More Related Content
Similar to Computer project reallll
Similar to Computer project reallll (20)
Computer project reallll
- 3. Table Of Content
01 คณะผู้จัดทํา
ความหมายของโครงงาน 02
03 ความสําคัญของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงานคอมพิวเตอร์ 04
05 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ขันตอนการทําโครงงานคอมพิวเตอร์ 06
- 5. หมายถึง กิจกรรมการเรียนทีนักเีรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปญหาทีตนเอง
สนใจ โดยจะต้องวางแผนการดําเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้
ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทีเกียวข้อง
ตลอดจนทักษะพืนฐานในการพัฒนาโครงงาน เรืองทีนักเรียนสนใจและคิดจะทํา
โครงงาน ซึงอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเปนเรืองทีนักพัฒนาโปรแกรมได้เคย
ค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทําโครงงานเรืองดังกล่าวได้ แต่ต้องคิด
ดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือ
ศึกษาเพิมเติมจากผลงานเดิมทีมีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสําคัญของการทําโครง
งานเปนการเปดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบ
คอมพิวเตอร์แก้ปญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้
คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสือการเรียนรู้เพือการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจน
การพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพือฝกให้นักเรียนเปนบุคคลทีใฝเรียนใฝรู้ การ
พัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอือเฟอเผือแผ่ ให้กับเพือน
มนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
โครงงานคอมพิวเตอร์
- 7. คอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์เปนกิจกรรมการเรียนรู้ทีทําให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในด้าน
ต่างๆ ทีสําคัญ 5 ประการดังนี
1.ความสามารถในการสือสาร เปนความสามารถทีเกิดจากการทีนักเรียนเปนผู้ทําโครงงานต้องนํา
เสนอผลงานให้ ครูและเพือนนักเรียนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน ดังนัน ผู้ทําโครง
งานต้องสือสารความคิดในการสร้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียน หรือด้วยปากเปล่า รวมทังเลือกใช้
รูปแบบของสืออย่างมีประสิทธิภาพเพือนําเสนอแนวคิดในการจัด โครงงานให้ผู้อืนได้เข้าใจ
2. ความสามารถในการคิด ซึงผู้เรียนจะมีการคิดในลักษณะต่าง ๆ ดังนี
2.1 การคิดวิเคราะห์ เกิดจากการทีผู้เรียนต้องวิเคราะห์ปญหาและแยกแยะสาเหตุว่าเกิดเนืองจากอะไร
2.2 การคิดสังเคราะห์ เกิดจากการทีผู้เรียนต้องนําความรู้ต่าง ๆ ทีเรียนมา รวมทังความรู้จากการค้นหาข้อมูล เพือใช้ใน
การแก้ ปญหาหรือการสร้างสรรค์โครงงาน
2.3 การคิดอย่างสร้างสรรค์ เกิดจากการทีผู้เรียนนําความรู้มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ
2.4การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เกิดจากการทีผู้เรียนได้มีการคิดไตร่ตรองว่าควรทําโครงงานใดและไม่ควรทําโครงงานใด
เนืองจากโครงงานทีสร้างขึนอาจส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม เช่น โครงงานระบบคํานวณเลขหวย สําหรับหาเลขทีคาด
ว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกในแต่ละงวด อาจส่งผลกระทบต่อสังคม ทําให้คนในสังคมเกิดความหมกมุ่นในกับการใช้เงิน
เล่นหวยมากขึน
2.5 การคิดอย่างเปนระบบ เกิดจากการทีผู้เรียนคิดแก้ปญหาอย่างเปนขันตอน โดยใช้ขันตอนในการพัฒนาโครงงาน คือ
ผู้เรียนเปนผู้วางแผนในการศึกษา ค้นคว้า เก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนา หรือประดิษฐ์คิดค้นผลงาน รวมทังการสรุปผลและ
การ
นําเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยมีผู้สอนและผู้ทรงคุณวุฒิเปนผู้ให้คําปรึกษา
- 8. 3. ความสามารถในการแก้ปญหา เกิดจากการทีผู้เรียนวิเคราะห์ปญหา เข้าใจ
และอธิบายปญหาทางด้านคอมพิวเตอร์ รวมทังประยุกต์ความรู้ ทักษะ และ
การใช้เครืองมือทีเหมาะสมกับการแก้ไขปญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. เกิดจากการทีผู้เรียนได้นําความรู้และกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการพัฒนา
โครงงานและนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการ
พัฒนาโครงงาน ก่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง อันนําไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต
6. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เกิดจากการทีผู้เรียนสามารถเลือกใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการแก้ปญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม
- 10. 1. เปนกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า
ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตาม
เนือหาโครงงานนันๆ หรือจากประสบการณ์และ
กิจกรรมต่าง ๆ ทีได้พบเห็นมากแล้ว
