SlideShare a Scribd company logo
1 of 63
Download to read offline
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ประมวลรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
1. ภาษาศาสตร์ ประกอบด้วยด้วย
-ลักษณะเฉพาะของภาษาไทย ข้อสอบประกอบด้วย ระบบเสี ยงในภาษาไทย พยัญชนะ สระ
วรรณยุกต์
-พยัญชนะ มักถามเรื่ อง พยัญชนะต้นเดี่ยว พยัญชนะควบกลํ้า พยัญชนะท้าย มาตราตัวสะกดแม่ต่างๆ
พยางค์เปิ ด พยางค์ปิด
-สระ มักถามเรื่ องสระเสี ยงสั้น สระเสี ยงยาว สระประสม โดยมีตวลวงคือรู ปสระที่ไม่ตรงกับเสี ยงสระ
ั
ํ
-วรรณยุกต์ มักให้ผนวรรณยุกต์ตามข้อความที่กาหนด ข้อควรระวังคือการตอบให้ตรงคําถาม
ั
โครงสร้ างของพยางค์ ความเหมือน ความแตกต่างของพยางค์ คําเป็ น - คําตาย
-ธรรมชาติของภาษา การเปลี่ยนแปลงของภาษา ลักษณะเฉพาะของภาษาไทย
-คําไทยแท้ – คํายืม (คําบาลี คําสันสกฤต คําเขมร คําต่างประเทศตระกูลยุโรป)
-การสร้างคําการเพิ่มคํา คําประสม คําซ้อน คําซํ้า คําสมาสทั้งคําสมาสที่ไม่มีสนธิ และคําสมาสแบบมีสนธิ
2 หลักภาษา ข้อสอบมักออกเรื่ องความถูกต้องตามหลักภาษาไทย ประโยค กลุ่มคํา ประโยคสมบูรณ์
การเน้นประโยค(รู ปประโยค) เจตนาของประโยค โครงสร้างของประโยค ชนิดของประโยค
(ความเดียว ความรวม ความซ้อน) ข้อบกพร่ องของประโยค
ก. การใช้คาฟุ่ มเฟื อย / กะทัดรัด
ํ
ข. การใช้ภาษากํากวม / ชัดเจน
ค. การวางส่ วนขยายผิดที่
ง. การใช้สานวนต่างประเทศ
ํ
จ. ความสัมพันธ์ของประโยค
ฉ. ประโยคไม่ครบกระแสความ
ช. การใช้คาผิดหน้าที่หรื อความหมายในประโยค
ํ
3. การใช้ คา – สานวน และการใช้ โวหาร
-การใช้คาให้ตรงกับความหมาย
ํ
-การใช้คาราชาศัพท์
ํ
-ระดับของภาษา
-หน้าที่และชนิดของคํา
-การใช้คาเชื่อม
ํ
-การใช้สานวน
ํ
-การใช้โวหาร

หน้ า 1
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

4. วรรณคดีและความงามของภาษา
-การสรรคํา การเล่นเสี ยง ลักษณะเด่นและศิลปะในการแต่งคําประพันธ์
-ฉันทลักษณ์ และลักษณเด่นของฉันทลักษณ์ (คําเอก คําโท คําครุ คําลหุ )
-การใช้ภาพพจน์ในวรรณคดีหรื อวรรณกรรม จินตภาพ
-แนวคิด ค่านิยม ความเชื่ อที่ปรากฏในวรรณคดีหรื อวรรณกรรม ประเพณี สังคม วัฒนธรรมที่ปรากฏ
ในวรรณคดีหรื อวรรณกรรม
5. การใช้ ภาษาเพือการแสดงความคิดและการแสดงออก
่
-ภาษาและเหตุผล
-โครงสร้างของเหตุผล
-การอนุมาน
-การแสดงทรรศนะ
-การโต้แย้ง
-การโน้มน้าวใจ
6. การใช้ ภาษาไทย
-การพูด ทั้งระหว่างบุคคลและการพูดในที่ประชุมชน การสัมภาษณ์
-การฟัง
-การอ่าน เน้นการอ่านจับใจความและการตีความ
-การเขียนเรี ยงความ ย่อความ จดหมาย ประกาศ
-การประชุม
-คุณธรรมและมารยาทในการสื่ อสาร
-กลวิธีการเขียนอธิบาย การบรรยาย การพรรณนา เทศนาโวหาร สาธกโวหาร อุปมาโวหาร
7. เบ็ดเตล็ด
-เครื่ องหมายวรรคตอน
-การเขียนตัวสะกด การันต์
-การอ่านคํา
-การใช้ลกษณนาม
ั
-การใช้พจนานุกรม ฯลฯ

หน้ า 2
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

บทที่ 1
ระบบเสี ยงในภาษาไทย
ระบบเสี ยงในภาษาไทยมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
1. รู ปสระ - เสี ยงสระ
รู ปสระ
เรี ยกว่า วิสรรชนีย ์
ะ
า
ิิ
่
ิ
่
ิ
๐

ิุ
ิู
ิั
ิ็

เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า

เ

ลากข้าง
พินทุอิ
์
ฝนทอง
ฟันหนู
นิคหิต, หยาดนํ้าค้าง
ตีนเหยียด
ตีนคู ้
ไม้ผด
ั
ไม้ไต่คู ้

ไ
ใ
โ
อ
ย
ว
ฤ
ฤๅ
ฦ
ฦๅ

ประเภทของสระ
1. เสี ยงสระ (สระเดี่ยว มี 18 เสี ยง)
สระเสี ยงสั้น (รัสสระ)
/อะ/
/อิ/
/อึ/
/อุ/
/เอะ/
/แอะ/
/เออะ/
/เอาะ/
/โอะ/

เรี ยกว่า

ไม้หน้า

เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า
เรี ยกว่า

ไม้มลาย
ไม้มวน
้
ไม้โอ
ตัว ออ
ตัว ยอ
ตัว วอ
ตัว รึ
ตัว รื อ
ตัว ลึ
ตัว ลือ

สระเสี ยงยาว (ทีฆสระ)
/อา/
/อี/
/อือ/
/อู/
/เอ/
/แอ/
/เออ/
/ออ/
/โอ/

หน้ า 3
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

2. สระประสม (สระเลื่อน) คือ การนําเสี ยงสระเดี่ยว 2 เสี ยงมาประสมกัน ได้แก่
/อิ/ + /อะ/ = /เอียะ/
/อี/ + /อา/ = /เอีย/
/อึ/ + /อะ/ = /เอือะ/
/อือ/ + /อา/ = /เอือ/
/อุ/ + /อะ/ = /อัวะ/
/อู/ + /อา/ = /อัว/
หมายเหตุ

ทางภาษาศาสตร์ ถือว่า สระประสมเสี ยงสั้นเป็ นหน่วยเสี ยงเดียวกับเสี ยงยาว
จึงถือว่าสระประสม มี 3 เสี ยง คือ /เอีย/ /เอือ/ /อัว/

ข้ อควรจา
อา ไอ ใอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ
เป็ นรู ปสระเกิน
2. รู ปพยัญชนะ - เสี ยงพยัญชนะ
รู ปพยัญชนะ มี 44 รู ป คือ
อักษรกลาง
อักษรสู ง
ก
จ
ฎฏ
ดต
บป
อ

อักษรเดี่ยว

คฅ ฆ
ชฌ
ฑฒ
ทธ
พฟ ภ
ซฮ

ขฃ
ฉ
ฐ
ถ
ผฝ
ศษส ห

อักษรคู่

ง
ญ
ณ
น
ม
ยรลวฬ

เสี ยงพยัญชนะปรากฏได้ 2 ตาแหน่ ง ในพยางค์ คือ
1. เสี ยงพยัญชนะต้ น
1.1 เสี ยงพยัญชนะต้นเดี่ยว มี 21 เสี ยง คือ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.

/ก/
/ค/
/ง/
/จ/
/ช/
/ซ/
/ย/
/ด/
/ต/
/ท/
/น/

12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.

หน้ า 4

/บ/
/ป/
/พ/
/ฟ/
/ม/
/ร/
/ล/
/ว/
/ฮ/
/อ/
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

1.2 เสี ยงพยัญชนะต้นประสม (เสี ยงควบกลํ้า) คือ พยางค์ที่มีเสี ยงพยัญชนะต้นสองตัวออกเสี ยงควบ
กันในระบบเสี ยงภาษาไทย มี 5 ชุด คือ

ร
ล
ว
ข้ อควรระวัง
ก
กร
กล
กว
คาควบไม่ แท้ จัดเป็ นเสียง
พยัญชนะต้ นเสียงเดี่ยว
ค
คร
คล
คว
เช่น จริง(จิง) สร้ าง(ส้ าง)
ป
ปร
ปล

โทรม(โซม) เป็ นต้ น
พ
พร
พล

ต
ตร


2. เสี ยงพยัญชนะท้าย คือ เสี ยงพยัญชนะที่ทาหน้าที่เป็ นตัวสะกดมี 9 เสี ยง คือ
ํ
1. /ก/
เช่น เลข โรค เมฆ ครก นาก ฯลฯ
2. /บ/ หรื อ /ป/
เช่น พบ ลาภ กบ จับ กราฟ ฯลฯ
3. /ด/ หรื อ /ต/
เช่น มด กาจ คช กฎ พุทธ ฯลฯ
4. /ง/
เช่น โมง หาง สู ง แกง กิ่ง ฯลฯ
5. /ม/
เช่น กรรม หาม ชิม ทํา สัมมนา ฯลฯ
6. /น/
เช่น การณ์ กลอน สัญญาณ เขิน ฯลฯ
7. /ย/
เช่น ชาย หน่อย รวย ได้ ใน ฯลฯ
8. /ว/
เช่น ขาว เลว แน่ว ชาย หิว ฯลฯ
9. /?/
หมายถึงพยางค์ที่เป็ นเสี ยงสั้น ลงเสี ยงหนักท้ายพยางค์ เช่น ชะ กะปิ สมาธิ
3. วรรณยุกต์ คือ ระดับเสี ยงสู งตํ่าของพยางค์ (tone) มี 4 รู ป 5 เสี ยง คือ

่
ิ

รู ป
เสี ยง

สามัญ

้
ิ

๊
ิ

๋
ิ

เอก

โท

ตรี

จัตวา

พยางค์ ปิด - พยางค์ เปิ ด
พยางค์ ปิด
คือ พยางค์ที่มีเสี ยงพยัญชนะท้าย เช่น กิน ข้าว ไหม ชิชะ จะจะ ชัยชนะ (มีเสี ยง /?/)
พยางค์ เปิ ด
คือ พยางค์ที่ไม่มีเสี ยงพยัญชนะท้าย เช่น มา หรื อ หนู
โครงสร้ างของพยางค์ หมายถึง ส่ วนประกอบของแต่ละพยางค์ โดยพิจารณาจาก
เสี ยงของพยัญชนะท้าย พยางค์ปิด หรื อพยางค์เปิ ด
เสี ยงของพยัญชนะต้ น เดี่ยวหรื อควบกลํ้า
เสี ยงของสระ
สระสั้น สระยาว
เสี ยงของวรรณยุกต์
เสี ยงสามัญ เอก โท ตรี จัตวา
หน้ า 5
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

คาเป็ นคาตาย
1. คําเป็ น หมายถึง คําที่ประสมด้วยสระเสี ยงยาว หรื อคําที่มีเสี ยงสะกด แต่ยกเว้น แม่ กก กบ กด เช่น
น้า ตี งู จง อาง ให้ เห็น
2. คําตาย หมายถึง คําที่ประสมด้วยสระเสี ยงสั้นและไม่มีเสี ยงสะกด รวมทั้งคําที่อยู๋ในแม่ กก กบ กด
เช่น กระทะ มะระ ก็ บ่ ธ ณ เป็ ด กฎ ศพ
อ้างอิง
กาญจนา นาคสกุล. 2541. ระบบเสี ยงภาษาไทย. กรุ งเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิชาการ,กรม กระทรวงศึกษาธิการ. 2541. วรรณลักษณ์วจารณ์ เล่มที่ 1. กรุ งเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว.
ิ

ตัวอย่างข้ อสอบบทที่ 1
เรื่องระบบเสี ยงในภาษาไทย
1. ข้อใดมีเสี ยงสระสั้น ทุกพยางค์
1. นํ้าแข็ง นํ้าใจ นํ้าเชื่อม นํ้ามัน
2. นมข้น นมผง นมกล่อง นมสด
3. นงนุช นงเยาว์ นงคราญ นงลักษณ์
4. นพเก้า นพคุณ นพเคราะห์ นพรัตน์
2. ข้อใดมีจานวนพยางค์ที่ประกอบด้วยสระลดรู ปมากที่สุด
ํ
1. กวนขนม ทุ่มทุน ทางขนาน
2. ปลดปลง ปกปอง ครบครัน
้
3. ตกใจ สิ้ นเคราะห์ กราบกราน
4. เกรี้ ยวกราด กลบเกลื่อน เกรงกริ่ ง
3. ข้อใดไม่มีเสี ยงสระประสม
1. มโนมอบพระผู้
เสวยสวรรค์
2. พูดมากเปล่าเปลืองปน
ปดเหล้น
3. สิ่ งใดในโลกล้วน
เปลี่ยนแปลง
4. คําแสลงเสี ยดแทงระคน คําหยาบ หยอกฤา
4. ข้อใดมีคาที่ประกอบด้วยเสี ยงสระประสมทุกคํา (2/2546)
ํ
2. มัวหมอง เชื่อใจ เลิศลํ้า
1. เฟื้ องฟา ร่ารวย เสี ยหน้ า
้
3. เปรี้ ยวปาก เกรอะกรัง พรํ่าเพรื่ อ
4. เรื่ องราว เพลี่ยงพลํ้า แท่นพิมพ์
5. ข้อใดไม่มีสระประสม (O-NET 50)
1. ใครดูถูกผู้ชานาญในการช่ าง
2. ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่ อง
3. เหมือนคนป่ าคนไพรไม่รุ่งเรื อง
4. จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่ งวาจา

หน้ า 6
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

6.พยางค์ทายข้อใดมีเสี ยงสระตรงกับพยางค์ที่ขีดเส้นใต้ “จราจร จลาจล” (A-NET 50)
้
1. ถนน ถนอม
2. ขนอน โขนง
3. ฉลอง ฉงน
4. สนม สนน
7. ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะต้นเดี่ยวซํ้ากันมากที่สุด (2/2546)
1. นุ่งยกนอกดอกวิเศษเกล็ดพิมเสน
2. โจงกระเบนประคดคาดไม่หวาดไหว
4. ข้างนอกใส่ ครุ ยกรองทองสําริ ด
3. บ้ างใส่ เสื้อส้ าระบับเข้ มขาบใน
8. ข้อใดมีจานวนเสี ยงพยัญชนะต้นเดี่ยวน้อยที่สุดโดยไม่นบเสี ยงซํ้า(A-NET 50)
ํ
ั
1. สุ ดสายตาข้าเห็นเป็ นทุกเวิง
2. ในโลกนี้มีอะไรเป็ นไทยแท้
้
3. ของไทยแน่ น้ ันหรือคือภาษา
4. ชลล้นเจิ่งแผ่นดินหมองร้องครวญครํ่า
9. ข้อใดมีท้ งอักษรควบและอักษรนํา (A-Net 49)
ั
1. สงครามครานีหนัก
้
ใจเจ็บ ใจมา
2. เรี ยมเร่ งแหนงหนาวเหน็บ
อกโอ้
3. ลูกตายฤๅใครเก็บ
ผีฝาก พระเอย
4. ผีจกเท้งที่โพล้
ั
ที่เพล้ใครเผา
10. คําขวัญต่อไปนี้มีเสี ยงพยัญชนะสะกดกี่เสี ยง (ไม่นบเสี ยงซํ้า)
ั
“รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ช่วยกันต้านยาเสพติด”
1. 5 เสี ยง
2. 6 เสี ยง
3. 7 เสี ยง
4. 8 เสี ยง
11. ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะสะกดมากที่สุด (ไม่นบเสี ยงซํ้า)
ั
1. จงรู ้จกรักษาคุณค่าหญิง
ั
2. อย่าทอดทิ้งทางงามทุกความหมาย
3. แม้นราคีมีหมองต้องเสี ยดาย
4. จะอับอายออกนามคนหยามเรา
12. ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะท้ายพยางค์ทุกคํา (A-Net 49)
1. เขาทางานจนภารโรงปิ ดห้ อง
2. คุณยายเป็ นลมเมื่ออ่านจดหมายจบ
3. ต้นกล้วยริ มรั้วลวดหนามออกเครื อแล้ว
4. ภาคใต้ได้รับความเสี ยหายจากคลื่นยักษ์
13.ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะท้ายน้อยที่สุดโดยไม่นบเสี ยงซํ้า(A-NET 50)
ั
่
1.จงจําไว้วาอนาคตที่สดใสต้องเริ่ มต้นเดี๋ยวนี้
่
2. จงมองหาโอกาสที่ซ่อนอยูในอุปสรรคที่เผชิญ
3.จงจาไว้ ว่าคาพูดทีอ่อนหวานช่ วยสมานใจได้ ดี
่
4. จงวางดินสอกับกระดาษโน้ตไว้ขางโทรศัพท์ทุกเครื่ อง
้

หน้ า 7
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

14. ข้อใดมีคาที่สะกดด้วยแม่กดมากที่สุด (O-Net 49)
ํ
1. อุบัติเหตุอาจเกิดขึนเป็ นนิตย์ ในโอกาสวันสุ ดสั ปดาห์
้
2. งานเฉลิมฉลองพระเกียรติในวโรกาสการประสู ติพระโอรส
3. ขอตั้งสัจจะอธิ ษฐานยึดมันในชาติ ศาสน์ กษัตริ ยชวนิรันดร์
์ ั่
่
4. ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่สามารถสกัดกั้นให้แคล้วคลาดปราศจากอุปัทวันตรายได้
15. ข้อใดมีเสี ยงวรรณยุกต์ครบห้าเสี ยง (O-Net 49)
1. โง่ไม่เป็ นใหญ่ยากฝากให้คิด
2. ทางชี วตจะรุ่ งโรจน์ โสตถิผล
ิ
3. ต้องรู ้โง่ฉลาดปราดเปรื่ องตน
4. โง่สิบหนดีกว่าเบ่งเก่งเดี๋ยวเดียว
16. ข้อใดมีเสี ยงวรรณยุกต์ครบ 5 เสี ยง (O-NET 50)
1. เจ้ าคุมแค้ นแสนโกรธพิโรธพี่
2. แต่เดือนยียางเข้าเดือนสาม
่่
3. จนพระหน่อสุ ริยวงศ์ทรงพระนาม
4. จากอารามแรมร้างทางกันดาร
17. เสี ยงวรรณยุกต์ขอใดต่างกับข้ออื่น(A-NET 50)
้
1. ทรงธรรมลํ้ามะนุษ2. ฤทธิรุทมหาศาล
3. บําเพ็ญพะลีการ
4. ทุกอย่ างงามตามวิสัย
18. คําคู่ใดต่างกันเฉพาะเสี ยงสระเท่านั้น (A-Net 49)
1. ทรัพย์ - ทราบ
2. เนิบ - นับ
3. หมั้น - ม่ าน
4. โชค - ชัก
19. เสี ยงของพยางค์ในข้อใดมีโครงสร้างต่างกับข้ออื่น (ข้อสอบ O NET 2551)
1. ขวาน
2. หลาม
3. เผย
4. ฝูง
20. คําในข้อใดมีโครงสร้างพยางค์เหมือนกันทั้งสองคํา
1. ตั้งร้าน
2. ข้างขึ้น
3. คล่องแคล่ว
4. ทรุ ดโทรม
21. ข้อใดมีคาตายมากที่สุด
ํ
(A-Net 49)
1. ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์
2. เรื องจรัสยิงมกุฎสุ ดสง่า
่
3. ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์
4. ที่สถิตอานุภาพสโมสร
22. ข้อใดมีคาตายน้อยที่สุด (1/2546)
ํ
1.
ทั้งไพร่ นายรายเรียงกันเรียดไป
ตัดใบไม้ มุงเหมือนหลังคาบัง
่
2.
พระเปรมปรี ด์ ิดีใจอยูในพักตร์
มิให้ประจักษ์คนทั้งหลาย
3.
คําโบราณท่านผูกถูกทุกสิ่ ง
เขาว่าลิงจองหองมันพองขน
4.
เสพอาหารหวานคาวเมื่อคราวยาก
ล้วนของฝากเฟื่ องฟูค่อยชูชื่น
หน้ า 8
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

23. ทุกพยางค์ในข้อใดเป็ นคําเป็ น (O-NET 50)
1. พระเสด็จโดยแดนชล
3. เรือชัยไวว่องวิง
่

