SMART planning กิจกรรมที่  2  การบริหารจัดการคุณภาพการเรียนรู้ ในสถานศึกษาและชั้นเรียน โครงการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสู่มาตรฐาน ภายใต้แผนงานไทยเข้มแข็ง ระยะที่  2  พ . ศ .  2553-2555 การวางแผนกลยุทธ์แบบมีส่วนร่วม เพื่อการบริหารจัดการคุณภาพและการเรียนรู้ ในสถานศึกษาและชั้นเรียน 24  ก . ย .  53
คิดทะลุ   (Think Through) 1.  ประสิทธิผล  (Effectiveness)   หลักคิด  : เร็ว   – ช้า – หนัก – เบา ทำ  20  –  ได้  80 หนึ่งผลมาจากหลายเหตุ   2.  ประสิทธิภาพ  (Efficiency)   หลักคิด  : หนึ่งเป้าหมายไปได้หลายเส้นทาง How to  ที่ได้ผล   “ คุ้มค่า ”   ที่สุด ( ดีกว่า – เร็วกว่า – ถูกกว่า )
ฉลาดวางแผน SMART Planning S pecific,  M easurable,  A ctionable,  R elevant  &   T ime-based ทำสิ่งที่จำเป็น เท่าที่จำเป็น เมื่อจำเป็นเท่านั้น   ●  ให้คนทำเป็นคนคิด   ●  ทำงานเป็นทีมอย่างมีความสุข   ●  ตรวจสอบปัญหาในสถานที่จริง   ●  แก้ปัญหาและวิจัยด้วยตนเอง
M :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 โรงเรียน  :  ... ......... SI : ……………………… SMART planning  ระดับบน Team : ….. ..............   SI   (Strategic Issue) SI   : “ ประเด็นยุทธศาสตร์ ”  /  “ ประเด็นสำคัญๆ ”  ที่ต้องดำเนินการในกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อมุ่งไปสู่  “ เป้าหมาย ”  ที่ได้กำหนดไว้ ทำให้  รู้ว่าในช่วงนี้ต้องทำเรื่องสำคัญๆ อะไรบ้าง ?
หลักคิดการกำหนด  SI SI  หรือ  “ ร่ม ”  คือ ประเด็นยุทธศาสตร์ หรือ  “ ประเด็นสำคัญ ”  ที่ต้องนำมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์  ( ไม่ควรเกิน  5 SI  ในระยะเวลา  2-3   ปี )  ทำให้รู้ว่า ในระยะเวลาที่กำหนด ต้องทำเรื่องอะไรบ้าง ?  SI  ได้จากการกำหนด  “ จุดเด่น ”  (Excellence)  หรือภาพในอนาคตขององค์กร  ( ในระยะเวลา  5 - 10  ปี ? )   แล้ววิเคราะห์   KSF  ที่องค์กรต้องมีเพื่อการบรรลุภาพในอนาคตดังกล่าว  KSF  ที่องค์กรต้องสร้างขึ้น / KSF  ที่ต้องปรับปรุงพัฒนา เรียกว่า  SI เขียน  SI  เป็น  “ ประเด็น ”  สั้นๆ ถ้า  SI  เป็นประเด็นที่ใหญ่เกินไป ก็สามารถแยกออกเป็นหลายๆ ประเด็นได้
M :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 โรงเรียน  :  ... ......... SI : ……………………… SMART planning  ระดับบน Team : ….. ..............   M   ( Mission ) M  : “ ภารกิจ ”  ที่ต้องดำเนินการให้สำเร็จในระยะเวลาที่กำหนด เปรียบเสมือนการปัก  “ ธง ”  เพื่อให้ทุกคนในทีมงานมี  “ เป้าหมายร่วมกัน ”  อย่างชัดเจน
