More Related Content
Similar to แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์สำเร็จรูป (20)
More from สปสช นครสวรรค์ (20)
แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์สำเร็จรูป
- 1. แผนที่ทางเดินสำเร็จรูปจากส่วนกลาง เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน<br />เอกสารฉบับนี้เป็นฉบับดิจิตอลซึ่งผมได้รับจากกรมอนามัยผู้กรุณารวบรวม เอกสารนี้กำลังจัดพิมพ์เป็นเล่ม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และส่งให้จังหวัดได้หลังปีใหม่ 2544 นี้<br />เอกสารจึงอาจมีบางส่วนที่ขาดหาย หากท่านมีความสงสัยประการใด กรุณาติดต่อกับคณะผู้เขียนโดยตรง<br />อย่างไรก็ดี เห็นว่าเอกสารจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้กำลังปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ จึงขอส่งมาให้อ่านก่อนที่ฉบับจริงจะออกมา<br />โปรดสังเกตุว่า ช่องต่างๆโดยเฉพาะ ช่องที่ 1 ถึง 3 ควรยึดตามที่เอกสารได้กำหนดไว้ สำหรับมาตรการ(งาน)ทางวิชาการ (ช่อง 4 ) ควรใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงาน แต่จังหวัดรวมทั้งพื้นที่อาจจะขยายความ เพิ่มเติม รวมทั้งปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบริบทได้<br /> อมร นนทสุต<br /> 12 ธันวาคม 2553<br />คำนำ<br />หนังสือเล่มนี้ ได้รวบรวมผลงานของกรมต่าง ๆ ในกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ร่วมมือกันพิจารณาองค์ประกอบที่สำคัญของแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ 4 ประการ ได้แก่<br />1. จุดหมายปลายทาง สำหรับระดับต่าง ๆ ของแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ ได้แก่ ระดับประชาชน ภาคี กระบวนการ และรากฐาน ทั้งหมดนี้ประกอบกันขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย คือ การที่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ<br />2. แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ปฏิบัติการ (SLM) ฉบับบูรณาการ ซึ่งได้ยุบย่อ และบูรณาการมาจากแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ฉบับหลักของกรมวิชาการต่างๆ <br />3. ตารางนิยามเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ (ตาราง 11 ช่อง) ซึ่งให้รายละเอียดของแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ปฏิบัติการ จนถึงรายการมาตรการทางวิชาการ (ช่องที่ 4)<br />4. แผนปฏิบัติการฉบับพื้นฐาน ซึ่งแสดง 7 กิจกรรมสำคัญในระดับประชาชน และภาคี ซึ่งได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้จริง<br />ทั้ง 4 รายการนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติในระดับท้องถิ่น ตำบลสามารถเปิดงานโครงการสุขภาพต่าง ๆ ตามความจำเป็นและบริบทของพื้นที่ได้โดยเร็ว เพียงแต่ทำงานต่อไปเกี่ยวกับรายละเอียดของตาราง 11 ช่องตั้งแต่ช่องที่ 5 มาตรการทางสังคมเป็นต้นไปจนครบทั้ง 11 ช่อง ท้องถิ่น ตำบล จะไม่ต้องกังวลกับเทคนิคของการสร้างแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ เพราะขั้นตอนเกี่ยวกับการสร้างแผนที่ฯได้ดำเนินการโดยระดับต่างๆขององค์กรสาธารณสุขมาแล้ว อีกประการหนึ่ง วัตถุประสงค์ของการสร้าง และใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ก็เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่น ตำบล และชุมชนสามารถผลิตโครงการและผลงานที่มีความสมบูรณ์ สามารถบรรลุสู่จุดหมายปลายทางคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย มากกว่าการมีเครื่องมือบริหารจัดการที่สวยหรูคือ แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์<br />อย่างไรก็ดี หากท้องถิ่น/ตำบลเห็นว่าควรปรับแก้เอกสารเหล่านี้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ก็อาจจะกระทำได้ แต่ควรยกเว้นไม่แก้จุดหมายปลายทาง หรือแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ปฏิบัติการ (SLM) ซึ่งจะใช้ร่วมกันทั้งประเทศ วิธีการที่แนะนำคือ ให้ลดระดับจุดหมายปลายทางหรือเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ลงเป็นกลยุทธ์หรือกิจกรรม แล้วไปกำหนดไว้ในตาราง 11 ช่อง ช่องที่ 3 หรือ 4 ตามลำดับ<br />เมื่อเปิดงานตามแผนงานโครงการแล้ว ควรบันทึกข้อสังเกตต่าง ๆ ทั้งบวกและลบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงระบบต่อไปในอนาคต<br /> ผู้เขียนขอถือโอกาสนี้ขอบคุณคณะผู้จัดทำเอกสารทั้งสี่ฉบับ รวมทั้งท่านผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนองค์กร หน่วยงานต่าง ๆ และชุมชน ที่มีส่วนทำให้งานชิ้นนี้เป็นรูปร่าง มีความสมบูรณ์ในระดับที่น่าพอใจ<br /> อมร นนทสุต<br /> 9 /8/2553<br />คำบรรยายในพิธีเปิดการประชุมการพัฒนามาตรการทางวิชาการในแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์<br />ของการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในกองทุนสุขภาพตำบล<br />กรมอนามัยและกรมควบคุมโรค ได้เรียนรู้การจัดทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ (SRM) และแผนที่ยุทธศาสตร์ฉบับปฏิบัติการ (Strategic linkage model : SLM) เพื่อเป็นเครื่องมือบริหารจัดการของการจัดทำแผนสุขภาพชุมชน และพัฒนาบทบาทประชาชนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืน และได้นำร่องศึกษาในพื้นที่โดยการบูรณาการร่วมกันของทั้ง 2 กรม ร่วมกับศูนย์วิชาการเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแกนนำชุมชนบังเกิดกระบวนการพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วม และแลกเปลี่ยนเรียนรู้จนได้แนวทางการพัฒนาของการกำหนดบทบาทบุคลากรรัฐ บทบาทท้องถิ่น และบทบาทชุมชนได้อย่างชัดเจน<br />ในพื้นที่นำร่องภาคีที่ได้ร่วมกันพัฒนา ได้กำหนดประเด็นของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาสุขภาพ 9 ประเด็น คือ 1. ไข้เลือดออก 2. เอดส์ 3. เบาหวานและความดันโลหิตสูง 4. อาหารปลอดภัยและโภชนาการ 5. ขยะชุมชน 6. อนามัยแม่และเด็ก 7. สุขภาพวัยเรียนและวัยรุ่น 8. สุขภาพผู้สูงอายุ 9. ภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย ประเด็นดังกล่าวได้ถ่ายระดับสู่เขตสาธารณสุขและจังหวัด/เพื่อเริ่มขยายผลในกองทุนสุขภาพตำบลบ้างแล้ว อนาคตจะเพิ่มประเด็นการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน เพื่อพัฒนาสติปัญญาคนไทย ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล<br />การจัดทำแผนสุขภาพชุมชนให้บรรลุวัตถุประสงค์ ด้วยการทำตารางช่วยนิยามเป้าประสงค์ของแผนที่ยุทธศาสตร์ฉบับปฏิบัติการ (ตาราง 11 ช่อง) ให้สมบูรณ์ ซึ่งตารางช่องที่ 1 – 3 ได้แก่ 1. เป้าประสงค์ 2. กลยุทธ์สำคัญ 3. กิจกรรมสำคัญ ได้จัดทำเป็นแนวทางเดียวกันแล้วโดยกรมวิชาการ นักวิชาการสาธารณสุขและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย จะมาร่วมแรง ร่วมใจกันจัดทำมาตรการทางวิชาการในวันนี้ เพื่อส่งมอบให้ท้องถิ่น แกนนำชุมชน และประชาชน ได้ร่วมกันเติมเต็มตารางช่องที่ 5 คือ มาตรการทางสังคม และกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ ปัจจัยความสำเร็จ งบประมาณ และผู้รับผิดชอบในตารางช่องที่ 6 – 11 ให้สมบูรณ์<br />ประเด็นทั้ง 10 ของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืน ในส่วนของมาตรการของวิชาการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องนั้น มีภาพรวมที่ได้ดำเนินการไว้ ดังนี้<br />1) การพัฒนาเครือข่ายและทีมงาน ปัจจัยสำคัญแห่งการรวมพลัง ทำงานให้เกิดผลด้วยจุดประสงค์ร่วม เปิดใจ ให้เกียรติกัน รับฟังความคิดเห็นอย่างตั้งใจ และสร้างความไว้วางใจกันและกัน<br />2) การพัฒนาศักยภาพ เป็นการเสริมสร้างสมรรถนะตามความต้องการของผู้รับการพัฒนาเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องร่วมกัน และพึ่งพากันและกันเป็นเครือข่าย<br />3) การสร้างกระแสสังคม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควรใช้ยุทธศาสตร์ทั้ง 2 ส่วน คือ การสร้างกระแสผ่านสื่อสาธารณะ (Air campaign) และการสร้างกระแสในแนวราบในพื้นที่ (Ground campaign) <br />4) การสนับสนุนองค์ความรู้และสื่อให้พื้นที่และชุมชน ควรจัดทำเพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และทันเวลา ด้วยหลัก 4 C คือ ชัดเจน (clear) กระชับ (Concise) เข้าใจง่าย (Concrete) และสมบูรณ์ (Complete) <br />5) การนิเทศติดตาม คือ การสร้างแรงจูงใจอย่างกัลยาณมิตรเพื่อการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยบุคลิกน่ารัก น่าเคารพ น่าเจริญใจ พูดจาให้ได้ผล อดทนต่อถ้อยคำ แถลงเรื่องล้ำลึกได้ พูดจาแยบคาย และไม่ชักนำทางอบาย<br />6) การค้นหาการปฏิบัติที่ดี ด้วยการเรียนรู้ความดีงามที่ได้ปฏิบัติจนสำเร็จและนำความรู้ที่ได้รับมาปรับปรุงในสอดคล้องกันแต่ละพื้นที่ ด้วยหัวใจแห่งนักปราชญ์ทั้ง สุตะ จินตนะ ปุจฉา และลิขิต <br />7) การเสริมสร้างพลังชุมชน ซึ่งมิใช่เรื่องยากเพียงแต่เข้าใจคน เข้าใจชุมชนแล้วค้นหาความดีงามในชุมชน กำหนดทิศทางที่ชุมชนคาดหวัง ออกแบบการทำงานร่วมกันและกระตุ้นให้ชุมชนจัดทำมาตรการทางสังคมร่วมกัน<br />มาตรการทางวิชาการทั้ง 7 ประการข้างต้น เป็นต้นทางแห่งการขับเคลื่อนสังคม ผนวกกับพลังชุมชนที่จะวางทิศทางมาตรการทางสังคม จึงจะส่งผลต่อความสำเร็จของการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งพวกเราควรจะช่วยกันจัดทำคู่มือปฏิบัติงานของการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ด้วยแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์<br />วันนี้พวกเราจะร่วมมือกัน ออกแบบ (Design) ตัดสินใจ (Decide) ทุ่มเท (Devote) และปิติร่วมกัน (Delight) ให้ชุมชนและประชาชนได้ใช้ศักยภาพแห่งชุมชน เพื่อสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตแห่งมวลหมู่คนไทย <br /> สมศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์<br /> รองอธิบดีกรมอนามัย<br /> 16 กรกฎาคม 2553<br /> <br />การกำหนดมาตรการทางวิชาการเพื่อสนับสนุนการขยายงาน แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ (Strategic Route Map : SRM) สู่การพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ปี 2553<br />01079500<br />ในการสร้างและใช้แผนปฏิบัติการนั้น ได้ปรับปรุงโดยลดส่วนของแผนปฏิบัติการที่ไม่จำเป็นลง (แต่ไม่ได้ตัดออกทั้งหมด) ได้แก่ แผนปฏิบัติการของระดับกระบวนการและพื้นฐาน เหตุผลคือ ในระดับทั้งสองนั้น องค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะของกระทรวงสาธารณสุขได้ทำการพัฒนาตลอดเวลาอยู่แล้ว แผนปฏิบัติการยุคใหม่จึงไม่เน้นที่การพัฒนาระดับทั้งสอง แต่จะเน้นไปที่การพัฒนาที่จำเป็นในระดับประชาชนและภาคี (ที่อยู่นอกกระทรวงสาธารณสุข) เพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทางที่ต้องการ ซึ่งจุดหมายปลายทางที่ได้ตัดสินใจ และกำหนดร่วมกัน ดังนี้<br />นอกจากนี้ได้พัฒนาแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ปฏิบัติการ (SLM) ขึ้นมาใหม่ โดยในภาพแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ฉบับปฏิบัติการ (SLM) จะแสดง Road Map ไว้ด้วย คือเส้นหนา ซึ่งแนะนำให้ใช้ก่อนเพื่อให้สามารถทำงานไปจนถึงขั้นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางอย่างเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี เมื่อสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้แล้ว ต้องย้อนกลับมาสร้างแผนปฏิบัติการให้กับกล่องเป้าประสงค์ที่เหลืออยู่ให้เต็มทั้งภาพแผนที่ ฯ เพื่อป้องกันการล้มเหลวหรือคืนกลับสู่สถานะเดิมในภายหลัง <br />หลังจากที่มีแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ปฏิบัติการร่วม (SLM) แล้ว ก็ได้พัฒนาแผนปฏิบัติการพื้นฐาน(ตาม Road map) โดยได้กำหนดกิจกรรมสำคัญของเป้าประสงค์ต่างๆ ในระดับประชาชนและภาคี (เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กิจกรรมสำคัญดังกล่าวมี 7 ประการ<br />3604260-7620(Micro SLM)00(Micro SLM)<br />ตารางนิยาม(ตาราง 11 ช่อง)<br />ได้มีการปรับปรุงวิธีสร้างตาราง 11 ช่องใหม่ สำหรับใช้โดยผู้ปฏิบัติระดับท้องถิ่น/ตำบล เพื่อความสะดวกรวดเร็วสำหรับผู้ปฏิบัติในระดับปลายซึ่งช่องที่ 1 – 4 ได้ทำเสร็จรูปไว้แล้ว โดยศูนย์ฯ / สำนัก / กอง / ในระดับส่วนกลาง/เขต / ภาค ของกรมวิชาการต่าง ๆ เพื่อส่งต่อไปยังจังหวัดผ่านไปยังอำเภอถึงท้องถิ่น / ตำบลได้เติมเต็ม<br />- ช่องที่ 5 จำเป็นต้องไปทำในพื้นที่ เพราะต้องผ่านการพิจารณารวมทั้งให้ความเห็นชอบของผู้บริหารและผู้นำในระดับนั้น อย่างไรก็ดี ฝ่ายบริหารสามารถแนะนำได้ เพราะงานทางสังคมต้องมีพื้นฐานทางวิชาการกำกับด้วย<br />- ช่องที่ 6 ตัวชี้วัดผลงาน