More Related Content
Similar to หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา (20)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา
- 1. 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา
ปัจจุบันการสร้างสรรค์ภาระงาน ชินงาน หรือ กิจกรรมต่างๆจากคอมพิวเตอร์สามารถทาได้ง่ายขึ้น
้
เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณภาพสูง ราคาถูก และเป็นแหล่งค้นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจากการใช้งานเครือข่าย
คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต แต่ในขณะเดียวกันการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวทาให้เกิดผลเสียในการคัดลอกหรื
อนาภาระงาน ชินงาน หรือกิจกรรมต่างๆ เหล่านั้นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหา
้
ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ จึงได้มีการรวบรวมหน่วยงานของรัฐบาล
ได้แก่ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่กากับดูแลงานด้านสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้ากับกรม
ศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการที่กากับดูแลงานด้านลิขสิทธิ์เข้าด้วยกันเป็นหน่วยงานเดียวกัน คือ กรมทรัพย์สิน
ทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2535 ให้มีหน้าที่ดังนี้
-สนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา
-ส่งเสริมการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์
-พัฒนาการให้บริการด้านทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง
-พัฒนาการระบบการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาให้ครอบคลุมทั่วถึง
-สร้างเครือข่ายด้านทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทรัพย์สนทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ทรัพย์สินทาง
ิ
ปัญญาเป็นทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น
นาฬิกา รถยนต์ โต๊ะ เป็นต้น และอสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น บ้าน ที่ดน เป็น
ิ
ต้น สามารถแบ่งตามลักษณะผลงานเหล่านั้นเป็นลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า
- 2. 2
ประเภททรัพย์สินทางปัญญา
1.ลิขสิทธิ์ คือ สิทธิ์ในผลงานที่ได้รับการสร้างสรรค์งานสาขาวรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม งาน
ภาพยนตร์ หรืองานอื่นใดในแผนกวิทยาศาสตร์
กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์ 9 ประเภทตามที่กฎหมายกาหนด ได้แก่
1. งานวรรณกรรม ( หนังสือ จุลสาร สิ่งพิมพ์ คาปราศรัย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ )
2. งานนาฏกรรม (ท่ารา ท่าเต้น ฯลฯ )
3. งานศิลปกรรม ( จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย ศิลปประยุกต์ ฯลฯ )
4. งานดนตรีกรรม (ทานอง ทานองและเนื้อร้อง ฯลฯ )
5. งานสิ่งบันทึกเสียง (เทป ซีดี )
6. งานโสตทัศนวัสดุ ( วีซีดี ดีวีดี ที่มภาพหรือมีทั้งภาพและเสียง )
ี
7. งานภาพยนตร์
8. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ
9. งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
วิธีดาเนินการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์
1. การกรอกข้อมูลและระบุรายละเอียดต่างๆ
(1) ชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ระบุชื่อสัญชาติ หมายเลขบัตรประจาตัวประชาชนหรือนิติบคคล (แล้วแต่
ุ
กรณี) และที่อยู่ของเจ้าของลิขสิทธิ์
(2) ชื่อตัวแทน กรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องการมอบอานาจให้กับผู้รับมอบอานาจมาดาเนินการใด ๆ
เกี่ยวกับการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์และระบุถึงขอบเขตอานาจของผู้รับมอบอานาจ โดยให้ระบุ ชื่อ สัญชาติ
หมายเลขบัตรประจาตัวประชาชนหรือนิติบุคคล (แล้วแต่กรณี) และที่อยู่ของผู้รับมอบอานาจ
- 3. 3
(3) สถานที่ติดต่อในประเทศไทย ให้ระบุสถานที่และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อเจ้าของสิทธิ
หรือตัวแทน เพื่อสะดวกในการติดตามเอกสารและผลงาน กรณีเอกสารและผลงานมีความไม่ครบถ้วน
