SlideShare a Scribd company logo
1 of 11
Download to read offline
การประมง หรือ ประมง หมายถึงการจัดการของมนุษย์ ด้านการจับปลาหรือสั ตว์ นาอืนๆ การดูแล
                                                                                ้ ่
รักษาปลาสวยงามและการแปรรู ปเป็ นผลิตภัณฑ์ ประมงเช่ น นามันปลา [1] กิจกรรมการทาประมง
                                                               ้
จัดแบ่ งได้ ท้งตามชนิดสั ตว์ นาและตามเขตเศรษฐกิจ เช่ น การทาประมงปลาแซลมอนในอลาสก้ า การ
              ั                  ้
ทาประมงปลาคอดในเกาะลอโฟเทน ประเทศนอร์ เวย์ หรือการทาประมงปลาทูน่าในมหาสมุทร
แปซิฟิกตะวันออก และยังรวมถึงการเพาะปลูกในนา (Aquaculture) ซึ่งหมายถึงการปลูกพืช
                                                    ้
หรือเลียงสั ตว์ บางชนิดในนา เพือใช้ เป็ นอาหารคนหรือสั ตว์ เช่ นเดียวกับเกษตรกรรมทีทาบนพืนดิน
        ้                    ้ ่                                                    ่    ้
[2] การทาฟาร์ มในนา เช่ นฟาร์ มปลา ฟาร์ มกุ้ง ฟาร์ มหอย ฟาร์ มหอยมุก การเพาะปลูกในนาใน
                      ้                                                               ้
สภาพแวดล้ อมทีควบคุมไว้ การเพาะปลูกในนาจืด นากร่ อย ในทะเล การเพาะปลูกสาหร่ าย [3]ต่ อมา
                   ่                          ้       ้
ได้ มการพัฒนาองค์ ความรู้ ด้านการประมงเป็ นวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสาขาหนึ่งเรียกว่ า
     ี
วิทยาศาสตร์ การประมง มีพนฐานจากวิชาชีววิทยา นิเวศวิทยา สมุทรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการ
                              ื้
จัดการ มีการจัดศึกษาด้ านการประมงในแง่ มุมต่ างๆ ทั้งระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี ปริญญาโทและ
ปริญญาเอก และการประมงมีบทบาทสาคัญในเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ จึงมีคาอืนๆที่         ่
เกียวข้ องเช่ น “ธุรกิจการประมง” “อุตสาหกรรมประมง” เกิดขึน
   ่                                                             ้
ของการประมงทียาวนานทีสุดคือการจับปลาคอดและแปรรูปเป็ นปลาคอดแห้ งจากเกาะลอโฟเทน
                    ่       ่
ประเทศนอร์ เวย์ ส่ งไปค้ าขายยังภาคใต้ ของยุโรป อิตาลี สเปน โปรตุเกส ซึ่งเกิดขึนในยุคไวกิงหรือ
                                                                               ้          ้
ก่ อนหน้ านั้น เป็ นเวลานับพันปี การประมงหอยมุกในอินเดียเกิดขึนมาตั้งแต่ ศตวรรษแรกก่ อน
                                                                 ้
คริสตกาล เป็ นการประมงทะเลลึกบริเวณท่ าเรือของอาณาจักรดราวิเดียนทมิฬ เกิดชุ มชนหนาแน่ น
จากการค้ ามุก ส่ วนการเพาะปลูกในนาเกิดขึนมาตั้งแต่ ยุคโบราณ มีการเพาะปลูกในนาหลายชนิด ใน
                                     ้    ้                                       ้
สาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดขึนพันปี ก่ อนคริสตกาล [4] [5] การเพาะเลียงปลาในตระกูลปลาไนทีอยู่ใน
                                ้                                    ้                        ่
บ่ อนา หรือบึง ด้ วยตัวอ่ อนของแมลงและหนอนไหม เพือเป็ นแหล่ งโปรตีน ในฮาวาย เริ่มเพาะเลียง
      ้                                                ่                                        ้
ปลาโดยการสร้ างบ่ อปลามาอย่ างน้ อย 1000 ปี ทีแล้ ว ในญีปุ่น เพาะปลูกสาหร่ ายทะเลด้ วยไม้ ไผ่ หรือ
                                              ่          ่
ตาข่ าย เพาะเลียงหอยนางรมด้ วยทุ่นในทะเล ในอียปต์ และโรมัน มีการเลียงปลาในตระกูลปลาไนใน
                ้                                  ิ                     ้
บ่ อในคริสต์ ศตวรรษที่ 1-4 โดยนาปลาในตระกูลปลาไนมาจากจีนทางแม่ นาดานูบ บาดหลวงในยุโรป
                                                                           ้
ปรับปรุงเทคนิคการเลียงปลาในศตวรรษที่ 14-16 ในเยอรมันมีการเพาะพันธุ์ปลาเทราต์ เมือ ค.ศ.
                        ้                                                              ่
