SlideShare a Scribd company logo
1 of 63
Download to read offline
ระบบนิเวศในประเทศไทย
(Ecosystem in Thailand)
ที่มาและความสาคัญ
สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตมีการพึ่งพา
อาศัยซึ่งกันและกันและสมพันธ์กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต มีการใช้พลังงานและแลกเปลี่ยน
สารอาหารซึ่งดาเนินไปภายใต้ความสมดุลของธรรมชาติเรียกว่า ระบบนิเวศ แต่ถ้าระบบ
นิเวศขาดความสมดุลหรือถูกทาลาย ย่อมเกิดผลกระทบต่อการดารงชีวิตของสรรพสิ่งใน
ระบบ ทาให้มนุษย์เห็นความสาคัญของระบบนิเวศและรู้จักการนาสิ่งแวดล้อมมาใช้ให้
เกิดประโยชน์และช่วยแก้ไข้ปัญหา ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ผู้จัดทาจึงทา
โครงงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการเข้าใจเกี่ยวกับระบบนิเวศต่าง ๆ และเพื่ออนุรักษ์ระบบ
นิเวศให้อยู่ได้ไปนาน ๆ
วัตถุประสงค์
1 .เพื่อศึกษาระบบนิเวศต่าง ๆ
2. เพื่อศึกษาระบบนิเวศในประเทศไทย
3.เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยแวดล้อมของสังคมป่าในประเทศไทย
4.เพื่อให้ทราบถึงลักษณะป่าชนิดต่างๆของประเทศไทยและสามารถทาการจาแนกได้
ขอบเขตโครงงาน
ระบบนิเวศในประเทศไทย
หลักการและทฤษฎี
ระบบนิเวศเป็นหน่วยที่สาคัญที่สุดในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและ
สิ่งแวดล้อม เพราะประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด มีการแลกเปลี่ยนสสาร
แร่ธาตุ และพลังงานกับสิ่งแวดล้อม โดยผ่านห่วงโซ่อาหาร (food chain) มีลาดับของ
การกินเป็นทอด ๆ ทาให้สสารและแร่ธาตุมีการหมุนเวียนไปใช้ในระบบจนเกิดเป็นวัฏ
จักร ทาให้มีการถ่ายทอดพลังงานไปตามลาดับขั้นเป็นช่วง ๆในห่วงโซ่อาหารได้ การ
จาแนกองค์ประกอบของระบบนิเวศ ส่วนใหญ่จะจาแนกได้เป็นสององค์ประกอบใหญ่ ๆ
คือ องค์ประกอบที่มีชีวิตและองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต
ประเทศไทย นับเป็นแหล่งอุดมไปด้วยระบบนิเวศที่มีความหลากหลาย ซึ่งจาแนก
ออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ ระบบนิเวศบนบกและระบบนิเวศแหล่งน้า
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. กาหนดหัวข้อการทาโครงงาน
2. กาหนดขอบเขตการทาโครงงาน
3. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
4. จัดทาโครงงาน
5. จัดทาเอกสารรายงาน
6. นาเสนอโครงงาน ผ่านโปรแกรม Power Point
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. โปรแกรม Microsoft Word 2010
2. โปรแกรม Power Point 2010
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1 . ได้ทราบเกี่ยวกับระบบนิเวศต่าง ๆ
2 .ได้ทราบระบบนิเวศในประเทศไทย
3. ได้ทราบถึงปัจจัยแวดล้อมของสังคมป่าในประเทศไทย
4. ได้ทราบถึงลักษณะป่าชนิดต่างๆของประเทศไทยและสามารถทาการจาแนกได้
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาการงานอาชีพ และเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์
3. กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ความหมาย
 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่อาศัย ณ ที่ใดที่หนึ่ง ความสัมพันธ์
มี 2 ลักษณะ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิตและระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ
สิ่งมีชีวิตด้วยกันเอง โดยมีการถ่ายทอดพลังงานและสารอาหารในบริเวณนั้นๆ สู่
สิ่งแวดล้อม
องค์ประกอบของระบบนิเวศ
1. ส่วนประกอบที่ไม่มีชีวิต (abiotic component ) ประกอบด้วย
อนินทรียสาร ได้แก่ ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน น้า และคาร์บอน
อินทรียสาร ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ฯลฯ
 สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ อุณหภูมิ แสง ความเป็นกรด เป็นด่าง ความ
เค็มและความชื้น
2. ส่วนประกอบที่มีชีวิต (biotic component) ได้แก่
ผู้ผลิต (producer)
ผู้บริโภค (consumer)
ผู้ย่อยสลาย (decomposer)
ส่วนประกอบที่มีชีวิต (biotic component)
 ผู้ผลิต (producer) คือ สิ่งมีชีวิตที่สามารถนาพลังงานจากแสงอาทิตย์มาสังเคราะห์
อาหารขึ้นได้เองด้วยแร่ธาตุและสสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ได้แก่ พืชสีเขียว แพลงค์ตอน
พืช และแบคทีเรียบางชนิด
 ผู้บริโภค (consumer) คือ สิ่งมีชีวิตที่กินสิ่งมีชีวิตอื่นๆเป็นอาหาร แบ่งได้เป็น
- สิ่งมีชีวิตที่กินพืชเป็นอาหาร (herbivore) เช่น วัว ควาย กระต่าย
และปลาที่กินพืชเล็กๆ ฯลฯ
- สิ่งมีชีวิตที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร (carnivore) เช่น เสือ สุนัข กบ สุนัขจิ้งจอก
ฯลฯ
- สิ่งมีชีวิตที่กินทั้งพืช และสัตว์ ซึ่งเป็นลาดับการกินสูงสุด (omnivore) เช่น
มนุษย์
 ผู้ย่อยสลาย (decomposer) เป็นพวกย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตให้เป็นสารอินทรีย์ได้
Biosphere
 ระบบนิเวศทางธรรมชาติและใกล้ธรรมชาติ (Natural and seminatural
ecosystems) เป็นระบบที่ต้องพึ่งพลังงานจากดวงอาทิตย์ เพื่อที่จะทางานได้
 ระบบนิเวศแหล่งน้า (Aguative cosystems)
- ระบบนิเวศทางทะเล เช่น มหาสมุทรแนวปะการัง ทะเลภายในที่เป็นน้าเค็ม
 ระบบนิเวศบนบก (Terresttrial ecosystems)
- ระบบนิเวศกึ่งบก เช่น ป่าพรุ
- ระบบนิเวศบนบกแท้ เช่น ป่าดิบ ทุ่งหญ้า ทะเลทราย
Biosphere
 ระบบนิเวศเมือง-อุตสาหกรรม (Urbanindustral ecosystems) เป็นระบบที่ต้องพึ่งแหล่ง