(4) ชื่อผู้สร้างสรรค์หรือนามแฝง ให้ระบุชื่อ สัญชาติ หมายเลขบัตรประจาตัวประชาชน หรือนิติ
บุคคล ที่อยู่ผู้สร้างสรรค์ นามแฝง กรณีผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคลให้ระบุ วัน เดือน ปี ที่จดทะเบียนนิติบคคล
ุ
และกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวตแล้วให้ระบุ วัน เดือน ปี ทีผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต
ิ ่
(5) ชือผู้สร้างสรรค์ร่วมหรือนามแฝง ให้ระบุชอ สัญชาติ หมายเลขบัตรประจาตัวประชาชนหรือนิติ
่ ื่
บุคคล ที่อยู่ของผู้สร้างสรรค์หรือนามแฝง กรณีมีผู้สร้างสรรค์ร่วมมากกว่า 1 คน ให้ระบุในช่องนี้ กรณีผู้
สร้างสรรค์ร่วมเป็นนิติบุคคล ให้ระบุ วัน เดือน ปี ทีจดทะเบียนนิติบคคล และกรณีที่ผู้สร้างสรรค์รวม
่ ุ ่
เสียชีวิตแล้ว ให้ระบุ วัน เดือน ปี ที่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวต
ิ
(6) ชื่อผลงาน ให้ระบุชื่อผลงานที่สะกดถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการระบุในหนังสือรับรองการแจ้ง
ข้อมูล
(7) ประเภทของงาน ให้ระบุประเภทของงานและลักษณะงานที่ประสงค์จะยื่นแจ้งข้อมูลพร้อมระบุ
ผลงานที่ยื่นประกอบคาขอ เช่น หนังสือ 1 เล่ม หรือแผ่นซีดี 1 แผ่น ฯลฯ เป็นต้น
(8) ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ระบุว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โดยวิธีใด เช่น เป็นผู้สร้างสรรค์ ผู้ว่าจ้าง
ผู้รับจ้าง นายจ้าง หรือผู้รับโอนลิขสิทธิ์ ฯลฯ เป็นต้น
(9) ลักษณะการสร้างสรรค์ ให้ระบุว่า เป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นเองทั้งหมด สร้างสรรค์บางส่วน โดย
ระบุว่ามีส่วนใดบ้าง หรือ เป็นกรณีอื่นๆ เช่น เป็นผูรวบรวมผลงาน หรือผู้ดัดแปลงผลงาน ฯลฯ
้
(10) สถานที่สร้างสรรค์ ให้ระบุว่า การสร้างสรรค์ผลงานกระทาในประเทศใด
(11) ปีที่สร้างสรรค์ ให้ระบุปีที่ทาการสร้างสรรค์ผลงาน
(12) การโฆษณางาน ให้ระบุ วัน เดือน ปี และประเทศที่มีการโฆษณาครั้งแรก โดยการทาสาเนา
งานออกจาหน่ายโดยความยินยอมของผู้สร้างสรรค์และสาเนางานมีจานวนมากพอสมควร กรณียังไม่มีการ
โฆษณางานให้ระบุโดยทาเครื่องหมายในช่องยังไม่ได้โฆษณา
- 4. 4
(13) การแจ้ง/จดทะเบียนลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ ให้ระบุว่าเคยแจ้ง/จดทะเบียนลิขสิทธิ์ ใน
ต่างประเทศหรือไม่ โดยให้ทาเครื่องหมายลงในช่องการแจ้งหรือจดทะเบียน (แล้วแต่กรณี)
(14) การอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์/โอนลิขสิทธิ์ ให้ระบุเครื่องหมายลงในช่องว่าเคยอนุญาต/โอนลิขสิทธิ์
หรือไม่ เช่น หากไม่เคยอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์/โอนลิขสิทธิ์ ให้ทาเครื่องหมายในช่องไม่เคยอนุญาตให้ผู้อื่นใช้
ลิขสิทธิ์หรือโอนลิขสิทธิ์ในงานของตน หากเคยอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์/โอนลิขสิทธิ์ ให้ระบุว่าอนุญาตให้ใช้
หรือโอนลิขสิทธิ์แก่ใคร เมื่อใด เป็นการอนุญาตโอนลิขสิทธิ์โดยให้สิทธิทั้งหมดหรือบางส่วน และมีระยะเวลา
ในการอนุญาต/โอนลิขสิทธิ์เท่าใด
(15) การเผยแพร่ข้อมูลลิขสิทธิ์ ให้ระบุว่าอนุญาตให้คนอื่นตรวจดูเอกสารในแฟ้มคาขอแจ้งข้อมูล
ลิขสิทธิ์และผลงานหรือไม่
(16) การลงนามในคาขอให้เจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนเป็นผู้ลงนาม
2. ใบต่อท้ายคาขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ในกรณีทข้อมูลที่กรอกในคาขอ (ลข.01) มีจานวนมาก และผู้ขอไม่อาจ
ี่
กรอกข้อมูลได้ครบถ้วนในแต่ละข้อ เช่น ในกรณีที่มีเจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวแทน ผู้สร้างสรรค์ร่วมมากกว่า 1 คน ผู้
ขอสามารถระบุข้อมูลเพิ่มเติมได้ในใบต่อท้ายฯ ผู้ลงนามในใบต่อท้าย คือ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทน
3. แบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานโดยย่อ ให้ระบุวิธีการและขันตอนในการสร้างสรรค์
้
ผลงานโดยย่อหรือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ผู้ลงนามในแบบแสดงรายละเอียดการสร้างสรรค์
