีควำมรู้ควำมสำมำรถเต็มตำมศักยภำพ อันที่จริงแล้วคนพิกำรมี

ศักยภำพที่จะมีควำมรู้ควำมสำมำรถได้ไม่แตกต่ำงจำกบุคคลทั่วไปมำกนัก
ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจึงต้องกำรมีควำมรู้ควำมสำมำรถเต็มตำมศักยภำพของ
ตนเหมือนอย่ำงบุคคลทั่วไป คนพิกำรที่พิกำรมำตั้งแต่เป็นทำรก ก็ต้องกำร
ได้รับกำรกระตุ้น มีพัฒนำกำรในด้ำนต่ำง ๆด้วยวีธีที่เหมำะสมเพื่อไม่ให้เด็ก
พิกำรมีพัฒนำกำร ที่แตกต่ำงจำกเด็กทั่วไปนัก
เช่น พัฒนำกำรในเรื่องกำรนั่ง เดิน พูด รับรู้โลกภำยนอก กำรมีควำม
สัมพันธ์กับบุคคลอื่นเป็นต้น เด็กพิกำรเองยังต้องกำรที่จะมีโรงเรียนอนุบำล
เหมือนกับเด็กทั่วไป เพรำะเด็กพิกำรดูเหมือนจะต้องกำรกำรเตรียมควำม
พร้อมมำกกว่ำเด็กทั่วไป ก่อนที่จะเข้ำเรียนในชั้นประถมศึกษำ
เช่น เด็กตำบอดต้องกำรเรียนรู้กำรไปไหนมำมำไหนได้ด้วยไม้เท้ำขำว ต้อง
เรียนอักษรเบรลล์ ต้องเรียนรู้กำรช่วยเหลือตนเอง และกำรอยู่ร่วมกับบุคคล
อื่น เป็นต้น ในกำรเข้ำเรียนในชั้นประถมศึกษำ มัธยมศึกษำ ขั้นอุดมศึกษำ
ทั้งสำยสำมัญ และสำยอำชีพนั้น เด็กพิกำรต้องกำรเรียนร่วมกับเด็กทั่ว ๆ
ไป
เป็นหลักแต่กำรเรียนร่วมกับเด็กทั่วไปนั้นเด็กพิกำรต้องกำรสื่อกำรเรียนกำร
สอนที่เหมำะสม กับสภำพควำมพิกำรของตน เช่น เด็กตำบอดต้องกำร
หนังสือ
อักษรเบรลล์ หนังสือเทป เด็กนักเรียนหูหนวกต้องกำรวีดีโอภำษำมือ
เป็นต้น หรือจะกล่ำวให้สั้นก็คือเด็กพิกำรก็ต้องกำรมีศูนย์เทคโนโลยีกำร
ศึกษำเหมือน
กับเด็กทั่วไป เพียงแต่ศูนย์เทคโนโลยีกำรศึกษำนั้นต้องสำมำรถตอบำสนอง
ควำมต้องกำรของคนพิกำรได้อย่ำงเหมำะสมส่วนคนพิกำรแขน ขำ ลำำตัว ก็
ต้องกำรมีสิ่งอำำนวยควำมสะดวก เพื่อให้สำมำรถขึ้นไปใช้ห้องเรียนและห้อง
สมุดได้ คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไปที่ต้องกำรมีเสรีภำพในกำรศึกษำ
ต้องกำรมีเสรีภำพที่จะเลือกเรียน วิชำ สำขำหรืออำชีพใดก็ได้ ตำมที่ตน
ต้องกำรและเห็นเหมำะสม คนพิกำรไม่ต้องบกำรให้สถำบันกำรศึกษำ เป็นผู้
กำำหนดว่ำวิชำ สำขำ อำชีพใดที่คนพิกำรเรียนได้เท่ำนั้นและวิชำ สำขำ
อำชีพใดที่คนพิกำรเรียนไม่ได้ ......โดยหลักแล้วเด็กพิกำรต้องกำรเรียน
ร่วมกับเด็กทั่วไป เพรำะเด็กพิกำรต้องกำรเรียนรู้ในกำรอยู่ร่วมกับบุคคล
ทัวไป แต่ในกรณีที่เด็กพิกำรเรียนร่วมกับเด็กทั่วไปไม่ได้ไม่ว่ำกรณีใด ๆ
่
เด็กพิกำรก็ต้องกำรมีโรงเรียนเฉพำะสำำหรับเด็กพิกำร โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง
ในกรณีของเด็กหูหนวก เด็กปัญญำอ่อน เด็กพิกำรซำ้ำซ้อน โรงเรียนเฉพำะ
สำำหรับเด็กพิกำรนี้ เด็กพิกำรต้องกำรทั้งโรงเรียนทำงสำยสำมัญและสำย
อำชีพด้วย คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไปในกรณีที่ไม่ อำจเข้ำศึกษำใน
ระบบกำรศึกษำตำมปกติได้ คนพิกำรก็ต้องกำรได้รับกำรศึกษำตำม
หลักสูตรกำรศึกษำนอกโรงเรียนคนพิกำรนอกจำกได้รับกำรศึกษำ ตำม
หลักสูตรกำรศึกษำนอกโรงเรียนร่วมกับบุคคล ทั่วไปแล้ว คนพิกำรยัง
ต้องกำรให้มีกำรจัดกำรศึกษำนอกโรงเรียน ให้เหมำะสมกับคนพิกำร แต่ละ
ประเภทด้วย และต้องกำรให้จัดในสถำนที่มีคนพิกำรอยู่เป็นจำำนวนมำก
เช่น ที่สำำนักงำนของสมำคมคนพิกำร ที่สถำนฝึกอำชีพของคนพิกำร
เป็นต้น
คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไปต้องกำรศึกษำ ค้นคว้ำ หำควำมรู้ได้จำก
ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ งำนแสดงนิทรรศกำรด้ำนวิชำกำร ควำมรู้ต่ำง ๆ
เป็นต้น คนพิกำรจึงต้องกำรให้มีสื่อหรือสิ่งอำำนวยควำมสะดวกเพื่อให้คน
พิกำรสำมำรถเข้ำถึงควำมรู้ในสถำนที่เหล่ำนั้นได้ คนหูหนวกต้องกำรให้
รำยกำรโทรทัศน์ต่ำง ๆ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง รำยกำรข่ำวและรำยกำรสำำหรับ
เด็กมีภำษำมือด้วย ทั้งนี้เพื่อให้คนหูหนวกสำมำรถทรำบข่ำวครำวบ้ำนเมือง
และให้เด็กหูหนวกสำมำรถ
มีพัฒนำกำรได้อย่ำงเด็กทั่วไป คนพิกำรหวังว่ำวันหนึ่งภำพลักษณ์ของคน
พิกำรที่เป็นคนถือกะลำขอทำนจะเปลี่ยนมำเป็นถือวุฒิบัตร และปริญญำบัตร
แทน
(3) เป็นคนมีงำนทำำ นอกจำกกำรศึกษำสำยอำชีพแล้ว คนพิกำรยังต้องกำร

ได้รับกำรฝึกอำชีพเหมือนกับบุคคลทั่วไป กำรฝึกอำชีพนั้นจะเป็นกำรฝึก
ในศูนย์ฝึกอำชีพหรือจะเป็นกำรฝึกอำชีพที่บ้ำนหรือท้องถิ่นของคนพิกำร
ก็ได้ โดยทั่วไปแล้วคนพิกำรต้องกำรฝึกอำชีพร่วมกับบุคคล ทั่วไป แต่ใน
กรณีกำรฝึกอำชีพที่ทำำร่วมกับบุคคลทั่วไปไม่ได้ คนพิกำรก็ต้องกำรมีสถำน
หรือศูนย์ฝึกอำชีพเฉพำะสำำหรับคนพิกำร อำชีพที่ฝึกนั้น คนพิกำรต้องกำร
ฝึกอำชีพที่คนพิกำรทำำได้ดี สอดคล้องกับควำมต้องกำรของตลำดและมีรำย
ได้ดี หรือมำกพอเลี้ยงชีพได้ คนพิกำรที่ต้องกำร ประกอบอำชีพอิสระ ก็
ต้องกำรได้รับกำรฝึกอบรมให้มีควำมรู้ในเรื่องกำรผลิต หรือกำรบริหำรที่มี
ประสิทธิภำพและกำรตลำดที่ดีด้วย คนพิกำรต้อง กำรได้รับโอกำส มีงำนทำำ
เหมือนกับบุคคลทั่วไปหรือว่ำจะเป็นอำชีพอิสระ หรืออำชีพในกำรเป็น
ลูกจ้ำง และงำนที่ทำำนั้นคนพิกำรต้องกำร มีเสรีภำพในกำร ที่จะเลือก
ทำำงำน ที่ตนต้องกำรทำำไม่ต้องกำรถูกห้ำมไม่ให้ทำำงำนบำงประเภทสำำหรับ
คนพิกำรที่ไม่อำจไปแข่งขันในตลำดแรงงำน หรือกอบอำชีพ อิสระด้วย
ตนเองได้ คนพิกำรเหล่ำนั้นก็ต้องกำรมีโรงงำนในอำรักษ์เป็นสถำนที่ทำำงำน
ที่พอมีรำยได้พอเลี้ยงชีพลูกจ้ำงหรือข้ำรำชกำร ทีต้องมำพิกำร ในภำยหลัง
่
ก็ต้องกำรได้รับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพและสำมำรถกลับเข้ำไปทำำงำนใหม่ดัง
เดิม หรือตำำแหน่งใหม่ตำมควำมเหมำะสม คนพิกำรต้องกำรมีโอกำส ได้รับ
รำชกำร หรือเป็นพนักงำนรัฐวิสำหกิจพอ ๆ กับมีโอกำสที่จะได้เป็นลูกจ้ำง
ห้ำงร้ำนบริษัทต่ำง ๆอำชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เป็นอำชีพที่คนพิกำร
ทำำได้ ้้โดยไม่เสียเปรียบบุคคลทั่วไปมำกนัก เป็นอำชีพที่ก่อเกิดรำยได้
และเป็นอำชีพที่มีอนำคตไกล คนพิกำรจึงใฝ่ฝันว่ำวันหนึ่งภำพลักษณ์ของ
คนพิกำร ที่เป็นคนถือกะลำขอทำนจะเปลี่ยนมำเป็นภำพลักษณ์
(4) เป็นคนดี คนพิกำรก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ต้องกำรได้รับกำรอบรมปลูกฝัง

อุปนิสัยที่ดี ตั้งแต่อุปนิสัยที่จำำเป็นที่คนพิกำรต้องมีเพื่อควำมอยู่รอด
ท่ำมกลำงโลกที่เต็มไปด้วยกำรแข่งขัน เช่น อุปนิสัยเป็นคนขยัน เป็นคน
ประหยัด เป็นคนอดทน
อดกลั้น เป็นคนที่มีควำมเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคนมีวิสัยทัศน์ เป็นคนรู้จัก
บริหำรเวลำเป็นคนไม่มัวเมำในอบำยมุข คนพิกำรยังต้องกำรได้รับกำร
อบรมปลูกฝังอุปนิสัยที่จำำเป็นสำำหรับกำรมีสัมพันธไมตรีกับบุคคลอื่นอย่ำง
ถำวร เช่นเป็นคนรู้จักเอำใจเขำมำใส่ใจเรำเป็นคนทำำอะไรไม่คิดเอำแต่ได้
ฝ่ำยเดียวแต่คิดให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์พร้อมกันไปด้วยและเป็นคนพยำยำม
เข้ำใจผู้อื่น
ก่อนเรียกร้องให้ผู้อื่นเข้ำใจตน เป็นคนรู้จักกำรประนีประนอม เป็นคนรู้จัก
ให้อภัย และเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต นอกจำกนี้คนพิกำรยังต้องกำรได้รับกำร
อบรม ปลูกฝัง มีอุปนิสัยที่จำำเป็นเพื่อกำรมีครอบครัวที่มั่นคงและอบอุ่น เช่น
เป็นคนที่รักครอบครัว ไม่มักมำกในทำงกำม เป็นคนมีเหตุมีผลไม่ใช้แต่
อำรมณ์กับสมำชิกของครอบครัว เป็นคนคิดแต่จะให้มำกกว่ำกำรเรียกร้อง
เอำจำกสมำชิกในครอบครัว เป็นคนกตัญญูกตเวที
เป็นต้น สุดท้ำยคนพิกำรยังต้องกำรได้รับกำรอบรมปลูกฝัง อุปนิสัยที่จำำเป็น
สำำหรับกำรเป็นพลเมืองที่ดี เช่น เป็นคนมีระเบียบวินัยเคำรพกฎหมำยและ
ประเพณีอันดีงำม รักวัฒนธรรมไทย เป็นคนรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม
เต็มใจปฏิบัตหน้ำที่พลเมืองดี และอุทิศตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมตำม
ิ
โอกำสอันสมควร
(5) เป็นคนที่มีศักดิ์ศรี คนพิกำรก็ต้องกำรเป็นคนที่มีศักดิ์ศรี มีสิทธิและ

โอกำสเท่ำเทียมกับบุคคลทั่วไป คนพิกำรต้องกำรมีสิทธิและโอกำสเท่ำเทียม
กับบุคคลอื่น ในกำรได้รับบริกำรจำกหน่วยงำนของรัฐ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง
กำรทำำบัตรประจำำตัวประชำชน คนพิกำรต้องกำรมีสิทธิและโอกำสเท่ำเทียม
กับบุคคลทั่วไป เรียนวิชำใดประกอบอำชีพใดก็ได้ คนพิกำรต้องกำรสิทธิ
เสรีภำพในกำรเดินทำงเยี่ยงบุคคลทั่วไปต้องกำรมีสิทธิใช้ยำนพำหนะส่วน
ตัวที่ดัดแปลงเหมำะกับคนพิกำรและมีใบขับขี่ได้คนตำบอด
ต้อง
กำรให้สุนัขนำำทำงไปได้ทุกที่ที่คนตำบอดไปได้ และไม่ต้องเสียค่ำใช้จ่ำย
จำกกำรมีสุนัขนำำทำงไปด้วย และคนพิกำรยังต้องกำรมีสิทธิและโอกำสที่จะ
ได้ใช้ขนส่งสำธำรณะ และทำงเดินเท้ำเหมือนบุคคลอื่นทั่วไป สิทธิใน
ทำงกำรเมือง ก็ต้องมีสิทธิและโอกำสที่เท่ำเทียมกับบุคคลอื่นไม่ว่ำจะเป็น
สิทธิและโอกำสในกำรใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมำชิก
สภำผู้แทนรำษฎร หรือวุฒิสมำชิก คนพิกำรหวังว่ำ คนพิกำรจะมีสิทธิ
เสรีภำพ และโอกำสเท่ำเทียมกับบุคคลทั่วไปตำมบัญญัติไว้ในกฎหมำย
รัฐธรรมนูญทุกฉบับ
1.2 วิสัยทัศน์สำำหรับครอบครัวคนพิกำร
(1) เป็นครอบครัวที่มีควำมเข้ำใจคนพิกำรเป็นอย่ำงดี เด็กที่เกิดมำแล้วพิกำร