2. ทรงเรื อต้นงามเฉิดฉาย
4. รวดเร็ วจริ งยิงอย่างลม
่

บทที่ 2
การใช้ คา
คาและความหมาย
คําในภาษาไทยมีความหมายกว้างและแคบไม่เท่ากัน เช่น ดอกไม้ มีความหมายกว้าง แต่ ดอกกุหลาบ มี
ความหมายแคบ นอกจากนี้ความหมายของคําแบ่งออกเป็ น 3 ลักษณะ ดังนี้
1. คาทีมีความหมายตรง คือ แปลความหมายตามพจนานุกรม มี 2 ลักษณะ คือ
่
1.1 คําที่มีความหมายเดียว เช่น
ตกลง
หมายถึง ยินยอมพร้อมใจกัน
ผลัด
หมายถึง เปลี่ยน
่
แกน
หมายถึง วัตถุแข็งที่อยูส่วนกลาง
โก่ง
หมายถึง ทําให้โค้ง
1.2 คําที่มีหลายความหมาย เช่น
ขัน
ผลัด
หมายถึง ภาชนะตักนํ้า
”
ทําให้ตึง
”
แข็งแรง
ขึ้น
หมายถึง เน่าพอง (ศพขึ้ น)
”
อ่อนน้อม สังกัด (เมืองขึ้น)
”
ผุดโผล่ (ตะวันขึ้น)
”
งอก (ต้นไม้ข้ ึน)
”
เพิ่ม (ขึ้ นราคา)
2. คาทีมีความหมายในประหวัด คือ คําที่มีความหมายไม่ตรงตามศัพท์ แต่มีนยให้เข้าใจเป็ นอย่างอื่น
่
ั
3. คาทีมีความหมายเปรียบเทียบ (อุปมา) หรื อ การใช้ สานวนโวหารเช่น
่
เสื อ
หมายถึง ความดุร้าย
ปลาซิว
หมายถึง
ความใจเสาะ
ลิง
หมายถึง ความซน
ฤาษี
หมายถึง
ความสงบเสงี่ยม
ควาย
หมายถึง ความโง่
แก้วตา
หมายถึง
เป็ นที่รัก
หน้ า 9
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ข้ อควรจา
การใช้ คาต้ องให้ ตรงกับความหมาย และบริบท
การใช้ภาษาในชีวตประจําวันนั้น การใช้คาที่ถูกต้องเหมาะสม ตามหลักไวยากรณ์และความหมายเป็ น
ิ
ํ
สิ่ งที่สําคัญที่จะสื่ อความหมายได้ตรงประเด็นตามจุดมุ่งหมายของผูส่งสาร หลักสําคัญในการใช้คาโดยสรุ ปมี
้
ํ
ดังนี้
1. ใช้คาให้ถูกตามตําแหน่ง และหน้าที่ เช่น คํานาม คําสรรพนาม ใช้ทาหน้าที่เป็ นประธาน
ํ
ํ
่
กรรมของประโยค คํากริ ยา แสดงอาการกระทํา ผูเ้ รี ยนต้องรู ้จกว่าคําใดควรอยูในตําแหน่งใด
ั
ของประโยค
2. การเรี ยงลําดับคําหรื อพยางค์ให้ถูกต้อง ถ้าเรี ยงกลับกันความหมายอาจเปลี่ยนไป เช่น ใจ
่ ่
ชํ้า-ชํ้ าใจ หนวกหู-หูหนวก กินอยู-อยูกิน เป็ นต้น
3. ต้องรู ้สึกเลือกใช้คาให้เหมาะกับกาลเทศะ ถึงแม้บางคําจะมีความหมายคล้ายคลึงกัน แต่ไม่
ํ
ั
สามารถแทนที่กนได้ เช่น ภายในโรงฆ่าสัตว์ ตลบอบอวล ไปด้วยกลิ่นซากสัตว์ ควรแก้ไข
เป็ นคละคลุง
้
4. ใช้คาให้ตรงกับความหมาย ภาษาไทยมีคามากมายที่มีความหมาย คล้ายกัน บางคํามี
ํ
ํ
ความหมายแฝงอยู่ จึงจําเป็ นต้องเลือกคําให้เหมาะสมและตรงความหมายมากที่สุด เช่น แล่
ฝาน ปอก ผ่า เฉื อน เฉาะ สับ เป็ นต้นสรุ ปง่าย ๆ คือ หลักของการใช้คา ต้องใช้คาให้ตรง
ํ
ํ
ความหมาย
ตรง : ตรงตามพจนานุกรม
คํา = ความหมาย
นัย : ตีความตามปริ บท
แฝง : ซ่อนอารมณ์ และความรู้สึก (นัยประหวัด)
แคบ
กว้าง

หน้ า 10
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ตัวอย่ างข้ อสอบบทที่ 2 การใช้ คา
1. คําในข้อใดสามารถใช้ได้ท้ งความหมายโดยตรงและโดยนัยทุกคํา
ั
1. เข้าฌาน เข้าถึง เข้าเนื้อ
2. แก้ลา แก้เผ็ด แก้เกี้ยว
ํ
3. ขึ้นหม้อ ขึ้นสาย ขึ้นชื่อ
4. คอแข็ง คอตก คอสู ง
2. คําในข้อใดทุกคําในข้อใดมีท้ งความหมายโดยตรงและเชิงอุปมา
ั
1. ตกเบ็ด ลอยแพ ไหว้ผี เอียงซ้าย
2. จับตา ลอกคราบ นิ้วก้อย จับตาย
3. ติดตา ลายคราม ขึนหิง จับเข่ า
้ ้
4. ปากนํ้า ตัดต่อ ร้อนตัว ตกข่าว
3. คําว่า "ทิ้ง" ในข้อใดมีความหมายในตรงทุกคํา
1. ทิงจดหมาย ทิงท้าย ทิงไพ่
2. ทิงทาน ทิงกระจาด เททิง
้
้
้
้
้
้
3. ผ้าเนื้อทิ้ง ทิ้งทวน ทิ้งธุ ระ
4. ทิ้งเพื่อน ทิ้งขว้าง ทิ้งตา
4. ข้อใดใช้คาแสดงความหมายแคบกว้างต่างกันได้อย่างเหมาะสม
ํ
1. เขาสนใจทั้งกีฬาและมวย
2. เขาชอบปลูกต้นไม้และไม้ผล
3. ฤดูนีมีผลไม้ มากทั้งเงาะและทุเรียน
้
4. ประชาชนและชาวนามาชุมนุมกันมากมาย
่ ้
5. ข้อใดไม่มีความหมายกว้างแคบอยูดวยกัน
1. กิจวัตรประจําวันของสาวิตรี ได้แก่ การอ่านหนังพิมพ์ในเวลาเช้าและดูโทรทัศน์ในเวลากลางคืน
2. การพกอาวุธ เช่น มีด ปื น ระเบิดขวด ในที่สาธารณะเป็ นสิ่ งที่ไม่ควรกระทํา
3. การสอบคัดเลือกเข้ ามหาวิทยาลัยเป็ นโอกาสทีนักเรียนจากโรงเรียนต่ างๆ ได้ แข่ งขันกัน
่
4. การเดิ นทางไปต่างจังหวัดในปั จจุ บ นนี้ เราสามารถเดิ นทางได้หลายวิธี เช่ น โดยทางเครื่ องบิ น
ั
รถไฟ รถยนต์
6. ข้อใดใช้คาถูกต้องตรงความหมาย
ํ
่
1. ผมว่ากรณี น้ ียงมีอะไรเคลือบแคลงอยูอีกมาก
ั
2. พนักงานคนใหม่พิมพ์หนังสื อตกหายไปหลายวรรค
3. ระวังกระเป๋ าให้ ดีๆ นะ อย่าให้ ใครฉกชิงเอาไปได้
4. อย่ามาพูดข่มขวัญคนอื่นเลย เธอน่ะชอบบอกว่าตัวดีกว่าเพื่อนๆ อยูเ่ รื่ อย
7. ข้อใดใช้ภาษาได้ถูกต้ อง
่
1. แม่คาขายส้มตําไก่ยางเป็ นอาชีพที่มีรายได้ดีและไม่ตกงาน
้
2. อาหารประเภทยํามีรสชาติเผ็ดร้อนกลมกล่อมถูกปากคนไทย
3. แม้ ฐานะของเราจะไม่ ค่อยดี พ่ อแม่ กส่งเสี ยให้ ลูกทุกคนได้ เรียนจนจบมหาวิทยาลัย
็
่
4. แม้วาชื่อเสี ยงของพ่อจะไม่เป็ นที่ประจักษ์แก่สายตาผูอื่น แต่ฉนก็ภูมิใจในตัวท่าน
้
ั
หน้ า 11
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

8. ข้อใดใช้คาไม่ตรงความหมาย
ํ
1. อาจารย์ปฐมท่านเป็ นพหูสูต คุณอ่านเรื่ องอะไรไม่เข้าใจก็ถามท่านได้ทุกเรื่ อง
2. คนสมถะอย่างอาจารย์ชัยนาท ใครอย่าไปขอร้ องให้ ทาอะไรเลย ท่านไม่ ช่วยหรอก
่ ั
3. บ้านเล็กๆ หลังนั้นอาจารย์พงงาอาศัยอยูกบครอบครัวอย่างสันโดษ ไม่ค่อยติดต่อกับใคร
ั
4. บ้านอาจารย์ประจวบเล็กและแทบจะไม่มีของใช้ในบ้านเลย ท่านค่อนข้างอัตคัด
9. ข้อใดใช้คาได้ถูกต้องตามความหมาย
ํ
1. เธอปั กผ้าผิดจึงต้องเราะออกแล้วปั กใหม่
2. คุณปู่ ขลิบผมไฟหลานคนแรกเมื่ออายุครบเดือน
3. เธอมีน้ าตากลบตาเมื่อฟังข่าวเด็กถูกทิงถังขยะ
ํ
้
4. แม่ บอกลูกว่ าอย่ าปล่ อยผมยาวรุ่ ยร่ ายเวลาไปโรงเรียน
10. ข้อใดใช้คาถูกต้องตรงความหมาย
ํ
1. วิชยทําผิดระเบียบของบริ ษทเป็ นครั้งแรกผูจดการจึงยอมผ่อนผันให้ลงโทษเพียงภาคทัณฑ์เท่านั้น
ั
ั
้ั
่ ั
2. บ้านของเขาถูกเวนคืน จึงโยกย้ายครอบครัวไปอยูกบน้องชายที่ต่างจังหวัด
3. พอได้ฤกษ์ทาพิธีเปิ ดร้านใหม่ ฝนก็ตกประปรายลงมาพอดี
ํ
4. คุณแม่ คัดเลือกมะม่ วงผลงามๆ ไว้ ทาบุญตอนเช้ า
11. คําในข้อใดเหมาะสมที่จะใช้เติมในช่องว่างต่อไปนี้
“เธอ…พวกเพื่อนๆ ที่ พากัน…เสนอผลงานให้เจ้านายโดยไม่รอเธอ เธอเสี ยใจมากแทบอยากจะ…
เพื่อนๆ จนฉันต้องเป็ นฝ่ าย…เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง”
1. ตัดรอน ตัดตอน ตัดทาง ตัดประเด็น
2. ตัดพ้อ ตัดหน้ า ตัดขาด ตัดบท
3. ตัดรอน ตัดหน้า ตัดญาติขาดมิตร ตัดประเด็น
4. ตัดพ้อ ตัดบท ตัดรอน ตัดตอน
12. ข้อใดไม่มีคาพ้องความหมาย
ํ
1. ไอยรา ราชสี ห์ กุญชร
2. ลําธาร ชลาสิ นธุ์ มัจฉา
3. เทเวศร์ อัจฉรา สุ รารักษ์
4. สิ งขร เวหาสน์ วนาดร

หน้ า 12
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

บทที่ 3
คาไทยแท้ และคายืมภาษาต่ างประเทศ
คาไทยแท้
หลักการสั งเกตคาไทยแท้
1. คําไทยแท้ส่วนมากมีพยางค์เดียว
เช่น กิน นอน วิง ผัด จิก เคี้ยว ไล่ ตี ฉัน ข้า เขา เจ้า ท่าน มัน แก พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ดิน นํ้า ไฟ
่
ตา หู ปาก ดี ขาว สู ง หอม กลม หนา แบน ใน นอก บน อ่าง ริ ม และ กับ แต่ ต่อ ถ้า แม้ จึง ฯลฯ
2. คําไทยแท้ส่วนใหญ่มกมีคากร่ อนเสี ยง
ั ํ
คํากร่ อนเสี ยงเหล่านี้เป็ นคําไทยแท้ เช่น
ฉะนั้น
กร่ อนมาจาก
ฉันนั้น
ตะขบ
กร่ อนมาจาก
ต้นขบ
ตะเคียน
กร่ อนมาจาก
ต้นเคียน
ตะขาบ
กร่ อนมาจาก
ต้นขาบ
มะพร้าว
กร่ อนมาจาก
หมากพร้าว
มะตูม
กร่ อนมาจาก
หมากตูม
มะปราง
กร่ อนมาจาก
หมากปราง
ตะวัน
กร่ อนมาจาก
ตาวัน
ตะปู
กร่ อนมาจาก
ตาปู
สะดือ
กร่ อนมาจาก
สายดือ
สะใภ้
กร่ อนมาจาก
สาวใภ้
3. คําไทยแท้มีตวสะกดตรงตามมาตรา
ั
แม่กก ใช้ “ก” สะกด
เช่น ผัก รัก มาก ลาก จาก ฯลฯ
แม่กบ ใช้ “บ” สะกด
เช่น ดับ ตับ สู บ ทุบ ยุบ พบ ฯลฯ
แม่กด ใช้ “ด” สะกด
เช่น มัด รัด ฟัด จุด สุ ด ชุด ฯลฯ
แม่กง ใช้ “ง” สะกด
เช่น วัง มุง ลุง ชัง นาง ฯลฯ
่
แม่กน ใช้ “น” สะกด
เช่น เรื อน ลาน ฟัน ปาน ฯลฯ
แม่กม ใช้ “ม” สะกด
เช่น ผม ลม สม ปูม เข็ม งม ฯลฯ
แม่เกย ใช้ “ย” สะกด
เช่น หาย ควาย ลาย นาย สวย ฯลฯ
แม่เกอว ใช้ “ว” สะกด
เช่น ผิว ดาว แมว ข้าว เหว ฯลฯ

หน้ า 13
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ข้ อควรระวัง
บางคําสะกดตรงตามมาตราก็ไม่ใช่ไทยแท้ เช่น
โลก
มาจาก
บาลี สันสกฤต
กาย
มาจาก
บาลี สันสกฤต
ยาน
มาจาก
บาลี สันสกฤต
พน
มาจาก
บาลี สันสกฤต
ชน
มาจาก
บาลี สันสกฤต
มน
มาจาก
บาลี
คําเขมร มีดงนี้ จมูก เดิน จะบันหมาก ทะเลสาบ ละออง บายศรี เลอโฉม ดินสอ ปล้นสะดม เขลา ฯลฯ
ั
4. คําไทยแท้ไม่มีการันต์
คําที่มีตวการันต์มาจากภาษาอื่น ยกเว้น 4 คํานี้ (แม้มีตวการันต์ก็เป็ นไทยแท้) ผีว์ บ่าห์ เยียร์ อาว์
ั
ั
5. คําไทยแท้มกปรากฏรู ปวรรณยุกต์
ั
แต่มีอีกมากมายที่ไม่ปรากฏรู ปวรรณยุกต์ เช่น
พอ
พ่อ
พ้อ
แม
แม่
แม้
เสื อ
เสื่ อ
เสื้ อ
ปา
ป่ า
ป้ า
6. คําไทยแท้มกไม่ปรากฏพยัญชนะต่อไปนี้ ฆ ณ ญ ฏ ฑ ฒ ฎ ธ ศ ษ ฬ
ั
ยกเว้นบางคําเป็ นไทยแท้ เช่น หญิงใหญ่ ณ ระฆัง ฆ่า เฆี่ยน ศอก เศิก ศึก ธ เธอ
7. คําไทยแท้ใช้ “ใ ” 20 ตัว คือ
ผูใหญ่หาผ้าใหม่
้
ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ
ใฝ่ ใจเอาใส่ ห่อ
มิหลงใหลใครขอดู
จะใคร่ ลงเรื อใบ
ดูน้ าใสและปลาปู
ํ
่
่ ั่
สิ่ งใดอยูในตู ้
มิใช่อยูใต้ตงเตียง
บ้าใบ้ถือใยบัว
หูตามัวมาใกล้เคียง
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง
ยีสิบม้วนจําจงดี
่

หน้ า 14
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

คาบาลี – สั นสกฤต
ภาษาบาลี
มีพยัญชนะ 33 ตัว สระ 8 ตัว คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
ภาษาสันสกฤต มีพยัญชนะ 35 ตัว (เพิ่ม ศ,ษ) สระ 18 ตัว (เพิ่ม ไอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ)
1
2
3
4
5
ฐานคอ
ก
ข
ค
ฆ
ง
ฐานเพดาน
จ
ฉ
ช
ฌ
ญ
ฐานปุ่ มเหงือก ฏ
ฐ
ฑ
ฒ
ณ
ฐานฟัน
ต
ถ
ท
ธ
น
ฐานริ มฝี ปาก ป
ผ
พ
ภ
ม
เศษวรรค
ยรลวสหฬo
ยายเราเล่าว่าเสื อหิ วฬาตากลม
สู ตรการจา
หลักการสั งเกตคาบาลี - สั นสกฤต
1. สั งเกตสระ
คําใดประสมด้วย ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦา เป็ นคําสันสกฤต (เพราะบาลีไม่มีสระเหล่านี้)
เช่น ไวทย ฤษี เอารส ไมตรี เสาร์ เยาวชน นฤมล พฤศจิกายน ไอศูรย์ ฤดู ไปรษณี ย ์ ฯลฯ
2. สั งเกตพยัญชนะ
คําใดประสมด้วย ศ ษ เป็ นคําสันสกฤต
เช่น ภิกษุ ศาสนา พิษณุ กษัย พฤษภาคม ราษฎร รัศมี เกษตร มหัศจรรย์ ศักดิ์ ฯลฯ
3. สั งเกตคาควบกลา คําใดมีคาควบกลํ้าเป็ นคําสันสกฤต (เพราะบาลีไม่นิยมควบกลํ้า)
้
ํ
เช่น ประถม จักร ปราชญ์ อัคร อินทร์ บุตร เนตร สตรี ราตรี จันทรา นิทรา กษัตริ ย ์ ฯลฯ
4. สั งเกต “รร” คําใดที่มี “รร” เป็ นคําสันสกฤต (เพราะบาลีไม่มี “รร”)
เช่น ธรรม จรรยา พรรษา สรรพ กรรม สวรรค์ วิเคราะห์ ฯลฯ
5. สั งเกต “เคราะห์ ” คําใดที่มี “เคราะห์” เป็ นคําสันสกฤต เช่น อนุเคราะห์ สังเคราะห์ สงเคราะห์ ฯลฯ
6. สั งเกต ตัวสะกด ตัวตาม
คําใดมีตวสะกด แล้วมีอกษรตามมา 1 ตัว (เบิ้ล) มาจาก บาลี
ั
ั
ตัวสะกดตัวตามต้องเป็ นพยัญชนะวรรคเดียวกันจะเป็ นไปตามกฎนี้
6.1 พยัญชนะแถวที่ 1 เป็ นตัวสะกด พยัญชนะวรรคแถวที่ 1 หรื อ 2 ในวรรคเดียวกันตาม
เช่น สัจจะ สัตตะ อัตตะ สักกะ รุ กข ปัจฉิม ทุกข์ บุปผา ฯลฯ
6.2 พยัญชนะแถวที่ 3 เป็ นตัวสะกด พยัญชนะวรรคแถวที่ 3 หรื อ 4 ในวรรคเดียวกันตาม
เช่น วิชชา อัคคี พยัคฆ์ พุทธ วัทฒน อัชฌาศัย ฯลน
6.3 พยัญชนะแถวที่ 5 เป็ นตัวสะกด พยัญชนะวรรคแถวไหนก็ได้ในวรรคเดียวกันตาม
เช่น สังกร องค์ สงฆ์ กัณฑ์ จันทนา บัญญัติ ฯลฯ
6.4 เศษวรรคสะกดตามตัวเอง
เช่น เวสสันดร วัลลภ อัยยิกา ฯลฯ
หน้ า 15
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

