Design for Inspiration บทที่ 3: Italian Renaissance, Raffaello Santi
•
0 likes•181 views
บรรยายวิชา การออกแบบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ Design for Inspiration บทที่ 3 ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (RENAISSANCE, การเกิดใหม่) ในช่วงเวลาระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 คือ ปลายสมัยกลางถึงต้นสมัยใหม่ ศิลปิน ลาฟาเอล ซานติ Raffaello Santi
Recommended
Recommended
More Related Content
More from Banyapon Poolsawas
More from Banyapon Poolsawas (20)
Design for Inspiration บทที่ 3: Italian Renaissance, Raffaello Santi
- 1. ITALIAN RENAISSANCE DESIGN FOR INSPIRATION Raffaello Santi การออกแบบเพือสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บัญญพนต์ พูลสวัสดิ
- 3. The School of Athens จากมิเคลันเจโลสู่ราฟฟาเอลโล เมื่อสุขภาพของเลโอนาร์โดเริ่มแย่ ราฟาเอลกลายเป็นคู่แข่งคนใหม่ของมิเคลันเจโล ในฐานะของการวาดภาพกายวิภาคได้แม่นยําเฉียบแหลมเทียบเท่าเลโอนาร์โด ทั้งภาพเปลือย มิ เคลันเจโล กล่าวหาว่า ราฟาเอล ลอกเลียนแบบงานของเขา ราฟาเอลจึงโต้ตอบโดยการวาดใบหน้าของมิเคลันเจโลเป็นเฮราคลิตัวในรูปเฟรสโกลือชื่ออย่าง “The School of Athens” 1511, “The School of Athens”, Raphael
- 4. ฝังที่เมืองอูร์บิโน (Urbino), อิตาลี ราฟาเอลโล เป็นบุตรคนเดียวที่ รอดชีวิตจากสาม (คลอดออกมาเสียชีวิต หมด) บิดาคือโจวันนี ซานติ ดิ ปิเอโดร จิตกร ของดยุคแห่งอูร์บิโน เฟเดริโก ดา มอนเต เฟลโตร มารดาเป็น ทายาทของตระกูลผู้ มั่งคั่งทางการค้า มารดาเขาเสียชีวิตปี ค. ศ. 1491 บิดาของเขาได้สมรส ใหม่ตอนเขาอายุได้ 8 ปี แล้วเสียชีวิตลงตอน อายุ 11 ปีพอดี ช่วงปี ค.ศ. 1494 จึง ต้องช่วยเหลือมารดา บุญธรรมดูแลเวิร์คช๊อป ทํางานศิลปะของผู้เป็น พ่อต่อเนื่อง ตายที่กรุงโรม (Rome), อิตาลี 1480, The Last Supper, Domenico Ghirlandaio.
- 5. การศึกษา และฝึกฝน บิดาของราฟฟาเอลโล ได้ฝึกฝนการ วาดภาพเบื้องต้นให้กับเขาตลอดช่วงที่ มีชีวิต (ข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ จอ ร์โจ วาซารี) ราฟฟาเอลโลได้ถูกบิดาฝากฝังให้ไป เรียนศิลปะกับ ปิเดรโด เปรูจิโน, เมื่อเขาอายุ 17 ปี ราฟฟเอลโลได้แสดง พรสวรรค์ในด้านจิตรกรรมออกมา บวกกับทักษะที่ถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวด ทําให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังเทียบเท่า ศิลปินชั้นครูทั้งหลาย ข้อมูลหลายแหล่งเชื่อว่า ไม่สามารถ แยกผลงานของเขา และ เปรูจิโน ได้ เลยทั้งความสวยงาม รูปแบบ และ เทคนิค (1500) “Madonna and Child”, Pietro Perugino (1500-1504) “Madonna Solly”, Raffaello Santi
- 6. The Young Master เมืองอูร์บิโน เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมในช่วงที่ ราฟฟาเอลโล เกิดมา วัฒนธรรมอันหลากหลายได้ ปลุกพรสวรรค์ และฝึกฝนพัฒนาของเขา หน้าที่ของ บิดาในตอนนั้น ที่ต้องติดต่อกับศิลปินคนสําคัญใน ยุคนั้น พรสวรรคืของเขาปรากฏชัดในปี ค.ศ. 1500 หรือช่วงวัยรุ่น เขาถูกเรียกขานว่า “อาจารย์” ในวัย หนุ่ม หลายๆงานของเขาถูกว่าจ้างมากมาย รวมถึง ฉากประดับแท่นบูชาบารอนซิ ในโบสถ์เมือง คาสเตลโล เมืองใกล้ๆบ้านเกิดของเขาอูร์บิโน งานชิ้นนี้สําเร็จในปี ค.ศ. 1502 ในวันที่ 13 กันยายน นับว่าเป็นผลงานชิ้นแรกของราฟฟาเอลโล 1502, Studies for Baronci Altarpierce (การศึกษาผลงาน)
