More Related Content
More from Charisma Sp (14)
spy
- 6. แหล่งซากดึกดาบรรพ์เกาะตะรุเตา อาเภอละงู จังหวัดสตูล
แหล่งซากดึกดาบรรพ์เกาะตะรุเตา อยู่ห่างจากตัวจังหวัดสตูลไปทางทิศตะวันตก ราว ๔๕ กิโลเมตร
เป็ นบริเวณที่มีซากดึกดาบรรพ์ อายุเก่าแก่ ที่สุดในประเทศไทย มีการสะสมตัวตั้งแต่ ยุคแคมเบรียน
ตอนปลาย ต่อเนื่องมาจนถึงยุคออร์โดวิเชียนตอนต้น ราว ๕๐๐ - ๔๗๐ ล้านปี มาแล้ว ได้พบซากดึก
ดาบรรพ์ในชั้นหินดินดาน และหินทรายจากหลายบริเวณ บนเกาะตะรุเตา ได้แก่ อ่าวตะโละโต๊ะโป๊ ะ
อ่าวตะโละอุดัง และอ่าวมะละกา เป็ นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ไทรโลไบต์ บราคิโอพอด นอติลอยด์
และร่องรอยสัตว์ดึกดาบรรพ์
- 7. ไทรโลไบต์
เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ในไฟลัมอาร์โทรโพดา (Arthropoda) พวกเดียวกับกุ้ง ปู ที่เรียกชื่อว่า ไทรโลไบต์
เนื่องจากลาตัวแบ่งได้เป็น ๓ ส่วน คือ ส่วนแกนลาตัว และอีก ๒ ส่วนด้านข้างลาตัว รูปลักษณะคล้าย
กับแมงดาทะเลปัจจุบัน แต่มีขนาดเล็กกว่า ตั้งแต่ขนาดไม่กี่มิลลิเมตร จนถึง ๙๐ เซนติเมตร ไทรโล
ไบต์อาศัยอยู่ในทะเลตื้น และตามแนวปะการัง พบแพร่หลาย ในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้น สูญพันธุ์
ไปเมื่อปลายยุคเพอร์เมียน ไทรโลไบต์ที่พบบนเกาะตะรุเตา มีบางชนิด เป็นชนิดใหม่ที่เพิ่งพบในโลก
เช่น Parakoldinioidia thaiensis, Thailandium solum และ Eosaukia buravasi
- 10. ร่องรอยสัตว์ดึกดาบรรพ์
คือ ร่องรอยที่เกิดจากการทากิจกรรมของสัตว์ เช่น รู หรือรอย
ชอนไชของสัตว์ในดิน เพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อหาอาหาร สัตว์
ต่างชนิดกันจะขุดรู และมีแนวทางการชอนไช เพื่อหาอาหารที่
ต่างกัน ที่เกาะตะรุเตา พบร่องรอยสัตว์ดึกดาบรรพ์หลายชนิด
ในหินทรายสีแดง เช่น รอยทางเดิน ของสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลัง และรอยชอนไชของหนอน สกุลGordia sp. ซึ่งเป็นรอยวน
กลมๆ
- 11. แหล่งซากดึกดาบรรพ์บ้านป่ าเสม็ด อาเภอละงู จังหวัดสตูล
แหล่งซากดึกดาบรรพ์บ้านป่าเสม็ด อยู่ห่างจากตัวเมืองสตูลไปทางทิศเหนือ
ประมาณ ๔๕ กิโลเมตร เป็นบริเวณที่ค้นพบ ซากดึกดาบรรพ์หลายชนิด ได้แก่
แกรปโทไลต์ (Graptolite) และเทนทาคูไลต์ (Tentaculite) อายุราว ๔๐๐ - ๓๘๕
ล้านปี ในยุคดีโวเนียน
- 12. แกรปโทไลต์
เป็นสัตว์ทะเลที่ลอยอยู่ บนผิวน้า ซากดึกดาบรรพ์ที่พบ ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้าย
รอยพิมพ์บางๆ บนหินดินดาน สีดา หรือมีรูปร่างคล้ายกิ่งไม้ แกรปโทไลต์ถือ
เป็นซากดึกดาบรรพ์ดัชนี เนื่องจาก พบมากในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้น
ตั้งแต่ยุคออร์โดวิเชียนถึงยุคดีโวเนียน ซากดึกดาบรรพ์แกรปโทไลต์ที่พบใน