ผลงานโดยย่อ คือ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทน
4. หนังสือรับรองความเป็นเจ้าของงานลิขสิทธิ์ ให้ระบุชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่อยู่ ทะเบียนนิติบุคคล(ถ้ามี)
ประเภทของงานลิขสิทธิ์ ชื่อผลงาน และระบุวันที่ยนคาขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ผู้ลงนามในหนังสือรับรองความ
ื่
เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ คือ เจ้าของลิขสิทธิ์ เท่านั้น
5. ผลงานลิขสิทธิ์ที่ใช้ยื่นประกอบคาขอ
- วรรณกรรม เช่น หนังสือ ชุดเอกสาร แผ่นซีดี ฯลฯ
- โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น สาเนา Source Code จานวน 10 หน้าแรกและ 10 หน้า สุดท้าย หรือส่ง
ซีดีหรือแผ่นดิสก์บรรจุโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และในกรณีที่มี Source Code น้อยกว่า 50 หน้า ให้ส่งแผ่นซีดี
หรือแผ่นดิสก์บรรจุโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยเจ้าของลิขสิทธิ์อาจผนึกและลงลายมือชื่อกากับด้วยก็ได้
- 5. 5
- นาฏกรรม เช่น แผ่นซีดี ภาพการแสดงพร้อมบรรยายประกอบท่าทางทุกขั้นตอน ฯลฯ
- ศิลปกรรม เช่น ภาพถ่ายผลงาน ภาพร่างผลงาน ภาพพิมพ์เขียว
- สิ่งบันทึกเสียง เช่น แผ่นซีดี เทปเพลง ฯลฯ
- โสตทัศนวัสดุ เช่น แผ่นซีดี แผ่นดีวดี ฯลฯ
ี
- ภาพยนตร์ เช่น แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี ฯลฯ
- ดนตรีกรรม เช่น เนื้อเพลง แผ่นซีดี เทปเพลง โน้ตเพลง ฯลฯ
- แพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น แผ่นวีซีดี แผ่นซีดี ฯลฯ
- งานอื่นใดอันเป็นงานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ เช่น ภาพถ่ายของ
ผลงาน ฯลฯ
6. เอกสารที่ใช้ประกอบการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์
1. สาเนาบัตรประชาชน พร้อมรับรองสาเนาถูกต้อง (กรณีเป็นบุคคลธรรมดา)
2. สาเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล ที่นายทะเบียนออกให้ไม่เกิน 6 เดือน ของเจ้าของลิขสิทธิ์
3. หนังสือมอบอานาจติดอากรแสตมป์ 30 บาท พร้อมสาเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอานาจ
พร้อมรับรองสาเนาถูกต้อง (กรณีมีการมอบอานาจ)
4. หน่วยงานหรือองค์กรของรัฐบาลใช้สาเนาหนังสือแต่งตั้งผู้บริหารหน่วยงานหรือองค์กรฯ รวมทั้ง
สาเนาบัตรประชาชนของผู้ยื่นคาขอ พร้อมรับรองสาเนาถูกต้อง
5. มูลนิธิใช้สาเนาหนังสือการจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ พร้อมรับรองสาเนาถูกต้อง
กฎหมายที่สาคัญทีใช้ในการกากับดูแลเกี่ยวกับการใช้ลขสิทธิ์ คือ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
่ ิ
- 6. 6
2.สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสาคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มี
ลักษณะตามที่กฎหมายกาหนด เป็นสิทธิพิเศษ ที่ให้ผู้ประดิษฐ์คิดค้นหรือผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ มีสิทธิที่จะผลิต
สินค้า จาหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียว ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
การประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับ ลักษณะองค์ประกอบ โครงสร้างหรือกลไกของผลิตภัณฑ์
รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิตการรักษา หรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขน หรือทาให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้น
ึ้
ใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น กลไกของเครื่องยนต์ , ยารักษาโรค, วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้
เน่าเสียเร็วเกินไป เป็นต้น
การออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกียวกับรูปร่างลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ ที่
่
แตกต่างไปจากเดิม เช่น การออกแบบแก้วน้าให้มีรูปร่างเหมือนรองเท้า เป็นต้น
อนุสิทธิบัตร คือ หนังสือสาคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์จะมีลกษณะคล้ายกันกับการประดิษฐ์
ั
แต่เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก หรือเป็นการประดิษฐ์คิดค้นเพียงเล็กน้อย
