SlideShare a Scribd company logo
中国概况

ประเทศจีนโดยสังเขป
A Survey of China
โ จ ว เ จี้ ย น เ ขี ย น
ก ฤ ช ว ร ร ธ น โ ล ห วั ช ริ น ท ร แ ป ล
中国概况

A Survey of China
ประเทศจีนโดยสังเขป
ผูแตง
โจวเจี้ยน (周健)
ภาคภาษาอังกฤษ ยฺหวีฮุยเฟน (余惠芬)
แปลและเรียบเรียง กฤชวรรธน โลหวัชรินทร (罗致远)

游学在中国
จากหนังสือ
A Study Tour in China
© 1999 Foreign Language Teaching and Research Press, Beijing.
Thai Language Translation © 2009 Grichawat Lowatcharin.
พิมพครั้งที่ ๑
พิมพครั้งที่ ๒
พิมพครั้งที่ ๓
พิมพครั้งที่ ๔
ปกและรูปเลม
จัดพิมพโดย

พิมพที่

มีนาคม ๒๕๕๒
มิถุนายน ๒๕๕๒
มีนาคม ๒๕๕๓
ตุลาคม ๒๕๕๓
วิฬัจฉา ปญญาออนโยน
สถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน
ชั้น ๖ อาคารคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแกน
ตําบลในเมือง อําเภอเมือง จังหวัดขอนแกน
รหัสไปรษณีย ๔๐๐๐๒
โทรศัพทและโทรสาร ๐-๔๓๒๐-๔๑๔๒
เว็บไซต confucius.kku.ac.th
อีเมล confucius@kku.ac.th
ขอนแกน ประเทศไทย

การถอดเสียงวิสามานยนาม (ชื่อบุคคล เหตุการณ สถานที่ ฯลฯ)
สวนใหญในการแปลครั้งนี้ อิงตามหลักเกณฑการทับศัพทภาษาจีน
ของราชบัณฑิตยสถาน โดยไดระบุวิสามานยนามที่ใชตามความนิยม
หรือที่มีคําศัพทภาษาไทยไวในวงเล็บบางแหงดวย
อาทิ
ยฺหวินหนาน (ยูนนาน)
เหมียว (แมว)
中国概况

A Survey of China
ประเทศจีนโดยสังเขป
คํานําผูแปลในการพิมพครั้งที่ ๔
หนั ง สื อ ประเทศจี น โดยสั ง เขปที่ อ ยู ใ นมื อ ท า นนี้จ ะแนะนํ า ท า นให รู จั ก ประเทศจี น ทั้ ง ในด า น
ประวัติศาสตร ภูมิศาสตร สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองในระยะเวลาอันสั้นเพียงไมถึงหนึ่ง
ชั่วโมง แมจะใหขอความรูเกี่ยวกับประเทศจีนแคเศษเสี้ยว แตผูแปลเชื่อเหลือเกินวาการอานหนังสือเลม
นี้จะชวยจุดประกายใหผูอานเกิดความสนใจใครรูเรื่องแผนดินมังกรมากขึ้น
ในการพิมพครั้งที่ ๔ นี้ ผูแปลไดแกไขขอบกพรองอันเกิดแตการแปลและการพิมพเล็กนอย ซึ่งคง
มิอาจทําใหหนังสือเลมนี้ปราศจากมลทินโดยสิ้นเชิง หากปรากฏขอผิดพลาดประการใด ผูแปลขอนอมรับ
ไวเองแตโดยดี
บทกลอนที่ไดรับการขับขานอยูชานานยอมสรางความพึงใจแกกวีฉันใด หนังสือที่ไดรับการเผยแพร
อย างตอเนื่องก็ยอมสรางความพึงใจแกผูเ ขียนฉันนั้น ทายนี้ จึงขอกราบขอบพระคุณ ศาสตราจารย
หวงเสี่ยวหมิง (黄小明) แหงสถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน ที่ใหการสนับสนุนผูแปล พรอมทั้ ง
จัดพิมพและเผยแพรหนังสือเลมบางนี้มาโดยตลอด

กฤชวรรธน โลหวัชรินทร
grichawat@kku.ac.th
ตุลาคม ๒๕๕๓
中国概况

A Survey of China
ประเทศจีนโดยสังเขป
คํานําผูแปลในการพิมพครั้งที่ ๑
หนังสือเลมนี้แปลจากภาคภาษาอังกฤษของ 中国概况 (A Survey of China) ซึ่งเปนบทหนึ่งใน
หนังสือ 游学在中国 (A Study Tour in China) เพื่อใชประกอบการบรรยายรายวิชาความรูทั่วไป
เกี่ยวกับประเทศจีน ในการฝก อบรมครูผูสอนภาษาจีน อันเปนโครงการความรวมมือระหวางสถาบั น
ขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน กับสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแกน เขต ๑
ในการถอดเสียงชื่อบุคคล เหตุการณ และสถานที่โดยสวนใหญ ผูแปลไดอิงตามหลักเกณฑการทับ
ศัพทภาษาจีนของราชบัณฑิตยสถาน ขณะที่บางชื่อยังคงใชชื่อที่คนไทยคุนชินอยูแลว นอกจากนั้นยังได
ศึกษาขอมูลอางอิงจากตําราและเอกสารจํานวนมากประกอบการแปลดวย
ขอขอบคุณ ศาสตราจารยหวงเสี่ ยวหมิง (黄小明) ที่ใหโอกาสรวมบรรยายในการฝก อบรมครั้งนี้
ขอขอบคุณ รองศาสตราจารย ดร.หลี่เ จฺวียน (李 娟) ที่ใหคําแนะนําอันเปนประโยชนและตรวจทาน
ขอมูลในการแปล และขอขอบคุณ สถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน ที่จัดพิมพและเผยแพรหนังสื อ
เลมนี้ อันจะพอมีประโยชนตอผูสนใจศึกษาขอมูลพื้นฐานเกี่ยวกับประเทศจีนอยูบาง
หากมีขอบกพรองหรือผิดพลาดประการใดในหนังสือเลมนี้ ผูแปลขอนอมรับผิดแตเพียงผูเดียว

กฤชวรรธน โลหวัชรินทร
มีนาคม ๒๕๕๒
中国概况

A Survey of China
ประเทศจีนโดยสังเขป
สารบัญ
บทที่ ๑
บทที่ ๒
บทที่ ๓
บทที่ ๔
บทที่ ๕
บทที่ ๖
บทที่ ๗

สภาพภูมิศาสตร • • • • • • •
ประชากรและกลุมชาติพันธุ • • •
เทศกาลประเพณี • • • • • • •
เขตการปกครองและปญหาไตหวัน •
องคกรปกครองของรัฐ • • • • •
ประวัติศาสตรสมัยโบราณโดยสังเขป
ประวัติศาสตรสมัยใหมโดยสังเขป •

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

•

๑
๔
๙
๑๓
๑๗
๑๙
๒๗
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๑ สภาพภูมิศาสตร

๑

ภาพที่ ๑ แผนที่ภูมิศาสตรประเทศจีน

ประเทศจีนมีชื่อเต็ มวาสาธารณรั ฐประชาชนจีน ตั้งอยูทางตะวันออกของทวีปเอเชีย มีขนาดพื้น ที่
๙.๖ ลานตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญเปนอันดับสามของโลกรองจากรัสเซียและแคนาดา จีนแผนดินใหญทาง
ทิศตะวันออกและทิศใตโอบลอมดวยทะเลปอไห ทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต โดยใน
อาณาเขตทางทะเลนั้นมีเกาะใหญนอยกระจายอยูเกือบ ๖,๕๐๐ เกาะ เกาะที่มีขนาดใหญที่สุดคือไตหวัน
ซึ่งมีข นาดพื้นที่ ๓๖,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร และอันดับสองคือเกาะไหหนาน (ไหหลํา) ซึ่งมีขนาดพื้นที่
๓๔,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ทั้งไตหวันและไหหนานมีสถานะเปนมณฑลหนึ่งของจีน
หากมองจากดานบนจะพบวาสภาพพื้นที่ของจีนลาดเอียงจากตะวันตกสูวันตะวันออกเปนบันไดสี่ขั้น
บันไดขั้นสูงสุดคือที่ราบสูงชิงไห-ทิเบต ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ําทะเลโดยเฉลี่ยกวา ๔,๐๐๐ เมตร
และไดชื่อวาเปน “หลังคาโลก”
บันไดขั้นที่สองประกอบดวยที่ราบสูงมองโกเลียใน ที่ร าบสูงหวงถู (ที่ราบสูงดินเหลือง) ที่ราบสูง
ยฺหวิน หนาน-กุยโจว แองทาริ ม แองจุ งการ และแองซื่อชวน ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ําทะเลโดยเฉลี่ย
๑,๐๐๐ ถึง ๒,๐๐๐ เมตร
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ภาพที่ ๒ โคงแรกของแมน้ําฉางเจียง ณ มณฑลยฺหวินหนาน
ที่เปลี่ยนทิศทางการไหล ๑๘๐ องศาจากไหลลงใตเปนไหลขึ้นเหนือ

บัน ไดขั้ น ที่ ส ามมี ค วามสู ง ราว ๕๐๐ ถึ ง ๑,๐๐๐ เมตรจากระดั บ น้ํ าทะเล ประกอบด ว ยที่ ร าบ
ตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ราบจีนเหนือ ที่ราบหุบเขาแมน้ําฉางเจียงตอนกลางและตอนลาง และที่ราบปาก
แมน้ําจูเจียง โดยมีเนินเขานอยใหญกั้นเปนแนวระหวางที่ราบตางๆ
บันไดขั้นสุดทายคือไหลทวีปซึ่งทอดตัวไปทางตะวันออกลงสูทะเลน้ําตื้นที่มีระดับความลึกเพียง ๒๐๐
เมตร โดยมีแนวตะกอนขนาดมหึมาอยูบริเวณปากแมน้ําสายตางๆ
ประเทศจีนมีภูเขาที่มีชื่อเสียงมากมาย ที่สูงที่สุดในโลกและเปนยอดเขาของเทือกเขาหิมาลัยคือยอด
เขาโชโมลังมา (เอเวอเรสต) ซึ่งมีความสูง ๘,๘๔๘ เมตรจากระดับน้ําทะเล ตั้งอยูปลายตะวันตกเฉียงใต
ของที่ราบสูงชิงไห-ทิเบต
แมน้ําสวนใหญในประเทศจีนไหลไป
ทิศตะวันออกลงสูมหาสมุทรแปซิฟก แมน้ํา
ฉางเจียง (แยงซีเ กีย ง) ซึ่ งมี ค วามยาวกว า
๖,๓๐๐ กิโลเมตร เปนแมน้ําสายใหญที่สุด
ใ น ป ร ะ เ ท ศ จี น มี พื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า ก ว า
๑,๘๐๙,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ทั้งยังเป น
เสนทางการคมนาคมทางน้ําที่สําคัญที่สุด
ของประเทศอี ก ด ว ย ส ว นแม น้ํ า หวงเหอ
(ฮวงโฮ-แมน้ําเหลือง) มีความยาว ๕,๔๖๔
กิโ ลเมตร ถื อ เป น แม น้ํ าที่ ย าวเป นอั น ดั บ
สองของประเทศ ที่ราบลุมแมน้ําเหลืองถือ
เป นอู อารยธรรมจี นมาแต ค รั้ งบรรพกาล
และพบโบราณสถานและโบราณวั ต ถุ
ภาพที่ ๓ ลักษณะภูมิประเทศ
มากมาย
บริเวณที่ราบสูงหวงถู

๒
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

นอกจากแมน้ําตามธรรมชาติแลว ประเทศจีนยังมี
แมน้ําขนาดใหญ ที่ มนุ ษย สร างขึ้ นด วย นั่นคือคลอง
ใหญ ซึ่ งไหลจากเป ย จิง (ป ก กิ่ ง) ทางทิศ เหนือ ลงสู
หังโจวทางทิศใต มี ความยาวกวา ๑,๘๐๐ กิโลเมตร
และเปนเสนทางคมนาคมมานานกวา ๑,๐๐๐ ปแลว
ประเทศจีนยังมีทะเลสาบหลายแหง โดยสวนใหญ
กระจายอยูทางทิศใต ทะเลสาบน้ําจืดขนาดใหญที่สุด
คือทะเลสาบโผหยางในมณฑลเจียงซี สวนทะเลสาบ
น้ําเค็มที่ใหญที่สุดคือทะเลสาบชิงไหในมณฑิลชิงไห
พื้นที่สวนใหญของประเทศจีนตั้งอยูในเขตอบอุน
บางสวนทางทิศใตอยูในเขตรอนและเขตใกลเขตรอน
สวนทางทิศเหนืออยูใกลเคียงกับเขตหนาว อุณหภูมิจะ
แตกตางกันมากในพื้นที่ตางๆ ของประเทศ โดยทั่วไป
แลวประเทศจี น มีภูมิอากาศแบบมรสุ มภาคพื้นทวีป
ทําใหสภาพอากาศในสี่ฤดูแตกตางกันมาก กลาวคือ
ในฤดูรอนจะรอนและชื้น สวนในฤดูหนาวจะหนาวเย็น ภาพที่ ๔ ลิงขนทองเปนสัตวที่มีถิ่นที่อยูอาศัย
ในมณฑลซื่อฉวนของจีนเทานั้น
และแหงแลง
ประเทศจีนเปนประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายของสายพันธุสัตวปามากที่สุดในโลก โดยมีสัตวบก
มีกระดูกสันหลังมากกวา ๒,๐๐๐ สายพันธุ นับเปนรอยละ ๑๐ ของทั้งโลก และมีสัตวปาจํานวนมากที่ไม
อาจพบเห็นไดที่อื่นนอกจากในประเทศจีน อาทิ แพนดายักษ ลิงขนทอง กวางปากขาว วัวทาคิน โลมาธง
ขาว และตะเขจีน เปนตน
ประเทศจีนมีพรรณไมมากกวา ๗,๐๐๐ สายพันธุ โดยเปนไมตนถึง ๒,๘๐๐ สายพันธุ ไมวาจะเปน
สนสุยซาน (metasequoia) สนสุยซง (China cypress) สนหยิงซาน (silver fir) สนซานมู (China fir)
สนจิงเฉียนซง (golden larch) ฯลฯ ลวนเปนไมตนที่พบในประเทศจีนเทานั้น
ดวยความพยายามจะสงวนรั กษาทรัพยากรพืชและสัต วอันเปนเอกลักษณของชาติ และสายพัน ธุ
สิ่งมีชีวิต ที่ใกลสูญพันธุนั้น รัฐ บาลจี นไดกอตั้งเขตสงวนธรรมชาติและพันธุสัตวจํานวนมาก โดยในป
๑๙๙๙ มีถึง ๑,๑๔๖ แหง (ไมรวมไตหวัน) ซึ่งเปนพื้นที่รวมกันมากกวา ๘๘.๑๕ ลานเฮคเตอร

๓
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๒ ประชากรและกลุมชาติพันธุ
จีนเป นประเทศที่ มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยในต นป ๒๐๐๕ มีจํ านวนประชากรทั่งสิ้นถึ ง
๑,๓๐๐ ลานคน ทั้งนี้ไมนับรวมประชากรในฮองกง มาเกา และไตหวัน

๔

ภาพที่ ๕ แสตมปฉลอง ๕๐ ปแหงการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
เปนภาพกลุมชาติพันธุทั้ง ๕๖ กลุมในประเทศจีน
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ความหนาแนนของประชากรโดยเฉลี่ยอยูที่ ๑๓๐ คนตอตารางกิโลเมตร ทวาตัวเลขนี้ไมไดกระจาย
ตัวอยางสม่ําเสมอในทุกพื้นที่ กลาวคือในแถบชายฝงตะวันออกนั้นมีความหนาแนนสูงถึง ๔๐๐ คนตอ
ตารางกิโลเมตร พื้นที่ตอนกลางราว ๒๐๐ คนตอตารางกิโลเมตร ขณะที่บริเวณที่ราบสูงทุรกันดารทาง
ตะวันตกมีความหนาแนนนอยกวา ๑๐ คนตอตารางกิโลเมตร
ประชากรจี น จํ านวนร อยละ ๓๐.๔ อาศัยอยูในเขตเมือง รอยละ ๖๙.๖ อยูในเขตชนบท ขณะที่
ประชากรชายมีจํานวนรอยละ ๕๐.๘ และหญิงรอยละ ๔๙.๒ ประชากรที่มีอายุนอยกวา ๑๔ ปมีจํานวน
รอยละ ๒๕.๗ อายุ ระหวาง ๑๕ ถึง ๖๔ ร อยละ ๖๗.๖ และอายุตั้งแต ๖๕ ปขึ้นไปรอยละ ๖.๗ ของ
จํานวนประชากรทั้งหมด

๕

ภาพที่ ๖ ภาพวาดในประเทศจีนแสดงใหเห็น (จากซายไปขวา) ชาวเออหลุนชุน รัสเซีย และตูหลง

นับแต ก ารสถาปนาสาธารณรั ฐ ประชาชนจีน ในป ๑๙๔๙ การเพิ่ มขึ้น อยา งรวดเร็ วของจํา นวน
ประชากรเป นอุ ปสรรคต อการพั ฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอยางยิ่ง ในทศวรรษที่ ๑๙๗๐
รัฐบาลจีนจึงไดดําเนินนโยบายวางแผนครอบครัวขึ้น สงเสริมใหแตงงานและมีบุตรชา มีบุตรนอยลงแต
แข็งแรงขึ้ น และที่ สําคั ญ ให คู สมรสมี บุต รเพียงคนเดียว กระนั้น นโยบายนี้คอนขางยืดหยุนสําหรั บ
ประชาชนในเขตทุรกันดารและชนกลุมนอย นับแตนั้นมาอัตราการเกิดในประเทศจีนก็ลดต่ําลงปตอป
โดยลดลงจากรอยละ ๓๔.๑๑ ในป ๑๙๖๙ เปน ๑๒.๘๓ ในสิ้นป ๒๐๐๒ อัตราการเติบโตตามธรรมชาติ
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ลดลงจากรอยละ ๒๖.๐๘ เหลือเพียงรอยละ ๖.๔๕ ดังนั้นประชากรของประเทศนี้จึงประสบความสําเร็จ
ขั้นพื้นฐานในการเปลี่ยนผานสูรูปแบบการสืบแทนพันธุที่มีอัตราการเกิดและการเจริญเติบโตนอย
ประเทศจี นมี ป ระชากร ๓๔๐ ล านครอบครั ว โดยเฉลี่ย แตล ะครั วเรือ นมีป ระชากร ๓.๖๓ คน
ครอบครัวสวนใหญประกอบดวยคูสมรสกับบุตร แตใชวาจะขาดลักษณะของครอบครัวใหญเ นื่องจากมี
ประชากรตั้ ง แต ส ามรุ น ขึ้ น ไปอาศั ย อยู ใต ช ายคาเดี ย วกั น ส ว นใหญ แ ล ว สามี กับ ภรรยาจะแบ ง เบา
ภาระหนาที่ของกันและกัน ปรึกษาหารือกัน และจัดการงานบานรวมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครั ว
ชาวจีนมีธรรมเนียมเคารพผูอาวุโสและเอื้ออาทรผูเยาว แมคูสมรสรุนใหมหลายคูจะไมไดอาศัยอยูกับพอ
แมแตก็ยังติดตอกันอยูประจํามิไดขาด สวนเด็กๆ ที่โตแลวก็มีหนาที่ตองคอยชวยเหลือพอแม ชาวจีนนั้น
ใหความสําคัญแกสมาชิกในครอบครัวและในหมูญาติเปนอยางยิ่ง
จีนยังเปนประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุดวย โดยมีกลุมชาติพันธุถึง ๕๖ กลุมอาศัยอยู
รวมกัน โดยชาวฮั่นมีจํานวนมากที่สุดถึงรอยละ ๙๒ ของประชากรทั้งหมด ขณะที่อีก ๕๕ กลุมชาติพันธุมี
ประชากรรวมกันเพียงรอยละ ๘ และดวยเหตุที่ประชากรสวนใหญของประเทศเปนชาวฮั่นนี่เอง กลุมชาติ
พันธุอื่นๆ จึงไดรับการขนานนามวาชนกลุมนอย ชาวฮั่นนั้นสามารถพบเห็นไดทั่วประเทศ แตสวนใหญ
จะอาศัยอยูในแถบลุมแมน้ําหวงเหอ แมน้ําฉางเจียง และแมน้ําจูเจียง และที่ราบตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่ชนกลุ มน อยจะกระจายตั วอยู ต ามพื้นที่ตางๆ โดยมากจะอาศัยอยูท างทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ตะวันตกเฉียงใต และบริเวณชายแดนของประเทศ
ชาวฮั่นมีภาษาพูดและภาษาเขียนเปนของตัวเอง ภาษาจีนหรือภาษาของชาวฮั่นถือเปนภาษาราชการ
ของประเทศ และเปนภาษาทําการภาษาหนึ่งขององคการสหประชาชาติอีกดวย ชนกลุมนอยทุกกลุมมี
ภาษาเปนของตัวเอง ยกเวนชาวหุยกับชาวแมนจูเทานั้นที่ใชภาษาจีน และชนกลุมนอย ๒๓ กลุมมีภาษา
เขียนเปนของตัวเอง