บริเวณนี้ ได้แก่ สกุล Diplograptus sp. และClimacograptus sp. อยู่ใน
หินดินดานสีดา
- 14. แหล่งซากดึกดาบรรพ์เขาถ่าน อาเภอสวี จังหวัดชุมพร
แหล่งซากดึกดาบรรพ์เขาถ่าน ตั้งอยู่บริเวณชายทะเลบ้านเขาถ่าน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดชุมพรไป
ทางทิศใต้ประมาณ ๓๐ กิโลเมตร เป็นเขาหินปูน สลับกับหินดินดาน มีอายุตั้งแต่ยุคคาร์บอนิ
เฟอรัสตอนปลายจน ถึงยุคเพอร์เมียนตอนต้น ราว ๓๐๐ - ๒๗๐ ล้านปี มาแล้ว พบซากดึกดา
บรรพ์หลายชนิด ได้แก่ หอยกาบคู่ ไบรโอซัว ไครนอยด์ บราคิโอพอด ฟองน้า และร่องรอยสัตว์
ดึกดาบรรพ์
- 17. ไบรโอซัว
เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ใน ไฟลัมไบรโอซัว (Bryozoa) ชอบอาศัยอยู่เป็นกลุ่ม ใน
บริเวณทะเลตื้น น้าใส แต่อาจพบบ้าง ในแหล่งน้าจืด ส่วนใหญ่ยึดติดอยู่กับพื้น
ทะเล แต่สามารถเคลื่อนที่ช้าๆ ได้โดยรอบ มีรูปร่างหลายแบบ บ้างเป็นแผ่นบางๆ
ติดอยู่กับก้อนหินหรือเปลือกหอย บ้างมีรูปร่างคล้ายต้นไม้ขนาดเล็ก พบตั้งแต่ยุค
ออร์โดวิเชียนจนถึงปัจจุบัน แต่พบมาก ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส ไบรโอซัวที่พบใน
บริเวณนี้ ได้แก่ Fenestella sp. และ Polypora sp.
- 21. ฟิวซูลินิด
เป็นสัตว์ทะเลเซลล์เดียวจัดอยู่ในไฟลัมโพรโทซัว อันดับฟอแรมมินิเฟอรา อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่น และ
บริเวณน้าตื้น ลักษณะภายนอกส่วนใหญ่มีรูปร่างยาว หัวท้ายแหลม ลักษณะคล้ายกับเมล็ดข้าวสาร และมี
ขนาดเล็ก คือยาวประมาณ ๑ - ๑.๕ เซนติเมตร ทาให้คนทั่วไปคิดว่า เป็นข้าวสารหิน จึงนิยมเรียกว่า คต
ข้าวสาร พบมากในยุคคาร์บอนิเฟอรัสและยุคเพอร์เมียน สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปลายยุคเพอร์เมียน จึงนิยมใช้
เป็นซากดึกดาบรรพ์ดัชนี เนื่องจากแต่ละสกุลมีช่วงชีวิตสั้น เกิดแพร่หลาย เป็นบริเวณกว้าง มีวิวัฒนาการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถกาหนดอายุได้แน่นอน ซากดึกดาบรรพ์ฟิวซูลินิด ที่พบในบริเวณนี้
ได้แก่ Verbeekina verbeeki, Parafusulina gigantea, Pseudodoliolina pseudolepida และ
Sumatrina annae
- 27. การระเบิดของภูเขาไฟที่ที่ราบสูง Deccan ในประเทศอินเดีย(Deccan
Traps Volcanism)
การระเบิดครั้งนี้เป็นการระเบิดที่รุนแรงที่สุดในช่วงอายุของโลกและเป็นการ
ระเบิดที่เนื่องมาจาก mantle plume หรือ hotspot จากใต้โลก เป็นผลทาให้
ลาวาชนิด basaltic (basaltic lava) จานวนมหาศาลไหลสู่เปลือกโลก ปก
คลุมพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางไมล์ และหนากว่า 1 ไมล์ เกิด mantle
degassing ทาให้คาร์บอนไดออกไซด์ และไอน้าถูกนาขึ้นสู่ผิวโลกด้วยอัตราที่
ผิดปกติ ก่อให้เกิดชั้น greenhouse gases ในบรรยากาศกักเก็บความร้อน