1741 (พ.ศ. 2284) การเพาะเลียงปลาแพร่ หลายในยุคกลางของยุโรป เมือเริ่มขาดแคลนปลา และราคา
                              ้                                        ่
ปลาแพงขึน การพัฒนาปรับปรุ งการขนส่ งในศตวรรษที่ 19 ทาให้ มปลามากขึนและราคาถูกลงแม้ ว่า
           ้                                                       ี         ้
ที่ดนเพาะเลียงปลาจะลดลง
    ิ         ้
ในสหรัฐอเมริกาพยายามเลียงปลาเทราต์ เชิงการค้าเมื่อ ค.ศ. 1853 (พ.ศ. 2396) ปลาเรนโบว์ เทราต์ ถูกพบครั้งแรกในทวีป
                             ้
อเมริกาเหนือและขยายการเพาะเลียงไปทั่วโลก โรงเพาะพันธุ์ปลาแห่ งแรกในทวีปอเมริกาเหนือสร้ างอยู่บนเกาะดิลโด
                                  ้
ประเทศแคนาดาเมื่อ ค.ศ. 1889 (พ.ศ. 2432) ในญีปุ่นโรงเพาะฟักกุ้งทะเลและฟาร์ มกุ้งแห่ งแรกถูกสร้ างขึนเมื่อ ค.ศ. 1959
                                                  ่                                                ้
(พ.ศ. 2502 ) และเข้ าสู่ อุตสาหกรรมการเพาะเลียงกุ้งเชิงการค้า อุตสาหกรรมการเลียงปลาแซลมอนในยุโรปและ
                                                ้                              ้
อุตสาหกรรมการเลียงปลาดุกอเมริกนเริ่มต้ นพร้ อมกันในทศวรรษที่ 60 สหรัฐอเมริกาเข้ ามามีส่วนร่ วมในการเพาะเลียง
                      ้             ั                                                                          ้
สัตว์นาช่ วงปลายศตวรรษที่ 20 การเพาะปลูกในนานับเป็ นปรากฏการณ์ ร่วมสมัย สัตว์นาจานวน 430 ชนิดถูกนามา
       ้                                            ้                               ้
เพาะเลียงตั้งแต่ ต้นศตวรรษที่ 20 และสัตว์นาจานวน 106 ชนิดเริ่มเพาะเลียงตั้งแต่ ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) การประมง
         ้                                  ้                         ้
พัฒนาเป็ นศาสตร์ ที่มีการศึกษา ค้นคว้าวิจยอย่ างกว้างขวางวิทยาศาสตร์ การประมงเกิดจากการวิจยทางวิทยาศาสตร์ การ
                                         ั                                                    ั
เพิมพูนความรู้บนพืนฐานวิชาชีววิทยาสัตว์นา มีการเรียนการสอนวิชาการประมงในระดับมหาวิทยาลัยทุกภูมิภาคทั่วโลก
   ่                    ้                     ้
มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้ านการประมง เช่ น ประเทศญีปุ่นมีมหาวิทยาลัยการประมงแห่ งชาติญปุ่น มหาวิทยาลัย
                                                       ่                                   ี่
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางทะเลแห่ งโตเกียว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมีมหาวิทยาลัยการประมงเซี่ยงไฮ้
มหาวิทยาลัยการประมงดาเลียน ประเทศอินเดียมีมหาวิทยาลัยสัตวศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ การประมงมหาราชตรา
ประเทศเวียดนามมีมหาวิทยาลัยเกษตรและป่ าไม้ โฮจิมินห์ ประเทศออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยแห่ งทัสมาเนีย ประเทศ
โปแลนด์ มีมหาวิทยาลัยแห่ งวอร์ เมียและมาซูรี ประเทศอังกฤษมีสถาบันการประมงระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแห่ ง
ฮัลล์ มหาวิทยาลัยแห่ งเซาท์ แฮมตัน ประเทศโปรตุเกสมีมหาวิทยาลัยอาร์ โซเรส ประเทศแคนาดามีมหาวิทยาลัยแห่ งบริ
ติชโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยแห่ งโทรอนโต มหาวิทยาลัยแห่ งเกาะแวนคูเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยออเบิร์น
มหาวิทยาลัยอาร์ คนซอส์ ไพน์ บลัฟฟ์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส มหาวิทยาลัยแห่ งวอชิงตัน มหาวิทยาลัยแห่ งเทนเนสซี
                    ั
มหาวิทยาลัยแห่ งฟลอริดา มหาวิทยาลัยแห่ งมินนิโซตา มหาวิทยาลัยแห่ งฮาวาย มหาวิทยาลัยแห่ งอลาสกา แฟร์ แบงก์
มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐมิชิแกน มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐโอเรกอน มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐเซาท์ ดาโกตา มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐ
โคโลราโด
ประเทศไทยมีภาพเขียนเกียวกับการจับปลามาก่ อนประวัติศาสตร์ และมีคากล่ าวมาตั้งแต่ สมัยสุ โขทัย
                             ่
ว่ า “ในนามีปลาในนามีข้าว” “กินข้ าวกินปลา” ปลาเป็ นแหล่ งโปรตีนของคนไทยมาตั้งแต่ ยุคโบราณ
          ้
ประกอบกับประเทศไทยมีแหล่ งนาขนาดใหญ่ เช่ น กว๊ านพะเยา บึงบอระเพ็ด หนองหาร และมีแม่ นา
                                   ้                                                          ้
หลายสายเช่ น แม่ นาเจ้ าพระยา แม่ นาแม่ กลอง แม่ นาท่ าจีน แม่ นาบางปะกง แม่ นาตาปี แม่ นาปาก
                    ้                ้             ้            ้              ้         ้
พนัง ทีไหลลงสู่ อ่าวไทย แม่ นาชี และแม่ นามูล ทีไหลลงแม่ นาโขง จึงมีการทาประมงกันอย่ าง
        ่                      ้          ้     ่           ้
แพร่ หลาย หน่ วยงานภาครัฐเข้ ามาเกียวข้ องกับการประมงโดยกรมสรรพากรจัดเก็บภาษีค่านา ค่ า
                                       ่                                                   ้
ภาษีอากรสั ตว์ นา ถือได้ ว่า การบริหารจัดการทางด้ านการประมงของไทยเริ่มขึนในพ.ศ. 2444
                ้                                                            ้
พ.ศ. 2464 รัฐได้จดตั้งหน่วยเพาะพันธุ์ปลาหรื อหน่วยงานบารุ งและรักษาสัตว์น้ า ขึ้น โดยให้ข้ ึนตรง
                   ั
ต่อกระทรวงเกษตราธิการ และแต่งตั้ง ดร.ฮิว แมคคอร์มิค สมิธ ซึ่งเคยเป็ นกรรมาธิการการประมง
สหรัฐอเมริ กา (Commissioner of Fisheries U.S.A) เป็ นที่ปรึ กษาด้านการประมงของ
                                                                            ่
รัฐบาลในพระมหากษัตริ ยสยามในพ.ศ. 2466 มีการสารวจปริ มาณสัตว์น้ าที่มีอยูในประเทศไทย เพื่อ
                          ์
นามาประกอบการเพาะพันธุ์ การบารุ งพันธุ์พนธุ์สตว์น้ า เพื่อขยายผลในเชิงอุตสาหกรรม โดยการ
                                          ั ั
สารวจในน่านน้ าจืด และในน่านน้ าทะเลทัวราชอาณาจักรไทย จัดกลุ่มจาแนกในทางชีววิทยาเป็ น
                                        ่
หมวดหมู่ เขียนเป็ นหนังสื อมีภาพประกอบแนะนาทรัพยากรในประเทศไทยชื่อ “อนุกรมวิธาน” และ
“A Review of the Aquatic Resources and Fisheries of Siam, with
Plans and Recommendation for the Administration, Conservation
and Development” นาเสนอทรัพยากรในน้ าของประเทศไทยพร้อมทั้งให้รายละเอียดและ
ข้อแนะนาการบริ หารจัดการอนุรักษ์เสนอต่อกระทรวงเกษตราธิการและได้นาเสนอทูลเกล้าฯและ
                                                                  ่ ั
อนุมติให้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูหวทรงมีพระบรมราชโองการ
      ั
ลงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2469 ให้ต้งกรมรักษาสัตว์น้ าขึ้นในกระทรวงเกษตราธิการ พ.ศ. 2477
                                   ั
เปลี่ยนชื่อเป็ นกรมการประมง และพ.ศ. 2496 เปลี่ยนชื่อเป็ นกรมประมง
1.ผลผลิตทีได้ จากการทากิจกรรมการประกอบอาชีพทางนา ทั้งบริโภค เช่ น อาหารทะเล ปลากระป๋ อง
             ่                                           ้
สาหร่ ายนาจืด และอุปโภค เช่ น เครื่องหนังจระเข้ (ดูเพิมในหัวข้ อ ประเภทของ ผลิตภัณฑ์ ประมง
           ้                                          ่
และสิ นค้ าประมง) ผลิตภัณฑ์ ประมงทีใช้ บริโภคนั้น เป็ นแหล่ งโปรตีนคุณภาพสู งของโลก โดย
                                     ่
ประชากรมนุษย์ กว่ า1000ล้ านทัวโลกมีแหล่ งโปรตีนหลักจากผลิตภัณฑ์ ประมง[1][2]
                              ่
2.การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ด้านหนึ่งทางวิชาการประมง เกียวข้ องกับเทคโนโลยีและวิศวกรรม
                                                           ่
ตลอดห่ วงโซ่ ของอุตสาหกรรมประมง ตั้งแต่ การจับและการเก็บเกียว การแปรรู ป การขนส่ ง
                                                                 ่
ผลิตภัณฑ์ ไปถึง การบริหารโรงงานอุตสาหกรรมและ ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ ประมงและอาหารที่
เกียวข้ อง
   ่
