More Related Content
Similar to โครงงาน เรื่อง Adobe Photoshop CC
Similar to โครงงาน เรื่อง Adobe Photoshop CC (20)
โครงงาน เรื่อง Adobe Photoshop CC
- 2. คานา
ระบบสารสนเทศมีความสาคัญและความจาเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาค้นหาข้อมูลต่าง ๆ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทาให้จาเป็นต้องเรียนรู้เพื่อให้ก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลง ที่
เกิดขึ้น สามารถนาเทคโนโลยีนั้นมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจาวัน โดยเฉพาะ
ด้านการศึกษา ที่ส่งผลให้นาเทคโนโลยีมาใช้ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) เกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี พัฒนาเอกสารให้อยู่ในรูปสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการให้ความรู้แก่คนที่สนใจอีกช่องทางหนึ่ง ส่งเสริมให้เข้าถึงการเรียนรู้
อย่างสะดวก รวดเร็ว ตามความต้องการและศักยภาพของแต่ละบุคคลมีคุณลักษณะสาคัญที่ช่วย
กระตุ้นให้เกิดความใฝ่รู้ใฝ่เรียน สนุกสนาน จากภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารคู่มือการสร้าง e-Book ด้วยโปรแกรม Flip Album 6 Pro
เล่มนี้จะเป็นประโยชน์คนที่สนใจ ในการพัฒนาสื่อเอกสารเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อสร้าง
สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
ผู้จัดทา
นฤวร จิตรจรูญ รหัส 55540139
- 3. บทที่ 1
โครงการ “การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เพื่อการศึกษา”
ผู้รับผิดชอบโครงการ นาย นฤวร จิตรจรูญ รหัสนิสิต 55540139 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยี
การศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา
ที่ปรึกษาโครงการ
อาจารย์ ดร. ภูเบศ เลื่อมใส
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ปัจจุบันงานด้านการออกแบบและตกแต่งภาพโดยใช้คอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทกับการ
สร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น และยังสามารถนามาประยุกต์ใช้กับงานด้านต่างๆได้เช่น การตกแต่งภาพ การ
สร้างสรรค์ภาพ การเพิ่มลูกเล่นให้กับชิ้นงานต่างๆ ซึ่ง Photoshop เป็นโปรแกรมสร้างงานกราฟิก ตกแต่ง
รูปภาพและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ อีกทั้งยังออกแบบงานกราฟิกให้ชิ้นงานมีความ
โดดเด่นได้ด้วยตนเองภายในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นโปรแกรมกราฟิกที่ใช้งานกันตั้งแต่มือสมัครเล่น แต่ง
ภาพเล่นๆ เป็นงานอดิเรกไปจนมืออาชีพ ใช้เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สาหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งภาพไม่ว่า
จะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ก็คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Photoshop เป็นโปรแกรมสาหรับสร้างงานด้านกราฟิก
ที่รองรับเกือบทุกสายงาน บุคลากรในหลายสาขาอาชีพให้ความสนใจและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
ผู้จัดทาโครงงานเล็งเห็นความสาคัญในการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ สาหรับ
บุคคลทั่วไปที่สนใจ จึงได้จัดทาโครงงานโปรแกรม Photoshop เพื่อพัฒนาทักษะการใช้งานโปรแกรม
กราฟิก และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานของสาขาอาชีพของตนได้
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop CC และสร้างสรรค์
ผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบข่ายของโครงงาน
- 4. - โครงงานพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์
- วัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่
- หนังสือ Photoshop CC Professional Guide ฉบับสมบูรณ์
- หนังสือ Photoshop Compositing Secrets
- โปรแกรม Adobe Photoshop CC
- โปรแกรม Flip album 6.0
- เว็บไซต์ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า www.youtube.com , www.google.com
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