พลังงานเพิ่มเติม เช่น น้ามันเชื้อเพลิง พลังนิวเคลียร์ เป็นระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้นมา
ใหม่
 ระบบนิเวศเกษตร (Agricultural ecosystems)
เป็นระบบที่มนุษย์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางธรรมชาติขึ้นมาใหม่
ชีวลัย(Biosphere)
1) ระบบนิเวศอิสระ (Lsolated Ecosystem) คือ ระบบนิเวศที่ไม่มีการถ่ายเท
สารอาหารและพลังงานระหว่างภายในระบบนิเวศกับสิ่งแวดล้อมภายนอกเป็นระบบ
นิเวศ ที่ไม่มีในธรรมชาติ แต่นักนิเวศวิทยาพยายามคิดค้นขึ้น
2) ระบบนิเวศแบบปิด (Closed Ecosystem) คือระบบนิเวศที่มีเฉพาะการถ่ายเท
พลังงาน (แสงสว่าง) แต่ไม่มีการถ่ายเทสารอาหารระหว่างภายในระบบกับภายนอก
ระบบนิเวศ เป็นระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่มีในธรรมชาติ เช่น ตู้ปลา
3) ระบบนิเวศแบบเปิด (Open Ecosystem) เป็นระบบนิเวศที่มีทั้งการถ่ายเทสาร
อาหารและพลังงานระหว่างระบบภายนอกกับระบบนิเวศภายใน เช่น สระน้า
ทุ่งหญ้า ป่าไม้
Biosphere
 จาแนกโดยใช้ขนาดพื้นที่ของระบบนิเวศนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ขนาด คือ
1) ระบบนิเวศขนาดใหญ่ เช่น ป่าเบญจพรรณ ทะเลสาบ มหาสมุทร ทุ่งหญ้า เป็นต้น
2) ระบบนิเวศขนาดเล็ก เช่น แอ่งน้าในล้อยางรถยนต์เก่า กิ่งไม้ผุในป่า เป็นต้น
Biosphere
 จาแนกโดยใช้ลักษณะการนามาประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและ
การดารงชีพ สามารถแบ่งได้ดังนี้
1) ระบบนิเวศสมบูรณ์ หมายถึง ระบบนิเวศที่มีองค์ประกอบครบทั้งส่วนที่เป็น
กลุ่มสิ่งมีชีวิต ซึ่งได้แก่ ผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ย่อยสลาย และกลุ่มที่เป็นปัจจัย
ทางกายภาพ เช่น แสง ความชื้น อากาศ เป็นต้น ระบบนิเวศส่วนใหญ่ใน
ธรรมชาติจะเป็นแบบนี้ เช่น สระน้า ป่าผลัดใบ
2) ระบบนิเวศไม่สมบูรณ์ หมายถึง ระบบนิเวศที่มีองค์ประกอบไม่ครบอาจขาด
ปัจจัย บางส่วนในระบบนิเวศนั้น เช่น บริเวณเขตทะเลลึกที่แสงส่องไม่ถึงใน
ที่แสงส่องไม่ถึง พบหลายแห่งในประเทศไทย เช่น เทือกเขาบูโด จังหวัดนราธิวาส
เทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก ถ้าค้างคาว
ร้อยล้าน จังหวัดราชบุรี ถ้าผาปู่ จังหวัดเลย เป็นต้น ในบริเวณที่เป็นระบบนิเวศ ไม่
สมบูรณ์นี้ส่วนใหญ่จะไม่มีผู้ผลิต โดยเฉพาะพืช ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ของ
ผู้บริโภคในเขตระบบนิเวศแบบนี้ต้องกินซากอินทรีย์จากการตกตะกอนหรือออกไป
กินในบริเวณอื่น เช่น พวกค้างคาวที่อาศัยในถ้า แต่ไปหากินที่อื่น เป็นต้น
Biosphere
ระบบนิเวศและชนิดต่าง ๆ ของป่าในประเทศไทย
ระบบนิเวศและชนิดต่าง ๆ ของป่าในประเทศไทย
เนื่องจากความหลากหลายของปัจจัยแวดล้อมทั้งในเรื่องของสภาพภูมิประเทศ ปริมาณ
น้าฝนและความชื้นในอากาศ อุณหภูมิ ช่วงฤดูกาล และลักษณะของดิน ฯลฯ ที่แตกต่าง
กันในแต่ละภูมิภาคของประเทศ ทาให้พบการปรากฏของชนิดสังคมพืชคลุมดินอยู่มาก
ชนิดกว่าประเทศอื่น ๆ ในแถบเดียวกัน สังคมป่าของประเทศไทยอาจแบ่งตามลักษณะ
ทางสรีระที่เห็นได้ภายนอกออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ ป่าดงดิบ (evergreen forests)
และป่าผลัดใบ (deciduous forests) การแบ่งเช่นนี้ถือเอาลักษณะของไม้ส่วนใหญ่ในสังคม
เป็นหลัก
ดังนั้นจึงอาจพบไม้ผลัดใบในป่าไม่ผลัดใบหรือไม้ไม่ผลัดใบในป่าผลัดใบบ้างเป็นส่วนน้อย ไม้
บางชนิดเป็นได้ทั้งไม่ผลัดใบและผลัดใบขึ้นอยู่กับสภาพของท้องถิ่น การแบ่งแยกป่าในระดับ
ที่ย่อยลงไปกว่านี้มีกระทากันในหลายระบบตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่และแนวคิด
ของผู้จัดแบ่ง Holdridge et al.(1971)กล่าวว่ายังไม่มีระบบใดที่เหมาะสมตามแนวทางทาง
นิเวศวิทยาที่จะใช้แบ่งสังคมพืชของประเทศไทย อย่างไรก็ตามเขาก็ได้แบ่งสังคมพืชคลุมดิน
ของประเทศไทยออกเป็น 15 เขตชีวิต (life zones) โดยอาศัยสภาพอุณหภูมิอากาศทาง
ชีววิทยา แต่ว่าระบบนี้ก็ไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักนิเวศวิทยาและนักการป่าไม้ของประเทศไทย
ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้บรรยายสังคมป่าของประเทศตามระบบของ Smitinand (1966) เพื่อความ
เหมาะสมยิ่งขึ้นในบางประการจึงได้ปรับปรุงบางส่วนของระบบนี้มาเสนอไว้ ดังแสดงไว้ใน
ตาราง
ระบบนิเวศและชนิดต่าง ๆ ของป่าในประเทศไทย
การจาแนกชนิดป่าหรือสังคมพืชคลุมดินของประเทศไทย
1. ป่าดงดิบ (Evergreen forests)
 ป่าชายเลน (Mangrove forest)
 ป่าพรุน้าจืด (Peat swamp forest)
 ป่าชายหาด (Beach forest)
 ป่าดงดิบชื้นระดับต่า (Lower tropical rain forest)
 ป่าดิงดิบชื้นระดับสูง (Upper tropical rain forest)
 ป่าดงดิบแล้ง (Dry evergreen forest)
 ป่าสนเขา (Coniferous forest or Pine forest)
 ป่าดงดิบเขา (Hill evergreen forest)
2. ป่าผลัดใบ (Deciduous forests)
 ป่าผสมผลัดใบ (Mixed deciduous forest)
 ป่าผสมผลัดใบในระดับสูง (Moist upper mixed deciduous forest)
 ป่าผสมผลัดใบแล้งในระดับสูง (Dry upper mixed deciduous forest)
 ป่าผสมผลัดใบระดับต่า (Lower mixed deciduous forest)
 ป่าเต็งรัง (Deciduous Dipterocarp forest)
 ป่าทุ่ง (Savannah)
 ทุ่งหญ้าเขตร้อน (Tropical grassland)
การจาแนกชนิดป่าหรือสังคมพืชคลุมดินของประเทศไทย
ป่าดงดิบ (Evergreen forests)
ระบบนิเวศป่าชายเลน (Mangrove forest ecosystem)