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ. 2506-2509 จัดตั้งสถาบันวิจยประมงนาจืดและ
                                                                                      ั                ้
  ห้ องทดลองชีววิทยาการประมงทะเล เพือส่ งเสริมการเพาะปลูกในนาและการประมงนาลึก
                                                ่                        ้                  ้
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2510-2514 ส่ งเสริมการเพาะปลูกในนาจืดและนากร่ อย   ้       ้
  กวดขันการอนุรักษ์ พนธุ์สัตว์ นาตลอดจนการเก็บรักษาและแปรรู ป จัดตั้งศูนย์ พฒนาและฝึ กอบรมการประมง
                         ั           ้                                            ั
  ทะเลให้ ชาวประมงรู้ จกวิธีการเดินเรือและการใช้ อปกรณ์ ทนสมัยทีเ่ หมาะสมกับการประมงทะเลลึกเพือการ
                           ั                             ุ      ั                                          ่
  บริโภคภายในประเทศและเพือส่ งออกเป็ นสินค้ าสาคัญ
                                   ่
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 3 พ.ศ. 2515-2519 ส่ งเสริมการพัฒนาทีดนชายฝั่งทะเลให้ เป็ น
                                                                                              ่ ิ
  แหล่งเลียงสัตว์ นาได้ แก่ กุ้งทะเล ซึ่งเป็ นสินค้ าทีตลาดต่ างประเทศต้ องการมาก จัดตั้งศูนย์ วจยค้ นคว้ าและ
           ้        ้                                  ่                                          ิั
  ฝึ กอบรมการเพาะเลียงกุ้งเพือค้ นคว้ าวิธีการเพาะลูกกุ้งโดยไม่ ต้องอาศัยธรรมชาติและสาธิตแก่เกษตรกร
                       ้         ่
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 4 พ.ศ. 2520-2524 ส่ งเสริมการเพาะเลียงปลาในเขต ้
  ชลประทาน ทดลองค้ นคว้ าอบรมการเพาะเลียงกุ้งก้ามกรามและการเพาะเลียงกุ้งชายฝั่ง สนับสนุนชาวประมง
                                                   ้                           ้
  ให้ ปรับปรุงเครื่องมือการทาประมงให้ มประสิทธิภาพในการจับสัตว์ นาและแข็งแรงทนทานต่ อลมฟาอากาศ
                                              ี                            ้                             ้
  ก่อสร้ างและขยายสะพานปลา ท่ าเรือประมง โรงงานห้ องเย็นและโรงนาแข็ง         ้
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 5 พ.ศ. 2525-2529ส่ งเสริมการเจรจาร่ วมทุนทาการประมงนา               ้
  ลึกกับประเทศต่ างๆ
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 6 พ.ศ. 2530-2534 และฉบับที่ 7 พ.ศ. 2535-2539 เน้ นมาตรการ
  อนุรักษ์ และควบคุมการใช้ ทรัพยากรประมงโดยสารวจแหล่งประมงในน่ านนาสากลและน่ านนาของประเทศที่มี
                                                                       ้             ้
  ความร่ วมมือทางการประมงสนับสนุนการร่ วมทุนทาการประมงโดยถูกต้ องตามกฎหมายประมงระหว่างประเทศ
  เสนอแก้ไขพระราชบัญญัตการประมงให้ ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาวะการประมง ในด้ านการศึกษา
                            ิ
  กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงหลักสู ตรการประมงให้ สอดคล้องกับความต้ องการแรงงานเอกชน ประสานงาน
  ระหว่างมหาวิทยาลัยที่มีการผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาเดียวกันปรับปรุงระบบการศึกษาขั้นบัณฑิตศึกษาให้ ตรงกับ
  ความต้ องการของประเทศ
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 8 พ.ศ. 2540-2544 สนับสนุนกฎหมายรองรับสิทธิของชุมชนท้ องถิน    ่
  และชาวประมงขนาดเล็กให้ มีส่วนร่ วมในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลทั้งการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและดูแลรักษาป่ า
  ชายเลนหญ้ าทะเลและปะการังเพือให้ มีการใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรชายฝั่งโดยเฉพาะทรัพยากรประมงได้ อย่ าง
                                 ่
  ยังยืน
    ่
นางสาวนันท์ลภัส วรัตน์ธญฐิติ
                          ั
     ม.4/7 เลขที่ 15
         เสนอ
 อาจารย์อารี ย ์ บุญรักษา