ก็ต้องกำรควำมเข้ำใจจำกบิดำ มำรดำ ควำมพิกำรนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมำจำก
บำป
กรรม
ของใครเด็กพิกำรยังต้องกำรควำมเข้ำใจจำกบิดำ มำรดำ ว่ำคนพิกำรนั้นก็
มีควำมสำมำรถถ้ำหำกได้รับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพทำงกำรแพทย์ กำรศึกษำ
อำชีพและสังคม และบิดำมำรดำมีบทบำทสำำคัญยิ่งในขบวนกำรฟื้นฟูเหล่ำ
นั้น และบิดำมำรดำควรเข้ำใจว่ำเด็กพิกำรก็ต้องมีควำมต้องกำรควำมรู้สึก
ไม่แตกต่ำงไปจำกเด็กทั่วไป เช่น ตังแต่แรกเกิดต้องกำรบิดำมำรดำได้ช่วย
้
กระตุ้นให้มีพัฒนำกำรในด้ำนต่ำง ๆ ไม่ให้แตกต่ำง ๆ ไปจำกเด็กทั่วไป ไม่
ว่ำในเรื่องกำรคลำน กำรเดิน กำรพูด กำรฟังเสียง ต้องกำรของเล่น
ต้องกำรมีคนพำเที่ยว ต้องกำรมีเพื่อนเล่นและเมื่อถึงวัยที่ต้อง เข้ำโรงเรียน
อนุบำล ก็ต้องกำรเข้ำโรงเรียนอนุบำลเหมือนกับเด็กทั่วไป เป็นต้น ยิ่งเด็ก
ปัญญำอ่อนและเด็กออทิสติค แล้ว ยิ่งต้องกำรให้บิดำมำรดำ มีควำมรู้ควำม
เข้ำใจ เกี่ยวกับพวกตนมำกเป็นพิเศษ แม้คนพิกำรในภำยหลังก็ต้องกำร
เข้ำใจจำกครอบครัวไม่แตกต่ำงไปจำกเด็กพิกำร คนพิกำรที่โตแล้วก็
ต้องกำรมีคู่ชีวิต เหมือนกับบุคคลทั่วไป ในกรณีคู่สมรสของคนพิกำรเป็นคน
ปกตินั้น คนพิกำรต้องกำรให้คู่สมรสได้เข้ำใจ ว่ำคนพิกำรนั้นเหมือนบุคคล
ทัวไปสำมำรถ ให้ควำมสุขกับคู่สมรสได้ไม่ว่ำจะเป็นควำมสัมพันธ์ในทำง
่
เพศหรือในทำงอื่น คนพิกำรสำมำรถทำำงำนบ้ำนได้และสำมำรถเลี้ยงดูลูก
ได้ตำมสภำพของ ร่ำงกำยที่มีอยู่ คนพิกำรพยำยำมช่วยตนเองให้ได้มำก
ที่สุดคงให้คู่สมรสอีกฝ่ำยหนึ่งช่วยเหลือในสิ่งที่ตนทำำไม่ได้จริง ๆ คนพิกำร
ต้องกำรให้คู่สมรสอย ู้้่ดวยอย่ำงมีควำมสุขและด้วยควำมเข้ำใจไม่ใช่
้
ด้วยควำมสงสำร คนพิกำรหวังว่ำ ครอบครัวที่มีสมำชิกเป็นคนพิกำรจะ
เข้ำใจคนพิกำรเป็น อย่ำงดีและเข้ำมำ มีบทบำทในกำรสนับสนุนส่งเสริมให้
คนพิกำรได้ประสบผลสำำเร็จ ในชีวตแทนที่จะปล่อยให้คนพิกำรท้อแท้หมด
ิ
อะไรตำยอยำกในชีวิตของตน
(2) เป็นครอบครัวที่ชำยและหญิงร่วมกันรับผิดชอบในงำนบ้ำนและกำรเลี้ยง

ดูลูก เด็กพิกำรก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่ต้องกำร ได้รับกำรอบรมฝึกหัด ให้
รู้จักทำำงำน บ้ำนและกำรเลี้ยงน้อง ทั้งนี้เพื่อว่ำวันหนึ่งเมื่อต้องมีครอบครัว
เองจะได้ ้้สำมำรถดูแลบ้ำนและเลี้ยงดูลูกได้ สตรีพิกำรก็เหมือนกับสตรี
ทัวไป ต้องกำรเห็นชำยเข้ำมำมีส่วนร่วมกับหญิงในกำรทำำงำนบ้ำนและเลี้ยง
่
ลูก ไม่ปล่อยให้เป็นหน้ำที่ของฝ่ำยหญิงอย่ำงเดียว
(3) เป็นครอบครัวที่อบอุ่น คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลอื่นที่ต้องกำรให้พ่อแม่

มีเวลำให้กับลูกอย่ำงเพียงพอ ในกรณีของคู่สมรสก็ต้องกำรให้คู่สมรส อีก
ฝ่ำยหนึ่งมีเวลำให้ตนอย่ำงเพียงพอ รวมถึงมีเวลำที่จะให้ควำมสุขทำงเพศ
ซึ่งกันและกันอย่ำงเพียงพอและ เหมำะสม คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไป
ทีต้องกำรมีบิดำ หรือคู่สมรสแล้วแต่กรณีที่ให้ควำมเป็นเพื่อน ให้คำำปรึกษำ
่
หำรือตลอดจนให้กำำลังใจเมื่อมีปัญหำคนพิกำร
ไม่แตกต่ำงไปจำกบุคคลทั่วไป ที่ต้องกำรควำมไว้วำงใจซึ่งตั้งอยู่บน
รำกฐำนของควำมไม่ประมำท และต้องกำรกำรให้อภัยจำก บิดำมำรดำหรือ
คู่สมรสแล้วแต่กรณี คนพิกำรหรือบุคคลทั่วไปต่ำงต้องกำรเห็นครอบครัวที่มี
แต่กำร ให้ซึ่งกันและกันแทนกำรขอหรือเรียกร้องหรือเอำแต่ฝ่ำยเดียว
(4) เป็นครอบครัวที่มั่นคง ไม่ว่ำคนพิกำร หรือบุคคลทั่วไปต่ำงต้องกำรบิดำ

มำรดำหรือคู่สมรสที่รักเดียวใจเดียว ไม่นอกใจกันและไม่มักมำกในกำมคุณ
คนพิกำรต้องกำรบิดำมำรดำ หรือคู่สมรสแล้วแต่กรณีเป็นคนที่มีควำมอดทน
อดกลั้น ไม่ใช้อำรมณ์เป็นสำำคัญในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ คนพิกำรก็เช่น
เดียวกันกับบุคคลทั่วไปจะต้องกำรคำำชมจำกคู่สมรสเมื่อทำำดี และต้องกำร
ได้ยินคำำพูดที่มีอำรมณ์สุนทรีย์เป็นครั้งครำว
โดยเฉพำะหญิงต้องกำรจำกชำยมำกเป็นพิเศษ คนพิกำรก็เช่นเดียวกันกับ
บุคคลทัวไป ไม่ต้องกำรเห็นครอบครัวของตนมีกำรหย่ำร้ำงหรือบ้ำนแตก
่
สำแหรกขำด
1.3 วิสัยทัศน์สำำหรับกำรรวมกลุ่มของคนพิกำร
(1)มีองค์กรของคนพิกำรทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศคนพิกำร

ต้องกำรเห็นคนพิกำรแต่ละประเภทรวมตัวกันเป็นชมรม หรือสมำคม เพื่อ
เป็นปำกเสียง และพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของคนพิกำรประเภทนั้นๆทั้งใน
ระดับท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดและรวมกันเป็นองค์กรระดับประเทศด้วย กำร
รวมตัวองคนพิกำรแต่ละ ประเภทนี้ก็เพื่อตอบสนองควำมต้องกำรของคน
พิกำรแต่ละประเภทที่แตกต่ำงกันออกไปเช่น คนพิกำร แขน ขำ ลำำตัว
ต้องกำรยำนพำหนะ อำคำรสำธำรณะ มีสิ่งอำำนวยควำมสะดวกสำำหรับคน
พิกำร ส่วนคนหูหนวกต้องกำรล่ำมภำษำมือ คนพิกำรยังต้องกำรเห็นองค์กร
ของคนพิกำรแต่ละประเภท ได้รวมตัวกัน เป็นองค์กรประสำนงำนเป็นสภำ
คนพิกำรทุกประเภททั้งในระดับจังหวัด และในระดับประเทศด้วย ทั้งนี้เพื่อ
ให้กำรรวมกลุ่มของ คนพิกำรมีพลัง สำมำรถเป็นปำกเสียงแทนคนพิกำร
และสำมำรถพิทักษ์รักษำผลประโยชน์ ของคนพิกำรทุกประเภทได้ทั่ว
ประเทศไทย จึงเป็นควำมหวังของคนพิกำรว่ำ วันหนึ่งจะมีองค์กรของคน
พิกำร เกิดขึ้นในทุกจังหวัด ของประเทศไทย เพื่อพิทักษ์สิทธิผลประโยชน์
ของคนพิกำรแทนที่จะปล่อยให้คนพิกำรไร้ผู้นำำ ถูกชักจูงไปใช้เป็นเครื่อง
มือในกำรเสำะแสวงหำ ผลประโยชน์ของคนบำงคน
(2) มีองค์กรของคนพิกำรที่เข้มแข็ง คนพิกำรต้องกำรเห็นองค์กรของคน

พิกำรบริหำรงำนอย่ำงมืออำชีพ ทำำงำนอย่ำงเป็นระบบ มีกำรตรวจสอบที่มี
ประสิทธิภำพมีคนพิกำร เป็นสมำชิกจำำนวนมำก และคนพิกำรทุกคนมีสิทธิมี
เสียงในกำรเลือกผู้นำำอย่ำงแท้จริง ตลอดจนได้รับกำรสนับสนุนทำงกำรเงิน
ทั้งจำกภำครัฐและเอกชนในกำรบริหำรงำน และทำำกิจกรรมต่ำง ๆ ของ
องค์กร ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้องค์กรของคนพิกำรสำมำรถเป็นตัวแทน เป็นปำก
เป็นเสียงของคนพิกำรได้อย่ำงแท้จริง และสำมำรถพิทักษ์รักษำผล
ประโยชน์ของคนพิกำรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ คนพิกำรจึงหวังว่ำวันหนึ่ง
องค์กรของคนพิกำรจะเข็มแข็งแทนที่จะปล่อยให้องค์กรของคนพิกำร
อ่อนแอถูกผูกขำดโดยคนพิกำรบำงคน หรือถูกใช้ไปเพื่อเสำะแสวงหำ ผล
ประโยชน์ของตน
1.4 วิสัยทัศน์สำำหรับสังคม
(1) เป็นสังคมที่เข้ำใจคนพิกำรดี คนพิกำรต้องกำรเห็นสังคมเข้ำใจคนพิกำร

ว่ำ คนพิกำรไม่ได้เกิดขึ้นมำจำกบำปกรรมของใคร เป็นคนที่มีศักดิ์ศรี
เหมือนกับบุคคลอื่น เป็นคนที่มีควำมสำมำรถ ถ้ำหำกได้รับกำรฟื้นฟู
สมรรถภำพอย่ำงเหมำะสมในทุกด้ำนตั้งแต่ด้ำนกำรแพทย์ กำรศึกษำ อำชีพ
และสังคม คนพิกำรไม่ได้เป็นคนที่น่ำสมเพชเวทนำ น่ำสงสำร กลับเป็นคนที่
มีชีวตจิตใจ ควำมรู้สึก และอำรมณ์เหมือนกับบุคคลทั่วไป เป็นคนที่ต้องกำร
ิ
สิทธิและโอกำสในทำงกำรศึกษำ กำรประกอบอำชีพ กำรเข้ำไปมีส่วนร่วม
ในกิจกรรมของสังคม สิทธิในทำงกำรเมือง สิทธิในสังคมและสิทธิเสรีภำพ
ในกำรเดินทำงรวมถึงสิทธิที่จะได้รับบริกำรสำธำรณะจำกหน่วยงำนของรัฐ
อย่ำงเท่ำเทียมกับบุคคลอื่น คนพิกำรมีชีวิตจิตใจ ต้องกำรมีคู่สมรสเหมือน
กับบุคคลอื่น และยังต้องกำรครอบครัวที่เข้ำใจคนพิกำรดี ครอบครัวที่อบอุ่น
และมั่นคง คนพิกำรต้องกำรพึ่งตนเอง ต้องกำรอิสระ จึงต้องกำรให้สังคม
ช่วยแต่เฉพำะในเรื่องที่คนพิกำรให้ช่วย คนพิกำรมีกิเลสตัณหำมัวเมำใน
อบำยมุขได้เหมือนกับบุคคลทั่วไป คนพิกำรจึงต้องกำรได้รับกำรอบรมสั่ง
สอนในเรื่องศีลธรรม จริยธรรม ขนบธรรมเนียมระเพณีอันดีงำม คนพิกำร
พร้อมที่จะทำำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเท่ำที่ทำำได้ และในเวลำอันสมควร
เช่น กำรบริจำคโลหิต เป็นต้น
คนพิกำรได้แต่หวังว่ำวันหนึ่งสังคมจะเข้ำใจและยอมรับว่ำคนพิกำรก็มีควำม
สำมำรถมีชีวิตจิตใจ มีศักดิ์ศรีไม่แตกต่ำงไปจำกบุคคลทั่วไปแทนที่ภำพ
ลักษณ์เดิม ๆ ที่เป็นคนที่ไร้ศักดิ์ศรี ทำำอะไรไม่ได้ทำำได้แต่ขอทำนเท่ำนั้น
(2) เป็นสังคมที่เปิดโอกำสให้คนพิกำรได้เข้ำมีส่วนร่วมในกำรทำำกิจกรรม

ทำงสังคม คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลอื่นที่มีชีวิตจิตใจ ต้องกำรเข้ำไปมีส่วน
ร่วมในกิจกรรมต่ำง ๆ ของสังคม ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจึงต้องกำรให้สำธำรณ
สถำนไม่ว่ำจะเป็นของรัฐหรือของเอกชนต้องมีสิ่งอำำนวยควำมสะดวก
สำำหรับคนพิกำร เพื่อให้คนพิกำรเข้ำไปใช้สำธำรณสถำนนั้นได้ เช่น
สำำนักงำนที่ทำำกำรของจังหวัด อำำเภอ เทศบำล สุขำภิบำล ท่ำอำกำศยำน
ท่ำเรือ สถำนีขนส่ง สถำนพยำบำล สถำนศึกษำ สถำนฝึกอำชีพ ห้ำงสรรพ
สินค้ำ โรงแรม รีสอร์ท โรงหนังโรงละคร ห้องอำหำร พิพิธภัณฑ์สถำน ห้อง
สมุด สถำนที่แสดงสินค้ำหรือศิลปวัฒนธรรม สวนสำธำรณะ ที่จอดรถ ทำง
เดินเท้ำ เป็นต้น คนหูหนวกต้องกำรให้สมำชิกของสังคมพอรู้ภำษำมือบ้ำง
เพื่อให้คนหูหนวกสำมำรถติดต่อธุระบำงอย่ำงที่สำำคัญได้ อย่ำงน้อยที่สุด
ต้องมีบุคลำกรที่รู้ภำษำมือหรือมีล่ำมภำษำมือให้บริกำรเมื่อคนหูหนวก
ไปใช้บริกำรรักษำพยำบำลที่โรงพยำบำลหรือเมื่อคนหูหนวกมีคดีควำมที่
สถำนีตำำรวจหรือที่ศำล
คนพิกำรหวังว่ำวันหนึ่งคนพิกำรจะสำมำรถปรำกฎตัวอยู่ได้ทุกหนทุกแห่ง
ในสังคมปนไปกับบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ว่ำจะพบคนพิกำรได้แต่บ้ำนของคน
พิกำรหรือที่สถำนสงเครำะห์หรือสถำนที่สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะเท่ำนั้น
(3) เป็นสังคมที่มีเมตตำธรรมตำมควำมเหมำะสม คนพิกำรที่ไม่อำจช่วย

เหลือตนเองได้ก็ต้องกำรได้รับกำรสงเครำะห์ด้วยระบบสวัสดิกำรที่เหมำะสม
เป็นระบบสวัสดิกำรที่ช่วยให้คนพิกำรนั้นสำมำรถอยู่กับครอบครัวได้อย่ำง
อบอุ่นต่อไป แต่ถ้ำหำกไม่อำจอยู่กับครอบครัวได้ต้องกำรอยู่สถำน
สงเครำะห์ทั้งของรัฐ และเอกชนที่มีควำมอบอุ่น เพื่อไม่ได้คนพิกำรเป็น
เครื่องมือของแก๊งขอทำน คนพิกำรต้องกำรให้สังคมทำำบุญกับสถำน
สงเครำะห์หรือสถำนให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรที่มีผลงำน แทน
กำรทำำบุญให้ทำนกับขอทำนตำมท้องถนน เพื่อให้คนพิกำรได้รับบริกำร
ฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรอย่ำงกว้ำงขวำง คนพิกำรต้องกำรให้สังคมมี
ระบบงำนอำสำสมัครเข้ำมำช่วยเหลือกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรด้ำนต่ำง
ๆ และเปิดโอกำสให้คนพิกำรได้เข้ำมีส่วนร่วมในขบวนกำรของอำสำสมัคร
นั้นด้วย คนพิกำรต้องกำรเห็นสังคมให้ควำมช่วยเหลือคนพิกำรตำมที่
พบเห็น เมื่อคนพิกำรต้องกำรควำมช่วยเหลือด้วยวิธีที่ถูกต้อง
คนพิกำรหวังว่ำวันหนึ่งกำรให้ควำมช่วยเหลือคนพิกำรของสังคมจะ
เปลี่ยนแปลงไปจำกตำมใจผู้ให้มำเป็นตำมใจผู้รับ