หมายเหตุ
ภาษาสันสกฤตมีตวสะกดตัวตามก็จริ ง แต่ไม่เป็ นไปตาม 6.1 – 6.3
ั
เช่น อัคนี มุกดา รักษา วิทยา สัตว์ อาชญา ฯลฯ
คาเขมร
หลักการสั งเกตคาเขมร
1. คําเขมรมักสะกดด้วย จ ญ ล ร ส ย และมักจะไม่มีตวตาม
ั
สู ตรการจา จาน หญิง ลิง เรื อ เสื อ
จ สะกด เช่น อํานาจ เสร็ จ สมเด็จ ตํารวจ ฯลฯ
ญ สะกด เช่น เพ็ญ เผอิญ สําราญ ผจญ ครวญ ชํานาญ ฯลฯ
ล สะกด เช่น กังวล ถกล ถวิล ดล ดาล จรัล กํานัล ฯลฯ
ร สะกด เช่น ขจร อร กําธร ควร ฯลฯ
ส สะกด เช่น ดํารัส จรัส ตรัส ฯลฯ
2. คําที่มาจากเขมรมักเป็ นคําควบกลํ้า
เช่น กรวด กระบือ เกลือ ขลาด กระแส ไพร ตระกอง โปรด กราน กรม กระทรวง กระเพาะ โขลน ฯลฯ
3. คําที่มาจากเขมรมักใช้อกษรนํา
ั
เช่น โฉนด เขม่า ขนอง ขลาด เขลา จมูก ถวาย ฉนํา เฉลียง ถวาย ขนุน ขยํา ฉลู ฯลฯ
4. คําที่มาจากเขมร มักขึ้นต้นด้วย บัง บัน บํา (เพราะมาจาก บํ เติมคําหน้า)
เช่น บัง บังควร บังอาจ บังคม บังคับ บังเกิด
บัน บันทึก บันเทิง บันดาล บันได
บํา บําเพ็ญ บํานาญ บําเหน็จ บําบัด
5. คําที่มากจากเขมรมักขึ้นต้นด้วย กํา คํา จํา ชํา ดํา ตํา ทํา สํา อํา
เช่น กําหนด คํารบ จําแนก ชํานาญ ชํารุ ด ดําเนิน ดํารัส ตํารวจ ตํารา ทํานบ สําราญ อํานวย ฯลฯ
ํ
ข้อสังเกต ภาษาบาลี, สันสกฤต และเขมร มักไม่มีวรรณยุกต์กากับ
คายืมจากภาษาจีน และภาษาชวา
การเขียนคําที่มาจากภาษาจีน และภาษาชวาใช้หลักง่าย ๆ
ํ
คือ เขียนรู ปตามเสี ยงที่ออก หรื อได้ยนโดยใช้ตวสะกดตรงตามมาตรา และมักใช้รูปวรรณยุกต์กากับเสี ยง
ิ
ั
คายืมจากภาษาตระกูลยุโรป
1. ใช้ ศัพท์บัญญัติ คือ การกําหนดคําไทย บาลี สันสกฤต หรื อเขมร ที่มีความหมาย หรื อสื่ อความหมาย
เหมือนศัพท์คาเดิม อาจใช้ในการแปลคําศัพท์ หรื อสร้างคําศัพท์ก็ได้
ํ
เช่น vision - วิสัยทัศน์
หน้ า 16
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

bus - รถโดยสารประจําทาง
stamp - ดวงตราไปรษณี ยากร
2. การทับศัพท์ คือ การถอดรู ปอักษรจากต้นฉบับเป็ นอักษรไทย
ยึดหลักตามราชบัณฑิตสภา ดังนี้
2.1 ถอดรู ปอักษรตัวต่อตัวตามแนวเทียบ มักไม่ใช้รูปวรรณยุกต์
เช่น clinic – คลินิก
computer – คอมพิวเตอร์
dollar – ดอลลาร์
guitar – กีตาร์
2.2 คําบางคําที่เคยใช้รูปวรรณยุกต์อนุโลมให้ใช้ได้
เช่น แท็กซี่ ท็อฟฟี่ เค้ก เป็ นต้น
3. ศัพท์เทคนิค หรือชื่อเฉพาะ สามารถใช้ทบศัพท์ได้ แต่ยดหลักการใช้แนวเทียบตัวอักษร
ั
ึ
อ้างอิง
ประสิ ทธิ์ กาพย์กลอน และไพบูลย์ ดวงจันทร์ , 2527, ความรู ้เกี่ยวกับภาษาไทย, กรุ งเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช
ราชบัณฑิตยสถาน, 2539, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525, กรุ งเทพฯ: อักษรเจริ ญทัศน์
อุปกิตศิลปสาร, 2531, หลักภาษาไทย, กรุ งเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช

ตัวอย่างข้ อสอบเรื่องคาไทยแท้และคายืมภาษาต่ างประเทศ
1. ข้อใดเป็ นคําไทยแท้ทุกคํา (O-Net 49)
หน้ า 17
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

2.

3.

4.

5.

6.
7.

8.

1. รู ้กินเพิ่มพลังงาน
รู ้อ่านเพิ่มกําลังปั ญญา
2. นํ้ามันขาดแคลน
คุยกับแฟนก็ตองดับไฟ
้
3. รักบ้ านต้ องล้อมรั้ว
รักครอบครัวต้ องล้อมรัก
4. ภาษาบอกความเป็ นชาติ
เอกราชบอกความเป็ นไทย
ข้อใดไม่ มีคาที่มาจากภาษาเขมร (A-Net 49)
ํ
1. โปรดเอื้อเฟื้ อแก่เด็กและคนชรา
2. เราจะไปรับหลานสาวทีสถานีบางซื่อ
่
3. นวนิยายเรื่ องนี้ดาเนินเรื่ องได้กระชับดี 4. เขาเป็ นคนเจ้าสําราญมาตั้งแต่ยงหนุ่ม
ํ
ั
ข้อใดไม่มีคาที่มาจากภาษาบาลีหรื อภาษาสันสกฤต (ข้อสอบ O NET 2551)
ํ
1. เราต้องใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
2. อย่าเลี้ยงลูกให้เป็ นเทวดา
่
3. ชื่ อของเขาอยู่ในทาเนียบรุ่ น
4. ภรรยาของเขาทํางานอยูที่นี่
ข้อใดมีคาที่มาจากภาษาต่างประเทศมากที่สุด (กข/2540)
ํ
1. จงเจริ ญชเยศด้วย เดชะ
2. ปราชญ์แสดงดําริ ดวย ไตรยางศ์
้
3. อ้าจอมจักรพรรดิผู้ เพ็ญยศ
4. บัณฑิตวินิจเลิศ แถลงสาร
คําประพันธ์ต่อไปนี้คายืมมาจากภาษาต่างประเทศรวมกี่คา (สามัญ 2/2539)
ํ
ํ
“บารุ งบิดามา
ตุระด้ วยหทัยปรี ย์
หากลูกและเมียมี ก็ถนอมประหนึ่งตน”
1. 5 คํา
3. 7 คํา
4. 8 คํา
2. 6 คา
คําซ้อนทุกคําในข้อใดเกิดจากคําไทยทั้งหมด (สามัญ 1/2541)
1. ภูเขา ข้าทาส
2. ข้าวของ มูลค่า
3. แก่นสาร กาลเวลา 4. แก่เฒ่ า หยาบช้ า
ข้อใดใช้คาภาษาต่างประเทศโดยไม่จาเป็ น (2/2543)
ํ
ํ
่
1. เมื่อไฟดับควรตรวจดูวาเป็ นเพราะฟิ วส์ขาดหรื อปลักหลุด
๊
2. เด็ก ๆ ชอบรับประทานไอศกรี มช็อกโกแลตมากกว่าไอศกรี มกะทิสด
3. ก่อนเข้ าแบงก์ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้ องถอดหมวกกันน็อกและแว่นตาดาออก
4. นักกอล์ฟหลายคน อยากเปลี่ยนวงสวิงให้คล้ายกับไทเกอร์ วดส์ เพื่อให้ตีลูกได้แม่นและไกล
ู
ข้อใดจําเป็ นต้องใช้คาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ (1/2544)
ํ
1. โรงพิมพ์ส่งงานพิมพ์มาให้ตรวจปรู๊ ฟที่สองแล้ว
2. ห้างสรรพสิ นค้าที่เปิ ดใหม่มกจะมีของแถมแจกฟรี แก่ลูกค้า
ั
3. นักศึกษาที่เรี ยนได้เกรดเอ ห้าวิชาในเทอมใดจะได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิตในเทอมต่อไป
4. นักกีฬาวีลแชร์ ของไทยได้ เหรียญทอง จากการแข่ งขันกีฬาคนพิการทีประเทศออสเตรเลีย
่

9. ข้อใดใช้คาภาษาต่างประเทศ โดยไม่จาเป็ น (2/2544)
ํ
ํ
1. เวลาไปเที่ยวป่ า ฉันชอบสวมกางเกงยีนส์และหมวดแก๊ป
ํ
2. ขณะนี้น้ ามันเบนซิ นราคาแพงมาก อีกทั้งแก๊สก็กาลังขึ้นราคา
ํ
หน้ า 18
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

3. พอถึงสนามหลวง คนขับรถเมล์เหยียบเบรกกะทันหันจนเราหัวคะมา
4. ที่ทางานของฉันกําลังซ่อมลิฟต์ ที่หองทํางานก็ตองซ่อมสวิตช์ไฟด้วย
ํ
้
้
10. ข้อใดจําเป็ นต้องใช้คาต่างประเทศ (O-Net 49)
ํ
1. ราคานามันดีเซลและเบนซินขึน ๆ ลง ๆ ตามกลไกการตลาด
้
้
2. รัฐบาลประกาศกําจัดคอร์ รัปชันให้หมดไปจากประเทศไทย
่
3. ยักษ์ใหญ่มือถือทุ่มโปรโมชันใหม่ ๆ เฉื อนกันดุเดือน
่
4. เวลาขับรถต้องคาดเซฟตีเบลต์ทุกครั้ง
11. ข้อใดเขียนคําทับศัพท์ภาษาอังกฤษได้ถูกต้องทุกคํา (O-NET 50)
1. เปอร์เซ็น พลาสติค
คลินิก
2. ซอส
เต็นท์
เบนซิน
3. กร๊ าฟ
ช้อค
สปริ ง
4. สวิตซ์
เชิ้ต
ดีเปรสชัน
่
12. ข้อใดไม่มีคาภาษาไทยแทนคําภาษาต่างประเทศ (O-NET 50)
ํ
1. วัยรุ่ นส่ วนใหญ่ชอบร้องเพลงฮิตติดอันดับ
2. รัฐบาลมีโปรเจ็กต์พฒนาชนบทมากมาย
ั
3. พ่อค้ารับออร์ เดอร์ สั่งสิ นค้าจากอเมริ กา
4. ปัจจุบันอินเทอร์ เน็ตมีความจาเป็ นอย่ างยิง
่

บทที่ 4
การสร้ างคา
หน้ า 19
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

1. คาประสม หมายถึง การเอาคํามารวมกันให้เกิดความหมายใหม่ (คําประสม = คําต้น + คําเติม)
- คําประสมจะมีความหมายโดยตรงหรื อโดยนัยก็ได้
- คําประสมเกิดจากคําต่างชนิดรวมกันเมื่อปะสมกันแล้วอาจเป็ นคําชนิดเดิมหรื อชนิ ดใหม่ก็ได้
เช่น นํ้า(นาม) + พริ ก(นาม) = นํ้าพริ ก (นาม) ห่อ (กริ ยา) + หมก (กริ ยา) = ห่อหมก (นาม)
- ถ้าขึ้นต้นด้วย การ ของ เครื่ อง ความ ช่าง ชาว ผู ้ ที่ นัก หมอ มักเป็ นคําประสม
2. คาซ้ อน มี 2 ประเภท
2.1 คําซ้อนเพื่อความหมาย มี 3 ลักษณะ
(1) คําซ้อนที่เกิดจากการนําคําที่ความหมายเหมือนกันมาซ้อนกัน เช่น ใหญ่โต สวยงาม บ้านเรื อน
ทรัพย์สิน ข้ อสอบชอบออกคาซ้ อนภาษาไทยภาษาถิ่น เช่ น พัดวี ทองคํา เสื่ อสาด เป็ นต้น
(2) คําซ้อนที่เกิดจากการนําคําที่ความหมายคล้ ายกันมาซ้อนกัน เช่น เงินทอง เพชรพลอย หน้าตา แขน
ขา
(3) คําซ้อนที่เกิดจากการนําคําที่ความหมายตรงข้ ามกันมาซ้อนกัน เช่น เป็ นตาย ร้ายดี ถี่ห่าง
2.2 คําซ้อนเพื่อเสี ยง ต้องมีพยัญชนะต้นเป็ นเสี ยงเดียวกันโดยที่แต่ละคําจะมีความหมายหรื อไม่มีก็ได้
เช่น เกะกะ งอแง จอแจ เจี๊ยวจ๊าว เตาะแตะ ฟูมฟาย อึดอัด ฯลฯ
คําซ้อนจะมีความหมาย กว้างขึ้นแคบลง คงเดิม หรื อเปลี่ยนไปก็ได้
3. คาซ้า หมายถึง การใช้คาเดิมซํ้ากันสองครั้ง คําที่ใช้ซ้ าสามารถแทนด้วยไม้ยมก (ๆ) ได้
ํ
ํ
ความหมายของคําซํ้า ได้แก่ บอกลักษณะ บอกพหูพจน์ เพิ่มจํานวน บอกความถี่(ความต่อเนื่ อง) ไม่เจาะจง
อ่อนลง เน้นยํ้า เปลี่ยนความหมาย
4. คาสมาส เป็ นการสร้างคําแบบบาลีลนสกฤต โดยแบ่งเป็ น 2 วิธี คือ สมาสแบบไม่มีสนธิ (ชนคํา) และสมา
ั
แบบมีสนธิ (เชื่อมคํา)
กฎของคําสมาสมี 3 ข้อ
1. คําที่นามาสมาสกันต้องเป็ นคําบาลีสัสนกฤตเท่านั้น
ํ
2. แปลความหมายจากหลังไปหน้า
3. อ่านออกเสี ยงต่อเนื่องระหว่างคํา
4.1 คาสมาสแบบไม่ มีสนธิ (ชนคา)
เช่น คุณธรรม (คุณ+ธรรม) ราชการ (ราช +การ) สัตวแพทย์(สัตว์ + แพทย์) ชีววิทยา (ชีวะ+วิทยา)
ถ้าเจอคําใดที่ ลงท้ายด้วย ธรรม ศาสตร์ สถาน ศึ กษา กิ จ กรรม วิทยา กร ภาพ ศิ ลป์ การ ภัย = มักเป็ น
คําสมาสแบบไม่มีสนธิ
4.2 คาสมาสแบบมีสนธิ (เชื่อมคา) ***โจทย์เน้นเฉพาะ สระสนธิ เท่านั้น
1. สระสนธิ เช่ น ชลาลัย (ชล+อาลัย) ปรมินทร์ (ปรม+อินทร์ ) ราชู ปถัมภ์ (ราช+อุปถัมภ์) จุฬาลงกรณ์
(จุฬา +อลงกรณ์) สุ ริโยทัย (สุ ริยะ+ อุทย)
ั
หน้ า 20
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

2. พยัญชนะสนธิ จําเป็ นคําไปเลยเพราะมีแค่ไม่กี่คา ได้แก่ พรหมชาติ อาตมภาพ รโหฐาน มโนภาพ
ํ
เตโชธาตุ นิรทุกข์ นิรภัย ทุรชน ทรชน ฯลฯ
3. นิคหิ ตสนธิ สังเกตคําที่ข้ ึนต้นด้วย สง สัง สัม สัญ สัณ สมา สมุ สโม

ตัวอย่ างข้ อสอบบทที่ 4 เรื่องการสร้ างคา
หน้ า 21
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

1. คําประสมทุกคําในข้อใดมีโครงสร้างเหมือนคําว่า “เครื่ องซักผ้า” (O-NET 50)
1. ผ้าขาวม้า หม้อหุงข้าว
2. แปรงสี ฟัน ตูกบข้าว
้ั
3. รถไถนา นํ้าพริ กเผา
4. ยาหยอดตา ไม้ จิมฟัน
้
2. ข้อใดเป็ นคําประสมทุกคํา (O-Net 49)
1. บ้านเรื อน พ่อแม่
ลูกหลาน
2. ขาดเหลือ บ้านนอก
อ้วนพี
3. ห่อหมก
ชัวดี
บ้านพัก
่
4. กล้วยไม้
เสื้อคลุม
แผ่นเสี ยง
3. ข้อความต่อไปนี้มีคาประสมจํานวนเท่าใด (ไม่นบคําซํ้า)
ํ
ั
“ปั จจุบนสิ นค้าต่าง ๆ ที่ขายได้ ไม่ได้ขายด้วยคุณภาพอย่างเดียวแล้ว แต่ขายด้วยภาพลักษณ์ ที่ดีดวย
ั
้
นันหมายความว่าห้างนั้นบริ ษทนั้นมี ชื่อเสี ยงดี มี สินค้าดี มี ภูมิหลังดี และสิ นค้านั้นเป็ นที่ น่าเชื่ อถื อใน
ั
่
วงการค้า”
1. 4 คํา
2. 5 คํา
3. 6 คา
4. 7 คํา
4. ข้อความต่อไปนี้มีคาซ้อนกี่คา (O-Net 49)
ํ
ํ
การระเบิดของภูเขาไฟทําให้หินร้อนจากใต้พิภพดันตัวขึ้นมาเหนื อผิวโลก ก่อให้เกิดคลื่น
ยักษ์ถาโถมเข้าทําลายบ้านเรื อนและชี วิต ท้องทะเลปั่ นป่ วน ท้องฟ้ ามืดมิดทําให้ผคนหวาดกลัวคิด
ู้
ว่าโลกจะแตก
1. 4 คํา
2. 5 คํา
3. 6 คา
4. 7 คํา
5. ข้อใดไม่มีคาซ้อน (ฉบับตุลาคม 2546)
ํ
1. ธรรมดาเกิดมาเป็ นสตรี ชัวดีคงได้คู่มาสู่ สม
่
ั
2. ตาปะขาวเฒ่าแก่แซ่กนมา พร้อมนังปรึ กษาที่วดนั้น
ั
่
3. ได้ถือนํ้าพระพิพฒน์สัจจา จะหลบลี้หนีหน้าไปทําไม
ั
4. แสนรโหโอฬาร์ น่าสบาย หญิงและชายต่ างกลุ้มประชุ มกัน
6. ข้อใดไม่มีคาซ้อน (๒/๒๕๔๕)
ํ
1. หน้าตาของสลวยดูสดใสขึ้นเมื่อทราบข่าวคนรักของเธอ
2. สาลินไม่รู้จกมักคุนกับอัศนียแต่เขาก็มาชวนเธอทํางาน
ั
้
์
3. รจนาตกอยู่ในวังวนของความทุกข์ ทดูจะหาทางออกไม่ ได้
ี่
4. กนกเรขาไม่เดือดร้อนที่คนเข้าใจผิดเรื่ องการทํางานของเธอ
7.ข้อใดเป็ นคําซ้อนทุกคํา(A-NET 50)
1. ลอดลายมังกร สิ งห์สาราสัตว์ นํ้าท่า
2.โมโหโกรธา ดั้งเดิม ปางก่อน
3.เสกสรร เก็บงา บาปบุญคุณโทษ
4.วิชาความรู ้ ข้าวปลาอาหาร แม่ไม้มวยไทย
8.ข้อใดมีคาที่สลับคําแล้วไม่เป็ นคําซ้อน(A-NET 50)
ํ
1. ปนปลอม ยียวน
2. ร่ อนเร่ เลือนราง
หน้ า 22
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