More Related Content

Similar to โครงการ การประมง

Sea turtles preservation
Sea turtles preservationSea turtles preservation
Sea turtles preservation
aunun
 
สายพันธุ์ปลากัด
สายพันธุ์ปลากัดสายพันธุ์ปลากัด
สายพันธุ์ปลากัด
pongwiwat
 
บึงบอระเพ็ด
บึงบอระเพ็ดบึงบอระเพ็ด
บึงบอระเพ็ด
Look Fa
 
โครงการพัฒนาการประมง
โครงการพัฒนาการประมงโครงการพัฒนาการประมง
โครงการพัฒนาการประมง
AbnPlathong Ag'
 
35 ปี ปะการังเทียม
35 ปี ปะการังเทียม35 ปี ปะการังเทียม
35 ปี ปะการังเทียม
Rangsimant Buatong
 
Chaipat apr p036 040
Chaipat apr p036 040Chaipat apr p036 040
Chaipat apr p036 040
i_cavalry
 
คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...
คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...
คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...
KAMOLCHAIKEAWKLANGMO
 
คุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับ
คุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับคุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับ
คุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับ
SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1
nananattie
 
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
Ausa Suradech
 

Similar to โครงการ การประมง (20)

Sea turtles preservation
Sea turtles preservationSea turtles preservation
Sea turtles preservation
 
สายพันธุ์ปลากัด
สายพันธุ์ปลากัดสายพันธุ์ปลากัด
สายพันธุ์ปลากัด
 
บึงบอระเพ็ด
บึงบอระเพ็ดบึงบอระเพ็ด
บึงบอระเพ็ด
 
โครงการพัฒนาการประมง
โครงการพัฒนาการประมงโครงการพัฒนาการประมง
โครงการพัฒนาการประมง
 
Kc4104041
Kc4104041Kc4104041
Kc4104041
 
35 ปี ปะการังเทียม
35 ปี ปะการังเทียม35 ปี ปะการังเทียม
35 ปี ปะการังเทียม
 
9789740337478
97897403374789789740337478
9789740337478
 
Teerapat betta fish
Teerapat betta fishTeerapat betta fish
Teerapat betta fish
 
กลุ่ม 4
กลุ่ม 4 กลุ่ม 4
กลุ่ม 4
 
Wuttipong
WuttipongWuttipong
Wuttipong
 
Chaipat apr p036 040
Chaipat apr p036 040Chaipat apr p036 040
Chaipat apr p036 040
 
คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...
คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...
คู่มือจำแนกงูทะเลและงูน้ำ - มนตรี สุมณฑา. (นักวิชาการประมงชํานาญการ. สถานีวิจ...
 
งานพี่มอส
งานพี่มอสงานพี่มอส
งานพี่มอส
 
คุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับ
คุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับคุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับ
คุณหนู ๆ มารู้จักอาชีพชาวนากันครับ
 
Thanawat
ThanawatThanawat
Thanawat
 
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรังชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
 
โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1
 
Book20110408103212
Book20110408103212Book20110408103212
Book20110408103212
 
Galapagos Islands
Galapagos IslandsGalapagos Islands
Galapagos Islands
 
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
 

โครงการ การประมง

  • 1.
  • 2. การประมง หรือ ประมง หมายถึงการจัดการของมนุษย์ ด้านการจับปลาหรือสั ตว์ นาอืนๆ การดูแล ้ ่ รักษาปลาสวยงามและการแปรรู ปเป็ นผลิตภัณฑ์ ประมงเช่ น นามันปลา [1] กิจกรรมการทาประมง ้ จัดแบ่ งได้ ท้งตามชนิดสั ตว์ นาและตามเขตเศรษฐกิจ เช่ น การทาประมงปลาแซลมอนในอลาสก้ า การ ั ้ ทาประมงปลาคอดในเกาะลอโฟเทน ประเทศนอร์ เวย์ หรือการทาประมงปลาทูน่าในมหาสมุทร แปซิฟิกตะวันออก และยังรวมถึงการเพาะปลูกในนา (Aquaculture) ซึ่งหมายถึงการปลูกพืช ้ หรือเลียงสั ตว์ บางชนิดในนา เพือใช้ เป็ นอาหารคนหรือสั ตว์ เช่ นเดียวกับเกษตรกรรมทีทาบนพืนดิน ้ ้ ่ ่ ้ [2] การทาฟาร์ มในนา เช่ นฟาร์ มปลา ฟาร์ มกุ้ง ฟาร์ มหอย ฟาร์ มหอยมุก การเพาะปลูกในนาใน ้ ้ สภาพแวดล้ อมทีควบคุมไว้ การเพาะปลูกในนาจืด นากร่ อย ในทะเล การเพาะปลูกสาหร่ าย [3]ต่ อมา ่ ้ ้ ได้ มการพัฒนาองค์ ความรู้ ด้านการประมงเป็ นวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสาขาหนึ่งเรียกว่ า ี วิทยาศาสตร์ การประมง มีพนฐานจากวิชาชีววิทยา นิเวศวิทยา สมุทรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการ ื้ จัดการ มีการจัดศึกษาด้ านการประมงในแง่ มุมต่ างๆ ทั้งระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี ปริญญาโทและ ปริญญาเอก และการประมงมีบทบาทสาคัญในเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ จึงมีคาอืนๆที่ ่ เกียวข้ องเช่ น “ธุรกิจการประมง” “อุตสาหกรรมประมง” เกิดขึน ่ ้
  • 3. ของการประมงทียาวนานทีสุดคือการจับปลาคอดและแปรรูปเป็ นปลาคอดแห้ งจากเกาะลอโฟเทน ่ ่ ประเทศนอร์ เวย์ ส่ งไปค้ าขายยังภาคใต้ ของยุโรป อิตาลี สเปน โปรตุเกส ซึ่งเกิดขึนในยุคไวกิงหรือ ้ ้ ก่ อนหน้ านั้น เป็ นเวลานับพันปี การประมงหอยมุกในอินเดียเกิดขึนมาตั้งแต่ ศตวรรษแรกก่ อน ้ คริสตกาล เป็ นการประมงทะเลลึกบริเวณท่ าเรือของอาณาจักรดราวิเดียนทมิฬ เกิดชุ มชนหนาแน่ น จากการค้ ามุก ส่ วนการเพาะปลูกในนาเกิดขึนมาตั้งแต่ ยุคโบราณ มีการเพาะปลูกในนาหลายชนิด ใน ้ ้ ้ สาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดขึนพันปี ก่ อนคริสตกาล [4] [5] การเพาะเลียงปลาในตระกูลปลาไนทีอยู่ใน ้ ้ ่ บ่ อนา หรือบึง ด้ วยตัวอ่ อนของแมลงและหนอนไหม เพือเป็ นแหล่ งโปรตีน ในฮาวาย เริ่มเพาะเลียง ้ ่ ้ ปลาโดยการสร้ างบ่ อปลามาอย่ างน้ อย 1000 ปี ทีแล้ ว ในญีปุ่น เพาะปลูกสาหร่ ายทะเลด้ วยไม้ ไผ่ หรือ ่ ่ ตาข่ าย เพาะเลียงหอยนางรมด้ วยทุ่นในทะเล ในอียปต์ และโรมัน มีการเลียงปลาในตระกูลปลาไนใน ้ ิ ้ บ่ อในคริสต์ ศตวรรษที่ 1-4 โดยนาปลาในตระกูลปลาไนมาจากจีนทางแม่ นาดานูบ บาดหลวงในยุโรป ้ ปรับปรุงเทคนิคการเลียงปลาในศตวรรษที่ 14-16 ในเยอรมันมีการเพาะพันธุ์ปลาเทราต์ เมือ ค.ศ. ้ ่ 1741 (พ.ศ. 2284) การเพาะเลียงปลาแพร่ หลายในยุคกลางของยุโรป เมือเริ่มขาดแคลนปลา และราคา ้ ่ ปลาแพงขึน การพัฒนาปรับปรุ งการขนส่ งในศตวรรษที่ 19 ทาให้ มปลามากขึนและราคาถูกลงแม้ ว่า ้ ี ้ ที่ดนเพาะเลียงปลาจะลดลง ิ ้
  • 4. ในสหรัฐอเมริกาพยายามเลียงปลาเทราต์ เชิงการค้าเมื่อ ค.ศ. 1853 (พ.ศ. 2396) ปลาเรนโบว์ เทราต์ ถูกพบครั้งแรกในทวีป ้ อเมริกาเหนือและขยายการเพาะเลียงไปทั่วโลก โรงเพาะพันธุ์ปลาแห่ งแรกในทวีปอเมริกาเหนือสร้ างอยู่บนเกาะดิลโด ้ ประเทศแคนาดาเมื่อ ค.ศ. 1889 (พ.ศ. 2432) ในญีปุ่นโรงเพาะฟักกุ้งทะเลและฟาร์ มกุ้งแห่ งแรกถูกสร้ างขึนเมื่อ ค.ศ. 1959 ่ ้ (พ.