หลักคิดการกำหนด  M M  หรือ  “ ธง ”  คือ ภารกิจที่ต้องดำเนินการให้สำเร็จในระยะเวลาที่กำหนด  ( ไม่ควรเกิน  1  ปี )  เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิผล หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ทำให้รู้ว่า ต้องการอะไร ?  ต้องการเท่าไร ?  และต้องการเมื่อไร ? M  ต้องชัดเจนและท้าทาย แต่มั่นใจว่าสามารถบรรลุได้ โดยใช้หลักคิด  SMART   คือ มีความเฉพาะเจาะจง  (Specific)  วัดผลสัมฤทธิ์ได้ มีตัวเลขกำกับ  ( Measurable)  ปฏิบัติได้  (Actionable)  สอดคล้องกับ  SI   (Relevant)  และมีกำหนดเวลาบรรลุ  (Time-based) เขียน  M  เป็น  “ ประโยคบอกเล่าสั้นๆ ”  มีภาคประธานและภาคแสดง ไม่ใช้คำว่า ประมาณ / มากกว่า / น้อยกว่า   ไว้ข้างหน้าตัวเลขที่เป็นเป้าหมาย SI  เปรียบเสมือน  “ ร่ม ”  ของ  M  แต่ละ  SI  อาจมีหลาย  M
M / DM :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 วษท ....   /  แผนกวิชา . ...   SI : …… ...... ……… .. ( ระดับบน )  ( ระดับล่าง )   ผู้รับผิดชอบ   : ….. .... 12 LOA WS1   ( ใบงานที่  1 ) 11.00 – 11.30  น .  ระดมความคิด 11.30  น .  นำเสนอ กลุ่มละ  3  นาที ใน  3  เดือน  SI  เร่งด่วนที่สุด คือ อะไร ?   เพราะอะไร ? 1 M/1 DM  ของ  SI   นั้น คือ อะไร ?
M :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 โรงเรียน  :  ... ......... SI : ……………………… SMART planning  ระดับบน Team : ….. ..............   CP   ( Critical Point ) CP   : “ จุดคอขวด ”  /  จุดวิกฤติ  /  จุดเป็นจุดตาย   เป็น  “ จุด ”  ที่คาดว่าเป็น  “ ปัญหา ”  ในการบรรลุ  M  ที่กำหนดไว้ จึงต้องระมัดระวังดูแลเป็นพิเศษ
วิธีขจัด   “ จุดคอขวด ” มี   ไม่มี “ จุดคอขวด ”   ( C ritical   P oint,   CP )   มี  4  ประเภท รู้  ไม่รู้ สาเหตุของ   “ จุดคอขวด ” ? ท้าทาย ความรู้ ? เทคโนโลยี ? ทักษะ ? อุปกรณ์ ? “ ทางเลือก ” “ หาสาเหตุ ” 3 4 1 2
หลักคิดการกำหนด  CP CP  หรือ  “ จุดคอขวด ”  เป็น  “ จุด ”  ที่คาดว่าเป็นปัญหาในการบรรลุ  M  ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เปรียบเสมือน  “ สนามรบ ”  ซึ่งแต่ละ  CP  ต้องเป็น  “ ปัญหา ”  เดียวเท่านั้น และ  CP  ต้องวัดผลได้ แต่ไม่มีตัวเลขกำกับ โดยเขียนเป็นประเด็นปัญหาสั้นๆ  เมื่อกำหนด  M  แล้ว ใช้ความคิดสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบหา  “ เส้นทาง ”  ที่คุ้มค่าที่สุดในการบรรลุ  M  คือ  “ ดีกว่า ถูกกว่า เร็วกว่า ”  จากนั้นวิเคราะห์  CP  ใน  “ เส้นทาง ”  ดังกล่าว แบ่ง  CP  ออกเป็น  4  ประเภท แล้วคัดเลือกเฉพาะ  CP  ที่รู้วิธีแก้เท่านั้น คือ  CP  ประเภท   1  และ  