More Related Content
Similar to พื้นฐานชีวิต 4.pptx (20)
More from SunnyStrong (20)
พื้นฐานชีวิต 4.pptx
- 2. สารบัญ
โหราศาสตร ์จีนแขนงต่างๆ 23
ฟ
้ าดินคนประสานกันเป็ นหนึ่งเดียว 38
วิธีดูทิศทางน้า 納水 (หนับจุ้ย) เพื่อให ้
เกิดโชคลาภ
69
คุณลักษณะแห่งอินหยาง 97
ฤดูกาลของคนจีน 123
ตารา ปากว ้า มีหลายแบบ บทความก็มี
เยอะ
ควรศึกษาแยกแยะ
131
- 8. ๒. พลังงานจลน์ (Kinetic Energy)
เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุเคลื่อนที่
เช่น รถที่กาลังวิ่ง ธนูที่พุ่งออกจากแหล่ง
จักรยานที่กาลังเคลื่อนที่ เป็นต ้น
- 9. ๓. พลังงานสะสม (Stored Energy)
เป็นพลังงานที่เก็บสะสมในวัสดุหรือสิ่งของต่างๆ
เช่น พลังงานเคมีที่เก็บสะสมไว ้ในอาหาร
ในก ้อนถ่านหิน น้ามัน หรือไม ้ฟืน
ซึ่งพลังงานดังกล่าว
จะถูกเก็บไว ้ในรูปขององค์ประกอบทางเคมีหรือของ
วัสดุหรือ สิ่งของนั้น ๆ
และจะถูกปล่อยออกมา
เมื่อวัสดุหรือสิ่งของดังกล่าวมีการเปลี่ยนรูป
เช่น การเผาไม ้ฟืนจะให ้พลังงานความร ้อน
- 10. 3 หมวด 5 ธาตุ
ลักษณะอาการของพลัง องค์ประกอบข ้างในพลังมีดังนี้
๑. ถูกผลัก (ชง)
๒. ถูกดึง (ฮะ)
๓. ระเบิด ปะทะ เสียดสี (เฮ ้ง, ไห่, ผัวะ)
๔. กดดัน (คัก/ขัก/เก๋อ)
- 12. 3 หมวด 5 ธาตุ
พลังงาน หมวด นักษัตรจีน นักษัตรไทย
ศักย์ ความรัก,ของ
สวยงาม (แม่
ธาตุ)
子 午 卯 酉 ชวด มะเมีย
เถาะ ระกา
จลน์ อานาจ (พาหะ) 寅 申 巳 亥 ขาล วอก
มะเส็ง กุน
สะสม เงินทอง (คลัง
ขุมทรัพย์)
辰 戌 丑 未 มะโรง จอ ฉลู
มะแม
- 23. โหราศาสตร ์จีนแขนงต่างๆ
• โหราศาสตร์จีน
ได ้มีการแบงแยกแตกแขนงเป็นระบบ ได ้สองประเภท
คือ ภาคทฤษฎีจากคัมภีร์“อี้จิง易经”
และ “สู้สู่术数”หรือโหราศาสตร์ภาคคานวณ
นอกจากนี้ก็ยังมีวิชาการภาคคานวณอีก
เรียกว่า “จั้นโต่วสู้” “占卜术”
แม ้ว่าโหราศาสตร์ทั้งสองระบบหลักนี้
จะแตกต่างกัน
แต่ก็ยังมีหลักใหญ่เหมือนกันในเชิงหลักการ
- 28. วิชาอี้จิงและปากว ้า(โป๊ ยข่วย)
• ก็คือระบบหนึ่งของวิทยาการโหราศาสตร์ภาค
พยากรณ์
ถือกาเนิดมาจากระบบความเชื่อของจีนโบราณตั้งแต่
ยุคต ้น
โดยใช ้กระดองเต่าในการทานาย
ตามบันทึกของคัมภีร์”โจวลี่” 《周礼》
มีการพยากรณ์มากถึงสามแบบ
เรียกว่า โจวอี้, เหลียนซาน และกุยจ้าง
《周易》《连山》《归藏》
• แต่ภายหลังคัมภีร์สองแบบหลังได ้สาบสูญไร ้ร่องรอย
ไปหมดสิ้น
คงเหลือแต่คัมภีร์โจวอี้เพียงอย่างเดียว
- 30. • ปัจจุบันการค ้นพบอักษรโบราณทั้งหลายที่สลักไว ้บน
กระดองเต่า
(หรือที่เราเรียกว่า甲骨文)
ล ้วนแล ้วแต่เป็นผลิตผลของการบันทึก
จากการคานวนโชคชะตาในสมัยโบราณแทบทั้งสิ้น
และก็มีคัมภีร์ที่ตกทอดมาในวิชาโหรระบบนี้
ได ้แก่คัมภีร์ เซี่ยงซู่อี้
และคัมภีร์เหมยฮัวอี้
(象数易、梅花易数)
