SlideShare a Scribd company logo
1 of 13
Download to read offline
โดย
       นางสาวอะวันตี ดวงดี
547144104 คอมศึกษาป 2 ภาค กศ.ปช.
ทฤษฎพฒนาการทางสตปญญาของเพยเจต
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปญญาของเพียเจต
                    

                         เพียเจตเกิดในป 1896 ใน ฝรังเศสใน
                                                     ่
                  ภูมิภาคของประเทศสวิสเซอรแลนด พอ
                              ป          ิ            
                  ของอาเธอรเพียเจตของเขาเปน
                  ศาสตราจารยของวรรณคดียคกลางที่ี
                                            ี ุ
                  มหาวิทยาลัยNeuchâtel เพียเจตเปนเด็กแก
                  แดดทีี่สนใจในการพัฒนาทางชีววิิทยาและ
                            ใใ        ั           ี
                  ธรรมชาติของโลก
การทดลอง หรือ การไดมาซึ่งทฤษฎี

       หลังจากไดรับปริญญาเอก ในป ค.ศ.1918 เพียเจตไดไปทํางานกับนายแพทยบีเนต (Binet)
และซีโม (Simon) ผูซงเปนผูแตงขอสอบเชาวนขน เปนครั้งแรก เพียเจตมีหนาที่ทดสอบเด็กเพื่อ
                     ึ่                       ึ้
จะหาปทัสถาน(Norm)สําหรับเด็็กแตละวัย เพีียเจตพบสาคําตอบของเด็็กนาสนใจมาก โ
     ป                                                                     ใ     โดยเฉพาะ
คําตอบของเด็กที่เยาววัยเพราะมักจะตอบผิด
      เมือเพียเจตไดวิเคราะหคําตอบที่ผิดเหลานั้นก็็พบวาคําตอบของเด็็กเล็็กที่ตางไปจาก
         ่
คําตอบของเด็กโตเพราะมีความคิดที่ตางกัน คุณภาพของคําตอบ ของเด็กทีวัยตางกัน มักจะ
                                                                           ่
แตกตางกัน แตไมควรที่จะบอกวาเด็กโตฉลาดกวาเด็กเล็ก หรือคําตอบของเด็กเล็กผิด การทํางาน
กับนายแพทยบีเนตระหวางปค.ศ.1919 ถึง ค.ศ.1921 เปนจุดเริ่มตนของความสนใจเพียเจตเกี่ยวกับ
พัฒนาการเชาวนปญญา  
       เพยเจตเรมศกษา พฒนาการทางเชาวนปญญา ของบุตร
       เพียเจตเริ่มศึกษา พัฒนาการทางเชาวนปญญา ของบตร 3 คน เปนหญิงหนึ่งชายสอง
                                                                     เปนหญงหนงชายสอง
การศึกษาของเพียเจตเปนการศึกษาระยะยาว
สาระสําคัญทฤษฎีพัฒนาการทางสติปญญาของ เพียเจต

        เขาพบวาเด็กทุกคนเกิดมาพรอมที่จะมีปฏิสัมพันธกับสิ่งแวดลอมตลอดเวลา และ
กอใหเกดพฒนาการทางเชาวนปญญาขน ซึ่งมีกระบวนการสําคัญ อยางคอ การดูดซม
กอใหเกิดพัฒนาการทางเชาวนปญญาขึน ซงมกระบวนการสาคญ 2 อยางคือ การดดซึม
                                    ้
(Assimilation) และ การปรับความแตกตาง (Accommodation) ซึ่ง
กระบวนการดููดซึมจะเกิดขึ้นกอน

        เมื่อเด็กปะทะสัมพันธกับสิ่งใดก็จะดดซึมภาพ หรือเหตการณตาง ๆ ตาม
                                           ู              ุ
ประสบการณที่เคยประสบ และแสดงพฤติกรรมตอสภาวะแวดลอมใหม ๆ ดังที่เคยมี
ประสบการณ เพราะคิดวาสิ่งใหมนั้นเปนสวนหนึ่งของประสบการณเดิม สวน
กระบวนการปรับความแตกตางเปนความสามารถในการปรับตัวเขากับสภาวะแวดลอม
                                               ใ                         
ใหม ๆ หรือเปลี่ยนความคิดเดิมใหสอดคลองกับสภาวะแวดลอมใหม
สําหรับพัฒนาการทางเชาวนปญญาของเพียเจตนั้นสามารถแบงได
ขนตอน ลาดบขน ไดแก
ขั้นตอน 4 ลําดับขั้น ไดแก
                                ระยะที่ 1 ขันของการใชประสาท
                                            ้
                                สมผสและกลามเนอ
                                สัมผัสและกลามเนื้อ
                                         อยูในชวงอายุแรกเกิดถึง 2 ป
                                เด็กจะพัฒนาการแกปญหาโดยไมตองใช
                                                        