ป่าชายเลนจาแนกโดยลักษณะของภูมิประเทศสภาพแวดล้อมและพันธุ์ไม้เด่นในสังคมเป็น
ป่าที่ปกคลุมอยู่บนดินเลนริมฝั่งทะเลในแถบน้ากร่อยหรือน้าทะเลเข้าถึงโดยเฉพาะปากแม่น้า
ต่างๆ ที่เป็นแหล่งตะกอนของอนุภาคดินที่ถูกพัดลงมากับสายน้าปกติต้องมีน้าเค็มท่วมถึง
และมีไม้เด่นที่มีการปรับตัวให้ขึ้นได้บนดินเลนที่อ่อนนิ่มและขาดออกซิเจนในดินโดยการมี
รากค้ายัน (prop root) รากหายใจ (pneumatophores) และพูพอน (buttress) ส่วนใหญ่ใบมี
สารเคลือบ (wax) เพื่อป้องกันการเสียน้ามากเกินไป บางชนิดมีต่อมขับเกลือที่โคนใบ (สนิท,
2532) พันธุ์ไม้ดัชนีที่ใช้แยกสังคมพืชนี้ได้แก่ไม้ในสกุลโกงกาง (Rhizophora) แสม (Avicennia)
ลาพูและลาแพน (Sonneratia) ถั่ว (Bruguiera) และโปรง (Ceriops) เป็นต้น จากการรายงาน
การสารวจพันธุ์พืชในป่านี้พบว่ามีพันธุ์ไม้อยู่ถึง 74 ชนิด ใน 53 สกุล จาก 35 วงศ์ (Suntisuk,
1983) ป่าชายเลนในประเทศไทยมีกระจายเป็นตอน ๆ ริมฝั่งทะเลในภาคตะวันออกตั้งแต่
จังหวัดตราดขึ้นมาจนถึงจังหวัดฉะเชิงเทราพบตามแนวฝั่งทะเลของภาคกลางจากจังหวัด
สมุทรปราการถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ระบบนิเวศป่าชายเลน (Mangrove forest ecosystem)
และลงไปใต้สุดจดชายแดนประเทศมาเลเซียที่จังหวัดปัตตานี ส่วนทางฝั่งทะเลตะวันตก
ปรากฏตั้งแต่จังหวัดระนองลงไปจนสุดเขตแดนที่จังหวัดสตูล
ระบบนิเวศของป่าชายเลนจัดได้ว่าเป็นระบบที่เปิดธาตุอาหารต่างๆที่หลั่งไหลเข้าสู่ระบบ
นิเวศนี้ส่วนใหญ่ลงมากับสายน้าจากระบบนิเวศที่อยู่ในแหล่งต้นน้า โดยเฉพาะป่าบกเมือง
พื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งอุตสาหกรรมธาตุอาหารเหล่านั้นถูกเปลี่ยนรูปเป็นผลผลิต
อินทรียวัตถุพอกพูนในพืชและสัตว์ถูกเก็บเกี่ยวในรูปของเนื้อไม้ โดยเฉพาะถ่าน ไม้ฟืน
เปลือกไม้ และสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ กุ้ง หอย ปู ปลา นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นากลับไปใช้
และปลดปล่อยในระบบนิเวศอื่น ๆ ที่อยู่ในแผ่นดินต่อไปธาตุอาหารบางอย่างอาจวนเวียน
กลับลงมาอีกแต่อีกไม่น้อยอาจไม่หวนกลับมา
อย่างไรก็ตามระบบนิเวศป่าชายเลนมักเป็นผู้ได้มากกว่าผู้เสียจึงมักคงความสมบูรณ์สูง
ตลอดไปลักษณะโครงสร้างของป่าชายเลนมีส่วนที่แตกต่างจากป่าบกอื่นๆอยู่มาก
ระบบนิเวศป่าชายเลน (Mangrove forest ecosystem)
คือองค์ประกอบของผู้สร้างอินทรียวัตถุ(producers)มิได้มีเฉพาะพืชชั้นสูงเพียงอย่างเดียวแต่
มีแพลงตอนพืชที่มีส่วนการผลิตต่อปีค่อนข้างสูงด้าย นอกจากนี้ยังมีสาหร่ายอีกหลายชนิดที่
มีการผลิตอินทรียวัตถุได้เช่นกัน สนิท (2532) รายงานว่าป่าชายเลนที่จังหวัดสตูลมีผลผลิต
สุทธิเฉลี่ยประมาณ 10.56-23.46 กิโลกรัมคาร์บอนต่อเฮกแตร์ต่อวัน ส่วนการร่วงหล่นของ
ซากพืชในป่าชนิดนี้อยู่ในระหว่าง 3.44 ถึง 9.31 ตันต่อเฮกแตร์ต่อปี และมวลชีวภาพยืนต้น
ประมาณ 20.06-710.81 ตันต่อเฮกแตร์โดยน้าหนักแห้ง ความแปรผันขึ้นกับแถบสังคมและ
สภาพท้องถิ่น ส่วนผลผลิตขั้นมูลฐานของแพลงตอนในน้าใกล้ป่าชายเลนตกประมาณ 4.69
ตันคาร์บอนต่อเฮกแตร์ต่อปี (Wium-Anderson, 1979) การผุสลายในป่าชายเลน
(decomposition) ผู้สลายที่สาคัญในป่าชายเลนได้แก่ จุลินทรีย์ (microorganism) เชื้อรา
(fungi) นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยย่อยสลายที่ทาให้อินทรียวัตถุกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกหลาย
ชนิด โดยเฉพาะแมลงและคัสเตซีน (crustacean) เช่น ปู หอย กุ้ง เพรียง เป็นต้น
ระบบนิเวศป่าชายเลน (Mangrove forest ecosystem)
จากที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่าห่วงโซ่แห่งอาหารของป่าชายเลนมีอยู่มากมายหลายสาย
และตรึงกันเป็นสายใยแห่งอาหารที่สลับซับซ้อนยากต่อการวิเคราะห์ ในด้านการหลั่งไหล
ของพลังงาน (energy flow) ของระบบนิเวศนี้มีอัตราค่อนข้างรวดเร็วทั้งนี้เนื่องจากมี
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยเฉพาะอุณหภูมิและความชื้นอยู่ในช่วงที่มีความแปรผันน้อย
มาก พืชสามารถเจริญเติบโตได้ตลอดปีและผู้สลายอินทรียวัตถุสามารถทางานได้ตลอดเวลา
การหมุนเวียนของธาตุอาหารในดินส่วนใหญ่ได้รับเพิ่มเติมมาจากระบบนิเวศอื่นบริเวณต้นน้า
ส่วนที่สลายลงมาจากซากพืชมักถูกน้าพัดพากระจัดกระจายและหายไปจากจุดที่เกิด
บางส่วนถูกนาพาออกไปโดยมนุษย์ในรูปเนื้อไม้ สัตว์น้า และสัตว์ป่า ปัจจุบันระบบนิเวศนี้มัก
ประสบปัญหาเกี่ยวกับการตกตะกอนของมลพิษที่ถูกนาพาลงมากับน้า เช่นยาฆ่าแมลง
สารพิษจากโรงงานและสังคมเมือง เรือเดินทะเล เป็นต้น
ระบบนิเวศป่าชายเลน (Mangrove forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าชายเลน (Mangrove forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าพรุ (peat swamp forest ecosystem)
ป่าพรุจาแนกโดยลักษณะภูมิประเทศสภาพดินและพันธุ์ไม้ในสังคมพืชเป็นหลัก จัดเป็นป่าที่
ไม่ผลัดใบอยู่ในที่ลุ่มที่มีน้าจืดขังติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน อาจมีการแห้งแล้งในบางครั้งแต่
ดินยังคงชื้นสูง และดินเป็นกรดจัด มีซากของใบไม้และเศษพืชทับถมหนาโดยไม่สลายตัวหรือ
สลายน้อยเรียกว่าดินพีท(peat)ชนิดไม้ของป่านี้ต้องมีการปรับตัวเป็นพิเศษที่ต้องขึ้นอยู่ในน้า
และดินที่เป็นกรดสูงนี้ ไม้ส่วนใหญ่มีรากแก้วค่อนข้างสั้น รากแขนงแผ่กว้าง มีรากค้ายัน (stilt
roots) โคนต้นมีพูพอน และมีรากหายใจ ไม้ดัชนีของสังคมนี้เช่น ตังหน (Calophyllum