- 7. ทัศนคติ หรือ Attitude ราฟฟาเอลโล มีทัศนคติที่ตรงข้ามกับ ศิลปินคู่แข่งอย่างมิเคลันเจโล รูปกายที่งด งาน การแต่งกายที่สะอาดสะอ้าน เพราะ พื้นเพการเติบโตมาจากตระกูลพ่อค้าหรือ กลุ่มคนชั้นสูง ฉายาที่ได้รับในช่วงเวลานั้น คือ “เจ้าชายจิตรกร” เขาได้หมั้นหมายกับ มาเรีย บิบเบียบา หลานสาวของท่านคาร์ดินัล เมดิซี บิ บเบียน่า แต่ตัวราฟฟาเอลโลไม่ได้กระตือรือ ร้นในการแต่งงานแต่อย่างใด การแต่งงาน จึงไม่ได้เกิดขึ้น เหลือเพียงแค่ภาพบันทึกไว้ 1504-1506, Self Portrait, Raffaello Santi The Betrothal of Raphael and the Niece of Cardinal Bibbiena, 1813-1814
- 8. 1520, Portrait of a Young Woman หรือ La fornarina MUSE, แรงบันดาลใจ ราฟฟาเอลโล มีแรงบันดาลใจสูงส่งต่อบุคคลที่มีอิทธิพลต่อเขา, มาร์เกริตา ลุติ เชื่อว่าเป็นรัก แท้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา ปรากกในภาพวาด “La Fornarina, 1502” ต้นกําเนิดของภาพนั้นเป็นเรื่องน่าตลก, ราฟฟาเอลโล ถูกว่าจ้างให้มา ออกแบบและตกแต่งวิ ลลาฟาร์เนซินาให้กับ อโกสติโน คิจิ ปรากฏว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกับงานใดๆ ในการออกแบบเลย จิตใจของเขาว่อกแว่กเสียเวลาอยู่กับหญิงสาวที่เขาหลงรัก คิจิ เห็นใจจึงจัดช่วงเวลาให้เขาได้พบเจอกันกับลุติ ธีมในภาพวาดของเขาในภาพ “La Fornarina” นี้เกี่ยวกับงานวิวาห์ ความรัก ความงดงาม มี การศึกษาและคาดเดาว่าคู่รักทั้งสองได้สมรสกันอย่างลับๆ
- 9. ความสัมพันธ์กับโบสถ์ซิสทีน ราฟฟาเอลโล ได้รับการว่าจ้างให้ออกแบบพรม แขวนผนัง 10 ผืนในโบสถ์ซิสทีน เขาได่ทําแบบร่าง ขนาดท่าของจริงเสร็จสรรพ 7 ผืนส่งไปที่โรงทอ ของ ปีเตอร์ โคเกอร์ วาน เอลลต์ ช่างทอชาว เบลเยี่ยม (เฟลมิช) ผ้าทอเหล่านี้ได้แขวนผนังจริง ช่วงก่อนที่เขาเสียชีวิต ในช่วงบั้นปลายชีวิตเขาพักที่วังคาปรินี ที่ออกแบบ โดยสถาปนิกเอก บรามันเต ในตําแหน่งมหาดเล็ก ประจําสํานักราชวงศ์สันตะปาปา และได้รับยศ อัศวินผู้ทําประโยชน์แก่ศาสนจักร Palazzo della Cancelleria, 1489 - 1513 Donato Bramante The Miraculous Draught of Fishes. St Paul Preaching in Athens. A rare display of the tapestries in the Sistine Chapel
- 10. Studies for The Transfiguration วิจิตรศิลป์ ราฟฟาเอลโลมีผลงานที่หลายคนรู้จักในแง่ ของ ความอ่อนหวาน ความชัดเจนในรูป แบบที่นําเสนอ ความสงบ ความสอดคล้อง ความสมดุล ความกระจ่างชัด และความ สมบูรณ์แบบ ในยุคที่ประกอบไปด้วย มิเคลันเจโล และเลโอนาร์ดโด ทั้ง 3 คนกลายเป็น สาม เสาหลักแห่งยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ แม้อิทธิพลของงานที่ปรากฏของรา ฟฟาเอลจะได้รับจากศิลปินคู่แข่งและรุ่นพี่ ทั้งสองแต่ ความโดดเด่นของเขาก็มีความ งามแบบอุดทคติ สะท้อนความรื่น รมณ์ที่่ถ่ายทอดออก เขาจึงได้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา Study for the Holy Family