ศ. 2502 ) และเข้ าสู่ อุตสาหกรรมการเพาะเลียงกุ้งเชิงการค้า อุตสาหกรรมการเลียงปลาแซลมอนในยุโรปและ ้ ้ อุตสาหกรรมการเลียงปลาดุกอเมริกนเริ่มต้ นพร้ อมกันในทศวรรษที่ 60 สหรัฐอเมริกาเข้ ามามีส่วนร่ วมในการเพาะเลียง ้ ั ้ สัตว์นาช่ วงปลายศตวรรษที่ 20 การเพาะปลูกในนานับเป็ นปรากฏการณ์ ร่วมสมัย สัตว์นาจานวน 430 ชนิดถูกนามา ้ ้ ้ เพาะเลียงตั้งแต่ ต้นศตวรรษที่ 20 และสัตว์นาจานวน 106 ชนิดเริ่มเพาะเลียงตั้งแต่ ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) การประมง ้ ้ ้ พัฒนาเป็ นศาสตร์ ที่มีการศึกษา ค้นคว้าวิจยอย่ างกว้างขวางวิทยาศาสตร์ การประมงเกิดจากการวิจยทางวิทยาศาสตร์ การ ั ั เพิมพูนความรู้บนพืนฐานวิชาชีววิทยาสัตว์นา มีการเรียนการสอนวิชาการประมงในระดับมหาวิทยาลัยทุกภูมิภาคทั่วโลก ่ ้ ้ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้ านการประมง เช่ น ประเทศญีปุ่นมีมหาวิทยาลัยการประมงแห่ งชาติญปุ่น มหาวิทยาลัย ่ ี่ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางทะเลแห่ งโตเกียว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมีมหาวิทยาลัยการประมงเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยการประมงดาเลียน ประเทศอินเดียมีมหาวิทยาลัยสัตวศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ การประมงมหาราชตรา ประเทศเวียดนามมีมหาวิทยาลัยเกษตรและป่ าไม้ โฮจิมินห์ ประเทศออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยแห่ งทัสมาเนีย ประเทศ โปแลนด์ มีมหาวิทยาลัยแห่ งวอร์ เมียและมาซูรี ประเทศอังกฤษมีสถาบันการประมงระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแห่ ง ฮัลล์ มหาวิทยาลัยแห่ งเซาท์ แฮมตัน ประเทศโปรตุเกสมีมหาวิทยาลัยอาร์ โซเรส ประเทศแคนาดามีมหาวิทยาลัยแห่ งบริ ติชโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยแห่ งโทรอนโต มหาวิทยาลัยแห่ งเกาะแวนคูเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยออเบิร์น มหาวิทยาลัยอาร์ คนซอส์ ไพน์ บลัฟฟ์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส มหาวิทยาลัยแห่ งวอชิงตัน มหาวิทยาลัยแห่ งเทนเนสซี ั มหาวิทยาลัยแห่ งฟลอริดา มหาวิทยาลัยแห่ งมินนิโซตา มหาวิทยาลัยแห่ งฮาวาย มหาวิทยาลัยแห่ งอลาสกา แฟร์ แบงก์ มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐมิชิแกน มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐโอเรกอน มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐเซาท์ ดาโกตา มหาวิทยาลัยแห่ งรัฐ โคโลราโด
  • 5.
  • 6. ประเทศไทยมีภาพเขียนเกียวกับการจับปลามาก่ อนประวัติศาสตร์ และมีคากล่ าวมาตั้งแต่ สมัยสุ โขทัย ่ ว่ า “ในนามีปลาในนามีข้าว” “กินข้ าวกินปลา” ปลาเป็ นแหล่ งโปรตีนของคนไทยมาตั้งแต่ ยุคโบราณ ้ ประกอบกับประเทศไทยมีแหล่ งนาขนาดใหญ่ เช่ น กว๊ านพะเยา บึงบอระเพ็ด หนองหาร และมีแม่ นา ้ ้ หลายสายเช่ น แม่ นาเจ้ าพระยา แม่ นาแม่ กลอง แม่ นาท่ าจีน แม่ นาบางปะกง แม่ นาตาปี แม่ นาปาก ้ ้ ้ ้ ้ ้ พนัง ทีไหลลงสู่ อ่าวไทย แม่ นาชี และแม่ นามูล ทีไหลลงแม่ นาโขง จึงมีการทาประมงกันอย่ าง ่ ้ ้ ่ ้ แพร่ หลาย หน่ วยงานภาครัฐเข้ ามาเกียวข้ องกับการประมงโดยกรมสรรพากรจัดเก็บภาษีค่านา ค่ า ่ ้ ภาษีอากรสั ตว์ นา ถือได้ ว่า การบริหารจัดการทางด้ านการประมงของไทยเริ่มขึนในพ.ศ. 2444 ้ ้
  • 7. พ.ศ. 2464 รัฐได้จดตั้งหน่วยเพาะพันธุ์ปลาหรื อหน่วยงานบารุ งและรักษาสัตว์น้ า ขึ้น โดยให้ข้ ึนตรง ั ต่อกระทรวงเกษตราธิการ และแต่งตั้ง ดร.ฮิว แมคคอร์มิค สมิธ ซึ่งเคยเป็ นกรรมาธิการการประมง สหรัฐอเมริ กา (Commissioner of Fisheries U.S.A) เป็ นที่ปรึ กษาด้านการประมงของ ่ รัฐบาลในพระมหากษัตริ ยสยามในพ.ศ. 2466 มีการสารวจปริ มาณสัตว์น้ าที่มีอยูในประเทศไทย เพื่อ ์ นามาประกอบการเพาะพันธุ์ การบารุ งพันธุ์พนธุ์สตว์น้ า เพื่อขยายผลในเชิงอุตสาหกรรม โดยการ ั ั สารวจในน่านน้ าจืด และในน่านน้ าทะเลทัวราชอาณาจักรไทย จัดกลุ่มจาแนกในทางชีววิทยาเป็ น ่ หมวดหมู่ เขียนเป็ นหนังสื อมีภาพประกอบแนะนาทรัพยากรในประเทศไทยชื่อ “อนุกรมวิธาน” และ “A Review of the Aquatic Resources and Fisheries of Siam, with Plans and Recommendation for the Administration, Conservation and Development” นาเสนอทรัพยากรในน้ าของประเทศไทยพร้อมทั้งให้รายละเอียดและ ข้อแนะนาการบริ หารจัดการอนุรักษ์เสนอต่อกระทรวงเกษตราธิการและได้นาเสนอทูลเกล้าฯและ ่ ั อนุมติให้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูหวทรงมีพระบรมราชโองการ ั ลงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2469 ให้ต้งกรมรักษาสัตว์น้ าขึ้นในกระทรวงเกษตราธิการ พ.ศ. 2477 ั เปลี่ยนชื่อเป็ นกรมการประมง และพ.ศ. 2496 เปลี่ยนชื่อเป็ นกรมประมง