inophylloides) ละไมป่า เลือดควาย (Horsfieldia sp.) และทองบึ้ง (Koompassia malaccensis)
เป็นต้น ผลจากการสารวจชนิดพรรณพืชในป่าพรุ พบว่ามีชนิดพันธุ์ไม้ดอก 109 วงศ์ 437
ชนิด และเฟิร์น 15 วงศ์ 33 ชนิด (Phengklai et. al., 1991) ปัจจุบันป่าพรุที่มีอาณาเขตกว้าง
ใหญ่ของประเทศคือ ป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส
ระบบนิเวศของป่าพรุนับว่ามีความแตกต่างจากแหล่งอื่นค่อนข้างมากเนื่องจากเป็นระบบที่
เป็นกึ่งป่าบกและกึ่งระบบของบึงน้า ป่าพรุในประเทศไทยซึ่งเป็นพรุเขตร้อนมีพลังงานเพื่อ
การสร้างอินทรียวัตถุสูง และธาตุอาหารในดินก็มีมากพอสมควรแต่ปัญหาที่กาหนดระดับ
การสร้างคือสภาพดินที่เป็นกรดจัดและมีน้าท่วมอย่างต่อเนื่อง การสร้างผลผลิตมูลฐาน
ทั้งหมดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ในระดับเรือนยอดชั้นบนสุดและชั้นรอง ดังนั้น
ผลผลิตสดและใหม่ที่จะถ่ายทอดไปสู่สัตว์จึงขึ้นไปอยู่ในระดับสูง ด้วยเหตุนี้จึงมีสัตว์ที่หากิน
ในชั้นเรือนยอด (arboreal species) มากกว่าปกติ ในส่วนที่เป็นพื้นป่าเนื่องจากมีน้าขังระยะ
ยาวนานเป็นส่วนใหญ่พืชที่อยู่ชิดดินจึงมีน้อย ยกเว้นในช่องว่างทาให้ผลผลิตมูลฐานมีน้อย
ระบบนิเวศป่าพรุ (peat swamp forest ecosystem)
นอกจากนี้เนื่องจากการสกัดกั้นพลังงานแสงจากเรือนยอดชั้นบนทาให้พืชคลุมดินขึ้นได้ยาก
และโตช้า ด้วยเหตุนี้ปริมาณสัตว์ที่เป็นผู้เสพอินทรียวัตถุที่ผิวดินจึงมีค่อนข้างน้อยกว่าป่าชนิด
อื่น ในส่วนของผู้ย่อยสลายนับได้ว่ามีการดาเนินไปได้ช้ามาก เห็นได้จากการทับถมของซาก
พืชที่หนาเกินกว่า40เซนติเมตรขึ้นไป สาเหตุที่ทาให้ซากพืชสลายตัวยากเนื่องจากความเป็น
กรดของน้าที่ท่วมขังอยู่โดยตลอดซึ่งสกัดกั้นการย่อยสลายของจุลินทรีย์ การขาดสัตว์ในดิน
และน้าค่อนข้างนิ่งทาให้การคลุกเคล้าของซากพืชกับดินแร่ธาตุชั้นล่างเป็นไปโดยยาก
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพื้นที่พรุเป็นที่ลุ่มจึงเป็นแหล่งสะสมตะกอนจากป่าบกข้างเคียงทาให้
ปัญหาการติดขัดของการหมุนเวียนของธาตุอาหารพืชหมดไป แต่ถ้าหากมีการทาลายป่าชนิด
นี้ลงและเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ปลูกพืชล้มลุกสภาพปัญหาเกี่ยวกับดินเปรี้ยวก็จะ
รุนแรงยิ่งขึ้น อาจกล่าวได้ว่าสังคมป่าพรุเป็นระบบนิเวศที่ค่อนข้างเปราะบางมีการ
เปลี่ยนแปลงและเสียหายได้ง่ายการพัฒนาใดๆ ทั้งภายในและบริเวณโดยรอบต้องใช้ความ
ระมัดระวังเป็นพิเศษ
ระบบนิเวศป่าพรุ (peat swamp forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าพรุ (peat swamp forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าชายหาด (Beach forest ecosystem)
ป่าชนิดนี้จาแนกตามสภาพภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม ลักษณะดินและพรรณพืชคลุมดิน
เป็นป่าที่ปกคลุมอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลที่ดินเป็นดินทรายจัด น้าทะเลท่วมไม่ถึง หรือบริเวณ
หาดทรายเก่าที่ยกตัวสูงขึ้น หรือบริเวณที่เป็นหินชิดฝั่งทะเล ดินค่อนข้างเค็มและที่สาคัญคือ
มีไอเค็ม (salt spray) จากทะเลพัดเข้าถึงพรรณพืชส่วนใหญ่ของป่าชนิดนี้เป็นพืชทนเค็ม
(halophytes)และคดงอด้วยแรงลมป่าชายหาดปรากฏอยู่ทั่วไป ตามชายทะเลที่เป็นหาดทราย
เก่าน้าท่วมไม่ถึงทั้งชายฝั่งภาคตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชลบุรีลงไปถึงจังหวัดตราด และทาง
ภาคใต้แถบฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยจากจังหวัดเพชรบุรีลงไปจนต่อเขตแดนประเทศมาเลเซีย
รวมถึงเกาะต่างๆในอ่าวไทยด้วย ในทางฝั่งตะวันตกมีพบตั้งแต่จังหวัดระนองลงไปจนถึง
จังหวัดสตูลรวมทั้งหมู่เกาะน้อยใหญ่ในทะเลอันดามันด้วย โดยเฉพาะเกาะตะรุเตามีป่า
ชายหาดที่สวยงามและค่อนข้างสมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง
เนื่องจากปัจจัยกาหนดทาให้ป่าชายหาดมีการกระจายขาดเป็นตอนๆบางพื้นที่สลับกับป่า
ชายเลนและบางพื้นที่สลับกับป่าดงดิบหรือสังคมผาหิน เนื่องจากสังคมป่าชนิดนี้ต้องอยู่ชิด
ทะเลจึงถูกทาลายและเปลี่ยนสภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวบ้านเมืองและชุมชนจนเกือบหมดสิ้น
คงเหลือให้เห็นเป็นหย่อมเล็ก ๆ ที่มีสภาพเสื่อมโทรมเป็นส่วนใหญ่
พันธุ์ไม้และลักษณะโครงสร้างของป่าชายหาด องค์ประกอบของพันธุ์ไม้และลักษณะ
โครงสร้างของป่าชายหาดแปรผันไปตามปัจจัยแวดล้อมในแต่ละท้องที่ ต้นไม้โดยทั่ว ๆ ไปมี
ลักษณะเป็นพุ่มลาต้นคดงอและแตกกิ่งก้านมาก กิ่งสั้น ใบหนาแข็ง ประกอบด้วยไม้ใหญ่น้อย
ส่วนมากเป็นไม้หนามขนาดไม้พุ่มและเถาวัลย์ ชายฝั่งที่เป็นดินทรายจัดทางตอนใต้ของ
ภาคใต้อาจพบสังคมสนทะเล (Casuarina equisetifolia) สังคมชนิดนี้มักก่อตัวในหาดทรายที่
เกิดใหม่และมีไม้สนทะเลเด่นนาแต่เพียงชนิดเดียว ในสภาพฝั่งทะเลที่เป็นหินโดยเฉพาะตาม
เกาะต่าง ๆ เป็นสังคมของรังกะแท้ (Kadelia candel)
ระบบนิเวศป่าชายหาด (Beach forest ecosystem)
ไม้เหล่านี้มีความสูงไม่มากและลาต้นคดงอด้วยแรงลมแต่มีเรือนยอดที่ต่อเนื่องกันโดย
ตลอดและแน่นทึบจนจรดดิน (Smitinand, 1977a) พื้นป่ามักโล่งเตียนเนื่องจากดินที่เป็นทราย
จัดและถูกปกคลุมด้วยใบสนหนา ไม้พื้นล่างที่อาจพบบ้างได้แก่ ผักบุ้งทะเล (Poemoea
pescaprae) หญ้าลอยลม (Spinifex littoreus) และถั่วคล้า (Canallia rosea) พืชเหล่านี้เป็นพืช
เลื้อยชิดดินแสดงถึงการรุกล้าเข้ายึดหาดทรายเพื่อการทดแทนตามธรรมชาติ รากที่งอกตาม