2  เพียง  4 CP   จากนั้นจัดลำดับความสำคัญ โดยให้  CP  ที่สำคัญสุดเป็น  CP1 ถ้า  M  มีน้อยกว่า  4   CP  แสดงว่า เป้าหมายของ  M  นั้นต่ำเกินไป ให้กำหนดเป้าหมายให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวน  CP   แต่ในกรณีที่  CP  เป็นปัญหาใหญ่ มีความซับซ้อน ให้ยกระดับ  CP  ขึ้นเป็น  M สำหรับ  CP  ประเภท  3  และ  4  นำไปใช้เป็นโจทย์วิจัยและพัฒนา
M :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 โรงเรียน  :  ... ......... SI : ……………………… SMART planning  ระดับบน Team : ….. ..............   KPI   (Key Performance Indicator) KPI  : “ ตัวบ่งชี้ ”  /  ตัวชี้วัด เนื่องจาก  CP   ไม่มีเป้าหมายที่เป็นตัวเลข จึงบ่งชี้แต่เพียงว่า  “ ต้องทำอะไร ? ”   หรือ  “ สนามรบ ”  อยู่ที่ไหน ? ”  แต่ไม่รู้ว่า  “ ต้องทำมากน้อยเท่าไร ? ”   และ  “ ต้องทำให้สำเร็จเมื่อไร ? ”  จึงจัดทำแผนปฏิบัติการ และวัดความสำเร็จในการจัดการ  CP  ได้
หลักคิดการกำหนด  KPI  ของ  CP เนื่องจาก  CP   ไม่มีเป้าหมายที่เป็นตัวเลข เพียงแต่บ่งชี้ว่า  “ ต้องจัดการอะไร / ตรงไหน ? ”  ( “ สนามรบ ”  อยู่ที่ไหน ? ” )   แต่ไม่มีตัวเลขบอกว่า  “ ต้องการมากน้อยเท่าไร ?  และบรรลุเมื่อไร ? ”  จึงวัดความสำเร็จในการจัดการ  CP  ไม่ได้ ฉะนั้น ต้องกำหนด  KPI  ของแต่ละ  CP   ที่บ่งชี้เป้าหมายให้ชัดเจน โดยมีตัวเลขกำกับและมีกำหนดเวลาที่ต้องการบรรลุเป้าหมายนั้น  KPI  จึงมีจำนวนเท่ากับ  CP  ( 1 CP  มี   1 KPI ) KPI  มีความหมายตรงกันข้ามกับ  CP  เสมอ เช่น  CP  ขาด ...  KPI  มี ... วิธีการเขียน  KPI  ใช้หลักการเดียวกันกับการเขียน  M   แต่กำหนดเวลาที่ต้องการบรรลุเป้าหมายของแต่ละ  KPI  จะแตกต่างกันออกไปตามความจำเป็น และเป็นตัวกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ
M / DM :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 วษท ....   /  แผนกวิชา . ...   SI : …… ...... ……… .. ( ระดับบน )  ( ระดับล่าง )   ผู้รับผิดชอบ   : ….. .... 12 LOA WS2   ( ใบงานที่  2 ) 13.30 – 14.30  น .  ระดมความคิด 14.45  น .  นำเสนอ กลุ่มละ  5  นาที ทบทวนการเขียน  SI & M/DM กำหนด  4 CP  และ  KPI  ของแต่ละ   CP
M :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 โรงเรียน  :  ... ......... SI : ……………………… SMART planning  ระดับบน Team : ….. ..............   LOA   (List of Actions) LOA   : “ ชุดกิจกรรม ”  คือ  “ How to”/  วิธีการสำหรับใช้ขจัดหรือบริหารจัดการ  CP  ที่ไห้ผล  “ คุ้มค่า ”  ที่สุด   วัดที่ผลลัพธ์  “ ดีกว่า ถูกกว่า เร็วกว่า ” P   ( Project ) P   : “ โครงการ ”  ของแต่ละ  “ CP”  ต้องมี  “ A”  ครอบคลุม  “ A”  ทั้งหมดใน  “ LOA”