3. นักเรียนเปนผู้พิจารณาริเริมสร้างสรรค์ คัดเลือกโครง
งานทีจะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความถนัด
สนใจ และความพร้อม
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทําโครงงานด้วยตนเอง หรือ
เปนกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสันๆ เปนภาคเรียน หรือมากว่าก็ได้
แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
4. นักเรียนเปนผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติ
งานและการแปลผล รายงานผลต่ออาจารย์ทีปรึกษา เพือดําเนินงาน
ร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายทีกําหนดไว้
5. เปนโครงงานทีเหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัย
และสติปญญา รวมทังการใช้จ่ายเงินดําเนินงานด้วย
- 11. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
แบ่งออกเปน 5 ประเภท ได้แก่
1. โครงงานพัฒนาสือเพือการศึกษา
(Educational Media)
2. โครงงานพัฒนาเครืองมือ
(Tools Development)
3. โครงงานประเภทจําลองทฤษฎี
(Theory Experiment)
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
(Application)
5. โครงงานพัฒนาเกม
(Game Development)
- 13. เปนโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสือเพือการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน
หรือหน่วยการเรียน ซึงอาจจะต้องมีภาคแบบฝกหัด บททบทวน และคําถามคําตอบไว้พร้อม
ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์
ถือว่าเครืองคอมพิวเตอร์เปนอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เปนครูผู้สอน ซึงอาจเปนการพัฒนาบท
เรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โปรแกรมแก้โจทย์ปญหาคณิตศาสตร์
โครงงานประเภทนีสามารถพัฒนาขึนเพือใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเปนสาขาคอมพิวเตอร์ วิชา
คณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอืน ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อทีนักเรียนทัวไปที
ทําความเข้าใจยาก มาเปนหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะ
จักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
- 15. เปนโครงงานเพือพัฒนาเครืองมือมาใช้ช่วยสร้างงานประยุกต์ต่าง ๆ ซึง
โดยส่วนใหญ่จะเปนในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของเครืองมือช่วยงาน เช่น
ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุม
ต่าง ๆ เปนต้น
สําหรับซอฟต์แวร์เพือการพิมพ์งานนันสร้างขึนเปนโปรแกรมประมวลผล
ภาษา ซึงจะเปนเครืองมือให้เราใช้งานในงานพิมพ์ต่าง ๆ บนเครือง
คอมพิวเตอร์เปนไปได้โดยง่าย ซึงรูปทีได้สามารถนําไปใช้งานต่าง ๆ ได้
มากมาย สําหรับซอฟต์แวร์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช้สําหรับช่วย
ในการออกแบบสิงของต่าง ๆ เช่น โปรแกรมประเภท 3D
โปรแกรม Sketch up
(ออกแบบบ้าน)
- 16. เปนโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจําลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ เปนโครงงานทีผู้ทําต้อง
ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและแนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึงในเรืองทีต้องการ
ศึกษา แล้วเสนอเปนแนวคิด แบบจําลอง หลักการ ซึงอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคํา
อธิบายก็ได้ พร้อมทังนําเสนอวิธีการจําลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์ การทําโครงงานประเภทนีมี
จุดสําคัญอยู่ทีผู้ทําต้องมีความรู้เรืองนัน ๆ เปนอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การทดลองเรืองการไหล
ของเหลว การทดลองเรืองพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เปนต้น
โครงงานประเภทจําลองทฤษฎี
(Theory Experiment)
การจําลองDNA ด้วยเครือง PCR
- 19. เปนโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพือความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก
เกมหมากฮอส เกมการคํานวณเลข ซึงเกมทีพัฒนาขึนนีน่าจะเน้นให้เปนเกมทีไม่รุนแรง
เน้นการใช้สมองเพือฝกคิดอย่างมีหลักการ
โครงงานประเภทนีจะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพือให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทังให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย
ผู้พัฒนาควรจะได้ทําการสํารวจและรวบรวมข้อมูลเกียวกับเกมต่าง ๆ ทีมีอยู่ทัวไปและนํามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึนใหม่เพือให้ปน
เกมทีแปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ
sudoku
- 21. คัดเลือกหัวข้อโครงงานทีสนใจ
1. การอ่านค้นคว้าจาก
หนังสือ เอกสาร
หนังสือพิมพ์ หรือวรสาร
ต่างๆ
2. การไปเยียมชมสถานที
ต่างๆ
1.การอ่านค้นคว้าจาก
หนังสือ เอกสาร
หนังสือพิมพ์ หรือวารสาร
ต่างๆ
2.การไปเยียมชมสถานที
ต่างๆ
PATIENT
COMPLIANCE
Presentations are
communication tools that
can be demonstrations,
lectures, speeches,
reports, and more.
