SlideShare a Scribd company logo
1 of 21
โครงงาน
คอมพิวเตอ
ร ์
ความหมาย
คือ กิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทาให้นักเรียนมีอิสระทางความคิดทางการศึกษาปัญหาและสิ่งต่างๆ ที่ตนเองสนใจ โดยนักเรียนต้องมีการวางแผน
การศึกษาและนักเรียนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร ์เครื่องคอมพิวเตอร ์และวัสดุ
อุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน
จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร ์แก้ปัญหา ประดิษฐ ์คิดค้นหรือค้นคว้าหา
ความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร ์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ ์
ฮาร ์ดแวร ์ซอฟต์แวร ์หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร ์เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้การพัฒนา
ความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข และทาให้เกิดความสามัคคีในการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม รวมถึงการ
ฝึกความกล้าแสดงออกในการนาเสนอผลงานของตน
คุณค่าของการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร ์มีผลกระทบต่อความเจริญก้าวหน้าของทุก ๆ สังคมในโลกปัจจุบันนี้เทคโนโลยีด้านนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องยากที่ประชาชนจะคอยติดตาม
ความก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลาและเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่าอีกด้วย ดังนั้นการศึกษาเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร ์จึงต้องศึกษาหลักการและเนื้อหาพื้นฐานเป็นสาคัญ การศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร ์
เป็นสิ่งจาเป็นเสมือนกับการศึกษาวิทยาศาสตร ์ธรรมชาติคอมพิวเตอร ์ได้เปลี่ยนแปลงโลกของเราในด้านต่าง ๆ มากมายได้แก่
สังคมโดยส่วนใหญ่เปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมเป็นสังคมสารสนเทศ
การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มักขึ้นอยู่กับข้อมูลซึ่งได้จากระบบคอมพิวเตอร ์
คอมพิวเตอร ์กลายเป็นเครื่องมือที่สาคัญแทนเครื่องมืออื่น ๆ ในอดีต เช่น เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องคิดเลขเป็นต้น
คอมพิวเตอร ์ถูกใช้ในการออกแบบสถานการณ์หรือปัญหาที่ซับซ ้อนต่าง ๆ
คอมพิวเตอร ์เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารของโลกปัจจุบัน
ความสาคัญของโครงงานคอมพิวเตอร ์
โครงงานคอมพิวเตอร ์คือ ผลงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าตามความสนใจ ความถนัดและความสามารถของผู้เรียน โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร ์โครงงานจึงเป็ นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการเน้น
ผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยผู้เรียนจะหาหัวข้อโครงงานที่ตนเองสนใจ รวมทั้งเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ และความรู้ด้านคอมพิวเตอร ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร ้างผลงานตามความต้องการได้อย่างเหมาะสม โดยมีครู
เป็นที่ปรึกษาและให้คาแนะนาความสามารถที่เกิดจากการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์โครงงานคอมพิวเตอร ์เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทาให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่สาคัญ 5 ประการ
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด
• การคิดวิเคราะห์
• การคิดสังเคราะห์
• การคิดอย่างสร้างสรรค์
• การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
• การคิดอย่างเป็นระบบความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ขอบข่ายของโครงงาน
ดาเนินงานโดยนักเรียน เป็นผู้ริเริ่มสร ้างสรรค์
และครูอาจารย์เป็นผู้ให้คาแนะนาปรึกษา
องค์ประกอบ
เป็นกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นมาก
แล้ว
นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือเป็นกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ เป็นภาคเรียน หรือมากว่าก็ได้ แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
นักเรียนเป็นผู้พิจารณาริเริ่มสร ้างสรรค์คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความถนัด สนใจ และความพร ้อม
นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงานและการแปลผล รายงานผลต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กาหนดไว้
เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการใช้จ่ายเงินดาเนินงานด้วย
ประเภทของโครงงาน
คอมพิวเตอร ์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร ์
คอมพิวเตอร ์เป็ นเครื่องมือที่ใช ้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร ์จึงมีความหลากหลายเป็ นอย่างมาก
ทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรม และลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ซึ่งอาจแบ่งเป็ นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท
• โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
• โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment)
• โครงงานประเภทการประยุกต์ใช ้งาน (Application)
• โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
• โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม
ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้
นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น
ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะ
จักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
เป็ นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร ้างงานประยุกต์ต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็ นในรูป
ซอฟต์แวร ์ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร ์วาดรูป ซอฟต์แวร ์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร ์ช่วยการมองวัตถุใน
มุมต่าง ๆ เป็ นต้น สาหรับซอฟต์แวร ์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร ้างขึ้นเป็ นโปรแกรมประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็ นเครื่องมือให้