3. ทนทาน โลมเล้า
4. กลับกลอก ลอกเลียน
9. ข้อใดไม่มีคาซ้อน (O-NET 50)
ํ
1. กินข้าวเสร็ จแล้วต้องช่วยกันเก็บถ้วยชามให้เรี ยบร้อย
2. ประชาชนกําลังยื้อแย่งกันซื้ อเสื้ อเหลืองที่เมืองทองธานี
3. เด็กวัยรุ่ นทุกวันนี้ชอบกินเหล้าเมายาประพฤติตนเหลวแหลก
4. รัฐบาลยอมให้ ราคานามันลอยตัวได้ จึงทาให้ นามันมีราคาแพง
้
้
10. ข้อใดมีท้ งคําซ้อนและคําประสม (A-Net 49)
ั
1. ของของใคร ของใครก็ห่วง ของใครใครก็ตองหวง ห่วงใยรักใคร่ ถนอม
้
2. ชอบไหม ชอบไหม รู ปร่ างหน้าตาอย่างนี้ ถามหน่อยเถอะพี่ ชอบไหม ชอบไหม
3. น้ องเปิ้ ลน่ ารัก น้ องเปิ้ ลน่ ารัก ผมเหงาอ้ างว้ างเปล่ าเปลียว ผมอยู่คนเดียวในความมืด
่
4. ไก่ไหมครับไก่ ซื้ อไหมครับ จะกลับแล้วไก่ ไก่ขายถูกถูกแถมกระดูกกับไม้เสี ยบไก่
11. ข้อใดไม่ ใช้คาซํ้า (A-Net 49)
ํ
1. มีความเหงาเยียบเย็นเป็ นที่อยู่
วันวันรับรู ้การไหลผ่าน
2. เยียมเยียมมองมองแล้วร้องว่า
่ ่
อะไรนี่บ่นบ้าน่าหนวกหู
3. สงสารใจใจเจ้ าเอ๋ยไม่ เคยว่าง
ทุกก้ าวย่ างหยุดใจไม่ ได้ หนอ
4. ปูนอยน้อยวิงร่ อยตามริ มหาด
้
่
ทั้งสองมาดหมายตะครุ บปุบเปิ ดหาย
12. คําซํ้าในข้อใดไม่สามารถใช้เป็ นคําเดี่ยวได้ (O-NET 50)
1. กับข้ าวพืน ๆ ใครก็ทาได้
้
2. แท็กซี่ คนไหน ๆ ก็ไม่รับฉันสักคัน
ั
3. หาซื้ อเมล็ดพันธุ์ดี ๆ มาเพาะปลูก
4. จุดตะเกียงกระป๋ องเล็ก ๆ ท่องหนังสื อ
13. คําซํ้าในข้อใดมีความหมายต่างจากข้ออื่น (ฉบับตุลาคม 2546)
1. น้อยมีเสื้ อผ้าสวยเป็ นตูๆ
้
2. เมื่อตอนเด็กๆ ฉันไม่ ชอบว่ายนา
้
3. ฉันเห็นทหารเดินมาเป็ นแถวๆ
4. เขาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในวันอาทิตย์

14. ข้อใดเป็ นคําสมาสทุกคํา (ฉบับตุลาคม 2546)
1. พลความ นาฏศิลป์ สรรพสัตว์
2. ชลบุรี ธนบัตร พิธีกร
หน้ า 23
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

3. ราชดําเนิน สหกรณ์ ชีวประวัติ
4. ยุทธวิธี คริ สตจักร เอกภาพ
15. ข้อใดไม่ มีคาสมาส (O-Net 49)
ํ
1. ในลักษณ์น้ นว่าปั จจามิตร
ั
มาตั้งติดดาหากรุ งใหญ่
2. ผงคลีมืดคลุ้มโพยมบน
บดบังสุ ริยนในท้ องฟา
้
3. ตรัสขาดว่าราชบุตรี
จรกาธิ บดีมากล่าวขาน
4. เกียรติยศจะไว้ในธรณิ นทร์
จนสุ ดสิ้ นดินแดนแผ่นฟ้ า
16. ข้อใดไม่มีคาสมาส (O-NET 50)
ํ
1. บทความบางเรื่องมีแผนภูมิประกอบ
2. คณะนาฏศิลป์ ไทยไปแสดงต่างประเทศ
3. หนังสื อที่มีอายุครบ 50 ปี แล้วไม่มีค่าลิขสิ ทธิ์
4. ทหารที่สละชีพเพื่อชาติได้รับการยกย่องให้เป็ นวีรบุรุษ
17. ข้อใดเป็ นคําสมาสที่มีสนธิทุกคํา (O-NET 50)
1. โลกาภิวตน์ เอกภพ ศานติสุข
ั
2. สิ งหาสน์ วชิ ราวุธ นิลุบล
3. ฉัพพรรณรังสี อิทธิ ฤทธิ์ ปริ ศนา
4. มโหฬาร เจตนารมณ์ เบญจเพส
18. ข้อใดเป็ นคําสมาสที่มีสนธิทุกคํา (1/2547)
1. ทิวากร อมริ นทร์ รัตติกาล
2. สรรพางค์ ธันวาคม อรัญวาสี
3. กุศโลบาย มิจฉาทิฐิ บุญญาธิการ 4. ธรรมาสน์ มหัศจรรย์ อรุ โณทัย
19. การสร้างคําในข้อใดมีลกษณะต่างจากข้ออื่น (A-Net 49)
ั
1. อุทกภัย
คณิ ตศาสตร์
มนุษยชาติ
2. กาลเทศะ ธุ รกิจ
แพทยศาสตร์
3. อุณหภูมิ
เทพบุตร
ประวัติศาสตร์
4. ภัตตาคาร อรุ โณทัย
วชิ ราวุธ
20. ข้อใดมีคาที่เกิดจากการสร้างคํามากชนิดที่สุด (ฉบับตุลาคม 2546)
ํ
1. ผู้สูงอายุควรรู้ จักดูแลสุ ขภาพให้ แข็งแรง
2. ใบหน้ายิมแย้มของเธอทําให้ความโกรธของเราเบาบางลง
้
3. ถ้าอยากเป็ นคนน่ารักอย่างไทย จิตใจควรงามและเป็ นธรรม
่
4. หัวใจของศาสนาพุทธคือละชัว ทําดี และทําจิตใจให้ผองแผ้ว
่

บทที่ 5
ระบบประโยคในภาษาไทย
หน้ า 24
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ประโยค คือ การนําถ้อยคํามาเรี ยงกันอย่างเป็ นระเบียบ และมีเนื้อความครบถ้วนสมบูรณ์
โครงสร้ างของประโยค
ภาคประธาน
ประธาน

ขยายประธาน

+

ภาคแสดง
กริยา

กรรม

ขยายกรรม

ขยายกริยา

่
เช่น นกน้อยสองตัว กําลังบินอยูบนท้องฟ้ า
ตํารวจร่ างใหญ่ จับคนร้ายคนนั้น
การเน้ นประโยค
การเน้ นรู ปแบบประโยค หมายถึง การวางรู ปแบบของคําในประโยค
เรี ยกตามการวางชนิดของคําที่ทาหน้าที่ในประโยค มี 4 ชนิด คือ
ํ
1. ประโยคเน้ นประธาน
คือ การวางส่ วนผูกระทําไว้ส่วนต้นของประโยค
้
เช่น แดงเล่นฟุตบอล
โรงเรี ยนนี้มีนกเรี ยนน่ารักจํานวนมาก
ั
แมวตัวนั้นกระโดดสู งมาก
2. ประโยคเน้ นกรรม
คือ การวางส่ วนผูถูกกระทําไว้ส่วนต้นของประโยค
้
เช่น ขนมเค้กนี้แม่ทาให้ฉน
ํ ั
รถยนต์ลางเสร็ จแล้ว
้
ป้ าถูกแมวกัด
3. ประโยคเน้ นกริยา
คือ การวางกริ ยา 3 คํา มี เกิด ปรากฏ ไว้ส่วนต้นของประโยค
เช่น มีขาวในนา
้
เกิดฟ้ าผ่าเมื่อวาน
ปรากฏนํ้าท่วมภาคใต้
4. ประโยคมีผ้ ูรับใช้
คือ ประโยคประธาน หรื อกรรม มีผรับใช้ เข้ามาแทรก
ู้
เช่น คุณพ่อให้ฉนล้างรถ
ั
ครู ใหญ่บอกให้นกเรี ยนเข้าเรี ยน
ั
เจตนาของประโยค
ประโยคแบ่งตามเจตนาได้ 3 ประเภท คือ
1. ประโยคแจ้ งให้ ทราบ
หมายถึง ประโยคที่ผส่งสารมีเจตนาในการเล่าเรื่ องใดเรื่ องหนึ่ง เป็ นการกล่าวทัวไป
ู้
่
หน้ า 25
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

เช่น นักเรี ยน ม.6 ของโรงเรี ยนนี้ น่ารักทุกคน
ผูหญิงสวมเสื้ อสี ฟ้าเป็ นน้องสาวของฉัน
้
หนังสื อเล่มนี้ราคาแพงมาก
2. ประโยคถามให้ ตอบ
หมายถึง ประโยคที่ผส่งสารมีเจตนา ในการถามเพื่อให้อีกฝ่ ายตอบ
ู้
เช่น ใครไม่ชอบวิชาภาษาไทยบ้าง
คุณจะไปเรี ยนต่อที่ไหน
อะไรที่เธอต้องการบ้าง
3. ประโยคบอกให้ ทา
หมายถึง ประโยคที่ผส่งสารมีเจตนา ให้ผรับสารปฏิบติตามความต้องการของตน
ู้
ู้
ั
่
มักอยูในรู ปแบบ คําสั่งขอร้อง อ้อนวอน แนะนํา ตักเตือน และสั่งห้าม
เช่น ห้ามเดินลัดสนาม
คุณไปดูหนังกับฉันเย็นนี้นะ
ตอนกลับอย่าลืม ซื้ อโจ๊กมาฝากด้วย
ชนิดของประโยค
1. ประโยคความเดียว
คือ ประโยคที่มีใจความเพียงหนึ่ง มีภาคประธาน และภาคแสดงอย่างละ 1 ส่ วน
ข้ อสั งเกต ประโยคความเดียวจะมีกริ ยาสําคัญเพียงตัวเดียว
เช่น ป้ าตัดผม
คุณพ่อของเธอเป็ นตํารวจใจดี
โปรดทิงขยะลงถัง
้
2. ประโยคความรวม
คือ การนําประโยคความเดียวตั้งแต่สองประโยคขึ้นไปมารวมกัน มักใช้คาสันธานเป็ นตัวเชื่อม
ํ
แบ่งเป็ น 4 ชนิด ดังนี้
2.1 ประโยคความรวมแบบคล้อยตามกัน
เช่น
ปรี ชาทํางานเสร็ จแล้วเขาก็รีบกลับบ้าน
พอโรงเรี ยนเลิก เธอก็รีบกลับบ้าน
2.2 ประโยคความรวมแบบขัดแย้งกัน
เฃ่น
กว่าเธอจะมาถึงเขาก็หลับพอดี
น้องชอบดูหนัง แต่พี่ชอบฟังเพลง
แม้เธอจะไม่สวยแต่ก็มีเสน่ห์
2.3 ประโยคความรวมแบบเป็ นเหตุเป็ นผล
เช่น
เพราะฝนตกหนักจึงเกิดนํ้าท่วม
นิตยาเป็ นคนจูจ้ ีลูก ๆ เลยไม่ค่อยรัก
้
อารี หิวมากเธอก็เลยทานข้าวสองจาน
2.4 ประโยคความรวมแบบให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
หน้ า 26
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

เธอควรเลือกระหว่างฉันหรื อไม่ก็เขา
ไม่ลุงก็ป้าต้องให้ของขวัญแก่ฉนแน่ ๆ
ั
จะดูหนังสื อหรื อฟังเพลงก็เลือกเอาสักอย่างสิ
ข้ อควรระวัง
ออกสอบทุกปี
คนรู ปหล่อสวมเสื้ อขาว
่
คนรู ปหล่อสวมเสื้ อขาว ยืนสอนหนังสื ออยูหน้าห้อง
่
คนรู ปหล่อยืนสอนหนังสื ออยูหน้าห้อง
เช่น

เด็กซนว่ายนํ้า
เด็กซนว่ายนํ้าไปเกาะเรื อ
เด็กซนไปเกาะเรื อ
ปู่ นอนอย่างมีความสุ ข
ปู่ นอนฟังเพลงอย่างมีความสุ ข
ปู่ ฟังเพลงอย่างมีความสุ ข
3. ประโยคความซ้ อน
คือ ประโยคที่มีประโยคย่อยทําหน้าที่ขยายประโยคหลัก แบ่งเป็ น 2 ชนิด คือ
3.1 ประโยคย่อยทําหน้าที่หน่วยนาม (หน่วยนาม = นาม นามวลี สรรพนาม สรรพนามวลี = ประธาน
กรรม ส่ วนเติมเต็ม ของประโยค) จะมีประพันธสรรพนาม ผู้ ,ที่, ซึ่ง, อัน เชื่อม
เช่น
คุณป้ าใส่ นาฬิกาที่คุณลุงซื้ อให้ แมวตัวที่ขโมยปลาถูกจับได้แล้ว
รถเมล์ซ่ ึ งเธอรอเกือบสองชัวโมงมาถึงแล้ว
่
3.2 ประโยคย่อยทําหน้าที่ขยายหน่วยกริ ยา (กริ ยา กริ ยาวลี) จะมี “ที,ว่า” เชื่อม
ซึ่งทําหน้าที่ขยายกริ ยาหรื อวิเศษณ์
เช่น ผมยินดีดวยทีคุณได้รับรางวัล แม่บอกว่าพ่อจะมารับไปเที่ยวภูเก็ต
้ ่
ข้ อควรจา
ระวังประโยคที่ไม่จบความ ไม่ถือว่าไม่เป็ นประโยค เช่น
รถยนต์คนที่ชนเด็กนักเรี ยน (ขาดภาคแสดง)
ั
่
ขณะที่เธอเดินอยูบนถนนอย่างเหม่อลอย (ประโยคไม่จบความ)
พ่อขุนรามคําแหงมหาราชกษัตริ ยแห่งกรุ งสุ โขทัยองค์ที่ 3 (ขาดภาคแสดง)
์

ตัวอย่ างข้ อสอบบทที่ 5 เรื่องระบบประโยคในภาษาไทย
1. ข้อใดเป็ นประโยคสมบูรณ์ (O-Net 49)
หน้ า 27
เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

1. ภาษาไทยพัฒนามาตลอดเวลา
2. ประเทศชาติบานเมืองของเรา
้
3. เด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวคนนั้น
4. ทะเลสาบข้างหมู่บานเจ้าพระยา
้
2. ข้อใดเป็ นประโยคสมบูรณ์ (O-NET 50)
1. การแต่งกายตามสมัยหรื อตามแฟชันของวัยรุ่ น
่
2. มีข่าวโรคไข้ หวัดนกระบาดในหลายจังหวัดของไทย
3. บุคลิกภาพหรื อชื่อเสี ยงของผูพดและการยอมรับจากผูฟัง
้ ู
้
4. ความเชื่อสิ่ งศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริ ย ์ ตลอดจนเรื่ องไสยศาสตร์
3. ข้อใดเป็ นประโยคไม่ สมบูรณ์ (A-Net 49)
1. ร้านสวยรับสั่งทําเพชรทุกชนิดด้วยฝี มือดีและงานประณี ต
2. โรงแรมเบิร์ดพาราไดซ์ หรู แบบมีสไตล์ ห้องพักสะอาด บริ การดี
3. ร้ านเอก ศูนย์ รวมวัสดุก่อสร้ างครบวงจรทีใหญ่ ทสุดในพิษณุโลก
่
ี่
4. พลอยเพชรศูนย์ศลยกรรมความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง มีแพทย์ผเู ้ ชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ั
4.กลุ่มคําในข้อใดเป็ นนามวลีท้ งหมด (A-Net 49)
ั
1. นกบนต้นไม้
วิงออกกําลังกาย
ข้างหลังภาพ
่
2. โรงเรี ยนของเรา
สู งเทียมฟ้ า
วิมานดิน
3. ผู้บริหารโรงเรียน
นายกสมาคม
ทหารประจาการ
4. ฟ้ าเพียงดิน
สุ ดแดนสยาม
เด็กเลี้ยงแกะ
5.ในข้อความนี้มีประโยคที่สมบูรณ์กี่ประโยค(A-NET 50)
่
พิธีกระทําสัตย์สาบานต่อกษัตริ ยน้ ี เป็ นพิธีของศาสนาพราหมณ์ที่ได้เข้าไปมีบทบาทอยูในราชสํานักของ
์
กษัตริ ยรัฐสังคมทาสของสมัยนครหลวง
์
1. 1 ประโยค
2. 2 ประโยค 3. 3 ประโยค
4. 4 ประโยค
6. ข้อความต่อไปนี้มีกี่ประโยค (A-Net 49)
ปั จจุบนหมู่บานบ่อเหล็กนํ้าพี้ได้เปิ ดพิพิธภัณฑ์ให้นกท่องเที่ยวเข้าชมการตีเหล็กซึ่ งใช้วตถุดิบ
ั
้
ั
ั
ในท้องถิ่น ทางหมู่บานได้มีการรวมกลุ่มกันเปิ ดโรงทํามีดเหล็กนํ้าพี้โบราณ ทั้งดาบอาคม มีดหมอ
้
มีดตัดลู กนิ มิต และมี ดใช้สอย ท่านจะหาชมการตี มีดได้ทวไปในหมู่บานบ่อเหล็กนํ้าพี้ จังหวัด
ั่
้
อุตรดิตถ์
1. 1 ประโยค 2. 2 ประโยค
3. 3 ประโยค
4. 4 ประโยค
7. ข้อใดเป็ นประโยคคําถาม (O-Net 49)
1. อะไรฉันก็กินได้ท้ งนั้น
ั
2. เธอนันเอง ฉันนึกว่าใครเสี ยอีก
่
3. ทาไมเธอไม่ อ่านคาสั่ งให้ ดีเสี ยก่อน4. เมื่อไรเขาจะมาก็ไมรู ้
8. ประโยคในข้อใดต้องการคําตอบ (A-Net 49)
1. ไหนจะเก่งเหมือนเธอล่ะ
2. อะไร เธอจะให้ ฉันอยู่คนเดียวจริง ๆ หรือ
3. ใครอยากไปก็ไปได้
4. ทําไมฉันจะต้องบอกเธอด้วย
หน้ า 28
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net

More Related Content

What's hot

การจัดทำรายงาน
การจัดทำรายงานการจัดทำรายงาน
การจัดทำรายงานChainarong Maharak
 
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์Weerachat Martluplao
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559Pinutchaya Nakchumroon
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒Manas Panjai
 
Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)
Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)
Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)khon Kaen University
 
บท2การศึกษาชีววิทยา
บท2การศึกษาชีววิทยาบท2การศึกษาชีววิทยา
บท2การศึกษาชีววิทยาWichai Likitponrak
 
คำสมาส สนธิ
คำสมาส สนธิ คำสมาส สนธิ
คำสมาส สนธิ Rodchana Pattha
 
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 02. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0Preeyaporn Chamnan
 
รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1
รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1
รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1ประกายทิพย์ แซ่กี่
 
Tbl ครั้งที่ 4
Tbl ครั้งที่ 4Tbl ครั้งที่ 4
Tbl ครั้งที่ 4Pianolittlegirl
 
โครงเรื่อง
โครงเรื่องโครงเรื่อง
โครงเรื่องjustymew
 

What's hot (20)

การจัดทำรายงาน
การจัดทำรายงานการจัดทำรายงาน
การจัดทำรายงาน
 
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559
 
ระบบเสียงและอวัยวะในการออกเสียงในภาษาไทย
ระบบเสียงและอวัยวะในการออกเสียงในภาษาไทยระบบเสียงและอวัยวะในการออกเสียงในภาษาไทย
ระบบเสียงและอวัยวะในการออกเสียงในภาษาไทย
 
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๖ ชุด ๒
 
Ijs obio62 testing
Ijs obio62 testingIjs obio62 testing
Ijs obio62 testing
 
Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)
Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)
Bloom’s Taxonomy for Designing Achievement Test (in Thai)
 
บท2การศึกษาชีววิทยา
บท2การศึกษาชีววิทยาบท2การศึกษาชีววิทยา
บท2การศึกษาชีววิทยา
 
คำสมาส สนธิ
คำสมาส สนธิ คำสมาส สนธิ
คำสมาส สนธิ
 
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 02. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
2. ข้อสอบ o net - วิทยาศาสตร์ (มัธยมปลาย) 0
 
มรนว ค่านิยม 12 ประการ
มรนว ค่านิยม 12 ประการมรนว ค่านิยม 12 ประการ
มรนว ค่านิยม 12 ประการ
 
รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1
รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1
รายวิชา กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ 1
 
การสร้างคำ
การสร้างคำการสร้างคำ
การสร้างคำ
 
ภูมิศาสตร์กายภาพประเทศไทย
ภูมิศาสตร์กายภาพประเทศไทยภูมิศาสตร์กายภาพประเทศไทย
ภูมิศาสตร์กายภาพประเทศไทย
 
Tbl ครั้งที่ 4
Tbl ครั้งที่ 4Tbl ครั้งที่ 4
Tbl ครั้งที่ 4
 
Afasia livro fono
Afasia livro fonoAfasia livro fono
Afasia livro fono
 
โครงเรื่อง
โครงเรื่องโครงเรื่อง
โครงเรื่อง
 
การโต้วาที
การโต้วาทีการโต้วาที
การโต้วาที
 
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทยใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
 

Viewers also liked

กาพย์เห่เรือ เห่ชมปลา
กาพย์เห่เรือ เห่ชมปลากาพย์เห่เรือ เห่ชมปลา
กาพย์เห่เรือ เห่ชมปลาSmile Petsuk
 

