SlideShare a Scribd company logo
1 of 9
Download to read offline
หลักการเขียนบทคัดย่อ
บทคัดย่อ (Abstract) หมายถึง ส่ วนที่แสดงเนื้อหา
่
สาคัญของเอกสารโดยย่อ โดยทัวไปมักจะเขียนอยูต่อจากชื่อ
่
เรื่ อง บทคัดย่อมักจะมีลกษณะดังนี้คือ
ั
1. บทคัดย่อมาก่อนคานา และแยกให้ออกระหว่างคานากับ
บทคัดย่อ
2. ย่อทุกๆส่ วนของรายงาน (คานาย่อ เนื้อเรื่ องย่อ สรุ ป
ย่อ) โดยเขียนสิ่ งที่ผอ่านควรได้ทราบจากงานของเราโดยควร
ู้
เรี ยงลาดับเช่นเดียวกับในเนื้อหาในรายงาน
3. เมื่อผูอ่านๆบทคัดย่อจบแล้ว ต้องมองภาพรวม ส่ วน
้
รายละเอียดนั้น ผูอ่านสามารถติดตามอ่านได้ในรายงาน
้
4. บทคัดย่อไม่ควรยาวจนเกินไป (ไม่ควร
เกิน 1/2 หน้ากระดาษ A4) เพราะอาจทาให้ เวลาในการ
อ่านส่ วนอื่นๆลดลง ในบทคัดย่อไม่มีตาราง รู ปภาพ หรื อ
การอ้างอิงใดๆ
่
5. ไม่มีส่วนของข้อมูลหรื อแนวคิดอื่น ที่อยูนอกเหนือจาก
ในเนื้อหา
ประเภทของบทคัดย่อ: บทคัดย่อมี 2 ประเภทคือ
1. บทคัดย่อประเภทให้ขอมูลความรู ้ (Informative
้
Abstract) เขียนเพื่อรายงานผลการศึกษา หรื อบทสรุ ปที่ผใช้
ู้
ต้องการอย่างเพียงพอ เพื่อหลีกเลี่ยงความจาเป็ นในการอ่าน
เอกสารต้นฉบับ
2. บทคัดย่อประเภทพรรณนา (Indicative of Descriptive
Abstract) เขียนเพื่อชี้แนะข้อเท็จจริ งที่สาคัญที่สุดในเอกสาร
โดยปราศจากรายงานถึงผลการศึกษา ค้นคว้า หรื อสรุ ป
เพื่อให้ผอ่านใช้ประกอบการตัดสิ นใจ ว่าจะต้องอ่านหรื อ
ู้
ศึกษาเอกสารต้นฉบับหรื อไม่ โดยทัวไปนิยมใช้เขียนเพื่อสรุ ป
่
เอกสารที่นาเสนอ หรื อทัศนคติที่กว้างขวาง เช่น เอกสารด้าน
มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรื อบทวิจารณ์ เป็ นต้น
การเขียนบทคัดย่อมีหลักสาคัญ 3 ประการ ดังนี้
1. มีความสั้ น กะทัดรัดและกระชับ (Concision)
คือเลือกเฉพาะสาระที่เป็ นประเด็นใจความสาคัญของเอกสาร
โดยใช้สานวนที่กะทัดรัด มีความกระชับ หลีกเลี่ยงการใช้คา
หรื อประโยคที่มีความยาว หรื อมีความซ้ าซ้อนความยาวของ
่ ั
บทคัดย่อไม่มีกาหนดไว้ตายตัว ขึ้นอยูกบชนิดของเอกสาร
และเนื้อหาสาระของเอกสารนั้น ๆ ว่า มีความสาคัญมากน้อย
เพียงใด โดยทัวไปบทคัดย่อจะมีเพียง 1 ย่อหน้า แต่สาหรับ
่
เอกสารงานวิจยมีได้มากกว่า
ั
2. มีความถูกต้ อง (Precision)
คือสามารถถ่ายทอดประเด็นสาคัญของเอกสารได้อย่าง
ถูกต้อง ตามความหมายเดิมของเอกสารต้นฉบับ ไม่ควรมีการ
ตีความหรื อแสดงความคิดเห็นใด ๆ อันทาให้ผอ่านเข้าใจ
ู้
สาระของเอกสารต้นฉบับผิดไป
3. มีความชัดเจน (Clarity)
การเรี ยบเรี ยงถ้อยคาเพื่อเสนอในบทคัดย่อจะต้องสื่ อ
ความหมายให้เข้าใจชัดเจน โดยใช้รูปประโยคที่สมบูรณ์
ไม่ใช่เขียนกระท่อนกระแท่นเป็ นคา ๆ
การเขียนบทคัดย่อ
การเขียนบทคัดย่อของงานวิจยเป็ นการเขียนบทคัดย่อ
ั
ประเภทให้ความรู้(Informative Abstract) ซึ่ งควรเขียน
ต่อเนื่องกันไป และมีเนื้อหาที่ประกอบด้วยส่ วนสาคัญ
ดังต่อไปนี้ คือ
1. จุดประสงค์ (Purpose or Objective)
เป็ นการอธิ บายให้ทราบถึงจุดมุ่งหมายในการศึกษานั้นว่ามุ่ง
ในเรื่ องใดบ้าง และหากจาเป็ นต้องกล่าวถึงปั ญหาสาคัญหรื อ
การศึกษาวิจยที่เกี่ยวข้องกับผลการศึกษาวิจยอย่างใกล้ชิด ก็
ั
ั
อาจกล่าวไว้โดยย่อ
2. วิธีการ (Methodology)
เป็ นการอธิ บายขั้นตอน เทคนิค อุปกรณ์ เครื่ องมือ สารเคมีที่
สาคัญในการศึกษาวิจยนั้นโดยย่อ
ั
3. ผลและบทสรุ ป (Result and Conclusions)
เป็ นการกล่าวถึงผลการค้นคว้าทดลอง โดยการเขียนอย่าง
กะทัดรัด และให้ความรู้ ความเข้าใจมากที่สุด หากมี
ข้อกาหนดใดๆ ที่มีผลกระทบต่อความเที่ยงตรงของ
ผลการวิจย จะต้องชี้แจงไว้ดวยส่ วนบทสรุ ป โดยอธิ บาย
ั
้
ความสาคัญของผลการค้นคว้าที่ดี ในส่ วนที่เกี่ยวข้องกับ
จุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้เบื้องต้น นอกจากนี้อาจมี
ข้อเสนอแนะ การประเมินผล และแนวทางการใช้ประโยชน์ที่
สาคัญด้วย
โครงสร้ างของบทคัดย่อ
บทคัดย่ อของบทความวิชาการทัวไปอาจประกอบด้ วยข้ อมูล
่
ต่ อไปนี้
ประโยคแรก อาจเป็ นบริ บททัวไป
่
ประโยคที่สอง ระบุปัญหา หรื อสถานการณ์
่
ประโยคที่สาม ระบุวางานวิจยได้ก่อให้เกิดอะไร
ั
ประโยชน์อย่างไรแก่วงวิชาการ มีนวัตกรรม ประโยชน์ สิ่ งล้ า
สมัยใดบ้าง ที่บทความได้ก่อให้เกิดเมื่อเปรี ยบเทียบกับงานที่
มีอยูเ่ ดิม
ประโยคสรุ ป ระบุผล ข้อสรุ ป โดยย่อ
โดยทัวไปบทคัดย่อของบทความที่นาเสนอผลการวิจย
ั
่
ประกอบด้วย
ส่ วนต่างๆ 3 ส่ วนคือ
1. ส่ วนระบุวตถุประสงค์ของการวิจย
ั
ั
2. ระเบียบวิธีการวิจย (เครื่ องมือวิจย วิธีการเก็บข้อมูล และ
ั
ั
การวิเคราะห์ขอมูล)
้
3. ผลการวิจยและ/หรื อข้อเสนอแนะ ข้อจากัดของการวิจย
ั
ั
โครงสร้ างหรือรู ปแบบการเขียนบทคัดย่ อ
บทคัดย่อ (ภาษาไทย)
การวิจยเรื่ องนี้มีแรงจูงใจและปัญหา …………. ซึ่ง มีวตถุประสงค์เพื่อ………..
ั
ั
โดยใช้การสอบถามเก็บข้อมูลด้วยการสุ่ม …………….. จานวน ………….. คน
แล้วนามาวิเคราะห์และประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์
ผลการวิจย พบว่า………………………………………………………………
ั
คาสาคัญ ๑ ………………………. ๒ …………………๓ …………………...

