1

1. บทที่ 1
เคมีพื้นฐาน
(Basic Chemistr
1-1-11

2. สตร์สาขาหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบ
กอบ ปฏิกิริยา และ การเปลี่ยนแปลงข
ระบวนการ หรือ วิธีการสังเคราะห์สาร
1-1-22

3. การ มอง และ คิด ของนักเค
มอง ในโลกมหัพภาค (Macroscopi
การเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่มองเห็นได
หรือ จับต้องได้
คิด ในโลกจุลภาค (Microscopic wo
อธิบายด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นด้วย
ตาเปล่า ต้องใช้
จินตนาการหรือเครื่องมือทาง
+ 3O2 2Fe2O3
1-1-33

4. เคมีในชีวิตประจำาวันเคมีในชีวิตประจำาวัน
เคมีของถุงลมนิรภัย
2NaN3 2Na + 3N2
10Na + 2KNO3 K2O + 5Na2O + N2
+ Na2O + SiO2 alkaline silicate (gla
ระหว่าง NaN3, KNO3, SiO2 ถูกจุดระเบิดด้วยประก
เกิดการประทุต่อเนื่อง เกิด N2 ขึ้นเต็มถุงลมนิรภัย
1-1-44

5. สารเนื้อเดียว
(เอกพันธ์)
สารเนื้อผสม
(วิวิธพันธ์)
สารล
ะลาย
สาร
บริสุทธิ์
ธา
ตุ
สารประ
กอบ 1-1-55

6. สิ่งที่มีมวล และ ต้องการท
แบ่งได้ 3 สถานะ
็ง : มีปริมาตร และ รูปร่างแน่นอน
เมื่ออุณหภูมิและความดันเปลี่ยน จะมีการเปลี่ย
ปริมาตรน้อยมาก
หลว : รูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะบรรจุ
ปริมาตรเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่ออุณหภูมิแล
ความดันเปลี่ยน
รูปร่างและปริมาตรไม่แน่นอน
ปริมาตรเปลี่ยนแปลงมาก เมื่ออุณหภูมิและความดัน
เช่น ดิน นำ้า อากาศ
1-1-66

7. มีเนื้อเดียวกันตลอด ถ้านำาส่วนหนึ่งส่ว
ารนี้ไปทดสอบสมบัติ จะแสดงสมบัติเห
ะการ
ทองคำา นำ้า
สารละลายต่าง ๆ
ฯลฯ
1-1-77

8. ม่เป็นเนื้อเดียวกัน มีส่วนผสมของเนื้อ
า 1 ชนิดปนกันอยู่ สามารถแยกองค์ป
รเนื้อผสมได้ด้วยวิธีการทางกายภาพ
พริกกับเกลือ ทรายผสมกับกรวด
1-1-88

9. ของผสมเนื้อเดียว ที่มีองค์
ประกอบมากกว่า 2 ชนิดขึ้นไป ซึ่ง
ปริมาณขององค์ประกอบสามารถ
เปลี่ยนแปลงได้งค์ประกอบที่มีปริมาณมากกว่า เรียกว่า ตัวทำาล
งค์ประกอบที่มีปริมาณน้อยกว่า เรียกว่า ตัวถูก
1-1-99

10. สารเนื้อเดียวที่มีองค์ประกอบคงตัว
มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวคงที่
1-1-1010

11. ทธิ์ที่ไม่สามารถแยกให้เป็นสารบริสุท
ยวิธีทางเคมีหรือกายภาพ
ธาตุ มีทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติ และที่สังเครา
1-1-1111

12. ตารางธาตุ (Periodic table)
1-1-1212

13. ริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยธาตุตั้งแต่ 2 ชนิด
ันอยู่ด้วยอัตราส่วนคงตัว สามารถแย
ระกอบได้ด้วยวิธีการทางเคมี
เช่น นำ้า เป็น สารประกอบ
H: 11.19% + O: 88.81%
1-1-1313

14. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
(physical change)
ไม่มีการเปลี่ยนองค์
ประกอบของสาร เช่น
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
(chemical change)
มีการเปลี่ยนองค์ประกอบ
ของสาร เช่น
การหลอมของนำ้าแข็งการละลายของนำ้าตาลในนำ้า
การเผาแก๊สไฮโดรเจน (H2) กับ ออกซิเจน (O2)
ให้ผลิตภัณฑ์เป็นนำ้า (H2O)
เคมีหรือกายภาพ ?
1-1-1414

