Phiengdown Wachoom 56101204130

1. If-Clause
หรือ Conditional Sentences

2. คือ “ประโยคเงื่อนไข ซึ่งหมายถึง ประโยคที่ผู้พูด
สมมติหรือคาดการณ์ขึ้นมาว่า ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้
เกิดขึ้นแล้ว ก็จะมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นตามมา”
If-Clauses หรือ Conditional Sentences

3. ประโยคเงื่อนไขนั้นประกอบด้วย 2 ส่วน (2 clauses)
นั่นคือ ส่วนที่อยู่หลัง if เรียกว่า if-clause และส่วนที่เหลือเรียกว่า
Main clauses หรือ Principal clause (คือ ประโยคแสดงผลที่
ตามมา) จะใช้ comma (,) คั่นระหว่างสองประโยค
If-Clause Main Clause
If water boils, it will change into steam.
ถ้าน้าเดือด มันก็จะกลายเป็นไอ
If it rains, I shall stay at home.
ถ้าฝนตก ฉันก็จะอยู่บ้าน

4. 1. พูดถึงสิ่งที่เป็นจริงเสมอ
ประโยคเงื่อนไขแบบนี้เราจะใช้เมื่อต้องการบอกว่า ถ้ามี
เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้ว จะต้องมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิด
ขึ้นมาอีกแน่นอน ซึ่งเรามักจะใช้ประโยคเงื่อนไขแบบนี้พูด
ถึงเหตุการณ์ตามธรรมชาติ ข้อเท็จจริง หรือ การกระทาที่
ทาจนเป็นนิสัย เช่น ถ้าเราต้มน้า น้าจะร้อน
If-Clauses หรือ Conditional Sentences
มีอยู่ 4 แบบ

5. โครงสร้างประโยคแบบนี้เราจะใช้ Present Simple Tense คือ ใช้
กริยาช่องที่ 1 ทั้งในประโยคเงื่อนไขและในประโยคแสดงผลที่ตามมา
เงื่อนไขที่เป็นจริง
If + ประธาน + กริยาช่อง
ที่ 1
,
ผลที่เกิดขึ้นแน่นอน
ประธาน + กริยาช่องที่ 1
Example
If water boils, it changes into steam.
ถ้าน้าเดือด มันก็จะกลายเป็นไอ
If he studies hard, he passes their exams.
ถ้าเขาเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง เขาจะสอบผ่าน
If you hurt dogs, they bite you.
ถ้าคุณทาให้หมาเจ็บ พวกมันก็จะกัดคุณ

6. 2. พูดถึงสิ่งที่อาจเกิดได้ในอนาคต
ประโยคเงื่อนไขแบบนี้ เราใช้พูดถึงสิ่งที่อาจเป็นไป
ได้ในอนาคต เหตุการณ์ในประโยคเงื่อนไขเป็นจริงขึ้นมา
ในตอนนี้ เช่น ถ้าฉันสอบได้ที่ 1 พ่อจะซื้อไอโฟนให้ฉัน
เงื่อนไข(เป็นจริงในปัจจุบัน)
If + ประธาน + กริยาช่องที่ 1
,
ผลที่อาจจะเกิดในอนาคต
ประธาน + will + กริยาช่องที่ 1

7. Example
If you offer me more money, I will stay with you.
ถ้าคุณเสนอเงินให้ฉันมากกว่านี้ ฉันจะอยู่กับคุณ
If she doesn’t hurry, she will be late.
ถ้าเธอไม่รีบ เธอก็จะสาย
If you wake up late, you will miss the meeting.
ถ้าคุณตื่นสาย คุณจะพลาดการประชุม

8. 3. พูดถึงเรื่องสมมติ
ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 เราใช้พูดถึงเรื่องสมมติ หรือเรื่องที่
ตรงข้ามกับความจริงในปัจจุบัน เช่น ถ้าฉันรวย ฉันจะซื้อบ้านหลัง
ใหญ่ (แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ฉันไม่ได้รวย ฉันแค่พูดสมมติขึ้นมา)
แม้เราจะใช้พูดถึงเรื่องสมมติในปัจจุบัน แต่เราใช้ Past
Simple Tense หรือกริยาช่องที่ 2 ในการแต่งประโยคเงื่อนไข เพื่อ
เป็นการแสดงว่าเรื่องที่เราพูดอยู่นั้น ไม่ได้เกิดขั้นจริงในตอนนี้

9. Example
If I won the lottery, I would buy a car.
ถ้าฉันถูกลอตเตอรี่ ฉันจะซื้อรถสักคัน
(คนพูดแค่สมมติเหตุการณ์ขึ้นมา เพราะในความเป็นจริงแล้ว เธอยังไม่
เคยถูกลอตเตอรี่เลย)
If I were a bird, I would fly round the world.
ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะบินไปรอบโลก
* Verb to be ในประโยคเงื่อนไขนี้จะใช้ในรูปของ were เสมอ ไม่ต้อง
ผันไปตามบุรุษหรือพจน์ของประธาน
เงื่อนไข(สมมติว่าเป็นจริง)
If + ประธาน + กริยาช่องที่ 2
,
ผลที่น่าจะตามมา
ประธาน + would + กริยาช่องที่ 1

10. 4. พูดสมมติถึงเรื่องในอดีต
ถ้าเราอยากจะพูดสมมติเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่ง
กลับไปแก้ไขอะไรไมได้เพียงแต่พูดสมมติขึ้นมาเท่านั้น เช่น ถ้าตอน
นั้นฉันไม่เล่นตัว ฉันก็คงได้เป็นแฟนเจมส์จิไปแล้ว (แสดงว่าตอนนั้นที่
เจมส์จิมาจีบหล่อนเล่นตัว ตอนนี้หล่อนก็เลยไม่ได้เป็นแฟนกับเจมส์จิ
นั่นเอง)
เมื่อเราพูดถึงเรื่องสมมติในอดีต เราต้องใช้ Past Perfect
Tense ในการแต่งประโยคเงื่อนไข เพื่อเป็นการแสดงว่าเรื่องที่เราพูด
อยู่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในอดีตที่ผ่านมา

11. เงื่อนไข(สมมติเรื่องในอดีต)
If + ประธาน + had + กริยา
ช่องที่ 3
,
ผลที่น่าจะเกิด(แต่ไม่มีทางเกิดได้
แล้ว)
ประธาน + would + have + กริยา
ช่องที่ 3
Example
If I had studied harder, I would have been a doctor.
ถ้าตอนนั้นฉันขยันเรียน ฉันคงได้เป็นหมอแล้วล่ะ
(ความจริงก็คือ ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจเรียน ตอนนี้ก็เลยไม่ได้เป็นหมอ)
If John had seen you, he would have fallen in love with you.
ถ้าจอห์นได้พบคุณ เขาจะตกหลุมรักคุณ
(ความจริงก็คือ จอห์นไม่ได้พบคุณ และก็ไม่ได้ตกหลุมรักคุณด้วย)

12. จัดทาโดย
นางสาวเพียงดาว วะชุม
รหัสนักศึกษา 56101204130
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3