รู ปแบบการเขียนบทคัดย่ออาจเขียนเป็ น 3 ย่อหน้า หรื อเขียน
ติดต่อกันเป็ นย่อหน้าเดียว บางวารสารมีหวข้อกากับ เช่น
ั
purposes, instruments เป็ นต้น
ส่ วนบทคัดย่อของบทความวิชาการ มักประกอบด้วย
1. ความนา ความเป็ นมา
2. ปัญหา วิธีการศึกษา
3. ผลของการศึกษาหรื อข้อเสนอแนะ

ตัวอย่ างบทคัดย่ อที่ได้ รับรางวัลจากการประกวดในงาน Intel
ISEF 2010 (ประเภททีม สาขาวิทยาศาสตร์ พช)
ื
โครงงาน : Modification of Breeding Rice Grains through Artificial Colors, Flavor
and Smell Used in Prevention of Grain-Consuming Birds (ผลของการดัดแปลงสี รสชาติ และ
กลิ่นของเมล็ดพันธุ์ขาวด้วยสารสกัดธรรมชาติต่อการป้ องกันนกกินข้าวในนาหว่าน)
้
ผู้พฒนา : นางสาวสายฝน นภนิภา และ นางสาวอภิชญา นพเลิศ
ั
โรงเรียน : พนมสารคาม "พนมอดุลวิทยา" จ.ฉะเชิงเทรา
ทีปรึกษา : นายนิรันดร์ เหลืองสวรรค์
่
(โครงงานนี้ ได้รับรางวัล Grand Awards อันดับที่ 4 ประเภททีม (Team Project) จากการ
ประกวดในงาน Intel ISEF 2010 ณ เมือง San Jose มลรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริ กา
ระหว่างวันที่ 9-14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553)
บทคัดย่ อ
การศึกษาผลของการดัดแปลงสี รสชาติและกลิ่นของเมล็ดพันธุ์ขาวด้วยสารสกัด
้
ธรรมชาติต่อการป้ องกันนกกินข้าวในนาหว่าน ตัวแปรที่ศึกษา ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ขาวดัดแปลง
้
ผลการทดลองพบว่า นกที่กินข้าวในนาหว่านและพบมากที่สุดคือ นกพิราบ Columba livia และ
นกกระจอกบ้าน Passer montanus โดยนกทั้ง 2 ชนิดนี้ ได้ทาความเสี ยหายให้แก่เกษตรกรผูปลูก
้
ข้าวเป็ นอย่างมาก เนื่องจากนกจะมาจิกกินเมล็ดพันธุ์ขาวในนาหว่าน ทาให้ขาวที่ได้มีจานวน
้
้
น้อยลง และจากการศึกษาเปรี ยบเทียบชนิดของสี จากธรรมชาติ ในการย้อมเมล็ดพันธุ์ขาวที่มีผล
้
ต่อการกินของนก พบว่า เมล็ดพันธุ์ขาวที่ยอมสี จากธรรมชาติ จานวน 5 สี ได้แก่ สี เหลือง (ขมิ้น)
้ ้
สี เขียว (ใบเตย) สี แดง (กระเจี๊ยบ) สี ส้มแดง (แครอท) สี น้ าเงิน (อัญชัน) มีผลต่อการกินข้าวของ
นกต่างกัน โดยเมล็ดพันธุ์ขาวที่ยอมสี ผสมอาหารสี ส้มแดง ให้ผลดีที่สุด คือส่ งผลให้นกพิราบ
้ ้
กินเมล็ดพันธุขาวเพียงร้อยละ 6.20±1.92 และนกกระจอกกินเมล็ดพันธุ์ขาวร้อยละ 0.60±0.89
์ ้
้
ส่ วนการศึกษาเปรี ยบเทียบชนิดของสารสกัดจากพืชรสชาติต่างๆ ในการชุบเมล็ดพันธุ์ขาวที่มีผล
้
ต่อการกินของนก พบว่า เมล็ดพันธุ์ขาวชุบสารสกัดจากพืชรสชาติต่างๆ จานวน 4 ชนิด ได้แก่
้
บอระเพ็ด (รสขม) อ้อย (รสหวาน) มะนาว (รสเปรี้ ยว) และเกลือแกง NaCl (รสเค็ม) มีผลต่อการ
กินของนกแตกต่างกัน โดยสารสกัดจากบอระเพ็ดซึ่ งให้รสขมได้ผลดีที่สุด คือส่ งผลให้นกพิราบ
กินเมล็ดพันธุ์ขาวเพียงร้อยละ 19.20±0.83 และนกกระจอกกินเมล็ดพันธุ์ขาวร้อยละ 0.00±0.00
้
้
จากการศึกษาเปรี ยบเทียบชนิดของกลิ่นน้ ามันหอมระเหยจากพืชวงศ์ Rutaceae ในการชุบเมล็ด
พันธุ์ขาวที่มีผลต่อการกินของนก พบว่า เมล็ดพันธุ์ขาวที่ชุบกลิ่นน้ ามันหอมระเหยจากพืชวงศ์
้
้
Rutaceae จานวน 3 ชนิด ได้แก่ ส้ม มะนาว และมะกรู ด มีผลต่อการกินของนกต่างกัน โดยเมล็ด
พันธุ์ขาวชุบกลิ่นน้ ามันหอมระเหยจากมะกรู ดให้ผลดีที่สุด คือส่ งผล ให้นกพิราบกินเมล็ดพันธุ์
้
ข้าวเพียงร้อยละ 4.20±0.83 และนกกระจอกกินเมล็ดพันธุ์ขาว ร้อยละ 13.00±1.22 จากนั้นเมื่อทา
้
การทดลองใช้เมล็ดพันธุ์ขาวดัดแปลงในนาหว่านสภาพจริ ง พบว่า สามารถป้ องกันนกกินเมล็ด
้
พันธุ์ขาวในนาหว่านได้จริ งและมีประสิ ทธิภาพและไม่มีผลข้างเคียงในด้านประสิ ทธิภาพการ
้
งอกแต่อย่างใด
Thai farmers have had difficulty in plantation and production of rice as a result of lower
quantity per acre, lower price of products with higher costs of breeding rice grains, hazardous
pesticide and, especially, the breeding grains eaten or destroyed by a large number of birds
including pigeons and tree sparrows, subsequently causing a much lower amount or rice
production. Therefore, the purpose of this study was to examine whether the modified grains
would prevent the birds from destroying the breeding rice grains. There were three major
findings. First, the birds tended to least eat rice grains coated by orange- red, bitter taste, kaffir