- ผู้เรียนสามารถจาเครื่องมือต่างๆภายในโปรแกรม Adobe Photoshop CC และนาไปใช้ได้
- ผู้เรียนสามารถใช้โปรแกรม Adobe Photoshop CC ในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้
- 5. บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดทาโครงงานพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์
ผู้จัดทาได้ศึกษาจากอินเตอร์เน็ตและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. หนังสือ Photoshop CC Professional Guide ฉบับสมบูรณ์
2. หนังสือ Photoshop Compositing Secrets
3. หลักการออกแบบโปสเตอร์
4. การหาค่าประสิทธิภาพสื่อการสอน
5. ภาพในการใช้สร้างสรรค์ผลงาน ( www.google.com )
1. Electronic Book ( e-Book )
หมายถึงหนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดย
ปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์ และ
ออนไลน์ คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่าง ๆ ของหนังสือ
เว็บไซต์ต่าง ๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถ
แทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้
อีกประการหนึ่งที่สาคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติ
เหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป
1.1ข้อดีของ e-Book
- 6. 1. อ่านที่ไหน เมื่อไหร่ ได้ตลอดเวลา เนื่องจากพกไปได้ตลอดและได้จานวนมาก
2. ประหยัดการตัดไม้ทาลายป่า เพราะไม่ต้องตัดไม้มาทากระดาษ
3. เก็บรักษาได้ง่าย ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ ประหยัดค่าเก็บรักษา
4. ค้นหาข้อความได้ยกเว้นว่าอยู่ในลักษณะของภาพ
5. ใช้พื้นที่น้อยในการจัดเก็บ (cd 1 แผ่นสามารถเก็บ e-Book ได้ประมาณ 500 เล่ม)
6. อ่านได้ในที่มืด หรือแสงน้อย
7. ทาสาเนาได้ง่าย
8. จาหน่ายได้ในราคาถูกกว่าในรูปแบบหนังสือ
9. อ่านได้ไม่จากัดจานวนครั้ง เพราะไม่ยับหรือเสียหายเหมือนกระดาษ
10. สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทาง แค่คลิกเดียวก็สามารถเลือกอ่านหนังสือที่ต้องการได้ทันที
11. เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาธรรมชาติ โดยลดการใช้กระดาษกับ True e-Book
1.2 ข้อเสียของ e-Book
1. ต้องอาศัยพลังงานในการอ่านตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าหรือแบตเตอร์รี่
2. เสียสุขภาพสายตา จากการได้รับแสงจากอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์
3. ขาดความรู้สึก หรืออรรถรส หรือความคลาสสิค
4. อาจเกิดปัญหากับการ ลง hardware หรือ software ใหม่หรือแทนที่อันเก่า
5. ต้องมีการดูแลไฟล์ให้ดี ไม่ให้เสียหรือสูญหาย
6. การอ่านอาจเกิดอันตรายต่อสายตา
7. เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่าย
8. ไม่เหมาะกับบาง format เช่น รูปวาด รูปถ่าย แผนที่ใหญ่ เป็นต้น
- 7. 1.3 ประโยชน์ของ e-Book
1.3.1 สาหรับผู้อ่าน
1. ขั้นตอนง่ายในการอ่าน และค้นหาหนังสือ
2. ไม่เปลืองเนื้อที่ในการเก็บหนังสือ
3. อ่านหนังสือได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
1.3.2 สาหรับห้องสมุด
1. สะดวกในการให้บริการหนังสือ
2. ไม่ต้องใช้สถานที่มากในการจัดเก็บหนังสือ และไม่เสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
3. ลดงานที่เกิดจากการซ่อม จัดเก็บ และการจัดเรียงหนังสือ
4. ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมาดูแลและซ่อมแซมหนังสือ
5. มีรายงานแสดงการเข้ามาอ่านหนังสือ
1.3.3 สาหรับสานักพิมพ์และผู้เขียน
1. ลดขั้นตอนในการจัดทาหนังสือ
2. ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการจัดพิมพ์หนังสือ
3. ลดค่าใช้จ่ายในการจัดจาหน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ
4. เพิ่มช่องทางในการจาหน่ายหนังสือ
5. เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ตรงถึงผู้อ่าน
1.4 ข้อจากัดของ E-book
เนื่องจากอาจเกิดปัญหากับการ ลง Hardware หรือ Software ใหม่หรือแทนที่อันเก่า ดังนั้นจึงต้อง
มีโปรแกรมและเครื่องมือในการอื่น คือ Hardware ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- 8. พกพาอื่นๆ พร้อมทั้งระบบติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือ Software ที่ใช้อ่านข้อความต่างๆ ตัวอย่างเช่น