โดยทัวไปเรืองทีจะนํามาพัฒนาเปนโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปญหา คําถาม หรือความสนใจในเรืองต่างๆ จากการสังเกตสิงต่างๆ
ทีเกียวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิงต่างๆ รอบตัว ปญหาทีจะนํามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี
3.การฟงบรรยายทาง
วิชาการ รายการวิทยุ และ
โทรทัศน์ รวมทังการ
สนทนาอภิปรายแลกเปลียน
ความคิดเห็นระหว่างเพือน
นักเรียนหรือกับบุ คคล
อืนๆ
5.งานอดิเรกของ
นักเรียน
6.การเข้าชมงาน
นิทรรศการหรืองาน
ประกวดโครงงาน
คอมพิวเตอร์
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อทีจะนํามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสําคัญ ดังนี
1. ต้องมีความรู้และทักษะพืนฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรืองทีจะศึกษา
2. สามารถจัดหาเครืองคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ทีเกียวข้องได้
3. มีแหล่งความรู้เพียงพอทีจะค้นคว้าหรือขอคําปรึกษา
4. มีเวลาเพียงพอ
5. มีงบประมาณเพียงพอ
6. มีความปลอดภัย
- 22. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและ
แหล่งข้อมูล
1. จะทํา อะไร
2. ทําไมต้องทํา
3. ต้องการให้เกิดอะไร
4. ทําอย่างไร
5. ใช้ทรัพยากรอะไร
6. ทํากับใคร
7. เสนอผลอย่างไร
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึงรวมถึงการขอคําปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ
จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดทีใช้ในการกําหนดขอบเขตของเรืองทีจะศึกษาได้เฉพาะเจาะจง
มากยิงขึน รวมทังได้ความรู้เพิมเติมในเรืองทีจะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผน
ดําเนินการทําโครงงานนันได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คําตอบว่า
- 24. การลงมือทําโครงงาน
เมือเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ทีปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทําโครง
งานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึง ขันตอนต่อไปจะเปนการลงมือพัฒนาตามขันตอนทีวางแผนไว้
ดังนี
1.การเตรียมการ ต้องเตรียมเครืองคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอืนๆ ทีจะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย และควร
เตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเปนแฟมข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สําหรับบันทึกการทํากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทํา
โครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทังข้อสังเกตต่างๆ ทีพบ
2.การลงมือพัฒนา
1. ปฏิบัติตามแผนงานทีวางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลียนแปลงหรือเพิมเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทําให้ผลงานดีขึน
2. จัดระบบการทํางานโดยทําส่วนทีเปนหลักสําคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยทํา ส่วนทีเปนส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพือให้โครง
งานมีความสมบูรณ์มากขึน และถ้ามีการแบ่งงานกันทํา ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชือมชินงานทีชัดเจนด้วย
3. พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเปนระบบและครบถ้วน
5.แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เมือทําโครงงานเสร็จสินลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที
สําคัญ หรือปญหา ซึงสามารถเขียนเปนข้อเสนอแนะและสิงทีควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้
3.การทดสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน เปนความจําเปนเพือให้แน่ใจว่าผลงานทีพัฒนาขึนทํางานได้ถูก
ต้องตรงกับความต้องการ ทีระบุไว้ในเปาหมายและทําด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย
4.การอภิปรายและข้อเสนอแนะ เมือพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทําสรุปด้วยข้อความทีสันกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพือช่วยให้ผู้อ่านได้
