สายใยรัก
- 1. สายใยรัก
ฉันเป็นนกเงือก ชนิดหนึ่ง มีชื่อเฉพาะเรียกกันว่า นกกก นกกาฮัง หรือนกกะวะ ฉันจัดว่าเป็นนกเงือกขนาดใหญ่ที่สุดที่
มีอยู่ในเมืองไทย ฉันมีพอแม่อยู่ในป่าดงดิบ ปู่ย่าตายายของฉันก็ล้วนอยู่ในป่าดงดิบใหญ่เพื่อน ๆ นกเงือกของฉัน
่
มากมายล้วนอาศัยอยูในป่านี้เช่นกัน ชีวิตฉันผูกพันกับพ่อแม่ ญาติพี่น้องที่อาศัยอยู่ในป่าดงดิบ ป่าไม้ที่ฉันอาศัยมี
่
ต้นไม้ใหญ่ ๆ ขึ้นเต็มป่า มีภูเขาสลับซับซ้อน บริเวณผืนป่ากว้างใหญ่ไพศาลนับว่าเป็นแหล่งพักอาศัยที่ดีสำาหรับ
ครอบครัวฉันญาติพี่นอง และเพื่อน ๆ
้
ป่าดงดิบจึงเปรียบเสมือนบ้านของฉันและครองครัว รวมทั้งเผ่าพันธุ์ นกอื่น ๆ อีกหลายชนิด ฉันรักป่าดงดิบและหุบเขา
ในเวลาเย็น ๆ พวกเรานับร้อย ๆตัว มารวมพักอาศัยอยู่บนยอดไม้ในหุบเขาตลอดคืน พวกเรารักลำาธาร ที่มีนำ้าไหล
เอือยตลอดฤดูแล้ง รักป่ารกทึบที่ดูเขียวชอุ่มตลอดปี
่
นกเงือกอย่างฉันจัดว่าเป็นนกที่มีหน้าตาแปลกกว่านกชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะปากของฉันมีขนาดใหญ่ไม่ได้สัดส่วนกับ
หัว และยังมีโหนกอยู่เหนือปากด้วย ซึ่งไม่เหมือนกับนกทั่ว ๆ ไป เวลาฉันส่งเสียงร้องจะดังก้องไปทั่วทั้งป่าดงดิบ ทุก
ๆ วันเวลาเช้าตรู่พอกับแม่จะชวนฉันมาหากินลูกไทรในหุบเขากลางป่าลึก แม้ฉันอยากจะนอนพักรอพระอาทิตย์โผล่
่
จากแนวเขาเสียก่อน จึงบินไปหาอาหาร พ่อกับแม่จะไม่ยอมให้ถึงเวลานั้นเป็นอันขาด “ตื่นเถอะลูก สายแล้ว” แม่เรียก
ฉันพร้อมกับบอกด้วยเสียงอันอ่อนโยนว่า “นกตัวอื่น ๆ เขามาพร้อมกันที่ยอดไทรแล้ว” ขณะเก็บลูกไทรเข้าปากพ่อกับ
แม่พรำ่าสอนฉันเสมอว่า อย่ามัวเพลิดเพลินกับการกินอาหารอย่างเดียว ต้องคอยระแวดระวังภัยด้วยอาจมีมนุษย์เข้ามา
ดักจับนกป่าอย่างพวกเรา และที่นี่ยังมีสัตว์อื่น ๆ เช่น พญากระรอก ชะนี ลิง ก็ชอบกินลูกไทร จึงเป็นแหล่งรวมสัตว์
ป่าที่มนุษย์มาดักจับได้ง่าย
การกินลูกไทรของเรานั้นต้องค่อย ๆ บรรจงกินทีละลูก เพราะเราไม่เหมือนกับนกชนิดอื่น ๆ ลิ้นเราสั้นและปากของเรา
ก็ยาว ฉะนั้นจะต้องจิกลูกไทรที่ปลายปากก่อน แล้วก็โยนลูกไทยเข้าคอ พ่อแม่ของฉันบอกและทำาให้ดู
ฉันอยากรูว่าอาหารที่นกเงือกอย่างฉันจะจิกกินได้นั้นมีอะไรบ้าง พ่อกับแม่จะแนะนำาอาหารเหล่านั้นให้ฉันได้รู้จัก ผล
้