                                ภาษาเปนสื่อ เปนชวงเริ่มตนที่จะเรียนรู
                                ในการปรับตัวเขากับสิ่งแวดลอม ถามี
                                การใชประสาทสััมผััสมากเทาไรก็จะชวย
                                    ใ                        ไ ็
                                พัฒนาเชาวนปญญาไดมากขึ้นดวย
                                โดยทวไปเดกจะรบรู ิ่งที่เปนรปธรรมได
                                โดยทั่วไปเด็กจะรับรสงทเปนรูปธรรมได
                                เทานั้น
ระยะที่ 2 ขั้นเตรียมความคิดที่มีเหตุผล
  หรอการคดกอนปฏบตการ
  หรือการคิดกอนปฏิบติการ
                        ั

          อยูในชวงอายุ 2 7 ป พฒนาการ
                       2-7 ป ั
  เชาวปญญาของเด็กวัยนี้เนนไปที่การ
  เรยนรู และเรมมพฒนาการทางภาษาด
  เรียนร และเริ่มมีพัฒนาการทางภาษาดี
  ขึ้นดวย โดยสามารถพูดไดเปนประโยค
  มการสรางคาไดมากขน แตเด็กยังไม
  มีการสรางคําไดมากขึน แตเดกยงไม
                        ้
  สามารถใชสติปญญาคิดไดอยางเต็มที่
  โดยลักษณะสําคัญ ๆ ของวัยนี้ มีดังนี้
1.เด็กเริ่มเขาใจภาษาไดดีขึ้น
2.มีพฤติกรรมเลียนแบบผูใหญ
3.มีความตั้งใจทีละอยาง (Centration) จึงเกิดความคลาดเคลื่อนจากความเปนจริงได
4.ยึดตนเองเปนศูนยกลาง (Ego Centrism)
5.ยงไมสามารถแกปญหาการเรยงลํําดบได (Seriation)   เรยงลํําดบตวเลข หรอ
    ัไ            ป         ี ั ไ (Seriation) เชน ี           ั ั      ื
   เปรียบเทียบความสั้นยาวและนอกจากนี้ยังไมสามารถเขาใจการคิดยอนกลับไปมา
   (Reversibility) ได

  เชน 1+1 = 2 แลว 2-1 = 0.6 ไมเขาใจเรื่องเกี่ยวกับความคงสภาพปริมาณของสสาร
  (Conservation) เนองจากใหความสาคญจาก
  (Conservation) เนื่องจากใหความสําคัญจาก
  รูปราง (Status) เทานัน ไมใชการเปลี่ยนแปลงเปนรูปอื่น (Transformation)
                          ้
ระยะที่ 3 ขั้นคิดอยางมีเหตุผลและเปนรูปธรรม หรือขั้น
                            ุ          ู
   ปฏิบัติการดวยรูปธรรม

   อยูในชวงอายุ 7-11 ป เด็กในวัยนี้จะสามารถใชเหตุผลใน
   การตัดสินใจปญหา ตาง ๆ ไดดีขึ้น โดยลักษณะเดนของ
   เด็็กวััยนี้คือ
               ี

   1.สามารถสรางจนตนาการในความคดของตนขนมาได
   1 สามารถสรางจินตนาการในความคิดของตนขึ้นมาได
   2.เริ่มเขาใจเกี่ยวกับการคงสภาพปริมาณของสสาร
   3.มความสามารถในการคดเปรยบเทยบ
   3 มีความสามารถในการคิดเปรียบเทียบ
   4.สามารถสรางกฎเกณฑเพื่อจัดสิ่งแวดลอมเปน
   หมวดหมู ด
   หมวดหมได
      เชน การแบงแยกประเภทของสัตว เปนตน
   5.มความสามารถในการเรยงลาดบ
   5.มีความสามารถในการเรียงลําดับ
   6.สามารถคิดยอนกลับไปมาได
ระยะที่ 4 ขั้นของการคิดอยางมีเหตุผลและ
  อยางเปนนามธรรม (Formal Operation
  Stage Period f Formal Operation)
  S or P i d of F l O i )
  หรือขั้นการปฏิบัติการดวยนามธรรม