CP   1  :  เครื่องจักรเสีย KPI   1 :  เครื่องจักรใช้งานได้ใน  1 wk 1.  ทำไมเครื่องจักรเสีย ? -  เพราะฟิวส์ขาด สาเหตุจากเครื่องจักรทำงานมากเกินไป 2.  ทำไมเครื่องจักรทำงานมากเกินไป ? -  เพราะการหล่อลื่นที่ประเก็นไม่เพียงพอ 3.  ทำไมการหล่อลื่นที่ประเก็นไม่เพียงพอ ? -  เพราะปั๊มหล่อลื่นทำงานไม่ปกติ 4.  ทำไมปั๊มหล่อลื่นทำงานไม่ปกติ ? -  เพราะแกนปั๊มหัก 5.  ทำไมแกนปั๊มหัก ? -  เพราะเครื่องกรองมีขี้น้ำมันอยู่ข้างใน ไคเซ็น  :  กุญแจสู่ความสำเร็จแบบญี่ปุ่น โดย  Masaaki Imai A1   ขจัด   “ ต้นตอ ” A2 A3 5  ทำไม ?
หลักคิดการกำหนด  LOA   & P LOA  คือ  “ How to”/“ วิธีการรบ ”  หมายถึง ชุดกิจกรรม  ( วิธีการ )  สำหรับใช้ในการจัดการ  CP   ให้บรรลุ  KPI ในการกำหนด  LOA  ใช้หลักคิดของ ทาอิอิจิ โอโน๊ะ ที่ว่า ถ้าต้องการแก้ปัญหาที่  “ ต้นตอ ”  ให้ตั้งคำถามว่า  “ ทำไม ”  อย่างน้อย  5  ครั้ง  ( “5 Why”)  ต่อเนื่องกันไป โดยนำคำว่า  “ ทำไม ”  ไปไว้ข้างหน้า  CP  ( ทำไม +CP )  แล้วตอบว่า  “ เพราะ ... ”  อย่างเป็นเหตุเป็นผลตรงตามข้อเท็จจริงต่อเนื่องกันไป จากนั้นกำหนดกิจกรรม  (Action, A)  สำหรับใช้จัดการ  CP   โดยให้  “ A1”   เป็นกิจกรรมที่ใช้จัดการ  “ ต้นตอ ”  ของปัญหาเสมอ แล้วจึงกำหนด  A2, A3  และ   A4  เท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุ  KPI   ของ  CP  นั้นๆ กำหนด  P  ของแต่ละ  CP  โดยต้องมี  A  ครอบคลุม  A  ทั้งหมดใน  LOA  เพื่อใช้จัดการ  CP  นั้นๆ  P  จึงมีจำนวนเท่ากับ  CP  เสมอ  ( 1 M  มี   4   CP  มี  4 P )
M :  ต้องการอะไร ?   –   เท่าไร ?   –   เมื่อไร ? P1 —  ( โครงการ :  ผู้รับผิดชอบ  —  ผู้สนับสนุน )     Who  Who Activity   When  Budget  in charge  support A1 A2 A3 CP   1 KPI   1 CP   4 KPI   4 CP   3 KPI   3 CP   2 KPI   2 โรงเรียน  :  ... ......... SI : ……………………… SMART planning  ระดับบน Team : ….. ..............   12 LOA
WS3 –  ใบงาน  3
SI1 ครู  &   บุคลากร M1  M2 M3 M4 M5 CP1 – KPI1 – LoA -- A1 – P  CP2   - A2 CP3   - A3 CP4   - A4 ระดับสถานศึกษา   (M) SI1  ครู  &   บุคลากร SI2  การมีส่วนร่วม SI3  การบริหารจัดการ SI4  สภาพแวดล้อม ร . ร . SI   2 SI   3 SI   4 ระดับแผนกวิชา / กลุ่มสาระ   (DM) 1.  ฝ่าย   ... DM1 … DM2 … DM3 … 2.  ฝ่าย   ... 3.  ฝ่าย   ... 4.  ฝ่าย   ... ใช้ SMART planning วางแผน 2  ระดับ 28

06ลส2 วันที่1 (บ่าย)&2(เช้า)--smart planinig (ประทีป)

  • 1.