เข้าใจถึงสิงทีค้นพบจากการทําโครงงาน และทําการอภิปรายผลด้วย เพือพิจารณาข้อมูลและผลทีได้ พร้อมกับนํา ไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ
ทฤษฎี หรือผลงานทีผู้อืนได้ศึกษาไว้แล้ว ทังนียังรวมถึงการนําหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อืนมาใช้ประกอบการอภิปรายผลทีได้ด้วย
- 25. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเปนวิธีการสือความหมายเพือให้ผู้อืนได้เข้าใจแนวคิด วิธีดําเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลทีได้ ตลอดจนข้อสรุป
และข้อเสนอแนะต่างๆ เกียวกับโครงงานนัน ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาทีอ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา
ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี
2.บทนํา เปนส่วนรายละเอียดของเนือหาของโครงงานซึงประกอบด้วย
1. ทีมาและความสําคัญของโครงงาน
2. เปาหมายของการศึกษาค้นคว้า
3. ขอบเขตของโครงงาน
1.ส่วนนํา เปนการให้ข้อมูลเกียวกับโครงงานนันซึงประกอบด้วย
1. ชือโครงงาน
2. ชือผู้ทําโครงงาน
3. ชืออาจารย์ทีปรึกษา
4. คําขอบคุณ เปนคํากล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ทีมีส่วนช่วยทําให้โครงงานสําเร็จ
5. บทคัดย่อ อธิบายถึงทีมา ความสําคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดําเนินการ และผลทีได้โดยย่อ
3.หลักการและทฤษฎี เปนส่วนสรุปข้อมูลทีได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือ
วิธีการทีจะนํามาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึงรวมถึงการระบุผลงานของผู้อืนทีนักเรียนนํามา
เปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิมเติมด้วย
4.วิธีดําเนินการ อธิบายขันตอนการดําเนินงานโดยละเอียด พร้อมทังระบุปญหาหรืออุปสรรคที
พบพร้อมทังวิธีการทีใช้แก้ไข พร้อมทังระบุวัสดุอุปกรณ์ทีต้องใช้ในการทํางาน
- 26. 5.ผลการศึกษา นําเสนอข้อมูลหรือระบบทีพัฒนาได้ โดยอาจแสดงเปนตาราง หรือ กราฟ หรือ
ข้อความ ทังนีให้คํานึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเปนหลัก
6.สรุปผลและข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปทีได้จากการทํา งาน ถ้ามีการตังสมมติฐานควรระบุ
ด้วยว่าข้อมูลทีได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานทีตังไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนันยังควร
กล่าวถึงการนํา ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน์ อุปสรรคของการทําโครงงาน หรือข้อ
สังเกตทีสําคัญ หรือข้อผิดพลาดบางประการทีเกิดขึนจากการทํา โครงงานนี รวมทังข้อเสนอ
แนะเพือการปรับปรุงแก้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรืองทํานองนีต่อไปในอนาคตด้วย
7.ประโยชน์ ระบุประโยชน์ทีนักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนัน และประโยชน์ทีผู้ใช้จะได้
รับจากการนําผลงานของโครงงานไปใช้ด้วย
9.การจัดทําคู่มือการใช้งาน หาโครงงานทีนักเรียนจัดทํา เปนการพัฒนาระบบใหม่ขึนมา ให้
นักเรียนจัดทําคู่มืออธิบายวิธีการใช้ผลงานนันโดยละเอียด ซึงประกอบด้วย
1. ชือผลงาน
2. ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ทีต้องมีเพือจะใช้ผล
งานนันได้
3. ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชือซอฟต์แวร์ทีต้องมีอยู่ในเครืองคอมพิวเตอร์ เพือจะ
ให้ผลงานนันทํางานได้อย่างสมบูรณ์
4. คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนันทํา หน้าทีอะไรบ้าง รับอะไรเปนข้อมูลขาเข้าและ
ส่วนอะไรออกมาเปนข้อมูลขาออก
5. วิธีการใช้งานของแต่ละฟงก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคําสังใด หรือกดปุมใด เพือให้ผลงาน
ทํางานในฟงก์ชันหนึงๆ
8.บรรณานุกรม รวบรวมรายชือหนังสือ วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ทีผู้ทํา โครงงานใช้
ค้นคว้า หรืออ่านเพือศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ทีนํามาใช้ประโยชน์ในการทํา โครงงานนี
การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย