Recommended
More Related Content
What's hot
งานนำเสนอส่วนประกอบของดอก กลุ่มที่8 ห้อง332 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- 1. หัวข้อ : ส่วนประกอบของดอก งานนาเสนอการสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของพืชดอก งานนาเสนอนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาชีววิทยา 4 (ว 30244)ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563
- 2. สมาชิกกลุ่ม จากซ้ายไปขวา: นางสาวพราวนภา สิรกุลจิรา , นางสาวธัญธิญา อินทโน , นางสาวมัทนพร ทองแดง , นายภาคิน จตุพศ , นายภาณุพงศ์ บรรลุผล ห้อง 332 เลขที่ 12 ห้อง 332 เลขที่ 7 ห้อง 332 เลขที่ 19 ห้อง 332 เลขที่ 39 ห้อง 332 เลขที่ 40
- 3. ครูผู้สอน ครูวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ครู คศ.2 สาขาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- 4. คานา รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาชีววิทยา4 (ว30244)ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่5 ห้อง332 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการนาเสนอ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องส่วนประกอบของดอกไม้ ซึ่งจะข้อมูลจะประกอบไปด้วยส่วน ต่างๆของดอกไม้ และหน้าที่ความสาคัญขององค์ประกอบนั้นๆ ทางคณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานนาเสนอนี้จะเป็นประโยชน์แก่ นักเรียนและบุคคลที่มีความสนใจในหัวข้อที่ทางคณะผู้จัดทาได้นาเสนอ คณะผู้จัดทา
- 6. ส่วนประกอบของดอก 1. Anther 2. Filament 3. Stigma 4. Style 5. Ovary 6. Ovule 7. Petal (วง=Corolla) 8. Sepal (วง=Calyx) 9. Receptacle 10.Peduncle(ในดอกช่อ= Pedicel) stamen pistil
- 7. Anther (อับละอองเรณู) ทาหน้าที่ชูอับเรณู อาจมีขนาดยาว หรือสั้นหรือพืชบาง ชนิดไม่มีเลย หรือบางชนิดเชื่อมรวมกัน ภายในมีถุงเกสรตัวผู้ (pollensac หรือ microsporangium)4 ถุง บรรจุกลุ่ม เซลล์ที่เรียกว่า microspore mother cell ซึ่งพัฒนาต่อไปเป็นเกสรตัวผู้หรือ ละอองเรณู (pollengrain) ที่เป็นเม็ดละเอียดคล้ายผง เมื่อดอกเจริญเติบโต เต็มที่หรือแก่ ถุงเรณูจะแตก ละอองเรณูที่อยู่ภายในก็จะปลิวกระจายออกไป และเกิดการถ่ายละอองเกสรขึ้น
- 8. Stigma (ยอดเกสรเพศเมีย) เป็นส่วนที่พองออกมีลักษณะเป็นตุ่มแผ่แบนเป็นแฉก เป็นพู และมีน้า เหนียวๆ หรือขนคอยจับละอองเรณูที่ลอยมาติดเมื่อเกิดการ pollination เป็นส่วนที่มีลักษณะเป็นเส้นหรือเป็นก้านเล็ก ๆอาจยาวหรือสั้นเชื่อมต่อ จากยอดเกสรตัวเมียลงสู่รังไข่ เป็นทางให้สเปิร์มนิวเคลียสเข้าไปผสมกับไข่ นาไปสู่ fertilization
- 9. Ovary (รังไข่) ประกอบด้วยผนังรังไข่ (ovary wall) ภายในเป็นห้อง (locule)ซึ่งอาจมี เพียง 1 loculeหรือมากกว่าก็ได้ ถ้ามีมากกว่า 1 ห้อง จะมีผนังกั้น เรียกว่า septum ภายในรังไข่มีออวุล(ovule) โดยจะเชื่อมติดกับผนังรังไข่ ด้วยก้านเล็ก ๆ ที่เรียกว่า funiculusและบริเวณของผนังรังไข่ที่ก้าน funiculusเชื่อมติดอยู่เรียกว่า placenta ประเภทของดอก/รังไข่ แบ่งตามตาแหน่งของส่วนประกอบอื่น/รังไข่ ได้ 3 ประเภท