จํานวนประชากรและถิ่นที่อยูของชนกลุมนอยในประเทศจีน
กลุมชาติพันธุ
มองโกล
หุย

ทิเบต
อุยกูร
เหมียว (แมว)

จํานวนประชากร
ถิ่นที่อยูหลัก
๔,๘๐๒,๔๐๐ มองโกเลียใน, ซินเจียง, เหลียวหนิง, จี๋หลิน,
เฮยหลงเจียง, กานซู, เหอเปย, เหอหนาน, ชิงไห
๘,๖๑๒,๐๐๐ หนิงเซี่ย, กานซู, เหอหนาน, เหอเปย, ชิงไห, ซานตง,
ยฺหวินหนาน, ซินเจียง, อานหุย, เหลียวหนิง,
เฮยหลงเจียง, จี๋หลิน, ซานซี, เปยจิง, เทียนจิน
๔,๕๙๓,๑๐๐ ทิเบต, ชิงไห, ซื่อชวน, กานซู, ยฺหวินหนาน
๗,๒๐๗,๐๐๐ ซินเจียง
๗,๓๘๓,๖๐๐ กุยโจว, หูหนาน, ยฺหวินหนาน, กวางซี, ซื่อชวน, หูเปย

๖
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

กลุมชาติพันธุ
หยี
จวง
ปูยี
เกาหลี
แมนจู
ตง
เหยา (เยา)
ไป
ถูเจีย
ฮาหนี
คาซัก
ไต (ไตลื้อ)
หลี
ลี่ซู
หวา (วา)
เชอ
เกาชาน
ลาฮู
สุย
ตงเซียง
หนาซี
จิ่งโพ (ขะฉิ่น)
คีรกีซ
ถู
ตาวอเออร
มูเหลา
เชียง
ปูหลาง
ซาลา

จํานวนประชากร
๖,๕๗๘,๕๐๐
๑๕,๕๕๕,๘๐๐
๒,๕๔๘,๓๐๐
๑,๙๒๓,๔๐๐
๙,๘๔๖,๘๐๐
๒,๕๐๘,๖๐๐
๒,๑๓๗,๐๐๐
๑,๕๙๘,๐๐๐
๕,๗๒๕,๐๐๐
๑,๒๕๔,๘๐๐
๑,๑๑๐,๘๐๐
๑,๐๒๕,๔๐๐
๑,๑๑๒,๕๐๐
๕๗๔,๐๐๐
๓๕๒,๐๐๐
๖๓๔,๗๐๐
๒,๙๐๐
๔๑๑,๕๐๐
๓๔๗,๑๐๐
๓๗๓,๗๐๐
๒๗๗,๘๐๐
๑๑๙,๓๐๐
๑๔๓,๕๐๐
๑๙๒,๖๐๐
๑๒๑,๕๐๐
๑๖๐,๖๐๐
๑๙๘,๓๐๐
๘๒,๔๐๐
๘๗,๕๐๐

ถิ่นที่อยูหลัก
ซื่อชวน, ยฺหวินหนาน, กุยโจว, กวางซี
กวางซี, ยฺหวินหนาน, กวางตง, กุยโจว
กุยโจว
จี๋หลิน, เหลียวหนิง, เฮยหลงเจียง
เหลียวหนิง, จี๋หลิน, เฮยหลงเจียง, เหอเปย, เปยจิง,
มองโกเลียใน
กุยโจว, หูหนาน, กวางซี
กวางซี, หูหนาน, ยฺหวินหนาน, กวางตง, กุยโจว
ยฺหวินหนาน, กุยโจว
หูหนาน, หูเปย
ยฺหวินหนาน
ซินเจียง, กานซู, ชิงไห
ยฺหวินหนาน
ยฺหวินหนาน
ยฺหวินหนาน, ซื่อชวน
ยฺหวินหนาน
ฝูเจี้ยน, เจอเจียง, เจียงซี, กวางตง
ไตหวัน, ฝูเจี้ยน
ยฺหวินหนาน
กุยโจว, กวางซี
กานซู, ซินเจียง
ยฺหวินหนาน, ซื่อชวน
ยฺหวินหนาน
ซินเจียง, เฮยหลงเจียง
ชิงไห, กานซู
มองโกเลียใน, เฮยหลงเจียง, ซินเจียง
กวางซี
ซื่อชวน
ยฺหวินหนาน
ชิงไห, กานซู

๗
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

กลุมชาติพันธุ
จํานวนประชากร
เหมาหนาน
๗๒,๔๐๐
เกอเหลา
๔๓๘,๒๐๐
ซีปอ
๑๗๒,๙๐๐
อาชัง
๒๗,๗๐๐
ผูหมี่
๒๙,๗๐๐
ทาจิก
๓๓,๒๐๐
นู
๒๗,๒๐๐
อุซเบค
๑๔,๘๐๐
รัสเซีย
๑๓,๕๐๐
เออเวินเคอ (อีเวนคิ)
๒๖,๔๐๐
เตออาง
๑๕,๕๐๐
เปาอาน (โบนาน)
๑๑,๗๐๐
ยฺวี่กู (ยูเกอร)
๑๒,๓๐๐
จิง
๑๘,๗๐๐
ทารทาร
๕,๑๐๐
ตูหลง (เตอรัง)
๕,๘๐๐
เออหลุนชุน (โอโรเชน)
๗,๐๐๐
เฮอเจอ (เหอเจิน)
๔,๓๐๐
เหมินปา (มอนปา)
๗,๕๐๐
ลั่วปา
๒,๓๐๐
จินั่ว
๑,๘๐๐

ถิ่นที่อยูหลัก
กวางซี
กุยโจว, กวางซี
ซินเจียง, เหลียวหนิง, จี๋หลิน
ยฺหวินหนาน
ยฺหวินหนาน
ซินเจียง
ยฺหวินหนาน
ซินเจียง
ซินเจียง
มองโกเลียใน, เฮยหลงเจียง
ยฺหวินหนาน
กานซู
กานซู
กวางซี
ซินเจียง
ยฺหวินหนาน
มองโกเลียใน, เฮยหลงเจียง
เฮยหลงเจียง
ทิเบต
ทิเบต
ยฺหวินหนาน

๘
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๓ เทศกาลประเพณี
วันหยุดราชการของประเทศจีนไดแก วันปใหม (๑ มกราคม-หยุดหนึ่งวัน) วันตรุษจีน (เทศกาลฤดู
ใบไมผลิ หรือวันปใหมตามปฏิทินจันทรคติ-หยุดสามวัน) วันสตรีสากล (๘ มีนาคม) วันปลูกตนไม (๑๒
มีนาคม) วันแรงงานสากล (๑ พฤษภาคม-หยุดสามวัน) วันเยาวชนจีน (๔ พฤษภาคม) วันเด็กสากล (๑
มิถุนยาน) วันคลายวันสถาปนากองทัพปลดปลอยประชาชนจีน (๑ สิงหาคม) วันครู (๑๐ กันยายน) และ
วันชาติ (๑ ตุลาคม-หยุดสามวัน)
เทศกาลสําคัญของชาวจีนไดแก เทศกาลตรุษจีน เทศกาลโคมไฟ เทศกาลชิงหมิง (เชงเมง) เทศกาล
แขงเรือมังกร เทศกาลไหวพระจันทร และเทศกาลฉงหยาง
ตรุษจีนเปนเทศกาลที่สําคัญที่สุดของประเทศจีน
ในอดีตชาวจีนยังใชปฏิทินจันทรคติ และวันนี้ถือเปน
วันปใหม เนื่องจากตรงกับวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งซึ่งเปน
วั น แรกของป แต ห ลั ง จากการปฏิ วั ติ เ มื่ อ ป ๑๙๑๑
ประเทศจีน ไดเ ปลี่ย นมาใชป ฏิ ทิน สุ ริย คติ และเพื่ อ
ปองกันความสับ สนกั บวั นปใ หม สากล จึ งเรียกวัน ป
ใหมต ามปฏิทินจันทรคติวาเทศกาลฤดูใบไมผ ลิ (วัน
ตรุ ษ จี น ) ซึ่ ง โดยทั่ ว ไปจะอยู ร ะหว า งปลายเดื อ น
มกราคมถึ ง กลางเดื อ นกุ ม ภาพั น ธ ในคื น ก อ นวั น
ตรุษจีนเปนชวงเวลาสําคัญที่สมาชิกในครอบครัวจะมา
อยู พ รอ มหน า กัน ทานอาหารมื้ อใหญร ว มกั น แล ว
พูด คุ ย กั น อย า งออกรสหรื อ นั่ ง ชมรายการงานเลี้ ย ง
ฉลองตรุ ษจี น ทางสถานี โ ทรทั ศ น แ ห งชาติ (CCTV)
หลายครอบครัวนั่งคุยกันทั้งคืนเพื่อ “สงทายปเ กา ”
ภาพที่ ๗ การจัดแสดงโคมไฟ
ในเทศกาลโคมไฟ
พอเชาวันรุงขึ้นผูค นตางพากันอวยพรใหบรรดาญาติ
มิตรโชคดีในปใหม ในชวงตรุษจีนนี้จะมีการละเลนตางๆ เพื่อเฉลิมฉลองกันในหลายพื้นที่ ที่โดดเด น
ไดแกการเชิดสิงโต การเชิดมังกร การแขงพายเรือบก การเดินไมตอขา และการแสดงดอกไมเปนตน
เทศกาลโคมไฟตรงกั บวั นขึ้ นสิ บห าค่ําเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเปนคืนวั นเพ็ญคืนแรก
หลังจากวั นตรุ ษจี น และเป นสั ญลั กษณแสดงการสิ้นสุดของการเฉลิมฉลองเทศกาลดังกลาวดวย ตาม
ธรรมเนียมแลวในเทศกาลนี้ผูคนจะรับประทานบัวลอยและชมการแสดงโคมไฟ บัวลอยหรือหยวนเสี้ยว มี
ลักษณะเปนลูกกลมๆ ทําจากแปงขาวเหนียวใสไสน้ําตาล ถือเปนสัญลักษณของการกลับมาอยูพรอมหนา
กัน ในยามค่ํ าตามเมื องตางๆ จะจั ดการแสดงโคมไฟหลากหลายรูปแบบสีสันขึ้น อันเปนที่มาของชื่อ

๙
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

เทศกาลนี้ โดยจัดสืบเนื่องกันมานับตั้งแตศตวรรษที่หนึ่งและยังไดรับความนิยมในหลายเมืองจวบจน
ปจจุบัน ขณะที่ในเขตชนบทชาวบานจะจัดงานเลี้ยงและมีการละเลนในยามค่ํา
เทศกาลชิงหมิงตรงกับวัน ที่ ๕ เมษายนของทุกป ตามธรรมเนียมแลวในวันนี้ชาวจีนจะทําพิธีไหว
บรรพบุรุษ ทั้งยังเดินทางไปเคารพสุสานวีรชนนักปฏิวัติ และถือเปนโอกาสอันดีในการเดินทางไปยังเขต
ชนบทเพื่อตั้งคาย เดินปา เลนวาว และชื่นชมความงามของฤดูใบไมผลิ อันเปนเหตุผลใหเทศกาลชิงหมิง
มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งวา “วันชมธรรมชาติ”

๑๐

ภาพที่ ๘ ภาพเขียนสมัยชิงซึ่งจําลองภาพเขียนตนฉบับสมัยซง แสดงการเฉลิมฉลองเทศกาลชิงหมิง

เทศกาลแขงเรือมังกรตรงกับวันขึ้นหาค่ําเดือนหาตามปฏิทินจันทรคติ โดยเชื่อกันวาจัดขึ้นเพื่อรําลึก
ถึงชฺ วีหยวน กวีผูรัก ชาติแ ละรัฐ บุรุษผูยิ่งใหญของรัฐ ฉูในยุคจานกั๋ว (๔๗๕-๒๒๑ ปกอนคริสตศักราช)
ชฺวีหยวนผูนี้เปนผูปฏิรูประบบการเมืองการปกครองและลงโทษพวกฉอราษฎรบังหลวง แตกลับถูกพวก
ขุนนางกังฉินใสราย จนถูกกษัตริยรัฐฉูเนรเทศ เขาฆาตัวตายดวยการโจนลงแมน้ําหมี่หลัวซึ่งปจจุบันอยู
ในเขตมณฑลหูหนานในวันที่หาเดือนหาหลังจากรัฐฉูตกเปนของรัฐฉินในป ๒๗๘ กอนคริสตกาล หลัง
จากชฺวี่หยวนตาย ชาวบานที่อาศัยอยูริมน้ําตางพากันพายเรือออกคนหาศพ พรอมกับโยนบะจาง (ขนม
รูปปรามิดทําจากแปงขาวเหนียวหอดวยใบไผ) ลงในน้ําใหปลาใหกุงกินเพื่อปองกันไมใหปลาใหกุงกินศพ
ชาวจีนจึงนิยมจัดการแขงเรือมังกรและรับประทานบะจางในเทศกาลนี้จวบจนปจจุบัน
เทศกาลไหวพระจันทรตรงกับวันขึ้นสิบหาค่ําเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเปนวันกลางฤดูใบไม
รวง (อันเปนที่มาของชื่อเทศกาลในภาษาจีน) โดยทองฟาในวันนี้จะปลอดโปรง อากาศสดชื่น และเดือน
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

เพ็ญก็สองสวางสุกใสเปนพิเศษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะนั่งรับประทานขนมไหวพระจันทรและนั่งชม
พระจันทรรวมกัน พระจันทรดวงกลมและขนมไหวพระจันทรชิ้นกลมเปนสัญลักษณแทนการกลับมาอยู
พรอมหนาของคนในครอบครัว ในคืนนี้ผูค นยังคงทองบทกลอนของกวีเอกสมัยราชวงศถังนามหลี่ไป
มาถึงทุกวันนี้
แสงเดือนสองขางมัญจาอยูพราวพราง
ดั่งน้ําคางระยาบวับจับใจขา
เบิกดวงเนตรผินพักตรเห็นเพ็ญจันทรา
พลันกมหนาหวนคะนึงถึงเรือนนอน
เทศกาลฉงหยางตรงกับวันขึ้นเกาค่ําเดือนเกาตามปฏิทินจันทรคติ (อันที่ที่มาของชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง
วา ฉงจิ่ว-เกาคู) เลขเกาตามคติความเชื่อของชาวจีนนั้นเปนเลขมงคล ดังนั้นวันที่เกาเดือนเกาจึงเปนวัน
มหามงคล โดยในวั น นี้ชาวจีน มัก จะไปปนเขา ดื่มเหลา และชมดอกเบญจมาศ ตั้ งแต ปลายทศวรรษ
๑๙๘๐ เปนตนมาเทศกาลนี้ถือเปนเทศกาลสําหรับผูสูงอายุ มีการจัดกิจกรรมเพื่อผูสูงอายุทั่วประเทศ
ตลอดพั ฒ นาการทาง
ประวัติศาสตร ชาวจีนแตละ
กลุ ม ชาติ พั นธุ ไ ด พั ฒน า
ป ร ะ เ พ ณี ม า ก ม า ย อั น
สะท อ นอั ต ลั ก ษณ ข องตน
ผ า น อ า ห า ร ก า ร กิ น
เครื่องนุงหม และที่พักอาศัย
ซึ่ ง ล ว นแต แ ตกต า งกั น ไป
ตามสภาพแวดล อม สั งคม
และระดั บ การพั ฒ นาทาง
เศรษฐกิจ โดยทั่วไปชาวฮั่ น
ที่อยูทางใตนิยมรับประทาน
ภาพที่ ๙ ภาพเขียนสมัยราชวงศซงซึ่งเขียนซ้ําภาพสมัยราชวงศถัง
ข า ว ขณะที่ ผู ค นทางเหนื อ
แสดงการจัดเลี้ยงกลางแจงของชาวจีนในอดีต
นิ ย มอาหารที่ ทํ า จากแป ง
สาลี แตตางก็ชอบรับประทานผัก ถั่ว หมู ไก ไข และผลไมทั้งสิ้น และแตละกลุมชาติพันธุก็มีวิธีประกอบ
อาหารแตกตางกันไป ชาวมองโกลนั้นนิยมรับประทานเนื้อวัวและเนื้อแกะ พรอมทั้งดื่มชาใสนม สวนชาว
ทิเบตรับประทานจันปา (แปงขาวบารเลยชิงเคอยาง) ชาใสเนยหรือเหลาที่ทําจากขาวบารเลยชิงเคอเปน
พื้น ชาวอุยกูร คาซัก และอุซเบกชอบเนื้อแกะยาง แปงทอดแผนแข็ง และกับขาวที่ทําจากเนื้อแกะ แค
รอท ลูกเกด ฯลฯ โดยใชมือเปบ ชาวเกาหลีชอบหมานโถวแปงขาวเหนียว กวยเตี๋ยวเย็น และกิมจิ ขณะที่
ชาวหลี จิง ไต ปูหลาง และฮาหนีชอบเคี้ยวหมาก

๑๑
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

แตเดิมเครื่องแตงกายตามปรกติของหญิงชาว
แมนจูคือชุดฉีเผา (กี่เพา) ชาวมองโกลสวมชุดแบบ
ดั้งเดิมพรอมรองเทาบูตสําหรับขี่มา ชาวธิเบตชอบ
สวมชุดแบบทิเบต พรอมผาผูกเอวและรองเทาบูต
ชาวอุยกูรสวมหมวกทรงเพชรปกลาย ชาวเกาหลี
นิยมสวมรองเทาทรงเรือ สตรีชาวหยี เหมียว และ
เหยา นิย มสวมกระโปรงจี บ และประดับตกแต ง
ภาพที่ ๑๐ ครอบครัวชาวคีรกิซ

ภาพที่ ๑๑ สตรีเผาเหมียวเขายาว
ซึ่งเปนสาขายอยของกลุมชาติพันธุเหมียว
ในอําเภอจือจิน มณฑลกุยโจว