    SMART planning กิจกรรมที่ 2 การบริหารจัดการคุณภาพการเรียนรู้ ในสถานศึกษาและชั้นเรียน โครงการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสู่มาตรฐาน ภายใต้แผนงานไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 พ . ศ . 2553-2555 การวางแผนกลยุทธ์แบบมีส่วนร่วม เพื่อการบริหารจัดการคุณภาพและการเรียนรู้ ในสถานศึกษาและชั้นเรียน 24 ก . ย . 53
  • 2.
    คิดทะลุ (Think Through) 1. ประสิทธิผล (Effectiveness) หลักคิด : เร็ว – ช้า – หนัก – เบา ทำ 20 – ได้ 80 หนึ่งผลมาจากหลายเหตุ 2. ประสิทธิภาพ (Efficiency) หลักคิด : หนึ่งเป้าหมายไปได้หลายเส้นทาง How to ที่ได้ผล “ คุ้มค่า ” ที่สุด ( ดีกว่า – เร็วกว่า – ถูกกว่า )
  • 3.
    ฉลาดวางแผน SMART PlanningS pecific, M easurable, A ctionable, R elevant & T ime-based ทำสิ่งที่จำเป็น เท่าที่จำเป็น เมื่อจำเป็นเท่านั้น ● ให้คนทำเป็นคนคิด ● ทำงานเป็นทีมอย่างมีความสุข ● ตรวจสอบปัญหาในสถานที่จริง ● แก้ปัญหาและวิจัยด้วยตนเอง
  • 4.
    M : ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 โรงเรียน : ... ......... SI : ……………………… SMART planning ระดับบน Team : ….. .............. SI (Strategic Issue) SI : “ ประเด็นยุทธศาสตร์ ” / “ ประเด็นสำคัญๆ ” ที่ต้องดำเนินการในกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เพื่อมุ่งไปสู่ “ เป้าหมาย ” ที่ได้กำหนดไว้ ทำให้ รู้ว่าในช่วงนี้ต้องทำเรื่องสำคัญๆ อะไรบ้าง ?
  • 5.
    หลักคิดการกำหนด SISI หรือ “ ร่ม ” คือ ประเด็นยุทธศาสตร์ หรือ “ ประเด็นสำคัญ ” ที่ต้องนำมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ ( ไม่ควรเกิน 5 SI ในระยะเวลา 2-3 ปี ) ทำให้รู้ว่า ในระยะเวลาที่กำหนด ต้องทำเรื่องอะไรบ้าง ? SI ได้จากการกำหนด “ จุดเด่น ” (Excellence) หรือภาพในอนาคตขององค์กร ( ในระยะเวลา 5 - 10 ปี ? ) แล้ววิเคราะห์ KSF ที่องค์กรต้องมีเพื่อการบรรลุภาพในอนาคตดังกล่าว KSF ที่องค์กรต้องสร้างขึ้น / KSF ที่ต้องปรับปรุงพัฒนา เรียกว่า SI เขียน SI เป็น “ ประเด็น ” สั้นๆ ถ้า SI เป็นประเด็นที่ใหญ่เกินไป ก็สามารถแยกออกเป็นหลายๆ ประเด็นได้
  • 6.
    M : ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 โรงเรียน : ... ......... SI : ……………………… SMART planning ระดับบน Team : ….. .............. M ( Mission ) M : “ ภารกิจ ” ที่ต้องดำเนินการให้สำเร็จในระยะเวลาที่กำหนด เปรียบเสมือนการปัก “ ธง ” เพื่อให้ทุกคนในทีมงานมี “ เป้าหมายร่วมกัน ” อย่างชัดเจน
  • 7.