- 2. ไม้ ได้แก่ ลูกไทร ลูกตาเสือ ยางโอน ส้มโมง พวกสัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่ กิ้งก่า จิ้งเหลน ตุ๊กแก ไปจนกระทั่งงูเขียว
ที่มีตัวยาวเป็นเมตร พวกนก ได้แก่ นกเค้ากู่ นกตบยุง นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ เป็นอาหารของฉันได้ทั้งนั้น
ครอบครัวฉันหากินได้ทั้งบนต้นไม้สูง ๆ และบนดิน ปู หอย กบ เขียด รวมทั้งแมลง ก็จบกินได้
ั
ชีวิตฉันอยู่กับพ่อแม่อย่างมีความสุขจวบจนปลายฤดูหนาว หลังจากหาอาหารเช้าแล้ว พ่อกับแม่ก็จะโผบินไปตาม
ต้นไม้ใหญ่ เพื่อเสาะแสวงหาโพรงรัง “แม่กำาลังจะมีน้องเพิ่มขึ้นในครอบครัวเรา” พ่อบอกฉันในบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่แม่
เข้าไปสำารวจโพรงไม้ขนาดใหญ่ของต้นไม้ต้นหนึ่ง ฉันดีใจเหลือเกินที่จะมีนอง มีสมาชิกใหม่ในครอบครัวฉันบอกพ่อ
ว่าฉันอยากมีน้องเร็ว ๆ พ่อยิ้มให้เมื่อเห็นฉันแสดงอาการดีใจ แม่สำารวจรังอยู่นาน พ่อบอกฉันว่าโพรงนี้แม่คงชอบ
เพราะเมื่อปีที่แล้ว ฉันก็เกิดและอยู่กับแม่ในโพรงนี้ เป็นอย่างที่พ่อพูดไว้สักครู่แม่ก็ออกมาจากโพรงไม้ และบอกพ่อ
กับฉันว่า แม่พอใจโพรงนี้จะทำาเป็นรัง
หลังจากนั้นแม่ก็เริ่มทำาความสะอาดภายในโพรงไม้ ถ้าปากโพรงนั้นแคบลงแม่ก็เจาะปากโพรงให้กว้างอีกเล็กน้อย
กะเทาะปากโพรงเก่า ๆ ออก เริ่มทำาความสะอาดภายในโพรงโดยกรคาบเอาเศษเมล็ดผลไม้เก่า ๆ ออกโยนทิ้งและ
เริ่มปิดปากโพรงใหม่
“แม่คงพอในโพรงนี้มาก” พ่อบอกยำ้ากับฉันอีกครั้งหนึ่ง
“โพรงนี้อยู่สูงมากเกินกว่าที่สัตว์อื่นจะมารบกวน” พ่อพูดด้วยความมั่นใน พวกหมีขอ หมาไม้ แถบนี้มีไม่มากนัก เวลา
พ่อไปหาอาหารให้แม่จึงไม่ต้องกังวลใจว่าใครจะมารบกวน
พอแม่เริ่มปิดปากโพรงใหม่ พ่อก็ช่วยเหลือแม่โดยบินไปหาเศษเปลือกไม้ เศษไม้ผุๆ มาช่วยแม่ปิดปากโพรง แม่จะ
เอาเศษเปลือกไม้ เศษไม้ ผสมกับมูลและอาหารที่แม่สำารอกออกมา แล้วพอกลงบนปากโพรง โดยใช้จะงอยปากด้าน
ข้างตีให้ติดกัน ฉันเองอยากช่วยพ่อหาเศษไม้เศษเปลือกไม้มาให้แม่เพื่อปิดปากโพรง แต่พอบอกฉันว่าลูกยังเล็กอยู่
คาบกิ่งไม้ เปลือกไม้ คงไม่ไหว รอให้โตก่อน แล้วพ่อจะให้ช่วย พ่อยังบอกฉันด้วยเกรงว่าเมื่อฉันโตแลวจะบินหนีไป
รวมกับฝูงลืมพ่อแม่เหมือนกับพี่ ๆ ที่ผ่านมา
ช่วงระยะเวลาที่พ่อช่วยแม่ปิดปากโพรงนานถึง 5 วัน ฉันเป็นพ่อทำางานเหนื่อยมาก เพราะต้องบินหาเศษไม้ เปลือกไม้