เราใช ้งานในงานพิมพ์ต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร ์เป็ นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้สามารถนาไปใช ้งานต่าง ๆ ได้มากมาย
สาหรับซอฟต์แวร ์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช ้สาหรับช่วยในการออกแบบสิ่งของต่าง ๆ เช่น โปรแกรมประเภท
3D
เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ เป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและ
แนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคาอธิบายก็ได้ พร้อมทั้ง
นาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์ การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การทดลองเรื่อง
การไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เป็นต้น
โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment)
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการ
ออกแบบและตกแต่งอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์
ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้
โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้น ๆ
ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้นักเรียน
ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธีทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และ
ซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน(Application)
เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมหมากฮอส เกมการคานวณ
เลข ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบ
ลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวม
ข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ
โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
ขั้นตอนการทา
โครงงาน
คอมพิวเตอร ์
ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์
โครงงานคอมพิวเตอร ์เป็ นกิจกรรมที่ต้องทาอย่างต่อเนื่องหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนจะมีความสาคัญต่อ
ความสาเร็จของโครงงานนั้นๆ การคัดเลือกโครงงานที่สนใจจะทา ควรเป็ นไปตามความสามารถ ความถนัด ความสนใจ และความ
ต้องการของตัวผู้เรียนเอง การสารวจและการเลือกเรื่องที่จะทาโครงงาน เป็ นขั้นตอนแรกของการทาโครงงาน ซึ่งเป็ นขั้นตอนที่
สาคัญมาก
ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์
1. การคัดเลือกหัวข้อโครงงาน (การตั้งชื่อโครงงานคอมพิวเตอร ์ที่สนใจจะทา)
2. การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. การจัดทาข้อเสนอโครงงาน
4. การลงมือพัฒนาโครงงาน
5. การจัดทารายงาน
6. การนาเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน
1.การคัดเลือกหัวข้อโครงงาน
ปัญหาสาคัญในการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์ประการหนึ่งคือ ผู้เรียนไม่ทราบว่าจะทาโครงงานเรื่องอะไร โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็ นโครงงาน
คอมพิวเตอร ์มักจะได้มาจากเรื่องทั่วๆ ไป จากปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบคอมพิวเตอร ์หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว
องค์ประกอบสาคัญในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร ์
เห็นประโยชน์และความคุ้มค่าของเรื่องที่จะทาโครงงาน
ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร ์และซอฟต์แวร ์ที่เกี่ยวข้องได้
มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษาซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ให้คาปรึกษา
มีเวลาเพียงพอ
มีงบประมาณเพียงพอ
มีความปลอดภัย
2.การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจากครูผู้เชี่ยวชาญปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น จะช่วยให้ผู้เรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกาหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจน
สามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาค้นคว้าดังกล่าวผู้เรียนจะต้องบันทึกสรุปสาระสาคัญไว้ด้วยแหล่งข้อมูลที่สาคัญอีกแหล่งหนึ่งคือการศึกษาผลงานของโครงงานคอมพิวเตอร์จากงานแสดงนิทรรศการหรือจากเอกสารรายงาน
โครงงานคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจค้นหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆทั่วโลก จะช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับผู้เรียนในด้านความรู้ เทคนิคและวิธีการพัฒนานอกจากนี้ยังทาให้เกิดแนวคิดที่จะดัดแปลงผลงานดังกล่าวมาจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ในหัวข้อที่ตนสนใจด้วย
ตัวอย่างเว็ปไซต์
• http://oho.ipst.ac.th เป็นเว็บไซต์ของสาขาคอมพิวเตอร์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
• http://www.nectec.or.th/nsc เป็นเว็บไซต์ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ทุนวิจัยกับเยาวชนในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างโครงงาน และ
จัดการแข่งขัน
• http://www. nectec.or.th/ysc เป็นเว็บไซต์ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับโครงงานนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่จัดการแข่งขันคัดเลือกโครงงานของผู้เรียน เป็นตัวแทน
ประเทศไทยไปแข่งขันในโครงการของบริษัทอินเทลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
• http://www.toryod.com เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ผู้เรียนสามารถเข้าไปศึกษาแนวคิดเพื่อนามาใช้สร้างโครงงาน หรือต่อยอดได้
• http://www.ipthailand.org เป็นเว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา
• http://www.bangcare.net เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมเทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์ที่อานวยความสะดวกให้กับคนพิการ
3.การจัดทาข้อเสนอโครงงาน
โดยทั่วไป การทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร ์มีขั้นตอนที่สาคัญดังนี้
1 กาหนด
ขอบเขตงาน
วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการ
ทบทวนเอกสารวิชาการ เพื่อ
นามากาหนดขอบเขต
ลักษณะ และแนวทางในการ
วางแผนจัดทาโครงงาน
2 การออกแบบการ
พัฒนา
การออกแบบพัฒนา มี
การกาหนดลักษณะของ
คอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์
ตัวแปล ภาษา และวัสดุ
ต่างๆ ที่ต้องใช้กาหนด