งานในระดับประชาชนจะเป็นตัวกำหนดว่าจะใช้ตัวชี้วัดผลงานอะไร ดังนั้น งานที่จะนำมาสร้างตัวชี้วัดจะมาจากช่องที่ 5 ซึ่งเป็นงานทางสังคม<br />- ช่องที่ 7 ตัวชี้วัดผลสำเร็จ เนื่องจากเป็นงานระดับประชาชน ตัวชี้วัดนี้จะได้มาจากงานทางสังคม (ช่องที่ 5) เป็นสำคัญ<br />- ช่องที่ 8 - 11 ผู้ปฏิบัติจะเติมเต็มได้ จนครบถ้วน<br /> <br />ต่อไปนี้เป็นการนิยมเป้าประสงค์ของแผนที่ SLM (ตาราง 11 ช่อง) ที่ได้ทำเสร็จรูปไว้แล้วใน 8 ประเด็น โดยมีนิยามเป้าประสงค์ประชาชนกลุ่มเป้าหมายปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ / พฤติกรรมว่าแต่ละประเด็น ประชาชนกลุ่มเป้าหมายคือใคร และ กระบวนทัศน์ / พฤติกรรมที่จะเปลี่ยนคืออะไร ? ดังนี้<br />1. โรคไข้เลือดออก<br /> 2. โรคเอดส์<br />3. เบาหวาน / ความดันโลหิตสูง<br />4. อาหารปลอดภัย/โภชนาการ<br />5. ขยะชุมชน<br />6. อนามัยแม่และเด็ก<br />7. วัยเรียน/วัยรุ่น<br />8. สุขภาพผู้สูงอายุ <br />125730023304500<br />การนิยามเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ที่สำคัญของแผน<br />ปฏิบัติการพื้นฐาน (Road Map) 2553-2554<br />(สำหรับฝ่ายวิชาการ) ประเด็นโรคไข้เลือดออก<br />012382500<br />ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย : คือ ประชาชน แกนนำสุขภาพประจำครอบครัว ,แกนนำชุมชน(แต่งตั้งเป็นทางการไม่เป็นทางการ) แกนนำนักเรียนระดับ ประถม มัธยม<br />กระบวนทัศน์/พฤติกรรมที่จะเปลี่ยน : คือ 1) ป้องกันยุงกัด 2) กำจัดลูกน้ำ 3) ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง 4)ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ1.ประชาชนกลุ่มเป้าหมายปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1 พัฒนาระบบติดตาม ประเมิน และจัดการนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1.1 ติดตามพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวชี้วัดที่เหมาะสม1.1.2 ติดตาม ประเมินกระบวนการที่นำไปสู่การปรับกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1.3 แลกเปลี่ยนประสบการณ์การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1.1.1 สำนักโรคติดต่อกำหนดตัวชี้วัด (HI H2 CI BI)1.1.1.2 สำนักงานป้องกันและควบคุมโรค (สคร.)ถ่ายทอดตัวชี้วัดสู่กลุ่มเป้าหมาย1.1.1.3. อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.)สำรวจประเมินตามตัวชี้วัด1.1.1.4. สาธารณสุขอำเภอ( สสอ.) ประเมินผลและถ่ายทอดตัวชี้วัดสู่หน่วยงานอื่น1.1.2.1 สำนักโรคติดต่อจัดทำคู่มือ แนวทางการประเมิน1.1.2.2 . สำนักงานป้องกันและควบคุมโรค (สคร.)อบรมกลุ่มเป้าหมาย1.1.2.3 อพจ. ประเมินผลกระบวนการ1.1.3.1 อบต. สนับสนุนให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้1.1.3.2 อบต.ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกและสร้างความตระหนักในการดูแลชุมชน1.1.3.3 อบต.สนับสนุนให้มีการนำข้อมูลไปใช้การวางแผนแก้ไข ปัญหาโรคไข้เลือดออกในชุมชน1.1.3.4 อบต. ถอดบทเรียนผลการดำเนินงาน2.ชุมชนมีโครงการของชุมชนโดยชุมชน2.1 ปรับกระบวนการสร้างแผนตำบล/ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ2.2. สร้างแผนงาน/โครงการใหม่ที่ริเริ่มและดำเนินการโดยชุมชน2.1.1 สร้างโครงการชุมชนด้วยรายละเอียดจากตาราง 11 ช่อง2.1.2 ยืนยันว่ากลุ่มเป้าหมายได้รับผลประโยชน์จากโครงการชุมชนที่สนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม2.2.1 สร้างโครงการชุมชนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง สัมพันธ์กัน2.1.1.1 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)สนับสนุนให้มีการเปิดเวทีเพื่อรวบรวมข้อมูล สภาพปัญหาโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ 2.1.1.2 . รพ.สต./ สอ.ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ โดยใช้ตาราง 11 ช่อง SLM โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม2.1.1.3 รพ.สต.จัดทำแผนงาน โครงการโดยชุมชน2.1.2.1 อบต.มีการตรวจสอบแผนยืนยันกลุ่มเป้าหมายได้รับประโยชน์จากโครงการ2.1.2.2 . อบต.มีการประเมินผลการดำเนินงานตามโครงการ2.2.1.1 อบต.ส่งเสริมให้ชุมชนประดิษฐ์ค้นคว้า นวัตกรรมใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหา2.2.1.2 อบต.บูรณาการและสร้างความเชื่อมโยงโครงการกำจัด ขยะในชุมชนหรือโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก2.2.1.3 อบต.ส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนการสอนโรคไข้เลือดออก ในโรงเรียน3. ชุมชนมีมาตรการทางสังคม3.1 พัฒนาบทบาทการสร้างและใช้มาตรการทางสังคมโดยท้องถิ่น/ชุมชน3.1.1 ท้องถิ่น/รพ.สต.มอบอำนาจและสนับสนุนให้ท้องที่สร้างและดำเนินมาตรการทางสังคม3.1.2 สร้างระบบการควบคุม ติดตาม ประเมินผลการใช้มาตรการทางสังคมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย3.1.1.1 อบต. ผลักดัน ส่งเสริม บทบาทของท้องถิ่นในการสร้างข้อตกลงร่วมกัน3.1.1.2 . อบต. สนับสนุนการจัดทำข้อบังคับระดับหมู่บ้าน 3.1.1.3 อบต. สนับสนุนการจัดทำข้อบัญญัติระดับชุมชนหรือ ตำบล3.1.2.1 อบต. ส่งเสริมแรงจูงใจให้ใช้ข้อบังคับ/ข้อบัญญัติของชุมชน3.1.2.2 . อบต. แต่งตั้งคณะทำงานติดตามประเมินผลการใช้ข้อบังคับ/ข้อบัญญัติ3.1.2.3 อบต. สนับสนุนเครื่องมือ/คู่มือติดตามประเมินผลให้สอดคล้องกับ มาตรการทางสังคม3.1.2.4 อบต.กำหนดวิธีการใช้เครื่องมือ ความถี่ในการประเมินและ สรุปผล4. ชุมชนมีระบบเฝ้าระวัง/คัดกรองที่มีประสิทธิภาพ4.1 พัฒนาคณะอสม./แกนนำให้สามารถคัดกรอง/เฝ้าระวังปัญหาทางสุขภาพและสภาวะแวดล้อม4.1.1 ท้องถิ่นมอบภารกิจให้คณะอสม./แกนนำสร้างโครงการและดำเนินงานคัดกรอง/เฝ้าระวัง4.1.2 คณะอสม./แกนนำรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาระบบคัดกรอง/เฝ้าระวังที่โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน4.1.3 สร้างระบบการประเมิน สนับสนุนบทบาทของคณะอสม.ในการดำเนินงานคัดกรอง/เฝ้าระวัง4.1.1.1 อบต. สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกในชุมชน เช่น ระบบรายงานโรค , การแจ้งการเกิด ,การคัดกรองผู้ป่วย ระบบส่งต่อ การเปิด war room เมื่อมีการะบาด4.1.1.2 อบต.สนับสนุนให้มีระบบการสอบสวนโรคเฝ้าระวังควบคุมโรคในชุมชน ทีม SRRT ภาคประชาชนทั้งในระยะปกติและเมื่อมีสถานการณ์ระบาด4.1.1.3 รพ.สต.พัฒนาองค์ความรู้ในการเฝ้าระวังโรคในชุมชน4.1.2.1 อบต.