15. สมบัติที่ขึ้นและไม่ขึ้นกับ
ปริมาณ
• สมบัติที่ขึ้นกับปริมาณ
(extensive property) : เมื่อนำา
สสารมากกว่าหนึ่งชิ้นมารวมกัน
เราสามารถนำาสมบัติที่ขึ้นกับ
ปริมาณมาบวกกันได้
มวล ปริมาตร ความยาว
• สมบัติที่ไม่ขึ้นกับปริมาณ
(intensive property) : เราไม่ 1-1-1515

16. การวัดและหน่วยการวัดและหน่วย
มวล (Mass)
มวล คือ รูปแบบหนึ่งที่ใช้บอก
ถึงปริมาณของสสาร
หน่วย SI ของมวล คือ
kilogram (kg)
1 kg = 1,000 g = 1 x 103
g1-1-1616

17. weight = mass x g
บนดวงจันทร์ g ~ 0.17 เท่า
ของ g บนโลก
ดังนั้นสสาร มวล 1 kg
จะหนัก 1 kg บนโลก
แต่จะหนักเพียง 0.17 kg บน
ดวงจันทร์
นำ้าหนัก (Weight) คือ แรงโน้ม
ถ่วงที่กระทำากับวัตถุ
1-1-1717

18. 18
ปริมาตร (Volume)
หน่วย SI ของปริมาตร คือ
ลูกบาศก์เมตร (cubic meter, m3
)
1 mL = 1 cm3
1 cm3
= (1 x 10-2
m)3
= 1 x 10-6
m
1 dm3
= (1 x 10-1
m)3
= 1 x 10-3
m3
1 L = 1,000 mL = 1,000 cm3
= 1 dm3
1-1-1818

19. 1 g/cm3
= 1 g/mL = 1,000 kg/m3
density =mass
volume d =m
V
ชิ้นโลหะแพลทินัมที่มีความหนา
แน่นเป็น 21.5 g/cm3
และมี
ปริมาตร 4.49 cm3
จะมีมวลเป็น
เท่าไร?
d =m
V
m = d x V= 21.5 g/cm3
x 4.49 cm3
= 96.5
ความหนาแน่น (Density)
น่วย SI ของความหนาแน่น คือ kg/m
1-1-1919

20. มิ : เคลวิน เซลเซียส และฟาเรนไฮ
K = o
C + 273.1
273 K = 0 o
C
373 K = 100 o
C
o
F = (1.8 x o
C) +
32 o
F = 0 o
C
212 o
F = 100 o
C
1-1-2020

21. cdcandelaLuminous intensity
molmoleAmount of substance
KkelvinTemperature
AampereCurrent
ssecondTime
kgkilogramMass
mmeterLength
SymbolName of UnitBase Quantity
หน่วย SI พื้นฐาน (International System of Units)
1-1-2121

22. 10-9nNano-
10-12pPico-
10-6
mMicro-
10-3
mMilli-
10-2
cCenti-
10-1
dDeci-
103
kKilo-
106
MMega-
109
GGiga-
1012
TTera-
MeaningSymbolPrefix
อักษรนำาหน้าหน่วย SI
1-1-2222

23. เลขนัยสำาคัญ
(Significant
figures)
0 1 2 3 4 5
0 1 2 3 4 5
3.7
3.75
1-1-2323

24. เลขนัยสำาคัญ (Significant figures)
องตัวเลขที่แสดงความเที่ยงตรงของก
อบด้วย
วเลขที่แสดงความแน่นอน (certainty
วเลขที่แสดงความไม่แน่นอน (uncert
เป็นตัวเลขตัวแรกที่อยู่ต่อท้ายตัวเลขท
ความแน่นอน
1-1-2424