lime smell. Second, the ratio of sprouting rice gains coated by colors was equivalent to that of
the rice grains unmodified. Also, the grains coated by bitter flavor resulted in the same ratio of
sprouting rice gains unmodified. However, the grains coated by any smell resulted in the same
ratio of sprouting rice gains unmodified. Third, in actual rice plantation during the first week,
the rice grains coated by kaffir lime smell were hardly eaten, indicating that this type of
modified grains could be used to prevent birds from eating/destroying the breeding grains.
During the second week, the birds hardly consumed the grains coated by bitter flavor. The
findings suggest that the modification of rice grains coated by artificial colors, flavor and
smell can be of use to Thai farmers to prevent their breeding rice grains from those birds.
การพัฒนาชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
นายสุ เทพ เรื องคล้าย ครู คศ. 3 วิทยฐานะ ครู ชานาญการพิเศษ
กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ภาษาไทย โรงเรี ยนประชาบารุ ง
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12
ปี ทีวจัย
่ิ
ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2552
บทคัดย่อ
วิจยเรื่ อง การพัฒนาชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย สาหรับนักเรี ยน
ั
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีวตถุประสงค์ดงนี้ (1) เพื่อหาประสิ ทธิภาพของชุดการเรี ยน เรื่ องเสี ยงในภาษาไทย
ั
ั
สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 (2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนก่อนและหลังการใช้ชุดการเรี ยน เรื่ อง
เสี ยงในภาษาไทย (3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรี ยนที่มีต่อชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย (4)
เพื่อศึกษาระดับคุณภาพของผูเ้ รี ยนโดยประเมินตามสภาพจริ ง จากการใช้ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงใน
ภาษาไทย ประชากรที่ศึกษาคือนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2552 โรงเรี ยนประ
บารุ ง จังหวัดพัทลุง จานวน 2 ห้องเรี ยน 42 คน ใช้ประชากรทั้งหมด มาจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอนโดยใช้
ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย ด้วยวิธีการเรี ยนแบบร่ วมมือ TAI เครื่ องมือที่ในการศึกษาวิจย คือ (1)
ั
ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย จานวน 5 ชุด (2) แบบทดสอบก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน
่
ที่ผานการหาประสิ ทธิภาพของแบบทดสอบมีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.21 ถึง 0.90 ค่าอานาจจาแนกตั้งแต่
0.05 ถึง 0.76 และค่าความเชื่อมัน 0.91 (3) แบบประเมินความคิดเห็นต่อการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน
่
ด้วยชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย
ผลการวิจัยพบว่า
(1) ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย เมื่อนาไปใช้การจัดกิจกรรมการเรี ยนสอน
มีประสิ ทธิ ภาพเท่ากับ 82.55/81.11 และค่าดัชนีประสิ ทธิ ผล 0.64 ซึ่งสู งกว่าเกณฑ์ที่กาหนด
(2) ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังการใช้ชุดการเรี ยน เมื่อจัดกิจกรรม
การเรี ยนการสอน ด้วยชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย แตกต่างกันอย่างมีนยสาคัญ
ั
ทางสถิติที่ระดับ 0.01
(3) ความคิดเห็นของนักเรี ยนที่มีต่อการจัดการเรี ยนการสอนโดยใช้ชุดการเรี ยน
่
เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย อยูในระดับมาก
(4) ระดับคุณภาพของผูเ้ รี ยนโดยประเมินตามสภาพจริ ง จากการใช้ชุดการเรี ยน
่
เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย อยูในระดับดีมาก แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน
ด้วยชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย เป็ นแนวทางหนึ่ งในการพัฒนาการสอนหลักภาษาไทยให้แก่
นักเรี ยน
ชื่องานวิจัย
ผู้วจัย
ิ