- 11. ตําแหน่งหัวหน้าสถาปนิกแห่ง วาติกัน ได้ถูกส่งมอบให้แก่ ราฟฟาเอลโล ในฐานะผู้รับ ช่วงต่อจากบรามันเต เขาได้ ออกแบบโบสถ์ ซาตามาเรีย เดล โปโปโลใน โรม และ โบสถ์ ซาน เอลิจิโอ เดลญิ โอเรฟิซิ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิหารเซ็น ต์ปีเตอร์ นอกจากการได้รับยกย่องให้ เป็นศิลปินเอกในการวาดรูป การวาดภาพเหมือนเช่นกัน แบบร่างประวิติศาสตร์ศิลปะ ตะวันตก ชุด Stanze (ภาษา อิตาเลียน แปลว่า “ห้อง”) ได้ รับการยกย่องว่าเป็นงาน ชิ้นเอกของราฟาเอลโล เขาวาดรูปพระแม่จํานวน มากมาย วาดเป็นภาพขนาด เล็ก แต่ละภาพแตกต่างไป ตามบริบทแต่ พระแม่ที่ ปรากฏในภาพในคือ คนคน เดียวกัน 1505, Madonna Del Granduca by Raphael 1505, Madonna Del Granduca by Raphael
- 12. ปลายปี ค.ศ. 1508 ราฟาเอลถูกองค์พระ สันตะปาปา จูลิอุสที่ 2 เรียกเข้าพบที่โรม ให้ทํางานจิตกรรมเทคนิคเฟรสโก (เทคนิค การวาดแบบปูนเปียก) ในห้องพักรับรอง ของวาติกัน “Room of Signature” หรือ “Stanze” (Stanze della Segnatura) ห้องที่ ประกอบด้วยภาพวาดแนวเทววิทยา และกฏ หมาย ภาพเด่น The School of Athens 1508-1509, Raphael, “Cardinal and Theological Virtues”
- 13. 1508-1509, Raphael, “The Parnassus”
- 14. 1508-1509, Raphael, “Disputation of the Holy Sacrament”
- 15. 1508-1509, Raphael, “The School of Athens”
- 17. ITALIAN RENAISSANCE DESIGN FOR INSPIRATION การออกแบบเพือสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บัญญพนต์ พูลสวัสดิ THANK!
- 18. Resources ● The standard source of biographical information is now: V. Golzio, Raffaello nei documenti nelle testimonianze dei contemporanei e nella letturatura del suo secolo, Vatican City and Westmead, 1971 ● The Cambridge Companion to Raphael, Marcia B. Hall, Cambridge University Press, 2005, ISBN 0-521-80809-X, ● New catalogue raisonné in several volumes, still being published, Jürg Meyer zur Capellen, Stefan B. Polter, Arcos, 2001–2008 ● Raphael. James H. Beck, Harry N. Abrams, 1976, LCCN 73-12198, ISBN 0-8109-0432-2 ● Raphael, Pier Luigi De Vecchi, Abbeville Press, 2003. ISBN 0789207702 ● Raphael, Bette Talvacchia, Phaidon Press, 2007. ISBN 9780714847863 ● Raphael, John Pope-Hennessy, New York University Press, 1970, ISBN 0-8147-0476-X ● Raphael: From Urbino to Rome; Hugo Chapman, Tom Henry, Carol Plazzotta, Arnold Nesselrath, Nicholas Penny, National Gallery Publications Limited, 2004, ISBN 1-85709-999-0 (exhibition catalogue) ● The Raphael Trail: The Secret History of One of the World's Most Precious Works of Art; Joanna Pitman, 2006. ISBN 0091901715 ● Raphael – A Critical Catalogue of his Pictures, Wall-Paintings and Tapestries, catalogue raisonné by Luitpold Dussler published in the United States by Phaidon Publishers, Inc., 1971, ISBN 0-7148-1469-5 (out of print, but there is an online version here [1]) ● Wolk-Simon, Linda. (2006). Raphael at the Metropolitan: The Colonna Altarpiece. New York: The Metropolitan Museum of Art. ISBN 9781588391889.