และคาบมาส่งให้แม่ แล้วยังบินไปหาอาหารให้แม่ทุกวัน อาหารของแม่มีทั้งผลไม้ สัตว์ และแมลง
- 3. “พ่อจ๋า แม่จะอาศัยอยู่ในโพรงนานไหมจ้ะ” ฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัยในเช้าวันหนึ่ง
“3-4 เดือนนะลูก” พ่อบอกกับฉัน “แม่จะออกไข่และฟักไข่ และดูแลน้องอยู่ในโพรงตลอดเวลา และปกป้องไม่ให้
สัตว์อื่นมารังแกน้องอีกด้วย”
“แม่จะมีน้องให้ฉันกี่ตัวจ้ะพ่อ” ฉันถามด้วยความอยากรู้
“แม่ออกไข่ครั้งละหนึ่งถึงสองฟอง แต่จะมีน้องฟักออกมาจากไข่ได้แค่ฟองเดียว” พ่อบอก
ความเอื้ออาทรห่วงใยที่พ่อมีให้แก่แม่อย่างมาก เมื่อแม่ปิดขังตัวเองอยู่ในโพรง พ่อจะทำาหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่าง
สมำ่าเสมออยากจะหานกใดเสมอเหมือน อาหารจากปากพ่อจะผ่านช่องแคบ ๆ ของโพรงไม้ส่งไปให้ถึงปากของแม่และ
คอยอบรมดูแลพาฉันไปหาอาหารด้วยความระมัดระวัง พ่อบอกฉันว่า “ลูกรัก ช่วงระยะเวลานี้เป็นช่วงที่สำาคัญที่สุด ถ้า
พ่อได้รบอันตราย แน่นอนทั้งแม่และน้องที่อยู่ในโพรงก็จะไม่มีหาอาหารให้” พ่อบอกกับฉันวันหนึ่งขณะที่ออกหา
ั
อาหาร ฉันนึกในใจ ถ้ามีใครฆ่าพ่อของฉัน เหมือนกับที่ได้ฆ่าแม่และน้องของฉันด้วย เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเลย
ฉันนึกแล้วใจหาย ภาระของพ่อนับวันจะหนักยิ่งขึ้น เมื่อแม่นกขังตัวเองอยู่ในรังประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะออกไข่ และ
เวลาผ่านไปอีกประมาณ 5-7 สัปดาห์ เมือแม่ฉันฟักไข่ออกเป็นตัวแล้ว พ่อเริ่มออกหาอาหารมากขึ้นตั้งแต่อาทิตย์ขึ้น
่
จนอาทิตย์ตก จากที่เคยนำาอาหารมาให้วัน 3-4 ครั้ง ก็เพิมเป็นวันละประมาณ 10 ครั้ง เพื่อให้ทั้งแม่ละน้องได้กินอิ่ม
่
โดยเฉพาะน้องจะกินจุกว่าแม่มาก
วันหนึ่ง พ่ออกไปหาอาหารนานกว่า 2 ชั่วโมง แล้วก็ยังไม่กลับมา แม่เริ่มกระวนกระวายโดยมองผ่านปากโพรงออกมา
บ่อย ๆ น้องเริ่มร้องเสียงแหลมด้วยความหิว ฉันเริ่มหวั่นไหวว่าอะไรเกิดขึ้นกับพ่อหนอ แต่ก็ไม่รู้จะทำาอะไรได้ ในที่สุด
พ่อก็บินมาที่รังอย่างเร่งรีบ ส่งอาหารให้แม่ หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องให้ฟัง พวกเราจึงทราบว่าพ่อไปเจอมนุษย์ออกล่า
สัตว์ระหว่างทาง ทำาให้พ่อต้องหลบซ่อนตัวในป่าอยู่พักใหญ่จึงจะบินกลับมาได้ พ่อรู้สกเป็นทุกข์มากที่ทำาให้แม่และ
ึ
น้องต้องรอคอย