- 32. เทียนกาน ตี้จือ
天干地支
• ซึ่งวิชานี้ได ้กาเนิดมาจาก
ความรู้วิทยาการทางดาราศาสตร์ของจีนโบราณ
โดยหลักการการพยากรณ์
ก็อ ้างอิงมาจากการพยากรณ์ของระบบอี้จิงแต่เดิม
ซึ่งโหราศาสตร์ระบบนี้ เกิดหลังระบบอี้จิง
- 37. • โหราศาสตร์จีน
แม ้ปัจจุบันนี้ก็ได ้มีพัฒนาการและแตกแขนงเป็นสานัก
ต่างๆ
อย่างมากมายและไม่มีที่สิ้นสุด
เหมือนกับวิชาบู๊ที่มีสานักสาขามากมาย
• จนกระทั่งวันนี้
มีเพียงคัมภีร์ของระบบภาคคานวนคือ ซื่อคุ่นเฉวียน
ซู และจื่อปู้
เท่านั้นที่ดูเหมือนจะมีการรวมรวมหลักการเอาไว ้
อย่างเป็นระบบมากที่สุด
• https://bit.ly/3zrljm1
- 38. ฟ
้ าดินคนประสานกันเป็ นหนึ่ง
เดียว
• ในการศึกษาวิชาฮวงจุ้ย
ต ้องรู้จักคาว่า ไท่จี๋ หรือ ไท่เก็ก 太极 (วงกลมหยิน-
หยาง)
ซึ่งหมายบรมสภาวะ ของจักรวาลที่แทรกอยู่ในทุกๆ
สรรพสิ่ง
และคาว่า ฟ้า คน ดิน รวมเป็นหนึ่ง
ก็คือการอธิบายสภาวะทั้ง 3 ที่ต ้องสอดประสาน
และสัมพันธ์กันโดยที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได ้
• https://bit.ly/3zdXBIB
- 41. ในสมัยโบราณแต่นานมาแล ้ว
ฮวงจุ้ย ได ้เข ้าไปมีบทบาทใน
เลือกสรร
• ทาเลที่ตั้ง ชัยภูมิ
การออกแบบและจัดวางรูปแบบการก่อสร ้าง
ในทุก ๆขั้นตอน ตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา
โดยก่อนที่วางแผนคัดสรรชัยภูมิ
ออกแบบ และการจัดวางตาแหน่งต่าง ๆของอาคาร
บ ้านเรือน
ตลอดจนถึงการออกแบบผังบ ้านหรือห ้องหับต่าง ๆ
ซึ่งแทบจะเรียกได ้ว่ามีอิทธิพลของฮวงจุ้ย
ครอบคลุมไปหมดในทุกๆแห่งและทุกๆขั้นตอน
- 46. • รูปแบบของอาคารที่อยู่อาศัยแต่ละหลังนั้น
ต่างก็มี ไทจี๋ เป็ นของตนเอง
นอกจากนี้
ยังต้องดูภาพรวมไท่จี๋ของกลุ่มอาคารที่อยู่ใกล้เคียง
ประกอบด้วย
และรูปแบบเค้าโครงของกลุ่มอาคารต่างๆนั้น
ควรมีลักษณะพื้นที่ที่เป
็ นรูปทรงสี่เหลี่ยม
จึงจะมีพลังไท่จี๋ที่เหมาะสมและสมบูรณ์
และไม่ควรมีส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารขาด
หายไป
- 51. ดังนั้นจึงมีวิธีการดังนี้
1.ค ้นหาชีพจรมังกร (ชิมเล ้ง 尋龍)
2.ค ้นหาพลังชี่หรือปราณ(ช่อกฮ่วย 捉穴)
3.วิเคราะห์ลักษณะและคุณภาพของดิน(ฉักซา 察砂)
4.ค ้นหาแหล่งน้า(มิกจุ้ย 覓水)
5.กาหนดทิศทาง (เตี่ยเหียง หรือ เต็งเหี่ยง 定向)
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อสรรหาหาพลังชี่มงคลที่เหมาะสม
และสอดคล ้องกับพลังของร่างกายมนุษย์
หลีกเลี่ยงชี่ที่ชั่วร ้าย(หรือชี่พิฆาต) ที่ส่งผลร ้ายต่อ
มนุษย์
อีกทั้งส่งเสริมโชคลาภ ความมั่งคั่งและหลีกเลี่ยงสิ่ง
อัปมงคลต่างๆ
- 52. • ในวัตถุต่างๆ ล ้วนมีสนามพลังกระจายออกมาโดยรอบ
และ”พลังชี่” ก็คือสนามพลังที่กระจายออกมา
นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได ้ตรวจสอบแล ้วว่า
ร่างกายมนุษย์
มีพลังงานออร่ากระจายออกมา
ต ้นไม ้และพืชพรรณต่างๆก็เช่นกัน
ต่างก็มีพลังงานแผ่ออกมา
- 53. • แม ้แต่อาคารบ ้านเรือนต่างๆก็มีพลังงาน
และทุกสิ่งทุกอย่าง
แม ้กระทั่ง ก ้อนกรวด ดินทราย สายลม สายน้า ฯลฯ
ต่างก็มีสนามพลังเป็นของตนเอง
- 64. • ดังนั้นทาเลสร ้างบ ้านเรือนของผู้คนส่วนใหญ่
มักจะเลือกทาเลในที่ราบลุ่ม
หรือกึ่งที่ราบลุ่ม ที่คล ้ายกับก ้นอ่างน้า
(วงโอบล ้อมของภูเขาและมีแม่น้าไหลผ่าน)
• พื้นที่แบบนี้จะมีผืนดินและน้าอันอุดมสมบูรณ์
และเป็นสิ่งที่เหมาะสมสาหรับการดารงชีวิตของผู้คน
และเป็นสิ่งที่ดี
สาหรับการรองรับพลังชี่ระดับมหภาค
- 69. วิธีดูทิศทางน้า 納水 (หนับจุ้ย)
เพื่อให ้เกิดโชคลาภ
• ปราชญ์โบราณท่านได ้กล่าวไว ้ว่า
“ภูผาก่อให ้เกิดยศศักดิ์ น้าก่อให ้เกิดให ้โชคลาภ”
(ซัวก่วยยิ้งเต็ง จุ้ยก่วยไช ้山管人丁、水管財)
https://bit.ly/3cORPpl
- 73. • ถ ้าหากว่าต ้องการจะแสวงหาทรัพย์สินและความ
ร่ารวย
ก็จาเป็นจะต ้องศึกษาเรื่อง”น้า” “水”ให ้ลึกซึ้งก่อน
และหากต ้องการที่จะได ้มีโชคที่ดี
ดวงดีก็ต ้องเริ่มศึกษาจาก “ทิศทาง” “向”ให ้
เชี่ยวชาญ
เพื่อที่นามาใช ้ในการดึงดูดโชคลาภ
ศิริมงคลและความโชคดีทั้งปวง
- 77. แต่ในที่นี้เราจะกล่าวเฉพาะถึง ธาตุ
น้าแท ้
หรือ จิงจุ้ย 真水
ซึ่งคือ(ธาร)น้าไหลที่เราสามารถมองเห็นได ้จริงๆ
และก็สามารถบันดาลผลให ้เกิดทรัพย์สินโชคลาภได ้
จริงๆ
แต่การก่อเกิดโชคลาภ ก็ไม่แน่นอนเสมอไป
เพราะต้องขึ้นอยู่กับทิศทางของน้า
หากผิดทิศผิดทาง
กลับกลายเป็นการทาลายโชคลาภไปเสียอีก
- 78. • ท่านปรมาจารย์หยางกง
ได ้กล่าวไว ้ว่า
“未看山、先看水,有山無水休尋地”
คือให้หาน้าก่อน แล้วจึงหาภูเขา
เมื่อเห็นน้าก็จะพบกับภูเขา
ถ ้ามีภูเขาแต่ไม่มีน้า
แสดงว่าไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมในการอยู่อาศัย
- 79. • นอกจากนี้
ท่านเลี่ยวกง 廖公
ปรมาจารย์ อีกท่านหนึ่ง
ก็กล่าวว่า “尋龍點穴須仔細,先須觀水勢”
ในการค ้นหาชีพจรมังกรและจุดรวมพลังชีพจร
จักต ้องกระทาอย่างรอบคอบ
แต่ก่อนอื่น
เราจะต ้องพิจารณาพลังและคุณสมบัติของน้าเป็น
อันดับแรก
- 81. • ซึ่งทั้งสองท่านนี้
ได ้ให ้ความสาคัญของ”น้า”เป็นหลักอย่างชัดเจน
ดังนี้จึงมีเพียงภูเขาและสายน้าที่สัมพันธ ์กันอย่าง
เหมาะสม
จึงจะเป็ นหนทางแห่งการศึกษาวิชา”ฮวงจุ้ย”อย่าง
แท้จริง
- 83. • เพื่อให ้ผู้อ่านทุกคนเข ้าใจได ้ง่ายขึ้น
ผู้เขียนจึงเขียนวิธีการทิศทางและลักษณะของน้า
(หนับจุ้ย)
ที่เรียบง่ายและใช ้ได ้จริง ซึ่งมีเพียงไม่กี่วิธีเท่านั้น
และสามารถจดจาได ้โดยง่าย
https://bit.ly/3cORPpl
- 84. โดยธาตุทั้งห ้าของน้า
