More Related Content
More from วิระศักดิ์ บัวคำ
More from วิระศักดิ์ บัวคำ (20)
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษกิจระหว่างอาเซียนกับ 6 ประเทศftaprogfeb53 ce+6
- 1. 17
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับ 6 ประเทศ
(Comprehensive Economic Partnership in East Asia: CEPEA)
ความเป็ นมา/การดําเนินการ สถานะล่าสุด
ความเป็ นมา
- ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AEM-METI) และ
AEM+3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนสิงหาคม
2006 ญี่ปุ่นเสนอให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญภาควิชาการ (Track II) ของกลุ่มประเทศ East Asia
Summit (EAS ประกอบด้วยอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ
อินเดีย) ทําการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตัง Comprehensive Economic
Partnership in East Asia (CEPEA) ซึ่งเป็น FTA ระหว่าง ประเทศอาเซียน+6 (จีน
ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์)
ที่ประชุม EAS ครังที่ 2 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2007 ณ เมืองเชบู ประเทศฟิลิปปินส์ มี
มติเห็นชอบให้ดําเนินการศึกษาดังกล่าว โดยญี่ปุ่นจะจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง
นักวิชาการซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละประเทศครังแรกในเดือนมิถุนายน 2007
การจัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญฯ ของ CEPEA (รศ. ดร. สุทธิพันธ์ จิราธิวัฒน์ ประธานศูนย์วิจัย
เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทําหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญฯ ฝ่าย
ไทย) ได้ทําการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดทําความตกลงการค้าเสรีระหว่าง
ประเทศอาเซียน+6 (CEPEA) โดยมีการประชุมร่วมกันทังหมด 6 ครัง
ผลการศึกษา
ผลการศึกษา Phase I
- ผู้เชี่ยวชาญฯ ได้สรุปผลการศึกษา (Final report of CEPEA Track Two: Phase I)
และนําเสนอต่อที่ประชุมผู้นําเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) ในเดือน
ธันวาคม 2008 ณ กรุงเทพฯ โดยระบุว่าการจัดทํา CEPEA นัน จะทําให้ GDP ของ
ประเทศสมาชิกเพิ่มขึนเฉลี่ย 2.11% โดยในส่วนของอาเซียนนัน จะได้รับประโยชน์
มากกว่าโดย GDP ของอาเซียน เพิ่มขึน 3.83% ในส่วนของไทย GDP จะเพิ่มขึนเท่ากับ
4.78%
- นอกจากนี ผลการศึกษาได้ครอบคลุมประเด็นอื่นๆสําคัญ ได้แก่ ผลกระทบด้าน
เศรษฐกิจ องค์ประกอบของ CEPEA ซึ่งประกอบด้วย การเปิดเสรีทางการค้าและการ
ลงทุน การอํานวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ
พลังงานและสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี ได้เสนอแนะแนวทางสู่
การทําเขตการค้าเสรีเอเชียตะวันออก โดยเสนอให้ประเทศสมาชิกต้องเริ่มที่เข้าใจหลัก
พืนฐานและเป้าหมายของ CEPEA อันจะมุ่งไปสู่การเปิดเสรี การอํานวยความสะดวก
และความร่วมมือระหว่างกัน
- ต่อมาทีประชุม AEM ครังที 40 และ AEM-METI Consultations ครังที 15 ระหว่างวันที 25-28
สิงหาคม 2008 ณ ประเทศสิงคโปร์ มีมติเห็นชอบและสนับสนุนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาต่อใน
ระยะที่ 2 (CEPEA Track Two Study Group: Phase II) โดยเน้น 3 เสาหลัก คือ ด้านความร่วมมือ
(Cooperation) ด้านการอํานวยความสะดวก (Facilitation) และการเปิดเสรี (Liberalization)
- นอกจากนี ที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการศึกษา CEPEA Phase II โดยให้
ครอบคลุมถึงการศึกษาวิเคราะห์ในความตกลง ASEAN+1 FTAs ที่มีอยู่ รวมไปถึงกฎ Special &
Differential Treatment ที่มีประสิทธิภาพ แนวทางของการเปิดเสรี (Liberalization) และการอํานวย
ความสะดวก (Facilitation) ที่เหมาะสมซึ่งนําไปสู่แนวทางที่จะช่วยลดช่องว่างของระดับการพัฒนาของ
ประเทศสมาชิก และระบุแนวทางด้านความร่วมมือต่างๆ ที่ช่วยสร้างความสามารถ (Capacity) ของ
ประเทศสมาชิก เพื่อรองรับการเปิดเสรีภายใต้อาเซียน+6 (CEPEA)
ผลการศึกษา Phase II
- ผลการศึกษา EAFTA Phase II นันได้ศึกษาลงลึกในสาขาการผลิตที่สําคัญ เพื่อศึกษาเชิงลึกถึง
ผลกระทบของการจัดตังเขตการค้าเสรีต่อสาขาการผลิตนันๆ โดยมีการจัดลําดับความสําคัญ
(priority) ของภาคสาขาการผลิตหลักๆ และศึกษาในสาขาที่มีความอ่อนไหว เช่น เกษตร และ
อุตสาหกรรมรถยนต์ นอกจากนีจะมีการศึกษาถึงผลกระทบต่อภาคบริการและการลงทุน ถิ่นกําเนิด
สินค้า ความร่วมมือด้านการพัฒนา การอํานวยความสะดวกด้านการค้าและบริการ
- ได้มีการเสนอผลการศึกษาต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน+3 ในเดือนสิงหาคม 2009 แล้ว
และที่ประชุมให้ศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
สถานะล่าสุด
- จากการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา+3 (ASEAN Economic Ministers+3
Consultations: AEM+3) และการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก หรือกลุ่มประเทศ
อาเซียน+6 (East Asia Summit Ministers Working Lunch) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2009 ณ
กรุงเทพฯ ที่ประชุมรับทราบผลกาสรศึกษาของทัง 2 กรอบ (EAFTA และ CEPEA) และมีมติให้
ภาครัฐของแต่ละประเทศสมาชิกทําการศึกษาเชิงลึกด้านเทคนิคจากผลการศึกษาดังกล่าว
- ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดตังคณะทํางานเพื่อพิจารณาแนวทางการรวมกลุ่มในระดับภูมิภาค โดย
แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) การรวมกลุ่มว่าด้วยถิ่นกําเนิดสินค้าในแต่ละกรอบ (Unified
Rules of Origin) 2) การจําแนกพิกัดศุลกากร (Tariff Nomenclature) 3) กระบวนการด้านศุลกากร
(Customs Procedure) และ 4) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Economic Cooperation)
- โดยจะเสนอผลการศึกษาในที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและประเทศคู่เจรจาในเดือน
สิงหาคม 2010
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaifta.com (อาเซียน+6)