Organizer แบบพกพา Pocket PC หรือ PDA เป็นต้น การดึงข้อมูล E-Book ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่
ให้บริการทางด้านนี้มาอ่าน ก็จะใช้วิธีการ Download ผ่านทางอินเตอร์เน็ตเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม
มิใช่ว่า Hardwareทุกชนิดจะอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้เนื่องจากมีข้อจากัดของชนิดไฟล์บางประเภท
นั่นเอง ซึ่งต้องมีการแก้ปัญหาด้วยการนา Software บางตัวมาช่วยสาหรับ Software ที่ใช้งานกับ E-Book ใน
ปัจจุบันมีสองประเภทคือ Software ที่ใช้อ่านข้อมูลจาก E-Book และ Software ที่ใช้เขียนข้อมูลออกมาเป็น
E-Book นอกจากนี้ผู้ใช้ต้องมีการดูแลไฟล์ให้ดี ไม่ให้เสียหรือสูญหาย คานึงเสมอว่าการอ่านอาจเกิด
อันตรายต่อสายตา E-Bookนี้ ไม่เหมาะกับบาง format เช่น รูปวาด รูปถ่าย แผนที่ใหญ่ เป็นต้น
อ้างอิงจาก:
http://www.srb1.go.th/anuban/e_book/meanebook.htm
http://www.oknation.net/blog/freeday888/2009/08/25/entry-1
http://www.learners.in.th/blogs/posts/310259
2. คู่มือการใช้งานโปรแกรม Flip Album เพื่อ สร้างสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่อง
Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์
แนะนาเครื่องมือต่างๆในโปรแกรม Adobe Photoshop CC
1. กลุ่มเครื่องมือการเลือก (Selection) ประกอบด้วย
Marquee
ใช้สาหรับเลือกพื้นที่บนภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยม วงกลม วงรี หรือเลือกเป็นแถว
คอลัมน์ขนาด 1 พิเซล
Move
ใช้สาหรับย้ายพื้นที่ที่เลือกไว้ของภาพ หรือย้ายภาพในเลเยอร์หรือย้าย
เส้นไกด์
Lasso ใช้เลือกพื้นที่บนภาพเป็นแนวเขตแบบอิสระ
Magic Wand ใช้เลือกพื้นที่ด้วยวิธีระบายบนภาพ หรือเลือกจากสีที่ใกล้เคียงกัน
Crop ใช้ตัดขอบภาพ
Slice ใช้ตัดแบ่งภาพเพื่อบันทึกไฟล์ภาพย่อย ๆ ที่เรียกว่าสไลซ์ (Slice)
- 9. สาหรับนาไปสร้างเว็บเพจ
2. กลุ่มเครื่องมือการแก้ไข (Edit) ประกอบด้วย
Healing Brush ใช้ตกแต่งลบรอยตาหนิในภาพ
Clone Stamp
ใช้ทาสาเนาภาพ โดยก๊อปปี้ ภาพจากบริเวณอื่นมาระบาย หรือ
ระบายด้วยลวดลาย
History Brush
ใช้ระบายภาพด้วยภาพของขั้นตอนเดิมที่ผ่านมา หรือภาพของสถานะ
เดิมที่บันทึกไว้
Eraser ใช้ลบภาพบางส่วนที่ไม่ต้องการ
Gradient ใช้เติมสีแบบไล่ระดับโทนสีหรือความทึบ
Blur ใช้ระบายภาพให้เบลอ
Brush ใช้ระบายลงบนภาพ
Dodge ใช้ระบายเพื่อให้ภาพสว่างขึ้นหรือมืดลง
3. กลุ่มเครื่องมือการสร้าง (Create) ประกอบด้วย
Pen ใช้วาดเส้นพาธ (Path)
Horizontal
Type
ใช้พิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความลงบนภาพ
Path Selection ใช้เลือกและปรับแต่งรูปทรงของเส้นพาธ
Rectangle ใช้วาดรูปทรงเรขาคณิตหรือรูปทรงสาเร็จรูป
4. กลุุ่ มเครื่องมือมุมมอง (View) ประกอบด้วย
Notes ใช้บันทึกหมายเหตุกากับภาพที่เป็นข้อความหรือเสียง
Eyedropper ใช้เลือกสีจากสีต่าง ๆ บนภาพ
Hand ใช้เลื่อนดูส่วนต่าง ๆ ของภาพ
Zoom ใช้ย่อหรือขยายมุมมองภาพ
5. กลุ่มเครื่องมือเลือกสี (Color) ประกอบด้วย
Set Foreground Color, Set Background Color ใช้สาหรับกาหนดสี
Foreground Color และ Background Color
- 13. 3. การออกแบบโปสเตอร์
โปสเตอร์ (poster) คือภาพขนาดใหญ่พิมพ์บนกระดาษ ออกแบบเพื่อใช้ติดหรือแขวนบนผนังหรือ
กาแพง โปสเตอร์อาจจะเป็นภาพพิมพ์และ/หรือภาพเขียนหรืออาจจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ
จุดประสงค์ก็เพื่อทาให้เตะตาผู้ดูและสื่อสารข้อมูลโปสเตอร์อาจจะใช้สอยได้หลายประการ แต่ส่วนใหญ่
มักจะใช้ในการเผยแพร่เพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะการโฆษณางานแสดงศิลปะ, งานดนตรี หรือ
ภาพยนตร์, การโฆษณาชวนเชื่อ, หรือในการสื่อสารที่ต้องการสื่อสารความเชื่อต่อคนกลุ่มใหญ่
โปสเตอร์ (Poster) เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีบทบาทต่อการประชาสัมพันธ์มากสื่อหนึ่ง ทั้งนี้เพราะ-
โปสเตอร์เป็นสื่อที่สามารถเผยแพร่ได้สะดวกกว้างขวาง สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้ าหมายได้ทุกพื้นที่ สื่อสาร