สนับสนุนส่งเสริมให้มีการศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน นอกสถานที่ Best Practiceเรื่อง การป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก4.1.3.1 อบต./รพ.สต.สนับสนุนเครื่องมือ/คู่มือ/แนวทางการประเมินการคัดกรองการเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก5. มีระบบสื่อสารสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ5.1 สร้างระบบการสื่อสารสุขภาพ/สภาวะแวดล้อมและการจัดการนวัตกรรม5.1.1 ใช้ประโยชน์จากสื่อสาธารณะและสื่อบุคคลเพื่อการสื่อสารเชิงการจัดการสุขภาพ/นวัตกรรม5.1.2 ปรับปรุงกระบวนการ/เทคนิค/อุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ5.1.3 สร้างนวัตกรรมด้านการสื่อสารสู่กลุ่มเป้าหมาย5.1.1.1 สคร.พัฒนาทักษะการสื่อสารสาธารณะ/ ภาวะผู้นำ5.1.1.2 สคร. พัฒนาระบบการสื่อสารให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชุมชน5.1.2.1 อบต. สนับสนุนการจัดทำสื่อท้องถิ่นให้สอดคล้องกับพื้นที่5.1.2.2 อบต. สนับสนุนช่องทางสื่อสารในชุมชนที่หลากหลายและมีความเหมาะสม5.1.3.1 อบต. สนับสนุนหลักสูตรการจัดทำสื่อต้นแบบสำหรับชุมชน5.1.3.2 อบต. สนับสนุนการนำระบบ GIS มาใช้บริหารจัดการข้อมูลโรคไข้เลือดออกและค่าดัชนีลูกน้ำยุงลายระดับชุมชน6. บุคลากร/แกนนำมีสมรรถนะที่เหมาะสม6.1 สร้างโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.2 เปิดการถ่ายทอดวิชาและประสบการณ์ในงานสร้างสุขภาพและป้องกันโรคระหว่างพื้นที่6.1.1 บริหารจัดการเพื่อให้เกิดโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.2 1 บริหารจัดการเพื่อให้เกิดการเรียนการสอนระหว่างพื้นที่6.1.1.1 อบต./รพ.สต.สนับสนุนให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.1.1.2อบต.สนับสนุนการจัดทำแผนงานโครงการจัดตั้ง โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.1.1.3 รพ.สต.สนับสนุนองค์ความรู้/สื่อในการจัดการโรคไข้เลือดออก6.1.1.4. อบต.ส่งเสริมให้มีการจัดทำปฏิทิน การจัดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในโรงเรียน6.1.1.5 นิเทศ ติดตามประเมินผลโดยวิทยากร กรรมการ ระดับเขต6.2.1.1อบต. ส่งเสริมการจัดทำแผนเตรียมพร้อมรับการเรียน การสอนและศึกษาดูงาน6.2.1.2. อบต. สนับสนุนการจัดทำเกณฑ์และประเมินผล มาตรฐานของโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน7. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ร่วมตัดสินใจขับเคลื่อนและสนับสนุนทรัพยากรอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง7.1 สร้างบันทึกข้อตกลงระหว่างสาขา7.1.1 ประชุมตกลงความร่วมมือระหว่าง รพ.สต./ท้องถิ่น/ผู้นำชุมชน/อสม.7.1.2 กำหนดประเด็นสุขภาพและสภาวะแวดล้อมที่จะพัฒนาร่วมกัน7.1.1.1 อบต. สนับสนุนการจัดตั้งคณะกรรมการ โดยผู้มีอำนาจระดับอำเภอ 7.1.1.2 อบต. สนับสนุนการจัดทำข้อตกลงร่วมกัน (MOU)7.1.1.3 อบต. สนับสนุน/ส่งเสริม ให้มีการจัดทำแผนของท้องถิ่นโดยใช้ SLM แบบมีส่วนร่วม7.1.2.1 อบต./รพ.สต.สนับสนุนและส่งเสริมข้อมูล/คุณลักษณะของเครื่องมือ อุปกรณ์ สารเคมีที่ได้ มาตรฐาน ที่ใช้ในการ ควบคุมโรคไข้เลือดออก7.1.2.2 หน่วยงานส่วนกลางสนับสนุนความรู้ วิชาการ เกี่ยวกับเทคนิคการพ่นสารเคมี ที่ใช้ในการควบคุมพาหะ7.1.2.3 หน่วยงานส่วนกลางเสนอข้อมูล ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก ให้คณะกรรมการรับทราบ เพื่อใช้ในการตัดสินใจ7.1.2.4 ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ7.1.2.5. อบต. ส่งเสริมให้มีการทำวิจัยที่เป็นประเด็นโรคไข้เลือดออก ในพื้นที่<br /> <br />การนิยามเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ที่สำคัญ<br />ของแผนปฏิบัติการพื้นฐาน (Road Map) พ.ศ. 2553 - 2554 <br />(สำหรับฝ่ายวิชาการ) <br />ประเด็นโรคเอดส์<br />08890000<br />ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย : ตามแผนเอดส์ชาติ<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ1.ประชาชนกลุ่มเป้าหมายปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1 พัฒนาระบบติดตาม ประเมิน และจัดการนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1.1 ติดตามพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวชี้วัดที่เหมาะสมประกอบด้วย1.อัตราการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มเยาวชน 2. ความรู้ ความเข้าใจเรื่องเอดส์ที่ถูกต้อง 3. อัตราการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน 4. อัตราการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นที่อายุน้อยกว่า20 ปี1.1.2 ติดตาม ประเมินกระบวนการที่นำไปสู่การปรับกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1.3 แลกเปลี่ยนประสบการณ์การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1.1.1 สำนักวิชาการส่วนกลาง/เขต/พื้นที่ร่วมจัดทำระบบติดตามประเมินผล แผนงาน/โครงการ แก้ปัญหาเอดส์ อื่น ๆ1.1.1.2 สำนักวิชาการระดับเขตร่วมกับสถานศึกษา/หน่วยงานในพื้นที่ จัดอบรมเรื่องเอดส์/การให้การปรึกษาเรื่องเพศ ให้กับครู บุคลากรสาธารณสุข /อปท./ อสม. / ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และผู้เกี่ยวข้อง1.1.1.3 สำนักวิชาการส่วนกลางสนับสนุน รูปแบบ/ แนวทาง /มาตรฐาน/ มาตรการ/ คู่มือ และ แบบประเมินสุขภาพจิต1.1.2.1 สำนักวิชาการส่วนกลางสนับสนุนเครื่องมือในการติดตามประเมินผลการดำเนิน1.1.2.2 สำนักวิชาการส่วนกลาง /เขต ร่วมติดตามประเมินผล แผนงาน/โครงการ กับหน่วยงานในพื้นที่1.1.2.3 สำนักวิชาการส่วนกลาง /เขต ประสานสถานการณ์ไปยังพื้นที่ระดับจังหวัดเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา1.1.3.1 สำนักวิชาการส่วนกลาง/เขตร่วมกับท้องถิ่น จัดเวที แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์/ศึกษาดูงาน/ประยุกต์ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม1.1.3.2 สำนักวิชาการส่วนกลางจัดทำคลังความรู้เพื่อเผยแพร่สถานการณ์โรคเอดส์ สภาวะสุขภาพทางเพศของเยาวชนกลุ่มเสี่ยงและกิจกรรมเพื่อให้เยาวชนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายหรือผ่านระบบ Internet1.1.3.3 อปท.