ได ้แก่ ทอง 金 ไม ้木 น้า水 ไฟ 火
และ ดิน 土
• ซึ่งมีอยู่ห ้ารูปแบบ ดังต่อไปนี้
1.น้าที่มีลักษณะของธาตุทอง “金形”
น้าที่มีลักษณะวงกลม หรือ ครึ่งวงกลมที่ล ้อมรอบด ้วย
ช่องว่าง
หรือมีลักษณะโอบล้อม
แสดงถึงความโชคดีและความมั่งคั่งร่ารวย
และถือเป็นน้ามงคลซึ่งถือว่าเป็นน้าที่มีชีวิต
แต่หากลักษณะไปในทางย ้อนกลับ หรือมีรูปลักษณ์ดั่ง
คันศร
ถือเป็นน้าพิฆาตและมีพลังที่รุนแรง
- 90. • (หมายเหตุ-หากมี 2 โค ้งน้าจะเรียกว่า จือจุ้ย 之水
หรือหากมี 3-4 โค ้งน้าจะเรียก เฮี่ยงจุ้ย 玄水)
ซึ่งจุดโค ้งแต่ละโค ้งของสายน้าตามที่ได ้กล่าวไป
แสดงถึงการมีพลังชีวิต(有情)
หากปลายโค ้งที่เก ้าไหลเข ้าสู่ลานหน้าบ ้าน
หรือ หมิงถัง หรือ เหม่งตึ๊ง 明堂 ของบ ้าน
เจ้าชะตาจะได ้เป็นมหาเสนาบดี
- 96. ลักษณะให้คุณและให้โทษของน้า
• น้าที่ให้คุณ(เสี่ยงจุ้ย善水) :น้ามีลักษณะใส กลิ่นสด
ชื่น
น้าไหลอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน มีการโอบล ้อมและ
ปกป้อง
ย่อมส่งผลให ้ มีโชคลาภเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งร่ารวย
• น้าที่ให้โทษ(อักจุ้ย惡水):คุณภาพน้าไม่ดี สีขุ่นและ
สกปรก
มีกลิ่นเหม็น น้าไหลย ้อนกลับ หรือไหลออกไปทั้ง4
ทิศทางอย่างไม่หยุดยั้ง เรียกว่า (สิกอุ่งซ่วยจุ้ย 失運
衰水)
จะทาให ้ส่งผลร ้าย สูญเสียโชคและความมั่งคั่งลงไป
เรื่อยๆ จนหมดสิ้น
- 100. • ดังนั้น เมื่ออินหยางของร่างกาย เสียสมดุล
ร่างกายก็จะเกิดอาการเจ็บป่ วย
• บทซู่เวิ่น (素問) ในหวงตี้เน่ยจิง (黃帝內經)
ได ้กล่าวว่า “หากอินแรงคือโรคหยาง หากหยางแรง
คือโรคอิน”
- 103. ในซู่เวิ่น (素問)
ได ้กล่าวไว ้ว่า
“อินอยู่ใน คือการรักษาไว ้แห่งหยาง
หยางอยู่นอก คือการผลักดันไปแห่งอิน
(陰在內,陽之守也;陽在外,陰之使也.)”
หมายความว่า
อินอยู่ใน คือตัวช่วยผลักดันให ้เกิดเป็นอานุภาพแห่งห
ยางที่ภายนอก ขณะเดียวกัน หยางที่แสดงอานุภาพที่
ภายนอก
ก็เป็นตัวช่วยสร ้างอินเก็บไว ้ที่ภายใน
- 106. • ส่วน หยาง จะหมายถึง พลังงาน
หรืออุณภูมิร่างกาย หรือการเคลื่อนไหว
หรือการย่อยการดูดซึม
หรืออะไรก็แล ้วแต่ที่เราพอจะเข ้าใจได ้ในปัจจุบัน
เราจะรวมเรียกว่า พลังงาน
- 107. • ดังนั้น สารอาหารที่อยู่ภายใน จึงเป็นตัวผลักดัน
ให ้เกิดพลังงานที่ภายนอก เช่น การเคลื่อนไหว หรือ
อุณหภูมิของร่างกาย
• ด ้วยเหตุนี้ในซู่เวิ่น (素問)
จึงกล่าวว่า หยางคือการผลักดันไปแห่งอิน
- 110. 3.อินหยางเพิ่มลด (陰陽消長)
• อินและหยางเป็นภาวะที่ไม่ได ้อยู่นิ่ง
หากแต่เป็นภาวะหมุนเวียนที่จะคอยเสริมและลดอยู่
ตลอดเวลา
• ยกตัวอย่างเช่น
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (หยาง)
จะต ้องมีการเผาผลาญสารอาหาร (อิน) บางส่วน