ข้อช่วยยึดทรายและเป็นที่ฝากเมล็ดไม้อื่นต่อไป ระบบนิเวศของป่าชายหาด โดยทั่วไปมี
ผลผลิตขั้นมูลฐานค่อนข้างต่าทั้งนี้เนื่องจากข้อจากัดในเรื่องความเค็มของดิน ปริมาณธาตุ
อาหารพืชในดินที่มีอยู่น้อย และสภาพดินที่เก็บความชื้นไว้ได้ไม่นาน ฉะนั้นพืชส่วนใหญ่จึง
เจริญเติบโตได้ช้า และจากไอเค็มที่พัดเข้ามาจากทะเลและความรุนแรงของลมพายุทาให้ไม้
ใหญ่หักโค่นได้ง่าย การหมุนเวียนของพลังงานในระบบนิเวศของป่านี้โดยพื้นฐานแล้วเป็นไป
ได้ในอัตราที่รวดเร็ว
ระบบนิเวศป่าชายหาด (Beach forest ecosystem)
เนื่องจากปัจจัยหลายประการค่อนข้างเหมาะสมคือ ปริมาณพลังงานที่ตกลงบนพื้นที่ต่อปีมี
อยู่อย่างมากพืชสามารถนาไปใช้ได้อย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิอยู่ในช่วงที่พืชสามารถสังเคราะห์
แสงได้ตลอดปี ความชื้นในบรรยากาศค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามการขาดแคลนน้าในดินมัก
เป็นตัวกาหนดในการสังเคราะห์แสงของพืช การสลายตัวของซากพืชซากสัตว์มักเป็นไปได้
อย่างรวดเร็วเนื่องจากอุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อนและความชื้นของบรรยากาศที่ค่อนข้างสูง
ในช่วงฤดูฝน จึงทาให้จุลินทรีย์และราสามารถทาลายซากพืชและสัตว์ให้สลายโดยสมบูรณ์
ได้ภายในเวลารวดเร็ว ปัญหาที่มักเกิดขึ้นก็คือซากของใบสนทะเลที่มีการผุสลายช้าและปก
คลุมดินค่อนข้างหนาเป็นการสกัดกั้นการสืบต่อพันธุ์ของไม้ชนิดอื่นๆ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดไฟ
ผิวดินขึ้นได้
ระบบนิเวศป่าชายหาด (Beach forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าชายหาด (Beach forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าดงดิบชื้น (Moist evergreen forest ecosystem)
ป่าชนิดนี้จาแนกโดยลักษณะทางด้านโครงสร้างและลักษณะทางภาพลักษณ์ที่ปรากฏ
ภายนอก(physiognomiccharacteristics) ของพรรณไม้และไม้ดัชนี(indicatorspecies)เป็น
สาคัญกล่าวคือ เป็นป่าที่ประกอบด้วยชนิดไม้ที่ไม่ผลัดใบเป็นส่วนใหญ่ในสังคมปัจจัยกาหนด
ของการเกิดป่าดงดิบชื้น และปัจจัยหลักที่ทาให้สังคมพืชชนิดนี้เกิดขึ้นและคงสภาพอยู่อย่าง
ถาวรได้ก็คือความชื้นในดินและในอากาศ คือต้องมีปริมาณน้าฝนเกินกว่า 1,600 มิลลิเมตร
ต่อปีขึ้นไปมีการกระจายของฝนต่อเนื่องมากกว่า8เดือนในรอบปีสภาพดินลึกและเก็บ
ความชื้นได้ดี ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้ป่าดงดิบชื้นที่แท้จริงจึงพบอยู่เฉพาะทางภาคใต้และภาค
ตะวันออกตอนใต้ของประเทศ พรรณไม้เด่นในชั้นเรือนยอดสูงสุดเป็นไม้ขนาดใหญ่และ
ประกอบด้วยไม้ชั้นรองต่อเนื่องลงมาจนถึงพื้นดิน เรือนยอดชั้นบนสุดมักสูงเกินกว่า 30 เมตร
ขึ้นไป และมักเป็นไม้ในวงศ์ไม้ยาง (Dipterocarpaceae) ที่ไม่ผลัดใบขึ้นเป็นไม้เด่นในชั้นเรือน
ยอดบนสุด ได้แก่ ยางเสียน (Dipterocarpus gracilis) ยางยูง (D. grandiflorus) ยางวาด (D.
chartaceus) ตะเคียนทอง (Hopea ordorata) สยาขาว (Shorea assamica)
ระบบนิเวศของป่าดงดิบชื้นป่าดงดิบชื้นเป็นป่าที่มีระบบนิเวศแตกต่างจากป่าชนิดอื่น
ค่อนข้างเด่นชัด โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานที่ได้รับต่อปีมีมากและกระจายเท่าเทียมกัน
ตลอดปี ผลจากการวัดมวลพฤกษ์จากป่าดงดิบชื้นในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีลักษณะ
ใกล้เคียงกับป่าดงดิบชื้นทางภาคใต้ของประเทศไทยปรากฏว่า มีปริมาณมวลพฤกษ์ประมาณ
495.5 ตันต่อเฮกแตร์ เป็นส่วนที่อยู่เหนือพื้นดินทั้งสิ้น 475 ตันต่อเฮกแตร์ และส่วนที่เป็น
เรือนรากประมาณ 20.5 ตันต่อเฮกแตร์ (Jordan, 1985) การกระจายของมวลพฤกษ์ที่
สร้างใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูงเกินกว่า5เมตรขึ้นไป โดยเฉพาะในชั้นเรือนยอดบนสุดซึ่ง
ประกอบด้วยไม้ใหญ่ที่มีความสูงเกิน 20 เมตรขึ้นไปมีปริมาณใบดอกและผลที่ผลิตรายปี
มากกว่าครึ่งหนึ่งของอินทรียวัตถุที่สร้างรายปีพื้นป่าเป็นแหล่งรวมของซากเป็นส่วนใหญ่
ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้สัตว์ในป่าดงดิบชื้นจึงเด่นด้วยสัตว์ที่หากินอยู่ตามเรือนยอด เช่น สัตว์ใน
กลุ่มของลิง ชะนี กระรอก เป็นต้น การถ่ายทอดพลังงานและสารเป็นไปอย่างรวดเร็วใบและ
ผลที่ผลิตขึ้นรายปีถูกสัตว์นาไปใช้และปลดปล่อยลงสู่ผิวดิน
ระบบนิเวศป่าดงดิบชื้น (Moist evergreen forest ecosystem)
แต่ก็นับว่าน้อยกว่ากิ่งก้านและใบที่ถูกปลดปล่อยลงมารายปี อย่างไรก็ตามบทบาทของสัตว์
ต่อสังคมพืชชนิดนี้มีความสาคัญในด้านการผสมเกสรและกระจายเมล็ดของพันธุ์พืช ทั้งนี้
เนื่องจากเมล็ดไม้ส่วนใหญ่มีเมล็ดหนักยากที่จะกระจายด้วยลม สัตว์ป่ายังมีบทบาทสาคัญ
อีกส่วนหนึ่งคือการช่วยย่อยสลายซากพืชโดยการทาให้ชิ้นส่วนเล็กลง ซากพืชขนาดเล็กเช่น
กิ่งก้านและใบมักสลายหมดไปได้ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งปี ปลวกซึ่งมีหลายชนิดในป่านี้มัก
เป็นตัวเริ่มต้นของขบวนการย่อยสลายที่สาคัญจึงทาให้การผุสลายดาเนินต่อไปได้ตลอดปี
ภายในผิวดินของป่าดงดิบชื้นมีแบคทีเรียอยู่เป็นจานวนมาก อินทรียวัตถุที่คลุกเคล้ากับดินจะ
สลายหมดไปได้ภายในเวลาไม่ช้า
ระบบนิเวศป่าดงดิบชื้น (Moist evergreen forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าดงดิบชื้น (Moist evergreen forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าดงดิบแล้ง
(Dry evergreen or semi-evergreen forest ecosystem)