    หลักคิดการกำหนด MM หรือ “ ธง ” คือ ภารกิจที่ต้องดำเนินการให้สำเร็จในระยะเวลาที่กำหนด ( ไม่ควรเกิน 1 ปี ) เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิผล หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ทำให้รู้ว่า ต้องการอะไร ? ต้องการเท่าไร ? และต้องการเมื่อไร ? M ต้องชัดเจนและท้าทาย แต่มั่นใจว่าสามารถบรรลุได้ โดยใช้หลักคิด SMART คือ มีความเฉพาะเจาะจง (Specific) วัดผลสัมฤทธิ์ได้ มีตัวเลขกำกับ ( Measurable) ปฏิบัติได้ (Actionable) สอดคล้องกับ SI (Relevant) และมีกำหนดเวลาบรรลุ (Time-based) เขียน M เป็น “ ประโยคบอกเล่าสั้นๆ ” มีภาคประธานและภาคแสดง ไม่ใช้คำว่า ประมาณ / มากกว่า / น้อยกว่า ไว้ข้างหน้าตัวเลขที่เป็นเป้าหมาย SI เปรียบเสมือน “ ร่ม ” ของ M แต่ละ SI อาจมีหลาย M
  • 8.
    M / DM: ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 วษท .... / แผนกวิชา . ... SI : …… ...... ……… .. ( ระดับบน ) ( ระดับล่าง ) ผู้รับผิดชอบ : ….. .... 12 LOA WS1 ( ใบงานที่ 1 ) 11.00 – 11.30 น . ระดมความคิด 11.30 น . นำเสนอ กลุ่มละ 3 นาที ใน 3 เดือน SI เร่งด่วนที่สุด คือ อะไร ? เพราะอะไร ? 1 M/1 DM ของ SI นั้น คือ อะไร ?
  • 9.
    M : ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 โรงเรียน : ... ......... SI : ……………………… SMART planning ระดับบน Team : ….. .............. CP ( Critical Point ) CP : “ จุดคอขวด ” / จุดวิกฤติ / จุดเป็นจุดตาย เป็น “ จุด ” ที่คาดว่าเป็น “ ปัญหา ” ในการบรรลุ M ที่กำหนดไว้ จึงต้องระมัดระวังดูแลเป็นพิเศษ
  • 10.
    วิธีขจัด “ จุดคอขวด ” มี ไม่มี “ จุดคอขวด ” ( C ritical P oint, CP ) มี 4 ประเภท รู้ ไม่รู้ สาเหตุของ “ จุดคอขวด ” ? ท้าทาย ความรู้ ? เทคโนโลยี ? ทักษะ ? อุปกรณ์ ? “ ทางเลือก ” “ หาสาเหตุ ” 3 4 1 2
  • 11.
    หลักคิดการกำหนด CPCP หรือ “ จุดคอขวด ” เป็น “ จุด ” ที่คาดว่าเป็นปัญหาในการบรรลุ M ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เปรียบเสมือน “ สนามรบ ” ซึ่งแต่ละ CP ต้องเป็น “ ปัญหา ” เดียวเท่านั้น และ CP ต้องวัดผลได้ แต่ไม่มีตัวเลขกำกับ โดยเขียนเป็นประเด็นปัญหาสั้นๆ เมื่อกำหนด M แล้ว ใช้ความคิดสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบหา “ เส้นทาง ” ที่คุ้มค่าที่สุดในการบรรลุ M คือ “ ดีกว่า ถูกกว่า เร็วกว่า ” จากนั้นวิเคราะห์ CP ใน “ เส้นทาง ” ดังกล่าว แบ่ง CP ออกเป็น 4 ประเภท แล้วคัดเลือกเฉพาะ CP ที่รู้วิธีแก้เท่านั้น คือ CP ประเภท 1 และ 2 เพียง 4 CP จากนั้นจัดลำดับความสำคัญ โดยให้ CP ที่สำคัญสุดเป็น CP1 ถ้า M มีน้อยกว่า 4 CP แสดงว่า เป้าหมายของ M นั้นต่ำเกินไป ให้กำหนดเป้าหมายให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวน CP แต่ในกรณีที่ CP เป็นปัญหาใหญ่ มีความซับซ้อน ให้ยกระดับ CP ขึ้นเป็น M สำหรับ CP ประเภท 3 และ 4 นำไปใช้เป็นโจทย์วิจัยและพัฒนา
  • 12.
