SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
Download to read offline
รายงาน
เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
จัดทาโดย
นางสาวเบญจมาศ คงดี
ชั้น ม.4/2 เลขที่ 19
เสนอ
อาจารย์จุฑารัตน์ ใจบุญ
โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์
อาเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
คานา
รายงานเล่มนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชา คอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 จัดทาขึ้นเพื่อศึกษา
ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่ อง ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที่จะเชื่ อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกันเพื่อการ
ติดต่อสื่ อสาร เราสามารถส่ งข้อมูลภายในอาคาร หรื อข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซี กหนึ่งของโลก ซึ่ ง
ข้อมูลต่างๆ อาจเป็ นทั้งข้อความ รู ปภาพ เสี ยง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ วแก่ผใช้ ผูจดทาหวังเป็ นอย่าง
ู้ ้ ั
ั
ยิงว่ารายงานเล่มนี้จะเป็ นประโยชน์กบเพื่อนๆไม่มากก็นอย
้
่
หากมีขอผิดพลาดประการใดผูจดทาต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ดวย
้
้ั
้

จัดทาโดย
นางสาว เบญจมาศ คงดี
สารบัญ
เรื่อง

หน้ า

ความหมายของระบบเครื อข่าย

1

องค์ประกอบของระบบเครื อข่าย

2

ประโยชน์ของระบบเครื อข่าย

3

ประเภทของระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์
รู ปแบบการเชื่อมโยงเครื อข่ายคอมพิวเตอร์

4
6

อ้างอิง

11
ระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
ความหมายของระบบเครือข่ าย
ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
ั
ตั้งแต่ 2 เครื่ องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรื อสื่ ออื่นๆ ทาให้คอมพิวเตอร์ สามารถรับส่ งข้อมูลแก่กน
และกันได้ในกรณี ที่เป็ นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ หลายๆ เครื่ องเข้ากับเครื่ องคอมพิวเตอร์
่
ขนาดใหญ่ที่เป็ นศูนย์กลาง เราเรี ยกคอมพิวเตอร์ ที่เป็ นศูนย์กลางนี้วา โฮสต์ (Host) และเรี ยกคอมพิวเตอร์
ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่ อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client)
ระบบเครื อข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่ อสาร เราสามารถส่ ง
ข้อมูลภายในอาคาร หรื อข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซี กหนึ่งของโลก ซึ่ งข้อมูลต่างๆ อาจเป็ นทั้งข้อความ
รู ปภาพ เสี ยง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ วแก่ผใช้ ซึ่ งความสามารถเหล่านี้ทาให้เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ มี
ู้
ความสาคัญ
ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนาเครื่ องคอมพิวเตอร์ มาเชื่ อมต่อเข้า
ด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่ อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ และ
การใช้ทรัพยากรของระบบร่ วมกัน (Shared Resource) ในเครื อข่ายนั้น ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ มี
องค์ประกอบที่สาคัญ เพื่อการเชื่ อมต่อเป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ แม่ข่าย (File
Server) ช่องทางการสื่ อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์
ในเครื อข่าย (Network Operation System)
องค์ ประกอบของระบบเครือข่ าย
1. Back Bone หรื อกระดูกสันหลัง ได้แก่ อุปกรณ์ต่อเชื่ อมและควบคุมการกระจายสัญญาณ เปรี ยบเสมือน
ระบบควบคุมประสาทในร่ างกายมนุษย์ ได้แก่ เราต์เตอร์ (Routher) กล่องรวมสาย (Hub) กล่องแยกสลับ
สัญญาณ (Switching) และเครื่ องแม่ข่ายซึ่ งเป็ นเสมือนหัวใจหลัก ใน Back Bone
2. สายสัญญาณ (Cabling) เปรี ยบกับร่ างกายมนุษย์ก็เหมือนเส้นเลือดที่นาเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงส่ วน ต่างๆ
ของร่ างกาย ในระบบเครื อข่าย สายสัญญาณจะนาสัญญาณระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ ลูกข่ายและแม่ข่าย
หรื อระหว่างลูกข่ายด้วยกันมาต่อเชื่ อมกัน
3. การ์ ดเครื อข่าย (Network Interface Card) ทาหน้าที่เป็ นวงจรล่าม คอยส่ งและแปลสัญญาณ โดยเป็ นไป
ตามข้อกาหนดหรื อข้อตกลงร่ วมกัน เรี ยกว่าโปรโตคอล การ์ ดเครื อข่ายที่มีความสามารถมากๆ จะทาหน้าที่
แยกแยะและควบคุมการส่ งสัญญาณได้อย่างเที่ยงตรงและมีประสิ ทธิ ภาพด้วย
4. ซอฟต์แวร์ สนับสนุนระบบเครื อข่าย ทาหน้าที่ในการ เชื่อมโยงทั้งสามภาคข้างบนที่กล่าวมานั้น ให้ทางาน
ร่ วมกันเป็ นระบบเครื อข่ายได้ ซึ่ งซอฟต์แวร์ น้ น จะดาเนิ นการควบคุมในระดับพื้นฐานคือฮาร์ ดแวร์ ตลอดไป
ั
จนถึงระบบซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่จะส่ งข้อมูลถึงกันและกัน ซึ่ งการทางานในขั้นตอนดังกล่าว
่
นั้น เป็ นไปตามระดับชั้นของข้อตกลงที่เรี ยกว่าโปรโตคอล
ประโยชน์ ของระบบเครือข่ าย
1. สามารถแชร์ ขอมูลใช้ร่วมกันได้ ข้อมูลต่างๆในแต่ละเครื่ องภายในระบบ หากมีผอื่นต้องการใช้ คุณ
้
ู้
สามารถแชร์ ให้ผอื่นนาไปใช้ได้ หรื อข้อมูลที่เป็ นส่ วนรวมก็สามารถแชร์ ไว้เพื่อให้หลายๆฝ่ ายนาไปใช้งาน
ู้
ได้ ซึ่ งก็จะช่วยทาให้ประหยัดเนื้ อที่ในการจัดเก็บและช่วยให้การปรับปรุ งข้อมูลในระบบง่ายขึ้นและไม่เกิด
่
ความขัดแย้งของข้อมูลด้วย เพราะข้อมูลมีอยูชุดเดียว
2. สามารถแชร์ อุปกรณ์ต่างๆร่ วมกันได้ เช่น เครื่ องพิมพ์ สแกนเนอร์ ซิ ปไดร์ ฟ เป็ นต้น โดยที่ไม่
จาเป็ นต้องซื้ ออุปกรณ์เหล่านั้นมาติดตั้งกับทุกๆเครื่ อง เช่นในบ้านคุณมีเครื่ องคอมพิวเตอร์ ท้ งหมด 4 เครื่ อง
ั
อาจจะซื้ อเครื่ องพิมพ์มาเพียงตัวเดียวและแชร์ เครื่ องพิมพ์น้ นเพื่อใช้ร่วมกันได้
ั
3. สามารถใช้โปรแกรมร่ วมกันหลายๆเครื่ องได้ เช่น ในห้อง LAB คอมพิวเตอร์ที่มีจานวน
คอมพิวเตอร์ที่มีจานวนเครื่ องในระบบจานวน 30 เครื่ อง คุณสามารถซื้ อโปรแกรมเพียงแค่ 1 ชุดและ
สามารถใช้งานร่ วมกันได้ ซึ่ งจะทาให้สะดวกในการดูแลรักษาด้วย
4. การสื่ อสารในระบบเครื อข่ายผูใช้สามารถเชื่ อมกับเครื่ องอื่นๆในระบบได้ เช่น อาจจะส่ งข้อความ
้
จากเครื่ องของคุณไปยังเครื่ องของคนอื่นๆได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ E - Mail ส่ งข้อความข่าวสาร
ต่างๆภายในสานักงานได้อีก เช่น แจ้งกาหนดการต่างๆแจ้งข้อมูลต่างๆให้ทุกๆคนทราบ โดยไม่ตองพิมพ์
้
ออกทางเครื่ องพิมพ์เพื่อแจกจ่าย ทาให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง
5. การแชร์ อินเทอร์ เน็ต ภายในระบบเครื อข่ายคุณสามารถแชร์ อินเตอร์ เน็ตเพื่อใช้ร่วมกันได้ โดยที่คุณ
ไม่จาเป็ นต้องซื้ อ Internet Account สาหรับทุกๆเครื่ องและไม่จาเป็ นต้องติดตั้งโมเด็มทุกเครื่ อง ซึ่ งก็จะช่วย
ให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
6. เพื่อการเรี ยนรู ้ การที่คุณได้ทดลองใช้งานระบบเครื อข่ายจะทาให้คุณสามารถเรี ยนรู ้และคุนเคยกับ
้
ระบบเครื อข่ายมากขึ้น ทาให้คุณมีประสบการณ์ในระบบเครื อข่ายมากขึ้นและจะทาให้คุณรู ้สึกว่ามันไม่ใช่
เรื่ องยากเลย
ประเภทของระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
แบ่ งออกเป็ น 3 ประเภท
1. เครื อข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรื อ LAN)
ั ่
่
ั
เป็ นเครื อข่ายระยะใกล้ ใช้กนอยูในบริ เวณไม่กว้างนัก อาจอยูในองค์กรเดียวกัน หรื ออาคารที่ใกล้กน เช่น
ภาพในสานักงาน ภายในโรงเรี ยนหรื อมหาวิทยาลัย ระบบเครื อข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้สะดวก
ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิ ทธิ ภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ

2. ระบบเครือข่ ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN) หมายถึง การเชื่อมต่อ เครื อข่าย
คอมพิวเตอร์ เป็ นเครื อข่ายขนาดกลาง ที่มีระยะทางการเชื่ อมต่อไกลกว่า ระบบเครื อข่ายท้องถิ่น (LAN) แต่
ระยะทางยังคงใกล้กว่าระบบ WAN (Wide Area Network) ได้แก่เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันภายใน
เมืองเดียวกันหรื อจังหวัดเดียวกัน ในเขตเดียวกันตัวอย่างเช่น เคเบิลทีวี
3. ระบบเครือข่ ายระยะไกล (Wide Area Network : WAN) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ระยะไกล
เป็ นเครื อข่ายขนาดใหญ่ เช่น ระหว่างประเทศ การเชื่อมต่อเครื อข่ายทัวโลก ติดตั้งใช้งานบริ เวณกว้างมีสถานี
่
หรื อจุดเชื่อมมากมาย และใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ไมโครเวฟ ดาวเทียม เนื่องจากเป็ นการติดต่อสื่ อสาร
ระยะไกล อัตราการรับส่ งข้อมูลจึงต่า และมีโอกาสผิดพลาดได้สูง การสื่ อสารระยะไกล จาเป็ นต้องมี
อุปกรณ์แปลงสัญญาณ คือ โมเด็ม ช่วยในการติดต่อสื่ อสาร และสามารถนาเครื อข่าย LAN มาเชื่อมต่อกัน
เป็ นเครื อข่ายระยะไกลได้ ตัวอย่างของเครื อข่ายระยะไกล เช่น อินเทอร์ เน็ต เครื อข่ายระบบงานธนาคารทัว
่
โลก เครื อข่ายของสายการบิน เป็ นต้น
รู ปแบบการเชื่ อมโยงเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
รู ปแบบการเชื่อมต่อเครื อข่ายหรื อมักเรี ยกสั้น ๆ ว่า โทโพโลยี เป็ นลักษณะทัวไปที่กล่าวถึงการเชื่อมต่อ
่
คอมพิวเตอร์ ทางกายภาพว่ามีรูปแบบหน้าตาอย่างไร เพื่อให้สามารถสื่ อสารร่ วมกันได้และด้วยเทคโนโลยี
เครื อข่ายท้องถิ่นจะมีรูปแบบของโทโพโลยีหลายแบบด้วยกัน ดังนั้น จึงเป็ นสิ่ งสาคัญที่จะต้องเรี ยนรู ้และทา
่
ความเข้าใจแต่ละโทโพโลยีวามีความคล้ายคลึง หรื อแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงข้อดีและข้อเสี ยของแต่ละ
ั
โทโพโลยี และโดยปกติโทโพโลยีที่นิยมใช้กนบนเครื อข่ายท้องถิ่นจะมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน คือ
 โทโพโลยีแบบบัส
 โทโพโลยีแบบดาว
 โทโพโลยีแบบวงแหวน
 โทโพโลยีแบบผสม

