More Related Content
Similar to งานนำเสนอ21 (20)
งานนำเสนอ21
- 2. ความเป็ นมาของโครงการ
ตามที่สมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้ าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทรงพบเห็นปั ญหา
ความยากจน ความขาดแคลนอาหาร และสภาพแวดล้ อมที่เสื่อมโทรม
ประชาชนเป็ นโรคขาดสารอาหารและสุขภาพอ่ อนแอเจ็บป่ วยไม่ แข็งแรง ไม่
สามารถปฏิบัตงานได้ ดี โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเป็ นกลุ่มที่ได้ รับผลกระทบ
ิ
มากที่สุด อีกทังมีพฤติกรรมการบริโภค และพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ พงประสงค์
้ ึ
ทาให้ พระองค์ ทรงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะช่ วยเหลือประชาชนและเยาวชน
เหล่ า นัน ให้ มีชีวตความเป็ นอยู่ท่ ดขน ทรงมีพระราชดาริให้ โรงเรี ยนจัดตัง
้ ิ ี ี ึ้ ้
โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มุ่งเน้ นที่การสร้ างความมั่นคงทางอาหาร
เพื่อให้ นักเรี ยนมีอาหารที่มีคุณค่ าทางโภชนาการ ภายใต้ แผนพัฒนาเด็กและ
เยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยาม
บรมราชกุมารี ฉบับที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๓๕ - ๒๕๓๙) จนปั จจุบัน
- 3. กรมประมง ในฐานะเป็ นหน่ วยงานหนึ่งที่สนองงานโครงการตามพระราชดาริ ได้ ดาเนินกิจกรรมประมงโรงเรี ยน
มาตังแต่ ปี ๒๕๓๕ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๔๖ กรมประมงได้ จัดทาโครงการสนับสนุนด้ านการประมง ตาม
้
พระราชดาริ สมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อดาเนินกิจกรรมประมงโรงเรี ยนและ
กิจกรรมฝึ กอบรมมาจนถึงปั จจุบัน โดยปั จจุบันได้ ดาเนินการตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
ตามพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับที่ ๔ (พ.ศ.๒๕๕๐ - ๒๕๕๙) ซึ่ง
สอดคล้ องตามวัตถุประสงค์ ท่ ี ๔ เสริมสร้ างศักยภาพของเด็กและเยาวชนทางการอาชีพ ภายใต้ โครงการเกษตร
เพื่ออาหารกลางวันตามพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรั ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดาเนินการโดย
สนับสนุนปั จจัยการผลิตด้ านการประมงที่เหมาะสมกับสภาพพืนที่และ ศักยภาพของโรงเรี ยน อบรมให้ ความรู้
้
ด้ านการเพาะเลียงสัตว์ นา และด้ านโภชนาการและสาธิตการแปรรู ปสัตว์ นาแก่ ครู และนักเรี ยนในโรงเรี ยน
้ ้ ้
ตลอดจนติดตามและให้ คาแนะนาทักษะด้ านการจัดการการผลิตและการจัดการผล ผลิตอย่ างมีประสิทธิภาพ โดย
ดาเนินการในโรงเรี ยนสังกัดกองบัญชาการตารวจตระเวนชายแดน โรงเรี ยนสังกัดสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขันพืนฐาน ศูนย์ การเรี ยนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ ฟาหลวง” ศูนย์ การเรี ยนชุมชนชาวไทยมอแกน
้ ้ ้
สังกัดสานักงานส่ งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โรงเรี ยนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน โรงเรี ยนในสังกัดองค์ การบริหารส่ วนท้ องถิ่นและโรงเรี ยนใน
สังกัดกรุ งเทพมหา นคร ซึ่งกิจกรรมด้ านการประมงถือเป็ นการผลิตอาหารจาพวกโปรตีนที่สาคัญกิจกรรม หนึ่ง ที่