25. 456 cm
ขที่ไม่ใช่ 0 ทั้งหมด เป็นเลขนัยสำำคัญ
1.01
cm
2. เลข 0 ระหว่ำงเลขอื่น
เป็นเลขนัยสำำคัญ
เลขนัยสำำคัญ 2 ตัว
เลขนัยสำำคัญ 3 ตัว
3.5 g
2005 kgเลขนัยสำำคัญ 4 ตัว
เลขนัยสำำคัญ 3 ตัว
เลขนัยสำำคัญเลขนัยสำำคัญ
1-1-2525

26. 0.02 g
3. เลข 0 ทำงด้ำนซ้ำยของเลข
อื่นไม่เป็นเลขนัยสำำคัญ
เลขนัยสำำคัญ
3 ตัว
4. เลข 0 ทำงด้ำนขวำของเลข
อื่นและมีจุดทศนิยม เป็น
เลขนัยสำำคัญ
เลขนัยสำำคัญ 1 ตัว
0.002
6 cm
เลขนัยสำำคัญ 2 ตัว
0.0200 g
30.0
cm
เลขนัยสำำคัญ 3 ตัว
1-1-2626

27. ทำงขวำมือของเลขอื่นที่ไม่มีจุดทศนิย
ลขนัยสำำคัญ
130
cm
เลขนัยสำำคัญ 3, 4 หรือ 5 ตัว
เลขนัยสำำคัญ 2
หรือ 3 ตัว
10,300 g
เลขนัยสำำคัญ 3 ตัว1.03 x 104
g
เลขนัยสำำคัญ 4 ตัว
1.030 x
104
g
เลขนัยสำำคัญ 5 ตัว
1.0300 x
104
g
1-1-2727

28. เลขนัยสำำคัญ
ำรบวกและกำรลบ
ผลลัพธ์ต้องมีจำำนวนตัวเลขหลัง
จุดทศนิยมเท่ำกับจำำนวนตัวเลขหลัง
จุดทศนิยมของตัวตั้งที่มีตัวเลขหลัง
จุดทศนิยมน้อยที่สุด89.332
1.1+
90.432 ปัดเป็น 90.4
มีเลขหลังจุดทศนิยม 1 ตำำแหน่ง
3.70
-2.9133
0.7867
มีเลขหลังจุดทศนิยม 2 ตำำแหน่ง
ปัดเป็น 0.79 1-1-2828

29. เลขนัยสำำคัญ
ำรคูณและกำรหำร
ผลลัพธ์ต้องมีจำำนวนตัวเลขนัยสำำคัญ
เท่ำกับจำำนวนตัวเลขนัยสำำคัญของ
ตัวตั้งที่มีเลขนัยสำำคัญน้อยที่สุด.51 x 3.6666 = 16.536366= 16.5
3 sig figs ปัดเป็น
3 sig figs
÷ 112.04 = 0.0606926
2 sig figs ปัดเป็น
2 sig figs
= 0.061
1-1-2929

30. กำรปัดเศษทศนิยม
ำกกว่ำ 5 ปัดขึ้น
อยกว่ำ 5 ปัดทิ้ง
ข 5 พิจำรณำตัวเลขถัดไป
- กรณีที่หลังเลข 5 ไม่มีตัวเลขต่อท้ำย
ถ้ำปัดขึ้นแล้วเป็นเลขคู่ ปัดขึ้น
3.575 3.58
ถ้ำปัดขึ้นแล้วเป็นเลขคี่ ไม่ต้องปัด
7.265 7.26
- กรณีที่หลังเลข 5 มีตัวเลขอื่น (ที่ไม่ใช่ 0) ต่อท
ให้ปัดขึ้น เช่น 0.2352 0.24
1-1-3030

31. กำรบ้ำน
มวล 20.0 g มีควำมหนำแน่น 2.5 g/mL
ำใด
มวล 1.00 g มีปริมำตร 2.5 mL สำร C จะ
แน่นเท่ำใด
ณหภูมิได้ 50.3 °C อยำกทรำบว่ำเป็นกี่ K
ณหภูมิได้ 348.15 K อยำกทรำบว่ำเป็นกี่ 
1-1-3131

32. นัยสำำคัญต่อไปนี้มีจำำนวนเลขนัยสำำคัญก
00250 cm
0080 g
0.00 mL
ผลลัพธ์ของเลขนัยสำำคัญต่อไปนี้
0.1205 + 1.81
5.123 x 0.36
1-1-3232