2.ปัญ หำของคนพิก ำร

เมื่อทรำบวิสัยทัศน์สำำหรับคนพิกำรในกรณีต่ำง ๆ ว่ำเป็นอย่ำงไร และทรำบ
สภำวะควำมเป็นจริงของคนพิกำรในเรื่องนั้น ๆ ว่ำเป็นอย่ำงไรแล้ว ในบทที่
๔ นี้ก็จะมำค้นหำสำเหตุว่ำทำำไมคนพิกำรจึงยังมีสภำพอย่ำงที่เป็นอยู่ใน
ปัจจุบัน ยังไม่อำจไปถึงเป้ำหมำยอันเป็นวิสัยทัศน์นั้นได้ กำรค้นหำสำเหตุ
หรือปัญหำก็เพื่อที่จะนำำมำใช้เป็นพื้นฐำนในกำรค้นหำแนวทำงกำรแก้ไข
ปัญหำหรือยุทธศำสตร์เพื่อกำำหนดนโยบำยและมำตรกำรต่ำง ๆ อันจะช่วย
นำำพำคนพิกำรไปให้ถึงวิสัยทัศน์นั้นได้ แนวทำงแก้ไขปัญหำเป็นเนื้อหำที่
จะกล่ำวโดยละเอียดต่อไปในบทที่ ๕
กำรค้นหำปัญหำของคนพิกำรนั้น ก็เริ่มต้นด้วยกำรตั้งคำำถำมแบบง่ำย ๆ ว่ำ
“ทำำไม” คนพิกำรที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จึงไม่อำจไปถึงวิสัยทัศน์ตำมที่ใฝ่ฝันเอำ
ไว้ได้ คำำตอบว่ำเป็นเพรำะสำเหตุนั้นสำเหตุนี้ก็คือ “ปัญหำ” นั่นเอง แต่
อย่ำงไรก็ตำมกำรตั้งปัญหำและหำคำำตอบนั้น จะต้องทำำกับวิสัยทัศน์แต่ละ
เรื่องไป เช่น ถำมว่ำทำำไมคนพิกำรทุกวันนี้จึงไม่เป็น “คนที่มีควำมรู้ควำม
สำมำรถเต็มตำมศักยภำพตำมที่ใฝ่ฝันไว้” คำำตอบเพรำะสำเหตุต่ำง ๆ เช่น
- ครอบครัวของคนพิกำรมีเจตคติไปในทำงลบเข้ำใจว่ำคนพิกำรเรียน

หนังสือไม่ได้ หรือเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์จึงไม่ส่งเสียให้เล่ำเรียน
- ผู้อำำนวยกำรโรงเรียนต่ำง ๆ มีเจตคติไปในทำงลบ เข้ำใจว่ำคนพิกำรเรียน
หนังสือไม่ได้หรือเรียนได้ก็ไม่มีประโยชน์ และเป็นภำระของครูจึงไม่ยอมรับ
ให้เรียน
- โรงเรียนที่ยินดีรับคนพิกำร แต่ไม่มีสิ่งอำำนวยควำมสะดวกสำำหรับคนพิกำร
จึงทำำให้คนพิกำร (แขน ขำ ลำำตัว) ขึ้นไปเรียนหนังสือไม่ได้
- คนตำบอดและคนหูหนวกขำดสื่อกำรเรียนกำรสอนจึงทำำให้ไม่อำจเรียน

หนังสือได้ดีเยี่ยงบุคคลทั่วไป เป็นต้น
คำำตอบเหล่ำนี้ก็ล้วนถือเป็น “ปัญหำ” ที่คนพิกำรไม่อำจมีควำมรู้ควำม
สำมำรถได้เต็มตำมศักยภำพ เมื่อตั้งคำำถำมและหำคำำตอบสำำหรับวิสัยทัศน์
ต่ำง ๆ ทุกวิสัยทัศน์จนครบถ้วนแล้ว จำกนั้นก็รวบรวมปัญหำที่มีลักษณะ
เดียวกันหรือคล้ำยคลึงกันให้เข้ำเป็นหมวดหมู่เดียวกัน ทำำให้พอสรุปได้ว่ำ
ปัญหำของคนพิกำรมีปัญหำใหญ่ ๆ และย่อย ๆ ดังต่อไปนี้คือ
2.1 ปัญหำเจตคติที่สังคม บุคคลผู้เกี่ยวข้อง ครอบครัวและตัวคนพิกำรที่มี

ต่อคนพิกำรเองไปในทำลบ ในเรื่องปัญหำเจตคตินี้สำมำรถแยกออกเป็น
ปัญหำย่อย ๆ ตำมกลุ่มบุคคลผู้มีเจตคติต่อคนพิกำรในทำงลบได้ดังต่อไปนี้
คือ
(1) สังคมหรือชุมชนมีเจตคติต่อคนพิกำรไปในทำงลบ โดยเชื่อว่ำ คนพิกำร

เป็นผลิตผลของบำปกรรมของตนเองหรือครอบครัว ต้องยอมรับเอำควำม
ทุกข์เวทนำทรมำนต่ำง ๆ เพื่อเป็นกำรใช้กรรมของตน หรือของครอบครัว
เป็นคนไร้ควำมสำมำรถช่วยเหลือตนเองไม่ได้น่ำสงสำร ต้องให้คนอื่นช่วย
เหลือดูแลตลอดเวลำ คนพิกำรควรจะอยู่แต่ที่บ้ำนไม่ควรไปไหนมำไหนให้
ลำำบำก กำรมีชีวิตคู่กับคนพิกำรมีแต่ภำระและควำมลำำบำก
เจตคติในทำงลบนี้เอง มีผลทำำให้สำธำรณสถำนและยำนพำหนะขนส่ง
สำธำรณะ สวนสำธำรณะ ถนนหนทำง ทำงเดินเท้ำ ผู้จัดทำำมิได้คิดถึงคน
พิกำร ไม่ได้สร้ำงสิ่งอำำนวยควำมสะดวกสำำหรับคนพิกำรเพื่อเปิดโอกำสให้
คนพิกำรใช้ได้แต่อย่ำงใด กำรทำำบุญก็เป็นเพียงทำำทำนให้คนพิกำรพอมี
กินไปวัน ๆ ไม่ได้คิดที่จะทำำบุญช่วยให้คนพิกำรสำมำรถช่วยเหลือตนเองได้
และสำมำรถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่ำงปกติสุขเหมือนบุคคลทั่วไป
ทำำให้คนพิกำรมีชีวิตคู่กับคนทั่วไป เป็นไปด้วยควำมยำกลำำบำก ตลอดจนมี
ระเบียบ กฎหมำย ข้อบังคับ ออกมำจำำกัดสิทธิหรือเลือกปฏิบัติต่อคนพิกำร
ตังแต่กำรจำำกัดสิทธิไม่ให้คนพิกำรเข้ำศึกษำในบำงสถำบัน หรือบำงสำขำ
้
วิชำ กำรจำำกัดสิทธิไม่ให้คนพิกำรประกอบอำชีพต่ำง ๆ ทั้งอำชีพอิสระ หรือ
กำรเป็นพนักงำนรัฐวิสำหกิจ หรือข้ำรำชกำรบำงตำำแหน่งบำงประเภท เช่น
ตำำรวจ ทหำร ตุลำกำร อัยกำร เป็นต้น จำำกัดสิทธิ ห้ำมคนพิกำรบำง
ประเภทมีใบขับขี่ทั้ง ๆ ที่สำมำรถขับขี่ยำนพำหนะได้ จำำกัดสิทธิไม่ให้คน
ตำบอด พำสุนัขนำำทำงขึ้นขนส่งสำธำรณะทำงบก
หรือเข้ำโรงแรม หรือภัตตำคำร เป็นต้น
(2) ผู้รับผิดชอบในกำรให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำร มีเจตคติต่อคน

พิกำรไปในทำงลบ เช่น ผู้บริหำรโรงเรียน หรือศูนย์ฝึกอำชีพของบุคคล
ทัวไปที่มิได้จัดไว้สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะ เชื่อว่ำคนพิกำรถ้ำไม่สำมำรถ
่
เรียน หรือฝึกอำชีพได้หรือถ้ำเรียนหรือฝึกอำชีพได้ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะ
สร้ำงให้เกิดควำมยุ่งยำก และเกิดควำมลำำบำกแก่สถำบันของตน
เจตคติในทำงลบนี้เอง มีผลทำำให้โรงเรียนและศูนย์ฝึกอำชีพสำำหรับบุคคล
ทัวไป ที่มิได้จัดไว้สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะหลำยแห่ง ไม่ยอมรับคนพิกำร
่
เข้ำศึกษำหรือฝึกอำชีพแต่อย่ำงใด
(3) เจ้ำของสถำนประกอบกำร ห้ำง ร้ำน บริษัท มีเจตคติต่อคนพิกำรไปใน

ทำงลบ เชื่อว่ำคนพิกำรไม่มีควำมสำมำรถทำำงำนได้หรือทำำได้ก็ไม่ดีเท่ำกับ
บุคคลทัวไปกำรทำำงำนของคนพิกำรอำจจะสร้ำงควำมยุ่งยำกและลำำบำกแก
่
้่สถำนประกอบกำรของตนด้วยเจตคติในทำงลบนี้เอง มีผลทำำให้เจ้ำของ
สถำนประกอบกำร ห้ำง ร้ำน บริษัท ไม่ยอมรับคนพิกำรเข้ำทำำงำน หรือรับก็
ให้ค่ำตอบแทนตำ่ำกว่ำบุคคลทั่วไป หรือไม่ได้สนับสนุนให้มีควำมก้ำวหน้ำ
ในตำำแหน่งกำรงำนเหมือนกับบุคคลอื่น
(4) ครอบครัวของคนพิกำรมีเจตคติต่อคนพิกำรไปในทำงลบโดยเชื่อว่ำ คน

พิกำรเป็นผลิตผลของบำปกรรมทำำให้ครอบครัวได้รับควำมอับอำย คน
พิกำรทำำอะไรไม่ได้เป็นภำระอันหนักยิ่งของครอบครัวที่ต้องให้กำรดูแลช่วย
เหลือ กำรให้คนพิกำรทำำงำนไม่ว่ำจะเป็นงำนบ้ำนหรืองำนนอกบ้ำนเป็น
เรื่องกำรสร้ำงเวรกรรม ไม่ควรทำำ และเชื่อว่ำคนพิกำรเป็นคนดีทำำชั่วไม่เป็น
เจตคติในทำงลบนี้เอง ทำำให้คนพิกำรถูกเก็บตัวเอำไว้แต่ในบ้ำน ครอบครัว
ไม่ยอมให้คนพิกำรไปรับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ คน
พิกำรไม่ได้รับกำรฝึกฝนจำกครอบครัว ให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง ให้รู้จัก
ทำำงำนบ้ำน ให้มีอุปนิสัยรักกำรทำำงำน ให้มีศิลธรรม จริยธรรม แต่ได้รับ
กำรฝึกฝนให้รอแต่รับควำมช่วยเหลือจำกผู้อื่น สำำหรับครอบครัวที่ยำกจน
คนพิกำร มักถูกขำยให้แก่แก๊งขอทำนนำำไปใช้เป็นเครื่องมือหำกิน
(5) คนพิกำรมีเจตคติต่อตนเองไปในทำงลบ โดยเชื่อว่ำควำมพิกำรทำำให้

ตนเองไม่สำมำรถทำำอะไรได้ เชื่อว่ำควำมพิกำรเป็นปมด้อย เป็นเรื่องน่ำ
อับอำย เป็นเรื่องที่คนอื่นจะดูถูกดูแคลนได้ เจตคติในทำงลบนี้เอง มีผล
ทำำให้คนพิกำรขำดควำมเชื่อมั่นในตนเอง ทำำให้คนพิกำรไม่ต้องกำรได้รับ
กำรฟื้นฟูสมรรถภำพในทุกด้ำน ทำำให้คนพิกำรขำดควำมกระตือรือร้นล้น
ในกำรรับบริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ ทำำให้กำรฟื้นฟู
สมรรถภำพคนพิกำรไม่มีประสิทธิผลเท่ำที่ควร
2.2 ปัญหำกำรมีกฎหมำย ระเบียบ ข้อบังคับต่ำง ๆ จำำกัดสิทธิคนพิกำร หรือ

เลือกปฏิบัติต่อคนพิกำรทำำให้คนพิกำรไม่มีสิทธิและโอกำสเท่ำเทียมกับ
บุคคลอื่น กฎหมำย ระเบียบ ข้อบังคับที่จำำกัดสิทธิคนพิกำร มีตั้งแต่กฎหมำย
รัฐธรรมนูญที่จำำกัดสิทธิ ไม่ให้คนหูหนวก เป็นใบ้ที่ไม่สำมำรถอ่ำนออก
เขียนได้ มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรือมีสิทธิได้รับ
กำรแต่งตั้งเป็นวุฒิสมำชิก มีกฎหมำยจำำกัดสิทธิคนพิกำรไม่ให้ประกอบ
อำชีพบำงอย่ำงทั้งที่เป็นอำชีพอิสระ เช่น ห้ำมคนพิกำรได้รับใบประกอบ
โรคศิลป์แผนโบรำณ ห้ำมคนพิกำรเป็นนำยหน้ำขำยประกันชีวิต หรืออำชีพ
เป็นลูกจ้ำง มีกฎหมำยห้ำมเป็นลูกจ้ำงรัฐวิสำหกิจ หรือห้ำมรับรำชกำรเป็น
นำยทหำร ตำำรวจ อัยกำร ผู้พิพำกษำ เป็นต้น มีระเบียบ ข้อบังคับ จำำกัด
สิทธิคนพิกำรไม่ให้มีสิทธิสอบคัดเลือกเข้ำศึกษำในมหำวิทยำลัยของรัฐ ใน
๔ สำขำวิชำ คือ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช พยำบำล บำงสถำบันโดยเฉพำะ
สถำบันรำชภัฎมีข้อจำำกัดสิทธิไม่รับคนพิกำรเข้ำศึกษำ คนหูหนวกถูกจำำกัด
สิทธิไม่ให้มีใบขับขี่ สุนัขนำำทำงของคนตำบอดห้ำมไม่ให้นำำขึ้นขนส่ง
สำธำรณะทำงบก ห้ำมนำำเข้ำโรงแรมหรือภัตตำคำร คนพิกำรต้องกำรทำำ
บัตรประชำชน ต้องเสียค่ำธรรมเนียม ๑๐ บำท ในขณะที่บุคคลอื่นไม่ต้อง
เสีย เป็นต้น
กำรมีกฎหมำย ระเบียบ ข้อบังคับเข้ำมำจำำกัดสิทธิและเลือกปฏิบัติต่อคน
พิกำรทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่คนพิกำรสำมำรถทำำได้ จึงทำำให้คนพิกำรไม่อำจมี
ควำมรู้ ควำมสำมำรถได้เต็มตำมศักยภำพ ไม่อำจเป็นคนที่มีงำนทำำ และไม่
อำจเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีเท่ำเทียมกับผู้อื่นได้
2.3 ปัญหำควำมยำกจนของครอบครัวคนพิกำร ควำมยำกจนของครอบครัว

ของคนพิกำร ทำำให้ครอบครัวไม่อำจแบกภำระเลี้ยงดูคนพิกำรได้ ทำำให้
ต้องขำยคนพิกำรให้แก่บุคคลอื่น หรือใช้คนพิกำรไปขอทำน หรือทอดทิ้ง
คนพิกำรให้เร่ร่อนช่วยเหลือตนเองโดยลำำพัง ส่วนครอบครัวที่ต้องกำรให้
คนพิกำรได้รับบริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพโดยเฉพำะครอบครัวในชนบท ก็ไม่มี
เงินที่จะเป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรนำำคนพิกำรไปรับบริกำร
ณ สถำนที่ให้บริกำร ซึ่งมักอยู่ห่ำงไกลจำกที่อยู่ของตน หรือไม่มีเงินสำำหรับ
ค่ำใช้จ่ำยที่จำำเป็น ในกรณีไม่อำจรับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพจำกสถำนที่ที่จัด
ไว้สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะ ต้องไปรับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพจำกสถำบันที่
จัดไว้สำำหรับบุคคลทั่วไป เช่น ไปเรียนร่วม หรือไปฝึกอำชีพร่วมกับบุคคล
ทัวไปในโรงเรียน หรือมหำวิทยำลัย หรือศูนย์พัฒนำอำชีพที่มีไว้สำำหรับ
่
บุคคลทัวไป อันมีผลทำำให้คนพิกำรจำกครอบครัวที่ยำกจนไม่มีโอกำสที่ได้
่
รับกำรฟื้นฟูไม่ว่ำทำงกำรแพทย์ กำรศึกษำ หรืออำชีพ
2.4 ปัญหำคนพิกำรจำำนวนมำกยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน หรือมีบัตรประจำำตัวคน

พิกำรปัญหำที่คนพิกำรจำำนวนมำกยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน และยังไม่มีบัตร
ประจำำตัวคนพิกำรสำมำรถแยกออกเป็นปัญหำย่อย ๆ ได้อีกดังนี้ คือ