คุณลักษณะของผลงาน
ระบุเทคนิคที่ใช้ในการ
พัฒนา พร ้อมทั้งกาหนด
ตารางการปฏิบัติงาน
3 พัฒนาโครงงาน
ขั้นต้น
การพัฒนาโครงงาน
ขั้นต้น เป็นการลงมือ
ปฏิบัติเพื่อศึกษา
ความเป็นไปได้
เบื้องต้น โดยอาจทา
การพัฒนาส่วนย่อยๆ
บางส่วนตามที่ได้
ออกแบบไว้โดยนาผล
จากการปฏิบัติ ไป
ปรับปรุงแผนการ
ปฏิบัติงานที่ออกแบบ
ไว้ในครั้งแรกให้
เหมาะสมยิ่งขึ้น
4จัดทาและเสนอข้อเสนอโครงงาน
คอมพิวเตอร ์
เขียนข้อเสนอโครงงานนาเสนอต่ออาจารย์ที่
ปรึกษา เพื่ออาจารย์ที่ปรึกษาจะได้แนะนาใน
ส่วนที่ยังบกพร่องอยู่อีกครั้ง ซึ่งจะทาให้การ
วางแผนและดาเนินการทาโครงงานเป็นไป
อย่างราบรื่น
4. การลงมือพัฒนาโครงงาน
เมื่อข้อเสนอโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทา
โครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่า50% ขั้นต่อไปจะเป็ นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่
วางแผนไว้ ดังนี้
1 การ
เตรียมการ
ต้องเตรียมเครื่อง
คอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์และ
วัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการ
ทดลอง พร ้อมทั้งจัดเตรียม
สถานที่สาหรับใช้ในการ
พัฒนาให้พร้อมด้วย และควร
เตรียมสมุดบันทึก หรือบันทึก
เป็นแฟ้ มข้อความไว้ในระบบ
คอมพิวเตอร ์สาหรับบันทึก
การทากิจกรรมต่างๆ ระหว่าง
ทาโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติ
อย่างไร ได้ผลอย่างไร มี
ปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่
อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกต
ต่างๆ ที่พบ
2 การลงมือ
พัฒนา
-ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้า
โครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือ
เพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้
ผลงานดีขึ้น
3 การตรวจสอบผลงาน
และแก้ไข
การตรวจสอบความ
ถูกต้องของผลงาน
เป็นความจาเป็น
เพื่อให้แน่ใจว่าผลงาน
ที่พัฒนาขึ้นทางานได้
ถูกต้องตรงกับความ
ต้องการที่ระบุไว้ใน
เป้าหมาย และทาด้วย
ประสิทธิภาพสูงด้วย
4การอภิปรายผลและ
ข้อเสนอแนะ
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร ้อยแล้ว ให้จัดทาสรุปด้วย
ข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วย
ให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทา
โครงงาน และทาการอภิปรายผลด้วย เพื่อ
พิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร ้อมกับนาไปหา
ความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่
ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนา
หลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้
ประกอบ
การอภิปรายผลที่ได้ด้วย
-จัดระบบการทางานโดยทา
ส่วนที่เป็นหลักสาคัญให้แล้ว
เสร็จก่อน จึงค่อยทาส่วนที่
เป็นส่วนประกอบหรือส่วน
เสริม-พัฒนาระบบงานด้วยความ
ละเอียดรอบคอบ และบันทึก
ข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและ
ครบถ้วน
-คานึงถึงความประหยัด
ความปลอดภัย และระยะเวลา
ในการทางาน
5. การจัดทารายงาน
เมื่อทาโครงงานจนได้ข้อมูลอย่างเพียงพอและทาการวิเคราะห์ผล และสรุปผลแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทาคือการจัดทารายงาน ซึ่งจะรวมถึง
รายละเอียดต่างๆ ในการพัฒนา และคู่มือการใช ้งานรายงานโครงงานคอมพิวเตอร ์เป็ นวิธีสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด
วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ
เกี่ยวกับโครงงาน ในการเขียนรายงานนั้น ผู้เรียนควรใช ้ภาษาที่อ่านและเข้าใจได้ง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ
ดังต่อไปนี้
1. ส่วนนา
ประกอบด้วย
1.1 ปกนอก
1.2 ใบรองปก
1.3 ปกใน
1.4 บทคัดย่อ
1.5 กิตติกรรมประกาศ
1.6 สารบัญ
1.7 คาอธิบายสัญลักษณ์และคาย่อ (ถ้ามี)
2. ส่วนเนื้อเรื่อง
ส่วนนี้กาหนดให้ทาแบบเป็นบท จานวน 5 บท ประกอบด้วย
2.1 บทที่ 1 บทนา
2.2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.3 บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีดาเนินการ
2.4 บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน
2.5 บทที่ 5 สรุปผลการดาเนินงาน/อภิปรายผลการ
ดาเนินงาน
3. ส่วนอ้างอิง
เป็นส่วนท้ายของรายงานโครงงาน ประกอบด้วย รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม และ
ภาคผนวก
3.1 รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม
3.2 ภาคผนวก
3.3 คู่มือการใช้งาน (ถ้ามี)
6. การนาเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน
การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็ นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลของความคิด ความพยายามใน
การทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเท และเป็ นวิธีที่ทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น
การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบ การรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร ์และอธิบายด้วยคาพูด โดยผลงานที่
นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
1) ชื่อโครงงาน
2) ชื่อผู้จัดทาโครงงาน
3) ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4) คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน
5) วิธีการดาเนินการที่สาคัญ
6) การสาธิตผลงาน
7) ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทา
โครงงาน
ถ้าเป็ นการรายงานด้วยคาพูดต่อที่ประชุม ควรมีการเตรียมการในประเด็นต่อไปนี้
1) จัดลาดับความคิดในการนาเสนออย่างเป็ นระบบและนาเสนออย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่ชัดเจนและ
เข้าใจง่าย
2) ทาความเข้าใจกับเรื่องที่จะอธิบายให้ดี รวมถึงเตรียมข้อมูลที่อาจต้องใช ้ในการตอบคาถาม
3) หลีกเลี่ยงการนาเสนอด้วยวิธีอ่านรายงาน
4) ควรมองไปยังผู้ฟังขณะรายงาน
5) ตอบคาถามอย่างตรงไปตรงมา
6) รายงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กาหนด
7) ควรใช ้โปรแกรมนาเสนอประกอบการรายงาน
8) ความเหมาะสมของเนื้อหาต่อผู้ฟัง
9) ถ้าเป็ นโครงงานพัฒนาผลงาน ผลงานนั้นควรจะอยู่ในสภาพที่ทางานได้เป็ นอย่างดี
นาย พชร เสนเอียด เลขที่ 6
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5
นาย สิริชัย พรหมชัยยา เลขที่ 13
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5
จัดทาโดย

