More Related Content
Similar to โครงการ การประมง (20)
โครงการ การประมง
- 2. การประมง หรือ ประมง หมายถึงการจัดการของมนุษย์ ด้านการจับปลาหรือสั ตว์ นาอืนๆ การดูแล
้ ่
รักษาปลาสวยงามและการแปรรู ปเป็ นผลิตภัณฑ์ ประมงเช่ น นามันปลา [1] กิจกรรมการทาประมง
้
จัดแบ่ งได้ ท้งตามชนิดสั ตว์ นาและตามเขตเศรษฐกิจ เช่ น การทาประมงปลาแซลมอนในอลาสก้ า การ
ั ้
ทาประมงปลาคอดในเกาะลอโฟเทน ประเทศนอร์ เวย์ หรือการทาประมงปลาทูน่าในมหาสมุทร
แปซิฟิกตะวันออก และยังรวมถึงการเพาะปลูกในนา (Aquaculture) ซึ่งหมายถึงการปลูกพืช
้
หรือเลียงสั ตว์ บางชนิดในนา เพือใช้ เป็ นอาหารคนหรือสั ตว์ เช่ นเดียวกับเกษตรกรรมทีทาบนพืนดิน
้ ้ ่ ่ ้
[2] การทาฟาร์ มในนา เช่ นฟาร์ มปลา ฟาร์ มกุ้ง ฟาร์ มหอย ฟาร์ มหอยมุก การเพาะปลูกในนาใน
้ ้
สภาพแวดล้ อมทีควบคุมไว้ การเพาะปลูกในนาจืด นากร่ อย ในทะเล การเพาะปลูกสาหร่ าย [3]ต่ อมา
่ ้ ้
ได้ มการพัฒนาองค์ ความรู้ ด้านการประมงเป็ นวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสาขาหนึ่งเรียกว่ า
ี
วิทยาศาสตร์ การประมง มีพนฐานจากวิชาชีววิทยา นิเวศวิทยา สมุทรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการ
ื้
จัดการ มีการจัดศึกษาด้ านการประมงในแง่ มุมต่ างๆ ทั้งระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี ปริญญาโทและ
ปริญญาเอก และการประมงมีบทบาทสาคัญในเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ จึงมีคาอืนๆที่ ่
เกียวข้ องเช่ น “ธุรกิจการประมง” “อุตสาหกรรมประมง” เกิดขึน
่ ้
- 3. ของการประมงทียาวนานทีสุดคือการจับปลาคอดและแปรรูปเป็ นปลาคอดแห้ งจากเกาะลอโฟเทน
่ ่
ประเทศนอร์ เวย์ ส่ งไปค้ าขายยังภาคใต้ ของยุโรป อิตาลี สเปน โปรตุเกส ซึ่งเกิดขึนในยุคไวกิงหรือ
้ ้
ก่ อนหน้ านั้น เป็ นเวลานับพันปี การประมงหอยมุกในอินเดียเกิดขึนมาตั้งแต่ ศตวรรษแรกก่ อน
้
คริสตกาล เป็ นการประมงทะเลลึกบริเวณท่ าเรือของอาณาจักรดราวิเดียนทมิฬ เกิดชุ มชนหนาแน่ น
จากการค้ ามุก ส่ วนการเพาะปลูกในนาเกิดขึนมาตั้งแต่ ยุคโบราณ มีการเพาะปลูกในนาหลายชนิด ใน
้ ้ ้
สาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดขึนพันปี ก่ อนคริสตกาล [4] [5] การเพาะเลียงปลาในตระกูลปลาไนทีอยู่ใน
้ ้ ่
บ่ อนา หรือบึง ด้ วยตัวอ่ อนของแมลงและหนอนไหม เพือเป็ นแหล่ งโปรตีน ในฮาวาย เริ่มเพาะเลียง
้ ่ ้
ปลาโดยการสร้ างบ่ อปลามาอย่ างน้ อย 1000 ปี ทีแล้ ว ในญีปุ่น เพาะปลูกสาหร่ ายทะเลด้ วยไม้ ไผ่ หรือ
่ ่
ตาข่ าย เพาะเลียงหอยนางรมด้ วยทุ่นในทะเล ในอียปต์ และโรมัน มีการเลียงปลาในตระกูลปลาไนใน
้ ิ ้
บ่ อในคริสต์ ศตวรรษที่ 1-4 โดยนาปลาในตระกูลปลาไนมาจากจีนทางแม่ นาดานูบ บาดหลวงในยุโรป
้
ปรับปรุงเทคนิคการเลียงปลาในศตวรรษที่ 14-16 ในเยอรมันมีการเพาะพันธุ์ปลาเทราต์ เมือ ค.ศ.