ออกไป
นี่ก็คือการเพิ่มอย่างหนึ่งและลดอีกอย่างหนึ่ง
- 111. • ขณะเดียวกัน การสร ้างสารอาหารของร่างกาย (อิน)
ก็จาเป็นต ้องมีการใช ้พลังในการย่อยอาหารด ้วย
(หยาง)
การลดอินเพื่อเพิ่มหยาง การลดหยางเพื่อเพิ่มอิน
อินและหยางจะมีการเพิ่มลดเช่นนี้จนอยู่ในภาวะ
สมดุล
แต่หากภาวะสมดุลนี้ ถูกทาลายไป
ก็จะเกิดภาวะเสียศูนย์ที่เป็นอินมากหรือหยางมาก
และนี่ก็คือเหตุผลที่ทาให ้ร่างกายเจ็บไข ้ได ้ป่ วย
นั่นเอง
- 112. 4.อินหยางพลิกผัน (陰陽轉化)
• ภาวะอินและหยางนั้น
มิใช่เป็ นภาวะที่อยู่นิ่งไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
หากแต่สามารถที่จะพลิกผันไปอีกขั้วหนึ่งได ้ในทันที
• ขอเพียงแต่อยู่ในสภาวะหนึ่ง ๆ
ภาวะอินหรือหยางนี้ ก็จะสามารถผันแปรไปอีกสุดขั้ว
หนึ่งก็ได ้
หรือก็คืออินสามารถเปลี่ยนเป็นหยาง หยางสามารถ
เปลี่ยนเป็นอินได ้นั่นเอง
- 113. ในซู่เวิ่น (素問)
• ได ้กล่าวไว ้ว่า
“เมื่ออินมากก็จะเป็นหยาง เมื่อหยางมากก็จะเป็นอิน”
“เมื่อร ้อนสุดก็จะกลายเป็นเย็น เมื่อเย็นสุดก็จะ
กลายเป็นร ้อน”
- 114. • ในตาราได ้กล่าวถึงว่า
อินหยาง สามารถแปรผันเป็นอีกสุดขั้วหนึ่งได ้
แต่ขณะเดียวกันก็อธิบายว่า
การที่อินหยาง จะสามารถแปรผันเป็นฝั่งตรงข ้ามได ้
นั้น
จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะอย่างหนึ่ง
หากไม่มีเงื่อนไขเฉพาะ
จากด ้านในและด ้านนอก
ก็จะไม่สามารถแปรผันได ้
- 115. ยกตัวอย่างเช่น อาการตัวร ้อน
เฉียบพลัน
• เนื่องจากภายในร่างกายสะสมพิษร ้อนจานวนมาก
จึงมีการเผาผลาญพลังที่ดีของร่างกายอย่างมหาศาล
หากอยู่ในสภาวะไข ้ร ้อนเช่นนี้เป็นเวลานาน
ก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิร่างกายลดลงโดย
เฉียบพลัน
ผู้ป่ วยจะมีสีหน้าซีดขาว แขนขาเย็นเยือก
ชีพจรอ่อนเล็กจนเหมือนว่าจะขาดหายไป
• ในตอนนี้จะต ้องทาการช่วยเหลือให ้เหมาะสม
เพื่อทาให ้แขนขาอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ให ้พลังหยางฟื้นฟู
ขึ้นมา
- 120. • โดย สามอิน
มีชื่อเรียกว่า ไท่อิน (太陰)
มีความหมายว่าความมากสุดแห่งอิน
สองอิน
มีชื่อเรียกว่า เส ้าอิน (少陰) มีความหมายว่า อินที่
น้อยลง
ส่วนหนึ่งอิน
มีชื่อเรียกว่า เจวี๋ยอิน (厥陰) มีความหมายว่า อินที่
อ่อนมาก
- 123. ฤดูกาลของคนจีน
• มีด ้วยกันทั้งหมด 4 ฤดูนะครับ
คือ ฤดูใบไม ้ผลิ เริ่มต ้นที่เดือน กุมภาพันธ์ /
ฤดูร ้อน เริ่มต ้นที่เดือนพฤษภาคม /
ฤดูใบไม ้ร่วง หรือฤดูฝน เริ่มต ้นที่เดือนสิงหาคม
และฤดูหนาว จะเริ่มต ้นที่เดือน พฤศจิกายน / ………
• https://www.facebook.com/415150122354333/posts/515972662272078/
- 124. • ทั้งนี้ฤดูใบไม ้ผลิ … เป็นดินแดนของ มังกรไม ้