1. โทโปโลยีแบบบัส (Bus Topology)
ั
เป็ นโทโปโลยีที่ได้รับความนิยมใช้กนมากที่สุดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบน
ั
ลักษณะการทางานของ
เครื อข่าย โทโปโลยีแบบบัส คืออุปกรณ์ทุกชิ้นหรื อโหนดทุกโหนด ในเครื อข่ายจะต้องเชื่อมโยงเข้ากับสาย
สื่ อสารหลักที่เรี ยกว่า"บัส" (BUS) เมื่อโหนดหนึ่งต้องการจะส่ งข้อมูลไปให้ยงอีกโหนด หนึ่งภายใน
ั
่
เครื อข่าย จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าบัสว่างหรื อไม่ ถ้าหากไม่วางก็ไม่สามารถจะส่ งข้อมูลออกไปได้
ทั้งนี้เพราะสายสื่ อสารหลักมีเพียงสายเดียว ในกรณี ที่มีขอมูลวิงมาในบัส ข้อมูลนี้จะวิงผ่านโหนดต่างๆ ไป
้
่
่
่
เรื่ อยๆ ในขณะที่แต่ละโหนดจะคอยตรวจสอบข้อมูลที่ผานมาว่าเป็ นของตนเองหรื อไม่ หากไม่ใช่ ก็จะปล่อย
่
่
ให้ขอมูลวิงผ่านไป แต่หากเลขที่อยูปลายทาง ซึ่ งกากับมากับข้อมูลตรงกับเลขที่อยูของของตน โหนดนั้นก็
้
่
จะรับข้อมูลเข้าไป
ข้ อดีข้อเสี ยของโทโปโลยีแบบบัส
ข้ อดี
1. ใช้สายส่ งข้อมูลน้อยและมีรูปแบบที่ง่ายในการติดตั้ง ทาให้ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบารุ งรักษา
2. สามารถเพิ่มอุปกรณ์ชิ้นใหม่เข้าไปในเครื อข่ายได้ง่าย
ข้ อเสี ย
1. ในกรณี ที่เกิดการเสี ยหายของสายส่ งข้อมูลหลัก จะทาให้ท้ งระบบทางานไม่ได้
ั
2. การตรวจสอบข้อผิดพลาดทาได้ยาก ต้องทาจากหลาย ๆจุด
2. โทโปโลยีแบบวงแหวน (Ring Topology)
เป็ นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากันเป็ นวงกลม ข้อมูลข่าวสารจะถูกส่ งจากโหนดหนึ่งไปยังอีกโหนด
่
หนึ่ง วนอยูในเครื อข่ายไปใน ทิศทางเดียวเหมือนวงแหวน (ในระบบเครื อข่ายรู ปวงแหวนบางระบบสามารถ
ส่ งข้อมูลได้สองทิศทาง) ในแต่ละโหนดหรื อสถานี จะมีรีพีตเตอร์ ประจาโหนด 1 ตัว ซึ่ งจะทาหน้าที่เพิ่มเติม
ข่าวสารที่จาเป็ นต่อการ สื่ อสาร ในส่ วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล สาหรับการส่ งข้อมูลออกจากโหนด และมี
หน้าที่รับแพ็กเกจข้อมูลที่ไหลผ่านมาจากสายสื่ อสาร เพื่อตรวจสอบว่าเป็ นข้อมูลที่ส่งมาให้โหนดตนหรื อไม่
ั
ถ้าใช่ก็จะคัดลอกข้อมูลทั้งหมดนั้นส่ งต่อไปให้กบโหนดของตน แต่ถาไม่ใช่ก็จะปล่อยข้อมูลนั้นไปยังรี พีต
้
เตอร์ของโหนดถัดไป

ข้ อดีข้อเสี ยของโทโปโลยีรูปวงแหวน
ข้ อดี
1. การส่ งข้อมูลสามารถส่ งไปยังผูรับหลาย ๆ โหนดพร้อมกันได้ โดยกาหนดตาแหน่งปลายทางเหล่านั้นลง
้
ในส่ วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล รี พีตเตอร์ ของแต่ละโหนดจะตรวจสอบเองว่ามีขอมูลส่ งมาให้ที่โหนดตนเอง
้
หรื อไม่2. การส่ งข้ อมูลเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน จึงไม่ มีการชนกันของสั ญญาณข้ อมูล
ข้ อเสี ย
1. ถ้ามีโหนดใดโหนดหนึ่งเกิดเสี ยหาย ข้อมูลจะไม่สามารถส่ งผ่านไปยังโหนดต่อไปได้ และจะทาให้
เครื อข่ายทั้ง เครื อข่ายขาดการติดต่อสื่ อสาร
2. เมื่อโหนดหนึ่งต้องการส่ งข้อมูล โหนดอื่น ๆ ต้องมีส่วนร่ วมด้วย ซึ่ งจะทาให้เสี ยเวลา
3. โทโปโลยีรูปดาว (Star Topology)
เป็ นการเชื่อมโยงการติดต่อสื่ อสารที่มีลกษณะคล้ายรู ปดาว หลายแฉก โดยมีสถานีกลาง หรื อฮับ เป็ นจุด
ั
ผ่านการติดต่อกันระหว่างทุกโหนดในเครื อข่าย สถานีกลางจึงมีหน้าที่เป็ นศูนย์ควบคุมเส้นทางการสื่ อสาร
ั
ทั้งหมด นอกจากนี้สถานีกลางยังทาหน้าที่เป็ นศูนย์กลางคอยจัดส่ งข้อมูลให้กบโหนดปลายทางอีกด้วย การ
สื่ อสารภายใน เครื อข่ายแบบดาว จะเป็ นแบบ 2 ทิศทางโดยจะอนุญาตให้มีเพียงโหนดเดียวเท่านั้นที่สามารถ
ส่ งข้อมูลเข้าสู่ เครื อข่ายได้ จึงไม่มีโอกาสที่หลายๆ โหนดจะส่ งข้อมูลเข้าสู่ เครื อข่ายในเวลาเดียวกัน เพื่อ
ั
ป้ องกันการชนกันของสัญญาณข้อมูล เครื อข่ายแบบดาว เป็ นโทโปโลยีอีกแบบหนึ่งที่เป็ นที่นิยมใช้กนใน
ปัจจุบน
ั