กับผู้บริโภคได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา มีความยืดหยุ่นในตัวของสื่อเป็นอย่างดี
โปสเตอร์ (Poster) ที่นามาใช้ในการประชาสัมพันธ์ มีจุดประสงค์เพื่อบอกกล่าว เผยแพร่ให้ผู้ดูมี
ความรู้ความเข้าใจและปฏิบัติตาม ไม่เน้นในการส่งเสริมการขายสินค้าของผู้จัดทา แต่จะเน้นหนักไป
ทางการสร้างภาพพจน์ขององค์กร ให้เป็นที่ยอมรับเกิดความฝังใจเชื่อถือและศรัทธา นอกจากนี้ยังมีการใช้
เพื่อย้าเตือนใจกลุ่มประชาชนเป้ าหมายด้วย
วัตถุประสงค์ของการใช้โปสเตอร์เพื่อการประชาสัมพันธ์
1. เพื่อบอกกล่าวหรือให้คาแนะนา เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
2. เพื่อเชิญชวนกลุ่มเป้ าหมาย ให้เข้าร่วมกิจกรรมที่องค์กรจัดขึ้น
3. เพื่อโน้มน้าวใจกลุ่มเป้ าหมายให้เห็นคล้อยตาม
4. เพื่อปลุกเร้า ให้กลุ่มเป้ าหมาย ตระหนักถึงประเด็นใดประเด็นหนึ่ง
5. เพื่อย้าเตือน กลุ่มเป้าหมายให้ระลึกถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
6. เพื่อสร้างความจดจา ให้เกิดขึ้น
7. เพื่อให้ความรู้ในสาระอันเป็นประโยชน์แก่กลุ่มเป้ าหมาย ได้ใช้เป็นแนวปฏิบัติ
- 14. องค์ประกอบของโปสเตอร์
1. พาดหัว(Headline)
พาดหัวหรือหัวเรื่อง เป็นสิ่งที่สาคัญของโปสเตอร์ เพราะช่วย ดึงดูดความสนใจ หรือ ติดตามดู
รายละเอียดอื่นๆ ของข้อความในโปสเตอร์ พาดหัวหรือหัวเรื่อง อาจแสดงด้วย ภาพ หรือ ข้อความ หรือทั้ง
ภาพและข้อความก็ได้แต่ส่วนมากจะใช้ ข้อความที่มีขนาดใหญ่ กว่าข้อความอื่นถ้าข้อความมีความยาวมาก
อาจจะแบ่งเป็น หัวเรื่องรอง (Subhead line)
พาดหัวของโปสเตอร์มีลักษณะ ดังนี้
1.1 มีข้อความสั้น กะทัดรัดได้ใจความ สื่อความหมายได้เร็ว
1.2 มีความกระจ่าง สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเป้ าหมายได้
1.3 มีความเหมาะเจาะ ตอบสนองความต้องการของผู้ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเป้ าหมายได้
1.4 มีความน่าสนใจเพื่อเรียกร้องให้ผู้ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเป้ าหมายสนใจ โดยใช้
หลักการทางจิตวิทยาและการใช้ภาษา
1.5 มีเพียงแนวคิดเดียว ในโปสเตอร์แต่ละแผ่น
1.6 มีความน่าเชื่อถือคือ ข้อความที่กล่าวอ้าง ต้องมีน้าหนัก น่าเชื่อถือ
2. พาดหัวรอง (Subhead line)
พาดหัวรอง (Subhead line) นิยมใช้ตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่รองจากพาดหัว ทาหน้าที่ในการ
เชื่อมโยงพาดหัว ไปยังเนื้อเรื่องในโปสเตอร์ใช้ในกรณีที่พาดหัวไม่สามารถจะให้รายละเอียดได้เพียงพอจึง
จาเป็นที่จะต้องมีการขยายความให้กระจ่างขึ้น
- 15. 3. ข้อความ (Body Copy)
ข้อความ(Body Copy) คือ ส่วนที่เป็นเนื้อหารายละเอียด เพิ่มเติมจากพาดหัวของโปสเตอร์ฉบับนั้น
ๆ ข้อความจะ สนับสนุนเนื้อหาของโปสเตอร์โดยส่วนรวม มีการคัดเลือกอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ หรือ
เข้าใจไปได้หลายทาง และใช้ข้อความที่สั้น กะทัดรัด อักษรชัดเจน อ่านง่าย เข้าใจได้ทันที ตอบสนองความ
ต้องการใคร่รู้ของ ผู้อ่าน และมองเห็นได้แต่ไกล
4. ภาพประกอบ (illustration)
ภาพประกอบ คือ ส่วนที่จะมาเสริมหรือขยายพาดหัว ตลอดจนสร้างความเข้าใจเพิ่มขึ้นจากข้อความ
ช่วยสร้าง หรือดึงดูดความสนใจ และภาพที่นามาใช้ควรเป็นภาพที่ดูง่าย สามารถเข้าใจได้ทันทีเน้นจุดสนใจ
ในภาพ เพียงจุดเดียว และมองเห็นได้ในระยะไกลสามารถสื่อความคิดสร้างสรรค์ได้ชัดเจนรวมทั้งสามารถ
สร้าง ความจดจาให้แก่ผู้รับได้ด้วย
5. ส่วนลงท้าย(Ending)
5.1 ชื่อหรือสัญลักษณ์ขององค์การผู้เผยแพร่ (Identification)
5.2 สถานที่ตั้งหรือสถานที่ติดต่อขององค์กรผู้ผลิต
5.3 คาขวัญ หรือ สโลแกน (Slogan)
ข้อควรคานึงถึงในการออกแบบโปสเตอร์
1. ควรเป็นแผ่นเดียวโดดๆ สามารถนาไปติดบนพื้นผิวใดก็ได้
2. ควรมีภาพประกอบ และข้อความ ที่บ่งบอกถึง อะไร ที่ไหน เมื่อใด ใช้ข้อความ
กะทัดรัดเข้าใจง่าย ชัดเจนไม่คลุมเครือ หรือเข้าใจไปได้หลายทาง และใช้ข้อความที่สามารถเข้าใจ
ได้ทันทีแสดงแนวคิด หลักและเรื่องราวเพียงอย่างเดียว
3. การวางตาแหน่งภาพประกอบ และข้อความ ต้องประสานส่งเสริมซึ่งกันและกัน และ
ง่ายแก่การจดจา (ควรมีคาขวัญหรือสโลแกน)