          อยูในชวงอายุตั้งแต 12 ปขึ้นไป
  เด็กจะเริ่มคิดแบบผููใหญได เขาใจในสิ่ง
                           ญ
  ที่เปนนามธรรม เปนตัวของตัวเอง
  ตองการอิสระ ไมยึดตนเปนศูนยกลาง
  รูจักการใชเหตุผลไดอยางมี
  ประสิทธิภาพ
การนาไปใชในการจดการศกษา
การนําไปใชในการจัดการศึกษา / การสอน

                      เมื่อทํางานกับนักเรียน ผูสอนควร
                      คานงถงพฒนาการทางสตปญญาของ
                      คํานึงถึงพัฒนาการทางสติปญญาของ
                      นักเรียนดังตอไปนี้
                      นักเรียนที่มีอายุเทากันอาจมีขั้น
                                         ุ
                      พัฒนาการทางสติปญญาที่แตกตางกัน
                      ดังนั้นจึงไมควรเปรียบเทียบเด็ก ควรให
                      เด็็กมีอิสระทีี่จะเรีียนรูและพฒนา
                             ี                       ั
                      ความสามารถของเขาไปตามระดับ
                      พฒนาการของเขา นักเรียนแตละคนจะ
                      พัฒนาการของเขา นกเรยนแตละคนจะ
                      ไดรับประสบการณ 2 แบบคือ
ประสบการณทางกายภาพ (physical
  experiences) จะเกิดขึ้นเมื่อนักเรียนแต
  ละคนไดปฏิสัมพันธกับวัตถุตาง ใน
  สภาพแวดลอมโดยตรง
ประสบการณทางตรรกศาสตร
  (Logicomathematical experiences) จะ
      g                     p
  เกิดขึ้นเมื่อนักเรียนไดพัฒนาโครงสราง
  ทางสติปญญาใหความคิดรวบยอดที่
            ญญ
  เปนนามธรรม
หลักสูตรที่สรางขึนบนพืนฐานทฤษฎีพัฒนาการทางสติปญญาของเพียเจต
                               ้   ้
ควรมีลกษณะดังตอไปนี้คอ
        ั                    ื
--เนนพัฒนาการทางสติปญญาของผูเรียนโดยตองเนนใหนักเรียนใชศักยภาพของ
ตนเองใหมากที่สุด
--เสนอการเรียนการเสนอที่ใหผูเรียนพบกับความแปลกใหม
--เนนการเรียนรูตองอาศัยกิจกรรมการคนพบ
--เนนกิจกรรมการสํารวจและการเพิมขยายความคิดในระหวางการเรียนการสอน
                                     ่
--ใชกิจกรรมขัดแยง (cognitive conflict activities) โดยการรับฟงความคิดเห็นของผูอื่น
นอกเหนืือจากความคิดเห็นของตนเอง
                           ็
จบการนําเสนอแลวคะ

More Related Content

What's hot

เพาเวอร์พอย
เพาเวอร์พอยเพาเวอร์พอย
เพาเวอร์พอยNaree50
 
Jerome bruner
Jerome  brunerJerome  bruner
Jerome brunersoh26
 
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาDekDoy Khonderm
 
จิตวิทยาพัฒนาการ
จิตวิทยาพัฒนาการจิตวิทยาพัฒนาการ
จิตวิทยาพัฒนาการRukvicha Jitsumrawy
 
ไตรสิกขา
ไตรสิกขาไตรสิกขา
ไตรสิกขาppompuy pantham
 
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ 5 ขวบ
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ   5 ขวบตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ   5 ขวบ
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ 5 ขวบkrusupap
 
022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขา
022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขา022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขา
022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขาniralai
 
Jerome bruner
Jerome  brunerJerome  bruner
Jerome brunersofia-m15
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการaaesahasmat
 
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนาหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนาtassanee chaicharoen
 
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษาใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษาsaengpet
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานPadvee Academy
 
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...krutitirut
 

What's hot (19)