ข้ อดีและข้ อเสี ยของโทโปโลยีแบบดาว
ข้ อดี
1. การติดตั้งเครื อข่ายและการดูแลรักษาทา ได้ง่าย
2. หากมีโหนดใดเกิดความเสี ยหายก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย และเนื่องจากใช้อุปกรณ์ 1ตัวต่อสายส่ ง
ข้อมูล 1 เส้น ทาให้การเสี ยหายของอุปกรณ์ใดในระบบไม่กระทบต่อการทางานของจุดอื่นๆ ในระบบ
3. ง่ายในการให้บริ การเพราะโทโปโลยีแบบดาวมีศูนย์กลางทาหน้าที่ควบคุม
ข้ อเสี ย
1. ถ้าสถานีกลางเกิดเสี ยขึ้นมาจะทาให้ท้ งระบบทางานไม่ได้
ั
2. ต้องใช้สายส่ งข้อมูลจานวนมากกว่าโทโปโลยีแบบบัส และ แบบวงแหวน
4. โทโปโลยีแบบผสม (Hybridge Topology)
เป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ผสมผสานระหว่างรู ปแบบต่างๆ หลายๆ แบบเข้าด้วยกัน คือจะมีเครื อข่าย
่
คอมพิวเตอร์ ยอย หลายๆ เครื อข่ายเพื่อให้เกิด ประสิ ทธิ ภาพสู งสุ ดในการทางานเครื อข่ายบริ เวณกว้างเป็ น
ตัวอย่างเครื อข่ายผสมที่พบเห็นกัน มากที่สุด เครื อข่ายแบบนี้จะเชื่อมต่อเครื อข่ายเล็ก-ใหญ่ หลากหลายแบบ
่
่
เข้าด้วยกันเป็ นเครื อข่ายเดียว ซึ่ งเครื อข่ายที่ถูกเชื่อมต่ออาจจะอยูห่างกันคนละจังหวัด หรื อ อาจจะอยูคนละ
ประเทศก็เป็ นได้

การเข้ าถึงระยะไกล
คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของเครื อข่ายแบบผสมก็คือ ผูใช้สามารถเชื่อม ต่อกับเครื อข่ายจาก
้
่ ้
่
ระยะไกลเช่น อยูที่บาน หรื ออยูภาคสนามได้ ในการ เชื่อมต่อก็จะได้คอมพิวเตอร์ สังโมเด็มหมุนสัญญาณให้
่
วิงผ่านสาย โทรศัพท์ไปเชื่ อมต่อกับเครื อข่ายหลังจากการเชื่อมต่อผูใช้สามารถเข้าไปเรี ยกใช้ขอมูลได้เสมือน
้
้
่
กับว่ากาลังใช้เครื อข่ายที่บริ ษท
ั
การบริหารเครือข่ าย
เนื่องจากเครื อข่ายผสมเป็ นการผสมผสานเครื อข่ายหลายแบบเข้าด้วย กัน ซึ่ งแต่ละเครื อข่ายก็มีรายละเอียด
ทางเทคนิคแตกต่างกันไป ดังนั้น การบริ หารเครื อข่ายก็อาจจะยากกว่าเครื อข่ายแบบอื่น ๆด้วยเหตุน้ ี บริ ษทที่
ั
มีเครื อข่ายผสมขนาดใหญ่ของตัวเองก็มกจะตั้งแผนกที่ทาหน้าที่ดูแลและบริ หารเครื อข่ายนี้โดยเฉพาะ
ั
ค่ าใช้ จ่าย
โดยปกติเครื อข่ายแบบผสมจะมีราคาแพงกว่าเครื อข่ายแบบต่างๆ เพราะ เครื อข่ายแบบนี้เป็ นเครื อข่ายขนาด
ใหญ่ และมีความซับซ้อนสู งนอกจาก นี้ยงต้องมีการลงทุนเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยมากกว่า
ั
เครื อข่ายอื่นอีกด้วย เนื่องจากเป็ นการเชื่อมต่อระยะไกล
อ้างอิง
http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/Knowledge/Networks%20Technology/network5.html
http://saithammachannetwork.blogspot.com/
http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/network.html
mcgroup7.blogspot.com/p/blog-page_02.html‎
http://tc.mengrai.ac.th/paisan/e-learning/internet/page13.htm
http://www.thaigoodview.com/node/90578
http://wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99

More Related Content

What's hot

บทที่ 4 เทคโน ม.6 copy - copy
บทที่ 4 เทคโน ม.6   copy - copyบทที่ 4 เทคโน ม.6   copy - copy
บทที่ 4 เทคโน ม.6 copy - copyครู อินดี้
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ครู อินดี้
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตnatlove220
 
ใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่าย
ใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่ายใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่าย
ใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่ายNaruk Naendu
 
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งานหน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งานอรยา ม่วงมนตรี
 
สรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูล
สรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูลสรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูล
สรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูลHappy Sara
 
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์Piyanoot Ch
 
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการอินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการPrapaporn Boonplord
 
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2อรยา ม่วงมนตรี
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ปิยะดนัย วิเคียน
 
เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์SornsawanSuriyan19
 
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปิยะดนัย วิเคียน
 
บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6
บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6
บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6ครู อินดี้
 
ใบงานที่ 2.1
ใบงานที่  2.1ใบงานที่  2.1
ใบงานที่ 2.1Meaw Sukee
 
การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1Tharathep Chumchuen
 
คอมพิวเตอร์2
คอมพิวเตอร์2คอมพิวเตอร์2
คอมพิวเตอร์2Budsaya Chairat
 
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4Nuttapoom Tossanut
 

What's hot (20)

บทที่ 4 เทคโน ม.6 copy - copy
บทที่ 4 เทคโน ม.6   copy - copyบทที่ 4 เทคโน ม.6   copy - copy
บทที่ 4 เทคโน ม.6 copy - copy
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ต
 
ใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่าย
ใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่ายใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่าย
ใบความรู้ที่ 1 อุปกรณ์เครือข่าย
 
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งานหน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
 
โครงการสอน 1.56
โครงการสอน 1.56โครงการสอน 1.56
โครงการสอน 1.56
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
สรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูล
สรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูลสรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูล
สรุปอินเตอร์เน็ตและการสืบค้นข้อมูล
 