- 16. 4. ตัวอักษรที่ใช้ควรเด่น สะดุดตาคานึงถึงระยะห่างทางการอ่าน และขนาดของตัวอักษร
ควรแตกต่างกัน ตามหน้าที่ เช่น ตัวหัวเรื่อง หรือพาดหัว ควรมีขนาดใหญ่กว่าข้อความ
5. ภาพหรือข้อความที่เสนอ ต้องมีขนาดใหญ่ทั้งนี้เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ง่าย และ
ขนาดของโปสเตอร์ ต้องปรับให้เหมาะสมกับ สถานที่ตั้งโปสเตอร์ด้วย
6. มีโครงสร้างชัดเจน คือ การใช้สีที่เด่นชัด สะดุดตา ไม่มีลีลาเส้นสายหรือลวดลาย
สับสน ดูแล้วเข้าใจใน โครงสร้างนั้นๆ ได้ทันทีสามารถแยกภาพกับตัวอักษร ที่ต้องการเสนอได้
ชัดเจน มีความเหมาะสมกับเนื้อหาและจิตวิทยาในการใช้สีด้วย
7. คานึงถึงหลักในการออกแบบและจัดหน้า
8. ผลิตขึ้นเป็นจานวนมาก
- 17. บทที่ 3
วิธีดาเนินงาน
ในการจัดทาโครงงานการประยุกต์ใช้โปรแกรม Flip Album Pro 6.0 ในการพัฒนาสื่อหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์(e-book) เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่
- เครื่องคอมพิวเตอร์
- โปรแกรม Flip Album Pro 6.0 ใช้นาเสนอสื่อการสอน
- โปรแกรม Adobe Photoshop CC เนื้อหาการสอน
- โปรแกรม Adobe Photoshop CC ใช้นาเสนอเรียบเรียง
- เว็บไซต์ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า www.google.com , www.youtube.com
1. ประชากร
ประชากรเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 50 คน
2. กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 30 คนได้มาโดยการสุ่ม
อย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้
2.1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว
จานวน 15 คน
2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
- 18. แบบกลุ่ม จานวน 20 คน
2.3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบภาคสนาม จานวน 30 คน
ขั้นตอนการดาเนินงาน
1. ศึกษา/สารวจข้อมูลเพื่อจัดทาโครงการ
2. นาเสนอชื่อโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาขออนุมัติ
3. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือ การประยุกต์ใช้โปรแกรม Flip Album Pro 6.0 ใน
การสร้างสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book) เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์
ว่ามีเนื้อหามากน้อยแค่ไหน และต้องศึกษาเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ต่างๆเพื่อเรียบเรียงข้อมูลในการทาเนื้อหา
ต่อไป
4. จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสารเพื่อนาเสนอ อาจารย์ที่ปรึกษา
5. สร้างชิ้นงาน โดยโปรแกรม Flip Album Pro 6.0
6. ประเมินคุณภาพต้นแบบชิ้นงาน โดยผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3 คน
7. ปรับปรุงต้นแบบชิ้นงาน
8. ทดลองชิ้นงานกับกลุ่มตัวอย่าง
9. วิเคราะห์ข้อมูล
10. เขียนรายงาน จัดทารูปเล่มโครงงานแบบฉบับสมบูรณ์
11. บันทึกลง CD-ROM
12. นาเสนอรายงาน
- 20. การสร้างเครื่องมือในการวิจัย
1. การสร้างแบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง กราฟิกเบื้องต้นผู้วิจัยได้ดาเนินการสร้างแบบ
ประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.1 ศึกษาเอกสารการประเมินสื่อการสอน
1.2 เลือกแบบประเมินคุณภาพมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาของกรมวิชาการ (กรมวิชาการ,2542)
1.3 ปรับปรุงแบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
1.4 กาหนดระดับการประเมินคุณภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไว้5ระดับ คือ
ดีมาก = 5
ดี = 4
ปานกลาง = 3
พอใช้ = 2
ควรปรับปรุง = 1
ซึ่งเกณฑ์การยอมรับคุณภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จะพิจารณาตามคาถามแต่ละข้อข้อที่ผ่าน
เกณฑ์จะต้องได้คะแนนเฉลี่ยดีถึงดีมาก และคะแนนเฉลี่ยรวมต้องไม่ต่ากว่าเกณฑ์ดี จึงจะสามารถนาไป
ทดลองได้ โดยกาหนดระดับการประเมิน 5 ระดับดังนี้
คะแนน 1.00 – 1.49 หมายถึง คุณภาพควรปรับปรุงอย่างยิ่ง
คะแนน 1.50 – 2.49 หมายถึง คุณภาพควรปรับปรุง
คะแนน 2.50 – 3.49 หมายถึง คุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง
คะแนน 3.50 – 4.49 หมายถึง คุณภาพอยู่ในระดับดี