04chap2
04chap204chap2
04chap2
 
เพาเวอร์พอย
เพาเวอร์พอยเพาเวอร์พอย
เพาเวอร์พอย
 
Jerome bruner
Jerome  brunerJerome  bruner
Jerome bruner
 
การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์การอสอนประวัติศาสตร์
การอสอนประวัติศาสตร์
 
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
 
จิตวิทยาพัฒนาการ
จิตวิทยาพัฒนาการจิตวิทยาพัฒนาการ
จิตวิทยาพัฒนาการ
 
ไตรสิกขา
ไตรสิกขาไตรสิกขา
ไตรสิกขา
 
Original kohlberg
Original kohlbergOriginal kohlberg
Original kohlberg
 
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ 5 ขวบ
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ   5 ขวบตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ   5 ขวบ
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ฯ 5 ขวบ
 
022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขา
022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขา022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขา
022การพัฒนาชีวิตตามแนวไตรสิกขา
 
Jerome bruner
Jerome  brunerJerome  bruner
Jerome bruner
 
Jerome bruner
Jerome  brunerJerome  bruner
Jerome bruner
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ
 
หลักสูตรปฐมวัย
หลักสูตรปฐมวัยหลักสูตรปฐมวัย
หลักสูตรปฐมวัย
 
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนาหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง เพศพัฒนา
 
ปก
ปกปก
ปก
 
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษาใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษา
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐานธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๔ ลำดับขั้นตอนการปฏิบัิติวิปัสสนากรรมฐาน
 
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่...
 

Similar to นิว.Pdf

เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์sofia-m15
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์nurul027
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์saleehah053
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์math015
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการrorsed
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1Sareenakache
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1maina052
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1sitipatimoh050
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1azmah055
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1ai-sohyanya
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1oppalove
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1Sareenakache
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1Ameena021
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1tina009
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1yasaka.747
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1mikinan
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1Nadeeyah.Musor
 

Similar to นิว.Pdf (20)

Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
เฟียเจท์
เฟียเจท์เฟียเจท์
เฟียเจท์
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
 