(1) ครอบครัวของคนพิกำรส่วนใหญ่โดยเฉพำะในชนบทยังไม่ทรำบข้อมูล

เกี่ยวกับเรื่องกำรขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือกำรมีบัตรประจำำตัวคนพิกำร
และประโยชน์ที่จะได้จำกกำรทำำบัตรประจำำตัวนี้ ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจำำนวน
มำกโดยเฉพำะในชนบทจึงยังมิได้มีกำรขึ้นทะเบียนหรือมีบัตรประจำำตัวคน
พิกำรแต่อย่ำงใด
(2) ในแต่ละจังหวัดมีสถำนที่ขึ้นทะเบียน หรือออกบัตรประจำำตัวคนพิกำร
เพียงแห่งเดียวคือที่ สำำนักงำนประชำสงเครำะห์จังหวัด หรือสำำนักงำนคณะ
กรรมกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำร ทำำให้คนพิกำรที่อยู่ในชนบทห่ำงไกลมี
ควำมยำกลำำบำกในกำรจะมำขึ้นทะเบียนคนพิกำร และต้องเสียค่ำใช้จ่ำย
และเวลำมำก ทำำให้คนพิกำรจำำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมมำขึ้นทะเบียนคน
พิกำร หรือออกบัตรประจำำตัวคนพิกำรทั้ง ๆ ที่ได้ทรำบข่ำวหรือข้อมูลเกี่ยว
กับกำรขึ้นทะเบียนคนพิกำรแล้วก็ตำม
(3) กำรออกหนังสือรับรองควำมพิกำรจำกแพทย์ไม่ได้รับควำมสะดวกโรง

พยำบำลของรัฐไม่ได้กำำหนดหน่วยงำน หรือบุคคลที่รับผิดชอบในกำรออก
หนังสือรับรองควำมพิกำรโดยตรง นำยแพทย์จำำนวนมำก ไม่ยอมออก
หนังสือรับรองควำมพิกำรให้แก่คนพิกำร นอกจำกนี้กำรออกหนังสือรับรอง
ควำมพิกำรให้แก่คนหูหนวก จำำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษ แต่โรงพยำบำล
หลำยแห่งไม่มีเครื่องมือดังกล่ำว ยิ่งไปกว่ำนั้นกำรรับรองควำมพิกำรสำำหรับ
บุคคลปัญญำอ่อน ในบำงกรณีก็ต้องใช้เวลำเฝ้ำสังเกตุอำกำรถึง ๖ เดือน
เมื่อคนพิกำรไม่อำจมีหนังสือรับรองควำมพิกำรจำกนำยแพทย์ของโรง
พยำบำลรัฐบำล ก็ย่อมทำำให้ขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือออกบัตรประจำำตัว
คนพิกำรไม่ได้
(4) คนพิกำรไม่เห็นประโยชน์ของกำรขึ้นทะเบียนหรือของกำรมีบัตรประจำำ
ตัวคนพิกำร ทุกวันนี้คนพิกำรที่จำำเป็นต้องขึ้นทะเบียนหรือมีบัตรประจำำตัว
คนพิกำร ก็แต่เฉพำะคนพิกำรที่ต้องกำรกู้ยืมเงินจำกกองทุนฟื้นฟู
สมรรถภำพคนพิกำรเท่ำนั้น เมื่อคนพิกำรไม่เห็นประโยชน์ของกำรขึ้น
ทะเบียน หรือของกำรมีบัตรประจำำตัวคนพิกำร ผนวกกับกำรขึ้นทะเบียน
หรือกำรออกบัตรประจำำตัวคนพิกำรมีควำมยุ่งยำกลำำบำกเสียเวลำและค่ำใช้
จ่ำย จึงทำำให้คนพิกำรจำำนวนมำกที่ไม่ยอมมำขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือ
ออกบัตรประจำำตัวคนพิกำรทั้ง ๆ ที่ได้ทรำบข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับเรื่องรำว
ดังกล่ำว
กำรที่คนพิกำรมำขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือออกบัตรประจำำตัวคนพิกำร
จำำนวนน้อย ย่อมมีผลกระทบต่อกำรวำงแผนงำนในกำรให้กำรบริกำรฟื้นฟู
สมรรถภำพคนพิกำรด้ำนต่ำง ๆ และทำำให้รัฐบำลจัดสรรงบประมำณให้เพื่อ
ใช้ในกำรให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรด้ำนต่ำง ๆ ได้น้อย ด้วยเหตุนี้
ในปีหนึ่ง ๆ ยังมีคนพิกำรจำำนวนมำกที่ไม่อำจได้รับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคน
พิกำร โดยเฉพำะในด้ำนกำรศึกษำ และกำรฝึกอำชีพ
2.5 ปัญหำกำรให้บริกำรกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ ปัญหำ

กำรให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ นี้ สำมำรถแยกออก
เป็น
๒ ปัญหำใหญ่ ๆ แตกเป็นอีกหลำยปัญหำย่อย ๆ ได้ดังต่อไปนี้คือ
(1) กำรบริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ ทำำได้ในจำำนวนที่

จำำกัด ไม่อำจให้บริกำรคนพิกำรได้อย่ำงทั่วถึงครบถ้วนทุกคน ปัญหำกำร
ให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรทำำได้อย่ำงจำำกัดนี้ เกิดปัญหำย่อย ๆ ดัง
ต่อไปนี้ คือ
(1.1) โรงเรียนตั้งแต่อนุบำลถึงขั้นอุดมศึกษำ และสถำบันฝึกอบรมอำชีพที่
จัดให้บริกำรแก่บุคคลทั่วไป ไม่ยอมรับคนพิกำรทั้ง ๆ ที่คนพิกำรสำมำรถ
เรียนและฝึกอบรมในสถำนที่เหล่ำนั้นได้ กำรที่สถำบันดังกล่ำวไม่ยอมรับคน
พิกำรเข้ำเรียนหรือฝึกอบรมนั้น มีสำเหตุ ๒ ประกำร คือ
(1) สถำบันกำรศึกษำและฝึกอำชีพนั้นอ้ำงว่ำยังไม่พ้อมที่จะให้บริกำรแก่คน
พิกำร โดยไม่กำำหนดเวลำว่ำเมื่อไหร่จะพร้อมให้บริกำรแก่คนพิกำรได้
(2) สถาบันการศึกษาหรือฝึกอาชีพดังกล่าว ใช้ระบบการสอบคัดเลือกใน

การรับบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอาชีพ คนพิการโดยทั่วไปมักอยู่ในฐานะที่
เสียเปรียบบุคคลอื่นอยู่แล้ว จึงทำาให้สามารถสอบผ่านการคัดเลือกเข้าไป
เรียนในสถาบันเหล่านั้นได้ หรือเข้าไปได้ก็น้อยมาก เช่น ในกรณีสอบเข้า
มหาวิทยาลัยของรัฐ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้จึงมีคนพิการจำานวนน้อยที่มีโอกาส ได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ทางการศึกษา และการฝึกอาชีพในสถาบันที่จัดไว้สำาหรับบุคคลทั่วไปทั้ง ๆ
ที่สถาบันเหล่านี้สามารถที่จะให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางด้าน
การศึกษาและฝึกอาชีพได้เป็นจำานวนมาก โดยไม่ต้องใช้งบประมาณพิเศษ
เพิ่มเติมมากนัก
(1.2) ศูนย์หรือสถานให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ไม่ว่าในทางการ

แพทย์ หรือการศึกษา หรือศูนย์ฝึกอาชีพที่จัดไว้สำาหรับคนพิการโดยเฉพาะ
ยังมีจำานวนน้อยมาก หรือในบางกรณียังไม่มีเลย เช่น ยังไม่มีวิทยาลัย
อาชีวศึกษาสำาหรับคนพิการเมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำาให้มีจำานวนคนพิการไม่มาก
นัก ที่ได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในสถานที่ ที่จัดไว้สำาหรับคน
พิการโดยเฉพาะ
(1.3) การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชน (CBR) ยังมีน้อย
มากทั้ง ๆ ที่การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนสามารถจะให้
บริการแก่คนพิการได้เป็นจำานวนมาก โดยใช้งบประมาณจำานวนน้อย แต่
การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนยังไม่ได้รับความนิยมและ
ยังมีจำานวนน้อยมาก จึงทำาให้คนพิการที่ได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพใน
ชุมชนยังมีจำานวนน้อย
(1.4) การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในด้านต่าง ๆ โดยภาคเอกชน
ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากเพียงพอ ทำาให้การให้บริการฟื้นฟู
สมรรถภาพคนพิการโดยภาคเอกชนยังทำาได้น้อย และไม่สามารถขยายตัว
ได้เท่าที่ควร
ปัญหาทั้ง ๔ ข้างต้นนี้เองทำาให้การบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการไม่ว่า
ในด้านการแพทย์ ทางการศึกษา การฝึกอาชีพ และสังคม เป็นไปได้อย่าง
จำากัดและมีปริมาณน้อย โอกาสที่จะให้คนพิการไปถึงวิสัยทัศน์ตามที่ฝันจึงมี
โอกาสน้อยตามไปด้วย
(2) ปัญหาทางด้านคุณภาพของการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ใน
ด้านต่าง ๆ ปัญหาคุณภาพของการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพของคนพิการ
นี้ สามารถแยกออกเป็นปัญหาย่อย ๆ ได้ดังต่อไปนี้คือ
(2.1) ปัญหาสถานที่ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการส่วนใหญ่ยังไม่มีสิ่ง
อำานวยความสะดวกสำาหรับคนพิการ ทำาให้คนพิการทางด้านแขน ขา ลำาตัว
ได้รับความยากลำาบากในการเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ หรือ
ไปติดต่องานราชการในสถานที่เหล่านั้น
(2.2) ปัญหาสถานที่ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการยังไม่มีระบบสื่อสาร
ที่เหมาะสมกับคนพิการแต่ละประเภท สถาบันที่ให้การฟื้นฟูสมรรถภาพคน
พิการไม่ว่าในทางการแพทย์ การศึกษา การฝึกอาชีพ หรือทางสังคม ยัง
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ
วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ

More Related Content

Similar to วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ

กลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคมกลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคมniralai
 
นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.PdfAwantee
 
สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์Nattapong Manlee
 
การเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตการเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตorawan chaiyakhan
 
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินKhuanruthai Pomjun
 
ธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงาม
ธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงามธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงาม
ธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงามAmnuay Nantananont
 
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตรครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตรniralai
 
เน็ตพูด
เน็ตพูดเน็ตพูด
เน็ตพูดpanneem
 
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4ngor
 
งานนำเสนอ..ส้ม
งานนำเสนอ..ส้มงานนำเสนอ..ส้ม
งานนำเสนอ..ส้มZomza Sirada
 
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้วครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้วครู เอี้ยง
 
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนาศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนาpentanino
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์sofia-m15
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์nurul027
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์saleehah053
 
แผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกร
แผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกรแผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกร
แผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกรkruuni
 

Similar to วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ (20)

กลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคมกลอนครูและคำคม
กลอนครูและคำคม
 
นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.Pdf
 
Work1 pjcom
Work1 pjcomWork1 pjcom
Work1 pjcom
 
สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์สาส์นนิเทศศาสตร์
สาส์นนิเทศศาสตร์
 
การเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตการเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกต
 
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
 
ธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงาม
ธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงามธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงาม
ธรรมะสั้นๆเพื่อวันที่ดีงาม
 
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตรครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
 
เน็ตพูด
เน็ตพูดเน็ตพูด
เน็ตพูด
 
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว 4
 
3
33
3
 
งานนำเสนอ..ส้ม
งานนำเสนอ..ส้มงานนำเสนอ..ส้ม
งานนำเสนอ..ส้ม
 
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้วครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
 
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนาศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
แผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกร
แผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกรแผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกร
แผนการสอนหน่วยปฐมนิเทศนิกร
 

More from Nanthapong Sornkaew

วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1 วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1 Nanthapong Sornkaew
 
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญNanthapong Sornkaew
 
ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1Nanthapong Sornkaew
 
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองkคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองNanthapong Sornkaew
 
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545Nanthapong Sornkaew
 
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯNanthapong Sornkaew
 
อากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกอากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกNanthapong Sornkaew
 
คำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงคำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงNanthapong Sornkaew
 
ประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลNanthapong Sornkaew
 
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมkจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมNanthapong Sornkaew
 
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่Nanthapong Sornkaew
 

More from Nanthapong Sornkaew (20)

วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1 วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
 
Pantipontour
PantipontourPantipontour
Pantipontour
 
Bo tmuseum
Bo tmuseumBo tmuseum
Bo tmuseum
 
Politics1
Politics1Politics1
Politics1
 
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
 
10 12-2475
10 12-247510 12-2475
10 12-2475
 
ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1
 
Book inter germany
Book inter germanyBook inter germany
Book inter germany
 
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองkคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
 
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
 
Article t2
Article t2Article t2
Article t2
 
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
 
อากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกอากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตก
 
คำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงคำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากง
 
ประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาล
 
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมkจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
 