• ฤดูร ้อน … เป็นดินแดนของ มังกรไฟ
• ฤดูใบไม ้ร่วง… เป็นดินแดนของ มังกรทอง
• ฤดูหนาว…เป็นดินแดนของ มังกรน้า
- 126. พลังงาน หมวด นักษัตรจีน นักษัตรไทย
ศักย์ ความรัก,ของสวยงาม (แม่
ธาตุ)
子 午 卯 酉 ชวด มะเมีย เถาะ ระกา
จลน์ อานาจ (พาหะ) 寅 申 巳 亥 ขาล วอก มะเส็ง กุน
สะสม เงินทอง (คลังขุมทรัพย์) 辰 戌 丑 未 มะโรง จอ ฉลู มะแม
- 127. • เราจะเห็นได ้ว่า … ธาตุในดวงจีนมีทั้งหมด 5 ธาตุ
โดยแบ่งเป็นธาตุเล็กและธาตุใหญ่ รวม10ธาตุ…
ดังที่กล่าวมาแล ้วในครั้งก่อนนะครับ
……คือมีธาตุทอง น้า ไม ้ ไฟ และดิน…
- 128. • อ ้าว…แล ้วมังกรที่ว่า…ไหนมีเพียง 4 ละครับ……
เดี๋ยวครับ มังกรดินนั่นจะแทรกซึมอยู่ในทุกๆปลาย
ของ ทุกๆฤดูนะ…
แล ้วมังกรดินที่ว่าก็คือ
…เดือนมกราคม เดือนเมษายน เดือนกรกฎาคม เดือน
ตุลาคม
ก็คือใน 4 เดือนนี้อากาศจะแปรปรวนมาก
เพราะเป็นช่วงของการเปลี่ยนถ่ายจากฤดูหนึ่ง… ไปสู่
อีกฤดูหนึ่ง นั่นเอง …
- 129. • ฉะนั้น ใครที่เกิดธาตุดิน แน่นอนจะเป็นผู้ที่มีความ
พิเศษนะครับ
เพราะฤดูกาลของเขานั่นไม่มี
และมังกรดินจะเกิดยากกว่ามังกรทุกๆตัวที่กล่าว
มา………
ถ้าชะตาดี และสมดุลย์
… จะเป็นผู้ที่มีความหนักแน่น อดทน
สะเทิ้นน้า สะเทิ้นบก …มีทรัพย์ คือวาสนาดี
นั่นเอง……;
• แต่มิใช่ว่ามังกรอื่นๆจะไม่ดีนะครับ
เพียงแต่มังกรดินมีความพิเศษเท่านั้นเอง……………
- 131. ตารา ปากว ้า มีหลายแบบ
บทความก็มีเยอะ
ควรศึกษาแยกแยะ
• หลายครั้งแนะนาให ้อ่านตาราเก่า ตาราโบราณ
ในการศึกษาวิชาดวงจีน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับให ้ความรู้พื้นฐานของตนที่มีแน่น
เสียก่อน
แล ้วเวลาอ่านตาราใหม่ๆที่แต่งปัจจุบันสมัย
จะได ้มีข ้อสังเกตเพิ่มเติม
ขึ้นมาได ้ว่าพิจารณาแล ้วมีความถูกต ้องเหมาะสมมาก
น้อยเพียงไร
• https://bit.ly/3Q3uVsI
- 132. • พูดง่ายๆว่า ขอให ้เรามีคลังความรู ้ในตัวเองระดับนึง
เสียก่อน
จึงจะวิเคราะห์ได ้ว่าข ้อความหรือความรู้ใหม่ๆที่ได ้มา
นั้น
น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งนี่เป็นคาถามสาคัญ
ที่คนเรียน ดวงจีน หรือ ฮวงจุ้ย
มักตั้งคาถามกันว่า
ตาราที่มีในมือนั้น มีความน่าเชื่อถือได ้มากน้อย
เพียงไร
- 135. • ปวงปรัชญาจีน
เชื่อว่า ปากว ้า หรือ โป๊ ยข่วย
เป็นสัญลักษณ์บอกและแสดง
ความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งในธรรมชาติ
ผ่านเครื่องหมายที่มีสืบต่อมาแต่ครั้งบรรพกาล
ในสมัยที่คนเรายังเขียนตัวหนังสือไม่เป็นเสียด ้วยซ้า
- 138. จริงๆ ตารา ตี้หลี่เปี้ยนเจิ้ง
ได ้อธิบายเรื่องโฮ่วเทียน ปา กว ้า
และลักษณะประจาธาตุของแต่ละกว ้า
• ว่ามาจาก ดวงดาวบนท ้องฟ้าทั้งหมด ห ้าดวง
ได ้ทั้งหมด ห ้าธาตุ