นิว.Pdf

  • 1. โดย นางสาวอะวันตี ดวงดี 547144104 คอมศึกษาป 2 ภาค กศ.ปช.
  • 2. ทฤษฎพฒนาการทางสตปญญาของเพยเจต ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปญญาของเพียเจต  เพียเจตเกิดในป 1896 ใน ฝรังเศสใน ่ ภูมิภาคของประเทศสวิสเซอรแลนด พอ ป ิ   ของอาเธอรเพียเจตของเขาเปน ศาสตราจารยของวรรณคดียคกลางที่ี ี ุ มหาวิทยาลัยNeuchâtel เพียเจตเปนเด็กแก แดดทีี่สนใจในการพัฒนาทางชีววิิทยาและ ใใ ั ี ธรรมชาติของโลก
  • 3. การทดลอง หรือ การไดมาซึ่งทฤษฎี หลังจากไดรับปริญญาเอก ในป ค.ศ.1918 เพียเจตไดไปทํางานกับนายแพทยบีเนต (Binet) และซีโม (Simon) ผูซงเปนผูแตงขอสอบเชาวนขน เปนครั้งแรก เพียเจตมีหนาที่ทดสอบเด็กเพื่อ ึ่ ึ้ จะหาปทัสถาน(Norm)สําหรับเด็็กแตละวัย เพีียเจตพบสาคําตอบของเด็็กนาสนใจมาก โ ป ใ โดยเฉพาะ คําตอบของเด็กที่เยาววัยเพราะมักจะตอบผิด เมือเพียเจตไดวิเคราะหคําตอบที่ผิดเหลานั้นก็็พบวาคําตอบของเด็็กเล็็กที่ตางไปจาก ่ คําตอบของเด็กโตเพราะมีความคิดที่ตางกัน คุณภาพของคําตอบ ของเด็กทีวัยตางกัน มักจะ ่ แตกตางกัน แตไมควรที่จะบอกวาเด็กโตฉลาดกวาเด็กเล็ก หรือคําตอบของเด็กเล็กผิด การทํางาน กับนายแพทยบีเนตระหวางปค.ศ.1919 ถึง ค.ศ.1921 เปนจุดเริ่มตนของความสนใจเพียเจตเกี่ยวกับ พัฒนาการเชาวนปญญา  เพยเจตเรมศกษา พฒนาการทางเชาวนปญญา ของบุตร เพียเจตเริ่มศึกษา พัฒนาการทางเชาวนปญญา ของบตร 3 คน เปนหญิงหนึ่งชายสอง เปนหญงหนงชายสอง การศึกษาของเพียเจตเปนการศึกษาระยะยาว
  • 4. สาระสําคัญทฤษฎีพัฒนาการทางสติปญญาของ เพียเจต เขาพบวาเด็กทุกคนเกิดมาพรอมที่จะมีปฏิสัมพันธกับสิ่งแวดลอมตลอดเวลา และ กอใหเกดพฒนาการทางเชาวนปญญาขน ซึ่งมีกระบวนการสําคัญ อยางคอ การดูดซม กอใหเกิดพัฒนาการทางเชาวนปญญาขึน ซงมกระบวนการสาคญ 2 อยางคือ การดดซึม ้ (Assimilation) และ การปรับความแตกตาง (Accommodation) ซึ่ง กระบวนการดููดซึมจะเกิดขึ้นกอน เมื่อเด็กปะทะสัมพันธกับสิ่งใดก็จะดดซึมภาพ หรือเหตการณตาง ๆ ตาม ู ุ ประสบการณที่เคยประสบ และแสดงพฤติกรรมตอสภาวะแวดลอมใหม ๆ ดังที่เคยมี ประสบการณ เพราะคิดวาสิ่งใหมนั้นเปนสวนหนึ่งของประสบการณเดิม สวน กระบวนการปรับความแตกตางเปนความสามารถในการปรับตัวเขากับสภาวะแวดลอม ใ   ใหม ๆ หรือเปลี่ยนความคิดเดิมใหสอดคลองกับสภาวะแวดลอมใหม
  • 5. สําหรับพัฒนาการทางเชาวนปญญาของเพียเจตนั้นสามารถแบงได ขนตอน ลาดบขน ไดแก ขั้นตอน 4 ลําดับขั้น ไดแก ระยะที่ 1 ขันของการใชประสาท ้ สมผสและกลามเนอ สัมผัสและกลามเนื้อ อยูในชวงอายุแรกเกิดถึง 2 ป เด็กจะพัฒนาการแกปญหาโดยไมตองใช  ภาษาเปนสื่อ เปนชวงเริ่มตนที่จะเรียนรู ในการปรับตัวเขากับสิ่งแวดลอม ถามี การใชประสาทสััมผััสมากเทาไรก็จะชวย ใ  ไ ็ พัฒนาเชาวนปญญาไดมากขึ้นดวย โดยทวไปเดกจะรบรู ิ่งที่เปนรปธรรมได โดยทั่วไปเด็กจะรับรสงทเปนรูปธรรมได เทานั้น
  • 6. ระยะที่ 2 ขั้นเตรียมความคิดที่มีเหตุผล หรอการคดกอนปฏบตการ หรือการคิดกอนปฏิบติการ ั อยูในชวงอายุ 2 7 ป พฒนาการ  2-7 ป ั เชาวปญญาของเด็กวัยนี้เนนไปที่การ เรยนรู และเรมมพฒนาการทางภาษาด เรียนร และเริ่มมีพัฒนาการทางภาษาดี ขึ้นดวย โดยสามารถพูดไดเปนประโยค มการสรางคาไดมากขน แตเด็กยังไม มีการสรางคําไดมากขึน แตเดกยงไม ้ สามารถใชสติปญญาคิดไดอยางเต็มที่ โดยลักษณะสําคัญ ๆ ของวัยนี้ มีดังนี้