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
 
V2011 4
V2011 4V2011 4
V2011 4
 
V2011 3
V2011 3V2011 3
V2011 3
 
V2011 2
V2011 2V2011 2
V2011 2
 

วิสัยทัศน์สำหรับคนพิการ

  • 1. 1.วิส ัย ทัศ น์ส ำำ หรับ คนพิก ำร คำำว่ำ วิสัยทัศน์ ในที่นี้หมำยถึงควำมใฝ่ฝันที่อยำกจะให้เป็นหรืออยำกจะให้ มี ดังนั้นวิสัยทัศน์สำำหรับคนพิกำร ก็คือควำมใฝ่ฝันที่อยำกจะให้คนพิกำรได้ เป็น ได้มีนั่นเอง วิสัยทัศน์นั้นเปรียบได้กับดวงดำวดวงเดือน หำกดูเผิน ๆ แล้วก็ เป็นเรื่องที่มนุษย์ไปถึงไม่ได้ แต่ในควำมเป็นจริงมนุษย์ก็ไปถึงดวงจันทร์ได้ จริงอยู่หลำยคนไม่อำจไปถึงดวงดำว แต่อย่ำงน้อยที่สุดดวงดำวดวงเดือนก็ สำมำรถบอกมนุษย์ให้เดินทำงที่ถูกต้องไม่หลงทำงมีแสงสว่ำงมำกพอให้ เห็นทำง ให้มนุษย์เดินทำงได้ หลำยท่ำนอำจจะตั้งคำำถำมไว้ในใจว่ำวิสัยทัศน์กับ ควำมฟุ้งซ่ำนนั้นแตกต่ำงกันอย่ำงไร ควำมใฝ่ฝันกับคนหลำยคนที่ต้องกำร ได้รับ รำงวัลที่ ๑ ของสลำกกินแบ่งรัฐบำลเป็นวิสัยทัศน์หรือควำมฟุ้งซ่ำนวิสัยทัศน์ กับควำมฟุ้งซ่ำนแตกต่ำงกันอยู่ตรงที่ว่ำ ควำมฟุ้งซ่ำนนั้นเป็นควำมใฝ่ฝันที่ ไม่ อำจ มีแผนงำนไปถึงได้ แต่วิสัยทัศน์นั้นเป็นควำมใฝ่ฝันที่มีแผนงำน สำมำรถไปถึงได้มีควำมเป็นไปได้ค่อนข้ำงมำกเมื่อเป็นเช่นนี้จึงตอบได้ทันที ว่ำ ควำมต้อง กำรที่ จะได้รับรำงวัลที่ ๑ ของสลำกกินแบ่งรัฐบำลเป็นควำม ฟุ้งซ่ำน เพรำะกำรได้รำงวัลที่ ๑ หรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแผนงำนใด ๆ ขึ้นอยู่กับโชคแต่ เพียง อย่ำงเดียว และมีควำมเป็นไปได้น้อย บุคคลใดทีต้องกำรแก้ไขปัญหำของคนพิกำร บุคคลนั้นต้องทำำตัวเหมือนนัก ่ ปฏิมำกร กล่ำวคือ นักปฏิมำกรต้องกำรปั้นรูปปั้นขึ้นมำสักชิ้นหนึ่ง นัก ปฏิมำกร ต้อง จินตนำกำรให้ออกเสียก่อนว่ำ ต้องกำรให้รูปที่ต้องกำรปั้นนั้นมีหน้ำตำ เป็นอย่ำงไร ยิ่งสำมำรถจินตนำกำรกำรรูปที่ต้อง กำรปั้นออกมำได้สวยสด งดงำมเพียงใด ก็ยิ่งสำมำรถปั้นรูปปั้นนั้นออกมำสวยสดงดงำมได้เพียงนั้น ด้วยเหตุนี้กำรปั้นหรือกำรสร้ำงให้คนพิกำรมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ สำมำรถจินตนำกำรออกว่ำ ที่สมบูรณ์สำำหรับคนพิกำรนั้น ตัวคนพิกำรเอง และสิ่งแวดล้อมของคนพิกำรจะเป็นอย่ำงไร ในบทนี้จึงขอกล่ำวถึงวิสัยทัศน์ สำำหรับตัวบุคคลที่พิกำร วิสัยทัศน์ครอบครัวสำำหรับคนพิกำร วิสัยทัศน์ สำำหรับกำรรวมกลุ่มของคนพิกำร และวิสัยทัศน์สำำหรับสังคมที่มีคนพิกำรอยู่ วิสัยทัศน์เหล่ำนี้จะสะท้อน ให้เห็นภำพแห่งจินตนำกำรหรือควำมฝันที่ ต้องกำรให้คนพิกำร และสิ่งแวดล้อมของคนพิกำรเป็นหรือมี อันที่จริงแล้ว วิสัยทัศน์สำำหรับคนพิกำร โดยทั่วไปแล้วก็ไม่แตกต่ำงไปจำกวิสัยทัศน์ สำำหรับคนไทยโดยทั่วไปไม่เท่ำไหร่นักแต่เนื่องจำกคนพิกำรมีควำม บกพร่อง ทำงร่ำงกำย หรือสติปัญญำ หรือพฤติกรรมอันทำำให้วิสัยทัศน์ สำำหรับคนพิกำรมีรำยละเอียดแตกต่ำงไปจำกบุคคลทั่วไปบ้ำง 1.1 วิสัยทัศน์สำำหรับตัวบุคคลผู้พิกำร
  • 2. (1) เป็นคนที่มีสุขภำพดีเต็มตำมศักยภำพ คำำว่ำ สุขภำพดี ในที่นี้ไม่ได้ หมำยควำมว่ำ ทำำให้คนพิกำรหำยจำกควำมพิกำร แต่หมำยถึงให้มีสุขภำพ ดี อยู่ในสภำพที่เป็นคนพิกำรอยู่นั่นเอง และให้มีสุขภำพดีเต็มตำมศักยภำพที่ คนพิกำรนั้นจะพึงมีได้คนพิกำรที่เกิดมำแล้วต้องพิกำรก็ขอให้พิกำรน้อย ้้ที่สุดเท่ำที่เป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้คนพิกำรหรือเด็กพิกำรจึงต้องกำรได้รับกำร ฟื้นฟูทำงกำรแพทย์ทันทีที่ทรำบว่ำมีควำมพิกำรโดยหวังว่ำกำรฟื้นฟู ทำงกำรแพทย์ที่ทันท่วงทีทัน เหตุกำรณ์นั้นช่วยยับยั้งไม่ให้มีควำมพิกำรมำกขึ้น หรือช่วยฟื้นฟูในส่วนที่ พิกำรไปบ้ำงแล้วกลับดีขึ้นมำได้ กำรฟื้นฟูทำงกำรช่วยเพื่อให้กำรฟื้นฟูเต็ม ไปด้วยควำมอบอุ่นมีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น คนพิกำรยังต้องกำรให้ครอบครัว และขุมชนเข้ำมำมีบทบำท ในกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรทำงกำรแพทย์ด้วย .... ในกรณีร่ำงกำยที่พิกำรไม่อำจฟื้นฟูให้กลับมำใช้งำนได้นั้นคนพิกำรก็ ต้องกำรให้มีกำยอุปกรณ์หรือเครื่องช่วยควำมพิกำร เช่น แขนเทียม ขำ เทียม รถเข็นสำำหรับคนพิกำร เครื่องช่วยกำรได้ยินไม้เท้ำขำว เป็นต้น นอกจำกนี้กำรพัฒนำทักษะเพื่อให้คนพิกำรสำมำรถดำำรงชีวิตได้ด้วยตนเอง ก็เป็นเรื่อง ที่สำำคัญ กำรพัฒนำทักษะนั้นเป็นกำรฝึกอบรมคนพิกำรให้รู้กลวิธีใช้อวัยวะ ส่วนที่เหลืออยู่และหรือกับเครื่องช่วยคนพิกำรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น สอนให้คนแขนด้วนรู้จักใช้เครื่องไม้เครื่องมือช่วยในกำรแปรงฟัน อำบนำ้ำ แต่งตัว เป็นต้น ฝึกอบรมให้คนพิกำรขำรู้จักวิธีใช้รถเข็นสำำหรับคนพิกำร อย่ำงถูกวิธี หรือฝึกอบรมให้คนตำบอดใช้ไม้เท้ำขำวอย่ำงถูกวิธีเพื่อเดินทำง ได้อย่ำงปลอดภัย เป็นต้น กำรปล่อยให้คนพิกำรอยู่เฉย ๆ ไปไหนไม่ได ้้มี แต่ทำำให้พิกำรมำกขึ้น และสุขภำพเสื่อมโทรมลงแต่กำรช่วยให้คนพิกำร สำมำรถช่วยเหลือตนเองในกำรดำำรงชีวิตประจำำวันและสำมำรถเข้ำร่วม กิจกรรมของสังคมได้ย่อม มีแต่ผลดีต่อ สุขภำพของคนพิกำร คนพิกำรยังต้องกำรได้รับคำำปรึกษำ คำำแนะนำำจำกแพทย์หรือนักจิตวิทยำ เมื่อประสบปัญหำต่ำง ๆ ของชีวิต ในกรณีของเด็กพิกำร เด็กพิกำรต้องกำร ให้บิดำ มำรดำ ได้รับคำำปรึกษำจำกจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยำเพื่อให้บิดำ มำรดำ ประพฤติต่อตนได้อย่ำงเหมำะสม ในกรณีคนพิกำรตอนโตแล้วก็ ต้องกำร ได้รับคำำปรึกษำจำกจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยำเพื่อให้มีกำำลังใจสู้กับชีวิต และเข็งแรงและยังต้องกำรมีสุขภำพจิตที่ดีด้วย คนพิกำรจำำนวนมำกที่ไม่ได้ รับ ้ี กำรดูแลจำกแพทย์หรือนักจิตวิทยำ และหมดอะไรตำยอยำกในชีวิต นอกจำกจะมีสุขภำพจิตที่เสื่อมโทรมแล้ว ยังมีสุขภำพกำยที่อ่อนแอด้วย กำร ให้บริกำรทำงกำรฟื้นฟูทำงจิตใจแก่คนพิกำรจึงเป็นเรื่องที่สำำคัญยิ่งเป็นที่ ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ำ กำรออกกำำลังกำย กำรเล่นกีฬำ กำรพักผ่อนตำม สวนสำธำรณะ หรือสถำนพักผ่อนต่ำง ๆ นั้นมีผลทำำให้สุขภำพทั้งกำยและ ใจดีได้ คนพิกำรก็เหมือนกับคนอื่นต้องกำรมีสถำนที่ออก
  • 3. กำำลังกำย มีสถำนที่เล่นกีฬำ มีสวนสำธำรณะ มีสวนสัตว์ หรือสถำนที่เที่ยว อื่น ๆ ไว้สำำหรับพักผ่อน ด้วยเหตุนี้คนพิกำรต้องกำรให้สถำนที่เหล่ำนั้น มี เครื่องไม้เครื่องมือที่จะให้คนพิกำรออกกำำลังและเล่นกีฬำได้ หรืออย่ำงน้อย ที่สุดต้องมีสิ่งอำำนวยควำมสะดวกที่จะให้คนพิกำรเข้ำไปใช้สถำนท ้ี้่เหล่ำนั้นได้ เช่น มีทำงลำด มีห้องสุขำที่คนพิกำรสำมำรถใช้ได้ หรือมีที่ จอดรถสำำหรับคนพิกำร เป็นต้น (2) เป็นคนมีควำมรู้ควำมสำมำรถเต็มตำมศักยภำพ อันที่จริงแล้วคนพิกำรมี ศักยภำพที่จะมีควำมรู้ควำมสำมำรถได้ไม่แตกต่ำงจำกบุคคลทั่วไปมำกนัก ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจึงต้องกำรมีควำมรู้ควำมสำมำรถเต็มตำมศักยภำพของ ตนเหมือนอย่ำงบุคคลทั่วไป คนพิกำรที่พิกำรมำตั้งแต่เป็นทำรก ก็ต้องกำร ได้รับกำรกระตุ้น มีพัฒนำกำรในด้ำนต่ำง ๆด้วยวีธีที่เหมำะสมเพื่อไม่ให้เด็ก พิกำรมีพัฒนำกำร ที่แตกต่ำงจำกเด็กทั่วไปนัก เช่น พัฒนำกำรในเรื่องกำรนั่ง เดิน พูด รับรู้โลกภำยนอก กำรมีควำม สัมพันธ์กับบุคคลอื่นเป็นต้น เด็กพิกำรเองยังต้องกำรที่จะมีโรงเรียนอนุบำล เหมือนกับเด็กทั่วไป เพรำะเด็กพิกำรดูเหมือนจะต้องกำรกำรเตรียมควำม พร้อมมำกกว่ำเด็กทั่วไป ก่อนที่จะเข้ำเรียนในชั้นประถมศึกษำ เช่น เด็กตำบอดต้องกำรเรียนรู้กำรไปไหนมำมำไหนได้ด้วยไม้เท้ำขำว ต้อง เรียนอักษรเบรลล์ ต้องเรียนรู้กำรช่วยเหลือตนเอง และกำรอยู่ร่วมกับบุคคล อื่น เป็นต้น ในกำรเข้ำเรียนในชั้นประถมศึกษำ มัธยมศึกษำ ขั้นอุดมศึกษำ ทั้งสำยสำมัญ และสำยอำชีพนั้น เด็กพิกำรต้องกำรเรียนร่วมกับเด็กทั่ว ๆ ไป เป็นหลักแต่กำรเรียนร่วมกับเด็กทั่วไปนั้นเด็กพิกำรต้องกำรสื่อกำรเรียนกำร สอนที่เหมำะสม กับสภำพควำมพิกำรของตน เช่น เด็กตำบอดต้องกำร หนังสือ อักษรเบรลล์ หนังสือเทป เด็กนักเรียนหูหนวกต้องกำรวีดีโอภำษำมือ เป็นต้น หรือจะกล่ำวให้สั้นก็คือเด็กพิกำรก็ต้องกำรมีศูนย์เทคโนโลยีกำร ศึกษำเหมือน กับเด็กทั่วไป เพียงแต่ศูนย์เทคโนโลยีกำรศึกษำนั้นต้องสำมำรถตอบำสนอง ควำมต้องกำรของคนพิกำรได้อย่ำงเหมำะสมส่วนคนพิกำรแขน ขำ ลำำตัว ก็ ต้องกำรมีสิ่งอำำนวยควำมสะดวก เพื่อให้สำมำรถขึ้นไปใช้ห้องเรียนและห้อง สมุดได้ คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไปที่ต้องกำรมีเสรีภำพในกำรศึกษำ ต้องกำรมีเสรีภำพที่จะเลือกเรียน วิชำ สำขำหรืออำชีพใดก็ได้ ตำมที่ตน ต้องกำรและเห็นเหมำะสม คนพิกำรไม่ต้องบกำรให้สถำบันกำรศึกษำ เป็นผู้ กำำหนดว่ำวิชำ สำขำ อำชีพใดที่คนพิกำรเรียนได้เท่ำนั้นและวิชำ สำขำ อำชีพใดที่คนพิกำรเรียนไม่ได้ ......โดยหลักแล้วเด็กพิกำรต้องกำรเรียน ร่วมกับเด็กทั่วไป เพรำะเด็กพิกำรต้องกำรเรียนรู้ในกำรอยู่ร่วมกับบุคคล ทัวไป แต่ในกรณีที่เด็กพิกำรเรียนร่วมกับเด็กทั่วไปไม่ได้ไม่ว่ำกรณีใด ๆ ่ เด็กพิกำรก็ต้องกำรมีโรงเรียนเฉพำะสำำหรับเด็กพิกำร โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง ในกรณีของเด็กหูหนวก เด็กปัญญำอ่อน เด็กพิกำรซำ้ำซ้อน โรงเรียนเฉพำะ สำำหรับเด็กพิกำรนี้ เด็กพิกำรต้องกำรทั้งโรงเรียนทำงสำยสำมัญและสำย อำชีพด้วย คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไปในกรณีที่ไม่ อำจเข้ำศึกษำใน
  • 4. ระบบกำรศึกษำตำมปกติได้ คนพิกำรก็ต้องกำรได้รับกำรศึกษำตำม หลักสูตรกำรศึกษำนอกโรงเรียนคนพิกำรนอกจำกได้รับกำรศึกษำ ตำม หลักสูตรกำรศึกษำนอกโรงเรียนร่วมกับบุคคล ทั่วไปแล้ว คนพิกำรยัง ต้องกำรให้มีกำรจัดกำรศึกษำนอกโรงเรียน ให้เหมำะสมกับคนพิกำร แต่ละ ประเภทด้วย และต้องกำรให้จัดในสถำนที่มีคนพิกำรอยู่เป็นจำำนวนมำก เช่น ที่สำำนักงำนของสมำคมคนพิกำร ที่สถำนฝึกอำชีพของคนพิกำร เป็นต้น คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไปต้องกำรศึกษำ ค้นคว้ำ หำควำมรู้ได้จำก ห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ งำนแสดงนิทรรศกำรด้ำนวิชำกำร ควำมรู้ต่ำง ๆ เป็นต้น คนพิกำรจึงต้องกำรให้มีสื่อหรือสิ่งอำำนวยควำมสะดวกเพื่อให้คน พิกำรสำมำรถเข้ำถึงควำมรู้ในสถำนที่เหล่ำนั้นได้ คนหูหนวกต้องกำรให้ รำยกำรโทรทัศน์ต่ำง ๆ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง รำยกำรข่ำวและรำยกำรสำำหรับ เด็กมีภำษำมือด้วย ทั้งนี้เพื่อให้คนหูหนวกสำมำรถทรำบข่ำวครำวบ้ำนเมือง และให้เด็กหูหนวกสำมำรถ มีพัฒนำกำรได้อย่ำงเด็กทั่วไป คนพิกำรหวังว่ำวันหนึ่งภำพลักษณ์ของคน พิกำรที่เป็นคนถือกะลำขอทำนจะเปลี่ยนมำเป็นถือวุฒิบัตร และปริญญำบัตร แทน (3) เป็นคนมีงำนทำำ นอกจำกกำรศึกษำสำยอำชีพแล้ว คนพิกำรยังต้องกำร ได้รับกำรฝึกอำชีพเหมือนกับบุคคลทั่วไป กำรฝึกอำชีพนั้นจะเป็นกำรฝึก ในศูนย์ฝึกอำชีพหรือจะเป็นกำรฝึกอำชีพที่บ้ำนหรือท้องถิ่นของคนพิกำร ก็ได้ โดยทั่วไปแล้วคนพิกำรต้องกำรฝึกอำชีพร่วมกับบุคคล ทั่วไป แต่ใน กรณีกำรฝึกอำชีพที่ทำำร่วมกับบุคคลทั่วไปไม่ได้ คนพิกำรก็ต้องกำรมีสถำน หรือศูนย์ฝึกอำชีพเฉพำะสำำหรับคนพิกำร อำชีพที่ฝึกนั้น คนพิกำรต้องกำร ฝึกอำชีพที่คนพิกำรทำำได้ดี สอดคล้องกับควำมต้องกำรของตลำดและมีรำย ได้ดี หรือมำกพอเลี้ยงชีพได้ คนพิกำรที่ต้องกำร ประกอบอำชีพอิสระ ก็ ต้องกำรได้รับกำรฝึกอบรมให้มีควำมรู้ในเรื่องกำรผลิต หรือกำรบริหำรที่มี ประสิทธิภำพและกำรตลำดที่ดีด้วย คนพิกำรต้อง กำรได้รับโอกำส มีงำนทำำ เหมือนกับบุคคลทั่วไปหรือว่ำจะเป็นอำชีพอิสระ หรืออำชีพในกำรเป็น ลูกจ้ำง และงำนที่ทำำนั้นคนพิกำรต้องกำร มีเสรีภำพในกำร ที่จะเลือก ทำำงำน ที่ตนต้องกำรทำำไม่ต้องกำรถูกห้ำมไม่ให้ทำำงำนบำงประเภทสำำหรับ คนพิกำรที่ไม่อำจไปแข่งขันในตลำดแรงงำน หรือกอบอำชีพ อิสระด้วย ตนเองได้ คนพิกำรเหล่ำนั้นก็ต้องกำรมีโรงงำนในอำรักษ์เป็นสถำนที่ทำำงำน ที่พอมีรำยได้พอเลี้ยงชีพลูกจ้ำงหรือข้ำรำชกำร ทีต้องมำพิกำร ในภำยหลัง ่ ก็ต้องกำรได้รับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพและสำมำรถกลับเข้ำไปทำำงำนใหม่ดัง เดิม หรือตำำแหน่งใหม่ตำมควำมเหมำะสม คนพิกำรต้องกำรมีโอกำส ได้รับ รำชกำร หรือเป็นพนักงำนรัฐวิสำหกิจพอ ๆ กับมีโอกำสที่จะได้เป็นลูกจ้ำง ห้ำงร้ำนบริษัทต่ำง ๆอำชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เป็นอำชีพที่คนพิกำร ทำำได้ ้้โดยไม่เสียเปรียบบุคคลทั่วไปมำกนัก เป็นอำชีพที่ก่อเกิดรำยได้ และเป็นอำชีพที่มีอนำคตไกล คนพิกำรจึงใฝ่ฝันว่ำวันหนึ่งภำพลักษณ์ของ คนพิกำร ที่เป็นคนถือกะลำขอทำนจะเปลี่ยนมำเป็นภำพลักษณ์