สายใยแห่งความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูกที่เป็นสมาชิกในครอบครัวนั้นช่างเหนียวแน่น เป็นสายในที่ถักทอด้วย
ความรัก ความเอื้ออาทร ห่วงใยซึ่งกันและกัน เป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนจะพึงมีของสมาชิกในครอบครัว ดูได้จาก
ให้อาหารน้องพ่อจะส่งผ่านไปยังแม่โดยสำารอกอาหารออกมาคราวละเมล็ดหรือคราวละตัว แล้วบรรจงป้อนให้แม่ชนิด
ปากต่อปากโดยแม่จะเลือกอาหารอย่างดีให้น้องกิน ถ้าพ่อนำาอาหารมาป้อนซำ้าซากแม่จะปฏิเสธไม่ยอมรับอาหารนั้น
พ่อเริ่มลดภาระในการหาอาหารลงเมื่อย่างเข้าสู่ประมาณสัปดาห์ที่ 10 และน้องก็ออกจากไข่ได้ประมาณ 4 อาทิตย์
แล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่แม่จะออกจากโพรงมาช่วยพ่อหาอาหารให้น้อง แต่น้องฉันยังอาศัยอยู่ในโพรงตามลำาพังต่อไปและ
ยังต้องปิดปากโพรงเองหลังจากแม่ออกจากโพรงมาแล้วอีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 3 เดือน พ่อรับภาระอย่างหนักไม่เคยบ่นว่าเหน็ดเหนื่อยพ่อรับผิดชอบโดยไม่ขาดตกบอกพร่อง ไม่ว่า
จะเป็นการป้องกันภัยหรือหาอาหารมาป้อนแม่และน้อง พ่อทำางานด้วยความอุตสาหะสมกับหน้าที่พ่อและผู้นำา
ครอบครัวอย่างแท้จริง
เช้าวันหนึ่งหลังจากแม่ออกจากโพรงมาราว 2 สัปดาห์ น้องของฉันก็ค่อย ๆ กะเทาะปากโพรงที่ปิดออกมา ฉันเห็น
น้องโผล่หน้าออกมาขยับปีกกระพืออยู่นานแล้วค่อย ๆ ยกตัวขึ้นมายืนอยู่ที่ปากโพรง ขยับปีกเก้งก้าง แววตาและ
ท่าทางยังกลัว ๆ กับสิ่งใหม่ ๆ
“ลองบินซิลูก” แม่บอกน้องให้ขยับปีกบิน
- 4. “การหัดบินก็คือก้าวแรกของการออกไปสูป่าดงดิบที่กว้างใหญ่นะลูก” พ่อบอกกับน้องแล้วขยับปีกโผเข้าไปใกล้ ๆ
่
“ลูกคงทำาไม่ได้หรอก” น้องบอกพ่อเสียงตะกุกตะกักด้วยความไม่มั่นใจ
“ทำาได้ ลูกต้องทำาได้ สร้างความมั่นใจซิลูก ไม่มใครช่วยเราได้หรอก เราต้องช่วยตัวเอง ในสังคมทีเราอยู่จะต้องมี
ี
ความกล้ามีความอดทน พ่อเชื่อว่าลูกต้องทำาได้และบินได้” พ่อพยายามพรำ่าสอนน้องเหมือนกับที่เคยสอนฉันเมื่อปีที่
แล้ว
“ลูกหัดกระโดดไปมาตามกิ่งไม้ใกล้ ๆ ตัวให้เกิดความมั่นใจก่อน แล้วค่อยหัดบินใหม่” แม่บอกน้องอีกครั้ง น้องของ
ฉันพยายามทำาตามที่แม่และพ่อบอก ไม่นานนักก็บินได้ และบินขึ้นเหนือยอดไม้ของป่าดงดิบ น้องฉันบินได้จริง ๆ บิน
ไปได้ไกลด้วย ขณะที่พ่อกับแม่นั้นบินดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยความเอืออาทรและภูมิใจ
้
“โอ้โฮ ป่าช่างสวยงามเหลือกเกิน” น้องของฉันร้องบอกขณะที่บินอยู่เหนือป่าดงดิบ
ในระยะเริ่มแรกที่น้องของฉันออกจากรังมา พ่อและแม่ของฉันยังคงหาอาหารมาป้อนจนกระทั่งเวลาผ่านไป 2-3 เดือน
น้องก็บินไปยังต้นไทร เพื่อเก็บลูกไทยกินเป็นอาหารมือแรก พร้อมกับเพือน ๆ นกมากมายเข้ามาทักทายสมาชิกใหม่
้ ่
ที่เพิ่มขึ้นในป่าดงดิบอีก 1 ตัว
สายใยรักระหว่างพ่อแม่และลูก ๆ ของนกเงือกไม่แตกต่างกับสายใยรักในครอบครัวของมนุษย์เรา ความรักความห่วง
หาอาทรที่พอแม่ลูกมีต่อกันเป็นสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงให้สมาชิกในครอบครัวมีความอบอุ่นและมีความสุขเฉกเช่นกัน
่
ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์
คำาศัพท์
นกเงือก : เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ อาศัยอยูป่าเขตร้อน แถบเอเชียและแอฟริกา นกเงือกมีทั้งหมด 54 ชนิด 31 ชนิด
่
พบในเอเชีย ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่ถึง 13 ชนิด ได้แก่ นกเงือกหัวหงอก นกเงือกสีนำ้าตาล (มี 2 ชนิด) นกเงือกปากน
ดำา นกเงือกคอแดง นกเงือกปากย่น นกเงือกกรามช้าง นกเงือกกรามช้างปากเรียบ นกเงือกดำา นกแก๊ก นกเงือกหัว
แรด นกกก และนกเงือกชนหิน
ป่าดงดิบ : ป่าไม้ที่มอยู่ทั่วไปในเขตร้อน ฝนชุกเป็นป่ารกทึบ ซึ่งมีพรรณไม้ใบสีเขียวชอุ่มตลอดปี ไม่ผลัดใบ
ี
เผ่าพันธุ์ : เชื้อสาย
ลำาธาร : ทางนำ้าเล็ก ๆ ที่ไหลจากเขา
โหนก : คือส่วนที่ยื่นออกมา
พญากระรอก : เป็นกระรอกที่มีขนาดใหญ่ ขนาดตัวยาวประมาณ 37.3 เซนติเมตร ขนหัวตลอดลำาตัวด้านบน มีสีดำา
แกมนำ้าตาล ขนด้านล่างตั้งแต่คอถึงท้องมีสีส้ม ขนคางมีสีดำา แก้มมีแถบสีขาว ขอบตาสีดำา หูมีสีดำา ปลายหูแหลม
หางยาวสีดำาแกมนำ้าตาล ปลายหางมีสีดำา นิ้วเท้าโค้ง มีเล็บแหลม กินผลไม้ แมลง และไข่นก บางชนิด เป็นอาหาร
อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้สูงในป่า
- 5. ชะนี : ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Hylobatidae แขนยาวมาก ไม่มีหาง ขนยาวนุ่ม เดินตัวตั้งตรงได้ ชอบห้อย
โหนอยู่ตามต้นไม้สูง ๆ ร้องเสียดัง เสียงร้องแสดงถึงอาณาเขตของแต่ละคู่ แต่ละชนิดมีเสยงร้องไม่เหมือนกัน กินผล
ไม้และใบไม้ ในประเทศไทย มี 3 ชนิด คือ ชะนีมือขาว (Hylobates lar) สีดำาและนำ้าตาล , ชะนีหัวมงกุฎ (H.