  • 8. 1.ผลผลิตทีได้ จากการทากิจกรรมการประกอบอาชีพทางนา ทั้งบริโภค เช่ น อาหารทะเล ปลากระป๋ อง ่ ้ สาหร่ ายนาจืด และอุปโภค เช่ น เครื่องหนังจระเข้ (ดูเพิมในหัวข้ อ ประเภทของ ผลิตภัณฑ์ ประมง ้ ่ และสิ นค้ าประมง) ผลิตภัณฑ์ ประมงทีใช้ บริโภคนั้น เป็ นแหล่ งโปรตีนคุณภาพสู งของโลก โดย ่ ประชากรมนุษย์ กว่ า1000ล้ านทัวโลกมีแหล่ งโปรตีนหลักจากผลิตภัณฑ์ ประมง[1][2] ่ 2.การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ด้านหนึ่งทางวิชาการประมง เกียวข้ องกับเทคโนโลยีและวิศวกรรม ่ ตลอดห่ วงโซ่ ของอุตสาหกรรมประมง ตั้งแต่ การจับและการเก็บเกียว การแปรรู ป การขนส่ ง ่ ผลิตภัณฑ์ ไปถึง การบริหารโรงงานอุตสาหกรรมและ ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ ประมงและอาหารที่ เกียวข้ อง ่
  • 9. • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ. 2506-2509 จัดตั้งสถาบันวิจยประมงนาจืดและ ั ้ ห้ องทดลองชีววิทยาการประมงทะเล เพือส่ งเสริมการเพาะปลูกในนาและการประมงนาลึก ่ ้ ้ • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2510-2514 ส่ งเสริมการเพาะปลูกในนาจืดและนากร่ อย ้ ้ กวดขันการอนุรักษ์ พนธุ์สัตว์ นาตลอดจนการเก็บรักษาและแปรรู ป จัดตั้งศูนย์ พฒนาและฝึ กอบรมการประมง ั ้ ั ทะเลให้ ชาวประมงรู้ จกวิธีการเดินเรือและการใช้ อปกรณ์ ทนสมัยทีเ่ หมาะสมกับการประมงทะเลลึกเพือการ ั ุ ั ่ บริโภคภายในประเทศและเพือส่ งออกเป็ นสินค้ าสาคัญ ่ • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 3 พ.ศ. 2515-2519 ส่ งเสริมการพัฒนาทีดนชายฝั่งทะเลให้ เป็ น ่ ิ แหล่งเลียงสัตว์ นาได้ แก่ กุ้งทะเล ซึ่งเป็ นสินค้ าทีตลาดต่ างประเทศต้ องการมาก จัดตั้งศูนย์ วจยค้ นคว้ าและ ้ ้ ่ ิั ฝึ กอบรมการเพาะเลียงกุ้งเพือค้ นคว้ าวิธีการเพาะลูกกุ้งโดยไม่ ต้องอาศัยธรรมชาติและสาธิตแก่เกษตรกร ้ ่ • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 4 พ.ศ. 2520-2524 ส่ งเสริมการเพาะเลียงปลาในเขต ้ ชลประทาน ทดลองค้ นคว้ าอบรมการเพาะเลียงกุ้งก้ามกรามและการเพาะเลียงกุ้งชายฝั่ง สนับสนุนชาวประมง ้ ้ ให้ ปรับปรุงเครื่องมือการทาประมงให้ มประสิทธิภาพในการจับสัตว์ นาและแข็งแรงทนทานต่ อลมฟาอากาศ ี ้ ้ ก่อสร้ างและขยายสะพานปลา ท่ าเรือประมง โรงงานห้ องเย็นและโรงนาแข็ง ้ • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 5 พ.ศ. 2525-2529ส่ งเสริมการเจรจาร่ วมทุนทาการประมงนา ้ ลึกกับประเทศต่ างๆ
  • 10. • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 6 พ.ศ. 2530-2534 และฉบับที่ 7 พ.ศ. 2535-2539 เน้ นมาตรการ อนุรักษ์ และควบคุมการใช้ ทรัพยากรประมงโดยสารวจแหล่งประมงในน่ านนาสากลและน่ านนาของประเทศที่มี ้ ้ ความร่ วมมือทางการประมงสนับสนุนการร่ วมทุนทาการประมงโดยถูกต้ องตามกฎหมายประมงระหว่างประเทศ เสนอแก้ไขพระราชบัญญัตการประมงให้ ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาวะการประมง ในด้ านการศึกษา ิ กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงหลักสู ตรการประมงให้ สอดคล้องกับความต้ องการแรงงานเอกชน ประสานงาน ระหว่างมหาวิทยาลัยที่มีการผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาเดียวกันปรับปรุงระบบการศึกษาขั้นบัณฑิตศึกษาให้ ตรงกับ ความต้ องการของประเทศ • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 8 พ.ศ. 2540-2544 สนับสนุนกฎหมายรองรับสิทธิของชุมชนท้ องถิน ่ และชาวประมงขนาดเล็กให้ มีส่วนร่ วมในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลทั้งการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและดูแลรักษาป่ า ชายเลนหญ้ าทะเลและปะการังเพือให้ มีการใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรชายฝั่งโดยเฉพาะทรัพยากรประมงได้ อย่ าง ่ ยังยืน ่
  • 11. นางสาวนันท์ลภัส วรัตน์ธญฐิติ ั ม.4/7 เลขที่ 15 เสนอ อาจารย์อารี ย ์ บุญรักษา