  • 5. (4) เป็นคนดี คนพิกำรก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ต้องกำรได้รับกำรอบรมปลูกฝัง อุปนิสัยที่ดี ตั้งแต่อุปนิสัยที่จำำเป็นที่คนพิกำรต้องมีเพื่อควำมอยู่รอด ท่ำมกลำงโลกที่เต็มไปด้วยกำรแข่งขัน เช่น อุปนิสัยเป็นคนขยัน เป็นคน ประหยัด เป็นคนอดทน อดกลั้น เป็นคนที่มีควำมเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคนมีวิสัยทัศน์ เป็นคนรู้จัก บริหำรเวลำเป็นคนไม่มัวเมำในอบำยมุข คนพิกำรยังต้องกำรได้รับกำร อบรมปลูกฝังอุปนิสัยที่จำำเป็นสำำหรับกำรมีสัมพันธไมตรีกับบุคคลอื่นอย่ำง ถำวร เช่นเป็นคนรู้จักเอำใจเขำมำใส่ใจเรำเป็นคนทำำอะไรไม่คิดเอำแต่ได้ ฝ่ำยเดียวแต่คิดให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์พร้อมกันไปด้วยและเป็นคนพยำยำม เข้ำใจผู้อื่น ก่อนเรียกร้องให้ผู้อื่นเข้ำใจตน เป็นคนรู้จักกำรประนีประนอม เป็นคนรู้จัก ให้อภัย และเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต นอกจำกนี้คนพิกำรยังต้องกำรได้รับกำร อบรม ปลูกฝัง มีอุปนิสัยที่จำำเป็นเพื่อกำรมีครอบครัวที่มั่นคงและอบอุ่น เช่น เป็นคนที่รักครอบครัว ไม่มักมำกในทำงกำม เป็นคนมีเหตุมีผลไม่ใช้แต่ อำรมณ์กับสมำชิกของครอบครัว เป็นคนคิดแต่จะให้มำกกว่ำกำรเรียกร้อง เอำจำกสมำชิกในครอบครัว เป็นคนกตัญญูกตเวที เป็นต้น สุดท้ำยคนพิกำรยังต้องกำรได้รับกำรอบรมปลูกฝัง อุปนิสัยที่จำำเป็น สำำหรับกำรเป็นพลเมืองที่ดี เช่น เป็นคนมีระเบียบวินัยเคำรพกฎหมำยและ ประเพณีอันดีงำม รักวัฒนธรรมไทย เป็นคนรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม เต็มใจปฏิบัตหน้ำที่พลเมืองดี และอุทิศตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมตำม ิ โอกำสอันสมควร (5) เป็นคนที่มีศักดิ์ศรี คนพิกำรก็ต้องกำรเป็นคนที่มีศักดิ์ศรี มีสิทธิและ โอกำสเท่ำเทียมกับบุคคลทั่วไป คนพิกำรต้องกำรมีสิทธิและโอกำสเท่ำเทียม กับบุคคลอื่น ในกำรได้รับบริกำรจำกหน่วยงำนของรัฐ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง กำรทำำบัตรประจำำตัวประชำชน คนพิกำรต้องกำรมีสิทธิและโอกำสเท่ำเทียม กับบุคคลทั่วไป เรียนวิชำใดประกอบอำชีพใดก็ได้ คนพิกำรต้องกำรสิทธิ เสรีภำพในกำรเดินทำงเยี่ยงบุคคลทั่วไปต้องกำรมีสิทธิใช้ยำนพำหนะส่วน ตัวที่ดัดแปลงเหมำะกับคนพิกำรและมีใบขับขี่ได้คนตำบอด ต้อง กำรให้สุนัขนำำทำงไปได้ทุกที่ที่คนตำบอดไปได้ และไม่ต้องเสียค่ำใช้จ่ำย จำกกำรมีสุนัขนำำทำงไปด้วย และคนพิกำรยังต้องกำรมีสิทธิและโอกำสที่จะ ได้ใช้ขนส่งสำธำรณะ และทำงเดินเท้ำเหมือนบุคคลอื่นทั่วไป สิทธิใน ทำงกำรเมือง ก็ต้องมีสิทธิและโอกำสที่เท่ำเทียมกับบุคคลอื่นไม่ว่ำจะเป็น สิทธิและโอกำสในกำรใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมำชิก สภำผู้แทนรำษฎร หรือวุฒิสมำชิก คนพิกำรหวังว่ำ คนพิกำรจะมีสิทธิ เสรีภำพ และโอกำสเท่ำเทียมกับบุคคลทั่วไปตำมบัญญัติไว้ในกฎหมำย รัฐธรรมนูญทุกฉบับ 1.2 วิสัยทัศน์สำำหรับครอบครัวคนพิกำร
  • 6. (1) เป็นครอบครัวที่มีควำมเข้ำใจคนพิกำรเป็นอย่ำงดี เด็กที่เกิดมำแล้วพิกำร ก็ต้องกำรควำมเข้ำใจจำกบิดำ มำรดำ ควำมพิกำรนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมำจำก บำป กรรม ของใครเด็กพิกำรยังต้องกำรควำมเข้ำใจจำกบิดำ มำรดำ ว่ำคนพิกำรนั้นก็ มีควำมสำมำรถถ้ำหำกได้รับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพทำงกำรแพทย์ กำรศึกษำ อำชีพและสังคม และบิดำมำรดำมีบทบำทสำำคัญยิ่งในขบวนกำรฟื้นฟูเหล่ำ นั้น และบิดำมำรดำควรเข้ำใจว่ำเด็กพิกำรก็ต้องมีควำมต้องกำรควำมรู้สึก ไม่แตกต่ำงไปจำกเด็กทั่วไป เช่น ตังแต่แรกเกิดต้องกำรบิดำมำรดำได้ช่วย ้ กระตุ้นให้มีพัฒนำกำรในด้ำนต่ำง ๆ ไม่ให้แตกต่ำง ๆ ไปจำกเด็กทั่วไป ไม่ ว่ำในเรื่องกำรคลำน กำรเดิน กำรพูด กำรฟังเสียง ต้องกำรของเล่น ต้องกำรมีคนพำเที่ยว ต้องกำรมีเพื่อนเล่นและเมื่อถึงวัยที่ต้อง เข้ำโรงเรียน อนุบำล ก็ต้องกำรเข้ำโรงเรียนอนุบำลเหมือนกับเด็กทั่วไป เป็นต้น ยิ่งเด็ก ปัญญำอ่อนและเด็กออทิสติค แล้ว ยิ่งต้องกำรให้บิดำมำรดำ มีควำมรู้ควำม เข้ำใจ เกี่ยวกับพวกตนมำกเป็นพิเศษ แม้คนพิกำรในภำยหลังก็ต้องกำร เข้ำใจจำกครอบครัวไม่แตกต่ำงไปจำกเด็กพิกำร คนพิกำรที่โตแล้วก็ ต้องกำรมีคู่ชีวิต เหมือนกับบุคคลทั่วไป ในกรณีคู่สมรสของคนพิกำรเป็นคน ปกตินั้น คนพิกำรต้องกำรให้คู่สมรสได้เข้ำใจ ว่ำคนพิกำรนั้นเหมือนบุคคล ทัวไปสำมำรถ ให้ควำมสุขกับคู่สมรสได้ไม่ว่ำจะเป็นควำมสัมพันธ์ในทำง ่ เพศหรือในทำงอื่น คนพิกำรสำมำรถทำำงำนบ้ำนได้และสำมำรถเลี้ยงดูลูก ได้ตำมสภำพของ ร่ำงกำยที่มีอยู่ คนพิกำรพยำยำมช่วยตนเองให้ได้มำก ที่สุดคงให้คู่สมรสอีกฝ่ำยหนึ่งช่วยเหลือในสิ่งที่ตนทำำไม่ได้จริง ๆ คนพิกำร ต้องกำรให้คู่สมรสอย ู้้่ดวยอย่ำงมีควำมสุขและด้วยควำมเข้ำใจไม่ใช่ ้ ด้วยควำมสงสำร คนพิกำรหวังว่ำ ครอบครัวที่มีสมำชิกเป็นคนพิกำรจะ เข้ำใจคนพิกำรเป็น อย่ำงดีและเข้ำมำ มีบทบำทในกำรสนับสนุนส่งเสริมให้ คนพิกำรได้ประสบผลสำำเร็จ ในชีวตแทนที่จะปล่อยให้คนพิกำรท้อแท้หมด ิ อะไรตำยอยำกในชีวิตของตน (2) เป็นครอบครัวที่ชำยและหญิงร่วมกันรับผิดชอบในงำนบ้ำนและกำรเลี้ยง ดูลูก เด็กพิกำรก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่ต้องกำร ได้รับกำรอบรมฝึกหัด ให้ รู้จักทำำงำน บ้ำนและกำรเลี้ยงน้อง ทั้งนี้เพื่อว่ำวันหนึ่งเมื่อต้องมีครอบครัว เองจะได้ ้้สำมำรถดูแลบ้ำนและเลี้ยงดูลูกได้ สตรีพิกำรก็เหมือนกับสตรี ทัวไป ต้องกำรเห็นชำยเข้ำมำมีส่วนร่วมกับหญิงในกำรทำำงำนบ้ำนและเลี้ยง ่ ลูก ไม่ปล่อยให้เป็นหน้ำที่ของฝ่ำยหญิงอย่ำงเดียว (3) เป็นครอบครัวที่อบอุ่น คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลอื่นที่ต้องกำรให้พ่อแม่ มีเวลำให้กับลูกอย่ำงเพียงพอ ในกรณีของคู่สมรสก็ต้องกำรให้คู่สมรส อีก ฝ่ำยหนึ่งมีเวลำให้ตนอย่ำงเพียงพอ รวมถึงมีเวลำที่จะให้ควำมสุขทำงเพศ ซึ่งกันและกันอย่ำงเพียงพอและ เหมำะสม คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลทั่วไป ทีต้องกำรมีบิดำ หรือคู่สมรสแล้วแต่กรณีที่ให้ควำมเป็นเพื่อน ให้คำำปรึกษำ ่ หำรือตลอดจนให้กำำลังใจเมื่อมีปัญหำคนพิกำร
  • 7. ไม่แตกต่ำงไปจำกบุคคลทั่วไป ที่ต้องกำรควำมไว้วำงใจซึ่งตั้งอยู่บน รำกฐำนของควำมไม่ประมำท และต้องกำรกำรให้อภัยจำก บิดำมำรดำหรือ คู่สมรสแล้วแต่กรณี คนพิกำรหรือบุคคลทั่วไปต่ำงต้องกำรเห็นครอบครัวที่มี แต่กำร ให้ซึ่งกันและกันแทนกำรขอหรือเรียกร้องหรือเอำแต่ฝ่ำยเดียว (4) เป็นครอบครัวที่มั่นคง ไม่ว่ำคนพิกำร หรือบุคคลทั่วไปต่ำงต้องกำรบิดำ มำรดำหรือคู่สมรสที่รักเดียวใจเดียว ไม่นอกใจกันและไม่มักมำกในกำมคุณ คนพิกำรต้องกำรบิดำมำรดำ หรือคู่สมรสแล้วแต่กรณีเป็นคนที่มีควำมอดทน อดกลั้น ไม่ใช้อำรมณ์เป็นสำำคัญในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ คนพิกำรก็เช่น เดียวกันกับบุคคลทั่วไปจะต้องกำรคำำชมจำกคู่สมรสเมื่อทำำดี และต้องกำร ได้ยินคำำพูดที่มีอำรมณ์สุนทรีย์เป็นครั้งครำว โดยเฉพำะหญิงต้องกำรจำกชำยมำกเป็นพิเศษ คนพิกำรก็เช่นเดียวกันกับ บุคคลทัวไป ไม่ต้องกำรเห็นครอบครัวของตนมีกำรหย่ำร้ำงหรือบ้ำนแตก ่ สำแหรกขำด 1.3 วิสัยทัศน์สำำหรับกำรรวมกลุ่มของคนพิกำร (1)มีองค์กรของคนพิกำรทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศคนพิกำร ต้องกำรเห็นคนพิกำรแต่ละประเภทรวมตัวกันเป็นชมรม หรือสมำคม เพื่อ เป็นปำกเสียง และพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของคนพิกำรประเภทนั้นๆทั้งใน ระดับท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดและรวมกันเป็นองค์กรระดับประเทศด้วย กำร รวมตัวองคนพิกำรแต่ละ ประเภทนี้ก็เพื่อตอบสนองควำมต้องกำรของคน พิกำรแต่ละประเภทที่แตกต่ำงกันออกไปเช่น คนพิกำร แขน ขำ ลำำตัว ต้องกำรยำนพำหนะ อำคำรสำธำรณะ มีสิ่งอำำนวยควำมสะดวกสำำหรับคน พิกำร ส่วนคนหูหนวกต้องกำรล่ำมภำษำมือ คนพิกำรยังต้องกำรเห็นองค์กร ของคนพิกำรแต่ละประเภท ได้รวมตัวกัน เป็นองค์กรประสำนงำนเป็นสภำ คนพิกำรทุกประเภททั้งในระดับจังหวัด และในระดับประเทศด้วย ทั้งนี้เพื่อ ให้กำรรวมกลุ่มของ คนพิกำรมีพลัง สำมำรถเป็นปำกเสียงแทนคนพิกำร และสำมำรถพิทักษ์รักษำผลประโยชน์ ของคนพิกำรทุกประเภทได้ทั่ว ประเทศไทย จึงเป็นควำมหวังของคนพิกำรว่ำ วันหนึ่งจะมีองค์กรของคน พิกำร เกิดขึ้นในทุกจังหวัด ของประเทศไทย เพื่อพิทักษ์สิทธิผลประโยชน์ ของคนพิกำรแทนที่จะปล่อยให้คนพิกำรไร้ผู้นำำ ถูกชักจูงไปใช้เป็นเครื่อง มือในกำรเสำะแสวงหำ ผลประโยชน์ของคนบำงคน (2) มีองค์กรของคนพิกำรที่เข้มแข็ง คนพิกำรต้องกำรเห็นองค์กรของคน พิกำรบริหำรงำนอย่ำงมืออำชีพ ทำำงำนอย่ำงเป็นระบบ มีกำรตรวจสอบที่มี ประสิทธิภำพมีคนพิกำร เป็นสมำชิกจำำนวนมำก และคนพิกำรทุกคนมีสิทธิมี เสียงในกำรเลือกผู้นำำอย่ำงแท้จริง ตลอดจนได้รับกำรสนับสนุนทำงกำรเงิน ทั้งจำกภำครัฐและเอกชนในกำรบริหำรงำน และทำำกิจกรรมต่ำง ๆ ของ องค์กร ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้องค์กรของคนพิกำรสำมำรถเป็นตัวแทน เป็นปำก เป็นเสียงของคนพิกำรได้อย่ำงแท้จริง และสำมำรถพิทักษ์รักษำผล ประโยชน์ของคนพิกำรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ คนพิกำรจึงหวังว่ำวันหนึ่ง