More Related Content

What's hot

หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...
หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...
หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...djanerawan
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑Manas Panjai
 
Pat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
Pat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลีPat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
Pat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลีJutarat Piamrod
 
01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทยSSTTAAMMPP
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่า
โครงงานวิทยาศาสตร์  ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่าโครงงานวิทยาศาสตร์  ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่า
โครงงานวิทยาศาสตร์ ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่าChok Ke
 
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญPhasu Wichitchon
 
การอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdf
การอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdfการอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdf
การอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdfKrapom Jiraporn
 
ไทย 50
ไทย 50ไทย 50
ไทย 50chugafull
 

What's hot (10)

หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...
หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...
หนังสือส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านคำในมาตราแม่ก กา กลุ่มสาระการเรีย...
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๑
 
Pat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
Pat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลีPat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
Pat7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
 
01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย
 
01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย
 
01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย01 ภาษาไทย
01 ภาษาไทย
 
โครงงานวิทยาศาสตร์ ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่า
โครงงานวิทยาศาสตร์  ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่าโครงงานวิทยาศาสตร์  ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่า
โครงงานวิทยาศาสตร์ ประดิษฐ์ของใช้จากเมล็ดมะค่า
 
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
 
การอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdf
การอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdfการอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdf
การอ้างอิงและสืบค้น 2558. pdf
 
ไทย 50
ไทย 50ไทย 50
ไทย 50
 

Similar to หลักการเขียนบทคัดย่อ

แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals Kartinee
 
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้าKruthai Kidsdee
 
ใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงาน
ใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงานใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงาน
ใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงานsa_jaimun
 
หน้าที่พิเศษของราก
หน้าที่พิเศษของรากหน้าที่พิเศษของราก
หน้าที่พิเศษของรากBiobiome
 
หน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถมหน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถมPignoi Chimpong
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korTheyok Tanya
 
หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1kruthailand
 
แผนพอเพียงอ21101
แผนพอเพียงอ21101แผนพอเพียงอ21101
แผนพอเพียงอ21101atthaniyamai2519
 
โครงงานลูกประคบสมุนไพร
โครงงานลูกประคบสมุนไพรโครงงานลูกประคบสมุนไพร
โครงงานลูกประคบสมุนไพรNattakarntick
 
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1teerachon
 
ตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & Freeware
ตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & Freewareตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & Freeware
ตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & FreewareBoonlert Aroonpiboon
 
Projectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom'sProjectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom'sTheyok Tanya
 
กลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลย
กลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลยกลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลย
กลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลยNattayaporn Dokbua
 
8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษ8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษnang_phy29
 
ไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอน
ไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอนไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอน
ไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอนkrupornpana55
 

Similar to หลักการเขียนบทคัดย่อ (20)

แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง Animals
 
โครงงาน54เห็ด
โครงงาน54เห็ดโครงงาน54เห็ด
โครงงาน54เห็ด
 
Thai 1-3
Thai 1-3Thai 1-3
Thai 1-3
 
001 3
001 3001 3
001 3
 
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
1.รายงานปฏิบัติงาน255538หน้า
 
ใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงาน
ใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงานใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงาน
ใบความรู้ 5.2การเขียนบทคัดย่อโครงงาน
 
หน้าที่พิเศษของราก
หน้าที่พิเศษของรากหน้าที่พิเศษของราก
หน้าที่พิเศษของราก
 
หน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถมหน่วยการเรียนรู้ประถม
หน่วยการเรียนรู้ประถม
 
หลักสูตรระดับชั้นเรียน51
หลักสูตรระดับชั้นเรียน51หลักสูตรระดับชั้นเรียน51
หลักสูตรระดับชั้นเรียน51
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 kor
 
หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1หลักสูตรwin win1
หลักสูตรwin win1
 
Ppp+มิ้น+..
Ppp+มิ้น+..Ppp+มิ้น+..
Ppp+มิ้น+..
 
แผนพอเพียงอ21101
แผนพอเพียงอ21101แผนพอเพียงอ21101
แผนพอเพียงอ21101
 
โครงงานลูกประคบสมุนไพร
โครงงานลูกประคบสมุนไพรโครงงานลูกประคบสมุนไพร
โครงงานลูกประคบสมุนไพร
 
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1
แบบทดสอบ ภาษาไทย ม.1
 
ตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & Freeware
ตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & Freewareตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & Freeware
ตัวอย่างแผนการสอนด้วย OSS & Freeware
 
Projectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom'sProjectm6 2-2554 tom's
Projectm6 2-2554 tom's
 
กลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลย
กลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลยกลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลย
กลุ่มที่ 2 รูปแบบข้อสอบวิทยาศาสตร์ ป.5(เฉลย
 
8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษ8. ภาษาอังกฤษ
8. ภาษาอังกฤษ
 
ไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอน
ไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอนไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอน
ไฟล์วิเคราะห์หลักสูตรหน่วยบูรณาการแนวนอน
 