ทาให้ เยาวชนมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง อีกทังยังเป็ นแหล่ งการเรี ยนรู้ ด้านการเลียงสัตว์ นา และการ
้ ้ ้
อนุรักษ์ ทรั พยากรสัตว์ นาให้ แก่ เด็ก เยาวชน และราษฎรในชุมชน เพื่อสามารถนาความรู้ ไปใช้ ในการประกอบ
้
อาชีพได้ ต่อไปในอนาคต นอกจากนียังเป็ นการส่ งเสริมให้ เด็กหรื อเยาวชนได้ ใช้ เวลาว่ างให้ เป็ น ประโยชน์ และยัง
้
เป็ นการปลูกฝั งให้ เกิดความสามัคคีในชุมชนต่ อไปในอนาคต
- 4. วัตถุประสงค์
๑. เพือเป็ นแหล่งผลิตอาหารโปรตีนประเภทปลาให้ แก่เด็กนักเรียนบริโภคเป็ นอาหาร
่
กลางวันทีมคุณค่ าทางโภชนาการ และก่ อให้ เกิดรายได้ จากการจาหน่ ายสั ตว์ นา เพือ
่ ี ้ ่
นามาใช้ ในการบริหารงานด้ านการประมงภายในโรงเรียน
๒. เพือปลูกฝังให้ นักเรียนมีความรู้ ทักษะพืนฐานและประสบการณ์ ในการเพาะเลียง
่ ้ ้
สั ตว์ นา การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรสั ตว์ นาอย่ างถูกวิธี เข้ าใจหลักการอนุรักษ์
้ ้
ทรัพยากรประมงอย่ างถูกต้ อง หลักการเพาะเลียงสั ตว์ นาและการเกษตรแบบผสมผสาน
้ ้
และการใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรภายในท้ องถิ่น เพือให้ เกิดการผลิตอย่ างยังยืน
่ ่
๓. เพือให้ เกิดการเรียนรู้ ด้านการแปรรู ปสั ตว์ นา การถนอมอาหารและหลัก
่ ้
โภชนาการสั ตว์ นา รวมทั้งสร้ างทัศนคติในการบริโภคทีดี ถูกสุ ขลักษณะตามหลัก
้ ่
โภชนาการที่ดี
๔. เพือให้ โรงเรียนเป็ นศูนย์ กลางในการเผยแพร่ ความรู้ และเป็ นแหล่ งวิทยาการของ
่
หมู่บ้าน โดยฝึ กอบรมครู ให้ มความรู้ พนฐานในสาขาวิชาการประมง สามารถนาความรู้
ี ื้
ไปถ่ ายทอดให้ ราษฎรในหมู่บ้านเกิดการขยายผลด้ านการเพาะเลียง สั ตว์ นาไปสู่ ชุมชน
้ ้
มีอาชีพและมีรายได้ เสริมไม่ ไปยุ่งเกียวกับยาเสพติด
่
๕. เพือให้ เกิดการพัฒนารู ปแบบด้ านการเพาะเลียงสั ตว์ นาทีเ่ หมาะสมในแต่ ละพืนที่
่ ้ ้ ้
- 5. หน่วยงานรับผิดชอบ
- สานักงานประมงจังหวัดในแต่ละพื้นที่
- ส่ วนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ
- สานักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการประมง กรมประมง
- 6. พืนที่ดาเนินงาน
้
กรมประมง มีพนทีดาเนินการตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารฯ
ื้ ่
ฉบับที่ ๔ (๒๕๕๐ - ๒๕๕๙) จานวนทั้งสิ้น ๖๗๔ โรงเรียน ได้ แก่
- โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน สั งกัดกองบัญชาการตารวจตระเวน
ชายแดน ๑๗๗ โรงเรียน
- โรงเรียนสั งกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืนฐาน ๑๘๕ โรงเรียน
้
- ศูนย์ การเรียนชุ มชนชาวไทยภูเขาแม่ ฟาหลวง และศูนย์ การเรียนชุ มชนชาวไทย
้
มอแกน
สั งกัดสานักงานส่ งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ๒๖๖
โรงเรียน
- โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
สั งกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน ๑๔ โรงเรียน
- โรงเรียนในสั งกัดองค์ การบริหารส่ วนท้ องถิ่น ๙ โรงเรียน
- โรงเรียนในสั งกัดกรุ งเทพมหานคร ๒๓ โรงเรียน
- 7. พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวด้ านการประมง นับว่ าเป็ น
การวางรากฐานสาคัญในการพัฒนาการเพาะเลียงสั ตว์ นาของไทย และอานวย