Viewers also liked (10)

5.2 google appsforedu activities
5.2 google appsforedu activities5.2 google appsforedu activities
5.2 google appsforedu activities
 
นวัตกรรมเลขยกกำลังชุดที่ 1
นวัตกรรมเลขยกกำลังชุดที่ 1นวัตกรรมเลขยกกำลังชุดที่ 1
นวัตกรรมเลขยกกำลังชุดที่ 1
 
บทคัดย่อวิจัย การพัฒนา แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียน.Docx
บทคัดย่อวิจัย การพัฒนา แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ  สำหรับนักเรียน.Docxบทคัดย่อวิจัย การพัฒนา แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ  สำหรับนักเรียน.Docx
บทคัดย่อวิจัย การพัฒนา แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียน.Docx
 
ประกาศโรงเรียนประชาบำรุง
ประกาศโรงเรียนประชาบำรุงประกาศโรงเรียนประชาบำรุง
ประกาศโรงเรียนประชาบำรุง
 
หลากหลายวิธีการใช้ Ict เพื่อการเรียนการสอน
หลากหลายวิธีการใช้ Ict เพื่อการเรียนการสอนหลากหลายวิธีการใช้ Ict เพื่อการเรียนการสอน
หลากหลายวิธีการใช้ Ict เพื่อการเรียนการสอน
 
Online learning lms
Online learning lms Online learning lms
Online learning lms
 
กรอบนโยบายเทคโนโลยสารสนเทศและการสอสาร ระยะ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๓ ของประเทศไทย
กรอบนโยบายเทคโนโลยสารสนเทศและการสอสาร ระยะ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๓ ของประเทศไทยกรอบนโยบายเทคโนโลยสารสนเทศและการสอสาร ระยะ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๓ ของประเทศไทย
กรอบนโยบายเทคโนโลยสารสนเทศและการสอสาร ระยะ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๓ ของประเทศไทย
 
สมุนไพรแก้คันกันยุง
สมุนไพรแก้คันกันยุงสมุนไพรแก้คันกันยุง
สมุนไพรแก้คันกันยุง
 
ใบความรู้ หนังตะลุง ม52
ใบความรู้  หนังตะลุง ม52ใบความรู้  หนังตะลุง ม52
ใบความรู้ หนังตะลุง ม52
 
กาพย์เห่เรือ เห่ชมปลา
กาพย์เห่เรือ เห่ชมปลากาพย์เห่เรือ เห่ชมปลา
กาพย์เห่เรือ เห่ชมปลา
 

Similar to กวดวิชาภาษาไทย O net

ครั้ง๗
ครั้ง๗ครั้ง๗
ครั้ง๗vp12052499
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทยvp12052499
 
ติวเตรียมสอบ O net
ติวเตรียมสอบ O netติวเตรียมสอบ O net
ติวเตรียมสอบ O netvanichar
 
อักษรสามหมู่
อักษรสามหมู่อักษรสามหมู่
อักษรสามหมู่Piyarerk Bunkoson
 
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยพัน พัน
 
หลักภาษา
หลักภาษาหลักภาษา
หลักภาษาsukuman139
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรองMong Chawdon
 

Similar to กวดวิชาภาษาไทย O net (20)

ครั้ง๗
ครั้ง๗ครั้ง๗
ครั้ง๗
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
ติวเตรียมสอบ O net
ติวเตรียมสอบ O netติวเตรียมสอบ O net
ติวเตรียมสอบ O net
 
ประมวลปัญหาเฉลยบาลี
ประมวลปัญหาเฉลยบาลีประมวลปัญหาเฉลยบาลี
ประมวลปัญหาเฉลยบาลี
 
อักษรสามหมู่
อักษรสามหมู่อักษรสามหมู่
อักษรสามหมู่
 
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O netกวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
 
กวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O netกวดวิชาภาษาไทย O net
กวดวิชาภาษาไทย O net
 
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
 
หลักภาษา
หลักภาษาหลักภาษา
หลักภาษา
 
การสร้างคำ
การสร้างคำการสร้างคำ
การสร้างคำ
 
Korat
KoratKorat
Korat
 
สอนเสริมหลักภาษาไทย O netขยาย
สอนเสริมหลักภาษาไทย O netขยายสอนเสริมหลักภาษาไทย O netขยาย
สอนเสริมหลักภาษาไทย O netขยาย
 