จากดวงอาทิตย์ไว้ที่ผิวของโลกไม่ให้มีการถ่ายเท อุณหภูมิจึงสูงขึ้น รวมทั้ง
ทาให้วัฏจักรของคาร์บอนและออกซิเจน เปลี่ยนแปลงจนนามาสู่การสูญพันธุ์
ของไดโนเสาร์
- 28. ไดโนเสาร์เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินและสูญ
พันธุ์หมดสิ้นจากโลกนี้ เมื่อหลายสิบล้านปีมาแล้ว ในปัจจุบันพบเพียงซาก
กระดูกส่วนต่าง ๆ ซึ่งเราเรียกว่าฟอสซิลของไดโนเสาร์คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า
ไดโนเสาร์เป็นสัตว์ที่ใหญ่โต มโหฬารหรือเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์
เช่นเดียวกับปลาวาฬ บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลก
แต่โดยความเป็นจริง ไดโนเสาร์มี ขนาดและรูปร่างแตกต่างกันมากมาย
ตั้งแต่ขนาดใหญ่มหึมา น้าหนักกว่า 100 ตัน สูงมากกว่า 100 ฟุต จนถึง
พวกที่ขนาดเล็ก ๆ บางชนิดก็มีขนาดเล็กกว่าไก่ บางพวกเดินสี่ขา บางพวกก็
เดินและวิ่งบนขาหลัง 2 ข้าง บางพวกกินแต่พืชเป็นอาหาร ในขณะที่อีกพวก
หนึ่งกินเนื้อเช่นเดียวกับสัตว์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- 29. ไดโนเสาร์พวกแรกปรากฎขึ้นมาในโลกในช่วงตอนปลายของยุคไทรแอสสิกเมื่อกว่า225ล้านปี
มาแล้วเป็นเวลาที่ทวีปทั้งหลาย ยังต่อเป็นผืนเดียวกัน สัตว์เลื้อยคลานพวกนี้มีชีวิตอยู่และมี
วิวัฒนาการตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง 160 ล้านปี กระจัด กระจายแพร่หลายอยู่ทั่วผืนแผ่นดิน
ในโลก แล้วจึงได้สูญพันธุ์ไปหมดในปลายยุคครีเทชียสหรือเมื่อ 65 ล้านปีที่ล่วงมาแล้ว ในขณะที่
ต้นตระกูลของมนุษย์เพิ่งจะปรากฎในโลกเมื่อ 5 ล้านปีที่ผ่านมา หลังจาก ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว
ถึง 60 ล้านปี และเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ปัจจุบันนั้นเพิ่งเริ่มต้นมาเมื่อไม่เกินหนึ่งแสนปีมานี่เองมนุษย์
มักจะคิดว่าไดโนเสาร์นั้นโง่และธรรมชาติสร้างมาไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม จึงทาให้มันต้อง
สูญพันธุ์ไปทั้งหมด ความคิดนี้ไม่ถูก โดยแท้จริงแล้วไดโนเสาร์ได้เจริญแพร่หลายเป็น เวลายาวนาน
กว่า 30 เท่า ที่มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในโลก ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ไดโนเสาร์ได้มีวิวัฒนา การ
ออกไปเป็นวงศ์สกุลต่าง ๆ กันมากมาย เท่าที่ค้นพบและจาแนกแล้วประมาณ 340 ชนิด และคาด
ว่า ยังมีอีกเป็นจานวนมากที่กาลังรอคอยการค้นพบอยู่ในที่ต่าง ๆ กันทั่วโลก ทุกวันนี้ ทั่วโลกมีคณะ
สารวจ ไดโนเสาร์อยู่ประมาณ 100 คณะทาให้มีการค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ประมาณว่ามี การค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่เพิ่มขี้น 1 ชนิดในทุกสัปดาห์ นักโบราณชีววิทยา แบ่ง
