More Related Content
Similar to กีฬาว่ายน้ำ1 (20)
More from Nuttida Meepo (9)
กีฬาว่ายน้ำ1
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน กีฬาว่ายน้าให้ถึงทีมชาติ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นาย กฤตินันท์ สิทธิตัน เลขที่ 40 ชั้น ม.6/7
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานร่วม คุณครู นันทิตา รัตนธรรม
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม นาย กฤตินันท์ สิทธิตัน ม.6/7 เลขที่ 40
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
กีฬาว่ายน้าให้ถึงทีมชาติ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
live for swim
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย กฤตินันท์ สิทธิตัน
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม คุณครู นันทิตา รัตนธรรม
ระยะเวลาดาเนินงาน1-3 สัปดาห์
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
กีฬาว่ายน้า ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์สามารถว่ายน้าได้ตั้งแต่สมัยดึกดาบรรพ์โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งมนุษย์ที่ตั้งภูมิลาเนาอยู่ตามชายทะเล แม่น้า ลาคลอง และที่ราบลุ่มต่างๆ เช่น พวกเอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และ
โรมัน มีการฝึกหัดว่ายน้ากันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เพราะมีผู้พบภาพวาดเกี่ยวกับการว่ายน้าในถ้าบนภูเขาแถบ
ทะเลทรายลิบยาน
การว่ายน้าในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้าข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทกภัยน้าท่วมป่า
และที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้าท่วมไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย
การว่ายน้าได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ไม่นานนัก ราล์ฟ
โทมัส ให้ชื่อแบบว่ายน้าที่มนุษย์ใช้ว่ายกันมาตั้งแต่เดิมว่า ฮิวแมน สโตร์ก นอกจากนี้พวกชนชาติสลาฟและพวก
สแกนดิเนเวียรู้จักการว่ายน้าอีกแบบหนึ่ง โดยใช้เท้าเคลื่อนไหวในน้าคล้ายกบว่ายน้า หรือที่เรียกว่าฟล็อกคิกแต่
วิธีการเคลื่อนไหวของท่าแบบนี้จะทาให้ว่ายน้าได้ไม่เร็วนัก
การแข่งขันว่ายน้าครั้งแรกได้จัดขึ้น วูลวิช บาร์ท ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2416
การแข่งขันครั้งนั้นมีการแข่งขันเพียงแบบเดียวคือ แบบฟรีสไตล์ โดยผู้ว่ายน้าแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ในการ
แข่งขันครั้งนี้ เจ อาเฮอร์ รัดเจน เป็นผู้ได้รับชัยชนะ โดยเขาได้ว่ายแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้คือ
- 3. 3
แบบยกแขนกลับเหนือน้า ซึ่งเป็นวิธีการว่ายน้าของเขาได้กลายเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากจนได้ชื่อว่า ท่าว่าย
น้าแบบทรัดเจน
ประชาชนชาวโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการว่ายน้าเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรือเอก Mathew Webb ได้ว่ายน้า
ข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมืองโดเวอร์ คาเลียส เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2418 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที
ด้วยการว่ายแบบกบ (Breast stroke) ข่าวความสาเร็จอันนี้ได้สร้างความพิศวงและตื่นเต้นไปทั่วโลก ต่อมาเด็กชาว
