Recommended
More Related Content
What's hot
What's hot (20)
Similar to Type of forest
Type of forest
- 4. ประเภทของป่าตามธรรมชาติในประเทศไทย แบ่งเป็น 1). ป่าไม่ผลัดใบ เช่น ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าชายเลน 2). ป่าผลัดใบ เช่น ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ 3). ป่าที่มีลักษณะพิเศษ เช่น ป่าชายหาด ป่าเขาหินปูน ซึ่งป่าแต่ละประเภทจะมีลักษณะที่เฉพาะตัวและมีสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวอาศัยอยู่ ในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน 4
- 7. ป่าไม่ผลัดใบ (Evergreen forest) 1.ป่าดิบชื้น (tropical evergreen forest หรือ tropical rain forest) vมีฝนตกชุกเกือบตลอดปี vพบที่ภาคใต้ และจังหวัดฝั่งทะเลทางตะวันออก
- 8. ป่าไม่ผลัดใบ (Evergreen forest) 2. ป่าดิบแล้ง (semi-evergreen forest หรือ dry evergreen forest) vพบกระจัดกระจายทั่วไปตามที่ราบเชิงเขาใหญ่เขาและหุบ เขาที่ชุ่มชื้น vระดับความสูงไม่เกิน 950 เมตร vปริมาณน้ำฝน 1,000-1,500 มิลลิเมตร vมีไม้ต้นผลัดใบขึ้นแทรก vพบที่ภาคกลาง (ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา) ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ ถึง จังหวัดจันทบุรี
- 10. ป่าไม่ผลัดใบ (Evergreen forest) 3.ป่าดิบเขา (hill evergreen forest) vเป็นป่าต้นน้ำลำธารอยู่ในพื้นที่เทือกเขาที่ระดับความสูง 700-2,500 เมตร vพบที่ § ภาคเหนือ : ดอยอินทนนท์ § ภาคอีสาน : ป่าภูเขียว ภูหลวง เขาใหญ่ § ภาคใต้ : เทือกเขาภูเก็ต
- 12. ป่าไม่ผลัดใบ (Evergreen forest) 4. ป่าชายเลนหรือป่าโกงกาง (mangrove forest) vขึ้นอยู่ตามฝั่งทะเลที่เป็นดินเลนและน้ำทะเลท่วมถึง vป่าชายเลนฝั่งทะเลอันดามันมีพรรณไม้ขนาดใหญ่และ อุดมสมบูรณ์กว่าฝั่งอ่าวไทย
- 14. ป่าไม่ผลัดใบ (Evergreen forest) 5. ป่าพรุ (peat swamp forest หรือ coastal peat swamp forest) vพบในพื้นที่ที่มีฝนชุกและเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ อาจจะต่ำกว่า ระดับน้ำทะเลปานกลาง vเป็นแอ่งน้ำจืดขังติดต่อกันเป็นเวลานาน vมีการการสะสมของซากพืชและอินทรียวัตถุต่อเนื่องกัน vพบที่จังหวัดนราธิวาส นครศรีธรรมราช ชุมพร พัทลุง ปัตตานี และตราด vพื้นที่กว้างใหญ่ในจังหวัดนราธิวาสเท่านั้น คือ พรุโต๊ะแดง
- 16. ป่าไม่ผลัดใบ (Evergreen forest) 6. ป่าชายหาด (beach forest) vเป็นป่าที่มีอยู่ตามฝั่งทะเลที่เป็นดินทราย มีโขดหิน และฝั่ง ค่อนข้างชัน vเป็นป่าโปร่ง ซึ่งเป็นที่รับลม ฝน และคลื่นอย่างเต็มที่
- 18. ป่าผลัดใบ ((deciduous forest) ) 1. ป่าเบญจพรรณหรือป่าผลัดใบผสม (mixed deciduous forest) vกระจายอยู่ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ vเป็นป่าโปร่ง vฤดูแล้ง ต้นไม้ส่วนใหญ่จะผลัดใบ ฤดูฝนต้นไม้จึงผลิใบ เต็มต้น vไม่พบต้น เต็ง-รัง-เหียง
- 20. ป่าผลัดใบ ((deciduous forest) ) 2. ป่าเต็งรัง ป่าแพะ หรือ ป่าแดง (deciduous dipterocarp forest หรือ dry dipterocarp forest) vพบมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 80% vพบทั้งในที่ราบและเขาที่ต่ำกว่า 1000 เมตรลงมา vดินทรายหรือดินลูกรัง ในฤดูแล้งดินจะมีสีแดง vพบพรรณไม้เด่น 5 ชนิด คือ ยางกราด เหียง พลวง รัง และ เต็ง
- 22. ป่าผลัดใบ ((deciduous forest) ) 3. ป่าหญ้า (savanna forest) vเป็นป่าที่เกิดขึ้นหลังจากป่าธรรมชาติอื่นๆ ถูกทำลาย ป่า ชนิดนี้เข้ามาแทนที่ vพบในพื้นที่ที่มีดินเสื่อมโทรม vพรรณไม้เด่น คือ หญ้าคา แฝกหอม หญ้าพง สาบเสือ