ไดโนเสาร์ออกเป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ โดยอาศัยความแตกต่างของกระดูกเชิงกราน คือ
พวกซอริสเซียน (Saurischians) มีกระดูกเชิง กรานเป็นแบบสัตว์เลื้อยคลาน คือ กระดูก พิวบิส
และอิสเชียมแยกออกจากกันเป็นมุมกว้าง
พวกออรืนิธิสเชียน (Ornithiscians) มีกระดูก เชิงกรานเป็นแบบนก คือ กระดูกทั้ง 2 (พิวบิสและ
อิสเชียม) ชี้ไปทางด้านหลัง
- 31. แหล่งซากไดโนเสาร์ภูเวียง อาเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น
ภูเวียงตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียง ห่างจากตัวจังหวัดขอนแก่น ไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๘๗
กิโลเมตร มีลักษณะภูมิประเทศเป็นสันเขา สูงประมาณ ๒๕๐ - ๗๕๐ เมตร โอบล้อมแอ่งที่ราบไว้ภายใน
ภูเวียง เป็นบริเวณที่ค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ พบอยู่ที่บริเวณภู
ประตูตีหมา เป็นกระดูกท่อนขาของไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ ต่อมาได้มีการสารวจพบไดโนเสาร์ ทั้ง
จาพวกกินพืช และกินเนื้อ ชนิดใหม่ของโลกหลายชนิด ได้แก่ ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ ซึ่งได้มีการขอ
พระราชทานพระราชานุญาต ตั้งชื่อตามพระนาม ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
(Phuwiangosaurus sirindhornae) ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก (Compsognathus sp.) ไดโนเสาร์กิน
เนื้อ (Siamosaurus suteethorni) และไดโนเสาร์กินเนื้อ ซึ่งคาดว่า เป็นบรรพบุรุษของไทรันโนซอรัส
(Siamotyrannus isanensis) ทั้งหมดพบในหมวดหินเสาขัว อายุประมาณ ๑๓๐ ล้านปี นอกจากนี้ ยัง
พบรอยเท้าไดโนเสาร์บริเวณหินลาดป่าชาด ในหมวดหินพระวิหาร ซึ่งมีอายุ ประมาณ ๑๔๐ ล้านปี เป็น
รอยพิมพ์นิ้ว ๓ นิ้ว คล้ายรอยเท้านก ที่ปลายนิ้วมีร่องรอย ของเล็บแหลมคม บ่งชี้ว่าเป็นรอยเท้า
ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก ไดโนเสาร์ที่ภูเวียง เป็นไดโนเสาร์สกุลและชนิดใหม่ ซึ่งเป็นต้นแบบของโลก
ถึง ๓ ชนิด เพื่อใช้เป็นข้อมูล สาหรับเปรียบเทียบกับข้อมูลที่พบใหม่ทั่วโลก โดยหากพบไดโนเสาร์ที่ใด
เหมือนกับที่ภูเวียง ก็จะต้องเรียกชื่อตาม ดังนั้น จึงควรเก็บรักษาซากไดโนเสาร์ต้นแบบนี้ไว้ ให้คงอยู่
ตลอดไป
- 33. แหล่งซากไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว อาเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ภูกุ้มข้าว ตั้งอยู่ที่ตาบลโนนบุรี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดกาฬสินธุ์ไปทางทิศ
เหนือประมาณ ๒๙ กิโลเมตร เป็นเขาโดดสูงประมาณ ๓๐๐ เมตร พบซาก
กระดูกไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในชั้น