ใบงาน
ใบงานใบงาน
ใบงาน
 
ใบงาน
ใบงานใบงาน
ใบงาน
 
ใบงาน
ใบงานใบงาน
ใบงาน
 
ใบงาน
ใบงานใบงาน
ใบงาน
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 

กวดวิชาภาษาไทย O net

  • 1. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ประมวลรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย 1. ภาษาศาสตร์ ประกอบด้วยด้วย -ลักษณะเฉพาะของภาษาไทย ข้อสอบประกอบด้วย ระบบเสี ยงในภาษาไทย พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ -พยัญชนะ มักถามเรื่ อง พยัญชนะต้นเดี่ยว พยัญชนะควบกลํ้า พยัญชนะท้าย มาตราตัวสะกดแม่ต่างๆ พยางค์เปิ ด พยางค์ปิด -สระ มักถามเรื่ องสระเสี ยงสั้น สระเสี ยงยาว สระประสม โดยมีตวลวงคือรู ปสระที่ไม่ตรงกับเสี ยงสระ ั ํ -วรรณยุกต์ มักให้ผนวรรณยุกต์ตามข้อความที่กาหนด ข้อควรระวังคือการตอบให้ตรงคําถาม ั โครงสร้ างของพยางค์ ความเหมือน ความแตกต่างของพยางค์ คําเป็ น - คําตาย -ธรรมชาติของภาษา การเปลี่ยนแปลงของภาษา ลักษณะเฉพาะของภาษาไทย -คําไทยแท้ – คํายืม (คําบาลี คําสันสกฤต คําเขมร คําต่างประเทศตระกูลยุโรป) -การสร้างคําการเพิ่มคํา คําประสม คําซ้อน คําซํ้า คําสมาสทั้งคําสมาสที่ไม่มีสนธิ และคําสมาสแบบมีสนธิ 2 หลักภาษา ข้อสอบมักออกเรื่ องความถูกต้องตามหลักภาษาไทย ประโยค กลุ่มคํา ประโยคสมบูรณ์ การเน้นประโยค(รู ปประโยค) เจตนาของประโยค โครงสร้างของประโยค ชนิดของประโยค (ความเดียว ความรวม ความซ้อน) ข้อบกพร่ องของประโยค ก. การใช้คาฟุ่ มเฟื อย / กะทัดรัด ํ ข. การใช้ภาษากํากวม / ชัดเจน ค. การวางส่ วนขยายผิดที่ ง. การใช้สานวนต่างประเทศ ํ จ. ความสัมพันธ์ของประโยค ฉ. ประโยคไม่ครบกระแสความ ช. การใช้คาผิดหน้าที่หรื อความหมายในประโยค ํ 3. การใช้ คา – สานวน และการใช้ โวหาร -การใช้คาให้ตรงกับความหมาย ํ -การใช้คาราชาศัพท์ ํ -ระดับของภาษา -หน้าที่และชนิดของคํา -การใช้คาเชื่อม ํ -การใช้สานวน ํ -การใช้โวหาร หน้ า 1
  • 2. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 4. วรรณคดีและความงามของภาษา -การสรรคํา การเล่นเสี ยง ลักษณะเด่นและศิลปะในการแต่งคําประพันธ์ -ฉันทลักษณ์ และลักษณเด่นของฉันทลักษณ์ (คําเอก คําโท คําครุ คําลหุ ) -การใช้ภาพพจน์ในวรรณคดีหรื อวรรณกรรม จินตภาพ -แนวคิด ค่านิยม ความเชื่ อที่ปรากฏในวรรณคดีหรื อวรรณกรรม ประเพณี สังคม วัฒนธรรมที่ปรากฏ ในวรรณคดีหรื อวรรณกรรม 5. การใช้ ภาษาเพือการแสดงความคิดและการแสดงออก ่ -ภาษาและเหตุผล -โครงสร้างของเหตุผล -การอนุมาน -การแสดงทรรศนะ -การโต้แย้ง -การโน้มน้าวใจ 6. การใช้ ภาษาไทย -การพูด ทั้งระหว่างบุคคลและการพูดในที่ประชุมชน การสัมภาษณ์ -การฟัง -การอ่าน เน้นการอ่านจับใจความและการตีความ -การเขียนเรี ยงความ ย่อความ จดหมาย ประกาศ -การประชุม -คุณธรรมและมารยาทในการสื่ อสาร -กลวิธีการเขียนอธิบาย การบรรยาย การพรรณนา เทศนาโวหาร สาธกโวหาร อุปมาโวหาร 7. เบ็ดเตล็ด -เครื่ องหมายวรรคตอน -การเขียนตัวสะกด การันต์ -การอ่านคํา -การใช้ลกษณนาม ั -การใช้พจนานุกรม ฯลฯ หน้ า 2
  • 3. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย บทที่ 1 ระบบเสี ยงในภาษาไทย ระบบเสี ยงในภาษาไทยมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ 1. รู ปสระ - เสี ยงสระ รู ปสระ เรี ยกว่า วิสรรชนีย ์ ะ า ิิ ่ ิ ่ ิ ๐ ิุ ิู ิั ิ็ เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เ ลากข้าง พินทุอิ ์ ฝนทอง ฟันหนู นิคหิต, หยาดนํ้าค้าง ตีนเหยียด ตีนคู ้ ไม้ผด ั ไม้ไต่คู ้ ไ ใ โ อ ย ว ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ประเภทของสระ 1. เสี ยงสระ (สระเดี่ยว มี 18 เสี ยง) สระเสี ยงสั้น (รัสสระ) /อะ/ /อิ/ /อึ/ /อุ/ /เอะ/ /แอะ/ /เออะ/ /เอาะ/ /โอะ/ เรี ยกว่า ไม้หน้า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า เรี ยกว่า ไม้มลาย ไม้มวน ้ ไม้โอ ตัว ออ ตัว ยอ ตัว วอ ตัว รึ ตัว รื อ ตัว ลึ ตัว ลือ สระเสี ยงยาว (ทีฆสระ) /อา/ /อี/ /อือ/ /อู/ /เอ/ /แอ/ /เออ/ /ออ/ /โอ/ หน้ า 3
  • 4. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2. สระประสม (สระเลื่อน) คือ การนําเสี ยงสระเดี่ยว 2 เสี ยงมาประสมกัน ได้แก่ /อิ/ + /อะ/ = /เอียะ/ /อี/ + /อา/ = /เอีย/ /อึ/ + /อะ/ = /เอือะ/ /อือ/ + /อา/ = /เอือ/ /อุ/ + /อะ/ = /อัวะ/ /อู/ + /อา/ = /อัว/ หมายเหตุ ทางภาษาศาสตร์ ถือว่า สระประสมเสี ยงสั้นเป็ นหน่วยเสี ยงเดียวกับเสี ยงยาว จึงถือว่าสระประสม มี 3 เสี ยง คือ /เอีย/ /เอือ/ /อัว/ ข้ อควรจา อา ไอ ใอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ เป็ นรู ปสระเกิน 2. รู ปพยัญชนะ - เสี ยงพยัญชนะ รู ปพยัญชนะ มี 44 รู ป คือ อักษรกลาง อักษรสู ง ก จ ฎฏ ดต บป อ อักษรเดี่ยว คฅ ฆ ชฌ ฑฒ ทธ พฟ ภ ซฮ ขฃ ฉ ฐ ถ ผฝ ศษส ห อักษรคู่ ง ญ ณ น ม ยรลวฬ เสี ยงพยัญชนะปรากฏได้ 2 ตาแหน่ ง ในพยางค์ คือ 1. เสี ยงพยัญชนะต้ น 1.1 เสี ยงพยัญชนะต้นเดี่ยว มี 21 เสี ยง คือ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. /ก/ /ค/ /ง/ /จ/ /ช/ /ซ/ /ย/ /ด/ /ต/ /ท/ /น/ 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. หน้ า 4 /บ/ /ป/ /พ/ /ฟ/ /ม/ /ร/ /ล/ /ว/ /ฮ/ /อ/
  • 5. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 1.2 เสี ยงพยัญชนะต้นประสม (เสี ยงควบกลํ้า) คือ พยางค์ที่มีเสี ยงพยัญชนะต้นสองตัวออกเสี ยงควบ กันในระบบเสี ยงภาษาไทย มี 5 ชุด คือ ร ล ว ข้ อควรระวัง ก กร กล กว คาควบไม่ แท้ จัดเป็ นเสียง พยัญชนะต้ นเสียงเดี่ยว ค คร คล คว เช่น จริง(จิง) สร้ าง(ส้ าง) ป ปร ปล  โทรม(โซม) เป็ นต้ น พ พร พล  ต ตร   2. เสี ยงพยัญชนะท้าย คือ เสี ยงพยัญชนะที่ทาหน้าที่เป็ นตัวสะกดมี 9 เสี ยง คือ ํ 1. /ก/ เช่น เลข โรค เมฆ ครก นาก ฯลฯ 2. /บ/ หรื อ /ป/ เช่น พบ ลาภ กบ จับ กราฟ ฯลฯ 3. /ด/ หรื อ /ต/ เช่น มด กาจ คช กฎ พุทธ ฯลฯ 4. /ง/ เช่น โมง หาง สู ง แกง กิ่ง ฯลฯ 5. /ม/ เช่น กรรม หาม ชิม ทํา สัมมนา ฯลฯ 6. /น/ เช่น การณ์ กลอน สัญญาณ เขิน ฯลฯ 7. /ย/ เช่น ชาย หน่อย รวย ได้ ใน ฯลฯ 8. /ว/ เช่น ขาว เลว แน่ว ชาย หิว ฯลฯ 9. /?/ หมายถึงพยางค์ที่เป็ นเสี ยงสั้น ลงเสี ยงหนักท้ายพยางค์ เช่น ชะ กะปิ สมาธิ 3. วรรณยุกต์ คือ ระดับเสี ยงสู งตํ่าของพยางค์ (tone) มี 4 รู ป 5 เสี ยง คือ ่ ิ รู ป เสี ยง สามัญ ้ ิ ๊ ิ ๋ ิ เอก โท ตรี จัตวา พยางค์ ปิด - พยางค์ เปิ ด พยางค์ ปิด คือ พยางค์ที่มีเสี ยงพยัญชนะท้าย เช่น กิน ข้าว ไหม ชิชะ จะจะ ชัยชนะ (มีเสี ยง /?/) พยางค์ เปิ ด คือ พยางค์ที่ไม่มีเสี ยงพยัญชนะท้าย เช่น มา หรื อ หนู โครงสร้ างของพยางค์ หมายถึง ส่ วนประกอบของแต่ละพยางค์ โดยพิจารณาจาก เสี ยงของพยัญชนะท้าย พยางค์ปิด หรื อพยางค์เปิ ด เสี ยงของพยัญชนะต้ น เดี่ยวหรื อควบกลํ้า เสี ยงของสระ สระสั้น สระยาว เสี ยงของวรรณยุกต์ เสี ยงสามัญ เอก โท ตรี จัตวา หน้ า 5
  • 6. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คาเป็ นคาตาย 1. คําเป็ น หมายถึง คําที่ประสมด้วยสระเสี ยงยาว หรื อคําที่มีเสี ยงสะกด แต่ยกเว้น แม่ กก กบ กด เช่น น้า ตี งู จง อาง ให้ เห็น 2. คําตาย หมายถึง คําที่ประสมด้วยสระเสี ยงสั้นและไม่มีเสี ยงสะกด รวมทั้งคําที่อยู๋ในแม่ กก กบ กด เช่น กระทะ มะระ ก็ บ่ ธ ณ เป็ ด กฎ ศพ อ้างอิง กาญจนา นาคสกุล. 2541. ระบบเสี ยงภาษาไทย. กรุ งเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วิชาการ,กรม กระทรวงศึกษาธิการ. 2541. วรรณลักษณ์วจารณ์ เล่มที่ 1. กรุ งเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว. ิ ตัวอย่างข้ อสอบบทที่ 1 เรื่องระบบเสี ยงในภาษาไทย 1. ข้อใดมีเสี ยงสระสั้น ทุกพยางค์ 1. นํ้าแข็ง นํ้าใจ นํ้าเชื่อม นํ้ามัน 2. นมข้น นมผง นมกล่อง นมสด 3. นงนุช นงเยาว์ นงคราญ นงลักษณ์ 4. นพเก้า นพคุณ นพเคราะห์ นพรัตน์ 2. ข้อใดมีจานวนพยางค์ที่ประกอบด้วยสระลดรู ปมากที่สุด ํ 1. กวนขนม ทุ่มทุน ทางขนาน 2. ปลดปลง ปกปอง ครบครัน ้ 3. ตกใจ สิ้ นเคราะห์ กราบกราน 4. เกรี้ ยวกราด กลบเกลื่อน เกรงกริ่ ง 3. ข้อใดไม่มีเสี ยงสระประสม 1. มโนมอบพระผู้ เสวยสวรรค์ 2. พูดมากเปล่าเปลืองปน ปดเหล้น 3. สิ่ งใดในโลกล้วน เปลี่ยนแปลง 4. คําแสลงเสี ยดแทงระคน คําหยาบ หยอกฤา 4. ข้อใดมีคาที่ประกอบด้วยเสี ยงสระประสมทุกคํา (2/2546) ํ 2. มัวหมอง เชื่อใจ เลิศลํ้า 1. เฟื้ องฟา ร่ารวย เสี ยหน้ า ้ 3. เปรี้ ยวปาก เกรอะกรัง พรํ่าเพรื่ อ 4. เรื่ องราว เพลี่ยงพลํ้า แท่นพิมพ์ 5. ข้อใดไม่มีสระประสม (O-NET 50) 1. ใครดูถูกผู้ชานาญในการช่ าง 2. ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่ อง 3. เหมือนคนป่ าคนไพรไม่รุ่งเรื อง 4. จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่ งวาจา หน้ า 6
  • 7. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 6.พยางค์ทายข้อใดมีเสี ยงสระตรงกับพยางค์ที่ขีดเส้นใต้ “จราจร จลาจล” (A-NET 50) ้ 1. ถนน ถนอม 2. ขนอน โขนง 3. ฉลอง ฉงน 4. สนม สนน 7. ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะต้นเดี่ยวซํ้ากันมากที่สุด (2/2546) 1. นุ่งยกนอกดอกวิเศษเกล็ดพิมเสน 2. โจงกระเบนประคดคาดไม่หวาดไหว 4. ข้างนอกใส่ ครุ ยกรองทองสําริ ด 3. บ้ างใส่ เสื้อส้ าระบับเข้ มขาบใน 8. ข้อใดมีจานวนเสี ยงพยัญชนะต้นเดี่ยวน้อยที่สุดโดยไม่นบเสี ยงซํ้า(A-NET 50) ํ ั 1. สุ ดสายตาข้าเห็นเป็ นทุกเวิง 2. ในโลกนี้มีอะไรเป็ นไทยแท้ ้ 3. ของไทยแน่ น้ ันหรือคือภาษา 4. ชลล้นเจิ่งแผ่นดินหมองร้องครวญครํ่า 9. ข้อใดมีท้ งอักษรควบและอักษรนํา (A-Net 49) ั 1. สงครามครานีหนัก ้ ใจเจ็บ ใจมา 2. เรี ยมเร่ งแหนงหนาวเหน็บ อกโอ้ 3. ลูกตายฤๅใครเก็บ ผีฝาก พระเอย 4. ผีจกเท้งที่โพล้ ั ที่เพล้ใครเผา 10. คําขวัญต่อไปนี้มีเสี ยงพยัญชนะสะกดกี่เสี ยง (ไม่นบเสี ยงซํ้า) ั “รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ช่วยกันต้านยาเสพติด” 1. 5 เสี ยง 2. 6 เสี ยง 3. 7 เสี ยง 4. 8 เสี ยง 11. ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะสะกดมากที่สุด (ไม่นบเสี ยงซํ้า) ั 1. จงรู ้จกรักษาคุณค่าหญิง ั 2. อย่าทอดทิ้งทางงามทุกความหมาย 3. แม้นราคีมีหมองต้องเสี ยดาย 4. จะอับอายออกนามคนหยามเรา 12. ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะท้ายพยางค์ทุกคํา (A-Net 49) 1. เขาทางานจนภารโรงปิ ดห้ อง 2. คุณยายเป็ นลมเมื่ออ่านจดหมายจบ 3. ต้นกล้วยริ มรั้วลวดหนามออกเครื อแล้ว 4. ภาคใต้ได้รับความเสี ยหายจากคลื่นยักษ์ 13.ข้อใดมีเสี ยงพยัญชนะท้ายน้อยที่สุดโดยไม่นบเสี ยงซํ้า(A-NET 50) ั ่ 1.จงจําไว้วาอนาคตที่สดใสต้องเริ่ มต้นเดี๋ยวนี้ ่ 2. จงมองหาโอกาสที่ซ่อนอยูในอุปสรรคที่เผชิญ 3.จงจาไว้ ว่าคาพูดทีอ่อนหวานช่ วยสมานใจได้ ดี ่ 4. จงวางดินสอกับกระดาษโน้ตไว้ขางโทรศัพท์ทุกเครื่ อง ้ หน้ า 7
  • 8. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 14. ข้อใดมีคาที่สะกดด้วยแม่กดมากที่สุด (O-Net 49) ํ 1. อุบัติเหตุอาจเกิดขึนเป็ นนิตย์ ในโอกาสวันสุ ดสั ปดาห์ ้ 2. งานเฉลิมฉลองพระเกียรติในวโรกาสการประสู ติพระโอรส 3. ขอตั้งสัจจะอธิ ษฐานยึดมันในชาติ ศาสน์ กษัตริ ยชวนิรันดร์ ์ ั่ ่ 4. ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่สามารถสกัดกั้นให้แคล้วคลาดปราศจากอุปัทวันตรายได้ 15. ข้อใดมีเสี ยงวรรณยุกต์ครบห้าเสี ยง (O-Net 49) 1. โง่ไม่เป็ นใหญ่ยากฝากให้คิด 2. ทางชี วตจะรุ่ งโรจน์ โสตถิผล ิ 3. ต้องรู ้โง่ฉลาดปราดเปรื่ องตน 4. โง่สิบหนดีกว่าเบ่งเก่งเดี๋ยวเดียว 16. ข้อใดมีเสี ยงวรรณยุกต์ครบ 5 เสี ยง (O-NET 50) 1. เจ้ าคุมแค้ นแสนโกรธพิโรธพี่ 2. แต่เดือนยียางเข้าเดือนสาม ่่ 3. จนพระหน่อสุ ริยวงศ์ทรงพระนาม 4. จากอารามแรมร้างทางกันดาร 17. เสี ยงวรรณยุกต์ขอใดต่างกับข้ออื่น(A-NET 50) ้ 1. ทรงธรรมลํ้ามะนุษ2. ฤทธิรุทมหาศาล 3. บําเพ็ญพะลีการ 4. ทุกอย่ างงามตามวิสัย 18. คําคู่ใดต่างกันเฉพาะเสี ยงสระเท่านั้น (A-Net 49) 1. ทรัพย์ - ทราบ 2. เนิบ - นับ 3. หมั้น - ม่ าน 4. โชค - ชัก 19. เสี ยงของพยางค์ในข้อใดมีโครงสร้างต่างกับข้ออื่น (ข้อสอบ O NET 2551) 1. ขวาน 2. หลาม 3. เผย 4. ฝูง 20. คําในข้อใดมีโครงสร้างพยางค์เหมือนกันทั้งสองคํา 1. ตั้งร้าน 2. ข้างขึ้น 3. คล่องแคล่ว 4. ทรุ ดโทรม 21. ข้อใดมีคาตายมากที่สุด ํ (A-Net 49) 1. ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์ 2. เรื องจรัสยิงมกุฎสุ ดสง่า ่ 3. ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์ 4. ที่สถิตอานุภาพสโมสร 22. ข้อใดมีคาตายน้อยที่สุด (1/2546) ํ 1. ทั้งไพร่ นายรายเรียงกันเรียดไป ตัดใบไม้ มุงเหมือนหลังคาบัง ่ 2. พระเปรมปรี ด์ ิดีใจอยูในพักตร์ มิให้ประจักษ์คนทั้งหลาย 3. คําโบราณท่านผูกถูกทุกสิ่ ง เขาว่าลิงจองหองมันพองขน 4. เสพอาหารหวานคาวเมื่อคราวยาก ล้วนของฝากเฟื่ องฟูค่อยชูชื่น หน้ า 8
  • 9. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 23. ทุกพยางค์ในข้อใดเป็ นคําเป็ น (O-NET 50) 1. พระเสด็จโดยแดนชล 3. เรือชัยไวว่องวิง ่ 2. ทรงเรื อต้นงามเฉิดฉาย 4. รวดเร็ วจริ งยิงอย่างลม ่ บทที่ 2 การใช้ คา คาและความหมาย คําในภาษาไทยมีความหมายกว้างและแคบไม่เท่ากัน เช่น ดอกไม้ มีความหมายกว้าง แต่ ดอกกุหลาบ มี ความหมายแคบ นอกจากนี้ความหมายของคําแบ่งออกเป็ น 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. คาทีมีความหมายตรง คือ แปลความหมายตามพจนานุกรม มี 2 ลักษณะ คือ ่ 1.1 คําที่มีความหมายเดียว เช่น ตกลง หมายถึง ยินยอมพร้อมใจกัน ผลัด หมายถึง เปลี่ยน ่ แกน หมายถึง วัตถุแข็งที่อยูส่วนกลาง โก่ง หมายถึง ทําให้โค้ง 1.2 คําที่มีหลายความหมาย เช่น ขัน ผลัด หมายถึง ภาชนะตักนํ้า ” ทําให้ตึง ” แข็งแรง ขึ้น หมายถึง เน่าพอง (ศพขึ้ น) ” อ่อนน้อม สังกัด (เมืองขึ้น) ” ผุดโผล่ (ตะวันขึ้น) ” งอก (ต้นไม้ข้ ึน) ” เพิ่ม (ขึ้ นราคา) 2. คาทีมีความหมายในประหวัด คือ คําที่มีความหมายไม่ตรงตามศัพท์ แต่มีนยให้เข้าใจเป็ นอย่างอื่น ่ ั 3. คาทีมีความหมายเปรียบเทียบ (อุปมา) หรื อ การใช้ สานวนโวหารเช่น ่ เสื อ หมายถึง ความดุร้าย ปลาซิว หมายถึง ความใจเสาะ ลิง หมายถึง ความซน ฤาษี หมายถึง ความสงบเสงี่ยม ควาย หมายถึง ความโง่ แก้วตา หมายถึง เป็ นที่รัก หน้ า 9
  • 10. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ข้ อควรจา การใช้ คาต้ องให้ ตรงกับความหมาย และบริบท การใช้ภาษาในชีวตประจําวันนั้น การใช้คาที่ถูกต้องเหมาะสม ตามหลักไวยากรณ์และความหมายเป็ น ิ ํ สิ่ งที่สําคัญที่จะสื่ อความหมายได้ตรงประเด็นตามจุดมุ่งหมายของผูส่งสาร หลักสําคัญในการใช้คาโดยสรุ ปมี ้ ํ ดังนี้ 1. ใช้คาให้ถูกตามตําแหน่ง และหน้าที่ เช่น คํานาม คําสรรพนาม ใช้ทาหน้าที่เป็ นประธาน ํ ํ ่ กรรมของประโยค คํากริ ยา แสดงอาการกระทํา ผูเ้ รี ยนต้องรู ้จกว่าคําใดควรอยูในตําแหน่งใด ั ของประโยค 2. การเรี ยงลําดับคําหรื อพยางค์ให้ถูกต้อง ถ้าเรี ยงกลับกันความหมายอาจเปลี่ยนไป เช่น ใจ ่ ่ ชํ้า-ชํ้ าใจ หนวกหู-หูหนวก กินอยู-อยูกิน เป็ นต้น 3. ต้องรู ้สึกเลือกใช้คาให้เหมาะกับกาลเทศะ ถึงแม้บางคําจะมีความหมายคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ ํ ั สามารถแทนที่กนได้ เช่น ภายในโรงฆ่าสัตว์ ตลบอบอวล ไปด้วยกลิ่นซากสัตว์ ควรแก้ไข เป็ นคละคลุง ้ 4. ใช้คาให้ตรงกับความหมาย ภาษาไทยมีคามากมายที่มีความหมาย คล้ายกัน บางคํามี ํ ํ ความหมายแฝงอยู่ จึงจําเป็ นต้องเลือกคําให้เหมาะสมและตรงความหมายมากที่สุด เช่น แล่ ฝาน ปอก ผ่า เฉื อน เฉาะ สับ เป็ นต้นสรุ ปง่าย ๆ คือ หลักของการใช้คา ต้องใช้คาให้ตรง ํ ํ ความหมาย ตรง : ตรงตามพจนานุกรม คํา = ความหมาย นัย : ตีความตามปริ บท แฝง : ซ่อนอารมณ์ และความรู้สึก (นัยประหวัด) แคบ กว้าง หน้ า 10