หลักการเขียนบทคัดย่อ

  • 1. หลักการเขียนบทคัดย่อ บทคัดย่อ (Abstract) หมายถึง ส่ วนที่แสดงเนื้อหา ่ สาคัญของเอกสารโดยย่อ โดยทัวไปมักจะเขียนอยูต่อจากชื่อ ่ เรื่ อง บทคัดย่อมักจะมีลกษณะดังนี้คือ ั 1. บทคัดย่อมาก่อนคานา และแยกให้ออกระหว่างคานากับ บทคัดย่อ 2. ย่อทุกๆส่ วนของรายงาน (คานาย่อ เนื้อเรื่ องย่อ สรุ ป ย่อ) โดยเขียนสิ่ งที่ผอ่านควรได้ทราบจากงานของเราโดยควร ู้ เรี ยงลาดับเช่นเดียวกับในเนื้อหาในรายงาน 3. เมื่อผูอ่านๆบทคัดย่อจบแล้ว ต้องมองภาพรวม ส่ วน ้ รายละเอียดนั้น ผูอ่านสามารถติดตามอ่านได้ในรายงาน ้ 4. บทคัดย่อไม่ควรยาวจนเกินไป (ไม่ควร เกิน 1/2 หน้ากระดาษ A4) เพราะอาจทาให้ เวลาในการ อ่านส่ วนอื่นๆลดลง ในบทคัดย่อไม่มีตาราง รู ปภาพ หรื อ การอ้างอิงใดๆ ่ 5. ไม่มีส่วนของข้อมูลหรื อแนวคิดอื่น ที่อยูนอกเหนือจาก ในเนื้อหา
  • 2. ประเภทของบทคัดย่อ: บทคัดย่อมี 2 ประเภทคือ 1. บทคัดย่อประเภทให้ขอมูลความรู ้ (Informative ้ Abstract) เขียนเพื่อรายงานผลการศึกษา หรื อบทสรุ ปที่ผใช้ ู้ ต้องการอย่างเพียงพอ เพื่อหลีกเลี่ยงความจาเป็ นในการอ่าน เอกสารต้นฉบับ 2. บทคัดย่อประเภทพรรณนา (Indicative of Descriptive Abstract) เขียนเพื่อชี้แนะข้อเท็จจริ งที่สาคัญที่สุดในเอกสาร โดยปราศจากรายงานถึงผลการศึกษา ค้นคว้า หรื อสรุ ป เพื่อให้ผอ่านใช้ประกอบการตัดสิ นใจ ว่าจะต้องอ่านหรื อ ู้ ศึกษาเอกสารต้นฉบับหรื อไม่ โดยทัวไปนิยมใช้เขียนเพื่อสรุ ป ่ เอกสารที่นาเสนอ หรื อทัศนคติที่กว้างขวาง เช่น เอกสารด้าน มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรื อบทวิจารณ์ เป็ นต้น การเขียนบทคัดย่อมีหลักสาคัญ 3 ประการ ดังนี้ 1. มีความสั้ น กะทัดรัดและกระชับ (Concision) คือเลือกเฉพาะสาระที่เป็ นประเด็นใจความสาคัญของเอกสาร โดยใช้สานวนที่กะทัดรัด มีความกระชับ หลีกเลี่ยงการใช้คา หรื อประโยคที่มีความยาว หรื อมีความซ้ าซ้อนความยาวของ ่ ั บทคัดย่อไม่มีกาหนดไว้ตายตัว ขึ้นอยูกบชนิดของเอกสาร
  • 3. และเนื้อหาสาระของเอกสารนั้น ๆ ว่า มีความสาคัญมากน้อย เพียงใด โดยทัวไปบทคัดย่อจะมีเพียง 1 ย่อหน้า แต่สาหรับ ่ เอกสารงานวิจยมีได้มากกว่า ั 2. มีความถูกต้ อง (Precision) คือสามารถถ่ายทอดประเด็นสาคัญของเอกสารได้อย่าง ถูกต้อง ตามความหมายเดิมของเอกสารต้นฉบับ ไม่ควรมีการ ตีความหรื อแสดงความคิดเห็นใด ๆ อันทาให้ผอ่านเข้าใจ ู้ สาระของเอกสารต้นฉบับผิดไป 3. มีความชัดเจน (Clarity) การเรี ยบเรี ยงถ้อยคาเพื่อเสนอในบทคัดย่อจะต้องสื่ อ ความหมายให้เข้าใจชัดเจน โดยใช้รูปประโยคที่สมบูรณ์ ไม่ใช่เขียนกระท่อนกระแท่นเป็ นคา ๆ การเขียนบทคัดย่อ การเขียนบทคัดย่อของงานวิจยเป็ นการเขียนบทคัดย่อ ั ประเภทให้ความรู้(Informative Abstract) ซึ่ งควรเขียน ต่อเนื่องกันไป และมีเนื้อหาที่ประกอบด้วยส่ วนสาคัญ ดังต่อไปนี้ คือ 1. จุดประสงค์ (Purpose or Objective)
  • 4. เป็ นการอธิ บายให้ทราบถึงจุดมุ่งหมายในการศึกษานั้นว่ามุ่ง ในเรื่ องใดบ้าง และหากจาเป็ นต้องกล่าวถึงปั ญหาสาคัญหรื อ การศึกษาวิจยที่เกี่ยวข้องกับผลการศึกษาวิจยอย่างใกล้ชิด ก็ ั ั อาจกล่าวไว้โดยย่อ 2. วิธีการ (Methodology) เป็ นการอธิ บายขั้นตอน เทคนิค อุปกรณ์ เครื่ องมือ สารเคมีที่ สาคัญในการศึกษาวิจยนั้นโดยย่อ ั 3. ผลและบทสรุ ป (Result and Conclusions) เป็ นการกล่าวถึงผลการค้นคว้าทดลอง โดยการเขียนอย่าง กะทัดรัด และให้ความรู้ ความเข้าใจมากที่สุด หากมี ข้อกาหนดใดๆ ที่มีผลกระทบต่อความเที่ยงตรงของ ผลการวิจย จะต้องชี้แจงไว้ดวยส่ วนบทสรุ ป โดยอธิ บาย ั ้ ความสาคัญของผลการค้นคว้าที่ดี ในส่ วนที่เกี่ยวข้องกับ จุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้เบื้องต้น นอกจากนี้อาจมี ข้อเสนอแนะ การประเมินผล และแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ สาคัญด้วย
  • 5. โครงสร้ างของบทคัดย่อ บทคัดย่ อของบทความวิชาการทัวไปอาจประกอบด้ วยข้ อมูล ่ ต่ อไปนี้ ประโยคแรก อาจเป็ นบริ บททัวไป ่ ประโยคที่สอง ระบุปัญหา หรื อสถานการณ์ ่ ประโยคที่สาม ระบุวางานวิจยได้ก่อให้เกิดอะไร ั ประโยชน์อย่างไรแก่วงวิชาการ มีนวัตกรรม ประโยชน์ สิ่ งล้ า สมัยใดบ้าง ที่บทความได้ก่อให้เกิดเมื่อเปรี ยบเทียบกับงานที่ มีอยูเ่ ดิม ประโยคสรุ ป ระบุผล ข้อสรุ ป โดยย่อ โดยทัวไปบทคัดย่อของบทความที่นาเสนอผลการวิจย ั ่ ประกอบด้วย ส่ วนต่างๆ 3 ส่ วนคือ 1. ส่ วนระบุวตถุประสงค์ของการวิจย ั ั 2. ระเบียบวิธีการวิจย (เครื่ องมือวิจย วิธีการเก็บข้อมูล และ ั ั การวิเคราะห์ขอมูล) ้ 3. ผลการวิจยและ/หรื อข้อเสนอแนะ ข้อจากัดของการวิจย ั ั