หินทรายปนหินดินดานสีแดง ของหมวดหินเสาขัว อายุประมาณ ๑๓๐ ล้าน
ปี ที่หลุมขุดค้นไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว ได้มีการขุดพบกระดูกมากกว่า ๖๓๐ ชิ้น
เป็นกระดูกส่วนคอ ขา สะโพก ซี่โครง และหางของไดโนเสาร์กินพืชไม่ต่า
กว่า ๖ ตัว ลักษณะกระดูกที่พบ เป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่
(Phuwiangosaurus sirindhornae) นอกจากนี้ ยังพบฟันของไดโนเสาร์กิน
พืช และกินเนื้ออีกมากกว่า ๒ ชนิด
- 35. แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ภูหลวง อาเภอภูหลวง จังหวัดเลย
แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ภูหลวง ตั้งอยู่บนยอดภูหลวง ในบริเวณที่
เรียกว่า ผาเตลิ่น ในเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง
รอยเท้าที่ปรากฏอยู่บนชั้นหินทรายมีขนาดกว้าง ๓๕ เซนติเมตร ยาว
๓๑ เซนติเมตร ลึก ๓ - ๔ เซนติเมตร ปรากฏให้เห็นจานวน ๑๕ รอย
เป็นรอยเดินไปทางทิศใต้ ๑๐ รอย และรอยสวนกลับ ๒ รอย รอยเดิน
ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ๒ รอย และอีกรอยไม่ชัดเจน เป็น
รอยเท้าของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่เดินด้วยขาหลัง ๒ ข้าง
เนื่องจาก มีลักษณะแสดงรอยเล็บแหลมคม รอยเท้าดังกล่าวนี้อยู่ใน
หมวดหินภูพาน อายุประมาณ ๑๒๐ ล้านปี
- 38. แหล่งซากดึกดาบรรพ์ปลาภูน้าจั้น อาเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ตั้งอยู่ที่ภูน้าจั้น ใกล้วัดพระพุทธบุตร พบในชั้นหินทราย มีอายุตั้งแต่ปลาย
ยุคจูแรสสิก ถึงต้นยุคครีเทเชียส ราว ๑๓๐ ล้านปี มาแล้ว
ซากดึกดาบรรพ์ปลาที่พบมีขากรรไกร ซึ่งต่างจากปลาโดยทั่วไปคือ
ขากรรไกรสั้นต้องดูดอาหารที่อยู่ใกล้ๆ ปากเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีเกล็ด
แข็งเป็นเงาวาวเพื่อช่วยพยุงลาตัว เนื่องจาก ยังไม่มีการพัฒนากระดูกสัน
หลังเท่าที่ควร จากการศึกษา พบว่า เป็นซากดึกดาบรรพ์ปลาชนิดใหม่ของ
โลก ให้ชื่อว่า เลปิโดเทส พุทธบุตรเอนซิส (Lepidotes buddhabutensis)
จัดอยู่ในวงศ์ Semionotidae แหล่งซากดึกดาบรรพ์ปลาแห่งนี้มีซากปลาเลปิ
โดเทสที่สมบูรณ์มากกว่า ๑๐๐ ตัว ถือได้ว่า เป็นแหล่งซากดึกดาบรรพ์ปลา
เลปิโดเทสที่ใหญ่ที่สุด ในทวีปเอเชีย สันนิษฐานว่า บริเวณนี้เคยเป็นแอ่งน้า
จืดขนาดใหญ่มาก่อน
- 42. แหล่งซากดึกดาบรรพ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เหมืองถ่านหิน อาเภอ
เหนือคลอง จังหวัดกระบี่
เหมืองถ่านหินกระบี่ อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ ไปทางทิศตะวันออก
เฉียงใต้ ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของแอ่งสะสมตัว ยุค
พาลีโอจีน ตะกอนประกอบด้วยชั้นหินโคลน หินทรายแป้ง และหิน