ดวยเครื่องเงินและทอง
ตามธรรมเนี ย มโบราณของชาวฮั่ น บ า น
จะตองมีทรงสี่เหลี่ยม สวนคนเลี้ยงสัตวเรรอนใน
มองโกเลียใน ชิงไห และกานซูโดยมากจะอาศัย
อยูในกระโจม ชาวไต จวง และปู ยีทางใตของจีน
จะอาศัยอยูในบานหลายชั้นยกพื้นสูง ขณะที่ ใน
เขตที่มีประชากรหนาแนนในปจจุบัน ผูค นสวน
ใหญจะอาศัยอยูในอพารทเมนท
ประเทศจีน เปนประเทศที่มีความหลากหลาย
ทางศาสนา มี ผู นั บ ถื อ ลั ท ธิ ค วามเชื่ อ ต า งๆ
มากกว า ๑๐๐ ลา นคน ศาสนาหลัก ไดแ กพุท ธ
อิส ลาม คริส ต คาธอลิ ก และเตา อั น เป นลั ท ธิ
ความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน ขณะที่ชาวหุย อุยกูร
คาซัก และกลุมชาติพันธุอื่นๆ ในแถบเดียวกันนับ
ถือศาสนาอิสลาม ชาวทิเ บตและมองโกลนับถือ
ศาสนาพุทธนิกายทิเบต ชาวไตและปูหลางนับถือ
ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท กระนั้นก็มีชาวเหมียว
เหยา และหยีบางส วนที่นับถือศาสนาคริสตหรือ
คาธอลิก ชาวฮั่นบางสวนปฏิบัติต ามคําสอนของ
ศาสนาพุท ธ คริสต คาธอลิ ก หรือเตา โดยที่ชาว
ฮั่นสวนใหญไมนับถือลัทธิความเชื่อใดๆ

๑๒
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๔ เขตการปกครองและปญหาไตหวัน
ในปจจุบัน ประเทศจีนแบงเขตการปกครองออกเปนสามระดับ กลาวคือประเทศแบงออกเปนมณฑล
(province) อําเภอ (county) และตําบล เขตการปกครองระดับมณฑลไดแก มณฑล เขตปกครองตนเอง
(autonomous region) และมหานคร (municipality) ซึ่งขึ้นตรงตอรัฐบาลกลาง แตละมณฑล (หรือเขต
ปกครองตนเอง) แบงออกเปนจังหวัดปกครองตนเอง (autonomous prefecture) อําเภอ (หรืออําเภอ
ปกครองตนเอง- autonomous county) และเมือง แตละอําเภอแบงออกเปนตําบล (township) และเทศ
ตําบล (town)

๑๓

ภาพที่ ๑๒ แผนที่รัฐศาสตรแสดงเขตการปกครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ประเทศจีนมีมณฑล ๒๓ มณฑล เขตปกครองตอนเอง ๕ เขต มหานคร ๔ แหงซึ่งขึ้นตรงตอรัฐบาล
กลาง และเขตปกครองพิเศษ ๒ เขต
ไตหวันถือเปนสวนหนึ่งที่ไมอาจแยกจากเขตแดนของประเทศจีนไดนับแตครั้งบรรพกาล ดังจะได
อธิบายตอไปนี้
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ไตหวันตั้งอยูทางทิศตะวันออกเฉียงใตของจีนแผนดินใหญตรงขามกับมณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) กั้น
กลางดวยชองแคบไตหวัน ตัวเกาะมีขนาดพื้นที่ ๓๖,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ในสมัยโบราณเรียกวาอี๋โจว
หรือหลิวฉิว พัฒนาการในยุคแรกเริ่มไดรับการบันทึกลงในตําราและเอกสารประวัติศาสตรจํานวนมาก
บรรดาราชสํานักจีนในยุคตางๆ ลวนจัดตั้งหนวยการปกครองขึ้นบนเกาะไตหวัน วัฒนธรรมประเพณีจีน
เองก็ไดเ ผยแพร สูไต หวั นอย างไมข าดสายแม ในช วง ๕๐ ปที่ถูก ญี่ปุนยึดครองก็ต าม หลังจากจีนชนะ
สงครามตอตานญี่ปุนในป ๑๙๔๕ รัฐบาลจีนไดสถาปนาหนวยการปกครองขึ้นในมณฑลไตหวันอีกครั้ง
กอ นวั นสถาปนาสาธารณรั ฐ ประชาชนจีน ในป ๑๙๔๙ รั ฐ บาลกั๋ว หมิ นตั่ ง (ก ก มิ นตั๋ ง) ไดลี้ ภัย จาก
แผนดินใหญไปอยูไตหวัน จากนั้นในป ๑๙๕๐ เกิดสงครามเกาหลีขึ้น สหรัฐอเมริกาไดสงกองเรือที่เจ็ด
เขารุกรานเกาะไตหวันและชองแคบไตหวัน ลุป ๑๙๕๔ รัฐบาลสหรัฐอเมริกากับรัฐบาลไตหวันไดรวมลง
นามใน “สนธิสัญญาปองกันรวม” อันเปนโมฆะ ซึ่งนําไปสูการแยกไตหวันออกจากจีนแผนดินใหญ
ใ น เ ดื อ น กุ ม ภ า พั น ธ ๑ ๙ ๗ ๒
ปร ะ ธ า น า ธิ บ ดี ริ ช า ร ด นิ ก สั น แ ห ง
สหรัฐอเมริกาเดินทางเยือนประเทศจีน และ
ทั้งสองฝายไดรวมลงนามใน “แถลงการณ
ซ า งไห ” จากนั้ น ในวั น ที่ ๑ มกราคม
๑ ๙ ๗ ๙ ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า ไ ด ส ถ า ป น า
ความสัมพันธทางการทูตอยางเปนทางการ
กั บ ประเทศจี น โดยรั บ รู ว า สาธารณรั ฐ
ประชาชนจีนเปนรัฐบาลโดยชอบธรรมของ
ประเทศจีนเพียงผูเ ดียวและไตหวันถือเป น
ภาพที่ ๑๓ ประธานาธิบดีริชารด นิกสัน
สวนหนึ่งของประเทศจีน ขณะเดียวกันนั้ น
เขาพบประธานเหมาเจอตง ในป ๑๙๗๒
สห รั ฐ อเ ม ริ ก ายั งไ ด ปร ะ ก าศ ยก เ ลิ ก
“ความสัมพันธทางการทูต” กับรัฐบาลไตหวัน สงผลใหสนธิสัญญาปองกันรวมสิ้นสุดลงและดําเนินการ
ถอนกําลั งพลออกจากไต หวั น ภายใต เ งื่อนไขทางประวัติศาสตรดังกลาวนี้แ ละเพื่อผลประโยชนแ ละ
อนาคตของชาติ รัฐบาลจีนจึงไดมุงหนาดําเนินนโยบาย “รวมชาติดวยสันติวิธี มีหนึ่งประเทศสองระบบ”
ทั้ ง นี้ โ ดยเคารพประวั ติ ศ าสตร แ ละสภาพที่ เ ป น จริ ง ค น หาความจริ ง จากข อ เท็ จ จริ ง และคํ า นึ ง ถึ ง
ผลประโยชนของทุกฝายที่เกี่ยวของ
เนื้อหาโดยสังเขปของนโยบายดังกลาวมีดังนี้
จีนเดียว ในโลกนี้มีประเทศจีนเพียงประเทศเดียว และไตหวันถือเปนสวนหนึ่งของประเทศจีนอยาง
มิอาจแยกกันได รัฐบาลกลางตั้งอยู ณ มหานครเปยจิง
การเมืองสองระบอบพรอมกัน ดวยแนวทางจีนเดียวนี้ จีนแผนดินใชจะปกครองในระบอบสังคม
นิยม และไตหวันจะใชระบอบทุนนิยมไปพรอมกันเพื่อการพัฒนารวมกัน

๑๔
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

อิสรภาพขั้นสูง ภายหลังการรวมชาติ ไตหวันจะกลายเปนเขตปกครองพิเศษ ทําใหมีอิสรภาพใน
การปกครองตนเองสูง
การเจรจาโดยสันติ การรวมชาติจะดําเนินไปดวยสันติวิธีผานการเจรจาและสัญญาตางๆ การใช
กําลังทหารไมไดมีไวเพื่อดําเนินการกับเพื่อนรวมชาติในไตหวัน หากแตมีไวตอตานการกระทําใดๆ ที่
ขัดขวางการรวมชาติโดยกําลังตางชาติ ซึ่งจะนําไปสูการแยกไตหวันเปนอิสระ
ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๑๙๙๗ และ ๒๐ ธันวาคม ๑๙๙๙ รัฐบาลจีนไดอํานาจอธิปไตยเหนือฮองกง
และมาเกากลับคืนมาตามลําดับ ซึ่งสําหรับประชาชนจีนทั้งมวลแลว การยุติปญหาไตหวันและการรวม
ชาติจีนไดกลายเปนพันธกิจสําคัญยิ่งในทางประวัติศาสตรอยางที่ไมเคยปรากฏมากอน

เขตการปกครองของประเทศจีน
ชื่อ
มหานครเปยจิง (ปกกิ่ง-เมืองหลวง)
มหานครเทียนจิน (เทียนสิน)
มณฑลเหอเปย
มณฑลซานซี
เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน
มณฑลเหลียวหนิง
มณฑลจี๋หลิน
มณฑลเฮยหลงเจียง
มหานครซางไห (เซี่ยงไฮ)
มณฑลเจียงซู
มณฑลเจอเจียง
มณฑลอันฮุย
มณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน)
มณฑลเจียงซี
มณฑลซานตง
มณฑลเหอหนาน
มณฑลหูเปย
มณฑลหูหนาน
มณฑลกวางตง (กวางตุง)
เขตปกครองตนเองจวงกวางซี

เมืองเอก
เปยจิง
เทียนจิน
สือเจียจวง
ไทหยวน
ฮอฮอท
เสิ่นหยาง
ฉางชุน
ฮารบิน
ซางไห
หนานจิง
หังโจว
เหอเฝย
ฝูโจว
หนานชาง
จี่หนาน
เจิ้งโจว
อูฮั่น
ฉางซา
กวางโจว
หนานหนิง

พื้นที่ (ตร.กม.)
๑๖,๘๐๐
๑๑,๓๐๐
๑๙๐,๐๐๐
๑๕๖,๐๐๐
๑,๑๘๓,๐๐๐
๑๔๕,๗๐๐
๑๘๗,๐๐๐
๔๖๙,๐๐๐
๖,๒๐๐
๑๐๒,๖๐๐
๑๐๑,๘๐๐
๑๓๙,๐๐๐
๑๒๐,๐๐๐
๑๖๖,๖๐๐
๑๕๓,๐๐๐
๑๖๗,๐๐๐
๑๘๗,๔๐๐
๒๑๐,๐๐๐
๑๘๖,๐๐๐
๒๓๖,๓๐๐

จํานวนประชากร
๑๒,๔๐๐,๐๐๐
๙,๕๓๐,๐๐๐
๖๕,๒๕๐,๐๐๐
๓๑,๔๑๐,๐๐๐
๒๓,๒๖๐,๐๐๐
๔๑,๓๘๐,๐๐๐
๒๖,๒๘๐,๐๐๐
๓๗,๕๑๐,๐๐๐
๑๔,๕๗๐,๐๐๐
๗๑,๔๘๐,๐๐๐
๔๔,๓๕๐,๐๐๐
๖๑,๒๗๐,๐๐๐
๓๒,๘๓๐,๐๐๐
๔๑,๕๐๐,๐๐๐
๘๗,๘๕๐,๐๐๐
๙๒,๔๓๐,๐๐๐
๕๘,๗๓๐,๐๐๐
๖๔,๖๕๐,๐๐๐
๗๐,๕๑๐,๐๐๐
๔๖,๓๓๐,๐๐๐

๑๕
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ชื่อ
เมืองเอก
พื้นที่ (ตร.กม.)
จํานวนประชากร
ไหโขว
๓๔,๐๐๐
๗,๔๓๐,๐๐๐
มณฑลไหหนาน (ไหหลํา)
มหานครฉงชิ่ง (จุงกิง)
ฉงชิ่ง
๘๒,๐๐๐
๓๐,๔๒๐,๐๐๐
เฉิงตู
๔๘๘,๐๐๐
๘๔,๓๔๐,๐๐๐
มณฑลซื่อชวน (เสฉวน)
กุยหยาง
๑๗๐,๐๐๐
๓๖,๐๖๐,๐๐๐
มณฑลกุยโจว
มณฑลยฺหวินหนาน (ยูนนาน)
คุนหมิง
๓๙๔,๐๐๐
๔๐,๙๔๐,๐๐๐
เขตปกครองตนเองทิเบต
ลาซา
๑,๒๒๐,๐๐๐
๒,๔๘๐,๐๐๐
ซีอาน
๒๐๕,๐๐๐
๓๕,๗๐๐,๐๐๐
มณฑลสานซี
หลานโจว
๔๕๐,๐๐๐
๒๔,๙๔๐,๐๐๐
มณฑลกานซู
มณฑลชิงไห
ซีหนิง
๗๒๐,๐๐๐
๔,๙๖๐,๐๐๐
หยินชวน
๖๖,๔๐๐
๕,๓๐๐,๐๐๐
เขตปกครองตนเองหุยหนิงเซี่ย
อุรุมชี
๑,๖๐๐,๐๐๐
๑๗,๑๘๐,๐๐๐
เขตปกครองตนเองอุยกูรซินเจียง
เขตปกครองพิเศษฮองกง
ฮองกง
๑,๐๙๒
๖,๕๐๐,๐๐๐
มาเกา
๒๓
๔๕๐,๐๐๐
เขตปกครองพิเศษมาเกา
ไทเป
๓๖,๐๐๐
๒๑,๕๒๐,๐๐๐
มณฑลไตหวัน
(ตามขอมูลสํามะโนประชากรแหงชาติครั้งที่ ๕ ในป ๒๐๐๐)

๑๖
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๕ องคกรปกครองของรัฐ
อํานาจทั้งปวงในสาธารณรัฐประชาชนจีนเปนของประชาชนจีน ซึ่งใชสิทธิตามอํานาจของตนผาน
องคกรที่เรียกวาสภานิติบัญญัติประชาชนแหงชาติและบรรดาสภานิติบัญญัติประชาชนระดับทองถิ่นตางๆ
ดังนั้นจึงถือวาระบบสภาประชาชนดังกลาวนี้เปนพื้นฐานระบอบการเมืองของประเทศจีน

ภาพที่ ๑๔ ธงชาติและตราสัญลักษณสาธารณรัฐประชาชนจีน

จีนเปนประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุและมีพรรคการเมืองหลากหลาย โดยกอนที่รัฐบาล
จะดํ าเนิ น นโยบายใดๆ ที่ อ าจส ง ผลกระทบต อเศรษฐกิ จของชาติ แ ละวิ ถีชี วิ ต ของประชาชน พรรค
คอมมิวนิสตแหงประเทศจีน (Communist Party of China: CPC) ในฐานะเปนผูกุมอํานาจบริหารจะ
เสนอประเด็นดังกลาวเพื่อหารือกับผูแทนกลุมชาติพันธุ พรรคการเมือง กลุมอาชีพ และกลุมผูไมสังกัด
พรรคการเมืองทั้ งหลาย ทั้ งนี้ เพื่อสร างความเขาใจรวมกัน ระบบความร วมมือระหวางพรรคการเมือง
ตางๆ และขอคํ าปรึก ษาทางการเมื องภายใตการนําของพรรคคอมมิวนิสตแหงประเทศจีนนี้เปนฐาน
สําคัญของระบอบการเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระบบความรวมมือระหวางพรรคการเมืองตางๆ และขอคําปรึกษาทางการเมืองนี้สามารถแสดงออก
ไดในสองรูปแบบ รูปแบบแรกคือ การประชุมเพื่อรับขอปรึกษาทางการเมืองแหงประชาชนจีน (Chinese
People’s Political Consultative Conference: CPPCC) และอีกรูปแบบหนึ่งคือการประชุมหารือขอ
ปรึก ษาในหมู พรรคการเมืองและกลุ มไมสังกัดพรรคการเมื องต างๆ ซึ่ งจัดขึ้น โดยคณะกรรมการกลาง
พรรคคอมมิวนิสตแหงประเทศจีน หรือคณะกรรมการทองถิ่นในระดับตางๆ
องคกรปกครองของประเทศจีนประกอบดวย
องคกรอํานาจรัฐ — สภานิติบัญญัติประชาชนแหงชาติ และสภานิติบัญญัติประชาชนระดับทองถิ่น
ประธานาธิบดีเปนประมุขของประเทศ
องคกรบริหารแหงรัฐ — รัฐสภา และรัฐบาลประชาชนทองถิ่น

๑๗
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

องคกรทหารแหงรัฐ — คณะกรรมาธิการการทหารกลาง
องคกรยุติธรรมแหงรัฐ — ศาลฎีกาประชาชน ศาลประชาชนทองถิ่นระดับตางๆ และศาลประชาชน
พิเศษ
องคกรอัยการแหงรัฐ — สํานักงานอัยการประชาชนสูงสุด สํานักงานอัยการประชาชนทองถิ่นระดับ
ตางๆ และสํานักงานอัยการพิเศษ
ทายนี้จะกลาวถึงสภาพปญหาและ
คํามั่นสัญญาของประเทศจีน
จีนเปนประเทศกําลังพัฒนาขนาด
ใหญที่มีประชากรมากวา ๑,๓๐๐ ลาน
ค น โ ด ย พื้ น ฐ า น แ ล ว เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
ระดั บ ชาติ ค อ นข า งอ อ นแอ และการ
พั ฒ นาอุ ต สาหกรรม เกษตรกรรม
วิท ยาศาสตร และเทคโนโลยียังอยูใน
ระดั บ ต่ํ า ระบบเศรษฐกิ จ เก า ยั ง คง
ขัดขวางการเติบโต ของระบบเศรษฐกิจ
ภาพที่ ๑๕ มหาศาลาประชาชน ณ มหานครเปยจิง
แบบตลาดสั งคมนิ ยม ช องวางระหวาง
เปนสถานที่จัดประชุมสภานิติบัญญัติประชาชนแหงชาติ
ภาคตะวัน ออก กั บ ภาคตะวัน ตกของ
ประเทศ และชองวางระหวางคนรวยกับคนจนคอนขางกวาง ทรัพยากรน้ํา ที่ดิน และแรธาตุของจีนโดย
เฉลี่ยตอคนยังถือวานอยมาก ทั้งยังมีมลพิษสิ่งแวดลอมเปนปญหาขั้นวิกฤตอีกประการหนึ่งดวย
แมจะประสบปญหาขางตนก็ตาม ประเทศจีนยังมีคํามั่นสัญญาอันสําคัญยิ่งในการสรางสังคมนิยมอัน
ทันสมั ย การพัฒนาเศรษฐกิจประสบความสําเร็จอยางยั่งยืนนับแตการดําเนินนโยบายปฏิรูปและเป ด
ประเทศในป ๑๙๗๙ ภายใต ก ารนํ า ของเติ้ ง เสี่ ย วผิ ง ในวั น นี้ ป ระเทศจี น เป น ผู นํ า การส ง ออก
ผลิต ภัณ ฑ อุ ต สาหกรรมและเกษตรกรรมรายสํ าคั ญของโลก ประชาชนจีน เองก็ มุง หน าเพื่อ รว มกั น
สรางสรรคสังคมอันผาสุก หลังจากดําเนินยุทธศาสตรกระชากวัยประเทศจีนโดยการสงเสริมวิทยาศาสตร
และการศึ ก ษา พร อมยึ ดหลั ก การพั ฒนาอยา งยั่ง ยืน สง ผลใหจีน กําลั งกา วเข าสูค วามทันสมัย และ
ผลิตภัณฑมวลรวมประชาชาติสูงเทียบเทากับระดับกลางของประเทศที่พัฒนาแลว ซึ่งทายที่สุดประชาชน
จีนจะประสบความอยูดีกินดี แมจีนจะเปนประเทศเกาแกแตในปจจุบันกําลังเปลงรัศมีของความเปนหนุม
สาวอันกระปรี้กระเปรา ซึ่งจะสรางเสริมสันติสุขและความกาวหนาใหมั่นคงสืบ