  • 8. องค์กรของคนพิกำรจะเข็มแข็งแทนที่จะปล่อยให้องค์กรของคนพิกำร อ่อนแอถูกผูกขำดโดยคนพิกำรบำงคน หรือถูกใช้ไปเพื่อเสำะแสวงหำ ผล ประโยชน์ของตน 1.4 วิสัยทัศน์สำำหรับสังคม (1) เป็นสังคมที่เข้ำใจคนพิกำรดี คนพิกำรต้องกำรเห็นสังคมเข้ำใจคนพิกำร ว่ำ คนพิกำรไม่ได้เกิดขึ้นมำจำกบำปกรรมของใคร เป็นคนที่มีศักดิ์ศรี เหมือนกับบุคคลอื่น เป็นคนที่มีควำมสำมำรถ ถ้ำหำกได้รับกำรฟื้นฟู สมรรถภำพอย่ำงเหมำะสมในทุกด้ำนตั้งแต่ด้ำนกำรแพทย์ กำรศึกษำ อำชีพ และสังคม คนพิกำรไม่ได้เป็นคนที่น่ำสมเพชเวทนำ น่ำสงสำร กลับเป็นคนที่ มีชีวตจิตใจ ควำมรู้สึก และอำรมณ์เหมือนกับบุคคลทั่วไป เป็นคนที่ต้องกำร ิ สิทธิและโอกำสในทำงกำรศึกษำ กำรประกอบอำชีพ กำรเข้ำไปมีส่วนร่วม ในกิจกรรมของสังคม สิทธิในทำงกำรเมือง สิทธิในสังคมและสิทธิเสรีภำพ ในกำรเดินทำงรวมถึงสิทธิที่จะได้รับบริกำรสำธำรณะจำกหน่วยงำนของรัฐ อย่ำงเท่ำเทียมกับบุคคลอื่น คนพิกำรมีชีวิตจิตใจ ต้องกำรมีคู่สมรสเหมือน กับบุคคลอื่น และยังต้องกำรครอบครัวที่เข้ำใจคนพิกำรดี ครอบครัวที่อบอุ่น และมั่นคง คนพิกำรต้องกำรพึ่งตนเอง ต้องกำรอิสระ จึงต้องกำรให้สังคม ช่วยแต่เฉพำะในเรื่องที่คนพิกำรให้ช่วย คนพิกำรมีกิเลสตัณหำมัวเมำใน อบำยมุขได้เหมือนกับบุคคลทั่วไป คนพิกำรจึงต้องกำรได้รับกำรอบรมสั่ง สอนในเรื่องศีลธรรม จริยธรรม ขนบธรรมเนียมระเพณีอันดีงำม คนพิกำร พร้อมที่จะทำำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเท่ำที่ทำำได้ และในเวลำอันสมควร เช่น กำรบริจำคโลหิต เป็นต้น คนพิกำรได้แต่หวังว่ำวันหนึ่งสังคมจะเข้ำใจและยอมรับว่ำคนพิกำรก็มีควำม สำมำรถมีชีวิตจิตใจ มีศักดิ์ศรีไม่แตกต่ำงไปจำกบุคคลทั่วไปแทนที่ภำพ ลักษณ์เดิม ๆ ที่เป็นคนที่ไร้ศักดิ์ศรี ทำำอะไรไม่ได้ทำำได้แต่ขอทำนเท่ำนั้น (2) เป็นสังคมที่เปิดโอกำสให้คนพิกำรได้เข้ำมีส่วนร่วมในกำรทำำกิจกรรม ทำงสังคม คนพิกำรก็เหมือนกับบุคคลอื่นที่มีชีวิตจิตใจ ต้องกำรเข้ำไปมีส่วน ร่วมในกิจกรรมต่ำง ๆ ของสังคม ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจึงต้องกำรให้สำธำรณ สถำนไม่ว่ำจะเป็นของรัฐหรือของเอกชนต้องมีสิ่งอำำนวยควำมสะดวก สำำหรับคนพิกำร เพื่อให้คนพิกำรเข้ำไปใช้สำธำรณสถำนนั้นได้ เช่น สำำนักงำนที่ทำำกำรของจังหวัด อำำเภอ เทศบำล สุขำภิบำล ท่ำอำกำศยำน ท่ำเรือ สถำนีขนส่ง สถำนพยำบำล สถำนศึกษำ สถำนฝึกอำชีพ ห้ำงสรรพ สินค้ำ โรงแรม รีสอร์ท โรงหนังโรงละคร ห้องอำหำร พิพิธภัณฑ์สถำน ห้อง สมุด สถำนที่แสดงสินค้ำหรือศิลปวัฒนธรรม สวนสำธำรณะ ที่จอดรถ ทำง เดินเท้ำ เป็นต้น คนหูหนวกต้องกำรให้สมำชิกของสังคมพอรู้ภำษำมือบ้ำง เพื่อให้คนหูหนวกสำมำรถติดต่อธุระบำงอย่ำงที่สำำคัญได้ อย่ำงน้อยที่สุด ต้องมีบุคลำกรที่รู้ภำษำมือหรือมีล่ำมภำษำมือให้บริกำรเมื่อคนหูหนวก ไปใช้บริกำรรักษำพยำบำลที่โรงพยำบำลหรือเมื่อคนหูหนวกมีคดีควำมที่ สถำนีตำำรวจหรือที่ศำล
  • 9. คนพิกำรหวังว่ำวันหนึ่งคนพิกำรจะสำมำรถปรำกฎตัวอยู่ได้ทุกหนทุกแห่ง ในสังคมปนไปกับบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ว่ำจะพบคนพิกำรได้แต่บ้ำนของคน พิกำรหรือที่สถำนสงเครำะห์หรือสถำนที่สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะเท่ำนั้น (3) เป็นสังคมที่มีเมตตำธรรมตำมควำมเหมำะสม คนพิกำรที่ไม่อำจช่วย เหลือตนเองได้ก็ต้องกำรได้รับกำรสงเครำะห์ด้วยระบบสวัสดิกำรที่เหมำะสม เป็นระบบสวัสดิกำรที่ช่วยให้คนพิกำรนั้นสำมำรถอยู่กับครอบครัวได้อย่ำง อบอุ่นต่อไป แต่ถ้ำหำกไม่อำจอยู่กับครอบครัวได้ต้องกำรอยู่สถำน สงเครำะห์ทั้งของรัฐ และเอกชนที่มีควำมอบอุ่น เพื่อไม่ได้คนพิกำรเป็น เครื่องมือของแก๊งขอทำน คนพิกำรต้องกำรให้สังคมทำำบุญกับสถำน สงเครำะห์หรือสถำนให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรที่มีผลงำน แทน กำรทำำบุญให้ทำนกับขอทำนตำมท้องถนน เพื่อให้คนพิกำรได้รับบริกำร ฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรอย่ำงกว้ำงขวำง คนพิกำรต้องกำรให้สังคมมี ระบบงำนอำสำสมัครเข้ำมำช่วยเหลือกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรด้ำนต่ำง ๆ และเปิดโอกำสให้คนพิกำรได้เข้ำมีส่วนร่วมในขบวนกำรของอำสำสมัคร นั้นด้วย คนพิกำรต้องกำรเห็นสังคมให้ควำมช่วยเหลือคนพิกำรตำมที่ พบเห็น เมื่อคนพิกำรต้องกำรควำมช่วยเหลือด้วยวิธีที่ถูกต้อง คนพิกำรหวังว่ำวันหนึ่งกำรให้ควำมช่วยเหลือคนพิกำรของสังคมจะ เปลี่ยนแปลงไปจำกตำมใจผู้ให้มำเป็นตำมใจผู้รับ 2.ปัญ หำของคนพิก ำร เมื่อทรำบวิสัยทัศน์สำำหรับคนพิกำรในกรณีต่ำง ๆ ว่ำเป็นอย่ำงไร และทรำบ สภำวะควำมเป็นจริงของคนพิกำรในเรื่องนั้น ๆ ว่ำเป็นอย่ำงไรแล้ว ในบทที่ ๔ นี้ก็จะมำค้นหำสำเหตุว่ำทำำไมคนพิกำรจึงยังมีสภำพอย่ำงที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบัน ยังไม่อำจไปถึงเป้ำหมำยอันเป็นวิสัยทัศน์นั้นได้ กำรค้นหำสำเหตุ หรือปัญหำก็เพื่อที่จะนำำมำใช้เป็นพื้นฐำนในกำรค้นหำแนวทำงกำรแก้ไข ปัญหำหรือยุทธศำสตร์เพื่อกำำหนดนโยบำยและมำตรกำรต่ำง ๆ อันจะช่วย นำำพำคนพิกำรไปให้ถึงวิสัยทัศน์นั้นได้ แนวทำงแก้ไขปัญหำเป็นเนื้อหำที่ จะกล่ำวโดยละเอียดต่อไปในบทที่ ๕ กำรค้นหำปัญหำของคนพิกำรนั้น ก็เริ่มต้นด้วยกำรตั้งคำำถำมแบบง่ำย ๆ ว่ำ “ทำำไม” คนพิกำรที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จึงไม่อำจไปถึงวิสัยทัศน์ตำมที่ใฝ่ฝันเอำ ไว้ได้ คำำตอบว่ำเป็นเพรำะสำเหตุนั้นสำเหตุนี้ก็คือ “ปัญหำ” นั่นเอง แต่ อย่ำงไรก็ตำมกำรตั้งปัญหำและหำคำำตอบนั้น จะต้องทำำกับวิสัยทัศน์แต่ละ เรื่องไป เช่น ถำมว่ำทำำไมคนพิกำรทุกวันนี้จึงไม่เป็น “คนที่มีควำมรู้ควำม สำมำรถเต็มตำมศักยภำพตำมที่ใฝ่ฝันไว้” คำำตอบเพรำะสำเหตุต่ำง ๆ เช่น - ครอบครัวของคนพิกำรมีเจตคติไปในทำงลบเข้ำใจว่ำคนพิกำรเรียน หนังสือไม่ได้ หรือเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์จึงไม่ส่งเสียให้เล่ำเรียน - ผู้อำำนวยกำรโรงเรียนต่ำง ๆ มีเจตคติไปในทำงลบ เข้ำใจว่ำคนพิกำรเรียน หนังสือไม่ได้หรือเรียนได้ก็ไม่มีประโยชน์ และเป็นภำระของครูจึงไม่ยอมรับ ให้เรียน
  • 10. - โรงเรียนที่ยินดีรับคนพิกำร แต่ไม่มีสิ่งอำำนวยควำมสะดวกสำำหรับคนพิกำร จึงทำำให้คนพิกำร (แขน ขำ ลำำตัว) ขึ้นไปเรียนหนังสือไม่ได้ - คนตำบอดและคนหูหนวกขำดสื่อกำรเรียนกำรสอนจึงทำำให้ไม่อำจเรียน หนังสือได้ดีเยี่ยงบุคคลทั่วไป เป็นต้น คำำตอบเหล่ำนี้ก็ล้วนถือเป็น “ปัญหำ” ที่คนพิกำรไม่อำจมีควำมรู้ควำม สำมำรถได้เต็มตำมศักยภำพ เมื่อตั้งคำำถำมและหำคำำตอบสำำหรับวิสัยทัศน์ ต่ำง ๆ ทุกวิสัยทัศน์จนครบถ้วนแล้ว จำกนั้นก็รวบรวมปัญหำที่มีลักษณะ เดียวกันหรือคล้ำยคลึงกันให้เข้ำเป็นหมวดหมู่เดียวกัน ทำำให้พอสรุปได้ว่ำ ปัญหำของคนพิกำรมีปัญหำใหญ่ ๆ และย่อย ๆ ดังต่อไปนี้คือ 2.1 ปัญหำเจตคติที่สังคม บุคคลผู้เกี่ยวข้อง ครอบครัวและตัวคนพิกำรที่มี ต่อคนพิกำรเองไปในทำลบ ในเรื่องปัญหำเจตคตินี้สำมำรถแยกออกเป็น ปัญหำย่อย ๆ ตำมกลุ่มบุคคลผู้มีเจตคติต่อคนพิกำรในทำงลบได้ดังต่อไปนี้ คือ (1) สังคมหรือชุมชนมีเจตคติต่อคนพิกำรไปในทำงลบ โดยเชื่อว่ำ คนพิกำร เป็นผลิตผลของบำปกรรมของตนเองหรือครอบครัว ต้องยอมรับเอำควำม ทุกข์เวทนำทรมำนต่ำง ๆ เพื่อเป็นกำรใช้กรรมของตน หรือของครอบครัว เป็นคนไร้ควำมสำมำรถช่วยเหลือตนเองไม่ได้น่ำสงสำร ต้องให้คนอื่นช่วย เหลือดูแลตลอดเวลำ คนพิกำรควรจะอยู่แต่ที่บ้ำนไม่ควรไปไหนมำไหนให้ ลำำบำก กำรมีชีวิตคู่กับคนพิกำรมีแต่ภำระและควำมลำำบำก เจตคติในทำงลบนี้เอง มีผลทำำให้สำธำรณสถำนและยำนพำหนะขนส่ง สำธำรณะ สวนสำธำรณะ ถนนหนทำง ทำงเดินเท้ำ ผู้จัดทำำมิได้คิดถึงคน พิกำร ไม่ได้สร้ำงสิ่งอำำนวยควำมสะดวกสำำหรับคนพิกำรเพื่อเปิดโอกำสให้ คนพิกำรใช้ได้แต่อย่ำงใด กำรทำำบุญก็เป็นเพียงทำำทำนให้คนพิกำรพอมี กินไปวัน ๆ ไม่ได้คิดที่จะทำำบุญช่วยให้คนพิกำรสำมำรถช่วยเหลือตนเองได้ และสำมำรถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่ำงปกติสุขเหมือนบุคคลทั่วไป ทำำให้คนพิกำรมีชีวิตคู่กับคนทั่วไป เป็นไปด้วยควำมยำกลำำบำก ตลอดจนมี ระเบียบ กฎหมำย ข้อบังคับ ออกมำจำำกัดสิทธิหรือเลือกปฏิบัติต่อคนพิกำร ตังแต่กำรจำำกัดสิทธิไม่ให้คนพิกำรเข้ำศึกษำในบำงสถำบัน หรือบำงสำขำ ้ วิชำ กำรจำำกัดสิทธิไม่ให้คนพิกำรประกอบอำชีพต่ำง ๆ ทั้งอำชีพอิสระ หรือ กำรเป็นพนักงำนรัฐวิสำหกิจ หรือข้ำรำชกำรบำงตำำแหน่งบำงประเภท เช่น ตำำรวจ ทหำร ตุลำกำร อัยกำร เป็นต้น จำำกัดสิทธิ ห้ำมคนพิกำรบำง ประเภทมีใบขับขี่ทั้ง ๆ ที่สำมำรถขับขี่ยำนพำหนะได้ จำำกัดสิทธิไม่ให้คน ตำบอด พำสุนัขนำำทำงขึ้นขนส่งสำธำรณะทำงบก หรือเข้ำโรงแรม หรือภัตตำคำร เป็นต้น (2) ผู้รับผิดชอบในกำรให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำร มีเจตคติต่อคน พิกำรไปในทำงลบ เช่น ผู้บริหำรโรงเรียน หรือศูนย์ฝึกอำชีพของบุคคล ทัวไปที่มิได้จัดไว้สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะ เชื่อว่ำคนพิกำรถ้ำไม่สำมำรถ ่ เรียน หรือฝึกอำชีพได้หรือถ้ำเรียนหรือฝึกอำชีพได้ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะ สร้ำงให้เกิดควำมยุ่งยำก และเกิดควำมลำำบำกแก่สถำบันของตน
  • 11. เจตคติในทำงลบนี้เอง มีผลทำำให้โรงเรียนและศูนย์ฝึกอำชีพสำำหรับบุคคล ทัวไป ที่มิได้จัดไว้สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะหลำยแห่ง ไม่ยอมรับคนพิกำร ่ เข้ำศึกษำหรือฝึกอำชีพแต่อย่ำงใด (3) เจ้ำของสถำนประกอบกำร ห้ำง ร้ำน บริษัท มีเจตคติต่อคนพิกำรไปใน ทำงลบ เชื่อว่ำคนพิกำรไม่มีควำมสำมำรถทำำงำนได้หรือทำำได้ก็ไม่ดีเท่ำกับ บุคคลทัวไปกำรทำำงำนของคนพิกำรอำจจะสร้ำงควำมยุ่งยำกและลำำบำกแก ่ ้่สถำนประกอบกำรของตนด้วยเจตคติในทำงลบนี้เอง มีผลทำำให้เจ้ำของ สถำนประกอบกำร ห้ำง ร้ำน บริษัท ไม่ยอมรับคนพิกำรเข้ำทำำงำน หรือรับก็ ให้ค่ำตอบแทนตำ่ำกว่ำบุคคลทั่วไป หรือไม่ได้สนับสนุนให้มีควำมก้ำวหน้ำ ในตำำแหน่งกำรงำนเหมือนกับบุคคลอื่น (4) ครอบครัวของคนพิกำรมีเจตคติต่อคนพิกำรไปในทำงลบโดยเชื่อว่ำ คน พิกำรเป็นผลิตผลของบำปกรรมทำำให้ครอบครัวได้รับควำมอับอำย คน พิกำรทำำอะไรไม่ได้เป็นภำระอันหนักยิ่งของครอบครัวที่ต้องให้กำรดูแลช่วย เหลือ กำรให้คนพิกำรทำำงำนไม่ว่ำจะเป็นงำนบ้ำนหรืองำนนอกบ้ำนเป็น เรื่องกำรสร้ำงเวรกรรม ไม่ควรทำำ และเชื่อว่ำคนพิกำรเป็นคนดีทำำชั่วไม่เป็น เจตคติในทำงลบนี้เอง ทำำให้คนพิกำรถูกเก็บตัวเอำไว้แต่ในบ้ำน ครอบครัว ไม่ยอมให้คนพิกำรไปรับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ คน พิกำรไม่ได้รับกำรฝึกฝนจำกครอบครัว ให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง ให้รู้จัก ทำำงำนบ้ำน ให้มีอุปนิสัยรักกำรทำำงำน ให้มีศิลธรรม จริยธรรม แต่ได้รับ กำรฝึกฝนให้รอแต่รับควำมช่วยเหลือจำกผู้อื่น สำำหรับครอบครัวที่ยำกจน คนพิกำร มักถูกขำยให้แก่แก๊งขอทำนนำำไปใช้เป็นเครื่องมือหำกิน (5) คนพิกำรมีเจตคติต่อตนเองไปในทำงลบ โดยเชื่อว่ำควำมพิกำรทำำให้ ตนเองไม่สำมำรถทำำอะไรได้ เชื่อว่ำควำมพิกำรเป็นปมด้อย เป็นเรื่องน่ำ อับอำย เป็นเรื่องที่คนอื่นจะดูถูกดูแคลนได้ เจตคติในทำงลบนี้เอง มีผล ทำำให้คนพิกำรขำดควำมเชื่อมั่นในตนเอง ทำำให้คนพิกำรไม่ต้องกำรได้รับ กำรฟื้นฟูสมรรถภำพในทุกด้ำน ทำำให้คนพิกำรขำดควำมกระตือรือร้นล้น ในกำรรับบริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ ทำำให้กำรฟื้นฟู สมรรถภำพคนพิกำรไม่มีประสิทธิผลเท่ำที่ควร 2.2 ปัญหำกำรมีกฎหมำย ระเบียบ ข้อบังคับต่ำง ๆ จำำกัดสิทธิคนพิกำร หรือ เลือกปฏิบัติต่อคนพิกำรทำำให้คนพิกำรไม่มีสิทธิและโอกำสเท่ำเทียมกับ บุคคลอื่น กฎหมำย ระเบียบ ข้อบังคับที่จำำกัดสิทธิคนพิกำร มีตั้งแต่กฎหมำย รัฐธรรมนูญที่จำำกัดสิทธิ ไม่ให้คนหูหนวก เป็นใบ้ที่ไม่สำมำรถอ่ำนออก เขียนได้ มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร หรือมีสิทธิได้รับ กำรแต่งตั้งเป็นวุฒิสมำชิก มีกฎหมำยจำำกัดสิทธิคนพิกำรไม่ให้ประกอบ อำชีพบำงอย่ำงทั้งที่เป็นอำชีพอิสระ เช่น ห้ำมคนพิกำรได้รับใบประกอบ โรคศิลป์แผนโบรำณ ห้ำมคนพิกำรเป็นนำยหน้ำขำยประกันชีวิต หรืออำชีพ เป็นลูกจ้ำง มีกฎหมำยห้ำมเป็นลูกจ้ำงรัฐวิสำหกิจ หรือห้ำมรับรำชกำรเป็น นำยทหำร ตำำรวจ อัยกำร ผู้พิพำกษำ เป็นต้น มีระเบียบ ข้อบังคับ จำำกัด