มาประกอบกันตามความหมายของ ปากว ้า
บนฟ้า มีห ้าดวงดาว
บนดิน มีห ้าขุนเขา ห ้าแม่น้า
สรรพสิ่งบนโลก ประกอบมี ปา กว ้า
- 139. ตุ้ย ปาก ลิ้น ซ่างเจียว
หลี นัยตา หัวใจ
เจิ้น เท ้า ตับ ผม
ซวิ่น มือ ชี่
ขั่น หู เลือด ไต
เกิ้น จมูก นิ้วชี้ หลัง
คุน ท ้อง พุง
- 142. ปา กว ้า ที่ หนึ่ง
• เฉียน คือหัว คือเริ่มต ้น คือจุดเริ่ม
คือข ้างบน คือเจ ้าแห่งกาย (ศูนย์สั่งการ)
• แต่ก็มีข ้อคิดว่า จริงๆแล ้ว พุทธ และ แพทย์แผนจีน
เห็นตรงกัน
ให ้หัวใจเป็น จวิน หรือ เจ ้าแห่งกายทั้งปวง
เพราะเป็นตัวสูบฉีดเลือด
และในพระอภิธรรมกล่าวว่า จิตใจ อยู่ที่ หทยวัตถุ
มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ
เป็นตัวควบคุมความรู้สึกนึกคิดที่แท ้จริง
ก่อนส่งไปยังสมองอีกทีหนึ่ง
- 148. ปา กว ้า ที่ สอง คุน
• คุน หมายถึง พุง หรือ ท ้อง
ท ้องเพื่อรองรับอาหารต่างๆที่เข ้าสู่ร่างกาย
ในที่นี้ ตามความหมายปากว ้า คุน
หมายถึง ผืนปฐพีอันกว ้างใหญ่
เป็นตัวแทนความไพศาลอาณาเขตกว ้างขวาง
รองรับสรรพสิ่งไว ้
- 153. ท ้องหรือพุงของคนเรา เลยเป็น
กว ้า คุน
• คือเปรียบเหมือนความไพศาลของปฐพี
หรือธาตุดินที่คอยรองรับแปรสภาพส่ิงต่างๆ
ให ้ได ้เจริญเติบโต และกักเก็บ
เป็นพื้นเป็นฐานของสารอาหารต่างๆ
เหมือนผืนดินที่รองรับสายน้า ทวีป แผ่นดินโลก
- 156. ปา กว ้า ที่ สาม เจิ้น หมายถึง เท ้า
เจิ้น คือการเคลื่อนไหว
เท ้าก็มีไว ้เพื่อการเคลื่อนที่ของร่างกาย
• ในสัญลักษณ์ ปากว ้า
จะมีขีดที่แตกต่างกันเพื่อแทน ยินหยาง สองลักษณะ
คือ ขีดเต็มแทนด ้วยหยาง ขีดที่แหว่งตรงกลางแทน
ด ้วยหยิน
ในที่นี้ หยาง หมายถึงการเคลื่อนไหว
หยิน หมายถึงการหยุดนิ่ง
- 159. • หนึ่ง กว ้า เป็นสัญลักษณ์ที่ประกอบด ้วย
ขีดดังกล่าวที่ว่ามาต่างๆลักษณะกัน
มีทั้งหมด 8 แบบ เรียก ปา กว ้า
และแต่ละแบบมี สามเส ้น (ยิน-หยาง ไม่เหมือนกัน)
เรียกแต่ละเส ้นว่า เหยา
- 160. หนึ่ง กว ้า มี สาม เหยา
หนึ่ง
กว ้า
หนึ่ง
เหยา
หนึ่ง
เหยา
หนึ่ง
เหยา
- 161. กว ้า เจิ้น
• โดยที่ เหยาแรกของ กว ้า เจิ้น
เป็นเส ้นเต็มไม่มีแหว่งกลาง
หรือ เรียกว่า หยางเหยา
เหยาที่สองและสาม เป็นหยิน
3
2
1
- 162. • คนเราต ้องใช ้เท ้าในการเคลื่อนที่เดินเหิน
เลยให ้กว้า เจิ้น เป็นตัวแทนของ ขา หรือ เท ้า
ดังจะเห็นได ้ว่า เป็นการมุ่งเน้นเค ้นเอา
แต่ละคุณลักษณะที่จะเอามาประกอบเสริม
เข ้ากับคาอธิบายออกมา ให ้เห็นภาพ
เพราะตรงนี้จู่ๆก็กล่าวเรื่องเหยา ขึ้นมา
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สองกว ้าไม่ได ้พูดถึงเหยาในกว ้าแต่
ประการใด
- 167. ปา กว ้า ที่ สี่ ซวิ่น
• ซวิ่น หมายถึง น่อง
น่องและต ้นขา