  • 7. 1.เด็กเริ่มเขาใจภาษาไดดีขึ้น 2.มีพฤติกรรมเลียนแบบผูใหญ 3.มีความตั้งใจทีละอยาง (Centration) จึงเกิดความคลาดเคลื่อนจากความเปนจริงได 4.ยึดตนเองเปนศูนยกลาง (Ego Centrism) 5.ยงไมสามารถแกปญหาการเรยงลํําดบได (Seriation)   เรยงลํําดบตวเลข หรอ ัไ  ป ี ั ไ (Seriation) เชน ี ั ั ื เปรียบเทียบความสั้นยาวและนอกจากนี้ยังไมสามารถเขาใจการคิดยอนกลับไปมา (Reversibility) ได เชน 1+1 = 2 แลว 2-1 = 0.6 ไมเขาใจเรื่องเกี่ยวกับความคงสภาพปริมาณของสสาร (Conservation) เนองจากใหความสาคญจาก (Conservation) เนื่องจากใหความสําคัญจาก รูปราง (Status) เทานัน ไมใชการเปลี่ยนแปลงเปนรูปอื่น (Transformation) ้
  • 8. ระยะที่ 3 ขั้นคิดอยางมีเหตุผลและเปนรูปธรรม หรือขั้น ุ ู ปฏิบัติการดวยรูปธรรม อยูในชวงอายุ 7-11 ป เด็กในวัยนี้จะสามารถใชเหตุผลใน การตัดสินใจปญหา ตาง ๆ ไดดีขึ้น โดยลักษณะเดนของ เด็็กวััยนี้คือ ี 1.สามารถสรางจนตนาการในความคดของตนขนมาได 1 สามารถสรางจินตนาการในความคิดของตนขึ้นมาได 2.เริ่มเขาใจเกี่ยวกับการคงสภาพปริมาณของสสาร 3.มความสามารถในการคดเปรยบเทยบ 3 มีความสามารถในการคิดเปรียบเทียบ 4.สามารถสรางกฎเกณฑเพื่อจัดสิ่งแวดลอมเปน หมวดหมู ด หมวดหมได เชน การแบงแยกประเภทของสัตว เปนตน 5.มความสามารถในการเรยงลาดบ 5.มีความสามารถในการเรียงลําดับ 6.สามารถคิดยอนกลับไปมาได
  • 9. ระยะที่ 4 ขั้นของการคิดอยางมีเหตุผลและ อยางเปนนามธรรม (Formal Operation Stage Period f Formal Operation) S or P i d of F l O i ) หรือขั้นการปฏิบัติการดวยนามธรรม อยูในชวงอายุตั้งแต 12 ปขึ้นไป เด็กจะเริ่มคิดแบบผููใหญได เขาใจในสิ่ง ญ ที่เปนนามธรรม เปนตัวของตัวเอง ตองการอิสระ ไมยึดตนเปนศูนยกลาง รูจักการใชเหตุผลไดอยางมี ประสิทธิภาพ
  • 10. การนาไปใชในการจดการศกษา การนําไปใชในการจัดการศึกษา / การสอน เมื่อทํางานกับนักเรียน ผูสอนควร คานงถงพฒนาการทางสตปญญาของ คํานึงถึงพัฒนาการทางสติปญญาของ นักเรียนดังตอไปนี้ นักเรียนที่มีอายุเทากันอาจมีขั้น ุ พัฒนาการทางสติปญญาที่แตกตางกัน ดังนั้นจึงไมควรเปรียบเทียบเด็ก ควรให เด็็กมีอิสระทีี่จะเรีียนรูและพฒนา ี ั ความสามารถของเขาไปตามระดับ พฒนาการของเขา นักเรียนแตละคนจะ พัฒนาการของเขา นกเรยนแตละคนจะ ไดรับประสบการณ 2 แบบคือ
  • 11. ประสบการณทางกายภาพ (physical experiences) จะเกิดขึ้นเมื่อนักเรียนแต ละคนไดปฏิสัมพันธกับวัตถุตาง ใน สภาพแวดลอมโดยตรง ประสบการณทางตรรกศาสตร (Logicomathematical experiences) จะ g p เกิดขึ้นเมื่อนักเรียนไดพัฒนาโครงสราง ทางสติปญญาใหความคิดรวบยอดที่ ญญ เปนนามธรรม
  • 12. หลักสูตรที่สรางขึนบนพืนฐานทฤษฎีพัฒนาการทางสติปญญาของเพียเจต ้ ้ ควรมีลกษณะดังตอไปนี้คอ ั ื --เนนพัฒนาการทางสติปญญาของผูเรียนโดยตองเนนใหนักเรียนใชศักยภาพของ ตนเองใหมากที่สุด --เสนอการเรียนการเสนอที่ใหผูเรียนพบกับความแปลกใหม --เนนการเรียนรูตองอาศัยกิจกรรมการคนพบ --เนนกิจกรรมการสํารวจและการเพิมขยายความคิดในระหวางการเรียนการสอน ่ --ใชกิจกรรมขัดแยง (cognitive conflict activities) โดยการรับฟงความคิดเห็นของผูอื่น นอกเหนืือจากความคิดเห็นของตนเอง ็