ทราย มีชั้นถ่านหินหนาประมาณ ๒๐ เมตร ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง
ประเทศไทย ได้ขุดชั้นถ่านหินดังกล่าวไปใช้ผลิตไฟฟ้า
- 43. ซากดึกดาบรรพ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่พบในชั้นถ่านหินมี
มากกว่า ๒๐ ชนิด ได้แก่ ไพรเมต ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ ของไพร
เมตชั้นสูง (Siamopithecus eocaenus) สัตว์กินเนื้อ (Nimravus
thailandicus) สัตว์กีบ (Siamotherium krabiense,
Anthracotherium chaimanei) หนู นอกจากนี้ ยังพบเต่า งู
ปลา และจระเข้ รวมทั้งซากหอยน้าจืด เช่น หอยขม และหอย
กาบคู่จานวนมาก ในชั้นหินโคลน เนื่องจากบริเวณแอ่งกระบี่นี้
เป็นแอ่งน้าจืดขนาดใหญ่ ที่มีทางน้าไหลผ่าน และเป็นแหล่ง
อาหารที่อุดมสมบูรณ์ จึงทาให้มีสัตว์อาศัยอยู่เป็นจานวนมาก
ซากสัตว์เหล่านี้มีอายุประมาณ ๓๗ - ๓๓.๕ ล้านปี ในสมัยอี
โอซีนตอนปลาย
- 49. แหล่งซากดึกดาบรรพ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม บ่อทราย อาเภอเฉลิมพระ
เกียรติ จังหวัดนครราชสีมา
บ่อทรายตั้งอยู่ที่ ตาบลท่าช้าง และตาบลช้างทอง ห่างจากตัวจังหวัด
นครราชสีมาไปทางทิศตะวันออกราว ๑๙ กิโลเมตร เป็นบ่อขุด และดูด
ทราย ริมฝั่งแม่น้ามูลในปัจจุบัน ความลึกของบ่อทรายราว ๒๐ - ๔๐ เมตร
ได้พบซากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น ซากช้างโบราณอย่างน้อย ๔
ชนิด ได้แก่ ช้างงาจอบ (Deinotherium sp.) ช้างสี่งา (Gomphotherium
sp. และ Stegolophodon sp.) และช้างสเตโกดอน (Stegodon sp.) แรด
โบราณ ม้าโบราณ และเอปโคราช (Khoratpithecus piriyai) ซึ่งเป็นบรรพ
บุรุษอุรังอุตัง นอกจากนี้ ยังพบเต่าโบราณขนาดใหญ่ และจระเข้โบราณ
รวมถึงซากต้นไม้ขนาดใหญ่จานวนมาก ความหลากหลายของซากดึกดา
บรรพ์ที่พบ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ของลุ่มน้ามูลโบราณ เมื่อ
ประมาณ ๙ - ๗ ล้านปี ก่อนในสมัยไมโอซีนตอนปลายได้เป็นอย่างดี
- 51. สุสานหอยแหลมโพธิ์ อาเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่
สุสานหอยแหลมโพธิ์ตั้งอยู่บริเวณ ชายฝั่งทะเลบ้านแหลมโพธิ์ ตาบลไส
ไทย ห่างจากตัวจังหวัดกระบี่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว ๒๐
กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา และหมู่เกาะพี
พี สุสานหอยมีลักษณะเป็นแผ่นหินปูนหนาตั้งแต่ ๐.๐๕ - ๑ เมตร มี
เปลือกหอยขมน้าจืด วางทับถมกันเป็นจานวนมาก และเชื่อมประสาน
ด้วยน้าปูน จนยึดติดกันเป็นแผ่น เรียงซ้อนกัน คล้ายลานซีเมนต์ ชั้น
หินสุสานหอยโผล่ให้เห็นอยู่ตามริมหาดเป็นแนวยาว ประมาณ ๒
กิโลเมตร
- 53. แหล่งซากดึกดาบรรพ์ปลา บ้านหนองปลา อาเภอหล่มสัก จังหวัด
เพชรบูรณ์
ตั้งอยู่บริเวณบ้านหนองปลา ตาบลน้าเฮี้ย อยู่ห่างจากอาเภอหล่มสัก ไป