้ ่
1741 (พ.ศ. 2284) การเพาะเลียงปลาแพร่ หลายในยุคกลางของยุโรป เมือเริ่มขาดแคลนปลา และราคา
้ ่
ปลาแพงขึน การพัฒนาปรับปรุ งการขนส่ งในศตวรรษที่ 19 ทาให้ มปลามากขึนและราคาถูกลงแม้ ว่า
้ ี ้
ที่ดนเพาะเลียงปลาจะลดลง
ิ ้
- 4. ในสหรัฐอเมริกาพยายามเลียงปลาเทราต์ เชิงการค้าเมื่อ ค.ศ. 1853 (พ.ศ. 2396) ปลาเรนโบว์ เทราต์ ถูกพบครั้งแรกในทวีป
้
อเมริกาเหนือและขยายการเพาะเลียงไปทั่วโลก โรงเพาะพันธุ์ปลาแห่ งแรกในทวีปอเมริกาเหนือสร้ างอยู่บนเกาะดิลโด
้
ประเทศแคนาดาเมื่อ ค.ศ. 1889 (พ.ศ. 2432) ในญีปุ่นโรงเพาะฟักกุ้งทะเลและฟาร์ มกุ้งแห่ งแรกถูกสร้ างขึนเมื่อ ค.ศ. 1959
่ ้
(พ.ศ. 2502 ) และเข้ าสู่ อุตสาหกรรมการเพาะเลียงกุ้งเชิงการค้า อุตสาหกรรมการเลียงปลาแซลมอนในยุโรปและ
้ ้
อุตสาหกรรมการเลียงปลาดุกอเมริกนเริ่มต้ นพร้ อมกันในทศวรรษที่ 60 สหรัฐอเมริกาเข้ ามามีส่วนร่ วมในการเพาะเลียง
้ ั ้
สัตว์นาช่ วงปลายศตวรรษที่ 20 การเพาะปลูกในนานับเป็ นปรากฏการณ์ ร่วมสมัย สัตว์นาจานวน 430 ชนิดถูกนามา
้ ้ ้
เพาะเลียงตั้งแต่ ต้นศตวรรษที่ 20 และสัตว์นาจานวน 106 ชนิดเริ่มเพาะเลียงตั้งแต่ ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) การประมง
้ ้ ้
พัฒนาเป็ นศาสตร์ ที่มีการศึกษา ค้นคว้าวิจยอย่ างกว้างขวางวิทยาศาสตร์ การประมงเกิดจากการวิจยทางวิทยาศาสตร์ การ
ั ั
เพิมพูนความรู้บนพืนฐานวิชาชีววิทยาสัตว์นา มีการเรียนการสอนวิชาการประมงในระดับมหาวิทยาลัยทุกภูมิภาคทั่วโลก
่ ้ ้
มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้ านการประมง เช่ น ประเทศญีปุ่นมีมหาวิทยาลัยการประมงแห่ งชาติญปุ่น มหาวิทยาลัย
่ ี่
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางทะเลแห่ งโตเกียว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมีมหาวิทยาลัยการประมงเซี่ยงไฮ้
มหาวิทยาลัยการประมงดาเลียน ประเทศอินเดียมีมหาวิทยาลัยสัตวศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ การประมงมหาราชตรา
ประเทศเวียดนามมีมหาวิทยาลัยเกษตรและป่ าไม้ โฮจิมินห์ ประเทศออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยแห่ งทัสมาเนีย ประเทศ
โปแลนด์ มีมหาวิทยาลัยแห่ งวอร์ เมียและมาซูรี ประเทศอังกฤษมีสถาบันการประมงระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแห่ ง
ฮัลล์ มหาวิทยาลัยแห่ งเซาท์ แฮมตัน ประเทศโปรตุเกสมีมหาวิทยาลัยอาร์ โซเรส ประเทศแคนาดามีมหาวิทยาลัยแห่ งบริ
ติชโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยแห่ งโทรอนโต มหาวิทยาลัยแห่ งเกาะแวนคูเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยออเบิร์น
มหาวิทยาลัยอาร์ คนซอส์ ไพน์ บลัฟฟ์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส มหาวิทยาลัยแห่ งวอชิงตัน มหาวิทยาลัยแห่ งเทนเนสซี
ั
มหาวิทยาลัยแห่ งฟลอริดา มหาวิทยาลัยแห่ งมินนิโซตา มหาวิทยาลัยแห่ งฮาวาย มหาวิทยาลัยแห่ งอลาสกา แฟร์ แบงก์
มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐมิชิแกน มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐโอเรกอน มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐเซาท์ ดาโกตา มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐ
โคโลราโด
- 6. ประเทศไทยมีภาพเขียนเกียวกับการจับปลามาก่ อนประวัติศาสตร์ และมีคากล่ าวมาตั้งแต่ สมัยสุ โขทัย
่
ว่ า “ในนามีปลาในนามีข้าว” “กินข้ าวกินปลา” ปลาเป็ นแหล่ งโปรตีนของคนไทยมาตั้งแต่ ยุคโบราณ
้
ประกอบกับประเทศไทยมีแหล่ งนาขนาดใหญ่ เช่ น กว๊ านพะเยา บึงบอระเพ็ด หนองหาร และมีแม่ นา
้ ้
หลายสายเช่ น แม่ นาเจ้ าพระยา แม่ นาแม่ กลอง แม่ นาท่ าจีน แม่ นาบางปะกง แม่ นาตาปี แม่ นาปาก
้ ้ ้ ้ ้ ้
พนัง ทีไหลลงสู่ อ่าวไทย แม่ นาชี และแม่ นามูล ทีไหลลงแม่ นาโขง จึงมีการทาประมงกันอย่ าง
่ ้ ้ ่ ้
แพร่ หลาย หน่ วยงานภาครัฐเข้ ามาเกียวข้ องกับการประมงโดยกรมสรรพากรจัดเก็บภาษีค่านา ค่ า
่ ้
ภาษีอากรสั ตว์ นา ถือได้ ว่า การบริหารจัดการทางด้ านการประมงของไทยเริ่มขึนในพ.ศ. 2444
้ ้
- 7. พ.ศ. 2464 รัฐได้จดตั้งหน่วยเพาะพันธุ์ปลาหรื อหน่วยงานบารุ งและรักษาสัตว์น้ า ขึ้น โดยให้ข้ ึนตรง
ั
ต่อกระทรวงเกษตราธิการ และแต่งตั้ง ดร.ฮิว แมคคอร์มิค สมิธ ซึ่งเคยเป็ นกรรมาธิการการประมง
สหรัฐอเมริ กา (Commissioner of Fisheries U.S.A) เป็ นที่ปรึ กษาด้านการประมงของ
่
รัฐบาลในพระมหากษัตริ ยสยามในพ.ศ. 2466 มีการสารวจปริ มาณสัตว์น้ าที่มีอยูในประเทศไทย เพื่อ
์
นามาประกอบการเพาะพันธุ์ การบารุ งพันธุ์พนธุ์สตว์น้ า เพื่อขยายผลในเชิงอุตสาหกรรม โดยการ
ั ั
สารวจในน่านน้ าจืด และในน่านน้ าทะเลทัวราชอาณาจักรไทย จัดกลุ่มจาแนกในทางชีววิทยาเป็ น
่
หมวดหมู่ เขียนเป็ นหนังสื อมีภาพประกอบแนะนาทรัพยากรในประเทศไทยชื่อ “อนุกรมวิธาน” และ
“A Review of the Aquatic Resources and Fisheries of Siam, with
Plans and Recommendation for the Administration, Conservation
and Development” นาเสนอทรัพยากรในน้ าของประเทศไทยพร้อมทั้งให้รายละเอียดและ
ข้อแนะนาการบริ หารจัดการอนุรักษ์เสนอต่อกระทรวงเกษตราธิการและได้นาเสนอทูลเกล้าฯและ
่ ั
อนุมติให้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูหวทรงมีพระบรมราชโองการ
ั
ลงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2469 ให้ต้งกรมรักษาสัตว์น้ าขึ้นในกระทรวงเกษตราธิการ พ.ศ. 2477
ั
เปลี่ยนชื่อเป็ นกรมการประมง และพ.ศ. 2496 เปลี่ยนชื่อเป็ นกรมประมง
- 8. 1.ผลผลิตทีได้ จากการทากิจกรรมการประกอบอาชีพทางนา ทั้งบริโภค เช่ น อาหารทะเล ปลากระป๋ อง
่ ้
สาหร่ ายนาจืด และอุปโภค เช่ น เครื่องหนังจระเข้ (ดูเพิมในหัวข้ อ ประเภทของ ผลิตภัณฑ์ ประมง
้ ่
และสิ นค้ าประมง) ผลิตภัณฑ์ ประมงทีใช้ บริโภคนั้น เป็ นแหล่ งโปรตีนคุณภาพสู งของโลก โดย
่
ประชากรมนุษย์ กว่ า1000ล้ านทัวโลกมีแหล่ งโปรตีนหลักจากผลิตภัณฑ์ ประมง[1][2]
่
2.การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ด้านหนึ่งทางวิชาการประมง เกียวข้ องกับเทคโนโลยีและวิศวกรรม
่
ตลอดห่ วงโซ่ ของอุตสาหกรรมประมง ตั้งแต่ การจับและการเก็บเกียว การแปรรู ป การขนส่ ง
่