  • 6. โครงสร้ างหรือรู ปแบบการเขียนบทคัดย่ อ บทคัดย่อ (ภาษาไทย) การวิจยเรื่ องนี้มีแรงจูงใจและปัญหา …………. ซึ่ง มีวตถุประสงค์เพื่อ……….. ั ั โดยใช้การสอบถามเก็บข้อมูลด้วยการสุ่ม …………….. จานวน ………….. คน แล้วนามาวิเคราะห์และประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ผลการวิจย พบว่า……………………………………………………………… ั คาสาคัญ ๑ ………………………. ๒ …………………๓ …………………... รู ปแบบการเขียนบทคัดย่ออาจเขียนเป็ น 3 ย่อหน้า หรื อเขียน ติดต่อกันเป็ นย่อหน้าเดียว บางวารสารมีหวข้อกากับ เช่น ั purposes, instruments เป็ นต้น ส่ วนบทคัดย่อของบทความวิชาการ มักประกอบด้วย 1. ความนา ความเป็ นมา 2. ปัญหา วิธีการศึกษา 3. ผลของการศึกษาหรื อข้อเสนอแนะ ตัวอย่ างบทคัดย่ อที่ได้ รับรางวัลจากการประกวดในงาน Intel ISEF 2010 (ประเภททีม สาขาวิทยาศาสตร์ พช) ื
  • 7. โครงงาน : Modification of Breeding Rice Grains through Artificial Colors, Flavor and Smell Used in Prevention of Grain-Consuming Birds (ผลของการดัดแปลงสี รสชาติ และ กลิ่นของเมล็ดพันธุ์ขาวด้วยสารสกัดธรรมชาติต่อการป้ องกันนกกินข้าวในนาหว่าน) ้ ผู้พฒนา : นางสาวสายฝน นภนิภา และ นางสาวอภิชญา นพเลิศ ั โรงเรียน : พนมสารคาม "พนมอดุลวิทยา" จ.ฉะเชิงเทรา ทีปรึกษา : นายนิรันดร์ เหลืองสวรรค์ ่ (โครงงานนี้ ได้รับรางวัล Grand Awards อันดับที่ 4 ประเภททีม (Team Project) จากการ ประกวดในงาน Intel ISEF 2010 ณ เมือง San Jose มลรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริ กา ระหว่างวันที่ 9-14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553) บทคัดย่ อ การศึกษาผลของการดัดแปลงสี รสชาติและกลิ่นของเมล็ดพันธุ์ขาวด้วยสารสกัด ้ ธรรมชาติต่อการป้ องกันนกกินข้าวในนาหว่าน ตัวแปรที่ศึกษา ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ขาวดัดแปลง ้ ผลการทดลองพบว่า นกที่กินข้าวในนาหว่านและพบมากที่สุดคือ นกพิราบ Columba livia และ นกกระจอกบ้าน Passer montanus โดยนกทั้ง 2 ชนิดนี้ ได้ทาความเสี ยหายให้แก่เกษตรกรผูปลูก ้ ข้าวเป็ นอย่างมาก เนื่องจากนกจะมาจิกกินเมล็ดพันธุ์ขาวในนาหว่าน ทาให้ขาวที่ได้มีจานวน ้ ้ น้อยลง และจากการศึกษาเปรี ยบเทียบชนิดของสี จากธรรมชาติ ในการย้อมเมล็ดพันธุ์ขาวที่มีผล ้ ต่อการกินของนก พบว่า เมล็ดพันธุ์ขาวที่ยอมสี จากธรรมชาติ จานวน 5 สี ได้แก่ สี เหลือง (ขมิ้น) ้ ้ สี เขียว (ใบเตย) สี แดง (กระเจี๊ยบ) สี ส้มแดง (แครอท) สี น้ าเงิน (อัญชัน) มีผลต่อการกินข้าวของ นกต่างกัน โดยเมล็ดพันธุ์ขาวที่ยอมสี ผสมอาหารสี ส้มแดง ให้ผลดีที่สุด คือส่ งผลให้นกพิราบ ้ ้ กินเมล็ดพันธุขาวเพียงร้อยละ 6.20±1.92 และนกกระจอกกินเมล็ดพันธุ์ขาวร้อยละ 0.60±0.89 ์ ้ ้ ส่ วนการศึกษาเปรี ยบเทียบชนิดของสารสกัดจากพืชรสชาติต่างๆ ในการชุบเมล็ดพันธุ์ขาวที่มีผล ้ ต่อการกินของนก พบว่า เมล็ดพันธุ์ขาวชุบสารสกัดจากพืชรสชาติต่างๆ จานวน 4 ชนิด ได้แก่ ้ บอระเพ็ด (รสขม) อ้อย (รสหวาน) มะนาว (รสเปรี้ ยว) และเกลือแกง NaCl (รสเค็ม) มีผลต่อการ กินของนกแตกต่างกัน โดยสารสกัดจากบอระเพ็ดซึ่ งให้รสขมได้ผลดีที่สุด คือส่ งผลให้นกพิราบ กินเมล็ดพันธุ์ขาวเพียงร้อยละ 19.20±0.83 และนกกระจอกกินเมล็ดพันธุ์ขาวร้อยละ 0.00±0.00 ้ ้ จากการศึกษาเปรี ยบเทียบชนิดของกลิ่นน้ ามันหอมระเหยจากพืชวงศ์ Rutaceae ในการชุบเมล็ด พันธุ์ขาวที่มีผลต่อการกินของนก พบว่า เมล็ดพันธุ์ขาวที่ชุบกลิ่นน้ ามันหอมระเหยจากพืชวงศ์ ้ ้ Rutaceae จานวน 3 ชนิด ได้แก่ ส้ม มะนาว และมะกรู ด มีผลต่อการกินของนกต่างกัน โดยเมล็ด
  • 8. พันธุ์ขาวชุบกลิ่นน้ ามันหอมระเหยจากมะกรู ดให้ผลดีที่สุด คือส่ งผล ให้นกพิราบกินเมล็ดพันธุ์ ้ ข้าวเพียงร้อยละ 4.20±0.83 และนกกระจอกกินเมล็ดพันธุ์ขาว ร้อยละ 13.00±1.22 จากนั้นเมื่อทา ้ การทดลองใช้เมล็ดพันธุ์ขาวดัดแปลงในนาหว่านสภาพจริ ง พบว่า สามารถป้ องกันนกกินเมล็ด ้ พันธุ์ขาวในนาหว่านได้จริ งและมีประสิ ทธิภาพและไม่มีผลข้างเคียงในด้านประสิ ทธิภาพการ ้ งอกแต่อย่างใด Thai farmers have had difficulty in plantation and production of rice as a result of lower quantity per acre, lower price of products with higher costs of breeding rice grains, hazardous pesticide and, especially, the breeding grains eaten or destroyed by a large number of birds including pigeons and tree sparrows, subsequently causing a much lower amount or rice production. Therefore, the purpose of this study was to examine whether the modified grains