คะแนน 4.50 – 5.00 หมายถึง คุณภาพอยู่ในระดับดีมาก
- 21. การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยดาเนินการทดลองตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.ขั้นตอนการก่อนการทดลอง
1.1ขั้นเตรียมเครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ซึ่งประกอบด้วย หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง
Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง
Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ
ตารางเวลานัดหมายผู้เรียน
1.2 กาหนดระยะเวลาในการทดลอง
1.3 ติดต่อขออนุญาตใช้ห้องคอมพิวเตอร์
1.4 ติดต่อขออนุญาตอาจารย์รายวิชานากลุ่มตัวอย่างมาทดลองตามวันที่ได้กาหนด
1.5 ทดสอบความพร้อมของห้องคอมพิวเตอร์ก่อนทดลองจริง
2. ขั้นดาเนินการทดลอง
ผู้วิจัยได้ดาเนินการทดลองตามขั้นตอนต่อไปนี้
2.1 ให้กลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับการทดลองมาทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์โดยใช้เวลา
ประมาณ 20 นาที
2.2 ผู้วิจัยอธิบายกลุ่มตัวอย่างให้ทราบถึงจุกประสงค์ของการทดลอง
2.3ให้กลุ่มตัวอย่างทดลองฝึกการทาเครื่องหมายบนใจความสาคัญ ใช้เวลาประมาณ10 นาที
2.4 จากนั้นกลุ่มตัวอย่างศึกษาเนื้อหาจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop
CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ เป็นรายบุคคล ผู้วิจัยจะคอยสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนตลอดการเรียน ใน
ขั้นตอนนี้จะใช้เวลา ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
2.5เมื่อหมดเวลา ผู้วิจัยสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
2.6ให้กลุ่มตัวอย่างทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เวลาประมาณ30 นาที
- 22. 2.7ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการตรวจให้คะแนนแบบทดสอบระหว่างเรียน
แบบทดสอบก่อนและหลังเรียนของกลุ่มตัวอย่าง มีเกณฑ์การให้คะแนน 1 คะแนนสาหรับคาตอบ
ที่ถูกต้อง และให้ 0 คะแนนสาหรับคาตอบที่ผิดหรือไม่ตอบ และนาคะแนนที่ได้มาหาค่า E1/ E2
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
1. การหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากสูตร E1/ E2โดยนาคะแนนที่ได้จาก
แบบทดสอบระหว่างเรียน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรม
3. หาค่าระดับความยากง่ายและค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลมีดังนี้
1. สถิติที่เกี่ยวข้องกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากสูตรE1/ E2 ซึ่งดัดแปลงจาก ไชยยศ เรืองสุวรรณ
(2533: 139) ซึ่งใช้สูตรดังนี้คือ
เมื่อ E1 คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการที่จัดไว้ในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เมื่อ E2 คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียน
- 23. บทที่ 4
ผลการศึกษาค้นคว้า
ในบทนี้จะเป็นการนาเสนอเฉพาะผลที่ได้จากการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
1. ผลการทดลองครั้งที่ 1
การทดลองหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ครั้งที่ 1 มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะพิจารณาหาข้อบกพร่องในด้าน
ความถูกต้องของการใช้ภาษา รูปภาพที่ใช้เวลาที่เหมาะสมในการทดลอง ข้อผิดพลาดจากการใช้โปรแกรม
ต่างไปจากการที่ผู้วิจัยได้ออกแบบไว้
1.1 ข้อบกพร่องในการทดลองครั้งที่ 1
1.1.1 ขาดคาแนะนาลาดับขั้นตอนการเรียน ทาให้ผู้เรียนเกิดความสับสนว่า ควร
เริ่มต้นเรียนตรงไหนก่อน-หลัง
1.1.2 การควบคุมเส้นทางการดาเนินบทเรียนไม่ชัดเจน ทาให้เกิดความสับสนใน
ผู้เรียนบางคน
สาหรับพฤติกรรมที่ผู้ศึกษาสังเกตได้ระหว่างการทดลองนั้นพบว่า ผู้เรียนมีความตั้งใจในการเรียน
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์มาก และจากการสัมภาษณ์หลังจากเรียนเสร็จแล้ว ผู้เรียนรู้สึกพึงพอใจในการเรียน
จากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนการมีรูปภาที่สวยงาม ทา
ให้ผู้เรียนสามารถเรียนบทเรียนที่มีเนื้อหายาวมากๆ ได้โดยไม่เบื่อหน่าย (Rowmiszowski, 1994:8)