More Related Content

What's hot

Computer project
Computer projectComputer project
Computer project
Tatpicha
 
Computer project reallll
Computer project reallllComputer project reallll
Computer project reallll
Tatpicha
 
ใบงานที่ 2 8 คอม나
ใบงานที่ 2 8 คอม나ใบงานที่ 2 8 คอม나
ใบงานที่ 2 8 คอม나
Aoy Zied
 
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
Thawinan Emsiranunt
 
งานๆๆๆๆๆ
งานๆๆๆๆๆงานๆๆๆๆๆ
งานๆๆๆๆๆ
Wi Nit
 
โครงงานคอมพ วเตอร
โครงงานคอมพ วเตอร โครงงานคอมพ วเตอร
โครงงานคอมพ วเตอร
Jp Eternally
 
งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8
งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8
งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8
ploypapas45091
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
sirirat28
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
Yamroll Yam
 

What's hot (18)

Computer project
Computer projectComputer project
Computer project
 
Computer project reallll
Computer project reallllComputer project reallll
Computer project reallll
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2
 
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8
 
ใบงานที่ 2 8 คอม나
ใบงานที่ 2 8 คอม나ใบงานที่ 2 8 คอม나
ใบงานที่ 2 8 คอม나
 
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 2 8 โครงงานคอมพิวเตอร์
 
งานๆๆๆๆๆ
งานๆๆๆๆๆงานๆๆๆๆๆ
งานๆๆๆๆๆ
 
Comp2 4
Comp2 4Comp2 4
Comp2 4
 
Comp2 4
Comp2 4Comp2 4
Comp2 4
 
โครงงานคอมพ วเตอร
โครงงานคอมพ วเตอร โครงงานคอมพ วเตอร
โครงงานคอมพ วเตอร
 
ใบงานที่2-8
ใบงานที่2-8ใบงานที่2-8
ใบงานที่2-8
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์_604_0226
โครงงานคอมพิวเตอร์_604_0226โครงงานคอมพิวเตอร์_604_0226
โครงงานคอมพิวเตอร์_604_0226
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8
งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8
งานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่2 8
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 

Similar to Presentation 2 3

โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
Rattarida Thatid
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
Sunipha Ruamsap
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
Sunipha Ruamsap
 
ใบงานที่2 8
ใบงานที่2 8ใบงานที่2 8
ใบงานที่2 8
4315609
 
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ความหมายและความสำคัญของโครงงานความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
Siripassorn
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
Peeravit Tipneht
 