้ ้
ประโยชน์ ต่อชีวตและความเป็ นอยู่ของประชาชนในทุกภูมภาคของประเทศ พระ
ิ ิ
ราชกรณียกิจเกียวกับการเพาะเลียงสั ตว์ นา เริ่มเมือกรมประมงแห่ งเมืองปี นังได้
่ ้ ้ ่
ส่ งปลาหมอเทศให้ กรมประมงไทยทดลองเพาะเลียงเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ปรากฎ
้
ว่ าเป็ นปลาทีเ่ ลียงง่ าย โตเร็ว ทนต่ อโรคและขยายพันธุ์ได้ รวดเร็ว ความทราบถึง
้
พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว จึงได้ มพระราชกระแสรับสั่ งให้ กรมประมงนา
ี
พันธุ์ปลาหมอเทศจานวนหนึ่งมาทดลองเลียงในพระทีน่ังอัมพรสถาน เมือปี
้ ่ ่
พ.ศ. ๒๔๙๔ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้ โปรดเกล้ าฯ ให้ กานัน ผู้ใหญ่ บ้าน
จากทัวประเทศเข้ ารับพระราชทานพันธุ์ปลาหมอเทศที่ผลิตได้ เพือนาไปเลียง
่ ่ ้
แพร่ ขยายพันธุ์ในตาบล และหมู่บ้านของตนต่ อไป พระราชกรณียกิจครั้งนีนับว่ า ้
เป็ นการวางรากฐานสาคัญในการพัฒนาการเพาะเลียงสั ตว์ นาของไทย ทีทาให้
้ ้ ่
ประชาชนคนไทยได้ เรียนรู้ และสนใจการเลียงปลาขึนอย่ างกว้ างขวางทั่วประเทศ
้ ้
- 8. พระราชกรณียกิจในด้ านการเพาะเลียงสั ตว์ นาที่สาคัญยิง และนับว่ าอานวยประโยชน์ ต่อ
้ ้ ่
ชีวตความเป็ นอยู่ของประชาชนชาวไทยทัวทุกภูมภาคคือ พระราชกรณียกิจเกียวกับการ
ิ ่ ิ ่
เพาะเลียงปลานิล ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต เมือครั้งทรงดารงพระอิสริยยศ
้ ่
มกุฎราชกุมารแห่ งประเทศญี่ปุ่น ได้ น้อมเกล้ าฯ ถวายปลาทิโลเปี ย นิโลติกา (Tilapia
Nilatica) จานวน ๕๐ ตัว แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว จานวน ๕๐ ตัว เมือวันที่ ่
๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้ ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้ าฯ ให้ ปล่ อยลงเลียงในบ่ อบริเวณ
้
สวนจิตรลดาพระราชวังดุสิตและต่ อมาได้ ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล้ าฯ ให้ ขุดบ่ อเลียงปลา
้
นิลเพิมขึนอีก ๖ บ่ อ และได้ ทรงย้ายปลานิลจากบ่ อเดิมไปเลียงในบ่ อใหม่ ด้วยพระองค์ เอง
่ ้ ้
เมือวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ต่ อมาได้ พระราชทานชื่อปลานีว่า "ปลานิล" และได้
่ ้
พระราชทานลูกปลานิล ๑๐,๐๐๐ ตัว ให้ กรมประมง เพือนาไปเพาะเลียงขยายพันธุ์ที่
่ ้
แผนกทดลองและเพาะเลียงในบริเวณเกษตรกลางบางเขน กรุ งเทพมหานคร และทีสถานี
้ ่
ประมงต่ าง ๆ ทัวพระราชอาณาจักร เมือวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ และได้ โปรดเกล้า
่ ่
ฯ ให้ ขุดบ่ อในบริเวณสวนจิตรลดา เพิมขึนอีก ๓ บ่ อ รวมเป็ น ๙ บ่ อ
่ ้
- 9. กรมประมงได้ดาเนินการขยายพันธุ์ปลานิลเป็ นจานวนมาก และได้แจกจ่ายให้แก่ราษฎร
เพื่อนาไปเพาะเลี้ยงตามพระราชประสงค์ต้ งแต่วนที่ ๑๗ สิ งหาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ จนถึง
ั ั
่ ั
ปั จจุบนปี ละเป็ นจานวนหลายล้านตัว ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวได้ทรงพระ
ั
กรุ ณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมประมงนาพันธุ์ปลานิลที่เพาะเลี้ยงไว้ในบ่อบริ เวณสวนจิตรลดา
พระราชวังดุสิตสมทบแจกจ่ายให้แก่ราษฎรตามความต้องการของราษฎรอีกเป็ นประจา
ปั จจุบนนี้สถานีประมงและเอกชนสามารถผลิตพันธุ์ปลาชนิดนี้ได้เป็ นจานวนมาก และได้
ั
มีการเพาะเลี้ยงกันอย่างกว้างขวางในทุกภูมิภาค นอกจากนี้การที่ได้มีการปล่อยปลานิลลง
แหล่งน้ าต่าง ๆ ทาให้ปลานิลกลายเป็ นปลาน้ าจืดที่มีความสาคัญทางเศรษฐกิจของไทย
ชนิดหนึ่ง เป็ นการสร้างงานสร้างอาชีพและรายได้แก่ราษฎรทัวไปในทุกภูมิภาคและเป็ น
่
แหล่งอาหารโปรตีนที่มีคุณภาพสาหรับราษฎรในท้องถิ่น ในปั จจุบนปลานิลในแหล่งน้ า
ั
ธรรมชาติส่วนหนึ่งมีปัญหาการกลายพันธุ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวก็ได้พระราชทาน
่ ั
พ่อแม่พนธุ์ปลานิลจากบ่อสวนจิตรลดาให้กรมประมงเพื่อใช้เป็ นหลักในการควบคุม
ั
พันธุกรรม
- 10. การประมง หรื อ ประมง หมายถึงการจัดการของมนุษย์ดานการจับปลาหรื อสัตว์
้
น้ าอื่นๆ การดูแลรักษาปลาสวยงามและการแปรรู ปเป็ นผลิตภัณฑ์ประมงเช่น
น้ ามันปลา [1] กิจกรรมการทาประมงจัดแบ่งได้ท้ งตามชนิ ดสัตว์น้ าและตามเขต
ั
เศรษฐกิจ เช่น การทาประมงปลาแซลมอนในอลาสก้า การทาประมงปลาคอดใน
เกาะลอโฟเทน ประเทศนอร์เวย์หรื อการทาประมงปลาทูน่าในมหาสมุทร
แปซิ ฟิกตะวันออก และยังรวมถึงการเพาะปลูกในน้ า (Aquaculture) ซึ่ ง
หมายถึงการปลูกพืชหรื อเลี้ยงสัตว์บางชนิ ดในน้ า เพื่อใช้เป็ นอาหารคนหรื อสัตว์
เช่นเดียวกับเกษตรกรรมที่ทาบนพื้นดิน [2] การทาฟาร์ มในน้ า เช่นฟาร์ มปลา
้
ฟาร์ มกุง ฟาร์ มหอย ฟาร์ มหอยมุก การเพาะปลูกในน้ าในสภาพแวดล้อมที่
ควบคุมไว้ การเพาะปลูกในน้ าจืด น้ ากร่ อย ในทะเล การเพาะปลูกสาหร่ าย
[3]ต่อมาได้มีการพัฒนาองค์ความรู ้ดานการประมงเป็ นวิทยาศาสตร์ และ
้
เทคโนโลยีสาขาหนึ่งเรี ยกว่าวิทยาศาสตร์ การประมง มีพ้นฐานจากวิชาชีววิทยา
ื
นิเวศวิทยา สมุทรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์และการจัดการ มีการจัดศึกษาด้านการ
ประมงในแง่มุมต่างๆ ทั้งระดับอนุปริ ญญา ปริ ญญาตรี ปริ ญญาโทและปริ ญญา
เอก และการประมงมีบทบาทสาคัญในเชิงธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ
จึงมีคาอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่น “ธุรกิจการประมง” “อุตสาหกรรมประมง” เกิดขึ้น
- 11. ทรัพยากรประมงให้ ยงยืน ดังนี้
ั่
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ. 2506-2509 จัดตั้งสถาบันวิจัย
ประมงนาจืดและห้ องทดลองชีววิทยาการประมงทะเล เพือส่ งเสริมการเพาะปลูกในนา
้ ่ ้
และการประมงนาลึก ้
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2510-2514 ส่ งเสริมการเพาะปลูก
ในนาจืดและนากร่ อย กวดขันการอนุรักษ์ พนธุ์สัตว์ นาตลอดจนการเก็บรักษาและแปรรู ป
้ ้ ั ้
จัดตั้งศูนย์ พฒนาและฝึ กอบรมการประมงทะเลให้ ชาวประมงรู้ จักวิธีการเดินเรือและการ
ั
ใช้ อุปกรณ์ ทนสมัยทีเ่ หมาะสมกับการประมงทะเลลึกเพือการบริโภคภายในประเทศและ
ั ่
เพือส่ งออกเป็ นสิ นค้ าสาคัญ
่
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติฉบับที่ 3 พ.ศ. 2515-2519 ส่ งเสริมการพัฒนา
ทีดนชายฝั่งทะเลให้ เป็ นแหล่ งเลียงสั ตว์ นาได้ แก่ กุ้งทะเล ซึ่งเป็ นสิ นค้ าทีตลาดต่ างประเทศ
่ ิ ้ ้ ่
ต้ องการมาก จัดตั้งศูนย์ วจัยค้ นคว้ าและฝึ กอบรมการเพาะเลียงกุ้งเพือค้ นคว้ าวิธีการเพาะ
ิ ้ ่
ลูกกุ้งโดย