1.2 ผลการปรับปรุงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ครั้งที่ 1 ผู้ศึกษาได้นาข้อบกพร่องที่พบมาปรับปรุง
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ดังนี้
1.2.1 เพิ่มคาแนะนาลาดับการเรียนก่อน-หลัง
- 24. 1.2.2 ปรับปรุงเส้นทางการดาเนินบทเรียนใหม่ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
1.2.3 ปรับการจัดหน้าให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
1.2.4 มีการเชื่อมโยงความรู้จากเรื่องที่ได้เรียนมา
1.2.5 ปรับเปลี่ยนภาพที่ไม่ตรงกับเนื้อหาเสียใหม่
2. ผลการทดลองครั้งที่ 2
การทดลองครั้งที่ 2 มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ตามเกณฑ์มาตรฐาน
80/80 และเพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องของสื่อ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจานวน 50 คน
2.1 ผลการตรวจประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
จากการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยได้กลุ่มตัวอย่างทาแบบทดสอบ
ระหว่างเรียนและหลังเรียน เพื่อนาคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์เปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ได้ผล
- 25. บทที่ 5
สรุปผลการศึกษาค้นคว้า อภิปรายและเสนอแนะ
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้กาหนดวัตถุประสงค์ของการศึกษา สมมุติฐานของการศึกษา
วิธีการดาเนินการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลและการอภิปรายผล
การศึกษาและข้อเสนอแนะดังนี้
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1. วัตถุประสงค์ทั่วไป
เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์
2. วัตถุประสงค์เฉพาะ
2.1 เพื่อสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงาน
โปสเตอร์
2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นให้ได้ประสิทธิภาพตาม
เกณฑ์ที่กาหนด (80/80)
สมมุติฐานของการศึกษา
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กาหนด (80/80)
ขอบเขตของการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้ มุ่งพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อให้การศึกษาเป็นไปตามวัตถุประสงค์
ที่ตั้งไว้ ผู้ศึกษาได้กาหนดขอบเขตการวิจัย ดังนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากร
ประชากรเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 50 คน
- 26. 2. กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์จานวน 30 คนได้มาโดย
การสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหา
ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้
2.1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว
จานวน 5 คน
2.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบกลุ่ม จานวน 10 คน
2.3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบภาคสนาม จานวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
- เครื่องคอมพิวเตอร์
- โปรแกรม Flip Album Pro 6.0 ใช้นาเสนอสื่อการสอน
- โปรแกรม Adobe Photoshop CC เนื้อหาการสอน
- โปรแกรม Adobe Photoshop CC ใช้นาเสนอเรียบเรียง
- เว็บไซต์ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า www.google.com , www.youtube.com
ตัวแปรที่ศึกษา
การวิจัยครั้งนี้มีตัวแปรที่ศึกษา 2 ตัวคือ
4.1 ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การสร้างสื่อ
โปสเตอร์ด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CC
4.2 ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่ได้เรียนเนื้อหาจาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
- 27. สรุปผลการค้นคว้า
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์
มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.90/90.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
การอภิปรายผล
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะพัฒนาและหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง
การสร้างสื่อโปสเตอร์ด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CC ให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถอภิปรายได้ดังนี้
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการสร้างสื่อโปสเตอร์ด้วยโปรแกรม
Adobe Photoshop CC มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.90/90.56 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานของการวิจัยที่ได้ตั้งไว้
สอดคล้องกับวิจัยของ คลีเมนท์ (Clement,1993, quoted in Coutts and Hart,2009 : 19) ที่ได้พัฒนาซีดีรอม
มัลติมีเดียวิชาศิลปะขึ้น และได้รับผลสาเร็จมากในการทดลอง ซึ่งข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับการวิจัยของ
เกษมศรี พรหมภิบาล (2543 :บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาผลของการสอนวิชาการออกแบบ 1 ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียน โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก พบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นไปตาม
สมมุติฐานที่ตั้งไว้ และสอดคล้องกับกาการวิจัยของบาร์กเกอร์และกิลเลอร์ ที่ได้ศึกษาหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์แบบมัลติมีเดียแบบปฏิสัมพันธ์เพื่อการสอนภาษาฝรั่งเศสเปรียบเทียบกับการสอนวิธีอื่นๆซึ่ง
ได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนั้น ศิริยงค์ ฉัตรโท (2539 : บทคัดย่อ) ได้สรุปในงานวิจัยของเขาว่า การ
สร้างสื่อนาเสนอแบบอินเตอร์แอคทีฟ แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
หากจะมาวิเคราะห์กันว่าอะไรคือสิ่งที่ทาให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC
เพื่อการออกแบบงานโปสเตอร์ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 จะได้ว่า
ประการที่ 1 ได้มีการออกแบบบทเรียนในลักษณะที่มีการเชื่อมโยงแบบไฮเปอร์เท็กซ์ทาให้บทเรียน
ไม่น่าเบื่อ ผู้เรียนจะต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนอย่าสม่าเสมอ ทาให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน
(ถนอมพร เลาหจรัสแสง, 2541: 62)
ประการที่ 2 ในการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง Adobe Photoshop CC เพื่อการออกแบบ
งานโปสเตอร์ ผู้วิจัยได้ออกแบบอยู่บนพื้นฐานจิตวิทยาแรงจูงใจ โดยใช้ไฮเปอร์เท็กซ์และแบบทดสอบ
- 28. เป็นแรงจูงใจในการเรียน จาดพื้นฐานการอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการอยาก
รู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสิ่งที่แนะ (cue) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ขึ้น (ธีรพงษ์ วิริยานนท์
,2543 : 46; มาลินี จุฑะรพ,2539 : 138; ไพบูลย์เทวรักษ์,2537 : 113-115;โสภา ชูพิกุลชัย,2521 : 56-62)
จากหลักการดังกล่าวข้างต้น ประกอบกับขั้นตอนการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ อย่างมีระบบ
ทาให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการสร้างสื่อโปสเตอร์ด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CC ที่สร้างขึ้นมี
ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 สามารถนาไปประกอบการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
1.1 การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีจานวนหน้ามากๆด้วยโปรแกรม Flip Album Pro
จะมีจานวนการเชื่อมโยง (Link) มากตามไปด้วย ทาให้เสียเวลาค่อนข้างมาก และเกิดการผิดพลาดได้ ง่าย
จึงควรสร้างเป็นเทมเพลท ที่เชื่อมโยงกันไว้เรียบร้อยแล้ว
2. ข้อเสนอแนะสาหรับการวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรมีการวิจัยเปรียบเทียบรูปแบบการบันทึกใจความสาคัญในรูปแบบต่างๆได้แก่ การ
ทาเครื่องหมายลงบนใจความสาคัญโดยตรง, การให้ผู้เรียนคัดลอกหรือพิมพ์ใจความสาคัญลงใน
โปรแกรม (NOTEPAD) และการคัดลอกลงกระดาษ เป็นต้น ว่าจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
หรือไม่
2.2 ควรมีการเปลี่ยนสื่อที่ใช้ในการวิจัยหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์จากซีดีรอมไปเป็น
อินเตอร์เน็ตบ้าง