1. เบาหวาน
กลุม อินเทรนด์
่
1.ด.ญ.ปุณยาพร สิมะรักษ์อำาไพ เลขที่ 22(หัวหน้ากลุ่ม)
2.ด.ญ.ณัฐกานต์ พวงทอง เลขที่ 8
3.ด.ญ.อรุโณทัย ศรีทอง เลขที่ 46
4.ด.ช.กรรวี โตวิวัฒน์ เลขที่ 1
5.ด.ช.ธนิน วงศ์ไพบูลย์ขจร เลขที่ 15
6.ด.ญ.ณัฐพร ถนอมพงษ์ เลขที่ 9 (รองหัวหน้า)

2. สาเหตุ
เบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มี
การผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ อันส่งผลทำาให้
ระดับนำำาตาลในกระแสเลือดสูงเกิน โรคเบาหวานจะมี
อาการเกิดขึนเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้
้
นำ้าตาลได้อย่างเหมาะสม ซึงโดยปกตินำ้าตาลจะเข้าสู่
่
เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้การควบคุม
ของฮอร์โมนอินซูลิน ซึงผูที่เป็นโรคเบาหวานร่างกาย
่ ้
จะไม่สามารถนำานำ้าตาลไปใช้งานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

3. อาการ
1.ปวดปัสสาวะบ่อย ครังขึ้น ทำาให้ปัสสาวะหวาน สังเกตจาก
้
การที่มีมดมาตอมปัสสาวะ จึงเป็นที่มาของการเรียก เบาหวาน
2.ปัสสาวะกลางคืนบ่อยขึ้น
3.กระหายนำ้า และดื่มนำ้าในปริมาณมากๆต่อครั้ง
4.อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายไม่มีเรียวแรง
่
5.เบื่ออาหาร
6.นำ้าหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
7.ติดเชื้อบ่อยกว่าปรกติ
8.สายตาพร่ามองไม่ชัดเจน
9.อาการชาไม่ค่อยมีความรูสึก เนื่องมาจากเบาหวานจะทำาลาย
้
เส้นประสาทให้เสื่อมสมรรถภาพลงความสามารถในการรับรู้ความ
รู้สึกจึงถดถอยลง
10.อาจจะมีอาการของโรคหัวใจ และโรคไต

4. การป้องกัน
โรคนี้อาจป้องกันได้ โดย การรู้จักกินอาหาร
(ลดของหวานๆ อาหารพวกแป้งและไขมัน กิน
อาหารพวกโปรตีน ผัก และผลไม้ให้มากๆ) อย่า
ปล่อยตัวให้อ้วน หมั่นออกกำาลังกายเป็นประจำา
และทำาจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน อย่าให้เครียด หรือ
วิตกกังวล

5. สถิตการเกิดโรคเบาหวาน
ิ
การดำารงชีวิตเป็นแบบตะวันตก องค์การอนามัย
โลกประมาณว่า มีผู้ปวยด้วยโรคเบาหวานทั่วโลก
่
ไม่นอยกว่า 50 ล้านคน และอาจเพิ่มมากกว่า 100
้
ล้านคนภายในปี ค.ศ.2000
อุบติการณ์ของโรคเบาหวานที่คาดว่าจะพบเพิ่มขึ้น
ั
อย่างมากนีส่วนใหญ่จะอยู่ใน ประเทศกำาลังพัฒนา
้
การสำารวจในประเทศไทยในปี 2532-2534 พบว่า
ความชุกของโรคเบาหวานเท่ากับร้อยละ 3.26 ใน
กลุ่มประชากรอายุ 30 ปีขนไป ซึ่งจัดได้ว่ามีความ
ึ้
ชุกอยู่ในระดับปานกลาง(ความชุกระหว่างร้อยละ
3-10)

6. บรรณานุกรม
http://thaidiabetes.blogspot.com/