งานวิชาคอมพิวเตอร์ Send
งานวิชาคอมพิวเตอร์ Sendงานวิชาคอมพิวเตอร์ Send
งานวิชาคอมพิวเตอร์ Send
ploypapas45091
 
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
Moomy Momay
 
(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)
JoyCe Zii Zii
 
(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)
JoyCe Zii Zii
 
งานคอมแบง
งานคอมแบงงานคอมแบง
งานคอมแบง
Fah Phatcharida
 

Similar to Presentation 2 3 (19)

งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
Computer project
Computer projectComputer project
Computer project
 
ความหมายและความสำค ญของโครงงานคอมพ วเตอร_
ความหมายและความสำค ญของโครงงานคอมพ วเตอร_ความหมายและความสำค ญของโครงงานคอมพ วเตอร_
ความหมายและความสำค ญของโครงงานคอมพ วเตอร_
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ใบงานที่2 8
ใบงานที่2 8ใบงานที่2 8
ใบงานที่2 8
 
ใบงานที่ 2 8
ใบงานที่ 2 8ใบงานที่ 2 8
ใบงานที่ 2 8
 
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ความหมายและความสำคัญของโครงงานความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
 
ใบงาน 2-8
ใบงาน 2-8ใบงาน 2-8
ใบงาน 2-8
 
ใบงานที่2-8
ใบงานที่2-8ใบงานที่2-8
ใบงานที่2-8
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
ใบงาน2,3,4
ใบงาน2,3,4ใบงาน2,3,4
ใบงาน2,3,4
 
งานวิชาคอมพิวเตอร์ Send
งานวิชาคอมพิวเตอร์ Sendงานวิชาคอมพิวเตอร์ Send
งานวิชาคอมพิวเตอร์ Send
 
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
 
(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)
 
(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)(ใบงานที่ 3)
(ใบงานที่ 3)
 
ใบงานที่2
ใบงานที่2ใบงานที่2
ใบงานที่2
 
งานคอมแบง
งานคอมแบงงานคอมแบง
งานคอมแบง
 

Presentation 2 3

  • 2. ความหมาย คือ กิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ทาให้นักเรียนมีอิสระทางความคิดทางการศึกษาปัญหาและสิ่งต่างๆ ที่ตนเองสนใจ โดยนักเรียนต้องมีการวางแผน การศึกษาและนักเรียนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร ์เครื่องคอมพิวเตอร ์และวัสดุ อุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร ์แก้ปัญหา ประดิษฐ ์คิดค้นหรือค้นคว้าหา ความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร ์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ ์ ฮาร ์ดแวร ์ซอฟต์แวร ์หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร ์เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้การพัฒนา ความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข และทาให้เกิดความสามัคคีในการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม รวมถึงการ ฝึกความกล้าแสดงออกในการนาเสนอผลงานของตน
  • 3. คุณค่าของการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร ์มีผลกระทบต่อความเจริญก้าวหน้าของทุก ๆ สังคมในโลกปัจจุบันนี้เทคโนโลยีด้านนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องยากที่ประชาชนจะคอยติดตาม ความก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลาและเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่าอีกด้วย ดังนั้นการศึกษาเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร ์จึงต้องศึกษาหลักการและเนื้อหาพื้นฐานเป็นสาคัญ การศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร ์ เป็นสิ่งจาเป็นเสมือนกับการศึกษาวิทยาศาสตร ์ธรรมชาติคอมพิวเตอร ์ได้เปลี่ยนแปลงโลกของเราในด้านต่าง ๆ มากมายได้แก่ สังคมโดยส่วนใหญ่เปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมเป็นสังคมสารสนเทศ การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มักขึ้นอยู่กับข้อมูลซึ่งได้จากระบบคอมพิวเตอร ์ คอมพิวเตอร ์กลายเป็นเครื่องมือที่สาคัญแทนเครื่องมืออื่น ๆ ในอดีต เช่น เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องคิดเลขเป็นต้น คอมพิวเตอร ์ถูกใช้ในการออกแบบสถานการณ์หรือปัญหาที่ซับซ ้อนต่าง ๆ คอมพิวเตอร ์เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารของโลกปัจจุบัน
  • 4. ความสาคัญของโครงงานคอมพิวเตอร ์ โครงงานคอมพิวเตอร ์คือ ผลงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าตามความสนใจ ความถนัดและความสามารถของผู้เรียน โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร ์โครงงานจึงเป็ นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยผู้เรียนจะหาหัวข้อโครงงานที่ตนเองสนใจ รวมทั้งเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ และความรู้ด้านคอมพิวเตอร ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร ้างผลงานตามความต้องการได้อย่างเหมาะสม โดยมีครู เป็นที่ปรึกษาและให้คาแนะนาความสามารถที่เกิดจากการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์โครงงานคอมพิวเตอร ์เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทาให้ผู้เรียนเกิดความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่สาคัญ 5 ประการ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด • การคิดวิเคราะห์ • การคิดสังเคราะห์ • การคิดอย่างสร้างสรรค์ • การคิดอย่างมีวิจารณญาณ • การคิดอย่างเป็นระบบความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
  • 5. ขอบข่ายของโครงงาน ดาเนินงานโดยนักเรียน เป็นผู้ริเริ่มสร ้างสรรค์ และครูอาจารย์เป็นผู้ให้คาแนะนาปรึกษา องค์ประกอบ เป็นกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นมาก แล้ว นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือเป็นกลุ่มโดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ เป็นภาคเรียน หรือมากว่าก็ได้ แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่ นักเรียนเป็นผู้พิจารณาริเริ่มสร ้างสรรค์คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองตามความถนัด สนใจ และความพร ้อม นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงานและการแปลผล รายงานผลต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กาหนดไว้ เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการใช้จ่ายเงินดาเนินงานด้วย
  • 7. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร ์ คอมพิวเตอร ์เป็ นเครื่องมือที่ใช ้ในงานวิจัยในทุก ๆ สาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร ์จึงมีความหลากหลายเป็ นอย่างมาก ทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรม และลักษณะของประโยชน์หรือผลงานที่ได้ซึ่งอาจแบ่งเป็ นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท • โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media) • โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment) • โครงงานประเภทการประยุกต์ใช ้งาน (Application) • โครงงานพัฒนาเกม (Game Development) • โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
  • 8. เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้ นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะ จักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
  • 9. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development) เป็ นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือมาใช้ช่วยสร ้างงานประยุกต์ต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็ นในรูป ซอฟต์แวร ์ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร ์วาดรูป ซอฟต์แวร ์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร ์ช่วยการมองวัตถุใน มุมต่าง ๆ เป็ นต้น สาหรับซอฟต์แวร ์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร ้างขึ้นเป็ นโปรแกรมประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็ นเครื่องมือให้ เราใช ้งานในงานพิมพ์ต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร ์เป็ นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้สามารถนาไปใช ้งานต่าง ๆ ได้มากมาย สาหรับซอฟต์แวร ์ช่วยในการมองวัตถุในมุมต่าง ๆ ใช ้สาหรับช่วยในการออกแบบสิ่งของต่าง ๆ เช่น โปรแกรมประเภท 3D