๑๘
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๖ ประวัติศาสตรสมัยโบราณโดยสังเขป
หลักฐานจากการขุดคนทางโบราณคดีแสดงใหเห็นวามีมนุษยดึกดําบรรพอาศัยอยูเมื่อกวาหนึ่งลานป
มาแลวในบริเวณที่รูจักกันวาเปนประเทศจีนในปจจุบัน โดยจีนนับเปนประเทศที่เกาแกที่สุดประเทศหนึ่ง
ในโลก ซึ่งมีบันทึกทางประวัติศาสตรมานับ ๔,๐๐๐ ป
“นับแตผันกูแยกดินฟา มีสามบูร พกษัต ริยกับหาอธิ ร าชเปน
ใหญ ในบรรพกาล” ผัน กู คือ วี ร บุรุ ษ ในนิ ท านปรัม ปราผู ซึ่ง แยก
สวรรคและโลกออกจากกัน สามบูรพกษัตริยกับหาอธิราชลวนเปน
วีรบุรุษในตํานานเชนกัน โดยเชื่อกันวาสามมหาราชคือ ฝูซี เสินหนง และหวงตี้ ฝูซีนั้นเปนบรรพบุรุษคนแรกของชาวจีน มีหัวเปน
คนมีตัวเปนงู อยูกินกับนองสาวของตนนามวานฺหวี่วา ซึ่งบรรดา
บุตรของทั้งคูก็คือเหลามนุษยนั่นเอง เสินหนงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง
วา เหยียนตี้ เปนเทพกสิกรรมและหัวหนาชนเผาทางใต สวนหวงตี้
หรือจัก รพรรดิเ หลือง เปนหัวหนาชนเผาทางตะวันตกเฉียงเหนื อ
สองเผานี้ร วมมือกันขั บไลชนเผ าของชื่อโหยว แลวตั้ งถิ่นฐานใน
บริเวณภาคกลางพรอมกับผูกสัมพันธกับเชนเผาอื่นๆ จนกอกําเนิด
ประเทศจีนขึ้น ดังนั้นจึงเปนเหตุใหชาวจีนทั่วโลกขนานนามตนเอง
วาเปน “ลูกหลานเหยียนตี้หวงตี้”
สวนอธิราชอีกสามคนไดแก เหยา ซุน และยฺหวี่ ซึ่งอยูหลังยุค
หวงตี้ นิทานเรื่องยฺหวี่บําบัดอุทกภัยนั้นยังเลาขานสืบกันมาจวบจน
ภาพที่ ๑๖ นฺหวี่วากับฝูซี
ทุกวันนี้ โดยตํานานกลาววาในสมัยนั้นแมน้ําหวงเหอจะเออลนไหล
ทวมทุกป ยฺหวี่ตั้งปณิธานจะกําราบแมน้ําสายนี้ใหได จึงเกณฑไพรพลขุดลอกคูคลองเพื่อชักน้ําที่ทวมอยู
นั้นใหไหลลงสูทะเล เขาตองเผชิญอุปสรรคนานัปการและกวาจะควบคุมแมน้ําหวงเหอใหไดนั้นตองใช
เวลานานถึง ๑๓ ปติดกัน วากันวาเขาทุมเทใหงานนี้มากถึงขนาดที่วาแมเมื่อมีโอกาสเดินทางผานหนา
บานตนถึงสามหนแตก็ตัดใจไมยอมแวะเลยสักหนเดียว
ในศตวรรษที่ ๒๑ กอนคริสตกาล บุตรชายของยฺหวี่นามวาฉี่ไดสถาปนาราชวงศเซี่ยขึ้นเปนราชวงศ
แรกในประวัติศาสตรจีน ซึ่งนํามาพรอมจุดเริ่มตนของสังคมทาสในประเทศจีน กระนั้นความรูเกี่ยวกับ
ราชวงศนี้ยังมีนอยมาก
ราชวงศซางเขามาแทนที่ราชวงศเซี่ยในศตวรรษที่ ๑๗ กอนคริสตกาล บรรดาคําจารึกบนกระดอง
เตาดวยอักษรโบราณสมัยราชวงศซางนี้ ถือเปนหลักฐานการเขียนชิ้นแรกของประวัติศาสตรจีน อยางไรก็
ดีคําจารึกเกี่ยวกับพิธีกรรมศัก ดิ์สิทธิ์ดังกลาวนี้เ พิ่งถูกคนพบเมื่อหนึ่งรอยปมานี่เอง โดยเลากันวาในป

๑๙
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

๑๘๙๙ นั ก ภาษาศาสตร ชื่ อ ดั ง ในเป ย จิ ง นามว า
หวั ง อี้ ห รงไม ส บาย เมื่ อ ไปซื้ อ ยาหมอได ใ ห ย าจี น
โบราณที่เรียกกันวา “กระดูกมังกร” มารับประทาน
ซึ่งเขาพบโดยบังเอิญวาบนกระดูกมังกรนั้นมีอักขระ
บางอยางปรากฏอยู หวังอี้หรงไมเพียงแตซื้อยาขนาน
ดังกลาวมาหมดทั้ งรานเท านั้ น หากยั งสงคนไปซื้อ
กระดูก จํานวนมหาศาลที่ หมู บานเสี่ ยวถุน อํา เภอ
อันหยาง มณฑลเหอหนาน อันเปนแหลงขุดพบเลย
ทีเดียว กระดูกมังกรที่เรียกกันนี้ไดรับการพิสูจนใน
ภายหลังวาแทจริงแลวคือกระดองเตาและกระดูกสัตว
สว นอั ก ขระที่ จ ารึ ก อยู นั้ น คื ออั ก ษรจี น โบราณสมั ย
ราชวงศซาง นอกจากนั้นแลวยังพบวาในสมัยราชวงศ
ซางมีเ ครื่องสัมฤทธิ์ ซึ่งฝมือที่ปรากฏนั้นชี้ใหเห็นวา
เทคโนโลยีการหลอมโลหะสัมฤทธิ์ ไดพัฒนาถึงขั้นสูง
ภาพที่ ๑๗ เครื่องสําริดสมัยราชวงศซาง
แลว
กษัตริ ยองคสุดท ายของราชวงศซางคือพระเจาโจว (ซางโจวหวาง) กษัต ริยองคนี้เ ปนทรราชมีนิสัย
โหดราย ทําใหไพรฟาทั้งแผนดินตางลุกขึ้นตอตาน ในศตวรรษที่ ๑๑ กอนคริสตกาล ราชวงศซางก็ถูกลม
ลางโดยราชวงศโจว
ชวง ๒๐๐ ปแรกของราชวงศโจว หรือที่เรียกวายุคโจวตะวันตก ตั้งเมืองหลวงอยูบริเวณเมืองซีอาน
ปจจุบัน ลุป ๗๗๐ ก อนคริ สตกาลจึ งไดยายเมืองหลวงไปที่บริเวณเมืองลั่วหยางปจจุบัน ซึ่งเรียกยุค นี้
วาโจวตะวันออก ตํานานไดกลาวถึงเหตุใหยายเมืองหลวงไปทางตะวันออกไวดังนี้
พระเจาอิว (โจวอิวหวาง) มีสนมคูใจนางหนึ่งนามวาเปาซื่อ ซึ่งเปนผูหญิงยิ้มยาก วันหนึ่งพระเจาอิว
หมายใจจะใหสนมเปาซื่อยิ้ม จึงสั่งใหทหารจุดไฟสัญญาณบนหอคอย เมื่อเจาผูครองนครทั้งหลายเห็ น
เห็นไฟสัญญาณก็เขาใจวาศัตรูยกทัพมาบุก จึงเรงยกพลมาชวยเมืองหลวง สนมเปาซื่อซึ่งยืนอยูบนกําแพง
เมืองเห็นไพรพลและมาศึกมากมายวิ่งกลับไปกลับมาก็ยิ้มดังที่พระเจาอิวคาดไว ทวาเมื่อกองทัพศัตรูบุก
เขามาจริงๆ เจาผูครองนครเห็นไฟสัญญาณแตก็ไมยอมยกทัพเขามาชวย ผลสุดทายกองทัพศัตรูก็จับพระ
เจาอิวสังหารแลวปลนสะดมเมืองหลวงเสียหายยอยยับ ราชบุตรพระเจาอิวจึงจําตองยายเมืองหลวงไปทาง
ตะวันออกอยูที่ลั่วหยาง
ในสมัยราชวงศโจวตะวันออก รัฐประเทศราชทั้งหลายซึ่งปกครองโดยเจาผูครองนครไดสั่งสมอํานาจ
กลาแข็งขึ้นและตางแยงชิงดินแดนกันอยูไมขาด ประวัติศาสตรเรียกยุคนี้วายุคชุนชิว (ยุคใบไมผลิใบไม
รวง) และยุคจานกั๋ว (ยุคสงครามระหวางรัฐ)

๒๐
ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ในยุ คดังกลาวนี้ พัฒนาการทางความคิดของผูค นมี สูงมาก สงผลใหเกิดนักคิด นัก การเมือง และ
นักวางแผนชื่อดังมากมาก ในบรรดาคนเหลานั้นมีขงจื๊อ ผูเปนปราชญและนักการศึกษาที่ยิ่งใหญที่สุด
ของประเทศจีน ขงจื๊อมีศิษยานุศิษยกวา ๓,๐๐๐ คน ซึ่ง ๗๒ คนในจํานวนนั้นเปนบัณฑิตผูมีผลงานโดด
เดน บรรดาสาวกไดบันทึกและเรียบเรียงคําสอนและขอคิดตางๆ ของขงจื๊อและศิษยไวในคัมภีร “หลุน
ยฺหวี่” ซึ่งบรรยายใหเห็นแนวคิดของลัทธิขงจื๊ออยางถวนทั่ว และลัทธิขงจื๊อนี้เองที่ทรงอิทธิพลมหาศาลตอ
ประวัติศาสตรจีนเรื่อยมา

๒๑

ภาพที่ ๑๘ ขงจื๊อสอนศิษย

นอกจากขงจื๊อแลวยังมีสฺวินจื๊อและเมิ่งจื๊อเปนตัวแทนของสํานักคิดขงจื๊อ เลาจื๊อและจวงจื๊อเปนผูนํา
ลัทธิเตา โมจื๊อเปนผูกอตั้งลัทธิโม ขณะที่หานเฟยเปนเจาสํานัก นิติธรรมนิยม สวนพิชัยสงครามซุนจื่ อ
ซึ่งแตงโดยนักยุทธศาสตรอยางซุนอูนั้น ยังคงไดรับการปรับใชในทางการทหารและบริหารตราบเทาทุก
วันนี้ จึงกลาวไดวายุคจานกั๋วนี้เปนยุค “เมธีรอยสํานักประชันเสียง” อยางแทจริง
ยุคจานกั๋วนี้มีรัฐที่เขมแข็งเหลืออยูเพียงเจ็ดรัฐ อันไดแก ฉิน ฉี ฉู เยียน หาน จาว และเวย ลุป ๒๒๑
กอนคริสตกาลภายหลังกําจัดศัตรูทั้งหกรัฐสิ้นแลว อิ๋งเจิ้งกษัตริยรัฐฉินไดรวบแผนดินไวเปนปกแผนและ
สถาปนารัฐรวมอํานาจสูศูนยกลางแหงแรกในประวัติศาสตรจีน นั่นคือ ราชวงศฉิน (๒๒๐-๒๐๖ กอน
คริสตกาล)
ฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮองเต) หรือปฐมจักรพรรดิแหงราชวงศฉิน เปนบุคคลผูหนึ่งในประวัติศาสตรที่ตก
เปนที่โตแยงมากที่สุด กลาวคือ ในรัชสมัยของพระองคไดกําหนดใหใชเงินตรา ตัวอักษร เครื่องชั่งตวงวัด
เปนมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ ยกเลิกระบบแบงที่ดินใหเจาผูครองนครแลวใชระบบแบงเขตการปกครอง
เปนเขตและอําเภอแทน ซึ่งกระตุนใหเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมจีนอยางสูง แตขณะเดียวกัน
พระองคไดรวบอํานาจไวทั้งหมด สั่งใหเผาคัมภีรและฝงบัณฑิตลัทธิขงจื๊อทั้งเปน เพื่อสรางความมั่นคงให
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป
ประเทศจีนโดยสังเขป

More Related Content

What's hot

แบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษาแบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษา
Piyarerk Bunkoson
 
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคนเล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
ปริศนาคำทาย
ปริศนาคำทายปริศนาคำทาย
ปริศนาคำทาย
SAM RANGSAM
 
พุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารพุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารAnchalee BuddhaBucha
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนา
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนา
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนา
Padvee Academy
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้าน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้านแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้าน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้าน
น้ำอ้อย อ้อยอ้อย
 
ศาสนาสากล
ศาสนาสากลศาสนาสากล
ศาสนาสากล
ThanaponSuwan
 
สีและการผสมสี
สีและการผสมสีสีและการผสมสี
สีและการผสมสี
พัน พัน
 
มาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษา
มาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษามาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษา
มาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษาkorakate
 
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์feeonameray
 
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปลรวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปลChavalit Deeudomwongsa
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพyangclang22
 
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดูศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
Padvee Academy
 
ใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียน
ใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียนใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียน
ใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียนสำเร็จ นางสีคุณ
 
การสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubrics
การสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubricsการสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubrics
การสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubrics
Teaching & Learning Support and Development Center
 
ค่าน้ำหนักปฐมวัย
ค่าน้ำหนักปฐมวัยค่าน้ำหนักปฐมวัย
ค่าน้ำหนักปฐมวัยwarijung2012
 
ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1Anawat Supappornchai
 

What's hot (20)

แบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษาแบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษา
 
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคนเล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
 
ปริศนาคำทาย
ปริศนาคำทายปริศนาคำทาย
ปริศนาคำทาย
 
พุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารพุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหาร
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนา
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนา
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนา
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้าน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้านแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้าน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๓นิทานพื้นบ้าน
 
ศาสนาสากล
ศาสนาสากลศาสนาสากล
ศาสนาสากล
 
สีและการผสมสี
สีและการผสมสีสีและการผสมสี
สีและการผสมสี
 
มาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษา
มาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษามาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษา
มาตรฐานตัวชี้วัดสังคมศึกษา
 
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
 
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปลรวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
 
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดูศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
 
ใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียน
ใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียนใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียน
ใบงาน พฤติกรรม สิ่งมีชีวิต นักเรียน
 
พัฒนาการอาณาจักรอยุธยา
พัฒนาการอาณาจักรอยุธยาพัฒนาการอาณาจักรอยุธยา
พัฒนาการอาณาจักรอยุธยา
 
การสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubrics
การสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubricsการสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubrics
การสร้างเครื่องมือและเกณฑ์ประเมิน แบบ Scoring Rubrics
 
ค่าน้ำหนักปฐมวัย
ค่าน้ำหนักปฐมวัยค่าน้ำหนักปฐมวัย
ค่าน้ำหนักปฐมวัย
 
แบบทดสอบทวีปยุโรป
แบบทดสอบทวีปยุโรปแบบทดสอบทวีปยุโรป
แบบทดสอบทวีปยุโรป
 
ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1
ข้อสอบ O net สังคม ป.3 ชุด 1
 
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
แผนยุทธศาตร์การแนะแนว55
 

Viewers also liked

Korean joseki-dictionary
Korean joseki-dictionaryKorean joseki-dictionary
Korean joseki-dictionary
vietgohn
 
Klaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend Vieren
Klaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend VierenKlaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend Vieren
Klaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend Vieren
EredienstCreatief
 
Harmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale media
Harmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale mediaHarmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale media
Harmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale media
EredienstCreatief
 
Martin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienst
Martin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienstMartin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienst
Martin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienst
EredienstCreatief
 
Dale Cooper Firm Footing. A New Song
Dale Cooper Firm Footing. A New SongDale Cooper Firm Footing. A New Song
Dale Cooper Firm Footing. A New Song
EredienstCreatief
 
EVALUATING SOFTWARE QUALITY : A QUANTITATIVE APPROACH
EVALUATING SOFTWAREQUALITY : A QUANTITATIVEAPPROACHEVALUATING SOFTWAREQUALITY : A QUANTITATIVEAPPROACH
EVALUATING SOFTWARE QUALITY : A QUANTITATIVE APPROACH
Priyanka Karancy
 
Creativity in year 12
Creativity in year 12Creativity in year 12
Creativity in year 12
Christopher Demeyer
 
методическое меропиятие
методическое меропиятиеметодическое меропиятие
методическое меропиятиеvoronan
 
Tugas aplikasi komputer
Tugas aplikasi komputerTugas aplikasi komputer
Tugas aplikasi komputer
Sari Widyastuti
 
Hypotheekbond - Handboek AFM online dienstverlening
Hypotheekbond  - Handboek AFM online dienstverlening Hypotheekbond  - Handboek AFM online dienstverlening
Hypotheekbond - Handboek AFM online dienstverlening
Jeroen Oversteegen
 
Meny - Samarkand catering i Stockholm
Meny  -  Samarkand catering i StockholmMeny  -  Samarkand catering i Stockholm
Meny - Samarkand catering i Stockholm
Cateringfirma Samarkand.nu tel:+46 (0) 8 – 684 38 744
 
Incontro sul rapporto_giovani_e_cellulare
Incontro sul rapporto_giovani_e_cellulareIncontro sul rapporto_giovani_e_cellulare
Incontro sul rapporto_giovani_e_cellulareparrocchiamozzanica
 
Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.
Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.
Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.RnD_SM
 
주변의 임베디드3
주변의 임베디드3주변의 임베디드3
주변의 임베디드3bbangg
 
Laboratorio De Mantenimiento De Equipo Biomedico
Laboratorio De Mantenimiento De Equipo BiomedicoLaboratorio De Mantenimiento De Equipo Biomedico
Laboratorio De Mantenimiento De Equipo Biomedico
seaandsun
 
Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...
Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...
Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...
Lyubomir Filipov
 
Avaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidade
Avaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidadeAvaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidade
Avaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidade
VG Comunicação
 
Mi bio
Mi bioMi bio
06 schwartz
06 schwartz06 schwartz
06 schwartz
Bruna Eufrasio
 

Viewers also liked (20)

Korean joseki-dictionary
Korean joseki-dictionaryKorean joseki-dictionary
Korean joseki-dictionary
 
Klaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend Vieren
Klaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend VierenKlaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend Vieren
Klaas- Willem de Jong Verbindend en Verhalend Vieren
 
Harmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale media
Harmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale mediaHarmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale media
Harmke Heuver Liturgie in de tijd van sociale media
 
Martin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienst
Martin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienstMartin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienst
Martin Hoondert Het Seculiere lied in de eredienst
 
Dale Cooper Firm Footing. A New Song
Dale Cooper Firm Footing. A New SongDale Cooper Firm Footing. A New Song
Dale Cooper Firm Footing. A New Song
 
EVALUATING SOFTWARE QUALITY : A QUANTITATIVE APPROACH
EVALUATING SOFTWAREQUALITY : A QUANTITATIVEAPPROACHEVALUATING SOFTWAREQUALITY : A QUANTITATIVEAPPROACH
EVALUATING SOFTWARE QUALITY : A QUANTITATIVE APPROACH
 
Creativity in year 12
Creativity in year 12Creativity in year 12
Creativity in year 12
 
методическое меропиятие
методическое меропиятиеметодическое меропиятие
методическое меропиятие
 
Tugas aplikasi komputer
Tugas aplikasi komputerTugas aplikasi komputer
Tugas aplikasi komputer
 
Hypotheekbond - Handboek AFM online dienstverlening
Hypotheekbond  - Handboek AFM online dienstverlening Hypotheekbond  - Handboek AFM online dienstverlening
Hypotheekbond - Handboek AFM online dienstverlening
 
Meny - Samarkand catering i Stockholm
Meny  -  Samarkand catering i StockholmMeny  -  Samarkand catering i Stockholm
Meny - Samarkand catering i Stockholm
 
Incontro sul rapporto_giovani_e_cellulare
Incontro sul rapporto_giovani_e_cellulareIncontro sul rapporto_giovani_e_cellulare
Incontro sul rapporto_giovani_e_cellulare
 
Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.
Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.
Форум SG 2013. Доклад Кондратьева В.В.
 
Śniadanie Daje Moc
Śniadanie Daje MocŚniadanie Daje Moc
Śniadanie Daje Moc
 
주변의 임베디드3
주변의 임베디드3주변의 임베디드3
주변의 임베디드3
 
Laboratorio De Mantenimiento De Equipo Biomedico
Laboratorio De Mantenimiento De Equipo BiomedicoLaboratorio De Mantenimiento De Equipo Biomedico
Laboratorio De Mantenimiento De Equipo Biomedico
 
Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...
Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...
Antonia Gerdjeva, GIS&Remote Sensing Expert, GAP Consult Ltd. on ESRI Bulgari...
 
Avaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidade
Avaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidadeAvaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidade
Avaliação Sistemática avaliação maturidade sustentabilidade
 
Mi bio
Mi bioMi bio
Mi bio
 
06 schwartz
06 schwartz06 schwartz
06 schwartz
 

Similar to ประเทศจีนโดยสังเขป

ภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลายภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลายKroo Mngschool
 
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
พัน พัน
 
งานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีนงานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีนSRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
บทเรียนสำเร็จรูป สถานที่สำคัญในท้องถิ่น
บทเรียนสำเร็จรูป  สถานที่สำคัญในท้องถิ่นบทเรียนสำเร็จรูป  สถานที่สำคัญในท้องถิ่น
บทเรียนสำเร็จรูป สถานที่สำคัญในท้องถิ่นwatdang
 
04ประวัติชนชาติไทย
04ประวัติชนชาติไทย04ประวัติชนชาติไทย
04ประวัติชนชาติไทยJulPcc CR
 
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่งสุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่งSRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่งสุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่งSRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 

Similar to ประเทศจีนโดยสังเขป (11)

1
11
1
 
ภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลายภูมิศาสตร์มอปลาย
ภูมิศาสตร์มอปลาย
 
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
 
ตุ๊กตาทหารดินเผา ส่ง
ตุ๊กตาทหารดินเผา ส่งตุ๊กตาทหารดินเผา ส่ง
ตุ๊กตาทหารดินเผา ส่ง
 
งานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีนงานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีน
 
อเมริกาเหนือ
อเมริกาเหนืออเมริกาเหนือ
อเมริกาเหนือ
 
อเมริกาเหนือ
อเมริกาเหนืออเมริกาเหนือ
อเมริกาเหนือ
 
บทเรียนสำเร็จรูป สถานที่สำคัญในท้องถิ่น
บทเรียนสำเร็จรูป  สถานที่สำคัญในท้องถิ่นบทเรียนสำเร็จรูป  สถานที่สำคัญในท้องถิ่น
บทเรียนสำเร็จรูป สถานที่สำคัญในท้องถิ่น
 
04ประวัติชนชาติไทย
04ประวัติชนชาติไทย04ประวัติชนชาติไทย
04ประวัติชนชาติไทย
 
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่งสุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่ง
 
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่งสุสานจักรพรรดิฉินที่ 2  ส่ง
สุสานจักรพรรดิฉินที่ 2 ส่ง
 

More from New Nan

ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1
ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1
ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1New Nan
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย
ภูมิศาสตร์ประเทศไทยภูมิศาสตร์ประเทศไทย
ภูมิศาสตร์ประเทศไทยNew Nan
 
Korea+final
Korea+finalKorea+final
Korea+finalNew Nan
 
ขุนนางอยุธยา
ขุนนางอยุธยาขุนนางอยุธยา
ขุนนางอยุธยาNew Nan
 
ญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคต
ญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคตญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคต
ญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคตNew Nan
 
ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่
ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่
ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่New Nan
 
โครงสร้างสังคมญี่ปุ่น
โครงสร้างสังคมญี่ปุ่นโครงสร้างสังคมญี่ปุ่น
โครงสร้างสังคมญี่ปุ่นNew Nan
 
ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน
ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน
ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน New Nan
 
7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์
7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์
7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์New Nan
 
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7New Nan
 
ประเภทเถา
ประเภทเถาประเภทเถา
ประเภทเถาNew Nan
 
ประเภทต้น
ประเภทต้นประเภทต้น
ประเภทต้นNew Nan
 
ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)
ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)
ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)New Nan
 
10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ
10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ 10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ
10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ New Nan
 
คู่มือล้างพิษตับและลำไส้
คู่มือล้างพิษตับและลำไส้ คู่มือล้างพิษตับและลำไส้
คู่มือล้างพิษตับและลำไส้ New Nan
 
20 คำที่ทำไม่ได้ +
20 คำที่ทำไม่ได้ +20 คำที่ทำไม่ได้ +
20 คำที่ทำไม่ได้ +New Nan
 
9 อาหารกินแล้วฉลาด !
9 อาหารกินแล้วฉลาด !9 อาหารกินแล้วฉลาด !
9 อาหารกินแล้วฉลาด !New Nan
 
เปิดพื้นที่จริง
เปิดพื้นที่จริงเปิดพื้นที่จริง
เปิดพื้นที่จริงNew Nan
 
กบฏนักมวย
กบฏนักมวยกบฏนักมวย
กบฏนักมวยNew Nan
 
นครปอมเปอี
นครปอมเปอีนครปอมเปอี
นครปอมเปอีNew Nan
 

More from New Nan (20)

ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1
ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1
ภูมิศาสตร์กายภาพ เล่ม 1
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย
ภูมิศาสตร์ประเทศไทยภูมิศาสตร์ประเทศไทย
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย
 
Korea+final
Korea+finalKorea+final
Korea+final
 
ขุนนางอยุธยา
ขุนนางอยุธยาขุนนางอยุธยา
ขุนนางอยุธยา
 
ญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคต
ญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคตญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคต
ญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤตสู่อนาคต
 
ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่
ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่
ญี่ปุ่น การก่อตัวเป็นชาติใหม่
 
โครงสร้างสังคมญี่ปุ่น
โครงสร้างสังคมญี่ปุ่นโครงสร้างสังคมญี่ปุ่น
โครงสร้างสังคมญี่ปุ่น
 
ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน
ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน
ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน
 
7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์
7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์
7 คำถามที่คุณต้องเจอในการสอบสัมภาษณ์
 
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
200 ทิปลับวินโดวส์ windows 7
 
ประเภทเถา
ประเภทเถาประเภทเถา
ประเภทเถา
 
ประเภทต้น
ประเภทต้นประเภทต้น
ประเภทต้น
 
ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)
ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)
ท่าเด็ด 11 ลีลา (เหมาะสำหรับคู่รักมือใหม่จนถึงคู่รักระดับชิงแชมป์)
 
10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ
10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ 10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ
10 เรื่องบนเตียงที่ผู้ชายทำพลาดประจำ
 
คู่มือล้างพิษตับและลำไส้
คู่มือล้างพิษตับและลำไส้ คู่มือล้างพิษตับและลำไส้
คู่มือล้างพิษตับและลำไส้
 
20 คำที่ทำไม่ได้ +
20 คำที่ทำไม่ได้ +20 คำที่ทำไม่ได้ +
20 คำที่ทำไม่ได้ +
 
9 อาหารกินแล้วฉลาด !
9 อาหารกินแล้วฉลาด !9 อาหารกินแล้วฉลาด !
9 อาหารกินแล้วฉลาด !
 