pileatus) ตัวผูสำาดำา ตัวเมียสีเท่า, ชะนีมือดำา (H. agilis) สีดำา นำ้าตาล และเทา
้
สัตว์เลื้อยคลาน : สัตว์จำาพวกหนึ่งที่ผิวหนังมีเกล็ดปกคลุมทั่วไป หายใจด้วยปอด ออกไข่บนบก ลูกอ่อนที่ฟักออก
มาจากไข่มีรูปร่างเหมือนพ่อแม่
โพรง : ช่องที่กลวงเข้าไป
หมีขอ : ลักษณะคล้ายหมีแต่หัวกลมกว่ามีขนาดตัวยาวประมาณ 61.0-96.5 ซม. ใบหน้าแป้นใหญ่ จมูกดำา ตาค่อน
ข้างเล็ก มีขนยาวหนา เส้นขนหยาบ สีเทาค่อนข้างดำา ใบหูกลมหนา หางยาว ปลายหางงอเป็นรูปตะขอ ใช้สำาหรับปีน
ต้นไม้ กินผลไม้ แมลงและสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดเป็นอาหาร อาศัยอยู่ตามต้นไม้สูง ๆ
หมาไม้ : สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง Martes Flavigula ในวงศ์ Mustelidac ลำาตัวยาวสีนำ้าตาลอ่อน หางยาว ขน
ที่คางลำาคอและหน้าอกสีเหลือง ขนด้านบนของหัวสีดำา หน้าเหมือนหมา ใบหูกลม ขอบหูขาว เล็บแหลมคม กินผลไม้
และเนื้อสัตว์ ว่องไงมาก กลิ่นแรง อาศัยอยู่บนต้นไม้ส่วนใหญ่
ฝูง : หมู่ พวก
สำารอก : ขย้อนเอาสิ่งที่กลืนลงไปในกระเพาะแล้วออกมาทางปาก
หัดบิน : ฝึกฝนบินในอากาศให้เกิดความชำานาญ
การค้นหาธรรมชาติ
พืชรอบตัวเรา
พืชรอบตัวเรามีอยู่มากมาย เราสามารถจำาแนกประเภทตามบริเวณที่พืชขึ้นได้ ดังนี้
๑) พืชที่ขึ้นบนดิน เช่น ต้นไผ่ มะม่วง ว่านหางจระเข้
๒) พืชที่ขึ้นในนำ้า เช่น บัว ผักตบชวา จอก
๓) พืชที่ขึ้นบนต้นไม้อื่น เช่น พลูด่าง เห็ด กล้วยไม้
ประโยชน์ของพืช
๑. เป็นอาหารของคนและสัตว์
๒. ใช้สร้างบ้านเรือน
๓. เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์
๔. ใช้ทำาเครื่องใช้และเครื่องนุ่งห่ม
๕. ใช้ทำายาสมุนไพรรักษาโรค
โทษของพืช
- 6. ๑. เป็นพิษต่อร่างกายเมื่อกินเข้าไป
๒. เป็นผื่นคันเมื่อโดนใบ
๓. เป็นแผลพุพองเมื่อโดนนำ้ายาง หรือหนาม
๔. เป็นสิ่งเสพติดทำาลายระบบประสาท เมือเสพเข้าไป
่
สัตว์รอบตัวเรา
สัตว์รอบตัวเรามีอยู่มากมาย เราสามารถจำาแนกประเภทของสัตว์ตามลักษณะที่อยู่อาศัยของสัตว์ได้ ดังนี้
๑) สัตว์บก
๒) สัตว์นำ้า
๓) สัตว์ครึ่งบกครึ่งนำ้าและสัตว์เลื้อยคลาน
ประโยชน์ของสัตว์
๑. เป็นอาหาร เช่น เป็ด ไก่ วัว สุกร
๒. ใช้แรงงาน เช่น ม้า วัว ควาย
๓. เลี้ยงไว้ดูเล่น เช่น นก ปลา แมว
๔. ใช้ทำาเครื่องประดับ เช่น หอยมุข
๕. ใช้ทำากระเป๋า เช่น หนังจระเข้ หนังงู
โทษของสัตว์
๑. มีพิษเมื่อถูกกัดหรือต่อย เช่น ผึ้ง ต่อ งู
๒. มีนิสัยดุร้ายเป็นอันตราย เช่น งู หมี เสือ
๓. เป็นพาหะนำาโรคมาสู่คน เช่น หนู แมลงวัน
๔. เป็นศัตรูพืชผลทางการเกษตร เช่น หนอน เพลี้ย แมลงต่างๆ