  • 12. สิทธิคนพิกำรไม่ให้มีสิทธิสอบคัดเลือกเข้ำศึกษำในมหำวิทยำลัยของรัฐ ใน ๔ สำขำวิชำ คือ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช พยำบำล บำงสถำบันโดยเฉพำะ สถำบันรำชภัฎมีข้อจำำกัดสิทธิไม่รับคนพิกำรเข้ำศึกษำ คนหูหนวกถูกจำำกัด สิทธิไม่ให้มีใบขับขี่ สุนัขนำำทำงของคนตำบอดห้ำมไม่ให้นำำขึ้นขนส่ง สำธำรณะทำงบก ห้ำมนำำเข้ำโรงแรมหรือภัตตำคำร คนพิกำรต้องกำรทำำ บัตรประชำชน ต้องเสียค่ำธรรมเนียม ๑๐ บำท ในขณะที่บุคคลอื่นไม่ต้อง เสีย เป็นต้น กำรมีกฎหมำย ระเบียบ ข้อบังคับเข้ำมำจำำกัดสิทธิและเลือกปฏิบัติต่อคน พิกำรทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่คนพิกำรสำมำรถทำำได้ จึงทำำให้คนพิกำรไม่อำจมี ควำมรู้ ควำมสำมำรถได้เต็มตำมศักยภำพ ไม่อำจเป็นคนที่มีงำนทำำ และไม่ อำจเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีเท่ำเทียมกับผู้อื่นได้ 2.3 ปัญหำควำมยำกจนของครอบครัวคนพิกำร ควำมยำกจนของครอบครัว ของคนพิกำร ทำำให้ครอบครัวไม่อำจแบกภำระเลี้ยงดูคนพิกำรได้ ทำำให้ ต้องขำยคนพิกำรให้แก่บุคคลอื่น หรือใช้คนพิกำรไปขอทำน หรือทอดทิ้ง คนพิกำรให้เร่ร่อนช่วยเหลือตนเองโดยลำำพัง ส่วนครอบครัวที่ต้องกำรให้ คนพิกำรได้รับบริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพโดยเฉพำะครอบครัวในชนบท ก็ไม่มี เงินที่จะเป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรนำำคนพิกำรไปรับบริกำร ณ สถำนที่ให้บริกำร ซึ่งมักอยู่ห่ำงไกลจำกที่อยู่ของตน หรือไม่มีเงินสำำหรับ ค่ำใช้จ่ำยที่จำำเป็น ในกรณีไม่อำจรับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพจำกสถำนที่ที่จัด ไว้สำำหรับคนพิกำรโดยเฉพำะ ต้องไปรับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพจำกสถำบันที่ จัดไว้สำำหรับบุคคลทั่วไป เช่น ไปเรียนร่วม หรือไปฝึกอำชีพร่วมกับบุคคล ทัวไปในโรงเรียน หรือมหำวิทยำลัย หรือศูนย์พัฒนำอำชีพที่มีไว้สำำหรับ ่ บุคคลทัวไป อันมีผลทำำให้คนพิกำรจำกครอบครัวที่ยำกจนไม่มีโอกำสที่ได้ ่ รับกำรฟื้นฟูไม่ว่ำทำงกำรแพทย์ กำรศึกษำ หรืออำชีพ 2.4 ปัญหำคนพิกำรจำำนวนมำกยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน หรือมีบัตรประจำำตัวคน พิกำรปัญหำที่คนพิกำรจำำนวนมำกยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน และยังไม่มีบัตร ประจำำตัวคนพิกำรสำมำรถแยกออกเป็นปัญหำย่อย ๆ ได้อีกดังนี้ คือ (1) ครอบครัวของคนพิกำรส่วนใหญ่โดยเฉพำะในชนบทยังไม่ทรำบข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องกำรขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือกำรมีบัตรประจำำตัวคนพิกำร และประโยชน์ที่จะได้จำกกำรทำำบัตรประจำำตัวนี้ ด้วยเหตุนี้คนพิกำรจำำนวน มำกโดยเฉพำะในชนบทจึงยังมิได้มีกำรขึ้นทะเบียนหรือมีบัตรประจำำตัวคน พิกำรแต่อย่ำงใด (2) ในแต่ละจังหวัดมีสถำนที่ขึ้นทะเบียน หรือออกบัตรประจำำตัวคนพิกำร เพียงแห่งเดียวคือที่ สำำนักงำนประชำสงเครำะห์จังหวัด หรือสำำนักงำนคณะ กรรมกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำร ทำำให้คนพิกำรที่อยู่ในชนบทห่ำงไกลมี ควำมยำกลำำบำกในกำรจะมำขึ้นทะเบียนคนพิกำร และต้องเสียค่ำใช้จ่ำย และเวลำมำก ทำำให้คนพิกำรจำำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมมำขึ้นทะเบียนคน พิกำร หรือออกบัตรประจำำตัวคนพิกำรทั้ง ๆ ที่ได้ทรำบข่ำวหรือข้อมูลเกี่ยว กับกำรขึ้นทะเบียนคนพิกำรแล้วก็ตำม
  • 13. (3) กำรออกหนังสือรับรองควำมพิกำรจำกแพทย์ไม่ได้รับควำมสะดวกโรง พยำบำลของรัฐไม่ได้กำำหนดหน่วยงำน หรือบุคคลที่รับผิดชอบในกำรออก หนังสือรับรองควำมพิกำรโดยตรง นำยแพทย์จำำนวนมำก ไม่ยอมออก หนังสือรับรองควำมพิกำรให้แก่คนพิกำร นอกจำกนี้กำรออกหนังสือรับรอง ควำมพิกำรให้แก่คนหูหนวก จำำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษ แต่โรงพยำบำล หลำยแห่งไม่มีเครื่องมือดังกล่ำว ยิ่งไปกว่ำนั้นกำรรับรองควำมพิกำรสำำหรับ บุคคลปัญญำอ่อน ในบำงกรณีก็ต้องใช้เวลำเฝ้ำสังเกตุอำกำรถึง ๖ เดือน เมื่อคนพิกำรไม่อำจมีหนังสือรับรองควำมพิกำรจำกนำยแพทย์ของโรง พยำบำลรัฐบำล ก็ย่อมทำำให้ขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือออกบัตรประจำำตัว คนพิกำรไม่ได้ (4) คนพิกำรไม่เห็นประโยชน์ของกำรขึ้นทะเบียนหรือของกำรมีบัตรประจำำ ตัวคนพิกำร ทุกวันนี้คนพิกำรที่จำำเป็นต้องขึ้นทะเบียนหรือมีบัตรประจำำตัว คนพิกำร ก็แต่เฉพำะคนพิกำรที่ต้องกำรกู้ยืมเงินจำกกองทุนฟื้นฟู สมรรถภำพคนพิกำรเท่ำนั้น เมื่อคนพิกำรไม่เห็นประโยชน์ของกำรขึ้น ทะเบียน หรือของกำรมีบัตรประจำำตัวคนพิกำร ผนวกกับกำรขึ้นทะเบียน หรือกำรออกบัตรประจำำตัวคนพิกำรมีควำมยุ่งยำกลำำบำกเสียเวลำและค่ำใช้ จ่ำย จึงทำำให้คนพิกำรจำำนวนมำกที่ไม่ยอมมำขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือ ออกบัตรประจำำตัวคนพิกำรทั้ง ๆ ที่ได้ทรำบข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับเรื่องรำว ดังกล่ำว กำรที่คนพิกำรมำขึ้นทะเบียนคนพิกำร หรือออกบัตรประจำำตัวคนพิกำร จำำนวนน้อย ย่อมมีผลกระทบต่อกำรวำงแผนงำนในกำรให้กำรบริกำรฟื้นฟู สมรรถภำพคนพิกำรด้ำนต่ำง ๆ และทำำให้รัฐบำลจัดสรรงบประมำณให้เพื่อ ใช้ในกำรให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรด้ำนต่ำง ๆ ได้น้อย ด้วยเหตุนี้ ในปีหนึ่ง ๆ ยังมีคนพิกำรจำำนวนมำกที่ไม่อำจได้รับกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคน พิกำร โดยเฉพำะในด้ำนกำรศึกษำ และกำรฝึกอำชีพ 2.5 ปัญหำกำรให้บริกำรกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ ปัญหำ กำรให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ นี้ สำมำรถแยกออก เป็น ๒ ปัญหำใหญ่ ๆ แตกเป็นอีกหลำยปัญหำย่อย ๆ ได้ดังต่อไปนี้คือ (1) กำรบริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรในด้ำนต่ำง ๆ ทำำได้ในจำำนวนที่ จำำกัด ไม่อำจให้บริกำรคนพิกำรได้อย่ำงทั่วถึงครบถ้วนทุกคน ปัญหำกำร ให้บริกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำรทำำได้อย่ำงจำำกัดนี้ เกิดปัญหำย่อย ๆ ดัง ต่อไปนี้ คือ (1.1) โรงเรียนตั้งแต่อนุบำลถึงขั้นอุดมศึกษำ และสถำบันฝึกอบรมอำชีพที่ จัดให้บริกำรแก่บุคคลทั่วไป ไม่ยอมรับคนพิกำรทั้ง ๆ ที่คนพิกำรสำมำรถ เรียนและฝึกอบรมในสถำนที่เหล่ำนั้นได้ กำรที่สถำบันดังกล่ำวไม่ยอมรับคน พิกำรเข้ำเรียนหรือฝึกอบรมนั้น มีสำเหตุ ๒ ประกำร คือ (1) สถำบันกำรศึกษำและฝึกอำชีพนั้นอ้ำงว่ำยังไม่พ้อมที่จะให้บริกำรแก่คน พิกำร โดยไม่กำำหนดเวลำว่ำเมื่อไหร่จะพร้อมให้บริกำรแก่คนพิกำรได้
  • 14. (2) สถาบันการศึกษาหรือฝึกอาชีพดังกล่าว ใช้ระบบการสอบคัดเลือกใน การรับบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอาชีพ คนพิการโดยทั่วไปมักอยู่ในฐานะที่ เสียเปรียบบุคคลอื่นอยู่แล้ว จึงทำาให้สามารถสอบผ่านการคัดเลือกเข้าไป เรียนในสถาบันเหล่านั้นได้ หรือเข้าไปได้ก็น้อยมาก เช่น ในกรณีสอบเข้า มหาวิทยาลัยของรัฐ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงมีคนพิการจำานวนน้อยที่มีโอกาส ได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทางการศึกษา และการฝึกอาชีพในสถาบันที่จัดไว้สำาหรับบุคคลทั่วไปทั้ง ๆ ที่สถาบันเหล่านี้สามารถที่จะให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทางด้าน การศึกษาและฝึกอาชีพได้เป็นจำานวนมาก โดยไม่ต้องใช้งบประมาณพิเศษ เพิ่มเติมมากนัก (1.2) ศูนย์หรือสถานให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ไม่ว่าในทางการ แพทย์ หรือการศึกษา หรือศูนย์ฝึกอาชีพที่จัดไว้สำาหรับคนพิการโดยเฉพาะ ยังมีจำานวนน้อยมาก หรือในบางกรณียังไม่มีเลย เช่น ยังไม่มีวิทยาลัย อาชีวศึกษาสำาหรับคนพิการเมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำาให้มีจำานวนคนพิการไม่มาก นัก ที่ได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในสถานที่ ที่จัดไว้สำาหรับคน พิการโดยเฉพาะ (1.3) การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชน (CBR) ยังมีน้อย มากทั้ง ๆ ที่การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนสามารถจะให้ บริการแก่คนพิการได้เป็นจำานวนมาก โดยใช้งบประมาณจำานวนน้อย แต่ การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในชุมชนยังไม่ได้รับความนิยมและ ยังมีจำานวนน้อยมาก จึงทำาให้คนพิการที่ได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพใน ชุมชนยังมีจำานวนน้อย (1.4) การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการในด้านต่าง ๆ โดยภาคเอกชน ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากเพียงพอ ทำาให้การให้บริการฟื้นฟู สมรรถภาพคนพิการโดยภาคเอกชนยังทำาได้น้อย และไม่สามารถขยายตัว ได้เท่าที่ควร ปัญหาทั้ง ๔ ข้างต้นนี้เองทำาให้การบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการไม่ว่า ในด้านการแพทย์ ทางการศึกษา การฝึกอาชีพ และสังคม เป็นไปได้อย่าง จำากัดและมีปริมาณน้อย โอกาสที่จะให้คนพิการไปถึงวิสัยทัศน์ตามที่ฝันจึงมี โอกาสน้อยตามไปด้วย (2) ปัญหาทางด้านคุณภาพของการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ใน ด้านต่าง ๆ ปัญหาคุณภาพของการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพของคนพิการ นี้ สามารถแยกออกเป็นปัญหาย่อย ๆ ได้ดังต่อไปนี้คือ (2.1) ปัญหาสถานที่ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการส่วนใหญ่ยังไม่มีสิ่ง อำานวยความสะดวกสำาหรับคนพิการ ทำาให้คนพิการทางด้านแขน ขา ลำาตัว ได้รับความยากลำาบากในการเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ หรือ ไปติดต่องานราชการในสถานที่เหล่านั้น (2.2) ปัญหาสถานที่ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการยังไม่มีระบบสื่อสาร ที่เหมาะสมกับคนพิการแต่ละประเภท สถาบันที่ให้การฟื้นฟูสมรรถภาพคน พิการไม่ว่าในทางการแพทย์ การศึกษา การฝึกอาชีพ หรือทางสังคม ยัง