เปิดพื้นที่จริง
เปิดพื้นที่จริงเปิดพื้นที่จริง
เปิดพื้นที่จริง
 
กบฏนักมวย
กบฏนักมวยกบฏนักมวย
กบฏนักมวย
 
นครปอมเปอี
นครปอมเปอีนครปอมเปอี
นครปอมเปอี
 

ประเทศจีนโดยสังเขป

  • 1.
  • 2. 中国概况 ประเทศจีนโดยสังเขป A Survey of China โ จ ว เ จี้ ย น เ ขี ย น ก ฤ ช ว ร ร ธ น โ ล ห วั ช ริ น ท ร แ ป ล
  • 3. 中国概况 A Survey of China ประเทศจีนโดยสังเขป ผูแตง โจวเจี้ยน (周健) ภาคภาษาอังกฤษ ยฺหวีฮุยเฟน (余惠芬) แปลและเรียบเรียง กฤชวรรธน โลหวัชรินทร (罗致远)  游学在中国 จากหนังสือ A Study Tour in China © 1999 Foreign Language Teaching and Research Press, Beijing. Thai Language Translation © 2009 Grichawat Lowatcharin. พิมพครั้งที่ ๑ พิมพครั้งที่ ๒ พิมพครั้งที่ ๓ พิมพครั้งที่ ๔ ปกและรูปเลม จัดพิมพโดย พิมพที่ มีนาคม ๒๕๕๒ มิถุนายน ๒๕๕๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ วิฬัจฉา ปญญาออนโยน สถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน ชั้น ๖ อาคารคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแกน ตําบลในเมือง อําเภอเมือง จังหวัดขอนแกน รหัสไปรษณีย ๔๐๐๐๒ โทรศัพทและโทรสาร ๐-๔๓๒๐-๔๑๔๒ เว็บไซต confucius.kku.ac.th อีเมล confucius@kku.ac.th ขอนแกน ประเทศไทย การถอดเสียงวิสามานยนาม (ชื่อบุคคล เหตุการณ สถานที่ ฯลฯ) สวนใหญในการแปลครั้งนี้ อิงตามหลักเกณฑการทับศัพทภาษาจีน ของราชบัณฑิตยสถาน โดยไดระบุวิสามานยนามที่ใชตามความนิยม หรือที่มีคําศัพทภาษาไทยไวในวงเล็บบางแหงดวย อาทิ ยฺหวินหนาน (ยูนนาน) เหมียว (แมว)
  • 4. 中国概况 A Survey of China ประเทศจีนโดยสังเขป คํานําผูแปลในการพิมพครั้งที่ ๔ หนั ง สื อ ประเทศจี น โดยสั ง เขปที่ อ ยู ใ นมื อ ท า นนี้จ ะแนะนํ า ท า นให รู จั ก ประเทศจี น ทั้ ง ในด า น ประวัติศาสตร ภูมิศาสตร สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองในระยะเวลาอันสั้นเพียงไมถึงหนึ่ง ชั่วโมง แมจะใหขอความรูเกี่ยวกับประเทศจีนแคเศษเสี้ยว แตผูแปลเชื่อเหลือเกินวาการอานหนังสือเลม นี้จะชวยจุดประกายใหผูอานเกิดความสนใจใครรูเรื่องแผนดินมังกรมากขึ้น ในการพิมพครั้งที่ ๔ นี้ ผูแปลไดแกไขขอบกพรองอันเกิดแตการแปลและการพิมพเล็กนอย ซึ่งคง มิอาจทําใหหนังสือเลมนี้ปราศจากมลทินโดยสิ้นเชิง หากปรากฏขอผิดพลาดประการใด ผูแปลขอนอมรับ ไวเองแตโดยดี บทกลอนที่ไดรับการขับขานอยูชานานยอมสรางความพึงใจแกกวีฉันใด หนังสือที่ไดรับการเผยแพร อย างตอเนื่องก็ยอมสรางความพึงใจแกผูเ ขียนฉันนั้น ทายนี้ จึงขอกราบขอบพระคุณ ศาสตราจารย หวงเสี่ยวหมิง (黄小明) แหงสถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน ที่ใหการสนับสนุนผูแปล พรอมทั้ ง จัดพิมพและเผยแพรหนังสือเลมบางนี้มาโดยตลอด กฤชวรรธน โลหวัชรินทร grichawat@kku.ac.th ตุลาคม ๒๕๕๓
  • 5. 中国概况 A Survey of China ประเทศจีนโดยสังเขป คํานําผูแปลในการพิมพครั้งที่ ๑ หนังสือเลมนี้แปลจากภาคภาษาอังกฤษของ 中国概况 (A Survey of China) ซึ่งเปนบทหนึ่งใน หนังสือ 游学在中国 (A Study Tour in China) เพื่อใชประกอบการบรรยายรายวิชาความรูทั่วไป เกี่ยวกับประเทศจีน ในการฝก อบรมครูผูสอนภาษาจีน อันเปนโครงการความรวมมือระหวางสถาบั น ขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน กับสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแกน เขต ๑ ในการถอดเสียงชื่อบุคคล เหตุการณ และสถานที่โดยสวนใหญ ผูแปลไดอิงตามหลักเกณฑการทับ ศัพทภาษาจีนของราชบัณฑิตยสถาน ขณะที่บางชื่อยังคงใชชื่อที่คนไทยคุนชินอยูแลว นอกจากนั้นยังได ศึกษาขอมูลอางอิงจากตําราและเอกสารจํานวนมากประกอบการแปลดวย ขอขอบคุณ ศาสตราจารยหวงเสี่ ยวหมิง (黄小明) ที่ใหโอกาสรวมบรรยายในการฝก อบรมครั้งนี้ ขอขอบคุณ รองศาสตราจารย ดร.หลี่เ จฺวียน (李 娟) ที่ใหคําแนะนําอันเปนประโยชนและตรวจทาน ขอมูลในการแปล และขอขอบคุณ สถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยขอนแกน ที่จัดพิมพและเผยแพรหนังสื อ เลมนี้ อันจะพอมีประโยชนตอผูสนใจศึกษาขอมูลพื้นฐานเกี่ยวกับประเทศจีนอยูบาง หากมีขอบกพรองหรือผิดพลาดประการใดในหนังสือเลมนี้ ผูแปลขอนอมรับผิดแตเพียงผูเดียว กฤชวรรธน โลหวัชรินทร มีนาคม ๒๕๕๒
  • 6. 中国概况 A Survey of China ประเทศจีนโดยสังเขป สารบัญ บทที่ ๑ บทที่ ๒ บทที่ ๓ บทที่ ๔ บทที่ ๕ บทที่ ๖ บทที่ ๗ สภาพภูมิศาสตร • • • • • • • ประชากรและกลุมชาติพันธุ • • • เทศกาลประเพณี • • • • • • • เขตการปกครองและปญหาไตหวัน • องคกรปกครองของรัฐ • • • • • ประวัติศาสตรสมัยโบราณโดยสังเขป ประวัติศาสตรสมัยใหมโดยสังเขป • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • ๑ ๔ ๙ ๑๓ ๑๗ ๑๙ ๒๗
  • 7. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป บทที่ ๑ สภาพภูมิศาสตร ๑ ภาพที่ ๑ แผนที่ภูมิศาสตรประเทศจีน ประเทศจีนมีชื่อเต็ มวาสาธารณรั ฐประชาชนจีน ตั้งอยูทางตะวันออกของทวีปเอเชีย มีขนาดพื้น ที่ ๙.๖ ลานตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญเปนอันดับสามของโลกรองจากรัสเซียและแคนาดา จีนแผนดินใหญทาง ทิศตะวันออกและทิศใตโอบลอมดวยทะเลปอไห ทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต โดยใน อาณาเขตทางทะเลนั้นมีเกาะใหญนอยกระจายอยูเกือบ ๖,๕๐๐ เกาะ เกาะที่มีขนาดใหญที่สุดคือไตหวัน ซึ่งมีข นาดพื้นที่ ๓๖,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร และอันดับสองคือเกาะไหหนาน (ไหหลํา) ซึ่งมีขนาดพื้นที่ ๓๔,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ทั้งไตหวันและไหหนานมีสถานะเปนมณฑลหนึ่งของจีน หากมองจากดานบนจะพบวาสภาพพื้นที่ของจีนลาดเอียงจากตะวันตกสูวันตะวันออกเปนบันไดสี่ขั้น บันไดขั้นสูงสุดคือที่ราบสูงชิงไห-ทิเบต ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ําทะเลโดยเฉลี่ยกวา ๔,๐๐๐ เมตร และไดชื่อวาเปน “หลังคาโลก” บันไดขั้นที่สองประกอบดวยที่ราบสูงมองโกเลียใน ที่ร าบสูงหวงถู (ที่ราบสูงดินเหลือง) ที่ราบสูง ยฺหวิน หนาน-กุยโจว แองทาริ ม แองจุ งการ และแองซื่อชวน ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ําทะเลโดยเฉลี่ย ๑,๐๐๐ ถึง ๒,๐๐๐ เมตร
  • 8. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป ภาพที่ ๒ โคงแรกของแมน้ําฉางเจียง ณ มณฑลยฺหวินหนาน ที่เปลี่ยนทิศทางการไหล ๑๘๐ องศาจากไหลลงใตเปนไหลขึ้นเหนือ บัน ไดขั้ น ที่ ส ามมี ค วามสู ง ราว ๕๐๐ ถึ ง ๑,๐๐๐ เมตรจากระดั บ น้ํ าทะเล ประกอบด ว ยที่ ร าบ ตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ราบจีนเหนือ ที่ราบหุบเขาแมน้ําฉางเจียงตอนกลางและตอนลาง และที่ราบปาก แมน้ําจูเจียง โดยมีเนินเขานอยใหญกั้นเปนแนวระหวางที่ราบตางๆ บันไดขั้นสุดทายคือไหลทวีปซึ่งทอดตัวไปทางตะวันออกลงสูทะเลน้ําตื้นที่มีระดับความลึกเพียง ๒๐๐ เมตร โดยมีแนวตะกอนขนาดมหึมาอยูบริเวณปากแมน้ําสายตางๆ ประเทศจีนมีภูเขาที่มีชื่อเสียงมากมาย ที่สูงที่สุดในโลกและเปนยอดเขาของเทือกเขาหิมาลัยคือยอด เขาโชโมลังมา (เอเวอเรสต) ซึ่งมีความสูง ๘,๘๔๘ เมตรจากระดับน้ําทะเล ตั้งอยูปลายตะวันตกเฉียงใต ของที่ราบสูงชิงไห-ทิเบต แมน้ําสวนใหญในประเทศจีนไหลไป ทิศตะวันออกลงสูมหาสมุทรแปซิฟก แมน้ํา ฉางเจียง (แยงซีเ กีย ง) ซึ่ งมี ค วามยาวกว า ๖,๓๐๐ กิโลเมตร เปนแมน้ําสายใหญที่สุด ใ น ป ร ะ เ ท ศ จี น มี พื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า ก ว า ๑,๘๐๙,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ทั้งยังเป น เสนทางการคมนาคมทางน้ําที่สําคัญที่สุด ของประเทศอี ก ด ว ย ส ว นแม น้ํ า หวงเหอ (ฮวงโฮ-แมน้ําเหลือง) มีความยาว ๕,๔๖๔ กิโ ลเมตร ถื อ เป น แม น้ํ าที่ ย าวเป นอั น ดั บ สองของประเทศ ที่ราบลุมแมน้ําเหลืองถือ เป นอู อารยธรรมจี นมาแต ค รั้ งบรรพกาล และพบโบราณสถานและโบราณวั ต ถุ ภาพที่ ๓ ลักษณะภูมิประเทศ มากมาย บริเวณที่ราบสูงหวงถู ๒
  • 9. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป นอกจากแมน้ําตามธรรมชาติแลว ประเทศจีนยังมี แมน้ําขนาดใหญ ที่ มนุ ษย สร างขึ้ นด วย นั่นคือคลอง ใหญ ซึ่ งไหลจากเป ย จิง (ป ก กิ่ ง) ทางทิศ เหนือ ลงสู หังโจวทางทิศใต มี ความยาวกวา ๑,๘๐๐ กิโลเมตร และเปนเสนทางคมนาคมมานานกวา ๑,๐๐๐ ปแลว ประเทศจีนยังมีทะเลสาบหลายแหง โดยสวนใหญ กระจายอยูทางทิศใต ทะเลสาบน้ําจืดขนาดใหญที่สุด คือทะเลสาบโผหยางในมณฑลเจียงซี สวนทะเลสาบ น้ําเค็มที่ใหญที่สุดคือทะเลสาบชิงไหในมณฑิลชิงไห พื้นที่สวนใหญของประเทศจีนตั้งอยูในเขตอบอุน บางสวนทางทิศใตอยูในเขตรอนและเขตใกลเขตรอน สวนทางทิศเหนืออยูใกลเคียงกับเขตหนาว อุณหภูมิจะ แตกตางกันมากในพื้นที่ตางๆ ของประเทศ โดยทั่วไป แลวประเทศจี น มีภูมิอากาศแบบมรสุ มภาคพื้นทวีป ทําใหสภาพอากาศในสี่ฤดูแตกตางกันมาก กลาวคือ ในฤดูรอนจะรอนและชื้น สวนในฤดูหนาวจะหนาวเย็น ภาพที่ ๔ ลิงขนทองเปนสัตวที่มีถิ่นที่อยูอาศัย ในมณฑลซื่อฉวนของจีนเทานั้น และแหงแลง ประเทศจีนเปนประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายของสายพันธุสัตวปามากที่สุดในโลก โดยมีสัตวบก มีกระดูกสันหลังมากกวา ๒,๐๐๐ สายพันธุ นับเปนรอยละ ๑๐ ของทั้งโลก และมีสัตวปาจํานวนมากที่ไม อาจพบเห็นไดที่อื่นนอกจากในประเทศจีน อาทิ แพนดายักษ ลิงขนทอง กวางปากขาว วัวทาคิน โลมาธง ขาว และตะเขจีน เปนตน ประเทศจีนมีพรรณไมมากกวา ๗,๐๐๐ สายพันธุ โดยเปนไมตนถึง ๒,๘๐๐ สายพันธุ ไมวาจะเปน สนสุยซาน (metasequoia) สนสุยซง (China cypress) สนหยิงซาน (silver fir) สนซานมู (China fir) สนจิงเฉียนซง (golden larch) ฯลฯ ลวนเปนไมตนที่พบในประเทศจีนเทานั้น ดวยความพยายามจะสงวนรั กษาทรัพยากรพืชและสัต วอันเปนเอกลักษณของชาติ และสายพัน ธุ สิ่งมีชีวิต ที่ใกลสูญพันธุนั้น รัฐ บาลจี นไดกอตั้งเขตสงวนธรรมชาติและพันธุสัตวจํานวนมาก โดยในป ๑๙๙๙ มีถึง ๑,๑๔๖ แหง (ไมรวมไตหวัน) ซึ่งเปนพื้นที่รวมกันมากกวา ๘๘.๑๕ ลานเฮคเตอร ๓
  • 10. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป บทที่ ๒ ประชากรและกลุมชาติพันธุ จีนเป นประเทศที่ มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยในต นป ๒๐๐๕ มีจํ านวนประชากรทั่งสิ้นถึ ง ๑,๓๐๐ ลานคน ทั้งนี้ไมนับรวมประชากรในฮองกง มาเกา และไตหวัน ๔ ภาพที่ ๕ แสตมปฉลอง ๕๐ ปแหงการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เปนภาพกลุมชาติพันธุทั้ง ๕๖ กลุมในประเทศจีน
  • 11. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป ความหนาแนนของประชากรโดยเฉลี่ยอยูที่ ๑๓๐ คนตอตารางกิโลเมตร ทวาตัวเลขนี้ไมไดกระจาย ตัวอยางสม่ําเสมอในทุกพื้นที่ กลาวคือในแถบชายฝงตะวันออกนั้นมีความหนาแนนสูงถึง ๔๐๐ คนตอ ตารางกิโลเมตร พื้นที่ตอนกลางราว ๒๐๐ คนตอตารางกิโลเมตร ขณะที่บริเวณที่ราบสูงทุรกันดารทาง ตะวันตกมีความหนาแนนนอยกวา ๑๐ คนตอตารางกิโลเมตร ประชากรจี น จํ านวนร อยละ ๓๐.๔ อาศัยอยูในเขตเมือง รอยละ ๖๙.๖ อยูในเขตชนบท ขณะที่ ประชากรชายมีจํานวนรอยละ ๕๐.๘ และหญิงรอยละ ๔๙.๒ ประชากรที่มีอายุนอยกวา ๑๔ ปมีจํานวน รอยละ ๒๕.๗ อายุ ระหวาง ๑๕ ถึง ๖๔ ร อยละ ๖๗.๖ และอายุตั้งแต ๖๕ ปขึ้นไปรอยละ ๖.๗ ของ จํานวนประชากรทั้งหมด ๕ ภาพที่ ๖ ภาพวาดในประเทศจีนแสดงใหเห็น (จากซายไปขวา) ชาวเออหลุนชุน รัสเซีย และตูหลง นับแต ก ารสถาปนาสาธารณรั ฐ ประชาชนจีน ในป ๑๙๔๙ การเพิ่ มขึ้น อยา งรวดเร็ วของจํา นวน ประชากรเป นอุ ปสรรคต อการพั ฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอยางยิ่ง ในทศวรรษที่ ๑๙๗๐ รัฐบาลจีนจึงไดดําเนินนโยบายวางแผนครอบครัวขึ้น สงเสริมใหแตงงานและมีบุตรชา มีบุตรนอยลงแต แข็งแรงขึ้ น และที่ สําคั ญ ให คู สมรสมี บุต รเพียงคนเดียว กระนั้น นโยบายนี้คอนขางยืดหยุนสําหรั บ ประชาชนในเขตทุรกันดารและชนกลุมนอย นับแตนั้นมาอัตราการเกิดในประเทศจีนก็ลดต่ําลงปตอป โดยลดลงจากรอยละ ๓๔.๑๑ ในป ๑๙๖๙ เปน ๑๒.๘๓ ในสิ้นป ๒๐๐๒ อัตราการเติบโตตามธรรมชาติ
  • 12. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป ลดลงจากรอยละ ๒๖.๐๘ เหลือเพียงรอยละ ๖.๔๕ ดังนั้นประชากรของประเทศนี้จึงประสบความสําเร็จ ขั้นพื้นฐานในการเปลี่ยนผานสูรูปแบบการสืบแทนพันธุที่มีอัตราการเกิดและการเจริญเติบโตนอย ประเทศจี นมี ป ระชากร ๓๔๐ ล านครอบครั ว โดยเฉลี่ย แตล ะครั วเรือ นมีป ระชากร ๓.๖๓ คน ครอบครัวสวนใหญประกอบดวยคูสมรสกับบุตร แตใชวาจะขาดลักษณะของครอบครัวใหญเ นื่องจากมี ประชากรตั้ ง แต ส ามรุ น ขึ้ น ไปอาศั ย อยู ใต ช ายคาเดี ย วกั น ส ว นใหญ แ ล ว สามี กับ ภรรยาจะแบ ง เบา ภาระหนาที่ของกันและกัน ปรึกษาหารือกัน และจัดการงานบานรวมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครั ว ชาวจีนมีธรรมเนียมเคารพผูอาวุโสและเอื้ออาทรผูเยาว แมคูสมรสรุนใหมหลายคูจะไมไดอาศัยอยูกับพอ แมแตก็ยังติดตอกันอยูประจํามิไดขาด สวนเด็กๆ ที่โตแลวก็มีหนาที่ตองคอยชวยเหลือพอแม ชาวจีนนั้น ใหความสําคัญแกสมาชิกในครอบครัวและในหมูญาติเปนอยางยิ่ง จีนยังเปนประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุดวย โดยมีกลุมชาติพันธุถึง ๕๖ กลุมอาศัยอยู รวมกัน โดยชาวฮั่นมีจํานวนมากที่สุดถึงรอยละ ๙๒ ของประชากรทั้งหมด ขณะที่อีก ๕๕ กลุมชาติพันธุมี ประชากรรวมกันเพียงรอยละ ๘ และดวยเหตุที่ประชากรสวนใหญของประเทศเปนชาวฮั่นนี่เอง กลุมชาติ พันธุอื่นๆ จึงไดรับการขนานนามวาชนกลุมนอย ชาวฮั่นนั้นสามารถพบเห็นไดทั่วประเทศ แตสวนใหญ จะอาศัยอยูในแถบลุมแมน้ําหวงเหอ แมน้ําฉางเจียง และแมน้ําจูเจียง และที่ราบตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่ชนกลุ มน อยจะกระจายตั วอยู ต ามพื้นที่ตางๆ โดยมากจะอาศัยอยูท างทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต และบริเวณชายแดนของประเทศ ชาวฮั่นมีภาษาพูดและภาษาเขียนเปนของตัวเอง ภาษาจีนหรือภาษาของชาวฮั่นถือเปนภาษาราชการ ของประเทศ และเปนภาษาทําการภาษาหนึ่งขององคการสหประชาชาติอีกดวย ชนกลุมนอยทุกกลุมมี ภาษาเปนของตัวเอง ยกเวนชาวหุยกับชาวแมนจูเทานั้นที่ใชภาษาจีน และชนกลุมนอย ๒๓ กลุมมีภาษา เขียนเปนของตัวเอง จํานวนประชากรและถิ่นที่อยูของชนกลุมนอยในประเทศจีน กลุมชาติพันธุ มองโกล หุย ทิเบต อุยกูร เหมียว (แมว) จํานวนประชากร ถิ่นที่อยูหลัก ๔,๘๐๒,๔๐๐ มองโกเลียใน, ซินเจียง, เหลียวหนิง, จี๋หลิน, เฮยหลงเจียง, กานซู, เหอเปย, เหอหนาน, ชิงไห ๘,๖๑๒,๐๐๐ หนิงเซี่ย, กานซู, เหอหนาน, เหอเปย, ชิงไห, ซานตง, ยฺหวินหนาน, ซินเจียง, อานหุย, เหลียวหนิง, เฮยหลงเจียง, จี๋หลิน, ซานซี, เปยจิง, เทียนจิน ๔,๕๙๓,๑๐๐ ทิเบต, ชิงไห, ซื่อชวน, กานซู, ยฺหวินหนาน ๗,๒๐๗,๐๐๐ ซินเจียง ๗,๓๘๓,๖๐๐ กุยโจว, หูหนาน, ยฺหวินหนาน, กวางซี, ซื่อชวน, หูเปย ๖