จัดจุดบริการ คู่มือ แนวทาง / รูปแบบ / มาตรฐาน/ Condom point ติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยในชุมชนเพื่อแจกถุงยางอนามัยฟรีที่ศูนย์ ศสมช. หรืออื่น ๆตามที่ชุมชนกำหนด2. ชุมชนมีโครงการแก้ปัญหาเอดส์ของชุมชนโดยชุมชน2.1 ปรับกระบวนการสร้างแผนตำบล/ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ2.2. สร้างแผนงาน/โครงการใหม่ที่ริเริ่มและดำเนินการโดยชุมชน2.1.1 สนับสนุนปรับกระบวนการสร้างแผนตำบล/ท้องถิ่น โดยใช้ แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ฉบับปฏิบัติการ(SLM)ให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ2.1.2 ติดตาม ประเมินผล โครงการป้องกันและแก้ปัญหาเอดส์ในชุมชนเพื่อยืนยันว่ากลุ่มเป้าหมายได้รับผลประโยชน์จากโครงการชุมชนที่สนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม2.2.1 สร้างโครงการชุมชนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง สัมพันธ์กัน2.1.1.1 สำนักวิชาการระดับเขตร่วมกับ อปท. สนับสนุนให้แกนนำจัดทำเวทีประชาคม /เวทีสาธารณะเพื่อวิเคราะห์ปัญหาพฤติกรรมสุขภาพทางเพศและจัดทำแผนชุมชนป้องกัน และแก้ปัญหาพฤติกรรมทางเพศ/เอดส์ในชุมชน และ ด้านเอดส์ เพศศึกษาใน เยาวชน โดยใช้กระบวนการ SLM. ให้ครอบคลุมมิติทางกายและจิตใจ2.1.1.2 ท้องถิ่น /รพ.สต. ควรมีแผนงาน/โครงการป้องกันแก้ปัญหาเอดส์ร่วมกัน2.1.1.3 สำนักวิชาการระดับเขต ร่วมกับท้องถิ่น สร้าง/พัฒนาเครือข่ายสัมพันธ์ด้านเอดส์ในชุมชนเพื่อให้เกิดความยั่งยืน2 .1.2.1สำนักวิชาการส่วนกลาง /เขต สนับสนุนเครื่องมือ / แนวทาง การติดตามประเมินผล แผนงาน/โครงการ กับหน่วยงานในพื้นที่2.1.2.2 สำนักวิชาการส่วนกลาง /เขต ร่วมติดตามประเมินผล แผนงาน/โครงการ กับหน่วยงานในพื้นที่2.2.1.1 สำนักวิชาการส่วนกลาง /เขต ประสาน นโยบาย /สถานการณ์ไปยังพื้นที่ระดับจังหวัดเพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำแผนงาน/โครงการ2.2.1.2 ชุมชน/ อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงาน/โครงการแบบบูรณาการ (เอดส์/สุขภาพจิต)3. ชุมชนมีมาตรการทางสังคม3.1 พัฒนาบทบาทการสร้างและใช้มาตรการทางสังคมโดยท้องถิ่น/ชุมชน3.1.1 ท้องถิ่น/รพ.สต.มอบอำนาจและสนับสนุนให้ท้องที่สร้างและดำเนินมาตรการทางสังคม3.1.2 สร้างระบบการควบคุม ติดตาม ประเมินผลการใช้มาตรการทางสังคมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย3.1.1.1สำนักวิชาการส่วนกลาง ถ่ายทอดนโยบาย/มาตรการ สนับสนุนข้อมูลด้านกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิให้กับสำนักวิชาการระดับเขต3.1.1.2สำนักวิชาการระดับเขตสนับสนุนถ่ายทอดนโยบาย/มาตรการ สนับสนุนข้อมูลด้านกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิให้กับท้องถิ่น3.1.1.3ท้องถิ่นมีมาตรการทางสังคมในการแก้ปัญหาเอดส์ ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติทางสังคมในกลุ่มผู้ติดเชื้อฯ /ผู้ป่วยและสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกต่อพนักงานบริการ3.1.1.4 ท้องถิ่นและหน่วยงานในพื้นที่ จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์3.1.2.1สำนักวิชาการส่วนกลาง/เขต ร่วมกับท้องถิ่นสร้างเครื่องมือและใช้เครื่องมือติดตามประเมินผลการใช้มาตรการทางสังคมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย3.1.2.2 สำนักวิชาการส่วนกลางสนับสนุนเครื่องติดตามประเมินผลการใช้มาตรการทางสังคมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย4. ชุมชนมีระบบเฝ้าระวัง/คัดกรองที่มีประสิทธิภาพ4.1 พัฒนาคณะ อสม./ แกนนำ ให้สามารถคัดกรอง/เฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมทางเพศ / เอดส์ / สุขภาพและสภาวะแวดล้อม4.1.1 ท้องถิ่นมอบสนับสนุนภารกิจให้คณะ อสม./แกนนำสร้างโครงการและดำเนินงานคัดกรอง/เฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมทางเพศและเอดส์4.1.2 คณะ อสม. /แกนนำรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาระบบคัดกรอง/เฝ้าระวังที่โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพ4.1.3 สร้างระบบการประเมิน สนับสนุนบทบาทของคณะ อสม.ในการดำเนินงานคัดกรอง/เฝ้าระวัง4.1.1.1สำนักวิชาการส่วนกลางสนับสนุนแบบการคัดกรอง เฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมทางเพศและเอดส์ /แบบประเมินสุขภาพจิต4.1.1.2สำนักวิชาการระดับเขตร่วมกับท้องถิ่น พัฒนาศักยภาพอสม./แกนนำในการใช้เครื่องมือคัดกรอง เฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมทางเพศและเอดส์ /แบบประเมินสุขภาพจิต4.1.1.3 อสม./แกนนำ มีการนำเครื่องมือคัดกรอง เฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมทางเพศและเอดส์ /แบบประเมินสุขภาพจิตไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย4.1.1.4สำนักวิชาการส่วนกลาง/เขต ประสานผลการคัดกรอง เฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมทางเพศและเอดส์ /แบบประเมินสุขภาพจิตให้กับท้องถิ่นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์4.1.2.1สำนักวิชาการส่วนกลางพัฒนาวิทยากรกระบวนการที่เกี่ยวข้อง จัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชนให้กับสำนักวิชาการระดับเขต4.1.2.2 สำนักวิชาการระดับเขต พัฒนา วิทยากร/ กระบวนการที่เกี่ยวข้อง และ จัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชนให้กับ รพ.สต. /ท้องถิ่น4.1.2.3 ท้องถิ่นพัฒนาให้ ครู /อสม./แกนนำเยาวชน เป็นวิทยากรจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพ4.1.3.1สำนักวิชาการส่วนกลางสนับสนุนแบบประเมินสุขภาพจิต4.1.3.2สำนักวิชาการระดับเขตร่วมกับท้องถิ่น อบรม อสม./แกนนำ ในการใช้ แบบประเมินสุขภาพจิต4.1.3.3 อสม./แกนนำ ที่ผ่านการอบรม นำแบบประเมินสุขภาพจิตไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายและส่งข้อมูลให้กับสำนักวิชาการระดับเขต4.1.3.4 สำนักวิชาการระดับเขต ร่วมกับท้องถิ่น ติดตามประชาชนกลุ่มเสี่ยง5. มีระบบสื่อสารสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ5.1 สร้างระบบการสื่อสารสุขภาพ/สภาวะแวดล้อมและการจัดการนวัตกรรมพฤติกรรมทางเพศและ เอดส์5.1.1 ใช้ประโยชน์จากสื่อสาธารณะและสื่อบุคคลเพื่อการสื่อสารเชิงการจัดการสุขภาพ/นวัตกรรม5.1.2 ปรับปรุงกระบวนการ/เทคนิค/อุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ5.1.3 สร้างนวัตกรรมด้านการสื่อสารสู่กลุ่มเป้าหมาย5.1.1.1 สำนักวิชาการส่วนกลางจัดทำสื่อต้นแบบและสนับสนุนสื่อสารสุขภาพ/พฤติกรรมทางเพศ และเอดส์โดยให้ เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายโดยผ่านระบบ Internet/TV/DVD5.1.1.2 ท้องถิ่นนำสื่อต้นแบบพฤติกรรมทางเพศและเอดส์ จัดพิมพ์และเผยแพร่5.1.2.1สำนักวิชาการส่วนกลางส่งข้อมูลความรู้ด้านการป้องกันเอดส์ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น SMS , Internet & Social Network5.1.3.1สำนักวิชาการส่วนกลาง/เขต ร่วมกับท้องถิ่นจัดเวทีประกวดสื่อสร้างสรรค์ด้านเอดส์5.1.3.2ท้องถิ่นนำสื่อต้นแบบพฤติกรรมทางเพศและเอดส์ จัดพิมพ์และเผยแพร่6. บุคลากร/แกนนำมีสมรรถนะที่เหมาะสม6.1 สร้างโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.2 เปิดการถ่ายทอดวิชาการ และประสบการณ์ในงานสร้างสุขภาพและป้องกันโรคระหว่างพื้นที่6.1.1 บริหารจัดการเพื่อให้เกิดโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.2.1 บริหารจัดการเพื่อให้เกิดการเรียนการสอนระหว่างพื้นที่6.1.1.1ท้องถิ่น/รพ.สต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อบรม ความรู้ ความเข้าใจเรื่อง การป้องกันเอดส์ให้ผู้นำชุมชน / แกนนำอสม. / นักเรียนแกนนำ เพื่อขยายงานป้องกันเอดส์สู่ชุมชน6.1.1.2 ท้องถิ่น/รพ.สต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อบรม ความรู้ ความเข้าใจเรื่อง โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชนแก่ผู้บริหารโรงเรียน6.2.1.1สำนักวิชาการระดับเขต/ท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหาโรงเรียนนวัตกรรมต้นแบบ หรือ Best Practice ที่มีศักยภาพโดดเด่นในเรื่อง การป้องกันเอดส์เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ศึกษาดูงานระหว่างกันภายในเครือข่ายและระหว่างเครือข่าย6.2.1.2สำนักวิชาการระดับเขต/ท้องถิ่น อบรม อสม/แกนนำ เรื่องเอดส์และทักษะการถ่ายทอดความรู้6.2.1.3 ท้องถิ่น จัดให้มีระบบจิตอาสา ในการรณรงค์ประเด็นโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์7. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ร่วมตัดสินใจขับเคลื่อนและสนับสนุนทรัพยากรอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง7.1 สร้างบันทึกข้อตกลงระหว่างสาขา7.1.1 ประชุมตกลงความร่วมมือระหว่างรพ.สต./ท้องถิ่น/ผู้นำชุมชน/อสม.7.1.2 กำหนดประเด็นการป้องกันและแก้ปัญหาพฤติกรรมทางเพศและเอดส์7.1.1.1 สำนักวิชาการส่วนกลาง/เขต ติดตามระดับความสำเร็จ การดำเนินงานตาม มาตรฐานงานเอดส์ของ อปท.7.1.1.2 ท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชี้แจง นโยบาย พรบ./ภารกิจป้องกันเอดส์ของ อปท.7.1.2.1สำนักวิชาการส่วนกลางและเขต อบรม ท้องถิ่น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อการสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ของแกนนำ ภาคี และองค์กรในชุมชน7.1.2.2 ท้องถิ่นบรรจุเรื่อง เอดส์อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ตำบลและมีการผลักดันให้เป็นนโยบายอย่างต่อเนื่อง<br />การนิยามเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ<br />แผนปฏิบัติการพื้นฐาน (Road Map) พ.ศ. 2553 - 2554<br />(สำหรับฝ่ายวิชาการ) <br />ประเด็นเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง<br />015557500<br />ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย : คือ ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งประกอบด้วย 1) กลุ่มปกติ อายุ 15 ปีขึ้นไป 2) กลุ่มเสี่ยง อายุ 35 ปีขึ้นไป 3) กลุ่มป่วย ด้วยโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง<br />กระบวนทัศน์/พฤติกรรมที่จะเปลี่ยน : คือ 1) การออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที/วัน จำนวน 5 วันต่อสัปดาห์ 2)การรับประทานอาหาร เพิ่มการรับประทานผัก และผลไม้ ให้ได้ 5 ส่วน หรือ ทัพพี/วัน และลดการรับประทานอาหารรสจัด (หวาน มัน เค็ม) 3)การจัดการภาวะเครียด / ซึมเคร้า โดยการฝึกหายใจช้า 10 ครั้ง / นาที หรือการฝึกสมาธิ หรือขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา 4)การงดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ 5) การงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ <br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ1. ประชาชนกลุ่มเป้าหมายปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1 พัฒนาระบบติดตาม ประเมิน และจัดการเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/นวัตกรรมพฤติกรรม1.1.1 ติดตามพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวชี้วัดที่เหมาะสม ประกอบด้วย- กลุ่มปกติอายุ 15 ปีขึ้นไป- กลุ่มเสี่ยงอายุ 35 ปีขึ้นไป- กลุ่มผู้ป่วย1.1.2 ติดตามประเมินกระบวนการที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม1.1.3 แลกเปลี่ยนประสบการณ์การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม1.1.1.1 กรมวิชาการสนับสนุนคู่มือแนวทางการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ1.1.1.2 รพ.สต. ร่วมกับชุมชนติดตามพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวชี้วัดที่เหมาะสมในกลุ่มปกติอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง1.1.1.3 รพ.สต. ร่วมกับชุมชนติดตามพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงอายุ 35 ปีขึ้นไปอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 1.1.1.4 รพ.สต. ร่วมกับชุมชนติดตามพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มผู้ป่วยตามแผนการรักษา 1.1.1.5 รพ.สต. ใช้คู่มือ/แนวทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้าน 3 อ. 2 ส. / การให้การปรึกษา1.1.1.6 กรมวิชาการร่วมกับจังหวัด จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ1.1.1.7 กรมวิชาการร่วมกับพื้นที่ติดตามการดำเนินงานเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ 2. ชุมชนมีโครงการของชุมชนโดยชุมชน2.1 ปรับกระบวนการสร้างแผนตำบล/ท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ2.2 พัฒนาแผนงาน/โครงการใหม่ที่ริเริ่มและดำเนินการโดยชุมชน2.1.1 สร้างโครงการชุมชนด้วยรายละเอียดจากแผนปฏิบัติการ (Micro-SLM)/ ตาราง 11 ช่อง2.1.2 ยืนยันว่ากลุ่มเป้าหมายได้รับผล (อานิสงค์)จากโครงการชุมชนที่สนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรมสร้างโครงการของชุมชนใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องสัมพันธ์กัน2.1.1.