เป็นจุดที่มีความแข็งแรงยืนหยัดจุดหนึ่งของร่างกาย
คนเรา
ซวิ่น เป็นกว ้ามีนัยหมายถึง การเข้าไป การเข้าสู่
สังคมใหม่ๆ
การยกระดับตนเอง การก้าวขึ้นไป
ซึ่งเราต ้องใช ้ขาในการก ้าว
ก็เลยให ้เป็นกว ้า ซวิ่น
- 170. ปา กว ้า ที่ ห ้า ขั่น
• ขั่น หมายถึงสายน้า หรือ ธาตุน้า
ธาตุน้าในร่างกายคนเราหมายถึง ไต และ หู
สองอวัยวะนี้มีความสัมพันธ์กัน
จากันง่ายๆว่า ลักษณะของ กว ้า นี้
เหยา ตรงกลางเป็นหยาง
ขนาบบนล่างเป็น หยิน
เปรียบเหมือนความเคลื่อนไหวในที่สงบนิ่ง (ริมตลิ่ง)
ดังนั้น กว ้านี้จึงเปรียบได ้กับ ความฉลาดของธาตุน้า
- 177. ปา กว ้า ที่ หก หลี
• หลี เป็นกว ้าตัวแทนของ ดวงตา
หรือ พระอาทิตย์ ที่ส่องแสงสว่างให ้แก่โลก
เปรียบดั่งตาคนที่คอยฉายภาพสอดส่องตรวจตรา
สรรพสิ่ง
(แต่ส่องไม่เห็นดวงตาตัวเอง)
ดังนั้น หลี กว ้านี้ เลยแทนด ้วย ดวงตา
- 181. ปา กว ้า ที่ เจ็ด เกิ้น
• เกิ้น เป็นตัวแทนของ มือ
จาง่ายๆว่า กว ้านี้
คล ้ายลักษณะคนกาลังใช ้แขนสองข ้าง ดันพื้น
เพราะด ้านบนสุด เป็น หยางเหยา
สองเหยาล่าง เป็น ยินเหยา
- 187. ปา กว ้า ที่ แปด ตุ้ย
• ตุ้ย หมายถึง ปาก
เพราะ ตุ้ย ในความหมาย ปา กว้า
แทนด ้วย ทะเลสาบ ห ้วยหนอง
เป็นแอ่งที่ลุ่มของที่ราบพื้นโลก
ร่างกายคนมีจุดที่เว ้า ที่ลุ่มลงไปที่สุดก็คือ ปาก
นัยยะของกว ้านี้แทนด ้วย ความสุขเปรมปรีดิ์
เหมือนปากคนที่จะพูดมากเวลามีความสุข
- 189. • จากที่อ่านแล ้วสรุปได ้ว่า บทความนี้
เป็นการยกตัวอย่างขึ้นมาเปรียบเปรย
ให ้จาแต่ละ กว ้า ได ้และเข ้าใจบทบาทอย่างคร่าวๆ
ไม่ใช่มุ่งหมายอธิบายขยายความความหมายของ
กว ้า
- 190. • นี่คือจุดสาคัญที่อยากมุ่งเน้นว่า เวลาอ่านหรือศึกษา
ตารา
ต ้องตีความให ้ออกว่า ตารานั้นๆ หรือบทความนั้นๆ
ผู้เขียนต ้องการเขียนเพื่ออะไร และเพื่อให ้ใครอ่าน
จะได ้ไม่ไขว ้เขวว่า ตารานึงว่าซ ้าย ตารานึงว่า ขวา จะ
เชื่อใครดี
ตาราจีนพื้นฐานจริงๆล ้วนมีพื้นฐานเดียว
แต่ผ่านกาลเวลาและการแต่งเติมมา
บางทีก็เลยเหมือนกับว่าย ้อนแย ้งกันไป
หากเข ้าใจหลักการจะเข ้าใจว่า เป็นอันเดียวกัน ดุจตา
บอดคลาช ้าง
- 192. ตุ้ย ปาก ลิ้น ซ่างเจียว
หลี นัยตา หัวใจ
เจิ้น เท ้า ตับ ผม
ซวิ่น มือ ชี่
ขั่น หู เลือด ไต
เกิ้น จมูก นิ้วชี้ หลัง
คุน ท ้อง พุง
- 193. • ทั้งนี้ หากมีความรู้พื้นฐานเรื่อง ห ้าธาตุ
ก็สามารถนา แต่ละกว ้า ไปโยงกับความหมายแต่ละ
ธาตุ ในห ้าธาตุ
แล ้วโยงกับความหมายอวัยวะร่างกาย เส ้นลมปราณ
ตามแต่ละธาตุได ้ต่อไป
ทั้งนี้ นอกจากบทสรุปอวัยวะ
ตามลักษณะความหมายของ กว ้า แล ้ว
บางตารายังมีแบ่ง กว ้า เป็นแต่ละส่วนของร่างกาย
ตามภาพที่ผมวาดเอาไว ้
• https://bit.ly/3Q3uVsI