ผลิตภัณฑ์ ไปถึง การบริหารโรงงานอุตสาหกรรมและ ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ ประมงและอาหารที่
เกียวข้ อง
่
- 9. • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ. 2506-2509 จัดตั้งสถาบันวิจยประมงนาจืดและ
ั ้
ห้ องทดลองชีววิทยาการประมงทะเล เพือส่ งเสริมการเพาะปลูกในนาและการประมงนาลึก
่ ้ ้
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2510-2514 ส่ งเสริมการเพาะปลูกในนาจืดและนากร่ อย ้ ้
กวดขันการอนุรักษ์ พนธุ์สัตว์ นาตลอดจนการเก็บรักษาและแปรรู ป จัดตั้งศูนย์ พฒนาและฝึ กอบรมการประมง
ั ้ ั
ทะเลให้ ชาวประมงรู้ จกวิธีการเดินเรือและการใช้ อปกรณ์ ทนสมัยทีเ่ หมาะสมกับการประมงทะเลลึกเพือการ
ั ุ ั ่
บริโภคภายในประเทศและเพือส่ งออกเป็ นสินค้ าสาคัญ
่
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 3 พ.ศ. 2515-2519 ส่ งเสริมการพัฒนาทีดนชายฝั่งทะเลให้ เป็ น
่ ิ
แหล่งเลียงสัตว์ นาได้ แก่ กุ้งทะเล ซึ่งเป็ นสินค้ าทีตลาดต่ างประเทศต้ องการมาก จัดตั้งศูนย์ วจยค้ นคว้ าและ
้ ้ ่ ิั
ฝึ กอบรมการเพาะเลียงกุ้งเพือค้ นคว้ าวิธีการเพาะลูกกุ้งโดยไม่ ต้องอาศัยธรรมชาติและสาธิตแก่เกษตรกร
้ ่
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 4 พ.ศ. 2520-2524 ส่ งเสริมการเพาะเลียงปลาในเขต ้
ชลประทาน ทดลองค้ นคว้ าอบรมการเพาะเลียงกุ้งก้ามกรามและการเพาะเลียงกุ้งชายฝั่ง สนับสนุนชาวประมง
้ ้
ให้ ปรับปรุงเครื่องมือการทาประมงให้ มประสิทธิภาพในการจับสัตว์ นาและแข็งแรงทนทานต่ อลมฟาอากาศ
ี ้ ้
ก่อสร้ างและขยายสะพานปลา ท่ าเรือประมง โรงงานห้ องเย็นและโรงนาแข็ง ้
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 5 พ.ศ. 2525-2529ส่ งเสริมการเจรจาร่ วมทุนทาการประมงนา ้
ลึกกับประเทศต่ างๆ
- 10. • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 6 พ.ศ. 2530-2534 และฉบับที่ 7 พ.ศ. 2535-2539 เน้ นมาตรการ
อนุรักษ์ และควบคุมการใช้ ทรัพยากรประมงโดยสารวจแหล่งประมงในน่ านนาสากลและน่ านนาของประเทศที่มี
้ ้
ความร่ วมมือทางการประมงสนับสนุนการร่ วมทุนทาการประมงโดยถูกต้ องตามกฎหมายประมงระหว่างประเทศ
เสนอแก้ไขพระราชบัญญัตการประมงให้ ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาวะการประมง ในด้ านการศึกษา
ิ
กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงหลักสู ตรการประมงให้ สอดคล้องกับความต้ องการแรงงานเอกชน ประสานงาน
ระหว่างมหาวิทยาลัยที่มีการผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาเดียวกันปรับปรุงระบบการศึกษาขั้นบัณฑิตศึกษาให้ ตรงกับ
ความต้ องการของประเทศ
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 8 พ.ศ. 2540-2544 สนับสนุนกฎหมายรองรับสิทธิของชุมชนท้ องถิน ่
และชาวประมงขนาดเล็กให้ มีส่วนร่ วมในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลทั้งการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและดูแลรักษาป่ า
ชายเลนหญ้ าทะเลและปะการังเพือให้ มีการใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรชายฝั่งโดยเฉพาะทรัพยากรประมงได้ อย่ าง
่
ยังยืน
่