  • 13. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป กลุมชาติพันธุ หยี จวง ปูยี เกาหลี แมนจู ตง เหยา (เยา) ไป ถูเจีย ฮาหนี คาซัก ไต (ไตลื้อ) หลี ลี่ซู หวา (วา) เชอ เกาชาน ลาฮู สุย ตงเซียง หนาซี จิ่งโพ (ขะฉิ่น) คีรกีซ ถู ตาวอเออร มูเหลา เชียง ปูหลาง ซาลา จํานวนประชากร ๖,๕๗๘,๕๐๐ ๑๕,๕๕๕,๘๐๐ ๒,๕๔๘,๓๐๐ ๑,๙๒๓,๔๐๐ ๙,๘๔๖,๘๐๐ ๒,๕๐๘,๖๐๐ ๒,๑๓๗,๐๐๐ ๑,๕๙๘,๐๐๐ ๕,๗๒๕,๐๐๐ ๑,๒๕๔,๘๐๐ ๑,๑๑๐,๘๐๐ ๑,๐๒๕,๔๐๐ ๑,๑๑๒,๕๐๐ ๕๗๔,๐๐๐ ๓๕๒,๐๐๐ ๖๓๔,๗๐๐ ๒,๙๐๐ ๔๑๑,๕๐๐ ๓๔๗,๑๐๐ ๓๗๓,๗๐๐ ๒๗๗,๘๐๐ ๑๑๙,๓๐๐ ๑๔๓,๕๐๐ ๑๙๒,๖๐๐ ๑๒๑,๕๐๐ ๑๖๐,๖๐๐ ๑๙๘,๓๐๐ ๘๒,๔๐๐ ๘๗,๕๐๐ ถิ่นที่อยูหลัก ซื่อชวน, ยฺหวินหนาน, กุยโจว, กวางซี กวางซี, ยฺหวินหนาน, กวางตง, กุยโจว กุยโจว จี๋หลิน, เหลียวหนิง, เฮยหลงเจียง เหลียวหนิง, จี๋หลิน, เฮยหลงเจียง, เหอเปย, เปยจิง, มองโกเลียใน กุยโจว, หูหนาน, กวางซี กวางซี, หูหนาน, ยฺหวินหนาน, กวางตง, กุยโจว ยฺหวินหนาน, กุยโจว หูหนาน, หูเปย ยฺหวินหนาน ซินเจียง, กานซู, ชิงไห ยฺหวินหนาน ยฺหวินหนาน ยฺหวินหนาน, ซื่อชวน ยฺหวินหนาน ฝูเจี้ยน, เจอเจียง, เจียงซี, กวางตง ไตหวัน, ฝูเจี้ยน ยฺหวินหนาน กุยโจว, กวางซี กานซู, ซินเจียง ยฺหวินหนาน, ซื่อชวน ยฺหวินหนาน ซินเจียง, เฮยหลงเจียง ชิงไห, กานซู มองโกเลียใน, เฮยหลงเจียง, ซินเจียง กวางซี ซื่อชวน ยฺหวินหนาน ชิงไห, กานซู ๗
  • 14. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป กลุมชาติพันธุ จํานวนประชากร เหมาหนาน ๗๒,๔๐๐ เกอเหลา ๔๓๘,๒๐๐ ซีปอ ๑๗๒,๙๐๐ อาชัง ๒๗,๗๐๐ ผูหมี่ ๒๙,๗๐๐ ทาจิก ๓๓,๒๐๐ นู ๒๗,๒๐๐ อุซเบค ๑๔,๘๐๐ รัสเซีย ๑๓,๕๐๐ เออเวินเคอ (อีเวนคิ) ๒๖,๔๐๐ เตออาง ๑๕,๕๐๐ เปาอาน (โบนาน) ๑๑,๗๐๐ ยฺวี่กู (ยูเกอร) ๑๒,๓๐๐ จิง ๑๘,๗๐๐ ทารทาร ๕,๑๐๐ ตูหลง (เตอรัง) ๕,๘๐๐ เออหลุนชุน (โอโรเชน) ๗,๐๐๐ เฮอเจอ (เหอเจิน) ๔,๓๐๐ เหมินปา (มอนปา) ๗,๕๐๐ ลั่วปา ๒,๓๐๐ จินั่ว ๑,๘๐๐ ถิ่นที่อยูหลัก กวางซี กุยโจว, กวางซี ซินเจียง, เหลียวหนิง, จี๋หลิน ยฺหวินหนาน ยฺหวินหนาน ซินเจียง ยฺหวินหนาน ซินเจียง ซินเจียง มองโกเลียใน, เฮยหลงเจียง ยฺหวินหนาน กานซู กานซู กวางซี ซินเจียง ยฺหวินหนาน มองโกเลียใน, เฮยหลงเจียง เฮยหลงเจียง ทิเบต ทิเบต ยฺหวินหนาน ๘
  • 15. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป บทที่ ๓ เทศกาลประเพณี วันหยุดราชการของประเทศจีนไดแก วันปใหม (๑ มกราคม-หยุดหนึ่งวัน) วันตรุษจีน (เทศกาลฤดู ใบไมผลิ หรือวันปใหมตามปฏิทินจันทรคติ-หยุดสามวัน) วันสตรีสากล (๘ มีนาคม) วันปลูกตนไม (๑๒ มีนาคม) วันแรงงานสากล (๑ พฤษภาคม-หยุดสามวัน) วันเยาวชนจีน (๔ พฤษภาคม) วันเด็กสากล (๑ มิถุนยาน) วันคลายวันสถาปนากองทัพปลดปลอยประชาชนจีน (๑ สิงหาคม) วันครู (๑๐ กันยายน) และ วันชาติ (๑ ตุลาคม-หยุดสามวัน) เทศกาลสําคัญของชาวจีนไดแก เทศกาลตรุษจีน เทศกาลโคมไฟ เทศกาลชิงหมิง (เชงเมง) เทศกาล แขงเรือมังกร เทศกาลไหวพระจันทร และเทศกาลฉงหยาง ตรุษจีนเปนเทศกาลที่สําคัญที่สุดของประเทศจีน ในอดีตชาวจีนยังใชปฏิทินจันทรคติ และวันนี้ถือเปน วันปใหม เนื่องจากตรงกับวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งซึ่งเปน วั น แรกของป แต ห ลั ง จากการปฏิ วั ติ เ มื่ อ ป ๑๙๑๑ ประเทศจีน ไดเ ปลี่ย นมาใชป ฏิ ทิน สุ ริย คติ และเพื่ อ ปองกันความสับ สนกั บวั นปใ หม สากล จึ งเรียกวัน ป ใหมต ามปฏิทินจันทรคติวาเทศกาลฤดูใบไมผ ลิ (วัน ตรุ ษ จี น ) ซึ่ ง โดยทั่ ว ไปจะอยู ร ะหว า งปลายเดื อ น มกราคมถึ ง กลางเดื อ นกุ ม ภาพั น ธ ในคื น ก อ นวั น ตรุษจีนเปนชวงเวลาสําคัญที่สมาชิกในครอบครัวจะมา อยู พ รอ มหน า กัน ทานอาหารมื้ อใหญร ว มกั น แล ว พูด คุ ย กั น อย า งออกรสหรื อ นั่ ง ชมรายการงานเลี้ ย ง ฉลองตรุ ษจี น ทางสถานี โ ทรทั ศ น แ ห งชาติ (CCTV) หลายครอบครัวนั่งคุยกันทั้งคืนเพื่อ “สงทายปเ กา ” ภาพที่ ๗ การจัดแสดงโคมไฟ ในเทศกาลโคมไฟ พอเชาวันรุงขึ้นผูค นตางพากันอวยพรใหบรรดาญาติ มิตรโชคดีในปใหม ในชวงตรุษจีนนี้จะมีการละเลนตางๆ เพื่อเฉลิมฉลองกันในหลายพื้นที่ ที่โดดเด น ไดแกการเชิดสิงโต การเชิดมังกร การแขงพายเรือบก การเดินไมตอขา และการแสดงดอกไมเปนตน เทศกาลโคมไฟตรงกั บวั นขึ้ นสิ บห าค่ําเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเปนคืนวั นเพ็ญคืนแรก หลังจากวั นตรุ ษจี น และเป นสั ญลั กษณแสดงการสิ้นสุดของการเฉลิมฉลองเทศกาลดังกลาวดวย ตาม ธรรมเนียมแลวในเทศกาลนี้ผูคนจะรับประทานบัวลอยและชมการแสดงโคมไฟ บัวลอยหรือหยวนเสี้ยว มี ลักษณะเปนลูกกลมๆ ทําจากแปงขาวเหนียวใสไสน้ําตาล ถือเปนสัญลักษณของการกลับมาอยูพรอมหนา กัน ในยามค่ํ าตามเมื องตางๆ จะจั ดการแสดงโคมไฟหลากหลายรูปแบบสีสันขึ้น อันเปนที่มาของชื่อ ๙
  • 16. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป เทศกาลนี้ โดยจัดสืบเนื่องกันมานับตั้งแตศตวรรษที่หนึ่งและยังไดรับความนิยมในหลายเมืองจวบจน ปจจุบัน ขณะที่ในเขตชนบทชาวบานจะจัดงานเลี้ยงและมีการละเลนในยามค่ํา เทศกาลชิงหมิงตรงกับวัน ที่ ๕ เมษายนของทุกป ตามธรรมเนียมแลวในวันนี้ชาวจีนจะทําพิธีไหว บรรพบุรุษ ทั้งยังเดินทางไปเคารพสุสานวีรชนนักปฏิวัติ และถือเปนโอกาสอันดีในการเดินทางไปยังเขต ชนบทเพื่อตั้งคาย เดินปา เลนวาว และชื่นชมความงามของฤดูใบไมผลิ อันเปนเหตุผลใหเทศกาลชิงหมิง มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งวา “วันชมธรรมชาติ” ๑๐ ภาพที่ ๘ ภาพเขียนสมัยชิงซึ่งจําลองภาพเขียนตนฉบับสมัยซง แสดงการเฉลิมฉลองเทศกาลชิงหมิง เทศกาลแขงเรือมังกรตรงกับวันขึ้นหาค่ําเดือนหาตามปฏิทินจันทรคติ โดยเชื่อกันวาจัดขึ้นเพื่อรําลึก ถึงชฺ วีหยวน กวีผูรัก ชาติแ ละรัฐ บุรุษผูยิ่งใหญของรัฐ ฉูในยุคจานกั๋ว (๔๗๕-๒๒๑ ปกอนคริสตศักราช) ชฺวีหยวนผูนี้เปนผูปฏิรูประบบการเมืองการปกครองและลงโทษพวกฉอราษฎรบังหลวง แตกลับถูกพวก ขุนนางกังฉินใสราย จนถูกกษัตริยรัฐฉูเนรเทศ เขาฆาตัวตายดวยการโจนลงแมน้ําหมี่หลัวซึ่งปจจุบันอยู ในเขตมณฑลหูหนานในวันที่หาเดือนหาหลังจากรัฐฉูตกเปนของรัฐฉินในป ๒๗๘ กอนคริสตกาล หลัง จากชฺวี่หยวนตาย ชาวบานที่อาศัยอยูริมน้ําตางพากันพายเรือออกคนหาศพ พรอมกับโยนบะจาง (ขนม รูปปรามิดทําจากแปงขาวเหนียวหอดวยใบไผ) ลงในน้ําใหปลาใหกุงกินเพื่อปองกันไมใหปลาใหกุงกินศพ ชาวจีนจึงนิยมจัดการแขงเรือมังกรและรับประทานบะจางในเทศกาลนี้จวบจนปจจุบัน เทศกาลไหวพระจันทรตรงกับวันขึ้นสิบหาค่ําเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเปนวันกลางฤดูใบไม รวง (อันเปนที่มาของชื่อเทศกาลในภาษาจีน) โดยทองฟาในวันนี้จะปลอดโปรง อากาศสดชื่น และเดือน
  • 17. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป เพ็ญก็สองสวางสุกใสเปนพิเศษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะนั่งรับประทานขนมไหวพระจันทรและนั่งชม พระจันทรรวมกัน พระจันทรดวงกลมและขนมไหวพระจันทรชิ้นกลมเปนสัญลักษณแทนการกลับมาอยู พรอมหนาของคนในครอบครัว ในคืนนี้ผูค นยังคงทองบทกลอนของกวีเอกสมัยราชวงศถังนามหลี่ไป มาถึงทุกวันนี้ แสงเดือนสองขางมัญจาอยูพราวพราง ดั่งน้ําคางระยาบวับจับใจขา เบิกดวงเนตรผินพักตรเห็นเพ็ญจันทรา พลันกมหนาหวนคะนึงถึงเรือนนอน เทศกาลฉงหยางตรงกับวันขึ้นเกาค่ําเดือนเกาตามปฏิทินจันทรคติ (อันที่ที่มาของชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง วา ฉงจิ่ว-เกาคู) เลขเกาตามคติความเชื่อของชาวจีนนั้นเปนเลขมงคล ดังนั้นวันที่เกาเดือนเกาจึงเปนวัน มหามงคล โดยในวั น นี้ชาวจีน มัก จะไปปนเขา ดื่มเหลา และชมดอกเบญจมาศ ตั้ งแต ปลายทศวรรษ ๑๙๘๐ เปนตนมาเทศกาลนี้ถือเปนเทศกาลสําหรับผูสูงอายุ มีการจัดกิจกรรมเพื่อผูสูงอายุทั่วประเทศ ตลอดพั ฒ นาการทาง ประวัติศาสตร ชาวจีนแตละ กลุ ม ชาติ พั นธุ ไ ด พั ฒน า ป ร ะ เ พ ณี ม า ก ม า ย อั น สะท อ นอั ต ลั ก ษณ ข องตน ผ า น อ า ห า ร ก า ร กิ น เครื่องนุงหม และที่พักอาศัย ซึ่ ง ล ว นแต แ ตกต า งกั น ไป ตามสภาพแวดล อม สั งคม และระดั บ การพั ฒ นาทาง เศรษฐกิจ โดยทั่วไปชาวฮั่ น ที่อยูทางใตนิยมรับประทาน ภาพที่ ๙ ภาพเขียนสมัยราชวงศซงซึ่งเขียนซ้ําภาพสมัยราชวงศถัง ข า ว ขณะที่ ผู ค นทางเหนื อ แสดงการจัดเลี้ยงกลางแจงของชาวจีนในอดีต นิ ย มอาหารที่ ทํ า จากแป ง สาลี แตตางก็ชอบรับประทานผัก ถั่ว หมู ไก ไข และผลไมทั้งสิ้น และแตละกลุมชาติพันธุก็มีวิธีประกอบ อาหารแตกตางกันไป ชาวมองโกลนั้นนิยมรับประทานเนื้อวัวและเนื้อแกะ พรอมทั้งดื่มชาใสนม สวนชาว ทิเบตรับประทานจันปา (แปงขาวบารเลยชิงเคอยาง) ชาใสเนยหรือเหลาที่ทําจากขาวบารเลยชิงเคอเปน พื้น ชาวอุยกูร คาซัก และอุซเบกชอบเนื้อแกะยาง แปงทอดแผนแข็ง และกับขาวที่ทําจากเนื้อแกะ แค รอท ลูกเกด ฯลฯ โดยใชมือเปบ ชาวเกาหลีชอบหมานโถวแปงขาวเหนียว กวยเตี๋ยวเย็น และกิมจิ ขณะที่ ชาวหลี จิง ไต ปูหลาง และฮาหนีชอบเคี้ยวหมาก ๑๑
  • 18. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป แตเดิมเครื่องแตงกายตามปรกติของหญิงชาว แมนจูคือชุดฉีเผา (กี่เพา) ชาวมองโกลสวมชุดแบบ ดั้งเดิมพรอมรองเทาบูตสําหรับขี่มา ชาวธิเบตชอบ สวมชุดแบบทิเบต พรอมผาผูกเอวและรองเทาบูต ชาวอุยกูรสวมหมวกทรงเพชรปกลาย ชาวเกาหลี นิยมสวมรองเทาทรงเรือ สตรีชาวหยี เหมียว และ เหยา นิย มสวมกระโปรงจี บ และประดับตกแต ง ภาพที่ ๑๐ ครอบครัวชาวคีรกิซ ภาพที่ ๑๑ สตรีเผาเหมียวเขายาว ซึ่งเปนสาขายอยของกลุมชาติพันธุเหมียว ในอําเภอจือจิน มณฑลกุยโจว ดวยเครื่องเงินและทอง ตามธรรมเนี ย มโบราณของชาวฮั่ น บ า น จะตองมีทรงสี่เหลี่ยม สวนคนเลี้ยงสัตวเรรอนใน มองโกเลียใน ชิงไห และกานซูโดยมากจะอาศัย อยูในกระโจม ชาวไต จวง และปู ยีทางใตของจีน จะอาศัยอยูในบานหลายชั้นยกพื้นสูง ขณะที่ ใน เขตที่มีประชากรหนาแนนในปจจุบัน ผูค นสวน ใหญจะอาศัยอยูในอพารทเมนท ประเทศจีน เปนประเทศที่มีความหลากหลาย ทางศาสนา มี ผู นั บ ถื อ ลั ท ธิ ค วามเชื่ อ ต า งๆ มากกว า ๑๐๐ ลา นคน ศาสนาหลัก ไดแ กพุท ธ อิส ลาม คริส ต คาธอลิ ก และเตา อั น เป นลั ท ธิ ความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน ขณะที่ชาวหุย อุยกูร คาซัก และกลุมชาติพันธุอื่นๆ ในแถบเดียวกันนับ ถือศาสนาอิสลาม ชาวทิเ บตและมองโกลนับถือ ศาสนาพุทธนิกายทิเบต ชาวไตและปูหลางนับถือ ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท กระนั้นก็มีชาวเหมียว เหยา และหยีบางส วนที่นับถือศาสนาคริสตหรือ คาธอลิก ชาวฮั่นบางสวนปฏิบัติต ามคําสอนของ ศาสนาพุท ธ คริสต คาธอลิ ก หรือเตา โดยที่ชาว ฮั่นสวนใหญไมนับถือลัทธิความเชื่อใดๆ ๑๒
  • 19. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป บทที่ ๔ เขตการปกครองและปญหาไตหวัน ในปจจุบัน ประเทศจีนแบงเขตการปกครองออกเปนสามระดับ กลาวคือประเทศแบงออกเปนมณฑล (province) อําเภอ (county) และตําบล เขตการปกครองระดับมณฑลไดแก มณฑล เขตปกครองตนเอง (autonomous region) และมหานคร (municipality) ซึ่งขึ้นตรงตอรัฐบาลกลาง แตละมณฑล (หรือเขต ปกครองตนเอง) แบงออกเปนจังหวัดปกครองตนเอง (autonomous prefecture) อําเภอ (หรืออําเภอ ปกครองตนเอง- autonomous county) และเมือง แตละอําเภอแบงออกเปนตําบล (township) และเทศ ตําบล (town) ๑๓ ภาพที่ ๑๒ แผนที่รัฐศาสตรแสดงเขตการปกครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศจีนมีมณฑล ๒๓ มณฑล เขตปกครองตอนเอง ๕ เขต มหานคร ๔ แหงซึ่งขึ้นตรงตอรัฐบาล กลาง และเขตปกครองพิเศษ ๒ เขต ไตหวันถือเปนสวนหนึ่งที่ไมอาจแยกจากเขตแดนของประเทศจีนไดนับแตครั้งบรรพกาล ดังจะได อธิบายตอไปนี้
  • 20. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป ไตหวันตั้งอยูทางทิศตะวันออกเฉียงใตของจีนแผนดินใหญตรงขามกับมณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) กั้น กลางดวยชองแคบไตหวัน ตัวเกาะมีขนาดพื้นที่ ๓๖,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ในสมัยโบราณเรียกวาอี๋โจว หรือหลิวฉิว พัฒนาการในยุคแรกเริ่มไดรับการบันทึกลงในตําราและเอกสารประวัติศาสตรจํานวนมาก บรรดาราชสํานักจีนในยุคตางๆ ลวนจัดตั้งหนวยการปกครองขึ้นบนเกาะไตหวัน วัฒนธรรมประเพณีจีน เองก็ไดเ ผยแพร สูไต หวั นอย างไมข าดสายแม ในช วง ๕๐ ปที่ถูก ญี่ปุนยึดครองก็ต าม หลังจากจีนชนะ สงครามตอตานญี่ปุนในป ๑๙๔๕ รัฐบาลจีนไดสถาปนาหนวยการปกครองขึ้นในมณฑลไตหวันอีกครั้ง กอ นวั นสถาปนาสาธารณรั ฐ ประชาชนจีน ในป ๑๙๔๙ รั ฐ บาลกั๋ว หมิ นตั่ ง (ก ก มิ นตั๋ ง) ไดลี้ ภัย จาก แผนดินใหญไปอยูไตหวัน จากนั้นในป ๑๙๕๐ เกิดสงครามเกาหลีขึ้น สหรัฐอเมริกาไดสงกองเรือที่เจ็ด เขารุกรานเกาะไตหวันและชองแคบไตหวัน ลุป ๑๙๕๔ รัฐบาลสหรัฐอเมริกากับรัฐบาลไตหวันไดรวมลง นามใน “สนธิสัญญาปองกันรวม” อันเปนโมฆะ ซึ่งนําไปสูการแยกไตหวันออกจากจีนแผนดินใหญ ใ น เ ดื อ น กุ ม ภ า พั น ธ ๑ ๙ ๗ ๒ ปร ะ ธ า น า ธิ บ ดี ริ ช า ร ด นิ ก สั น แ ห ง สหรัฐอเมริกาเดินทางเยือนประเทศจีน และ ทั้งสองฝายไดรวมลงนามใน “แถลงการณ ซ า งไห ” จากนั้ น ในวั น ที่ ๑ มกราคม ๑ ๙ ๗ ๙ ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า ไ ด ส ถ า ป น า ความสัมพันธทางการทูตอยางเปนทางการ กั บ ประเทศจี น โดยรั บ รู ว า สาธารณรั ฐ ประชาชนจีนเปนรัฐบาลโดยชอบธรรมของ ประเทศจีนเพียงผูเ ดียวและไตหวันถือเป น ภาพที่ ๑๓ ประธานาธิบดีริชารด นิกสัน สวนหนึ่งของประเทศจีน ขณะเดียวกันนั้ น เขาพบประธานเหมาเจอตง ในป ๑๙๗๒ สห รั ฐ อเ ม ริ ก ายั งไ ด ปร ะ ก าศ ยก เ ลิ ก “ความสัมพันธทางการทูต” กับรัฐบาลไตหวัน สงผลใหสนธิสัญญาปองกันรวมสิ้นสุดลงและดําเนินการ ถอนกําลั งพลออกจากไต หวั น ภายใต เ งื่อนไขทางประวัติศาสตรดังกลาวนี้แ ละเพื่อผลประโยชนแ ละ อนาคตของชาติ รัฐบาลจีนจึงไดมุงหนาดําเนินนโยบาย “รวมชาติดวยสันติวิธี มีหนึ่งประเทศสองระบบ” ทั้ ง นี้ โ ดยเคารพประวั ติ ศ าสตร แ ละสภาพที่ เ ป น จริ ง ค น หาความจริ ง จากข อ เท็ จ จริ ง และคํ า นึ ง ถึ ง ผลประโยชนของทุกฝายที่เกี่ยวของ เนื้อหาโดยสังเขปของนโยบายดังกลาวมีดังนี้ จีนเดียว ในโลกนี้มีประเทศจีนเพียงประเทศเดียว และไตหวันถือเปนสวนหนึ่งของประเทศจีนอยาง มิอาจแยกกันได รัฐบาลกลางตั้งอยู ณ มหานครเปยจิง การเมืองสองระบอบพรอมกัน ดวยแนวทางจีนเดียวนี้ จีนแผนดินใชจะปกครองในระบอบสังคม นิยม และไตหวันจะใชระบอบทุนนิยมไปพรอมกันเพื่อการพัฒนารวมกัน ๑๔
  • 21. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป อิสรภาพขั้นสูง ภายหลังการรวมชาติ ไตหวันจะกลายเปนเขตปกครองพิเศษ ทําใหมีอิสรภาพใน การปกครองตนเองสูง การเจรจาโดยสันติ การรวมชาติจะดําเนินไปดวยสันติวิธีผานการเจรจาและสัญญาตางๆ การใช กําลังทหารไมไดมีไวเพื่อดําเนินการกับเพื่อนรวมชาติในไตหวัน หากแตมีไวตอตานการกระทําใดๆ ที่ ขัดขวางการรวมชาติโดยกําลังตางชาติ ซึ่งจะนําไปสูการแยกไตหวันเปนอิสระ ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๑๙๙๗ และ ๒๐ ธันวาคม ๑๙๙๙ รัฐบาลจีนไดอํานาจอธิปไตยเหนือฮองกง และมาเกากลับคืนมาตามลําดับ ซึ่งสําหรับประชาชนจีนทั้งมวลแลว การยุติปญหาไตหวันและการรวม ชาติจีนไดกลายเปนพันธกิจสําคัญยิ่งในทางประวัติศาสตรอยางที่ไมเคยปรากฏมากอน เขตการปกครองของประเทศจีน ชื่อ มหานครเปยจิง (ปกกิ่ง-เมืองหลวง) มหานครเทียนจิน (เทียนสิน) มณฑลเหอเปย มณฑลซานซี เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มณฑลเหลียวหนิง มณฑลจี๋หลิน มณฑลเฮยหลงเจียง มหานครซางไห (เซี่ยงไฮ) มณฑลเจียงซู มณฑลเจอเจียง มณฑลอันฮุย มณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) มณฑลเจียงซี มณฑลซานตง มณฑลเหอหนาน มณฑลหูเปย มณฑลหูหนาน มณฑลกวางตง (กวางตุง) เขตปกครองตนเองจวงกวางซี เมืองเอก เปยจิง เทียนจิน สือเจียจวง ไทหยวน ฮอฮอท เสิ่นหยาง ฉางชุน ฮารบิน ซางไห หนานจิง หังโจว เหอเฝย ฝูโจว หนานชาง จี่หนาน เจิ้งโจว อูฮั่น ฉางซา กวางโจว หนานหนิง พื้นที่ (ตร.กม.) ๑๖,๘๐๐ ๑๑,๓๐๐ ๑๙๐,๐๐๐ ๑๕๖,๐๐๐ ๑,๑๘๓,๐๐๐ ๑๔๕,๗๐๐ ๑๘๗,๐๐๐ ๔๖๙,๐๐๐ ๖,๒๐๐ ๑๐๒,๖๐๐ ๑๐๑,๘๐๐ ๑๓๙,๐๐๐ ๑๒๐,๐๐๐ ๑๖๖,๖๐๐ ๑๕๓,๐๐๐ ๑๖๗,๐๐๐ ๑๘๗,๔๐๐ ๒๑๐,๐๐๐ ๑๘๖,๐๐๐ ๒๓๖,๓๐๐ จํานวนประชากร ๑๒,๔๐๐,๐๐๐ ๙,๕๓๐,๐๐๐ ๖๕,๒๕๐,๐๐๐ ๓๑,๔๑๐,๐๐๐ ๒๓,๒๖๐,๐๐๐ ๔๑,๓๘๐,๐๐๐ ๒๖,๒๘๐,๐๐๐ ๓๗,๕๑๐,๐๐๐ ๑๔,๕๗๐,๐๐๐ ๗๑,๔๘๐,๐๐๐ ๔๔,๓๕๐,๐๐๐ ๖๑,๒๗๐,๐๐๐ ๓๒,๘๓๐,๐๐๐ ๔๑,๕๐๐,๐๐๐ ๘๗,๘๕๐,๐๐๐ ๙๒,๔๓๐,๐๐๐ ๕๘,๗๓๐,๐๐๐ ๖๔,๖๕๐,๐๐๐ ๗๐,๕๑๐,๐๐๐ ๔๖,๓๓๐,๐๐๐ ๑๕
  • 22. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป ชื่อ เมืองเอก พื้นที่ (ตร.กม.) จํานวนประชากร ไหโขว ๓๔,๐๐๐ ๗,๔๓๐,๐๐๐ มณฑลไหหนาน (ไหหลํา) มหานครฉงชิ่ง (จุงกิง) ฉงชิ่ง ๘๒,๐๐๐ ๓๐,๔๒๐,๐๐๐ เฉิงตู ๔๘๘,๐๐๐ ๘๔,๓๔๐,๐๐๐ มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) กุยหยาง ๑๗๐,๐๐๐ ๓๖,๐๖๐,๐๐๐ มณฑลกุยโจว มณฑลยฺหวินหนาน (ยูนนาน) คุนหมิง ๓๙๔,๐๐๐ ๔๐,๙๔๐,๐๐๐ เขตปกครองตนเองทิเบต ลาซา ๑,๒๒๐,๐๐๐ ๒,๔๘๐,๐๐๐ ซีอาน ๒๐๕,๐๐๐ ๓๕,๗๐๐,๐๐๐ มณฑลสานซี หลานโจว ๔๕๐,๐๐๐ ๒๔,๙๔๐,๐๐๐ มณฑลกานซู มณฑลชิงไห ซีหนิง ๗๒๐,๐๐๐ ๔,๙๖๐,๐๐๐ หยินชวน ๖๖,๔๐๐ ๕,๓๐๐,๐๐๐ เขตปกครองตนเองหุยหนิงเซี่ย อุรุมชี ๑,๖๐๐,๐๐๐ ๑๗,๑๘๐,๐๐๐ เขตปกครองตนเองอุยกูรซินเจียง เขตปกครองพิเศษฮองกง ฮองกง ๑,๐๙๒ ๖,๕๐๐,๐๐๐ มาเกา ๒๓ ๔๕๐,๐๐๐ เขตปกครองพิเศษมาเกา ไทเป ๓๖,๐๐๐ ๒๑,๕๒๐,๐๐๐ มณฑลไตหวัน (ตามขอมูลสํามะโนประชากรแหงชาติครั้งที่ ๕ ในป ๒๐๐๐) ๑๖
  • 23. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป บทที่ ๕ องคกรปกครองของรัฐ อํานาจทั้งปวงในสาธารณรัฐประชาชนจีนเปนของประชาชนจีน ซึ่งใชสิทธิตามอํานาจของตนผาน องคกรที่เรียกวาสภานิติบัญญัติประชาชนแหงชาติและบรรดาสภานิติบัญญัติประชาชนระดับทองถิ่นตางๆ ดังนั้นจึงถือวาระบบสภาประชาชนดังกลาวนี้เปนพื้นฐานระบอบการเมืองของประเทศจีน ภาพที่ ๑๔ ธงชาติและตราสัญลักษณสาธารณรัฐประชาชนจีน จีนเปนประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุและมีพรรคการเมืองหลากหลาย โดยกอนที่รัฐบาล จะดํ าเนิ น นโยบายใดๆ ที่ อ าจส ง ผลกระทบต อเศรษฐกิ จของชาติ แ ละวิ ถีชี วิ ต ของประชาชน พรรค คอมมิวนิสตแหงประเทศจีน (Communist Party of China: CPC) ในฐานะเปนผูกุมอํานาจบริหารจะ เสนอประเด็นดังกลาวเพื่อหารือกับผูแทนกลุมชาติพันธุ พรรคการเมือง กลุมอาชีพ และกลุมผูไมสังกัด พรรคการเมืองทั้ งหลาย ทั้ งนี้ เพื่อสร างความเขาใจรวมกัน ระบบความร วมมือระหวางพรรคการเมือง ตางๆ และขอคํ าปรึก ษาทางการเมื องภายใตการนําของพรรคคอมมิวนิสตแหงประเทศจีนนี้เปนฐาน สําคัญของระบอบการเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบบความรวมมือระหวางพรรคการเมืองตางๆ และขอคําปรึกษาทางการเมืองนี้สามารถแสดงออก ไดในสองรูปแบบ รูปแบบแรกคือ การประชุมเพื่อรับขอปรึกษาทางการเมืองแหงประชาชนจีน (Chinese People’s Political Consultative Conference: CPPCC) และอีกรูปแบบหนึ่งคือการประชุมหารือขอ ปรึก ษาในหมู พรรคการเมืองและกลุ มไมสังกัดพรรคการเมื องต างๆ ซึ่ งจัดขึ้น โดยคณะกรรมการกลาง พรรคคอมมิวนิสตแหงประเทศจีน หรือคณะกรรมการทองถิ่นในระดับตางๆ องคกรปกครองของประเทศจีนประกอบดวย องคกรอํานาจรัฐ — สภานิติบัญญัติประชาชนแหงชาติ และสภานิติบัญญัติประชาชนระดับทองถิ่น ประธานาธิบดีเปนประมุขของประเทศ องคกรบริหารแหงรัฐ — รัฐสภา และรัฐบาลประชาชนทองถิ่น ๑๗
  • 24. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป องคกรทหารแหงรัฐ — คณะกรรมาธิการการทหารกลาง องคกรยุติธรรมแหงรัฐ — ศาลฎีกาประชาชน ศาลประชาชนทองถิ่นระดับตางๆ และศาลประชาชน พิเศษ องคกรอัยการแหงรัฐ — สํานักงานอัยการประชาชนสูงสุด สํานักงานอัยการประชาชนทองถิ่นระดับ ตางๆ และสํานักงานอัยการพิเศษ ทายนี้จะกลาวถึงสภาพปญหาและ คํามั่นสัญญาของประเทศจีน จีนเปนประเทศกําลังพัฒนาขนาด ใหญที่มีประชากรมากวา ๑,๓๐๐ ลาน ค น โ ด ย พื้ น ฐ า น แ ล ว เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ระดั บ ชาติ ค อ นข า งอ อ นแอ และการ พั ฒ นาอุ ต สาหกรรม เกษตรกรรม วิท ยาศาสตร และเทคโนโลยียังอยูใน ระดั บ ต่ํ า ระบบเศรษฐกิ จ เก า ยั ง คง ขัดขวางการเติบโต ของระบบเศรษฐกิจ ภาพที่ ๑๕ มหาศาลาประชาชน ณ มหานครเปยจิง แบบตลาดสั งคมนิ ยม ช องวางระหวาง เปนสถานที่จัดประชุมสภานิติบัญญัติประชาชนแหงชาติ ภาคตะวัน ออก กั บ ภาคตะวัน ตกของ ประเทศ และชองวางระหวางคนรวยกับคนจนคอนขางกวาง ทรัพยากรน้ํา ที่ดิน และแรธาตุของจีนโดย เฉลี่ยตอคนยังถือวานอยมาก ทั้งยังมีมลพิษสิ่งแวดลอมเปนปญหาขั้นวิกฤตอีกประการหนึ่งดวย แมจะประสบปญหาขางตนก็ตาม ประเทศจีนยังมีคํามั่นสัญญาอันสําคัญยิ่งในการสรางสังคมนิยมอัน ทันสมั ย การพัฒนาเศรษฐกิจประสบความสําเร็จอยางยั่งยืนนับแตการดําเนินนโยบายปฏิรูปและเป ด ประเทศในป ๑๙๗๙ ภายใต ก ารนํ า ของเติ้ ง เสี่ ย วผิ ง ในวั น นี้ ป ระเทศจี น เป น ผู นํ า การส ง ออก ผลิต ภัณ ฑ อุ ต สาหกรรมและเกษตรกรรมรายสํ าคั ญของโลก ประชาชนจีน เองก็ มุง หน าเพื่อ รว มกั น สรางสรรคสังคมอันผาสุก หลังจากดําเนินยุทธศาสตรกระชากวัยประเทศจีนโดยการสงเสริมวิทยาศาสตร และการศึ ก ษา พร อมยึ ดหลั ก การพั ฒนาอยา งยั่ง ยืน สง ผลใหจีน กําลั งกา วเข าสูค วามทันสมัย และ ผลิตภัณฑมวลรวมประชาชาติสูงเทียบเทากับระดับกลางของประเทศที่พัฒนาแลว ซึ่งทายที่สุดประชาชน จีนจะประสบความอยูดีกินดี แมจีนจะเปนประเทศเกาแกแตในปจจุบันกําลังเปลงรัศมีของความเปนหนุม สาวอันกระปรี้กระเปรา ซึ่งจะสรางเสริมสันติสุขและความกาวหนาใหมั่นคงสืบ ๑๘
  • 25. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป บทที่ ๖ ประวัติศาสตรสมัยโบราณโดยสังเขป หลักฐานจากการขุดคนทางโบราณคดีแสดงใหเห็นวามีมนุษยดึกดําบรรพอาศัยอยูเมื่อกวาหนึ่งลานป มาแลวในบริเวณที่รูจักกันวาเปนประเทศจีนในปจจุบัน โดยจีนนับเปนประเทศที่เกาแกที่สุดประเทศหนึ่ง ในโลก ซึ่งมีบันทึกทางประวัติศาสตรมานับ ๔,๐๐๐ ป “นับแตผันกูแยกดินฟา มีสามบูร พกษัต ริยกับหาอธิ ร าชเปน ใหญ ในบรรพกาล” ผัน กู คือ วี ร บุรุ ษ ในนิ ท านปรัม ปราผู ซึ่ง แยก สวรรคและโลกออกจากกัน สามบูรพกษัตริยกับหาอธิราชลวนเปน วีรบุรุษในตํานานเชนกัน โดยเชื่อกันวาสามมหาราชคือ ฝูซี เสินหนง และหวงตี้ ฝูซีนั้นเปนบรรพบุรุษคนแรกของชาวจีน มีหัวเปน คนมีตัวเปนงู อยูกินกับนองสาวของตนนามวานฺหวี่วา ซึ่งบรรดา บุตรของทั้งคูก็คือเหลามนุษยนั่นเอง เสินหนงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง วา เหยียนตี้ เปนเทพกสิกรรมและหัวหนาชนเผาทางใต สวนหวงตี้ หรือจัก รพรรดิเ หลือง เปนหัวหนาชนเผาทางตะวันตกเฉียงเหนื อ สองเผานี้ร วมมือกันขั บไลชนเผ าของชื่อโหยว แลวตั้ งถิ่นฐานใน บริเวณภาคกลางพรอมกับผูกสัมพันธกับเชนเผาอื่นๆ จนกอกําเนิด ประเทศจีนขึ้น ดังนั้นจึงเปนเหตุใหชาวจีนทั่วโลกขนานนามตนเอง วาเปน “ลูกหลานเหยียนตี้หวงตี้” สวนอธิราชอีกสามคนไดแก เหยา ซุน และยฺหวี่ ซึ่งอยูหลังยุค หวงตี้ นิทานเรื่องยฺหวี่บําบัดอุทกภัยนั้นยังเลาขานสืบกันมาจวบจน ภาพที่ ๑๖ นฺหวี่วากับฝูซี ทุกวันนี้ โดยตํานานกลาววาในสมัยนั้นแมน้ําหวงเหอจะเออลนไหล ทวมทุกป ยฺหวี่ตั้งปณิธานจะกําราบแมน้ําสายนี้ใหได จึงเกณฑไพรพลขุดลอกคูคลองเพื่อชักน้ําที่ทวมอยู นั้นใหไหลลงสูทะเล เขาตองเผชิญอุปสรรคนานัปการและกวาจะควบคุมแมน้ําหวงเหอใหไดนั้นตองใช เวลานานถึง ๑๓ ปติดกัน วากันวาเขาทุมเทใหงานนี้มากถึงขนาดที่วาแมเมื่อมีโอกาสเดินทางผานหนา บานตนถึงสามหนแตก็ตัดใจไมยอมแวะเลยสักหนเดียว ในศตวรรษที่ ๒๑ กอนคริสตกาล บุตรชายของยฺหวี่นามวาฉี่ไดสถาปนาราชวงศเซี่ยขึ้นเปนราชวงศ แรกในประวัติศาสตรจีน ซึ่งนํามาพรอมจุดเริ่มตนของสังคมทาสในประเทศจีน กระนั้นความรูเกี่ยวกับ ราชวงศนี้ยังมีนอยมาก ราชวงศซางเขามาแทนที่ราชวงศเซี่ยในศตวรรษที่ ๑๗ กอนคริสตกาล บรรดาคําจารึกบนกระดอง เตาดวยอักษรโบราณสมัยราชวงศซางนี้ ถือเปนหลักฐานการเขียนชิ้นแรกของประวัติศาสตรจีน อยางไรก็ ดีคําจารึกเกี่ยวกับพิธีกรรมศัก ดิ์สิทธิ์ดังกลาวนี้เ พิ่งถูกคนพบเมื่อหนึ่งรอยปมานี่เอง โดยเลากันวาในป ๑๙
  • 26. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป ๑๘๙๙ นั ก ภาษาศาสตร ชื่ อ ดั ง ในเป ย จิ ง นามว า หวั ง อี้ ห รงไม ส บาย เมื่ อ ไปซื้ อ ยาหมอได ใ ห ย าจี น โบราณที่เรียกกันวา “กระดูกมังกร” มารับประทาน ซึ่งเขาพบโดยบังเอิญวาบนกระดูกมังกรนั้นมีอักขระ บางอยางปรากฏอยู หวังอี้หรงไมเพียงแตซื้อยาขนาน ดังกลาวมาหมดทั้ งรานเท านั้ น หากยั งสงคนไปซื้อ กระดูก จํานวนมหาศาลที่ หมู บานเสี่ ยวถุน อํา เภอ อันหยาง มณฑลเหอหนาน อันเปนแหลงขุดพบเลย ทีเดียว กระดูกมังกรที่เรียกกันนี้ไดรับการพิสูจนใน ภายหลังวาแทจริงแลวคือกระดองเตาและกระดูกสัตว สว นอั ก ขระที่ จ ารึ ก อยู นั้ น คื ออั ก ษรจี น โบราณสมั ย ราชวงศซาง นอกจากนั้นแลวยังพบวาในสมัยราชวงศ ซางมีเ ครื่องสัมฤทธิ์ ซึ่งฝมือที่ปรากฏนั้นชี้ใหเห็นวา เทคโนโลยีการหลอมโลหะสัมฤทธิ์ ไดพัฒนาถึงขั้นสูง ภาพที่ ๑๗ เครื่องสําริดสมัยราชวงศซาง แลว กษัตริ ยองคสุดท ายของราชวงศซางคือพระเจาโจว (ซางโจวหวาง) กษัต ริยองคนี้เ ปนทรราชมีนิสัย โหดราย ทําใหไพรฟาทั้งแผนดินตางลุกขึ้นตอตาน ในศตวรรษที่ ๑๑ กอนคริสตกาล ราชวงศซางก็ถูกลม ลางโดยราชวงศโจว ชวง ๒๐๐ ปแรกของราชวงศโจว หรือที่เรียกวายุคโจวตะวันตก ตั้งเมืองหลวงอยูบริเวณเมืองซีอาน ปจจุบัน ลุป ๗๗๐ ก อนคริ สตกาลจึ งไดยายเมืองหลวงไปที่บริเวณเมืองลั่วหยางปจจุบัน ซึ่งเรียกยุค นี้ วาโจวตะวันออก ตํานานไดกลาวถึงเหตุใหยายเมืองหลวงไปทางตะวันออกไวดังนี้ พระเจาอิว (โจวอิวหวาง) มีสนมคูใจนางหนึ่งนามวาเปาซื่อ ซึ่งเปนผูหญิงยิ้มยาก วันหนึ่งพระเจาอิว หมายใจจะใหสนมเปาซื่อยิ้ม จึงสั่งใหทหารจุดไฟสัญญาณบนหอคอย เมื่อเจาผูครองนครทั้งหลายเห็ น เห็นไฟสัญญาณก็เขาใจวาศัตรูยกทัพมาบุก จึงเรงยกพลมาชวยเมืองหลวง สนมเปาซื่อซึ่งยืนอยูบนกําแพง เมืองเห็นไพรพลและมาศึกมากมายวิ่งกลับไปกลับมาก็ยิ้มดังที่พระเจาอิวคาดไว ทวาเมื่อกองทัพศัตรูบุก เขามาจริงๆ เจาผูครองนครเห็นไฟสัญญาณแตก็ไมยอมยกทัพเขามาชวย ผลสุดทายกองทัพศัตรูก็จับพระ เจาอิวสังหารแลวปลนสะดมเมืองหลวงเสียหายยอยยับ ราชบุตรพระเจาอิวจึงจําตองยายเมืองหลวงไปทาง ตะวันออกอยูที่ลั่วหยาง ในสมัยราชวงศโจวตะวันออก รัฐประเทศราชทั้งหลายซึ่งปกครองโดยเจาผูครองนครไดสั่งสมอํานาจ กลาแข็งขึ้นและตางแยงชิงดินแดนกันอยูไมขาด ประวัติศาสตรเรียกยุคนี้วายุคชุนชิว (ยุคใบไมผลิใบไม รวง) และยุคจานกั๋ว (ยุคสงครามระหวางรัฐ) ๒๐
  • 27. ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป ในยุ คดังกลาวนี้ พัฒนาการทางความคิดของผูค นมี สูงมาก สงผลใหเกิดนักคิด นัก การเมือง และ นักวางแผนชื่อดังมากมาก ในบรรดาคนเหลานั้นมีขงจื๊อ ผูเปนปราชญและนักการศึกษาที่ยิ่งใหญที่สุด ของประเทศจีน ขงจื๊อมีศิษยานุศิษยกวา ๓,๐๐๐ คน ซึ่ง ๗๒ คนในจํานวนนั้นเปนบัณฑิตผูมีผลงานโดด เดน บรรดาสาวกไดบันทึกและเรียบเรียงคําสอนและขอคิดตางๆ ของขงจื๊อและศิษยไวในคัมภีร “หลุน ยฺหวี่” ซึ่งบรรยายใหเห็นแนวคิดของลัทธิขงจื๊ออยางถวนทั่ว และลัทธิขงจื๊อนี้เองที่ทรงอิทธิพลมหาศาลตอ ประวัติศาสตรจีนเรื่อยมา ๒๑ ภาพที่ ๑๘ ขงจื๊อสอนศิษย นอกจากขงจื๊อแลวยังมีสฺวินจื๊อและเมิ่งจื๊อเปนตัวแทนของสํานักคิดขงจื๊อ เลาจื๊อและจวงจื๊อเปนผูนํา ลัทธิเตา โมจื๊อเปนผูกอตั้งลัทธิโม ขณะที่หานเฟยเปนเจาสํานัก นิติธรรมนิยม สวนพิชัยสงครามซุนจื่ อ ซึ่งแตงโดยนักยุทธศาสตรอยางซุนอูนั้น ยังคงไดรับการปรับใชในทางการทหารและบริหารตราบเทาทุก วันนี้ จึงกลาวไดวายุคจานกั๋วนี้เปนยุค “เมธีรอยสํานักประชันเสียง” อยางแทจริง ยุคจานกั๋วนี้มีรัฐที่เขมแข็งเหลืออยูเพียงเจ็ดรัฐ อันไดแก ฉิน ฉี ฉู เยียน หาน จาว และเวย ลุป ๒๒๑ กอนคริสตกาลภายหลังกําจัดศัตรูทั้งหกรัฐสิ้นแลว อิ๋งเจิ้งกษัตริยรัฐฉินไดรวบแผนดินไวเปนปกแผนและ สถาปนารัฐรวมอํานาจสูศูนยกลางแหงแรกในประวัติศาสตรจีน นั่นคือ ราชวงศฉิน (๒๒๐-๒๐๖ กอน คริสตกาล) ฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮองเต) หรือปฐมจักรพรรดิแหงราชวงศฉิน เปนบุคคลผูหนึ่งในประวัติศาสตรที่ตก เปนที่โตแยงมากที่สุด กลาวคือ ในรัชสมัยของพระองคไดกําหนดใหใชเงินตรา ตัวอักษร เครื่องชั่งตวงวัด เปนมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ ยกเลิกระบบแบงที่ดินใหเจาผูครองนครแลวใชระบบแบงเขตการปกครอง เปนเขตและอําเภอแทน ซึ่งกระตุนใหเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมจีนอยางสูง แตขณะเดียวกัน พระองคไดรวบอํานาจไวทั้งหมด สั่งใหเผาคัมภีรและฝงบัณฑิตลัทธิขงจื๊อทั้งเปน เพื่อสรางความมั่นคงให