ี
และมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น
สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร หรือ PCT
PCT ย่อมาจาก Patent Cooperation Treaty เป็นความตกลงระหว่างประเทศสาหรับการขอรับความ
คุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศที่เป็นสมาชิก เพื่ออานวยความสะดวก และลดภาระของผู้ขอรับสิทธิบัตร
แทนที่จะต้องไปยื่นคาขอรับสิทธิบัตรในประเทศต่าง ๆ แต่ละประเทศที่ผู้ขอประสงค์จะขอรับความคุ้มครอง
โดยสามารถที่จะยื่นคาขอที่สานักงานสิทธิบัตรภายในประเทศ ของตน สานักงานสิทธิบัตรก็จะส่งคาขอไป
ดาเนินการตามขันตอนของระบบ PCTที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO)
้
ระบบ PCT นี้ไม่ได้เป็นระบบการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรที่จะส่งผลให้ประเทศที่เป็นสมาชิกต้องรับ
จดทะเบียนตามไปด้วย เนื่องจาก ระบบ PCT จะมีการดาเนินการในขั้นตอนต้น ๆ ของการขอรับสิทธิบัตร
เท่านั้น ไม่มีการรับจดทะเบียนแต่อย่างใด การรับจดทะเบียนสิทธิบัตร PCT เป็นอานาจอธิปไตยของแต่ละ
ประเทศที่ผู้ขอประสงค์จะขอความคุ้มครอง ซึ่งจะมีการตรวจสอบตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกฎหมาย
ภายในประเทศนั้น ๆ ก่อนรับจดทะเบียนสิทธิบัตรต่อไป ซึงประเทศไทยสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาความ
่
ร่วมมือด้านสิทธิบัตร เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 ถือเป็นสมาชิกลาดับที่ 142
กฎหมายที่สาคัญทีใช้ในการกากับดูแลเกี่ยวกับการใช้สิทธิบัตร คือ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2522
่
- 7. 7
3.เครื่องหมายการค้า คือ เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กับสินค้า หรือบริการ ได้แก่
เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) คือเครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายเกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อแสดงว่า
สินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าทีใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น เช่น โค้ก เป๊ปซี่ บรีส แฟ้บ
่
เป็นต้น
เครื่องหมายบริการ (Service Mark) คือ เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับการบริการ เพื่อ
แสดงว่าบริการทีใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมายบริการของบุคคลอื่น เช่น เครื่องหมาย
่
ของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม เป็นต้น
เครื่องหมายรับรอง (Certificaion mark) คือเครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้เป็นที่หมาย
หรือเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้า หรือบริการนั้น เช่น
เชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรา เป็นต้น
เครื่องหมายร่วม (Colective Mark) คือ เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือ
รัฐวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน เช่น
ตราช้างของบริษัทปูนซิเมนไทย จากัด เป็นต้น
ตัวอย่างเครื่องหมายการค้า
ในปัจจุบน ประเทศไทยมีกฎหมายให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา3 ฉบับ คือ
ั
1. พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535
และพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2542
2. พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และ
3. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีพันธกรณีตามการเจรจาการค้า ระหว่างประเทศ ที่จะต้องออกกฎหมายให้ความ
คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท ต่อไปในอนาคต
- 8. 8
ที่มา
1.หนังสือเรียนเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.5
2. www.ipthailand.go.th/ipthailand/index.php?option=com_content&task=section&id=21&Itemid=198
3. www.ipthailand.go.th/ipthailand/index.php?option=com_content&task=section&id=18&Itemid=195
4. www.thaigoodview.com/node/110434
- 10. 10
คาถามท้ายบท!