  • 10. เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่าง ๆ เป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริงและ แนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตร หรือคาอธิบายก็ได้ พร้อมทั้ง นาเสนอวิธีการจาลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์ การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การทดลองเรื่อง การไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เป็นต้น โครงงานประเภทจาลองทฤษฎี (Theory Experiment)
  • 11. เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการ ออกแบบและตกแต่งอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้นักเรียน ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธีทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน(Application)
  • 12. เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมหมากฮอส เกมการคานวณ เลข ซึ่งเกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบ ลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทาการสารวจและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปและนามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)
  • 14. ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์ โครงงานคอมพิวเตอร ์เป็ นกิจกรรมที่ต้องทาอย่างต่อเนื่องหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนจะมีความสาคัญต่อ ความสาเร็จของโครงงานนั้นๆ การคัดเลือกโครงงานที่สนใจจะทา ควรเป็ นไปตามความสามารถ ความถนัด ความสนใจ และความ ต้องการของตัวผู้เรียนเอง การสารวจและการเลือกเรื่องที่จะทาโครงงาน เป็ นขั้นตอนแรกของการทาโครงงาน ซึ่งเป็ นขั้นตอนที่ สาคัญมาก ขั้นตอนการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์ 1. การคัดเลือกหัวข้อโครงงาน (การตั้งชื่อโครงงานคอมพิวเตอร ์ที่สนใจจะทา) 2. การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล 3. การจัดทาข้อเสนอโครงงาน 4. การลงมือพัฒนาโครงงาน 5. การจัดทารายงาน 6. การนาเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน
  • 15. 1.การคัดเลือกหัวข้อโครงงาน ปัญหาสาคัญในการทาโครงงานคอมพิวเตอร ์ประการหนึ่งคือ ผู้เรียนไม่ทราบว่าจะทาโครงงานเรื่องอะไร โดยทั่วไปเรื่องที่จะนามาพัฒนาเป็ นโครงงาน คอมพิวเตอร ์มักจะได้มาจากเรื่องทั่วๆ ไป จากปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบคอมพิวเตอร ์หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว องค์ประกอบสาคัญในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร ์ เห็นประโยชน์และความคุ้มค่าของเรื่องที่จะทาโครงงาน ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร ์และซอฟต์แวร ์ที่เกี่ยวข้องได้ มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคาปรึกษาซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ให้คาปรึกษา มีเวลาเพียงพอ มีงบประมาณเพียงพอ มีความปลอดภัย
  • 16. 2.การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคาปรึกษาจากครูผู้เชี่ยวชาญปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น จะช่วยให้ผู้เรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกาหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจน สามารถใช้ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาค้นคว้าดังกล่าวผู้เรียนจะต้องบันทึกสรุปสาระสาคัญไว้ด้วยแหล่งข้อมูลที่สาคัญอีกแหล่งหนึ่งคือการศึกษาผลงานของโครงงานคอมพิวเตอร์จากงานแสดงนิทรรศการหรือจากเอกสารรายงาน โครงงานคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจค้นหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆทั่วโลก จะช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับผู้เรียนในด้านความรู้ เทคนิคและวิธีการพัฒนานอกจากนี้ยังทาให้เกิดแนวคิดที่จะดัดแปลงผลงานดังกล่าวมาจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ในหัวข้อที่ตนสนใจด้วย ตัวอย่างเว็ปไซต์ • http://oho.ipst.ac.th เป็นเว็บไซต์ของสาขาคอมพิวเตอร์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ • http://www.nectec.or.th/nsc เป็นเว็บไซต์ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ทุนวิจัยกับเยาวชนในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างโครงงาน และ จัดการแข่งขัน • http://www. nectec.or.th/ysc เป็นเว็บไซต์ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับโครงงานนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่จัดการแข่งขันคัดเลือกโครงงานของผู้เรียน เป็นตัวแทน ประเทศไทยไปแข่งขันในโครงการของบริษัทอินเทลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา • http://www.toryod.com เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ผู้เรียนสามารถเข้าไปศึกษาแนวคิดเพื่อนามาใช้สร้างโครงงาน หรือต่อยอดได้ • http://www.ipthailand.org เป็นเว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา • http://www.bangcare.net เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมเทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์ที่อานวยความสะดวกให้กับคนพิการ