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๗ กิโลเมตร สถานที่พบ เป็นบ่อ
ขุด เพื่อเก็บน้าชลประทาน กว้างประมาณ ๔๐ เมตร ยาวประมาณ ๑๒๐
เมตร ลึกประมาณ ๔ เมตร เป็นหินโคลนสีเทาขาว อยู่ในยุคนีโอจีน
ปัจจุบันน้าท่วมหมดแล้ว
- 55. ซากดึกดาบรรพ์ปลาที่พบในแหล่งนี้มี อย่างน้อย ๑๑ ชนิด คือ
Leiocassis siamensis, Mystacoleucus sp., Bangana sp. ใน
จานวนนี้มี ๖ ชนิด ที่เป็นการค้นพบใหม่ในโลก
คือ Hypsibarbus antiquus, Proluciosoma pasakensis,
Hemibagrus major, Cetopangasius chaetobranchus,
Parambassis goliath และParambassis
paleosiamensis ทั้งหมดเป็นปลาน้าจืดมีอายุสมัยไมโอซีน
อาศัยตามหนองน้าและบึงใกล้ฝั่ง
- 57. แหล่งไม้กลายเป็ นหิน อาเภอบ้านตาก จังหวัดตาก
แหล่งไม้กลายเป็นหิน อาเภอบ้านตาก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดตากไปทาง
ทิศเหนือ ประมาณ ๑๕ กิโลเมตร ในพื้นที่เขตป่าสงวน แม่สลิด - โป่ง
แดง พบไม้ทั้งต้นกลายเป็นหิน ขนาดใหญ่หลายต้นอยู่ในชั้นกรวด ลา
ต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๘ เมตร ยาวมากกว่า ๒๐ เมตร มีอายุ
ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ ปี ประเทศไทยพบไม้กลายเป็นหินจานวนมาก ใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในมหายุคซีโนโซอิก และมีโซโซอิก
- 59. แหล่งซากหอยนางรมยักษ์ วัดเจดีย์หอย จังหวัดปทุมธานี
วัดเจดีย์หอยตั้งอยู่ที่ตาบลบ่อเงิน อาเภอลาดหลุมแก้ว อยู่ห่างจากตัว
จังหวัดปทุมธานี ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ ๒๒ กิโลเมตร
พบเปลือกหอยทะเลหลายชนิดสะสมตัว ปนกับซากไม้ผุในตะกอนดิน
เหนียวทะเล ที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม มีสีเทาถึงเทาปนเขียว ซากหอยที่พบ
มีหลายชนิด เช่น หอยแครง หอยกาบ หอยสังข์ และหอยลาย ซากหอย
ที่พบมากที่สุด เป็นหอยนางรมยักษ์ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
Crassostrea gigas เมื่อนาซากหอยนี้ไปหาอายุ ด้วยวิธีกัมมันตภาพรังสี
คาร์บอน ๑๔ พบว่ามีอายุประมาณ ๕,๕๐๐ ปี
- 61. ซากหอยเหล่านี้เป็นหอยที่อาศัยอยู่ในทะเลใกล้ชายฝั่ง ในที่ราบน้าขึ้น
ถึง หรือหาดเลน ที่มีป่าชายเลนขึ้นปกคลุม น้ากร่อย ค่อนข้างตื้น และมี
น้าขึ้นน้าลงประจาทุกวัน แสดงให้เห็นว่า ในอดีตบริเวณวัดเจดีย์หอย
เคยเป็นชายทะเลมาก่อน โดยพบว่า น้าทะเลท่วมที่ราบลุ่มภาคกลาง ไป
จนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อประมาณ ๖,๐๐๐ ปี ที่แล้ว ต่อมา
ทะเลโบราณลดระดับลง และเริ่มถอยร่นออกไปในช่วงประมาณ
๕,๗๐๐ - ๕,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา เมื่อน้าทะเลถอยร่นออกไป จึงพบซาก
หอยอยู่ในบริเวณนี้