- 10. ออวุล (ovule) เป็นอับเมกะสปอร์ (megasporangium)พิเศษที่ห่อหุ้มแกมีโทไฟต์เพศเมีย (megagametophyte หรือ female gametophyte) หรือถุงเอ็มบริโอโดยที่ ภายในถุงเอ็มบริโอนี้มีเซลล์ไข่ ทั้งหมดนี้ถูกห่อหุ้มด้วยนิวเซลลัส(nucellus)และ ผนังออวุล (integument)จานวนหนึ่งหรือสองชั้นออวุลเมื่อสุกแก่จะพัฒนาเป็น เมล็ดต่อไป เป็นช่องเปิดเล็กๆที่ผนังออวุลสาหรับให้หลอดเรณูเจริญเข้าไปหาออวุล “ขั้วเมล็ด”เป็นรอยแผลเป็นบนเมล็ดเกิดจากการแยกตัวออก ของฐานก้านออวุล สันเมล็ด ฐานออวุล + sperm nuclei + sperm nuclei = embyo = endosperm fertilization
- 11. Petal (กลีบดอก) ทาหน้าที่ล่อแมลงให้มาช่วยถ่ายละอองเกสรส่วนของวงกลีบเลี้ยงและ วงกลีบดอกรวมกันมีชื่อเรียกว่า perianthพืชบางชนิดมี perianthที่ เหมือนกันและแยกไม่ออกว่าเป็นกลีบเลี้ยงหรือกลีบดอกแต่ละกลีบ ของ perianthนี้จึงมีชื่อเรียกว่า tepal กลีบดอกของต้นนกยูงฝรั่งมีสีสันฉูดฉาดไว้ล่อแมลง กลีบดอกมักมีจากมีการสะสมสารสีเช่น -สีเหลืองและสีแสดเกิดจากการสะสมของสารพวกคาโรทีนอยด์(carotenoids) ในโครโมพลาส -สีแดง น้าเงิน และม่วงจากการสะสมสารแอนโธไซยานิน(anthocyanin)ในcell sap ของแวคิวโอล กลีบดอกของพืชบางชนิดสามารถเปลี่ยนสีได้เช่น ดอกพุดตานและดอกไฮเดรนเยีย
- 12. Sepal (กลีบเลี้ยง) เป็นส่วนที่อยู่ด้านนอกสุดของดอกทาหน้าที่ห่อหุ้มและป้องกันอันตรายให้กับ ดอกที่กาลังเจริญเติบโต กลีบเลี้ยงเป็นส่วนที่เจริญและเปลี่ยนแปลงมาจาก ใบ กลีบเลี้ยงของดอกจะเรียงกันเป็นวงรอบดอก เรียกว่า วงกลีบเลี้ยง (calyx) ซึ่งอาจแยกกัน หรือเชื่อมติดกัน (เรียกว่า calyx tube) กลีบเลี้ยงอาจ มีกลีบสีเขียวเล็กๆ เรียกว่า ริ้วประดับ (epicalyx) เช่นใน พู่ระหง ชบา ริ้วประดับ
- 13. Receptacle (ฐานรองดอก) เป็นส่วนประกอบที่ทาหน้าที่รองรับส่วนอื่นๆของดอกฐานรองดอกเป็นที่ เจริญเติบโตแผ่ขยายต่อออกมาจาปลายก้านดอกมักจะมีกลีบเลี้ยงหุ้มไว้ อีกชั้นหนึ่ง ฐานรองดอกของพืชบางชนิดอาจจะหุ้มรังไขไว้ทั้งหมดเมื่อรังไข่เจริญ ขึ้น ฐานรองดอกก็เจริญด้วยและฐานรองดอกของพืชบางชนิด กลายเป็นเนื้อของผลที่ใช้รับทานได้ เรียกว่า accessory fruit(ผลเทียม) เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิล สาลี่ สตรอว์เบอร์รี่ เป็นต้น
- 14. Peduncle (ก้านดอก) ทาหน้าที่ชูดอกให้เด่นเพื่อสะดวกในการผสมพันธุ์ solitaryflower (ดอกเดี่ยว) inflorescencesflower(ดอกช่อ) ก้านดอก (peduncle) ก้านดอกย่อย (pedicel)
- 16. กิตติกรรมประกาศ งานนาเสนอนี้สาเร็จลุล่วงได้ดีด้วยความกรุณา จากอาจารย์วิชัย ลิขิตพรรักษ์ อาจารย์ประจารายวิชา ชีววิทยา3 (ว30244)ที่ให้คาเสนอแนะแนวคิด จนทาให้ งานนาเสนอนี้เสร็จสมบูรณ์ ผู้ศึกษาจึงขอกราบ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง คณะผู้จัดทา
- 19. ภาพการจัดทา power point เรื่องส่วนประกอบของดอก
- 20. ขอบคุณครับ/ค่ะ Thanks for your attention THANKS!