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการอินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
 
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
เรื่องเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
 
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
 
บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6
บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6
บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ เทคโน ม.6
 
บริการบนอินเทอร์เน็ต
บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการบนอินเทอร์เน็ต
บริการบนอินเทอร์เน็ต
 
ใบงานที่ 2.1
ใบงานที่  2.1ใบงานที่  2.1
ใบงานที่ 2.1
 
การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1การสื่อสารข้อมูล1
การสื่อสารข้อมูล1
 
คอมพิวเตอร์2
คอมพิวเตอร์2คอมพิวเตอร์2
คอมพิวเตอร์2
 
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
เทคโนโลยีสารสนเทศ บทที่ 4
 

Similar to ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบญจมาศ คงดี
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28sawalee kongyuen
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1Siriporn Roddam
 
ระบบเครือข่าย (network computer)
ระบบเครือข่าย  (network computer)ระบบเครือข่าย  (network computer)
ระบบเครือข่าย (network computer)Theruangsit
 
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์Wannapaainto8522
 
3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตMeaw Sukee
 
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์Meaw Sukee
 
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ธีรภัฎ คำปู่
 
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ธีรภัฎ คำปู่
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์KachonsakBunchuai41
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27sawalee kongyuen
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตSarocha Makranit
 
01 บทที่ 1-บทนำ 1.1
01 บทที่ 1-บทนำ 1.101 บทที่ 1-บทนำ 1.1
01 บทที่ 1-บทนำ 1.1Thanggwa Taemin
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์delloov
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตSamart Phetdee
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28babiesawalee
 

Similar to ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (20)

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Lernning 05
Lernning 05Lernning 05
Lernning 05
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1
 
ระบบเครือข่าย (network computer)
ระบบเครือข่าย  (network computer)ระบบเครือข่าย  (network computer)
ระบบเครือข่าย (network computer)
 
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
 
3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
3.2 การใช้บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
 
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Learning network
Learning networkLearning network
Learning network
 
รายงาน[1]
รายงาน[1]รายงาน[1]
รายงาน[1]
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 27
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ต
 
01 บทที่ 1-บทนำ 1.1
01 บทที่ 1-บทนำ 1.101 บทที่ 1-บทนำ 1.1
01 บทที่ 1-บทนำ 1.1
 
Internet
InternetInternet
Internet
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 28
 

