1

1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน สงครามครั้งหยิ่งใหญ่ที่สุด
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นาย ถิรนัทธ์ ปริยาพร เลขที่ 21 ชั้น ม. 6 ห้อง 10
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานร่วม (ถ้ามี)…………………………………………………
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์

2. 2
สมาชิกในกลุ่ม .……
1 นาย ถิรนัทธ์ ปริยาพร เลขที่ 21
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
สงครามโลกครั้งที1ส่งผลต่อโลก
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
First World War
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ถิรนัทธ์ ปริยาพร
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม คุณครู นพดล ขอดคำ
ระยะเวลาดาเนินงาน
ดาเนินการ 1 ภาคเรียน
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ปัจจุบันนี้ผู้คนอาจจะไม่รู้จักสงครามโลกแล้วอาจจะเห็นตามข่าวมากมายแต่ผู้คนอาจจะยังรู้
ถึงสาเหตุหลักที่แท้จริงว่าสงครามทั้งหลายภายในโลกนั้น มีผลมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะสงคราม
ครั้งนี้สงผลกระทบการเปลี่ยนแปลงของโลกมากมายชีวิตผู้คนต่างๆ การสูญเสียและผลที่ตามมาอย่าง
มากมายเช่น สงครามเอเชียบูรพา สงครามเย็น สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามพวกนี้เกิดมาจาก การขัดแย้ง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งสิ้น และจากสงครามนี้ทาให้เรารู้ว่าโลกของเราที่สงบสุขนั้นมีเรื่องขัดแย้งมากมายที่เรา
ไม่รู้เพราะถ้าไม่มีความขัดแย้งสงครามโลกครั้งที่ 1 คงเกิดขึ้นมาไม่ได้ และบางที่เราต้องตระหนักเราต้องช่วย
ป้องกันถ้าโตมาแล้วเราควรให้คนรุ่นหลังไม่ทาผิดผลาดอย่างคนรุ่นเราทาให้คนรุ่นใหม่รักษาโลกนี้ไว้เพราะ
การทาสงครามกันทีใช้งบประมาณ มหาศาลมากในการผลิตอาวุธ ต่างการใช้คนการสูญเสียมากมายภายในโลก
ผู้คนล้มตายจานวนมหาศาลทรัพยากรโลกสูญเสียมากสร้างความสูญเสียแก่โลกทั้งนี้เด็กใน ด้วยเหตุทั้งหมดผู้จัดทา
ต้องกรให้คนรุ่นหลังเห็นผลกระทบขอสงครามเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเหมือนกับคนรุ่นหลัง
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. การศึกษาผลกระทบของสงครามที่เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบัน
2. แนวทางการแก้ไขปัญหา
3. ศึกษาสงครามที่เกิดขึ้นต่อจากครั้งที่ 1
4. เผยแพร่ข้อมูลที่ศึกษามาให้ความรู้
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
อาจจะไม่มีข้อจากัดของโครงงานเพราะเป็นการแค่ศึกษาข้อมูลต่างและนามาเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่ศึกษา
หรือกาลังศึกษาอยู่

3. 3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ความรู้มาจากการศึกษาสงคราม หรือจากการเรียนในห้องนามาศึกษาเพิ่มเติมหาความรู้ที่แท้จริง
และทฤษฎี คือสงครามโลกครั้งที่ 1 ความจริงบางประการที่เป็นข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆอาจจะไม่เป็นข้อเท็จจริงของ
สงครามโลกที่เกิดขึ้นก็ได้เพราะเหตุการณ์ที่แท้จริงเราไม่สามารถรู้ได้ว่าอย่างไหนเป็นของจริงทาได้แค่เปรียบเทียบแล้ว
สรุปเว็บไซค์ที่มีข้อมูลเหมือนกันมากที่สุดและสรุปนาเสนอในเวลาต่อมา
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
การศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ นามาศึกษาตีความแล้วประเมินคุณค่ามีความน่าเชื่อเชื่อถือหรือไม่
และนามาสรุปนาเสนอต่อผู้คนที่กาลังศึกษาเรื่องนี้
-หาหัวข้อเรื่องที่สนใจ
-นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน
-ศึกษารวบรวม
-จัดทาเป็นรายงาน
-นาเสนอต่อครูผู้สอน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-ใช้สื่อคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในการเก็บข้อมูลนามาสรุปและนาเสนอ
-หนังสือประวัติศาสตร์ต่างๆ
-ศึกษาจากอินเตอร์เน็ตประกอบด้วย
งบประมาณ
ไม่จาเป็นต้องใช้เพราะเป็นแค่การศึกษา
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
คาดหวังว่าผู้ที่เข้ามาอ่านจะเข้าใจแล้วนาไปต่อยอดได้ในการใช้ศึกษา หรือผู้ที่สนใจ การศึกษาสามารถนาไป
ต่อยอดได้มากมาย เช่นการใช้นาไปสอบเข้าต่างๆเพราะข้อสอบเดี๋ยวนี้ก็ใช้ขอเรื่องสงครามโลกอีกด้วย

4. 4
สถานที่ดาเนินการ
-โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
-บ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
-ประวัติศาสตร์สากล สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาสตร์
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
- http://www.voicetv.co.th/read/HyhXCLBaX
- https://www.baanjomyut.com/library/world_war_1/01.html
- https://www.silpa-mag.com/history/article_22647