Recommended
More Related Content
What's hot
What's hot (18)
Similar to Work3 1.38
Similar to Work3 1.38 (20)
More from Rujira Kongsub
More from Rujira Kongsub (7)
Work3 1.38
- 2. HEADING ผู้จัดทา 2 นาย ธีรภัทร ศรีล้อม เลขที่ 1 ม6/15 นางสาวรุจิรา กองทรัพย์ เลขที่ 38 ม.6/15
- 5. HEADING คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงาน คอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายมาก แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท 5 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ 01 • โครงงาน พัฒนาสื่อ เพื่อ การศึกษา 02 • โครงงาน พัฒนา เครื่องมือ 03 • โครงงาน ประเภท จาลอง ทฤษฎี 04 • โครงงาน ประเภท การ ประยุกต์ใช้ งาน 05 • โครงงาน พัฒนา เกม
- 6. HEADING เป็นโครงงานที่ใช้ผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน ซึ่งอาจจะต้องบท ทบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม โดยใช้ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้า มาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ โดยนักเรียน อาจคัดเลือกหัวข้อที่ทาความเข้าใจได้ยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรม 6 1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
- 7. HEADING เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร้างงานประยุกต์ต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะ เป็นในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่าง เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร์ช่วยการ มองวัตถุในมุมต่าง ๆ เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรม ประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้พิมพ์ต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นไปได้ โดยง่าย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช้สาหรับช่วยในการออกแบบ สิ่งของต่าง ๆ เช่น โปรแกรมประเภท 3D 7 2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
- 8. HEADING เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ เป็นโครงงานที่ ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่อง ที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคาอธิบายก็ได้ พร้อมทั้งนาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์ การทาโครงงาน ประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี 8 3. โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment)
- 9. HEADING เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ ออกแบบ พัฒนา และต้องมีการทดสอบการทางานหรือของสิ่งประดิษฐ์แล้วแก้ไขให้สมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธีทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย 9 4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
- 10. HEADING เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ ความเพลิดเพลิน ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้ น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อคิดอย่างมีหลักการ และจะมีการออกแบบ ลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและนามา ปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ 10 5. โครงงานพัฒนาเกม (GameDevelopment)
- 12. HEADING 12 1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ 1. การค้นคว้าจากหนังสือ 2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ 3. การฟังบรรยาย รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน 4. กิจกรรมในโรงเรียน 5. งานอดิเรกของนักเรียน 6. การเข้าชมนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ ขั้นตอนการทาโครงงาคอมพิวเตอร์
- 13. HEADING 13 ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อโครงงาน ควรพิจารณาดังนี้ 1. ต้องมีความรู้ในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา 2. สามารถจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้ 3. มีแหล่งความรู้ที่จะค้นคว้า 4. มีเวลาเพียงพอ 5. มีงบประมาณเพียงพอ 6. มีความปลอดภัย 1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
- 14. HEADING 14 2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล การศึกษาและขอคาปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ได้แนวคิดในการกาหนดขอบเขต ของเรื่องได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาในการศึกษา จะต้องได้คาตอบว่า 1. จะทาอะไร 5. ใช้ทรัพยากรอะไร 2. ทาไมต้องทา 6. ทากับใคร 3. ต้องการให้เกิดอะไร 7. เสนอผลอย่างไร 4. ทาอย่างไร
- 15. HEADING 15 3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ ชื่อโครงงาน ทาอะไร กับใคร เพื่ออะไร ประเภทโครงงาน วิเคราะห์จากลักษณะของประโยชน์ ชื่อผู้จัดทาโครงงาน ผู้รับผิดชอบโครงงาน ครูที่ปรึกษาโครงงาน ครู-อาจารย์ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และควบคุม การทาโครงงานของนักเรียน ครูที่ปรึกษาร่วม ครู-อาจารย์ผู้ให้คาแนะนาแก่นักเรียน ระยะเวลาดาเนินงาน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด
- 16. HEADING 16 3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน รายงาน รายละเอียดที่ต้องระบุ ที่มาและความสาคัญ ความต้องการและความคาดหวังที่จะเกิดผล วัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงาน หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่นามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน วิธีดาเนินงาน ขั้นตอนการดาเนินงาน วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ และ ผู้รับผิดชอบ ขั้นตอนการปฏิบัติ วัน เวลา และกิจกรรมดาเนินการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุด ผลที่คาดว่าจะได้รับ สภาพของผลที่ต้องการให้เกิด เอกสารอ้างอิง สื่อเอกสาร ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆ ที่นามาใช้ในการ
- 17. HEADING 17 4.1 การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ และวัสดุอื่นๆ ให้พร้อม และบันทึกกิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน 4.2 การลงมือพัฒนา 1. ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ 2. ทาส่วนสาคัญให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยทาส่วนที่เป็นส่วนประกอบ 3. พัฒนาด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน 4.3 การทดสอบผลงานและแก้ไข เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทางานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้าหมายและมี คุณภาพ 4. การลงมือทาโครงงาน
- 18. HEADING 18 4.4 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ เมื่อผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้สรุปอย่างครอบคลุม และอภิปรายผล เพื่อพิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร้อม นาไปอ้างอิงกับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว รวมถึงนาผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการ อภิปรายผลที่ได้ด้วย 4.5 แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เมื่อทาโครงงานเสร็จแล้ว อาจพบข้อสังเกต หรือปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะ ศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้ 4. การลงมือทาโครงงาน
- 19. HEADING 19 การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียน รายงานควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้ 5.1 ส่วนนา ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย 1. ชื่อโครงงาน 2. ชื่อผู้ทาโครงงาน 3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4. คาขอบคุณ เป็นคากล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยทาให้โครงงานสาเร็จ 5. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสาคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการ และผลที่ได้โดยย่อ 5. การเขียนรายงาน
- 20. HEADING 20 5.2 บทนา บทนาเป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย 1. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 2. เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้า 3. ขอบเขตของโครงงาน 5. การเขียนรายงาน
- 21. HEADING 21 5. การเขียนรายงาน 5.3 หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือ วิธีการที่จะนามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนามาเปรียบเทียบ หรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย 5.4 วิธีดาเนินการ วิธีดาเนินการ อธิบายขั้นตอนการดาเนินงานโดยละเอียด ระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบ วิธีการที่ ใช้แก้ไข และระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทางาน
- 22. HEADING 22 5. การเขียนรายงาน 5.5 ผลการศึกษา ผลการศึกษา นาเสนอข้อมูลที่ได้ โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ หรือข้อความ ทั้งนี้ให้คานึงถึง ความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก 5.6 สรุปผลและข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทางาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุด้วยว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้าน สมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควรกล่าวถึงการนาผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทาโครงงาน รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแก้ไข
- 23. HEADING 23 5. การเขียนรายงาน 5.7 ประโยชน์ ระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงาน และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนาผลงาน ของโครงงานไปใช้ด้วย 5.8 บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ที่ผู้ทาโครงงานใช้ค้นคว้าศึกษาข้อมูลและ นามาใช้ประโยชน์ในการทาโครงงาน
- 24. HEADING 24 5. การเขียนรายงาน 5.9 การจัดทาคู่มือการใช้งาน หาโครงงานที่นักเรียนจัดทา เป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทาคู่มืออธิบายวิธีการใช้ ผลงานนั้นโดยละเอียด ประกอบด้วย 1. ชื่อผลงาน 2. ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ 3. ความต้องการของซอฟต์แวร์ 4. คุณลักษณะของผลงาน 5. วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน
- 25. HEADING 25 6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน ผลงานที่นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้ 1. ชื่อโครงงาน 2. ชื่อผู้จัดทาโครงงาน 3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4. คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน 5. วิธีการดาเนินการที่สาคัญ 6. การสาธิตผลงาน 7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทาโครงงาน
- 27. จบการนาเสนอ