ป่าดงดิบแล้งจาแนกโดยลักษณะโครงสร้างด้านองค์ประกอบของชนิดพันธุ์ไม้โดยทั่วไปมี
เรือนยอดปกคลุมต่อเนื่องกันโดยตลอด ช่องว่างจากเรือนยอดชั้นบนถูกปิดด้วยเรือนยอด
ของไม้ชั้นรองและไม้พุ่มจนไม่สามารถมองเห็นพื้นดินได้ ช่องว่างที่เปิดใหม่เนื่องจากไม้ใหญ่
โค่นล้มหรือถูกตัดพื้นที่นั้นมักถูกทดแทนอย่างรวดเร็วด้วยไม้เบิกนาหลายชนิด เช่น ลาพูป่า
(Duabunga grandiflora)กระทุ่มน้า(Mitragynajavanica)เป็นต้น พรรณไม้ในสังคมนี้เป็นการ
ผสมกันระหว่างไม้ผลัดใบและไม้ไม่ผลัดใบในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน ไม้ที่ผลัดใบมักมีการ
ผลัดใบค่อนข้างสูงในช่วงฤดูแล้งซึ่งสังเกตได้จากการเปลี่ยนสีใบก่อนร่วงและปริมาณของ
การร่วงหล่นของใบ แต่เรือนยอดป่ายังคงรักษาความเขียวไว้โดยตลอด การจาแนกที่ชัดเจน
อาจต้องสังเกตที่ไม้ดัชนีของสังคมซึ่งมีความแตกต่างจากสังคมป่าอื่นค่อนข้างเด่นชัดทั้งใน
ระดับเรือนยอดชั้นบน ชั้นกลาง และชั้นพื้นป่า ปกติไม้ชั้นบนประกอบด้วยไม้ผลัดใบและไม่
ผลัดใบในจานวนที่เท่า ๆ กัน
เช่น ยางแดง (Dipterocarpus turbinatus) ยางนา (D. alatus) ตะเคียนหิน (Hopea ferrea)
เคี่ยมคนอง (Shorea henryana) เป็นต้น ไม้ผลัดใบที่เป็นตัวชี้สังคมในชั้นเรือนยอดชั้นบนเช่น
มะค่าโมง (Afzelia xylocarpa) ตะแบกใหญ่ (Lagerstroemia calyculata) เป็นต้น (Smitinand
et. al., 1977a)
ปัจจัยหลักที่เป็นปัจจัยกาหนดของสังคมนี้คือ มีฤดูกาลที่แบ่งแยกได้อย่างเด่นชัด โดยควรมี
ช่วงความแห้งแล้งที่ยาวนานประมาณ 3-4 เดือน มีดินค่อนข้างลึกสามารถกักเก็บน้าได้ดีทา
ให้พันธุ์ไม้บางชนิดสามารถคงใบอยู่ได้ตลอดช่วงความแห้งแล้งนี้ และไม่มีไฟป่าเข้ามารบกวน
ด้วยสาเหตุนี้ดินในป่าดงดิบแล้งจึงมักเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย ปกติพบตั้งแต่
ระดับความสูงจากน้าทะเลประมาณ 100 - 800 เมตร มีปริมาณน้าฝนเฉลี่ย 1,000 - 2,000
มิลลิเมตรต่อปี
ระบบนิเวศป่าดงดิบแล้ง
(Dry evergreen or semi-evergreen forest ecosystem)
ระบบนิเวศป่าดงดิบแล้ง
(Dry evergreen or semi-evergreen forest ecosystem)
ระบบนิเวศของป่าดงดิบแล้งเนื่องจากประกอบด้วยพรรณไม้ที่มีทั้งพืชที่ผลัดใบและไม่ผลัด
ใบจึงทาให้มีการผลิตอินทรียวัตถุได้ตลอดปี และมีส่วนที่สดคงอยู่ในสังคมค่อนข้างสูงแม้แต่
ในช่วงฤดูแล้ง การหมุนเวียนของธาตุอาหารและการหลั่งไหลของพลังงานในระบบนิเวศ
เป็นไปอย่างรวดเร็ว สภาพภูมิอากาศที่มีช่วงชื้นหลายเดือนทาให้การทางานของแบคทีเรีย
และเชื้อราต่างๆเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใบและกิ่งก้านขนาดเล็กที่พืชปลดปล่อยลงมา
ส่วนใหญ่สลายหมดไปได้ภายในปีเดียว กิ่งขนาดใหญ่และลาต้นที่ล้มทอดอยู่ในป่ามักเริ่มการ
สลายด้วยแมลง ปลวก เห็ดชนิดต่าง ๆ เข้ามาอาศัยทาลายให้ย่อยสลายเล็กลงและสารต่าง
ๆ ก็ถูกคืนลงสู่ดินและหมุนเวียนกลับไปสู่พืช
ระบบนิเวศป่าดงดิบแล้ง
(Dry evergreen or semi-evergreen forest ecosystem)
ป่าสนเขา (Coniferous forest or Pine forest)
บนยอดเขาที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและปริมาณน้าฝนต่าที่ระดับความสูง
ประมาณ 500-1,800 เมตร เหนือระดับน้าทะเล มักมีสังคมป่าสนเขาที่เกิดขึ้นเป็นหย่อมเล็ก
ๆ สลับกับป่าดงดิบเขาและป่าดงดิบแล้ง แต่สามารถแยกออกมาชัดเจนด้วยพรรณไม้เด่น 2
ชนิด คือ สนสองใบ และสนสามใบ สภาพดินเป็นกรดจัดเนื่องจากพื้นป่ามีใบสนแห้งร่วงหล่น
มาทับถมเป็นจานวนมาก ป่าสนเขาในประเทศไทยแบ่งได้เป็น 2 สังคมย่อยคือ ป่าสนเขาผสม
ก่อ พบที่ระดับค่อนข้างสูง มีไม้ก่อเป็นพืชเด่น เช่น ก่อแอบ ก่อเสียด ก่อหมี ก่อหม่น เป็นต้น
ส่วนอีกสังคมหนึ่งคือ ป่าสนผสมเต็งรัง พบปรากฎต่ากว่าสังคมย่อยแบบแรก พรรณไม้อื่น ๆ
ที่พบบ่อยในป่าสนเขา เช่น สลักป่า กายาน หว้า เหมือดคน ส้มอ๊อบแอ๊บ เป้งดอย ปรงเขา
กุหลาบขาว และกุหลาบแดง ป่าสนเขาที่สาคัญและเป็นที่รู้จักกันดีมีหลายแห่ง เช่น ป่าสนวัด
จันทร์ในจังหวัดเชียงใหม่ ป่าสนเขาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และบนภูกระดึง จังหวัดเลย เป็น
ต้น
ป่าสนเขาเป็นสังคมป่าไม่ผลัดใบที่มีพื้นป่าค่อนข้างโล่งเตียนเรือนยอดชั้นบนสูงมาก และมี
ความหลากหลายของพรรณพืชน้อยกว่าป่าบกประเภทอื่น สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ประจาจึงมีไม่
มากชนิดนัก ส่วนใหญ่จะเข้ามาหากินชั่วคราวจากสังคมพืชอื่น บนพื้นป่ายังมีหญ้าและพืช
ล้มลุกหลายชนิดที่เป็นอาหารของกวางป่า เก้ง วัวแดง กระต่ายป่า อ้น และหนู ส่วนคน
ท้องถิ่นก็นิยมเข้ามาเจาะเอาน้ามันสน และตัดไม้สนไปทาเชื้อเพลิงกันตั้งแต่ในอดีต
ป่าสนเขา (Coniferous forest or Pine forest)
ป่าสนเขา (Coniferous forest or Pine forest)
ป่าดงดิบเขา (Hill evergreen forest)
ป่าดงดิบเขาเป็นป่าที่ปรากฎอยู่ในระดับความสูงกว่าสังคมป่าเขตร้อนชนิดอื่น โดย
พบในทุกภาคของประเทศไทยที่มีความสูงเกิน 1,200 เมตรขึ้นไป ทาให้อากาศหนาวเย็นและ
มีความชุ่มชื้นสูงตลอดปี จนเกิดเมฆหมอกปกคลุมอยู่เสมอ กลายเป็นป่าต้นน้าลาธารที่
สาคัญของประเทศ ป่าดงดิบเขาในประเทศไทยแบ่งได้เป็น 2 สังคมย่อย คือ ป่าดงดิบเขา
ระดับต่า พบที่ระดับความสูงประมาณ 1,200-1,800 เมตร และป่าดงดิบเขาระดับสูงปรากฎ
ในระดับความสูงเกิน 2,000 เมตรขึ้นไป ต้นไม้มีกิ่งก้านคดงอตามกระแสลมแรง บนกิ่งขนาด
ใหญ่และลาต้นปกคลุมหนาแน่นไปด้วยมอส ไลเคน เฟิร์น ฝอยลม และข้าวตอกฤาษี ห้อย