  • 11. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตัวอย่ างข้ อสอบบทที่ 2 การใช้ คา 1. คําในข้อใดสามารถใช้ได้ท้ งความหมายโดยตรงและโดยนัยทุกคํา ั 1. เข้าฌาน เข้าถึง เข้าเนื้อ 2. แก้ลา แก้เผ็ด แก้เกี้ยว ํ 3. ขึ้นหม้อ ขึ้นสาย ขึ้นชื่อ 4. คอแข็ง คอตก คอสู ง 2. คําในข้อใดทุกคําในข้อใดมีท้ งความหมายโดยตรงและเชิงอุปมา ั 1. ตกเบ็ด ลอยแพ ไหว้ผี เอียงซ้าย 2. จับตา ลอกคราบ นิ้วก้อย จับตาย 3. ติดตา ลายคราม ขึนหิง จับเข่ า ้ ้ 4. ปากนํ้า ตัดต่อ ร้อนตัว ตกข่าว 3. คําว่า "ทิ้ง" ในข้อใดมีความหมายในตรงทุกคํา 1. ทิงจดหมาย ทิงท้าย ทิงไพ่ 2. ทิงทาน ทิงกระจาด เททิง ้ ้ ้ ้ ้ ้ 3. ผ้าเนื้อทิ้ง ทิ้งทวน ทิ้งธุ ระ 4. ทิ้งเพื่อน ทิ้งขว้าง ทิ้งตา 4. ข้อใดใช้คาแสดงความหมายแคบกว้างต่างกันได้อย่างเหมาะสม ํ 1. เขาสนใจทั้งกีฬาและมวย 2. เขาชอบปลูกต้นไม้และไม้ผล 3. ฤดูนีมีผลไม้ มากทั้งเงาะและทุเรียน ้ 4. ประชาชนและชาวนามาชุมนุมกันมากมาย ่ ้ 5. ข้อใดไม่มีความหมายกว้างแคบอยูดวยกัน 1. กิจวัตรประจําวันของสาวิตรี ได้แก่ การอ่านหนังพิมพ์ในเวลาเช้าและดูโทรทัศน์ในเวลากลางคืน 2. การพกอาวุธ เช่น มีด ปื น ระเบิดขวด ในที่สาธารณะเป็ นสิ่ งที่ไม่ควรกระทํา 3. การสอบคัดเลือกเข้ ามหาวิทยาลัยเป็ นโอกาสทีนักเรียนจากโรงเรียนต่ างๆ ได้ แข่ งขันกัน ่ 4. การเดิ นทางไปต่างจังหวัดในปั จจุ บ นนี้ เราสามารถเดิ นทางได้หลายวิธี เช่ น โดยทางเครื่ องบิ น ั รถไฟ รถยนต์ 6. ข้อใดใช้คาถูกต้องตรงความหมาย ํ ่ 1. ผมว่ากรณี น้ ียงมีอะไรเคลือบแคลงอยูอีกมาก ั 2. พนักงานคนใหม่พิมพ์หนังสื อตกหายไปหลายวรรค 3. ระวังกระเป๋ าให้ ดีๆ นะ อย่าให้ ใครฉกชิงเอาไปได้ 4. อย่ามาพูดข่มขวัญคนอื่นเลย เธอน่ะชอบบอกว่าตัวดีกว่าเพื่อนๆ อยูเ่ รื่ อย 7. ข้อใดใช้ภาษาได้ถูกต้ อง ่ 1. แม่คาขายส้มตําไก่ยางเป็ นอาชีพที่มีรายได้ดีและไม่ตกงาน ้ 2. อาหารประเภทยํามีรสชาติเผ็ดร้อนกลมกล่อมถูกปากคนไทย 3. แม้ ฐานะของเราจะไม่ ค่อยดี พ่ อแม่ กส่งเสี ยให้ ลูกทุกคนได้ เรียนจนจบมหาวิทยาลัย ็ ่ 4. แม้วาชื่อเสี ยงของพ่อจะไม่เป็ นที่ประจักษ์แก่สายตาผูอื่น แต่ฉนก็ภูมิใจในตัวท่าน ้ ั หน้ า 11
  • 12. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 8. ข้อใดใช้คาไม่ตรงความหมาย ํ 1. อาจารย์ปฐมท่านเป็ นพหูสูต คุณอ่านเรื่ องอะไรไม่เข้าใจก็ถามท่านได้ทุกเรื่ อง 2. คนสมถะอย่างอาจารย์ชัยนาท ใครอย่าไปขอร้ องให้ ทาอะไรเลย ท่านไม่ ช่วยหรอก ่ ั 3. บ้านเล็กๆ หลังนั้นอาจารย์พงงาอาศัยอยูกบครอบครัวอย่างสันโดษ ไม่ค่อยติดต่อกับใคร ั 4. บ้านอาจารย์ประจวบเล็กและแทบจะไม่มีของใช้ในบ้านเลย ท่านค่อนข้างอัตคัด 9. ข้อใดใช้คาได้ถูกต้องตามความหมาย ํ 1. เธอปั กผ้าผิดจึงต้องเราะออกแล้วปั กใหม่ 2. คุณปู่ ขลิบผมไฟหลานคนแรกเมื่ออายุครบเดือน 3. เธอมีน้ าตากลบตาเมื่อฟังข่าวเด็กถูกทิงถังขยะ ํ ้ 4. แม่ บอกลูกว่ าอย่ าปล่ อยผมยาวรุ่ ยร่ ายเวลาไปโรงเรียน 10. ข้อใดใช้คาถูกต้องตรงความหมาย ํ 1. วิชยทําผิดระเบียบของบริ ษทเป็ นครั้งแรกผูจดการจึงยอมผ่อนผันให้ลงโทษเพียงภาคทัณฑ์เท่านั้น ั ั ้ั ่ ั 2. บ้านของเขาถูกเวนคืน จึงโยกย้ายครอบครัวไปอยูกบน้องชายที่ต่างจังหวัด 3. พอได้ฤกษ์ทาพิธีเปิ ดร้านใหม่ ฝนก็ตกประปรายลงมาพอดี ํ 4. คุณแม่ คัดเลือกมะม่ วงผลงามๆ ไว้ ทาบุญตอนเช้ า 11. คําในข้อใดเหมาะสมที่จะใช้เติมในช่องว่างต่อไปนี้ “เธอ…พวกเพื่อนๆ ที่ พากัน…เสนอผลงานให้เจ้านายโดยไม่รอเธอ เธอเสี ยใจมากแทบอยากจะ… เพื่อนๆ จนฉันต้องเป็ นฝ่ าย…เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง” 1. ตัดรอน ตัดตอน ตัดทาง ตัดประเด็น 2. ตัดพ้อ ตัดหน้ า ตัดขาด ตัดบท 3. ตัดรอน ตัดหน้า ตัดญาติขาดมิตร ตัดประเด็น 4. ตัดพ้อ ตัดบท ตัดรอน ตัดตอน 12. ข้อใดไม่มีคาพ้องความหมาย ํ 1. ไอยรา ราชสี ห์ กุญชร 2. ลําธาร ชลาสิ นธุ์ มัจฉา 3. เทเวศร์ อัจฉรา สุ รารักษ์ 4. สิ งขร เวหาสน์ วนาดร หน้ า 12
  • 13. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย บทที่ 3 คาไทยแท้ และคายืมภาษาต่ างประเทศ คาไทยแท้ หลักการสั งเกตคาไทยแท้ 1. คําไทยแท้ส่วนมากมีพยางค์เดียว เช่น กิน นอน วิง ผัด จิก เคี้ยว ไล่ ตี ฉัน ข้า เขา เจ้า ท่าน มัน แก พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ดิน นํ้า ไฟ ่ ตา หู ปาก ดี ขาว สู ง หอม กลม หนา แบน ใน นอก บน อ่าง ริ ม และ กับ แต่ ต่อ ถ้า แม้ จึง ฯลฯ 2. คําไทยแท้ส่วนใหญ่มกมีคากร่ อนเสี ยง ั ํ คํากร่ อนเสี ยงเหล่านี้เป็ นคําไทยแท้ เช่น ฉะนั้น กร่ อนมาจาก ฉันนั้น ตะขบ กร่ อนมาจาก ต้นขบ ตะเคียน กร่ อนมาจาก ต้นเคียน ตะขาบ กร่ อนมาจาก ต้นขาบ มะพร้าว กร่ อนมาจาก หมากพร้าว มะตูม กร่ อนมาจาก หมากตูม มะปราง กร่ อนมาจาก หมากปราง ตะวัน กร่ อนมาจาก ตาวัน ตะปู กร่ อนมาจาก ตาปู สะดือ กร่ อนมาจาก สายดือ สะใภ้ กร่ อนมาจาก สาวใภ้ 3. คําไทยแท้มีตวสะกดตรงตามมาตรา ั แม่กก ใช้ “ก” สะกด เช่น ผัก รัก มาก ลาก จาก ฯลฯ แม่กบ ใช้ “บ” สะกด เช่น ดับ ตับ สู บ ทุบ ยุบ พบ ฯลฯ แม่กด ใช้ “ด” สะกด เช่น มัด รัด ฟัด จุด สุ ด ชุด ฯลฯ แม่กง ใช้ “ง” สะกด เช่น วัง มุง ลุง ชัง นาง ฯลฯ ่ แม่กน ใช้ “น” สะกด เช่น เรื อน ลาน ฟัน ปาน ฯลฯ แม่กม ใช้ “ม” สะกด เช่น ผม ลม สม ปูม เข็ม งม ฯลฯ แม่เกย ใช้ “ย” สะกด เช่น หาย ควาย ลาย นาย สวย ฯลฯ แม่เกอว ใช้ “ว” สะกด เช่น ผิว ดาว แมว ข้าว เหว ฯลฯ หน้ า 13
  • 14. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ข้ อควรระวัง บางคําสะกดตรงตามมาตราก็ไม่ใช่ไทยแท้ เช่น โลก มาจาก บาลี สันสกฤต กาย มาจาก บาลี สันสกฤต ยาน มาจาก บาลี สันสกฤต พน มาจาก บาลี สันสกฤต ชน มาจาก บาลี สันสกฤต มน มาจาก บาลี คําเขมร มีดงนี้ จมูก เดิน จะบันหมาก ทะเลสาบ ละออง บายศรี เลอโฉม ดินสอ ปล้นสะดม เขลา ฯลฯ ั 4. คําไทยแท้ไม่มีการันต์ คําที่มีตวการันต์มาจากภาษาอื่น ยกเว้น 4 คํานี้ (แม้มีตวการันต์ก็เป็ นไทยแท้) ผีว์ บ่าห์ เยียร์ อาว์ ั ั 5. คําไทยแท้มกปรากฏรู ปวรรณยุกต์ ั แต่มีอีกมากมายที่ไม่ปรากฏรู ปวรรณยุกต์ เช่น พอ พ่อ พ้อ แม แม่ แม้ เสื อ เสื่ อ เสื้ อ ปา ป่ า ป้ า 6. คําไทยแท้มกไม่ปรากฏพยัญชนะต่อไปนี้ ฆ ณ ญ ฏ ฑ ฒ ฎ ธ ศ ษ ฬ ั ยกเว้นบางคําเป็ นไทยแท้ เช่น หญิงใหญ่ ณ ระฆัง ฆ่า เฆี่ยน ศอก เศิก ศึก ธ เธอ 7. คําไทยแท้ใช้ “ใ ” 20 ตัว คือ ผูใหญ่หาผ้าใหม่ ้ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ ใฝ่ ใจเอาใส่ ห่อ มิหลงใหลใครขอดู จะใคร่ ลงเรื อใบ ดูน้ าใสและปลาปู ํ ่ ่ ั่ สิ่ งใดอยูในตู ้ มิใช่อยูใต้ตงเตียง บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยีสิบม้วนจําจงดี ่ หน้ า 14
  • 15. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คาบาลี – สั นสกฤต ภาษาบาลี มีพยัญชนะ 33 ตัว สระ 8 ตัว คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ภาษาสันสกฤต มีพยัญชนะ 35 ตัว (เพิ่ม ศ,ษ) สระ 18 ตัว (เพิ่ม ไอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ) 1 2 3 4 5 ฐานคอ ก ข ค ฆ ง ฐานเพดาน จ ฉ ช ฌ ญ ฐานปุ่ มเหงือก ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ฐานฟัน ต ถ ท ธ น ฐานริ มฝี ปาก ป ผ พ ภ ม เศษวรรค ยรลวสหฬo ยายเราเล่าว่าเสื อหิ วฬาตากลม สู ตรการจา หลักการสั งเกตคาบาลี - สั นสกฤต 1. สั งเกตสระ คําใดประสมด้วย ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦา เป็ นคําสันสกฤต (เพราะบาลีไม่มีสระเหล่านี้) เช่น ไวทย ฤษี เอารส ไมตรี เสาร์ เยาวชน นฤมล พฤศจิกายน ไอศูรย์ ฤดู ไปรษณี ย ์ ฯลฯ 2. สั งเกตพยัญชนะ คําใดประสมด้วย ศ ษ เป็ นคําสันสกฤต เช่น ภิกษุ ศาสนา พิษณุ กษัย พฤษภาคม ราษฎร รัศมี เกษตร มหัศจรรย์ ศักดิ์ ฯลฯ 3. สั งเกตคาควบกลา คําใดมีคาควบกลํ้าเป็ นคําสันสกฤต (เพราะบาลีไม่นิยมควบกลํ้า) ้ ํ เช่น ประถม จักร ปราชญ์ อัคร อินทร์ บุตร เนตร สตรี ราตรี จันทรา นิทรา กษัตริ ย ์ ฯลฯ 4. สั งเกต “รร” คําใดที่มี “รร” เป็ นคําสันสกฤต (เพราะบาลีไม่มี “รร”) เช่น ธรรม จรรยา พรรษา สรรพ กรรม สวรรค์ วิเคราะห์ ฯลฯ 5. สั งเกต “เคราะห์ ” คําใดที่มี “เคราะห์” เป็ นคําสันสกฤต เช่น อนุเคราะห์ สังเคราะห์ สงเคราะห์ ฯลฯ 6. สั งเกต ตัวสะกด ตัวตาม คําใดมีตวสะกด แล้วมีอกษรตามมา 1 ตัว (เบิ้ล) มาจาก บาลี ั ั ตัวสะกดตัวตามต้องเป็ นพยัญชนะวรรคเดียวกันจะเป็ นไปตามกฎนี้ 6.1 พยัญชนะแถวที่ 1 เป็ นตัวสะกด พยัญชนะวรรคแถวที่ 1 หรื อ 2 ในวรรคเดียวกันตาม เช่น สัจจะ สัตตะ อัตตะ สักกะ รุ กข ปัจฉิม ทุกข์ บุปผา ฯลฯ 6.2 พยัญชนะแถวที่ 3 เป็ นตัวสะกด พยัญชนะวรรคแถวที่ 3 หรื อ 4 ในวรรคเดียวกันตาม เช่น วิชชา อัคคี พยัคฆ์ พุทธ วัทฒน อัชฌาศัย ฯลน 6.3 พยัญชนะแถวที่ 5 เป็ นตัวสะกด พยัญชนะวรรคแถวไหนก็ได้ในวรรคเดียวกันตาม เช่น สังกร องค์ สงฆ์ กัณฑ์ จันทนา บัญญัติ ฯลฯ 6.4 เศษวรรคสะกดตามตัวเอง เช่น เวสสันดร วัลลภ อัยยิกา ฯลฯ หน้ า 15
  • 16. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย หมายเหตุ ภาษาสันสกฤตมีตวสะกดตัวตามก็จริ ง แต่ไม่เป็ นไปตาม 6.1 – 6.3 ั เช่น อัคนี มุกดา รักษา วิทยา สัตว์ อาชญา ฯลฯ คาเขมร หลักการสั งเกตคาเขมร 1. คําเขมรมักสะกดด้วย จ ญ ล ร ส ย และมักจะไม่มีตวตาม ั สู ตรการจา จาน หญิง ลิง เรื อ เสื อ จ สะกด เช่น อํานาจ เสร็ จ สมเด็จ ตํารวจ ฯลฯ ญ สะกด เช่น เพ็ญ เผอิญ สําราญ ผจญ ครวญ ชํานาญ ฯลฯ ล สะกด เช่น กังวล ถกล ถวิล ดล ดาล จรัล กํานัล ฯลฯ ร สะกด เช่น ขจร อร กําธร ควร ฯลฯ ส สะกด เช่น ดํารัส จรัส ตรัส ฯลฯ 2. คําที่มาจากเขมรมักเป็ นคําควบกลํ้า เช่น กรวด กระบือ เกลือ ขลาด กระแส ไพร ตระกอง โปรด กราน กรม กระทรวง กระเพาะ โขลน ฯลฯ 3. คําที่มาจากเขมรมักใช้อกษรนํา ั เช่น โฉนด เขม่า ขนอง ขลาด เขลา จมูก ถวาย ฉนํา เฉลียง ถวาย ขนุน ขยํา ฉลู ฯลฯ 4. คําที่มาจากเขมร มักขึ้นต้นด้วย บัง บัน บํา (เพราะมาจาก บํ เติมคําหน้า) เช่น บัง บังควร บังอาจ บังคม บังคับ บังเกิด บัน บันทึก บันเทิง บันดาล บันได บํา บําเพ็ญ บํานาญ บําเหน็จ บําบัด 5. คําที่มากจากเขมรมักขึ้นต้นด้วย กํา คํา จํา ชํา ดํา ตํา ทํา สํา อํา เช่น กําหนด คํารบ จําแนก ชํานาญ ชํารุ ด ดําเนิน ดํารัส ตํารวจ ตํารา ทํานบ สําราญ อํานวย ฯลฯ ํ ข้อสังเกต ภาษาบาลี, สันสกฤต และเขมร มักไม่มีวรรณยุกต์กากับ คายืมจากภาษาจีน และภาษาชวา การเขียนคําที่มาจากภาษาจีน และภาษาชวาใช้หลักง่าย ๆ ํ คือ เขียนรู ปตามเสี ยงที่ออก หรื อได้ยนโดยใช้ตวสะกดตรงตามมาตรา และมักใช้รูปวรรณยุกต์กากับเสี ยง ิ ั คายืมจากภาษาตระกูลยุโรป 1. ใช้ ศัพท์บัญญัติ คือ การกําหนดคําไทย บาลี สันสกฤต หรื อเขมร ที่มีความหมาย หรื อสื่ อความหมาย เหมือนศัพท์คาเดิม อาจใช้ในการแปลคําศัพท์ หรื อสร้างคําศัพท์ก็ได้ ํ เช่น vision - วิสัยทัศน์ หน้ า 16
  • 17. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย bus - รถโดยสารประจําทาง stamp - ดวงตราไปรษณี ยากร 2. การทับศัพท์ คือ การถอดรู ปอักษรจากต้นฉบับเป็ นอักษรไทย ยึดหลักตามราชบัณฑิตสภา ดังนี้ 2.1 ถอดรู ปอักษรตัวต่อตัวตามแนวเทียบ มักไม่ใช้รูปวรรณยุกต์ เช่น clinic – คลินิก computer – คอมพิวเตอร์ dollar – ดอลลาร์ guitar – กีตาร์ 2.2 คําบางคําที่เคยใช้รูปวรรณยุกต์อนุโลมให้ใช้ได้ เช่น แท็กซี่ ท็อฟฟี่ เค้ก เป็ นต้น 3. ศัพท์เทคนิค หรือชื่อเฉพาะ สามารถใช้ทบศัพท์ได้ แต่ยดหลักการใช้แนวเทียบตัวอักษร ั ึ อ้างอิง ประสิ ทธิ์ กาพย์กลอน และไพบูลย์ ดวงจันทร์ , 2527, ความรู ้เกี่ยวกับภาษาไทย, กรุ งเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช ราชบัณฑิตยสถาน, 2539, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525, กรุ งเทพฯ: อักษรเจริ ญทัศน์ อุปกิตศิลปสาร, 2531, หลักภาษาไทย, กรุ งเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช ตัวอย่างข้ อสอบเรื่องคาไทยแท้และคายืมภาษาต่ างประเทศ 1. ข้อใดเป็ นคําไทยแท้ทุกคํา (O-Net 49) หน้ า 17
  • 18. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 1. รู ้กินเพิ่มพลังงาน รู ้อ่านเพิ่มกําลังปั ญญา 2. นํ้ามันขาดแคลน คุยกับแฟนก็ตองดับไฟ ้ 3. รักบ้ านต้ องล้อมรั้ว รักครอบครัวต้ องล้อมรัก 4. ภาษาบอกความเป็ นชาติ เอกราชบอกความเป็ นไทย ข้อใดไม่ มีคาที่มาจากภาษาเขมร (A-Net 49) ํ 1. โปรดเอื้อเฟื้ อแก่เด็กและคนชรา 2. เราจะไปรับหลานสาวทีสถานีบางซื่อ ่ 3. นวนิยายเรื่ องนี้ดาเนินเรื่ องได้กระชับดี 4. เขาเป็ นคนเจ้าสําราญมาตั้งแต่ยงหนุ่ม ํ ั ข้อใดไม่มีคาที่มาจากภาษาบาลีหรื อภาษาสันสกฤต (ข้อสอบ O NET 2551) ํ 1. เราต้องใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง 2. อย่าเลี้ยงลูกให้เป็ นเทวดา ่ 3. ชื่ อของเขาอยู่ในทาเนียบรุ่ น 4. ภรรยาของเขาทํางานอยูที่นี่ ข้อใดมีคาที่มาจากภาษาต่างประเทศมากที่สุด (กข/2540) ํ 1. จงเจริ ญชเยศด้วย เดชะ 2. ปราชญ์แสดงดําริ ดวย ไตรยางศ์ ้ 3. อ้าจอมจักรพรรดิผู้ เพ็ญยศ 4. บัณฑิตวินิจเลิศ แถลงสาร คําประพันธ์ต่อไปนี้คายืมมาจากภาษาต่างประเทศรวมกี่คา (สามัญ 2/2539) ํ ํ “บารุ งบิดามา ตุระด้ วยหทัยปรี ย์ หากลูกและเมียมี ก็ถนอมประหนึ่งตน” 1. 5 คํา 3. 7 คํา 4. 8 คํา 2. 6 คา คําซ้อนทุกคําในข้อใดเกิดจากคําไทยทั้งหมด (สามัญ 1/2541) 1. ภูเขา ข้าทาส 2. ข้าวของ มูลค่า 3. แก่นสาร กาลเวลา 4. แก่เฒ่ า หยาบช้ า ข้อใดใช้คาภาษาต่างประเทศโดยไม่จาเป็ น (2/2543) ํ ํ ่ 1. เมื่อไฟดับควรตรวจดูวาเป็ นเพราะฟิ วส์ขาดหรื อปลักหลุด ๊ 2. เด็ก ๆ ชอบรับประทานไอศกรี มช็อกโกแลตมากกว่าไอศกรี มกะทิสด 3. ก่อนเข้ าแบงก์ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้ องถอดหมวกกันน็อกและแว่นตาดาออก 4. นักกอล์ฟหลายคน อยากเปลี่ยนวงสวิงให้คล้ายกับไทเกอร์ วดส์ เพื่อให้ตีลูกได้แม่นและไกล ู ข้อใดจําเป็ นต้องใช้คาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ (1/2544) ํ 1. โรงพิมพ์ส่งงานพิมพ์มาให้ตรวจปรู๊ ฟที่สองแล้ว 2. ห้างสรรพสิ นค้าที่เปิ ดใหม่มกจะมีของแถมแจกฟรี แก่ลูกค้า ั 3. นักศึกษาที่เรี ยนได้เกรดเอ ห้าวิชาในเทอมใดจะได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิตในเทอมต่อไป 4. นักกีฬาวีลแชร์ ของไทยได้ เหรียญทอง จากการแข่ งขันกีฬาคนพิการทีประเทศออสเตรเลีย ่ 9. ข้อใดใช้คาภาษาต่างประเทศ โดยไม่จาเป็ น (2/2544) ํ ํ 1. เวลาไปเที่ยวป่ า ฉันชอบสวมกางเกงยีนส์และหมวดแก๊ป ํ 2. ขณะนี้น้ ามันเบนซิ นราคาแพงมาก อีกทั้งแก๊สก็กาลังขึ้นราคา ํ หน้ า 18
  • 19. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3. พอถึงสนามหลวง คนขับรถเมล์เหยียบเบรกกะทันหันจนเราหัวคะมา 4. ที่ทางานของฉันกําลังซ่อมลิฟต์ ที่หองทํางานก็ตองซ่อมสวิตช์ไฟด้วย ํ ้ ้ 10. ข้อใดจําเป็ นต้องใช้คาต่างประเทศ (O-Net 49) ํ 1. ราคานามันดีเซลและเบนซินขึน ๆ ลง ๆ ตามกลไกการตลาด ้ ้ 2. รัฐบาลประกาศกําจัดคอร์ รัปชันให้หมดไปจากประเทศไทย ่ 3. ยักษ์ใหญ่มือถือทุ่มโปรโมชันใหม่ ๆ เฉื อนกันดุเดือน ่ 4. เวลาขับรถต้องคาดเซฟตีเบลต์ทุกครั้ง 11. ข้อใดเขียนคําทับศัพท์ภาษาอังกฤษได้ถูกต้องทุกคํา (O-NET 50) 1. เปอร์เซ็น พลาสติค คลินิก 2. ซอส เต็นท์ เบนซิน 3. กร๊ าฟ ช้อค สปริ ง 4. สวิตซ์ เชิ้ต ดีเปรสชัน ่ 12. ข้อใดไม่มีคาภาษาไทยแทนคําภาษาต่างประเทศ (O-NET 50) ํ 1. วัยรุ่ นส่ วนใหญ่ชอบร้องเพลงฮิตติดอันดับ 2. รัฐบาลมีโปรเจ็กต์พฒนาชนบทมากมาย ั 3. พ่อค้ารับออร์ เดอร์ สั่งสิ นค้าจากอเมริ กา 4. ปัจจุบันอินเทอร์ เน็ตมีความจาเป็ นอย่ างยิง ่ บทที่ 4 การสร้ างคา หน้ า 19
