ว่าด้วย ความเป็นอยู่ของนกจักรพราก พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุเหลาะแหละรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า ภิกษุรูปนั้นเป็นผู้เหลาะแหละโลภปัจจัย ทิ้งอาจริยวัตรและอุปัชฌายวัตรเป็นต้นเสีย เข้าพระนครสาวัตถีแต่เช้าทีเดียว แม้ดื่มข้าวยาคูที่มีของเคี้ยวหลายอย่างเป็นบริวาร แล้วฉันข้าวสาลีเนื้อและข้าวสุกที่มีรสเลิศต่างๆ ที่เรือนนางวิสาขา เท่านั้นก็ยังไม่อิ่ม ออกจากที่นั้นมุ่งหน้าไปยังนิเวศน์ของคนนั้นๆ คือ จูลอนาถปิณฑิกเศรษฐี มหาอนาถปิณฑิกเศรษฐี และพระเจ้าโกศล. อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภา ปรารภความเหลาะแหละของภิกษุนั้น พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันถึงเรื่องอะไร? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว รับสั่งให้เรียกภิกษุนั้นมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้เหลาะแหละจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ดังนี้ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เหตุไรเธอจึงเป็นผู้เหลาะแหละ แม้ในกาลก่อน เธอก็ไม่อิ่มด้วยซากศพช้างเป็นต้นในพระนครพาราณสี เพราะความเป็นผู้เหลาะแหละ ออกจากที่นั้นแล้ว เที่ยวไปตามฝั่งแม่น้ำคงคาเข้าหิมวันตประเทศดังนี้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้