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

  • 1. รายงาน เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จัดทาโดย นางสาวเบญจมาศ คงดี ชั้น ม.4/2 เลขที่ 19 เสนอ อาจารย์จุฑารัตน์ ใจบุญ โรงเรียนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์ อาเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
  • 2. คานา รายงานเล่มนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชา คอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 จัดทาขึ้นเพื่อศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่ อง ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที่จะเชื่ อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกันเพื่อการ ติดต่อสื่ อสาร เราสามารถส่ งข้อมูลภายในอาคาร หรื อข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซี กหนึ่งของโลก ซึ่ ง ข้อมูลต่างๆ อาจเป็ นทั้งข้อความ รู ปภาพ เสี ยง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ วแก่ผใช้ ผูจดทาหวังเป็ นอย่าง ู้ ้ ั ั ยิงว่ารายงานเล่มนี้จะเป็ นประโยชน์กบเพื่อนๆไม่มากก็นอย ้ ่ หากมีขอผิดพลาดประการใดผูจดทาต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ดวย ้ ้ั ้ จัดทาโดย นางสาว เบญจมาศ คงดี
  • 3. สารบัญ เรื่อง หน้ า ความหมายของระบบเครื อข่าย 1 องค์ประกอบของระบบเครื อข่าย 2 ประโยชน์ของระบบเครื อข่าย 3 ประเภทของระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ รู ปแบบการเชื่อมโยงเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ 4 6 อ้างอิง 11
  • 4. ระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ ความหมายของระบบเครือข่ าย ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ั ตั้งแต่ 2 เครื่ องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรื อสื่ ออื่นๆ ทาให้คอมพิวเตอร์ สามารถรับส่ งข้อมูลแก่กน และกันได้ในกรณี ที่เป็ นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ หลายๆ เครื่ องเข้ากับเครื่ องคอมพิวเตอร์ ่ ขนาดใหญ่ที่เป็ นศูนย์กลาง เราเรี ยกคอมพิวเตอร์ ที่เป็ นศูนย์กลางนี้วา โฮสต์ (Host) และเรี ยกคอมพิวเตอร์ ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่ อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client) ระบบเครื อข่าย (Network) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่ อสาร เราสามารถส่ ง ข้อมูลภายในอาคาร หรื อข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซี กหนึ่งของโลก ซึ่ งข้อมูลต่างๆ อาจเป็ นทั้งข้อความ รู ปภาพ เสี ยง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ วแก่ผใช้ ซึ่ งความสามารถเหล่านี้ทาให้เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ มี ู้ ความสาคัญ ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนาเครื่ องคอมพิวเตอร์ มาเชื่ อมต่อเข้า ด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่ อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ และ การใช้ทรัพยากรของระบบร่ วมกัน (Shared Resource) ในเครื อข่ายนั้น ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ มี องค์ประกอบที่สาคัญ เพื่อการเชื่ อมต่อเป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่ อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ ในเครื อข่าย (Network Operation System)
  • 5. องค์ ประกอบของระบบเครือข่ าย 1. Back Bone หรื อกระดูกสันหลัง ได้แก่ อุปกรณ์ต่อเชื่ อมและควบคุมการกระจายสัญญาณ เปรี ยบเสมือน ระบบควบคุมประสาทในร่ างกายมนุษย์ ได้แก่ เราต์เตอร์ (Routher) กล่องรวมสาย (Hub) กล่องแยกสลับ สัญญาณ (Switching) และเครื่ องแม่ข่ายซึ่ งเป็ นเสมือนหัวใจหลัก ใน Back Bone 2. สายสัญญาณ (Cabling) เปรี ยบกับร่ างกายมนุษย์ก็เหมือนเส้นเลือดที่นาเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงส่ วน ต่างๆ ของร่ างกาย ในระบบเครื อข่าย สายสัญญาณจะนาสัญญาณระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ ลูกข่ายและแม่ข่าย หรื อระหว่างลูกข่ายด้วยกันมาต่อเชื่ อมกัน 3. การ์ ดเครื อข่าย (Network Interface Card) ทาหน้าที่เป็ นวงจรล่าม คอยส่ งและแปลสัญญาณ โดยเป็ นไป ตามข้อกาหนดหรื อข้อตกลงร่ วมกัน เรี ยกว่าโปรโตคอล การ์ ดเครื อข่ายที่มีความสามารถมากๆ จะทาหน้าที่ แยกแยะและควบคุมการส่ งสัญญาณได้อย่างเที่ยงตรงและมีประสิ ทธิ ภาพด้วย 4. ซอฟต์แวร์ สนับสนุนระบบเครื อข่าย ทาหน้าที่ในการ เชื่อมโยงทั้งสามภาคข้างบนที่กล่าวมานั้น ให้ทางาน ร่ วมกันเป็ นระบบเครื อข่ายได้ ซึ่ งซอฟต์แวร์ น้ น จะดาเนิ นการควบคุมในระดับพื้นฐานคือฮาร์ ดแวร์ ตลอดไป ั จนถึงระบบซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่จะส่ งข้อมูลถึงกันและกัน ซึ่ งการทางานในขั้นตอนดังกล่าว ่ นั้น เป็ นไปตามระดับชั้นของข้อตกลงที่เรี ยกว่าโปรโตคอล