    M : ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 โรงเรียน : ... ......... SI : ……………………… SMART planning ระดับบน Team : ….. .............. KPI (Key Performance Indicator) KPI : “ ตัวบ่งชี้ ” / ตัวชี้วัด เนื่องจาก CP ไม่มีเป้าหมายที่เป็นตัวเลข จึงบ่งชี้แต่เพียงว่า “ ต้องทำอะไร ? ” หรือ “ สนามรบ ” อยู่ที่ไหน ? ” แต่ไม่รู้ว่า “ ต้องทำมากน้อยเท่าไร ? ” และ “ ต้องทำให้สำเร็จเมื่อไร ? ” จึงจัดทำแผนปฏิบัติการ และวัดความสำเร็จในการจัดการ CP ได้
  • 13.
    หลักคิดการกำหนด KPI ของ CP เนื่องจาก CP ไม่มีเป้าหมายที่เป็นตัวเลข เพียงแต่บ่งชี้ว่า “ ต้องจัดการอะไร / ตรงไหน ? ” ( “ สนามรบ ” อยู่ที่ไหน ? ” ) แต่ไม่มีตัวเลขบอกว่า “ ต้องการมากน้อยเท่าไร ? และบรรลุเมื่อไร ? ” จึงวัดความสำเร็จในการจัดการ CP ไม่ได้ ฉะนั้น ต้องกำหนด KPI ของแต่ละ CP ที่บ่งชี้เป้าหมายให้ชัดเจน โดยมีตัวเลขกำกับและมีกำหนดเวลาที่ต้องการบรรลุเป้าหมายนั้น KPI จึงมีจำนวนเท่ากับ CP ( 1 CP มี 1 KPI ) KPI มีความหมายตรงกันข้ามกับ CP เสมอ เช่น CP ขาด ... KPI มี ... วิธีการเขียน KPI ใช้หลักการเดียวกันกับการเขียน M แต่กำหนดเวลาที่ต้องการบรรลุเป้าหมายของแต่ละ KPI จะแตกต่างกันออกไปตามความจำเป็น และเป็นตัวกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ
  • 14.
    M / DM: ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 วษท .... / แผนกวิชา . ... SI : …… ...... ……… .. ( ระดับบน ) ( ระดับล่าง ) ผู้รับผิดชอบ : ….. .... 12 LOA WS2 ( ใบงานที่ 2 ) 13.30 – 14.30 น . ระดมความคิด 14.45 น . นำเสนอ กลุ่มละ 5 นาที ทบทวนการเขียน SI & M/DM กำหนด 4 CP และ KPI ของแต่ละ CP
  • 15.
    M : ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 โรงเรียน : ... ......... SI : ……………………… SMART planning ระดับบน Team : ….. .............. LOA (List of Actions) LOA : “ ชุดกิจกรรม ” คือ “ How to”/ วิธีการสำหรับใช้ขจัดหรือบริหารจัดการ CP ที่ไห้ผล “ คุ้มค่า ” ที่สุด วัดที่ผลลัพธ์ “ ดีกว่า ถูกกว่า เร็วกว่า ” P ( Project ) P : “ โครงการ ” ของแต่ละ “ CP” ต้องมี “ A” ครอบคลุม “ A” ทั้งหมดใน “ LOA”
  • 16.
    CP 1 : เครื่องจักรเสีย KPI 1 : เครื่องจักรใช้งานได้ใน 1 wk 1. ทำไมเครื่องจักรเสีย ? - เพราะฟิวส์ขาด สาเหตุจากเครื่องจักรทำงานมากเกินไป 2. ทำไมเครื่องจักรทำงานมากเกินไป ? - เพราะการหล่อลื่นที่ประเก็นไม่เพียงพอ 3. ทำไมการหล่อลื่นที่ประเก็นไม่เพียงพอ ? - เพราะปั๊มหล่อลื่นทำงานไม่ปกติ 4. ทำไมปั๊มหล่อลื่นทำงานไม่ปกติ ? - เพราะแกนปั๊มหัก 5. ทำไมแกนปั๊มหัก ? - เพราะเครื่องกรองมีขี้น้ำมันอยู่ข้างใน ไคเซ็น : กุญแจสู่ความสำเร็จแบบญี่ปุ่น โดย Masaaki Imai A1 ขจัด “ ต้นตอ ” A2 A3 5 ทำไม ?
  • 17.
    หลักคิดการกำหนด LOA & P LOA คือ “ How to”/“ วิธีการรบ ” หมายถึง ชุดกิจกรรม ( วิธีการ ) สำหรับใช้ในการจัดการ CP ให้บรรลุ KPI ในการกำหนด LOA ใช้หลักคิดของ ทาอิอิจิ โอโน๊ะ ที่ว่า ถ้าต้องการแก้ปัญหาที่ “ ต้นตอ ” ให้ตั้งคำถามว่า “ ทำไม ” อย่างน้อย 5 ครั้ง ( “5 Why”) ต่อเนื่องกันไป โดยนำคำว่า “ ทำไม ” ไปไว้ข้างหน้า CP ( ทำไม +CP ) แล้วตอบว่า “ เพราะ ... ” อย่างเป็นเหตุเป็นผลตรงตามข้อเท็จจริงต่อเนื่องกันไป จากนั้นกำหนดกิจกรรม (Action, A) สำหรับใช้จัดการ CP โดยให้ “ A1” เป็นกิจกรรมที่ใช้จัดการ “ ต้นตอ ” ของปัญหาเสมอ แล้วจึงกำหนด A2, A3 และ A4 เท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุ KPI ของ CP นั้นๆ กำหนด P ของแต่ละ CP โดยต้องมี A ครอบคลุม A ทั้งหมดใน LOA เพื่อใช้จัดการ CP นั้นๆ P จึงมีจำนวนเท่ากับ CP เสมอ ( 1 M มี 4 CP มี 4 P )
  • 18.
    M : ต้องการอะไร ? – เท่าไร ? – เมื่อไร ? P1 — ( โครงการ : ผู้รับผิดชอบ — ผู้สนับสนุน ) Who Who Activity When Budget in charge support A1 A2 A3 CP 1 KPI 1 CP 4 KPI 4 CP 3 KPI 3 CP 2 KPI 2 โรงเรียน : ... ......... SI : ……………………… SMART planning ระดับบน Team : ….. .............. 12 LOA
  • 19.
    WS3 – ใบงาน 3
  • 20.
    SI1 ครู & บุคลากร M1 M2 M3 M4 M5 CP1 – KPI1 – LoA -- A1 – P CP2 - A2 CP3 - A3 CP4 - A4 ระดับสถานศึกษา (M) SI1 ครู & บุคลากร SI2 การมีส่วนร่วม SI3 การบริหารจัดการ SI4 สภาพแวดล้อม ร . ร . SI 2 SI 3 SI 4 ระดับแผนกวิชา / กลุ่มสาระ (DM) 1. ฝ่าย ... DM1 … DM2 … DM3 … 2. ฝ่าย ... 3. ฝ่าย ... 4. ฝ่าย ... ใช้ SMART planning วางแผน 2 ระดับ 28