  • 17. 3.การจัดทาข้อเสนอโครงงาน โดยทั่วไป การทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร ์มีขั้นตอนที่สาคัญดังนี้ 1 กาหนด ขอบเขตงาน วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการ ทบทวนเอกสารวิชาการ เพื่อ นามากาหนดขอบเขต ลักษณะ และแนวทางในการ วางแผนจัดทาโครงงาน 2 การออกแบบการ พัฒนา การออกแบบพัฒนา มี การกาหนดลักษณะของ คอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์ ตัวแปล ภาษา และวัสดุ ต่างๆ ที่ต้องใช้กาหนด คุณลักษณะของผลงาน ระบุเทคนิคที่ใช้ในการ พัฒนา พร ้อมทั้งกาหนด ตารางการปฏิบัติงาน 3 พัฒนาโครงงาน ขั้นต้น การพัฒนาโครงงาน ขั้นต้น เป็นการลงมือ ปฏิบัติเพื่อศึกษา ความเป็นไปได้ เบื้องต้น โดยอาจทา การพัฒนาส่วนย่อยๆ บางส่วนตามที่ได้ ออกแบบไว้โดยนาผล จากการปฏิบัติ ไป ปรับปรุงแผนการ ปฏิบัติงานที่ออกแบบ ไว้ในครั้งแรกให้ เหมาะสมยิ่งขึ้น 4จัดทาและเสนอข้อเสนอโครงงาน คอมพิวเตอร ์ เขียนข้อเสนอโครงงานนาเสนอต่ออาจารย์ที่ ปรึกษา เพื่ออาจารย์ที่ปรึกษาจะได้แนะนาใน ส่วนที่ยังบกพร่องอยู่อีกครั้ง ซึ่งจะทาให้การ วางแผนและดาเนินการทาโครงงานเป็นไป อย่างราบรื่น
  • 18. 4. การลงมือพัฒนาโครงงาน เมื่อข้อเสนอโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทา โครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่า50% ขั้นต่อไปจะเป็ นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่ วางแผนไว้ ดังนี้ 1 การ เตรียมการ ต้องเตรียมเครื่อง คอมพิวเตอร ์ซอฟต์แวร ์และ วัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการ ทดลอง พร ้อมทั้งจัดเตรียม สถานที่สาหรับใช้ในการ พัฒนาให้พร้อมด้วย และควร เตรียมสมุดบันทึก หรือบันทึก เป็นแฟ้ มข้อความไว้ในระบบ คอมพิวเตอร ์สาหรับบันทึก การทากิจกรรมต่างๆ ระหว่าง ทาโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติ อย่างไร ได้ผลอย่างไร มี ปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกต ต่างๆ ที่พบ 2 การลงมือ พัฒนา -ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้า โครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือ เพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทาให้ ผลงานดีขึ้น 3 การตรวจสอบผลงาน และแก้ไข การตรวจสอบความ ถูกต้องของผลงาน เป็นความจาเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าผลงาน ที่พัฒนาขึ้นทางานได้ ถูกต้องตรงกับความ ต้องการที่ระบุไว้ใน เป้าหมาย และทาด้วย ประสิทธิภาพสูงด้วย 4การอภิปรายผลและ ข้อเสนอแนะ เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร ้อยแล้ว ให้จัดทาสรุปด้วย ข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุม เพื่อช่วย ให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทา โครงงาน และทาการอภิปรายผลด้วย เพื่อ พิจารณาข้อมูลและผลที่ได้พร ้อมกับนาไปหา ความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ ผู้อื่นได้ศึกษาไว้แล้ว ทั้งนี้ยังรวมถึงการนา หลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ ประกอบ การอภิปรายผลที่ได้ด้วย -จัดระบบการทางานโดยทา ส่วนที่เป็นหลักสาคัญให้แล้ว เสร็จก่อน จึงค่อยทาส่วนที่ เป็นส่วนประกอบหรือส่วน เสริม-พัฒนาระบบงานด้วยความ ละเอียดรอบคอบ และบันทึก ข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและ ครบถ้วน -คานึงถึงความประหยัด ความปลอดภัย และระยะเวลา ในการทางาน
  • 19. 5. การจัดทารายงาน เมื่อทาโครงงานจนได้ข้อมูลอย่างเพียงพอและทาการวิเคราะห์ผล และสรุปผลแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทาคือการจัดทารายงาน ซึ่งจะรวมถึง รายละเอียดต่างๆ ในการพัฒนา และคู่มือการใช ้งานรายงานโครงงานคอมพิวเตอร ์เป็ นวิธีสื่อความหมายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน ในการเขียนรายงานนั้น ผู้เรียนควรใช ้ภาษาที่อ่านและเข้าใจได้ง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. ส่วนนา ประกอบด้วย 1.1 ปกนอก 1.2 ใบรองปก 1.3 ปกใน 1.4 บทคัดย่อ 1.5 กิตติกรรมประกาศ 1.6 สารบัญ 1.7 คาอธิบายสัญลักษณ์และคาย่อ (ถ้ามี) 2. ส่วนเนื้อเรื่อง ส่วนนี้กาหนดให้ทาแบบเป็นบท จานวน 5 บท ประกอบด้วย 2.1 บทที่ 1 บทนา 2.2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 2.3 บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีดาเนินการ 2.4 บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน 2.5 บทที่ 5 สรุปผลการดาเนินงาน/อภิปรายผลการ ดาเนินงาน 3. ส่วนอ้างอิง เป็นส่วนท้ายของรายงานโครงงาน ประกอบด้วย รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม และ ภาคผนวก 3.1 รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม 3.2 ภาคผนวก 3.3 คู่มือการใช้งาน (ถ้ามี)
  • 20. 6. การนาเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน การนาเสนอและการแสดงผลงานเป็ นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทาโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลของความคิด ความพยายามใน การทางานที่ผู้ทาโครงงานได้ทุ่มเท และเป็ นวิธีที่ทาให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอผลงานอาจทาได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบ การรายงานด้วยคาพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร ์และอธิบายด้วยคาพูด โดยผลงานที่ นามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้ 1) ชื่อโครงงาน 2) ชื่อผู้จัดทาโครงงาน 3) ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา 4) คาอธิบายถึงที่มาและความสาคัญของโครงงาน 5) วิธีการดาเนินการที่สาคัญ 6) การสาธิตผลงาน 7) ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทา โครงงาน ถ้าเป็ นการรายงานด้วยคาพูดต่อที่ประชุม ควรมีการเตรียมการในประเด็นต่อไปนี้ 1) จัดลาดับความคิดในการนาเสนออย่างเป็ นระบบและนาเสนออย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่ชัดเจนและ เข้าใจง่าย 2) ทาความเข้าใจกับเรื่องที่จะอธิบายให้ดี รวมถึงเตรียมข้อมูลที่อาจต้องใช ้ในการตอบคาถาม 3) หลีกเลี่ยงการนาเสนอด้วยวิธีอ่านรายงาน 4) ควรมองไปยังผู้ฟังขณะรายงาน 5) ตอบคาถามอย่างตรงไปตรงมา 6) รายงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กาหนด 7) ควรใช ้โปรแกรมนาเสนอประกอบการรายงาน 8) ความเหมาะสมของเนื้อหาต่อผู้ฟัง 9) ถ้าเป็ นโครงงานพัฒนาผลงาน ผลงานนั้นควรจะอยู่ในสภาพที่ทางานได้เป็ นอย่างดี
  • 21. นาย พชร เสนเอียด เลขที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 นาย สิริชัย พรหมชัยยา เลขที่ 13 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 จัดทาโดย