  • 6. ประโยชน์ ของระบบเครือข่ าย 1. สามารถแชร์ ขอมูลใช้ร่วมกันได้ ข้อมูลต่างๆในแต่ละเครื่ องภายในระบบ หากมีผอื่นต้องการใช้ คุณ ้ ู้ สามารถแชร์ ให้ผอื่นนาไปใช้ได้ หรื อข้อมูลที่เป็ นส่ วนรวมก็สามารถแชร์ ไว้เพื่อให้หลายๆฝ่ ายนาไปใช้งาน ู้ ได้ ซึ่ งก็จะช่วยทาให้ประหยัดเนื้ อที่ในการจัดเก็บและช่วยให้การปรับปรุ งข้อมูลในระบบง่ายขึ้นและไม่เกิด ่ ความขัดแย้งของข้อมูลด้วย เพราะข้อมูลมีอยูชุดเดียว 2. สามารถแชร์ อุปกรณ์ต่างๆร่ วมกันได้ เช่น เครื่ องพิมพ์ สแกนเนอร์ ซิ ปไดร์ ฟ เป็ นต้น โดยที่ไม่ จาเป็ นต้องซื้ ออุปกรณ์เหล่านั้นมาติดตั้งกับทุกๆเครื่ อง เช่นในบ้านคุณมีเครื่ องคอมพิวเตอร์ ท้ งหมด 4 เครื่ อง ั อาจจะซื้ อเครื่ องพิมพ์มาเพียงตัวเดียวและแชร์ เครื่ องพิมพ์น้ นเพื่อใช้ร่วมกันได้ ั 3. สามารถใช้โปรแกรมร่ วมกันหลายๆเครื่ องได้ เช่น ในห้อง LAB คอมพิวเตอร์ที่มีจานวน คอมพิวเตอร์ที่มีจานวนเครื่ องในระบบจานวน 30 เครื่ อง คุณสามารถซื้ อโปรแกรมเพียงแค่ 1 ชุดและ สามารถใช้งานร่ วมกันได้ ซึ่ งจะทาให้สะดวกในการดูแลรักษาด้วย 4. การสื่ อสารในระบบเครื อข่ายผูใช้สามารถเชื่ อมกับเครื่ องอื่นๆในระบบได้ เช่น อาจจะส่ งข้อความ ้ จากเครื่ องของคุณไปยังเครื่ องของคนอื่นๆได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ E - Mail ส่ งข้อความข่าวสาร ต่างๆภายในสานักงานได้อีก เช่น แจ้งกาหนดการต่างๆแจ้งข้อมูลต่างๆให้ทุกๆคนทราบ โดยไม่ตองพิมพ์ ้ ออกทางเครื่ องพิมพ์เพื่อแจกจ่าย ทาให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง 5. การแชร์ อินเทอร์ เน็ต ภายในระบบเครื อข่ายคุณสามารถแชร์ อินเตอร์ เน็ตเพื่อใช้ร่วมกันได้ โดยที่คุณ ไม่จาเป็ นต้องซื้ อ Internet Account สาหรับทุกๆเครื่ องและไม่จาเป็ นต้องติดตั้งโมเด็มทุกเครื่ อง ซึ่ งก็จะช่วย ให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก 6. เพื่อการเรี ยนรู ้ การที่คุณได้ทดลองใช้งานระบบเครื อข่ายจะทาให้คุณสามารถเรี ยนรู ้และคุนเคยกับ ้ ระบบเครื อข่ายมากขึ้น ทาให้คุณมีประสบการณ์ในระบบเครื อข่ายมากขึ้นและจะทาให้คุณรู ้สึกว่ามันไม่ใช่ เรื่ องยากเลย
  • 7. ประเภทของระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ แบ่ งออกเป็ น 3 ประเภท 1. เครื อข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรื อ LAN) ั ่ ่ ั เป็ นเครื อข่ายระยะใกล้ ใช้กนอยูในบริ เวณไม่กว้างนัก อาจอยูในองค์กรเดียวกัน หรื ออาคารที่ใกล้กน เช่น ภาพในสานักงาน ภายในโรงเรี ยนหรื อมหาวิทยาลัย ระบบเครื อข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิ ทธิ ภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ 2. ระบบเครือข่ ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN) หมายถึง การเชื่อมต่อ เครื อข่าย คอมพิวเตอร์ เป็ นเครื อข่ายขนาดกลาง ที่มีระยะทางการเชื่ อมต่อไกลกว่า ระบบเครื อข่ายท้องถิ่น (LAN) แต่ ระยะทางยังคงใกล้กว่าระบบ WAN (Wide Area Network) ได้แก่เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันภายใน เมืองเดียวกันหรื อจังหวัดเดียวกัน ในเขตเดียวกันตัวอย่างเช่น เคเบิลทีวี
  • 8. 3. ระบบเครือข่ ายระยะไกล (Wide Area Network : WAN) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ระยะไกล เป็ นเครื อข่ายขนาดใหญ่ เช่น ระหว่างประเทศ การเชื่อมต่อเครื อข่ายทัวโลก ติดตั้งใช้งานบริ เวณกว้างมีสถานี ่ หรื อจุดเชื่อมมากมาย และใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ไมโครเวฟ ดาวเทียม เนื่องจากเป็ นการติดต่อสื่ อสาร ระยะไกล อัตราการรับส่ งข้อมูลจึงต่า และมีโอกาสผิดพลาดได้สูง การสื่ อสารระยะไกล จาเป็ นต้องมี อุปกรณ์แปลงสัญญาณ คือ โมเด็ม ช่วยในการติดต่อสื่ อสาร และสามารถนาเครื อข่าย LAN มาเชื่อมต่อกัน เป็ นเครื อข่ายระยะไกลได้ ตัวอย่างของเครื อข่ายระยะไกล เช่น อินเทอร์ เน็ต เครื อข่ายระบบงานธนาคารทัว ่ โลก เครื อข่ายของสายการบิน เป็ นต้น
  • 9. รู ปแบบการเชื่ อมโยงเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ รู ปแบบการเชื่อมต่อเครื อข่ายหรื อมักเรี ยกสั้น ๆ ว่า โทโพโลยี เป็ นลักษณะทัวไปที่กล่าวถึงการเชื่อมต่อ ่ คอมพิวเตอร์ ทางกายภาพว่ามีรูปแบบหน้าตาอย่างไร เพื่อให้สามารถสื่ อสารร่ วมกันได้และด้วยเทคโนโลยี เครื อข่ายท้องถิ่นจะมีรูปแบบของโทโพโลยีหลายแบบด้วยกัน ดังนั้น จึงเป็ นสิ่ งสาคัญที่จะต้องเรี ยนรู ้และทา ่ ความเข้าใจแต่ละโทโพโลยีวามีความคล้ายคลึง หรื อแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงข้อดีและข้อเสี ยของแต่ละ ั โทโพโลยี และโดยปกติโทโพโลยีที่นิยมใช้กนบนเครื อข่ายท้องถิ่นจะมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน คือ  โทโพโลยีแบบบัส  โทโพโลยีแบบดาว  โทโพโลยีแบบวงแหวน  โทโพโลยีแบบผสม 1. โทโปโลยีแบบบัส (Bus Topology) ั เป็ นโทโปโลยีที่ได้รับความนิยมใช้กนมากที่สุดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปั จจุบน ั ลักษณะการทางานของ เครื อข่าย โทโปโลยีแบบบัส คืออุปกรณ์ทุกชิ้นหรื อโหนดทุกโหนด ในเครื อข่ายจะต้องเชื่อมโยงเข้ากับสาย สื่ อสารหลักที่เรี ยกว่า"บัส" (BUS) เมื่อโหนดหนึ่งต้องการจะส่ งข้อมูลไปให้ยงอีกโหนด หนึ่งภายใน ั ่ เครื อข่าย จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าบัสว่างหรื อไม่ ถ้าหากไม่วางก็ไม่สามารถจะส่ งข้อมูลออกไปได้ ทั้งนี้เพราะสายสื่ อสารหลักมีเพียงสายเดียว ในกรณี ที่มีขอมูลวิงมาในบัส ข้อมูลนี้จะวิงผ่านโหนดต่างๆ ไป ้ ่ ่ ่ เรื่ อยๆ ในขณะที่แต่ละโหนดจะคอยตรวจสอบข้อมูลที่ผานมาว่าเป็ นของตนเองหรื อไม่ หากไม่ใช่ ก็จะปล่อย ่ ่ ให้ขอมูลวิงผ่านไป แต่หากเลขที่อยูปลายทาง ซึ่ งกากับมากับข้อมูลตรงกับเลขที่อยูของของตน โหนดนั้นก็ ้ ่ จะรับข้อมูลเข้าไป