ระโยงระยางราวกับป่าดึกดาบรรพ์ เช่น ป่าดงดิบเขาบนดอยอินทนนท์ ซึ่งอยู่บนระดับความ
สูงมากที่สุดในประเทศไทย คือ ประมาณ 2,567 เมตร มีสัตว์หายากที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น
ซาลาแมนเดอร์หรือจิ้งจกน้า และเป็นแหล่งรวมนกอพยพในฤดูหนาวอย่าง นกกินปลีหางยาว
เขียว เป็นต้น
ป่าดงดิบเขาจะเขียวชอุ่มตลอดปี ต้นไม้มีเรือนยอดแน่นทึบภายในป่าจึงร่มครื้นได้รับแสง
สว่างพียงราไร เรือนยอดชั้นบนสุดมีพืชวงศ์ก่อเป็นไม้เด่น เช่น ก่อแดง ก่อน้า ก่อพวง ก่อ
แป้น ฯลฯ ขึ้นสลับกับไม้อื่นเช่น สนสามพันปี พญาไม้ พญามะขามป้อมดง ขุนไม้ กุหลาบขาว
กุหลาบแดง เมี่ยงดอย ฯลฯ ไม้พุ่มจะขึ้นแน่นทึบเฉพาะตรงช่องว่างที่ชั้นเรือนยอดห่างกัน เช่น
โคลงเคลงขน กาลังช้างสาร กระเจียวขาว ขมิ้นแดง เป็นต้น ปัจจุบันป่าดงดิบเขาของประเทศ
ไทยถูกรบกวนจนเหลืออยู่น้อยมาก เนื่องจากการแผ้วถางทาลายและปัญหาไฟป่า จนน่า
หวั่นเกรงว่าพืชหายากบางชนิดอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต
ป่าดงดิบเขา (Hill evergreen forest)
ป่าดงดิบเขา (Hill evergreen forest)
ป่าผลัดใบ (Deciduous forests)
ป่าเต็งรัง (Deciduous Dipterocarp forest)
ป่าเต็งรังเป็นป่าผลัดใบที่มีไม้วงศ์ยางบางชนิดเป็นไม้เด่น ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง และ
ยางกราด โดยทั่วไปความหนาแน่นของต้นไม้ในป่าเต่งรังจะน้อยกว่าป่าเบญจพรรณ เพราะ
ดินตื้นกักเก็บน้าได้น้อย มีหินบนผิวดินมาก ก่อให้เกิดความแห้งแล้ง ป่าเต็งรังเป็นสังคมพืช
เด่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบเกิดขึ้นที่ระดับความสูงประมาณ 50-1,000 เมตร จาก
ระดับน้าทะเล มีช่วงแห้งแล้งจัดเกิน 4 เดือนต่อปี ประกอบกับปริมาณน้าฝนตกน้อยคือ
900-1,200 มิลลิเมตรต่อปีเท่านั้น
ปัจจัยสาคัญที่สุดที่กาหนดการคงอยู่ของป่าเต็งรังคือ ไฟป่า ซึ่งมักเกิดขึ้นระหว่างเดือน
ธันวาคมถึงเดือนมีนาคม เนื่องจากไฟเป็นตัวจัดการโครงสร้างป่าและคัดเลือกพันธุ์ไม้ ต้นฤดู
แล้งใบไม้ในป่าเต็งรังจะพร้อมใจกันผลัดใบเป็นสีแดง เหลือง ส้ม อย่างสวยงาม แล้วจะสลัด
ใบทิ้งจนหมด กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเมื่อไฟป่าเกิดขึ้น หลักจากไฟผ่านไปพื้นป่าจะโล่งเตียน
แต่เมื่อได้รับน้าฝน ป่าเต็งรังก็จะกลับเขียวสดขึ้นอีกครั้งด้วยหญ้าระบัด ดึงดูดสัตว์กินพืช
หลายชนิดเข้ามาสู่ป่าเต็งรัง อาทิ วัวแดง กวางป่า เก้ง กระทิง กระต่ายป่า ความร้อนจากไฟ
ยังช่วยไล่แมลงบนพื้นดินหรือใต้เปลือกไม้ให้เผยตัวออกมา กลายเป็นอาหารอันอุดมสมบูรณ์
ของเหล่านกกินแมลงนานาชนิดอีกด้วย ปัจจุบัน ป่าเต็งรังในประเทศไทยมีความเสื่อมโทรม
ลงมาก เพราะการตัดไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจออกไปใช้งาน สัตว์เลี้ยงพวกวัวควายเข้าไป
หากินในป่าเหยียบย่าทาลายพันธุ์ไม้ต่าง ๆ รวมทั้งผลกระทบจากไฟป่าที่เกิดขึ้นมักรุนแรง
เกินกว่าป่าจะฟื้นตัวได้ทัน
ป่าเต็งรัง (Deciduous Dipterocarp forest)
ป่าเต็งรัง (Deciduous Dipterocarp forest)
ป่าทุ่ง (Savannah)
ป่าทุ่งหญ้าเป็นสังคมพืชที่ปรากฏค่อนข้างน้อยตามธรรมชาติในประเทศไทย โครงสร้างป่า
มีไม้ยืนต้นกระจายอยู่ห่างๆ กัน บนพื้นที่ส่วนใหญ่ซึ่งมีหญ้า ขึ้นหนาแน่น เช่น หญ้าคา หญ้า
พง หญ้าแฝก ฯลฯ ป่าทุ่งหญ้ามักเกิดในบริเวณที่ค่อนข้างแห้งแล้ว ปริมาณน้าฝนต่ากว่า
800 มิลลิเมตรต่อปี ฤดูฝนสั้น ดินขาดธาตุอาหารส่งผลให้การสืบพันธุ์ของพืชเป็นไปด้วย
ความยากลาบาก นอกจากนี้ยังเกิดไฟป่าแทบทุกปีทาลายเมล็ดของไม้ใหญ่ไปเกือบหมด แต่
ภาวะเช่นนี้กลับเหมาะสมต่อพืชพวกหญ้าที่มีวงจรชีวิตสั้นและแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว จึงครอง
ความเป็นใหญ่ในสังคมพืชชนิดนี้ได้
ช่วงต้นฤดูแล้งหญ้าและพรรณพืชส่วนใหญ่ในทุ่งหญ้าจะแห้งตายมีไฟป่าเข้าเผาซ้า
กลายเป็นทุ่งโล่งที่ปกคลุมไปด้วยขี้เถ้า ส่งผลให้สัตว์ป่าพวก เก้ง กวาง กระทิง ฯลฯ ต้อง
โยกย้ายออกไปหากินที่อื่นชั่วคราว บางชนิด ก็หลบลงรู เช่น อ้นและตุ่น แต่หลังจากนั้นเมื่อ
ฝนแรกมาถึงช่วยชะล้างขี้เถ้าเป็นธาตุอาหารแก่ผืนดินทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และหญ้าจะผลิดอก
ออกใบอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เพื่อดึงดูดสัตว์ป่ากลับมา ป่าทุ่งหญ้าตามธรรมชาติในเมืองไทยที่
มีชื่อเสียงที่สุดคือ ป่าทุ่งหญ้าในเขตรักษาพันธุ์สัคว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรผืนป่าตะวันตกอัน
ยิ่งใหญ่ที่หลายเป็นมรดกทางธรรมชาติของโลก สภาพของป่าทุ่งหญ้าเป็นเพียงขั้นหนึ่งของ
กระบวนการทดแทนตามธรรมชาติ หากมีการป้องกันไฟป่าอย่างจริงจัง ป่าทุ่งหญ้าก็
สามารถกลายเป็นป่าใหญ่ได้ในอนาคต
ป่าทุ่ง (Savannah)
ป่าทุ่ง (Savannah)
แหล่งอ้างอิง
 https://wiki.stjohn.ac.th/groups/poly_ordinarycourse/wiki/895c4/2_.html
 https://noppornkantakalang.wordpress.com/ระบบนิเวศมหัศจรรย์/ระบบนิเวศในประเทศไทย/
 http://konjaidee.tripod.com/main.htm
 http://www.student.chula.ac.th/~53370502/p4.html
 http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm
 https://sites.google.com/site/apiratparnthong2/rabb-niwes
 http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-4/no02-44/biosystem.html
จัดทาโดย
 นาย ณัฐนนท์ จิวหานัง เลขที่ 8 ชั้น ม.6/9
 นาย ณพวุฒิ พงศ์กีรติ เลขที่ 30 ชั้น ม.6/9