อเมริกันชื่อ แกนทูบ เอเดอรี ได้ว่ายน้าข้ามช่องแคบอังกฤษ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2469 ทาเวลาได้14 ชั่วโมง 31
นาที โดยว่ายน้าแบบท่าวัดวา จะเห็นได้ว่าในชั่วระยะเวลา 50 ปี
การว่ายน้าได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากได้พิจารณาถึงเวลาของคนทั้งสองที่ทาได้แบบ
และวิธีว่ายน้าได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความเร็วขึ้นเสมอ ในบรรดานักว่ายน้าทั่วไปโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งชาวแลนเคเชียร์และออสเตรเลีย ได้ดัดแปลงวิธีว่ายน้าแบบทรัดเจน ซึ่งก็ได้รับผลดีในเวลาต่อมา กล่าวคือ
บาร์นีย์คีแรน ชาวออสเตรเลียและ ที เอส แบ็ตเติร์สบี้ ชาวอังกฤษ ได้ว่ายน้าแบบที่ปรับปรุงมาจากทรัดเจน เป็นผู้
ครองตาแหน่งชนะเลิศของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2449-2415
อเล็กซ์ วิคแฮม ชาวเกาะโซโลมอนเป็นผู้ริเริ่มการว่ายน้าแบบท่าวัดวาและเป็นผู้ครองตาแหน่งชนะเลิศของ
โลก ระยะทาง 50 หลา เขาได้กล่าวว่าเด็กโซโลมอนทุกคนว่ายน้าแบบนี้ทั้งนั้น ต่อมาท่าว่ายน้าแบบวัดวาจึงเป็นที่
นิยมฝึกหัดกันโดยทั่วไป
กีฬาว่ายน้าได้จัดเข้าไว้ในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ. 2436 และได้จัดการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วย
เหตุดังกล่าวกีฬาว่ายน้าก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีการ
พัฒนากีฬาว่ายน้าให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเป็นลาดับ โดยมีผู้คิดแบบและประเภทของการว่ายน้าเพื่อความสนุกสนาน และ
ความตื่นเต้นในการแข่งขันมากขึ้น
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
2. เพื่อจะได้พัฒนาตนเองให้ถึงทีมชาติ
3. เพื่อได้รู้เทคนิคในการว่ายน้า
4. เพื่อได้รับความรู้เกี่ยวกับการว่ายน้า
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาจากเว็บไซต์และสอบถามบุคคลที่รู้เกี่ยวกับกีฬาว่ายน้า
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
< ฝึกลอยตัวในน้าด้วยโฟม >
หลังจากเราคุ้นเคยกับการหายใจด้วยการลุกนั่งกับยืดตัวที่ขอบสระแล้วก็ลองใช้โฟมกันดู
- หาโฟมว่ายน้าสักแผ่นเอาแบบที่เราจับเหมาะๆนะ
- ทีนี้เราจะหันหน้าออกสระน้ากันแล้ว เอาง่ายๆก่อนเลย
- ถือโฟมแล้วเดินออกไปจากขอบสระประมาณ 5 เมตรก่อน แล้วหันหน้ากลับเข้าขอบสระ
- 4. 4
- ถือโฟมเหยียดแขนตรงเหมือนว่าเราจะตีเท้าที่ขอบสระแล้ว
- จากนั้นก็เริ่มใช้ท่าเหยียดตรงนั้นแหละครับ มือถือโฟมเหยียดไปข้างหน้าพร้อมกับค่อยๆตีเท้าไปแบบไม่ช้าไม่เร็ว
- เพราะถ้าช้าไปตัวอาจจะจมได้และ ถ้าเร็วไปก็จะทาให้ตัวเราไม่นิ่งซึ่งอาจจะส่งผลให้ตกใจได้
- เมื่เริ่มตีเท้าจากจุด 5 เมตรแล้ว ให้ตีเท้าสลับเงยหน้าหายใจตามจังหวะของเราไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ
- จนถึงขอบสระ ก็ถือว่าสาเร็จ เย้ๆๆๆ
- ทาในระยะ 5 เมตรนี้ไปเรื่อยๆ จนชิน ก็ค่อยๆเพิ่มระยะไปเป็น 10 15 20 25 หรือตามแต่จะวางแผนกันไปครับ
- ฝึกบ่อยบ่อยให้เชี่ยวชาญ ได้ท่าเดียวให้รอดก็พอแล้วครับ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
__________________________________________________________________
___________________________________________________________________
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
- 5. 5
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
สถานที่ดาเนินการ
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________