  • 10. ข้ อดีข้อเสี ยของโทโปโลยีแบบบัส ข้ อดี 1. ใช้สายส่ งข้อมูลน้อยและมีรูปแบบที่ง่ายในการติดตั้ง ทาให้ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบารุ งรักษา 2. สามารถเพิ่มอุปกรณ์ชิ้นใหม่เข้าไปในเครื อข่ายได้ง่าย ข้ อเสี ย 1. ในกรณี ที่เกิดการเสี ยหายของสายส่ งข้อมูลหลัก จะทาให้ท้ งระบบทางานไม่ได้ ั 2. การตรวจสอบข้อผิดพลาดทาได้ยาก ต้องทาจากหลาย ๆจุด 2. โทโปโลยีแบบวงแหวน (Ring Topology) เป็ นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากันเป็ นวงกลม ข้อมูลข่าวสารจะถูกส่ งจากโหนดหนึ่งไปยังอีกโหนด ่ หนึ่ง วนอยูในเครื อข่ายไปใน ทิศทางเดียวเหมือนวงแหวน (ในระบบเครื อข่ายรู ปวงแหวนบางระบบสามารถ ส่ งข้อมูลได้สองทิศทาง) ในแต่ละโหนดหรื อสถานี จะมีรีพีตเตอร์ ประจาโหนด 1 ตัว ซึ่ งจะทาหน้าที่เพิ่มเติม ข่าวสารที่จาเป็ นต่อการ สื่ อสาร ในส่ วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล สาหรับการส่ งข้อมูลออกจากโหนด และมี หน้าที่รับแพ็กเกจข้อมูลที่ไหลผ่านมาจากสายสื่ อสาร เพื่อตรวจสอบว่าเป็ นข้อมูลที่ส่งมาให้โหนดตนหรื อไม่ ั ถ้าใช่ก็จะคัดลอกข้อมูลทั้งหมดนั้นส่ งต่อไปให้กบโหนดของตน แต่ถาไม่ใช่ก็จะปล่อยข้อมูลนั้นไปยังรี พีต ้ เตอร์ของโหนดถัดไป ข้ อดีข้อเสี ยของโทโปโลยีรูปวงแหวน ข้ อดี 1. การส่ งข้อมูลสามารถส่ งไปยังผูรับหลาย ๆ โหนดพร้อมกันได้ โดยกาหนดตาแหน่งปลายทางเหล่านั้นลง ้ ในส่ วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล รี พีตเตอร์ ของแต่ละโหนดจะตรวจสอบเองว่ามีขอมูลส่ งมาให้ที่โหนดตนเอง ้ หรื อไม่2. การส่ งข้ อมูลเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน จึงไม่ มีการชนกันของสั ญญาณข้ อมูล
  • 11. ข้ อเสี ย 1. ถ้ามีโหนดใดโหนดหนึ่งเกิดเสี ยหาย ข้อมูลจะไม่สามารถส่ งผ่านไปยังโหนดต่อไปได้ และจะทาให้ เครื อข่ายทั้ง เครื อข่ายขาดการติดต่อสื่ อสาร 2. เมื่อโหนดหนึ่งต้องการส่ งข้อมูล โหนดอื่น ๆ ต้องมีส่วนร่ วมด้วย ซึ่ งจะทาให้เสี ยเวลา 3. โทโปโลยีรูปดาว (Star Topology) เป็ นการเชื่อมโยงการติดต่อสื่ อสารที่มีลกษณะคล้ายรู ปดาว หลายแฉก โดยมีสถานีกลาง หรื อฮับ เป็ นจุด ั ผ่านการติดต่อกันระหว่างทุกโหนดในเครื อข่าย สถานีกลางจึงมีหน้าที่เป็ นศูนย์ควบคุมเส้นทางการสื่ อสาร ั ทั้งหมด นอกจากนี้สถานีกลางยังทาหน้าที่เป็ นศูนย์กลางคอยจัดส่ งข้อมูลให้กบโหนดปลายทางอีกด้วย การ สื่ อสารภายใน เครื อข่ายแบบดาว จะเป็ นแบบ 2 ทิศทางโดยจะอนุญาตให้มีเพียงโหนดเดียวเท่านั้นที่สามารถ ส่ งข้อมูลเข้าสู่ เครื อข่ายได้ จึงไม่มีโอกาสที่หลายๆ โหนดจะส่ งข้อมูลเข้าสู่ เครื อข่ายในเวลาเดียวกัน เพื่อ ั ป้ องกันการชนกันของสัญญาณข้อมูล เครื อข่ายแบบดาว เป็ นโทโปโลยีอีกแบบหนึ่งที่เป็ นที่นิยมใช้กนใน ปัจจุบน ั ข้ อดีและข้ อเสี ยของโทโปโลยีแบบดาว ข้ อดี 1. การติดตั้งเครื อข่ายและการดูแลรักษาทา ได้ง่าย 2. หากมีโหนดใดเกิดความเสี ยหายก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย และเนื่องจากใช้อุปกรณ์ 1ตัวต่อสายส่ ง ข้อมูล 1 เส้น ทาให้การเสี ยหายของอุปกรณ์ใดในระบบไม่กระทบต่อการทางานของจุดอื่นๆ ในระบบ 3. ง่ายในการให้บริ การเพราะโทโปโลยีแบบดาวมีศูนย์กลางทาหน้าที่ควบคุม
  • 12. ข้ อเสี ย 1. ถ้าสถานีกลางเกิดเสี ยขึ้นมาจะทาให้ท้ งระบบทางานไม่ได้ ั 2. ต้องใช้สายส่ งข้อมูลจานวนมากกว่าโทโปโลยีแบบบัส และ แบบวงแหวน 4. โทโปโลยีแบบผสม (Hybridge Topology) เป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ผสมผสานระหว่างรู ปแบบต่างๆ หลายๆ แบบเข้าด้วยกัน คือจะมีเครื อข่าย ่ คอมพิวเตอร์ ยอย หลายๆ เครื อข่ายเพื่อให้เกิด ประสิ ทธิ ภาพสู งสุ ดในการทางานเครื อข่ายบริ เวณกว้างเป็ น ตัวอย่างเครื อข่ายผสมที่พบเห็นกัน มากที่สุด เครื อข่ายแบบนี้จะเชื่อมต่อเครื อข่ายเล็ก-ใหญ่ หลากหลายแบบ ่ ่ เข้าด้วยกันเป็ นเครื อข่ายเดียว ซึ่ งเครื อข่ายที่ถูกเชื่อมต่ออาจจะอยูห่างกันคนละจังหวัด หรื อ อาจจะอยูคนละ ประเทศก็เป็ นได้ การเข้ าถึงระยะไกล คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของเครื อข่ายแบบผสมก็คือ ผูใช้สามารถเชื่อม ต่อกับเครื อข่ายจาก ้ ่ ้ ่ ระยะไกลเช่น อยูที่บาน หรื ออยูภาคสนามได้ ในการ เชื่อมต่อก็จะได้คอมพิวเตอร์ สังโมเด็มหมุนสัญญาณให้ ่ วิงผ่านสาย โทรศัพท์ไปเชื่ อมต่อกับเครื อข่ายหลังจากการเชื่อมต่อผูใช้สามารถเข้าไปเรี ยกใช้ขอมูลได้เสมือน ้ ้ ่ กับว่ากาลังใช้เครื อข่ายที่บริ ษท ั การบริหารเครือข่ าย เนื่องจากเครื อข่ายผสมเป็ นการผสมผสานเครื อข่ายหลายแบบเข้าด้วย กัน ซึ่ งแต่ละเครื อข่ายก็มีรายละเอียด ทางเทคนิคแตกต่างกันไป ดังนั้น การบริ หารเครื อข่ายก็อาจจะยากกว่าเครื อข่ายแบบอื่น ๆด้วยเหตุน้ ี บริ ษทที่ ั มีเครื อข่ายผสมขนาดใหญ่ของตัวเองก็มกจะตั้งแผนกที่ทาหน้าที่ดูแลและบริ หารเครื อข่ายนี้โดยเฉพาะ ั
  • 13. ค่ าใช้ จ่าย โดยปกติเครื อข่ายแบบผสมจะมีราคาแพงกว่าเครื อข่ายแบบต่างๆ เพราะ เครื อข่ายแบบนี้เป็ นเครื อข่ายขนาด ใหญ่ และมีความซับซ้อนสู งนอกจาก นี้ยงต้องมีการลงทุนเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยมากกว่า ั เครื อข่ายอื่นอีกด้วย เนื่องจากเป็ นการเชื่อมต่อระยะไกล