1.ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึงอะไร แบ่งเป็นกี่ประเภท
ก. สิทธิทางกฎหมายที่ให้เจ้าของสิทธิ แบ่งเป็น 3ประเภท
ข. การเป็นเจ้าของสินค้า แบ่งเป็น 2ประเภท
ค. สิทธิทางกฎหมายที่ให้เจ้าของสิทธิ แบ่งเป็น 2ประเภท
ง. การเป็นเจ้าของสินค้า แบ่งเป็น 3ประเภท
2.กฎหมายลิขสิทธิ์ มี กี่ ประเภท
ก. 8 ประเภท
ข. 5 ประเภท
ค. 6 ประเภท
ง. 9 ประเภท
3. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ หมายถึงอะไร
ก. ความคิดสร้างสรรค์จากผู้ผลิต
ข. การแสดงความเป็นเจ้าของ
ค. การค้นเกี่ยวกับ กลไกโครงสร้างส่วนประกอบ ของสิ่งของเครืองใช้
่
ง. การตกลงด้านการค้า
- 11. 11
4.สิทธิบัตร การออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึงอะไร
ก. ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับแชมพูยาสระผม
ข. การออกแบบรูปร่างลวดลาย หรือสีสัน ที่มองเห็นได้จากภายนอก
ค. เพื่อแสดงถึงความต่างของสินค้า
ง. ทาให้คนละเมิดกฎได้ง่ายขึน
้
5.ลิขสิทธิ์ หมายถึงอะไร
ก. การนาสินค้าของคนอื่นมาเป็นของตน
ข. การรับรองให้ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานโดยการลอก
ค. สิทธิที่กฎหมายรับรองความเป็นธรรม
ง. สิทธิ ที่กฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานกระทาการใดๆเกียวกับงานที่ตนเองทาขึน
่ ้
6.ข้อใดไม่ใช่ประเภทของเครืองหมายการค้า
่
ก. เครื่องหมายตอนรับสิค้า
ข. เครื่องหมายบริการ
ค. เครื่องหมายรับรอง
ง. เครื่องหมายร่วม
- 12. 12
7.เครื่องหมายการค้ามีกี่ ประเภท
ก. 2 ประเภท เครื่องหมายบริการ และการค้า
ข. 4 ประเภท เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองและเครืองหมายร่วม
่
ค. 3 ประเภท เครืองหมาย ตอนรับสินค้า เครื่องหมานบริการ เครื่องหมายรับรอง
่
ง. 1 ประเภท เครื่อง หมายการค้า
8.ความลับทางการค้า คือ อะไร
ก. ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รจักกันโดยทั่วไปหรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคล
ู้
ข. ข้อมูลสินค้าที่สามารถกระจายได้
ค. ข้อมูลสินค้าที่รู้กนโดยทั่วไป
ั
ง.ข้อมูลสินค้าที่รู้ ได้ในบุคคล
9.การละเมิดสิทธิ์ในความลับทางการค้า คือ อะไร
ก. การกระทาที่เก็บข้อมูลเป็นความลับ
ข. การกระทาที่เป็นการเปิดเผยหรือใช้ความลับทางการค้าของผู้อนโดยไม่ได้รับความยินยอม
ื่
ค.การกระทาที่เป็นการส่งเสริม ความคิดสร้างสรรค์
ง. การส่งเสริมการทุจริต ฉ้อโกง ทางการค้า
10.ถ้าหากนักเรียน โดนละเมิดลิขสิทธิ์ นักเรียนจะทาอย่างไร(จงอธิบาย)
- 13. 13
เฉลย!
1.ก
2.ง
3.ค
4.ข
5.ง
6.ก
7.ข
8.ก
9.ข
10 เป็นการแสดงความคิดเห็น