would prevent the birds from destroying the breeding rice grains. There were three major findings. First, the birds tended to least eat rice grains coated by orange- red, bitter taste, kaffir lime smell. Second, the ratio of sprouting rice gains coated by colors was equivalent to that of the rice grains unmodified. Also, the grains coated by bitter flavor resulted in the same ratio of sprouting rice gains unmodified. However, the grains coated by any smell resulted in the same ratio of sprouting rice gains unmodified. Third, in actual rice plantation during the first week, the rice grains coated by kaffir lime smell were hardly eaten, indicating that this type of modified grains could be used to prevent birds from eating/destroying the breeding grains. During the second week, the birds hardly consumed the grains coated by bitter flavor. The findings suggest that the modification of rice grains coated by artificial colors, flavor and smell can be of use to Thai farmers to prevent their breeding rice grains from those birds.
  • 9. การพัฒนาชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย สาหรับนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 นายสุ เทพ เรื องคล้าย ครู คศ. 3 วิทยฐานะ ครู ชานาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ภาษาไทย โรงเรี ยนประชาบารุ ง เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 ปี ทีวจัย ่ิ ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2552 บทคัดย่อ วิจยเรื่ อง การพัฒนาชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย สาหรับนักเรี ยน ั ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 มีวตถุประสงค์ดงนี้ (1) เพื่อหาประสิ ทธิภาพของชุดการเรี ยน เรื่ องเสี ยงในภาษาไทย ั ั สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 (2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนก่อนและหลังการใช้ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย (3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรี ยนที่มีต่อชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย (4) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพของผูเ้ รี ยนโดยประเมินตามสภาพจริ ง จากการใช้ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงใน ภาษาไทย ประชากรที่ศึกษาคือนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2552 โรงเรี ยนประ บารุ ง จังหวัดพัทลุง จานวน 2 ห้องเรี ยน 42 คน ใช้ประชากรทั้งหมด มาจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอนโดยใช้ ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย ด้วยวิธีการเรี ยนแบบร่ วมมือ TAI เครื่ องมือที่ในการศึกษาวิจย คือ (1) ั ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย จานวน 5 ชุด (2) แบบทดสอบก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน ่ ที่ผานการหาประสิ ทธิภาพของแบบทดสอบมีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.21 ถึง 0.90 ค่าอานาจจาแนกตั้งแต่ 0.05 ถึง 0.76 และค่าความเชื่อมัน 0.91 (3) แบบประเมินความคิดเห็นต่อการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน ่ ด้วยชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย ผลการวิจัยพบว่า (1) ชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย เมื่อนาไปใช้การจัดกิจกรรมการเรี ยนสอน มีประสิ ทธิ ภาพเท่ากับ 82.55/81.11 และค่าดัชนีประสิ ทธิ ผล 0.64 ซึ่งสู งกว่าเกณฑ์ที่กาหนด (2) ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังการใช้ชุดการเรี ยน เมื่อจัดกิจกรรม การเรี ยนการสอน ด้วยชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย แตกต่างกันอย่างมีนยสาคัญ ั ทางสถิติที่ระดับ 0.01 (3) ความคิดเห็นของนักเรี ยนที่มีต่อการจัดการเรี ยนการสอนโดยใช้ชุดการเรี ยน ่ เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย อยูในระดับมาก (4) ระดับคุณภาพของผูเ้ รี ยนโดยประเมินตามสภาพจริ ง จากการใช้ชุดการเรี ยน ่ เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย อยูในระดับดีมาก แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอน ด้วยชุดการเรี ยน เรื่ อง เสี ยงในภาษาไทย เป็ นแนวทางหนึ่ งในการพัฒนาการสอนหลักภาษาไทยให้แก่ นักเรี ยน ชื่องานวิจัย ผู้วจัย ิ