  • 20. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 1. คาประสม หมายถึง การเอาคํามารวมกันให้เกิดความหมายใหม่ (คําประสม = คําต้น + คําเติม) - คําประสมจะมีความหมายโดยตรงหรื อโดยนัยก็ได้ - คําประสมเกิดจากคําต่างชนิดรวมกันเมื่อปะสมกันแล้วอาจเป็ นคําชนิดเดิมหรื อชนิ ดใหม่ก็ได้ เช่น นํ้า(นาม) + พริ ก(นาม) = นํ้าพริ ก (นาม) ห่อ (กริ ยา) + หมก (กริ ยา) = ห่อหมก (นาม) - ถ้าขึ้นต้นด้วย การ ของ เครื่ อง ความ ช่าง ชาว ผู ้ ที่ นัก หมอ มักเป็ นคําประสม 2. คาซ้ อน มี 2 ประเภท 2.1 คําซ้อนเพื่อความหมาย มี 3 ลักษณะ (1) คําซ้อนที่เกิดจากการนําคําที่ความหมายเหมือนกันมาซ้อนกัน เช่น ใหญ่โต สวยงาม บ้านเรื อน ทรัพย์สิน ข้ อสอบชอบออกคาซ้ อนภาษาไทยภาษาถิ่น เช่ น พัดวี ทองคํา เสื่ อสาด เป็ นต้น (2) คําซ้อนที่เกิดจากการนําคําที่ความหมายคล้ ายกันมาซ้อนกัน เช่น เงินทอง เพชรพลอย หน้าตา แขน ขา (3) คําซ้อนที่เกิดจากการนําคําที่ความหมายตรงข้ ามกันมาซ้อนกัน เช่น เป็ นตาย ร้ายดี ถี่ห่าง 2.2 คําซ้อนเพื่อเสี ยง ต้องมีพยัญชนะต้นเป็ นเสี ยงเดียวกันโดยที่แต่ละคําจะมีความหมายหรื อไม่มีก็ได้ เช่น เกะกะ งอแง จอแจ เจี๊ยวจ๊าว เตาะแตะ ฟูมฟาย อึดอัด ฯลฯ คําซ้อนจะมีความหมาย กว้างขึ้นแคบลง คงเดิม หรื อเปลี่ยนไปก็ได้ 3. คาซ้า หมายถึง การใช้คาเดิมซํ้ากันสองครั้ง คําที่ใช้ซ้ าสามารถแทนด้วยไม้ยมก (ๆ) ได้ ํ ํ ความหมายของคําซํ้า ได้แก่ บอกลักษณะ บอกพหูพจน์ เพิ่มจํานวน บอกความถี่(ความต่อเนื่ อง) ไม่เจาะจง อ่อนลง เน้นยํ้า เปลี่ยนความหมาย 4. คาสมาส เป็ นการสร้างคําแบบบาลีลนสกฤต โดยแบ่งเป็ น 2 วิธี คือ สมาสแบบไม่มีสนธิ (ชนคํา) และสมา ั แบบมีสนธิ (เชื่อมคํา) กฎของคําสมาสมี 3 ข้อ 1. คําที่นามาสมาสกันต้องเป็ นคําบาลีสัสนกฤตเท่านั้น ํ 2. แปลความหมายจากหลังไปหน้า 3. อ่านออกเสี ยงต่อเนื่องระหว่างคํา 4.1 คาสมาสแบบไม่ มีสนธิ (ชนคา) เช่น คุณธรรม (คุณ+ธรรม) ราชการ (ราช +การ) สัตวแพทย์(สัตว์ + แพทย์) ชีววิทยา (ชีวะ+วิทยา) ถ้าเจอคําใดที่ ลงท้ายด้วย ธรรม ศาสตร์ สถาน ศึ กษา กิ จ กรรม วิทยา กร ภาพ ศิ ลป์ การ ภัย = มักเป็ น คําสมาสแบบไม่มีสนธิ 4.2 คาสมาสแบบมีสนธิ (เชื่อมคา) ***โจทย์เน้นเฉพาะ สระสนธิ เท่านั้น 1. สระสนธิ เช่ น ชลาลัย (ชล+อาลัย) ปรมินทร์ (ปรม+อินทร์ ) ราชู ปถัมภ์ (ราช+อุปถัมภ์) จุฬาลงกรณ์ (จุฬา +อลงกรณ์) สุ ริโยทัย (สุ ริยะ+ อุทย) ั หน้ า 20
  • 21. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2. พยัญชนะสนธิ จําเป็ นคําไปเลยเพราะมีแค่ไม่กี่คา ได้แก่ พรหมชาติ อาตมภาพ รโหฐาน มโนภาพ ํ เตโชธาตุ นิรทุกข์ นิรภัย ทุรชน ทรชน ฯลฯ 3. นิคหิ ตสนธิ สังเกตคําที่ข้ ึนต้นด้วย สง สัง สัม สัญ สัณ สมา สมุ สโม ตัวอย่ างข้ อสอบบทที่ 4 เรื่องการสร้ างคา หน้ า 21
  • 22. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 1. คําประสมทุกคําในข้อใดมีโครงสร้างเหมือนคําว่า “เครื่ องซักผ้า” (O-NET 50) 1. ผ้าขาวม้า หม้อหุงข้าว 2. แปรงสี ฟัน ตูกบข้าว ้ั 3. รถไถนา นํ้าพริ กเผา 4. ยาหยอดตา ไม้ จิมฟัน ้ 2. ข้อใดเป็ นคําประสมทุกคํา (O-Net 49) 1. บ้านเรื อน พ่อแม่ ลูกหลาน 2. ขาดเหลือ บ้านนอก อ้วนพี 3. ห่อหมก ชัวดี บ้านพัก ่ 4. กล้วยไม้ เสื้อคลุม แผ่นเสี ยง 3. ข้อความต่อไปนี้มีคาประสมจํานวนเท่าใด (ไม่นบคําซํ้า) ํ ั “ปั จจุบนสิ นค้าต่าง ๆ ที่ขายได้ ไม่ได้ขายด้วยคุณภาพอย่างเดียวแล้ว แต่ขายด้วยภาพลักษณ์ ที่ดีดวย ั ้ นันหมายความว่าห้างนั้นบริ ษทนั้นมี ชื่อเสี ยงดี มี สินค้าดี มี ภูมิหลังดี และสิ นค้านั้นเป็ นที่ น่าเชื่ อถื อใน ั ่ วงการค้า” 1. 4 คํา 2. 5 คํา 3. 6 คา 4. 7 คํา 4. ข้อความต่อไปนี้มีคาซ้อนกี่คา (O-Net 49) ํ ํ การระเบิดของภูเขาไฟทําให้หินร้อนจากใต้พิภพดันตัวขึ้นมาเหนื อผิวโลก ก่อให้เกิดคลื่น ยักษ์ถาโถมเข้าทําลายบ้านเรื อนและชี วิต ท้องทะเลปั่ นป่ วน ท้องฟ้ ามืดมิดทําให้ผคนหวาดกลัวคิด ู้ ว่าโลกจะแตก 1. 4 คํา 2. 5 คํา 3. 6 คา 4. 7 คํา 5. ข้อใดไม่มีคาซ้อน (ฉบับตุลาคม 2546) ํ 1. ธรรมดาเกิดมาเป็ นสตรี ชัวดีคงได้คู่มาสู่ สม ่ ั 2. ตาปะขาวเฒ่าแก่แซ่กนมา พร้อมนังปรึ กษาที่วดนั้น ั ่ 3. ได้ถือนํ้าพระพิพฒน์สัจจา จะหลบลี้หนีหน้าไปทําไม ั 4. แสนรโหโอฬาร์ น่าสบาย หญิงและชายต่ างกลุ้มประชุ มกัน 6. ข้อใดไม่มีคาซ้อน (๒/๒๕๔๕) ํ 1. หน้าตาของสลวยดูสดใสขึ้นเมื่อทราบข่าวคนรักของเธอ 2. สาลินไม่รู้จกมักคุนกับอัศนียแต่เขาก็มาชวนเธอทํางาน ั ้ ์ 3. รจนาตกอยู่ในวังวนของความทุกข์ ทดูจะหาทางออกไม่ ได้ ี่ 4. กนกเรขาไม่เดือดร้อนที่คนเข้าใจผิดเรื่ องการทํางานของเธอ 7.ข้อใดเป็ นคําซ้อนทุกคํา(A-NET 50) 1. ลอดลายมังกร สิ งห์สาราสัตว์ นํ้าท่า 2.โมโหโกรธา ดั้งเดิม ปางก่อน 3.เสกสรร เก็บงา บาปบุญคุณโทษ 4.วิชาความรู ้ ข้าวปลาอาหาร แม่ไม้มวยไทย 8.ข้อใดมีคาที่สลับคําแล้วไม่เป็ นคําซ้อน(A-NET 50) ํ 1. ปนปลอม ยียวน 2. ร่ อนเร่ เลือนราง หน้ า 22
  • 23. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3. ทนทาน โลมเล้า 4. กลับกลอก ลอกเลียน 9. ข้อใดไม่มีคาซ้อน (O-NET 50) ํ 1. กินข้าวเสร็ จแล้วต้องช่วยกันเก็บถ้วยชามให้เรี ยบร้อย 2. ประชาชนกําลังยื้อแย่งกันซื้ อเสื้ อเหลืองที่เมืองทองธานี 3. เด็กวัยรุ่ นทุกวันนี้ชอบกินเหล้าเมายาประพฤติตนเหลวแหลก 4. รัฐบาลยอมให้ ราคานามันลอยตัวได้ จึงทาให้ นามันมีราคาแพง ้ ้ 10. ข้อใดมีท้ งคําซ้อนและคําประสม (A-Net 49) ั 1. ของของใคร ของใครก็ห่วง ของใครใครก็ตองหวง ห่วงใยรักใคร่ ถนอม ้ 2. ชอบไหม ชอบไหม รู ปร่ างหน้าตาอย่างนี้ ถามหน่อยเถอะพี่ ชอบไหม ชอบไหม 3. น้ องเปิ้ ลน่ ารัก น้ องเปิ้ ลน่ ารัก ผมเหงาอ้ างว้ างเปล่ าเปลียว ผมอยู่คนเดียวในความมืด ่ 4. ไก่ไหมครับไก่ ซื้ อไหมครับ จะกลับแล้วไก่ ไก่ขายถูกถูกแถมกระดูกกับไม้เสี ยบไก่ 11. ข้อใดไม่ ใช้คาซํ้า (A-Net 49) ํ 1. มีความเหงาเยียบเย็นเป็ นที่อยู่ วันวันรับรู ้การไหลผ่าน 2. เยียมเยียมมองมองแล้วร้องว่า ่ ่ อะไรนี่บ่นบ้าน่าหนวกหู 3. สงสารใจใจเจ้ าเอ๋ยไม่ เคยว่าง ทุกก้ าวย่ างหยุดใจไม่ ได้ หนอ 4. ปูนอยน้อยวิงร่ อยตามริ มหาด ้ ่ ทั้งสองมาดหมายตะครุ บปุบเปิ ดหาย 12. คําซํ้าในข้อใดไม่สามารถใช้เป็ นคําเดี่ยวได้ (O-NET 50) 1. กับข้ าวพืน ๆ ใครก็ทาได้ ้ 2. แท็กซี่ คนไหน ๆ ก็ไม่รับฉันสักคัน ั 3. หาซื้ อเมล็ดพันธุ์ดี ๆ มาเพาะปลูก 4. จุดตะเกียงกระป๋ องเล็ก ๆ ท่องหนังสื อ 13. คําซํ้าในข้อใดมีความหมายต่างจากข้ออื่น (ฉบับตุลาคม 2546) 1. น้อยมีเสื้ อผ้าสวยเป็ นตูๆ ้ 2. เมื่อตอนเด็กๆ ฉันไม่ ชอบว่ายนา ้ 3. ฉันเห็นทหารเดินมาเป็ นแถวๆ 4. เขาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในวันอาทิตย์ 14. ข้อใดเป็ นคําสมาสทุกคํา (ฉบับตุลาคม 2546) 1. พลความ นาฏศิลป์ สรรพสัตว์ 2. ชลบุรี ธนบัตร พิธีกร หน้ า 23
  • 24. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3. ราชดําเนิน สหกรณ์ ชีวประวัติ 4. ยุทธวิธี คริ สตจักร เอกภาพ 15. ข้อใดไม่ มีคาสมาส (O-Net 49) ํ 1. ในลักษณ์น้ นว่าปั จจามิตร ั มาตั้งติดดาหากรุ งใหญ่ 2. ผงคลีมืดคลุ้มโพยมบน บดบังสุ ริยนในท้ องฟา ้ 3. ตรัสขาดว่าราชบุตรี จรกาธิ บดีมากล่าวขาน 4. เกียรติยศจะไว้ในธรณิ นทร์ จนสุ ดสิ้ นดินแดนแผ่นฟ้ า 16. ข้อใดไม่มีคาสมาส (O-NET 50) ํ 1. บทความบางเรื่องมีแผนภูมิประกอบ 2. คณะนาฏศิลป์ ไทยไปแสดงต่างประเทศ 3. หนังสื อที่มีอายุครบ 50 ปี แล้วไม่มีค่าลิขสิ ทธิ์ 4. ทหารที่สละชีพเพื่อชาติได้รับการยกย่องให้เป็ นวีรบุรุษ 17. ข้อใดเป็ นคําสมาสที่มีสนธิทุกคํา (O-NET 50) 1. โลกาภิวตน์ เอกภพ ศานติสุข ั 2. สิ งหาสน์ วชิ ราวุธ นิลุบล 3. ฉัพพรรณรังสี อิทธิ ฤทธิ์ ปริ ศนา 4. มโหฬาร เจตนารมณ์ เบญจเพส 18. ข้อใดเป็ นคําสมาสที่มีสนธิทุกคํา (1/2547) 1. ทิวากร อมริ นทร์ รัตติกาล 2. สรรพางค์ ธันวาคม อรัญวาสี 3. กุศโลบาย มิจฉาทิฐิ บุญญาธิการ 4. ธรรมาสน์ มหัศจรรย์ อรุ โณทัย 19. การสร้างคําในข้อใดมีลกษณะต่างจากข้ออื่น (A-Net 49) ั 1. อุทกภัย คณิ ตศาสตร์ มนุษยชาติ 2. กาลเทศะ ธุ รกิจ แพทยศาสตร์ 3. อุณหภูมิ เทพบุตร ประวัติศาสตร์ 4. ภัตตาคาร อรุ โณทัย วชิ ราวุธ 20. ข้อใดมีคาที่เกิดจากการสร้างคํามากชนิดที่สุด (ฉบับตุลาคม 2546) ํ 1. ผู้สูงอายุควรรู้ จักดูแลสุ ขภาพให้ แข็งแรง 2. ใบหน้ายิมแย้มของเธอทําให้ความโกรธของเราเบาบางลง ้ 3. ถ้าอยากเป็ นคนน่ารักอย่างไทย จิตใจควรงามและเป็ นธรรม ่ 4. หัวใจของศาสนาพุทธคือละชัว ทําดี และทําจิตใจให้ผองแผ้ว ่ บทที่ 5 ระบบประโยคในภาษาไทย หน้ า 24
  • 25. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ประโยค คือ การนําถ้อยคํามาเรี ยงกันอย่างเป็ นระเบียบ และมีเนื้อความครบถ้วนสมบูรณ์ โครงสร้ างของประโยค ภาคประธาน ประธาน ขยายประธาน + ภาคแสดง กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกริยา ่ เช่น นกน้อยสองตัว กําลังบินอยูบนท้องฟ้ า ตํารวจร่ างใหญ่ จับคนร้ายคนนั้น การเน้ นประโยค การเน้ นรู ปแบบประโยค หมายถึง การวางรู ปแบบของคําในประโยค เรี ยกตามการวางชนิดของคําที่ทาหน้าที่ในประโยค มี 4 ชนิด คือ ํ 1. ประโยคเน้ นประธาน คือ การวางส่ วนผูกระทําไว้ส่วนต้นของประโยค ้ เช่น แดงเล่นฟุตบอล โรงเรี ยนนี้มีนกเรี ยนน่ารักจํานวนมาก ั แมวตัวนั้นกระโดดสู งมาก 2. ประโยคเน้ นกรรม คือ การวางส่ วนผูถูกกระทําไว้ส่วนต้นของประโยค ้ เช่น ขนมเค้กนี้แม่ทาให้ฉน ํ ั รถยนต์ลางเสร็ จแล้ว ้ ป้ าถูกแมวกัด 3. ประโยคเน้ นกริยา คือ การวางกริ ยา 3 คํา มี เกิด ปรากฏ ไว้ส่วนต้นของประโยค เช่น มีขาวในนา ้ เกิดฟ้ าผ่าเมื่อวาน ปรากฏนํ้าท่วมภาคใต้ 4. ประโยคมีผ้ ูรับใช้ คือ ประโยคประธาน หรื อกรรม มีผรับใช้ เข้ามาแทรก ู้ เช่น คุณพ่อให้ฉนล้างรถ ั ครู ใหญ่บอกให้นกเรี ยนเข้าเรี ยน ั เจตนาของประโยค ประโยคแบ่งตามเจตนาได้ 3 ประเภท คือ 1. ประโยคแจ้ งให้ ทราบ หมายถึง ประโยคที่ผส่งสารมีเจตนาในการเล่าเรื่ องใดเรื่ องหนึ่ง เป็ นการกล่าวทัวไป ู้ ่ หน้ า 25
  • 26. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เช่น นักเรี ยน ม.6 ของโรงเรี ยนนี้ น่ารักทุกคน ผูหญิงสวมเสื้ อสี ฟ้าเป็ นน้องสาวของฉัน ้ หนังสื อเล่มนี้ราคาแพงมาก 2. ประโยคถามให้ ตอบ หมายถึง ประโยคที่ผส่งสารมีเจตนา ในการถามเพื่อให้อีกฝ่ ายตอบ ู้ เช่น ใครไม่ชอบวิชาภาษาไทยบ้าง คุณจะไปเรี ยนต่อที่ไหน อะไรที่เธอต้องการบ้าง 3. ประโยคบอกให้ ทา หมายถึง ประโยคที่ผส่งสารมีเจตนา ให้ผรับสารปฏิบติตามความต้องการของตน ู้ ู้ ั ่ มักอยูในรู ปแบบ คําสั่งขอร้อง อ้อนวอน แนะนํา ตักเตือน และสั่งห้าม เช่น ห้ามเดินลัดสนาม คุณไปดูหนังกับฉันเย็นนี้นะ ตอนกลับอย่าลืม ซื้ อโจ๊กมาฝากด้วย ชนิดของประโยค 1. ประโยคความเดียว คือ ประโยคที่มีใจความเพียงหนึ่ง มีภาคประธาน และภาคแสดงอย่างละ 1 ส่ วน ข้ อสั งเกต ประโยคความเดียวจะมีกริ ยาสําคัญเพียงตัวเดียว เช่น ป้ าตัดผม คุณพ่อของเธอเป็ นตํารวจใจดี โปรดทิงขยะลงถัง ้ 2. ประโยคความรวม คือ การนําประโยคความเดียวตั้งแต่สองประโยคขึ้นไปมารวมกัน มักใช้คาสันธานเป็ นตัวเชื่อม ํ แบ่งเป็ น 4 ชนิด ดังนี้ 2.1 ประโยคความรวมแบบคล้อยตามกัน เช่น ปรี ชาทํางานเสร็ จแล้วเขาก็รีบกลับบ้าน พอโรงเรี ยนเลิก เธอก็รีบกลับบ้าน 2.2 ประโยคความรวมแบบขัดแย้งกัน เฃ่น กว่าเธอจะมาถึงเขาก็หลับพอดี น้องชอบดูหนัง แต่พี่ชอบฟังเพลง แม้เธอจะไม่สวยแต่ก็มีเสน่ห์ 2.3 ประโยคความรวมแบบเป็ นเหตุเป็ นผล เช่น เพราะฝนตกหนักจึงเกิดนํ้าท่วม นิตยาเป็ นคนจูจ้ ีลูก ๆ เลยไม่ค่อยรัก ้ อารี หิวมากเธอก็เลยทานข้าวสองจาน 2.4 ประโยคความรวมแบบให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หน้ า 26
  • 27. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เธอควรเลือกระหว่างฉันหรื อไม่ก็เขา ไม่ลุงก็ป้าต้องให้ของขวัญแก่ฉนแน่ ๆ ั จะดูหนังสื อหรื อฟังเพลงก็เลือกเอาสักอย่างสิ ข้ อควรระวัง ออกสอบทุกปี คนรู ปหล่อสวมเสื้ อขาว ่ คนรู ปหล่อสวมเสื้ อขาว ยืนสอนหนังสื ออยูหน้าห้อง ่ คนรู ปหล่อยืนสอนหนังสื ออยูหน้าห้อง เช่น เด็กซนว่ายนํ้า เด็กซนว่ายนํ้าไปเกาะเรื อ เด็กซนไปเกาะเรื อ ปู่ นอนอย่างมีความสุ ข ปู่ นอนฟังเพลงอย่างมีความสุ ข ปู่ ฟังเพลงอย่างมีความสุ ข 3. ประโยคความซ้ อน คือ ประโยคที่มีประโยคย่อยทําหน้าที่ขยายประโยคหลัก แบ่งเป็ น 2 ชนิด คือ 3.1 ประโยคย่อยทําหน้าที่หน่วยนาม (หน่วยนาม = นาม นามวลี สรรพนาม สรรพนามวลี = ประธาน กรรม ส่ วนเติมเต็ม ของประโยค) จะมีประพันธสรรพนาม ผู้ ,ที่, ซึ่ง, อัน เชื่อม เช่น คุณป้ าใส่ นาฬิกาที่คุณลุงซื้ อให้ แมวตัวที่ขโมยปลาถูกจับได้แล้ว รถเมล์ซ่ ึ งเธอรอเกือบสองชัวโมงมาถึงแล้ว ่ 3.2 ประโยคย่อยทําหน้าที่ขยายหน่วยกริ ยา (กริ ยา กริ ยาวลี) จะมี “ที,ว่า” เชื่อม ซึ่งทําหน้าที่ขยายกริ ยาหรื อวิเศษณ์ เช่น ผมยินดีดวยทีคุณได้รับรางวัล แม่บอกว่าพ่อจะมารับไปเที่ยวภูเก็ต ้ ่ ข้ อควรจา ระวังประโยคที่ไม่จบความ ไม่ถือว่าไม่เป็ นประโยค เช่น รถยนต์คนที่ชนเด็กนักเรี ยน (ขาดภาคแสดง) ั ่ ขณะที่เธอเดินอยูบนถนนอย่างเหม่อลอย (ประโยคไม่จบความ) พ่อขุนรามคําแหงมหาราชกษัตริ ยแห่งกรุ งสุ โขทัยองค์ที่ 3 (ขาดภาคแสดง) ์ ตัวอย่ างข้ อสอบบทที่ 5 เรื่องระบบประโยคในภาษาไทย 1. ข้อใดเป็ นประโยคสมบูรณ์ (O-Net 49) หน้ า 27
  • 28. เอกสารประกอบการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 1. ภาษาไทยพัฒนามาตลอดเวลา 2. ประเทศชาติบานเมืองของเรา ้ 3. เด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวคนนั้น 4. ทะเลสาบข้างหมู่บานเจ้าพระยา ้ 2. ข้อใดเป็ นประโยคสมบูรณ์ (O-NET 50) 1. การแต่งกายตามสมัยหรื อตามแฟชันของวัยรุ่ น ่ 2. มีข่าวโรคไข้ หวัดนกระบาดในหลายจังหวัดของไทย 3. บุคลิกภาพหรื อชื่อเสี ยงของผูพดและการยอมรับจากผูฟัง ้ ู ้ 4. ความเชื่อสิ่ งศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริ ย ์ ตลอดจนเรื่ องไสยศาสตร์ 3. ข้อใดเป็ นประโยคไม่ สมบูรณ์ (A-Net 49) 1. ร้านสวยรับสั่งทําเพชรทุกชนิดด้วยฝี มือดีและงานประณี ต 2. โรงแรมเบิร์ดพาราไดซ์ หรู แบบมีสไตล์ ห้องพักสะอาด บริ การดี 3. ร้ านเอก ศูนย์ รวมวัสดุก่อสร้ างครบวงจรทีใหญ่ ทสุดในพิษณุโลก ่ ี่ 4. พลอยเพชรศูนย์ศลยกรรมความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง มีแพทย์ผเู ้ ชี่ยวชาญเฉพาะทาง ั 4.กลุ่มคําในข้อใดเป็ นนามวลีท้ งหมด (A-Net 49) ั 1. นกบนต้นไม้ วิงออกกําลังกาย ข้างหลังภาพ ่ 2. โรงเรี ยนของเรา สู งเทียมฟ้ า วิมานดิน 3. ผู้บริหารโรงเรียน นายกสมาคม ทหารประจาการ 4. ฟ้ าเพียงดิน สุ ดแดนสยาม เด็กเลี้ยงแกะ 5.ในข้อความนี้มีประโยคที่สมบูรณ์กี่ประโยค(A-NET 50) ่ พิธีกระทําสัตย์สาบานต่อกษัตริ ยน้ ี เป็ นพิธีของศาสนาพราหมณ์ที่ได้เข้าไปมีบทบาทอยูในราชสํานักของ ์ กษัตริ ยรัฐสังคมทาสของสมัยนครหลวง ์ 1. 1 ประโยค 2. 2 ประโยค 3. 3 ประโยค 4. 4 ประโยค 6. ข้อความต่อไปนี้มีกี่ประโยค (A-Net 49) ปั จจุบนหมู่บานบ่อเหล็กนํ้าพี้ได้เปิ ดพิพิธภัณฑ์ให้นกท่องเที่ยวเข้าชมการตีเหล็กซึ่ งใช้วตถุดิบ ั ้ ั ั ในท้องถิ่น ทางหมู่บานได้มีการรวมกลุ่มกันเปิ ดโรงทํามีดเหล็กนํ้าพี้โบราณ ทั้งดาบอาคม มีดหมอ ้ มีดตัดลู กนิ มิต และมี ดใช้สอย ท่านจะหาชมการตี มีดได้ทวไปในหมู่บานบ่อเหล็กนํ้าพี้ จังหวัด ั่ ้ อุตรดิตถ์ 1. 1 ประโยค 2. 2 ประโยค 3. 3 ประโยค 4. 4 ประโยค 7. ข้อใดเป็ นประโยคคําถาม (O-Net 49) 1. อะไรฉันก็กินได้ท้ งนั้น ั 2. เธอนันเอง ฉันนึกว่าใครเสี ยอีก ่ 3. ทาไมเธอไม่ อ่านคาสั่ งให้ ดีเสี ยก่อน4. เมื่อไรเขาจะมาก็ไมรู ้ 8. ประโยคในข้อใดต้องการคําตอบ (A-Net 49) 1. ไหนจะเก่งเหมือนเธอล่ะ 2. อะไร เธอจะให้ ฉันอยู่คนเดียวจริง ๆ หรือ 3. ใครอยากไปก็ไปได้ 4. ทําไมฉันจะต้องบอกเธอด้วย หน้ า 28