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัด สนับสนุนให้ท้องถิ่น/ตำบล ใช้ SLM ในการจัดทำแผนงานชุมชน2.1.1.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัด สนับสนุนให้รพ.สต./ โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชนพัฒนาศักยภาพแกนนำให้ใช้ข้อมูลเฝ้าระวังในการวางแผนงานโครงการชุมชน และปรับแผนงานทุกครึ่งปี2.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต/ จังหวัด สนับสนุนรพ.สต./ โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชนให้เกิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานจัดทำโครงการในพื้นที่3. ชุมชนมีมาตรการทางสังคม3.1 พัฒนาบทบาทการสร้างและใช้มาตรการทางสังคมโดยท้องถิ่น/ชุมชน3.1.1 อปท. ร่วมตัดสินใจขับเคลื่อนและสนับสนุนทรัพยากรอย่างเพียงพอ3.1.2 สร้างระบบกาควบคุมติดตามและประเมินผลการใช้มาตรการสังคมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย3.1.1.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัด สนับสนุนให้ท้องถิ่น/รพ.สต. วิเคราะห์ข้อมูล/นำเสนอข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพให้ อปท. / ชุมชน3.1.1.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัดสนับสนุนให้ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์สร้างมาตรการทางสังคม3.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัดสนับสนุนสื่อเพื่อการรณรงค์เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ เรื่องพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม 3.1.1.4 รพ.สต. ให้มีข้อตกลงร่วมกันกับประชาชนในชุมชนในเรื่องการดูแลสุขภาพด้าน 3 อ. 2 ส.4. ชุมชนมีระบบเฝ้าระวัง/คัดกรองที่มีประสิทธิภาพ4.1 พัฒนาคณะ อสม. / แกนนำ ให้สามารถคัดกรอง/เฝ้าระวังปัญหาทางสุขภาพและสภาวะแวดล้อม4.1.1 ท้องถิ่นมอบอำนาจให้คณะอสม./แกนนำสร้างและดำเนินงานคัดกรอง/เฝ้าระวัง4.1.2 คณะ อสม./แกนนำ รับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาระบบคัดกรอง/เฝ้าระวังที่ โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน4.1.3 สร้างระบบการประเมิน/สนับสนุนบทบาทของ อสม. ในการดำเนินการคัดกรอง4.1.1.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัด สนับสนุนแนวทางและเครื่องมือการคัดกรอง/เฝ้าระวังตามแบบVerbal Screening /แบบคัดกรองโรคซึมเศร้า 2 คำถาม และ 9 คำถาม 4.1.1.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัด สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพอสม./แกนนำในการดูแลเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง อ้วนลงพุง โรคซึมเศร้า4.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต/จังหวัด สนับสนุนแนวทาง / วิชาการในการจัดทำสมุดบันทึกสุขภาพของประชาชน5. มีระบบสื่อสารสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ5.1 สร้างระบบการสื่อสารเกี่ยวกับสุขภาพ/สภาวะแวดล้อมและการจัดการนวัตกรรม5.1.1 ใช้ประโยชน์จากสื่อสาธารณะและสื่อบุคคลเพื่อการสื่อสารเชิงการจัดการสุขภาพ/นวัตกรรม5.1.2 ปรับปรุงกระบวนการเทคนิค สร้างอุปกรณ์/ที่มีประสิทธิภาพ5.1.3 สร้างนวัตกรรมด้านการสื่อสารสู่กลุ่มเป้าหมาย5.1.1.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต / จังหวัดสนับสนุนเอกสารความรู้และสื่อ (แผ่นพับ ซีดี) ด้าน 3 อ. 2ส. และสุขภาพจิตให้ท้องถิ่น / รพ.สต. 5.1.1.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต / จังหวัดสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพอสม. / แกนนำด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์5.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต / จังหวัดสนับสนุนให้มีเวทีประกวดนวัตกรรมสื่อสารด้านสุขภาพชุมชน6. บุคลากร/แกนนำนำ มีสมรรถนะที่เหมาะสม6.1 สร้างโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.2 เปิดการถ่ายทอดวิชาการและประสบการณ์ในงานสร้างสุขภาพและป้องกันโรคระหว่างพื้นที่6.1.1 บริหารจัดการเพื่อให้เกิดโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.1.2 บริหารจัดการเพื่อให้เกิดการเรียน การสอนระหว่างพื้นที่6.1.1.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต / จังหวัดสนับสนุนการสร้างวิทยากรระดับอำเภอและทีมงานเพื่อการดำเนินงานโรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.1.1.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต / จังหวัดสนับสนุนหลักสูตรและคู่มือในการเรียนการสอนของโรงเรียน นวัตกรรมสุขภาพชุมชน6.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต / จังหวัดเป็นที่ปรึกษา และสนับสนุนวิทยากรระดับจังหวัดให้โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชน7. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ร่วมตัดสินใจขับเคลื่อนและสนับสนุนทรัพยากรอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง7.1 สร้างบันทึกข้อตกลงระหว่างสาขา7.1.1 ประชุมตกลงความร่วมมือระหว่าง รพ.สต./ท้องถิ่น/ผู้นำชุมชน/ สมอ.7.1.2 กำหนดประเด็นสุขภาพและสภาวะแวดล้อมบันทึกข้อตกลง7.1.1.1 กรมวิชาการเสนอเครื่องมือคัดกรองสุขภาพให้ อปท.7.1.1.2 กรมวิชาการเสนอแผนงานด้านสุขภาพ ระดับชาติ / ระดับภาคให้อปท.7.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต / จังหวัดสนับสนุนให้มีการจัดทำแผนงาน/โครงการ (P&P) <br />การนิยามเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ<br />แผนปฏิบัติการพื้นฐาน (Road Map) พ.ศ. 2553 - 2554<br />(สำหรับฝ่ายวิชาการ) <br />ประเด็นอาหารปลอดภัย<br />08890000<br />ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย : คือ กลุ่มผู้บริโภค กลุ่มผู้ประกอบการ<br />กระบวนทัศน์/พฤติกรรมที่จะเปลี่ยน : คือ 1) กลุ่มผู้บริโภค :มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ 2) กลุ่มผู้ประกอบการ : ผลิต จำหน่ายอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการแก่ผู้บริโภค<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ1.1.2 ติดตาม ประเมิน กระบวนการที่นำไปสู่การปรับกระบวนทัศน์และพฤติกรรม1.1.3 แลกเปลี่ยนประสบการณ์การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์พฤติกรรมบริโภคอาหาร และการผลิตจำหน่ายอาหารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพแก่ชุมชน1.1.2.1 หน่วยงานส่วนกลางจัดทำคู่มือ แนวทางการดำเนินงาน และสื่อ ในการดำเนินงานโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารแก่ชุมชน 1.1.2.2 หน่วยงานส่วนกลางจัดทำคู่มือแนวทางการดำเนินงาน และสื่อ ในการวัดผลกระบวนการ การจัดทำโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารแก่ชุมชน และวิธีการสรุปบทเรียน1.1.3.1 หน่วยงานส่วนกลางจัดทำเกณฑ์พื้นฐานในการค้นหาบุคคลต้นแบบเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้1.1.3.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมการสร้างแกนนำชุมชนให้มีศักยภาพในการชักชวนให้คนในชุมชนสนใจการ<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรมเพิ่มขึ้น1.1.3.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมให้ชุมชนจัดเวทีสาธารณะเพื่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลความปลอดภัยด้านอาหาร และพฤติกรรมการบริโภคและสุขภาพชุมชน1.1.3.4 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และศึกษาดูงานกับชุมชนที่ประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรมเพิ่มขึ้น2.ชุมชนมีโครงการ ของชุมชนโดย ชุมชน2.1 ปรับกระบวนการสร้างแผนตำบล/ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ2.1.1 สร้างโครงการชุมชนด้วยรายละเอียดจากตาราง 11 ช่อง2.1.1.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างความรู้ ความเข้าใจการจัดทำแผนชุมชนด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชนและบูรณาการโดยใช้ (Micro-SLM) ตาราง 11 ช่อง(เพื่อให้ชุมชนเข้ามาร่วมจัดทำแผนวิเคราะห์ปัญหาตั้งแต่แหล่งผลิตถึงโต๊ะอาหารคือตลอดห่วงโซ่อาหาร)<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ2.2. สร้างแผนงาน/โครงการใหม่ที่ริเริ่มและดำเนินการโดยชุมชน2.1.2 ยืนยันว่ากลุ่มเป้าหมายได้รับผลประโยชน์จากโครงการชุมชนที่สนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์/พฤติกรรม2.2.1 สร้างโครงการชุมชนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง สัมพันธ์กัน*โครงการที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังในชุมชนจาพฤติกรรมการบริโภค* โครงการทำปุ๋ยอินทรีย์จากเศษอาหาร*โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัย*โครงการลดภาวะโลกร้อน*โครงการส่งเสริมการใช้เกลือไอโอดีนในชุมชน*โครงการเฝ้าระวังอาหารปลอดภัยโดยใช้ชุดทดสอบ<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ3. ชุมชนมีมาตรการทางสังคม3.1 พัฒนาบทบาทการสร้างและใช้มาตรการทางสังคมโดยท้องถิ่น/ชุมชน3.1.1 ท้องถิ่น/รพ.สต.มอบอำนาจและสนับสนุนให้ท้องที่สร้างและดำเนินมาตรการทางสังคม3.1.1.1 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมอบอำนาจและสนับสนุนให้ชุมชนสร้างและดำเนินมาตรการทางสังคม โดยให้ผู้นำชุมชน และ อสม. มีบทบาท ร่วมกันในการสร้างและใช้มาตรการด้านสังคมของชุมชน 3.1.1.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนหลักเกณฑ์มาตรฐาน ข้อมูลด้านกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหารปลอดภัยให้กับชุมชนเพื่อให้สามารถกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานร่วมกัน3.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ในการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหาร<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ3.1.2 สร้างระบบการควบคุม ติดตาม ประเมินผลการใช้มาตรการทางสังคมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย3.1.1.4 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมวิเคราะห์และสรุปผลข้อมูลการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารโดยชุมชน โดยระบุความเสี่ยงที่ชัดเจน3.1.2.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้ชุมชนสร้างเครื่องมือ และวิธีการในการติดตามประเมินผลการสร้างและใช้มาตรการทางสังคม3.1.2.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้ชุมชนติดตามประเมินผลการใช้มาตรการทางสังคม3.1.2.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้ชุมชนสร้างเครื่องมือ และวิธีการในการติดตามประเมินผลการสร้างและใช้มาตรการทางสังคมเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ4. ชุมชนมีระบบเฝ้าระวัง/คัดกรองที่มีประสิทธิภาพ4.1 พัฒนาคณะอสม./แกนนำให้สามารถคัดกรอง/เฝ้าระวังปัญหาทางสุขภาพและสภาวะแวดล้อม4.1.1 ท้องถิ่นมอบภารกิจให้คณะอสม./แกนนำสร้างโครงการและดำเนินงานคัดกรอง/เฝ้าระวัง3.1.2.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้ชุมชนติดตามประเมินผลการใช้มาตรการทางสังคม4.1.1.1 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนให้ อสม. เข้าใจบทบาทของตนเองในการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมในชุมชน4.1.1.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนความรู้ในการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมในชุมชนแก่ อสม.4.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนองค์ความรู้ความปลอดภัยด้านอาหารและ<br />เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์กลยุทธ์สำคัญกิจกรรมสำคัญ(เปลี่ยนไปตามเวลา)มาตรการทางวิชาการ4.1.2 คณะ อสม./แกนนำรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาระบบคัดกรอง/เฝ้าระวังที่โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชุมชนโภชนาการแก่ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค 4.1.1.4 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนการให้ความรู้เรื่องการตรวจสอบการโฆษณาแก่ผู้บริโภค4.1.2.1 หน่วยงานส่วนกลางจัดทำคู่มือการเฝ้าระวังและประเมินความปลอดภัยด้านอาหารและโภชนาการ4.1.2.2 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนวิทยากรและอุปกรณ์ในการอบรมการใช้ชุดทดสอบความปลอดภัยด้านอาหารและโภชนาการแก่ อสม. โภชนาการที่เหมาะสมในชุมชนแก่ อสม.4.1.1.3 ศูนย์วิชาการระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนองค์ความรู้ความปลอดภัยด้านอาหารและโภชนาการแก่ผู้ประกอบ