More Related Content

What's hot

ระบบหายใจ (1-2560)
ระบบหายใจ  (1-2560)ระบบหายใจ  (1-2560)
ระบบหายใจ (1-2560)Thitaree Samphao
 
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืชการแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืชLi Yu Ling
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายWan Ngamwongwan
 
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)Thitaree Samphao
 
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หายใจ
บทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หายใจบทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หายใจ
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หายใจPinutchaya Nakchumroon
 
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มkunkrooyim
 
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยมปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยมProud N. Boonrak
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด Thitaree Samphao
 
เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์
เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์
เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์waranyuati
 
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อแบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อKruthai Kidsdee
 
สื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดร
สื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดรสื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดร
สื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดรComputer ITSWKJ
 
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์ธนิสร ยางคำ
 
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system kasidid20309
 
โครงงานฟิสิกส์
โครงงานฟิสิกส์โครงงานฟิสิกส์
โครงงานฟิสิกส์Phiromporn Norachan
 
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์sw110
 
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงพัน พัน
 
ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์ พิร...
ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์  พิร...ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์  พิร...
ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์ พิร...Kobwit Piriyawat
 

What's hot (20)

ระบบหายใจ (1-2560)
ระบบหายใจ  (1-2560)ระบบหายใจ  (1-2560)
ระบบหายใจ (1-2560)
 
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืชการแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
 
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หายใจ
บทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หายใจบทที่  2  ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์   หายใจ
บทที่ 2 ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์ หายใจ
 
9
99
9
 
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม
เลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม
 
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยมปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด
 
เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์
เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์
เกณฑ์โครงการคณิตศาสตร์
 
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อแบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
แบบทดสอบอาเซียน 30 ข้อ
 
สื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดร
สื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดรสื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดร
สื่อการสอนอาจารย์มารินทร์ ม5มหาเวสสันดร
 
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
 
รายงาน การประสมวงดนตรีสากล
รายงาน การประสมวงดนตรีสากลรายงาน การประสมวงดนตรีสากล
รายงาน การประสมวงดนตรีสากล
 
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
ชีววิทยาเรื่องการหายใจ respiration system
 
โครงงานฟิสิกส์
โครงงานฟิสิกส์โครงงานฟิสิกส์
โครงงานฟิสิกส์
 
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
 
ลำต้น54
ลำต้น54ลำต้น54
ลำต้น54
 
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 
ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์ พิร...
ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์  พิร...ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์  พิร...
ชุดการเรียนรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เรื่อง ซากดึกดำบรรพ์ โดยครูกอบวิทย์ พิร...
 

Viewers also liked

วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้
วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้
วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้พัน พัน
 
ทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทย
ทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทยทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทย
ทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทยwittawat_name
 
การแบ่งเขตภูมิอากาศ
การแบ่งเขตภูมิอากาศการแบ่งเขตภูมิอากาศ
การแบ่งเขตภูมิอากาศพัน พัน
 
Biome and Biodiversity
Biome and BiodiversityBiome and Biodiversity
Biome and BiodiversityWan Kanlayarat
 

Viewers also liked (8)

วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้
วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้
วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรป่าไม้
 
ทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทย
ทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทยทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทย
ทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทย
 
ข้อสอบ
ข้อสอบข้อสอบ
ข้อสอบ
 
การแบ่งเขตภูมิอากาศ
การแบ่งเขตภูมิอากาศการแบ่งเขตภูมิอากาศ
การแบ่งเขตภูมิอากาศ
 
Biohmes55
Biohmes55Biohmes55
Biohmes55
 
ม.6biodiver
ม.6biodiverม.6biodiver
ม.6biodiver
 
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
 
Biome and Biodiversity
Biome and BiodiversityBiome and Biodiversity
Biome and Biodiversity
 

Similar to ระบบนิเวศในประเทศไทย

ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศKru NoOk
 
ระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทยระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทยninjynoppy39
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศJira Boonjira
 
ความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาweerabong
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00suttidakamsing
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00suttidakamsing
 
ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001suttidakamsing
 
ระบบนิเวศ3
ระบบนิเวศ3ระบบนิเวศ3
ระบบนิเวศ3chirapa
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมkasarin rodsi
 
03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdf
03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdf03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdf
03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdfssuserf6586a
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศN'apple Naja
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert0846054411
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)พัน พัน
 

Similar to ระบบนิเวศในประเทศไทย (20)

ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
ระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทยระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทย
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
Ecology (2) 3
Ecology (2) 3Ecology (2) 3
Ecology (2) 3
 
ความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยาความหมายของนิเวศวิทยา
ความหมายของนิเวศวิทยา
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00
 
ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00ระบบนิเวศ00
ระบบนิเวศ00
 
ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001ระบบนิเวศ001
ระบบนิเวศ001
 
ระบบนิเวศ3
ระบบนิเวศ3ระบบนิเวศ3
ระบบนิเวศ3
 
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม
 
03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdf
03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdf03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdf
03_ระบบนิเวศน์-สำเนา-1.pdf
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
File
FileFile
File
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
il-pornprasert
il-pornprasertil-pornprasert
il-pornprasert
 
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)ระบบนิเวศ (Ecosystem)
ระบบนิเวศ (Ecosystem)
 

More from ninjynoppy39

แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ninjynoppy39
 
ระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทย ระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทย ninjynoppy39
 
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ninjynoppy39
 
เฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษาเฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษาninjynoppy39
 
เฉลย Onet 50 ภาษาไทย
เฉลย Onet 50 ภาษาไทยเฉลย Onet 50 ภาษาไทย
เฉลย Onet 50 ภาษาไทยninjynoppy39
 
เฉลย Onet 50 สังคม
เฉลย Onet 50 สังคมเฉลย Onet 50 สังคม
เฉลย Onet 50 สังคมninjynoppy39
 
เฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษ
เฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษเฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษ
เฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษninjynoppy39
 
เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์
เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์
เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์ninjynoppy39
 
เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์
เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์
เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์ninjynoppy39
 
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6ninjynoppy39
 
ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6ninjynoppy39
 
ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6ninjynoppy39
 
ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6ninjynoppy39
 
ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6ninjynoppy39
 
แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30
แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30
แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30ninjynoppy39
 

More from ninjynoppy39 (15)

แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทย ระบบนิเวศประเทศไทย
ระบบนิเวศประเทศไทย
 
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8
 
เฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษาเฉลย Onet 50 สุขศึกษา
เฉลย Onet 50 สุขศึกษา
 
เฉลย Onet 50 ภาษาไทย
เฉลย Onet 50 ภาษาไทยเฉลย Onet 50 ภาษาไทย
เฉลย Onet 50 ภาษาไทย
 
เฉลย Onet 50 สังคม
เฉลย Onet 50 สังคมเฉลย Onet 50 สังคม
เฉลย Onet 50 สังคม
 
เฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษ
เฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษเฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษ
เฉลย Onet 50 ภาษาอังกฤษ
 
เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์
เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์
เฉลย Onet 50 วิทยาศาสตร์
 
เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์
เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์
เฉลย Onet 50 คณิตศาสตร์
 
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
ข้อสอบ O net 50 สุขศึกษา ม 6
 
ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาไทย ม 6
 
ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6
ข้อสอบ O net 50 ภาษาอังกฤษ ม 6
 
ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 วิทยาศาสตร์ ม 6
 
ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6
ข้อสอบ O net 50 คณิตศาสตร์ ม 6
 
แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30
แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30
แบบสำรวจตนเอง M6 ณพวุฒิ ม.6/9 30
 

ระบบนิเวศในประเทศไทย