SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวศุภมิตา ยาวิธี ชั้น ม.6/8 เลขที่ 1
นางสาวนัฐพร ไชยสารฟุ่น ชั้น ม.6/8 เลขที่ 18
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ผู้จัดทาโครงงาน
นางสาวศุภมิตา ยาวิธี เลขที่ 1
นางสาวนัฐพร ไชยสารฟุ่น เลขที่ 18
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
How to raise a generation Alpha children to be smart and happy
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.ศุภมิตา ยาวิธี, น.ส.นัฐพร ไชยสารฟุ่น
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 2 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทาให้สภาพของสังคมกลายเป็นสังคมไร้พรมแดน ทั้งจากโซเชียลเน็ตเวิร์คและโซเชียล
มีเดียที่อยู่ในมือ ส่งผลให้เด็กในยุคนี้ยึดติดกับตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างสูงและมีสมาธิสั้น ขาดปฏิสัมพันธ์
กับผู้อื่น ท่ามกลางสังคมในยุคที่โซเชียลมีเดียต่างๆ มีอิทธิพลต่อแทบทุกสิ่งในชีวิตประจาวัน ทาให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง
ต้องสอนลูกหลานของตนให้มีความรู้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและสังคมดังกล่าวด้วย แต่
การเลี้ยงลูกในยุคสมัยนี้แตกต่างจากในสมัยก่อนมาก เนื่องจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท
ในการดาเนินชีวิตประจาวัน ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ดังนั้น พ่อแม่ของเด็กในยุคนี้ต้องยอมรับว่า เราไม่อาจ
เลี้ยงลูกในแบบเดียวกับที่เคยถูกพ่อแม่เลี้ยงมาในอดีตได้อีกต่อไป เพราะคนในแต่ละยุคนั้นมีบุคลิกภาพแตกต่างตาม
สมัย โลกยุคใหม่หมุนไกลเกินตามทัน ด้วยอิทธิพลจากสิ่งรอบตัวที่ส่งผลต่อความคิดและทัศนคติการใช้ชีวิต
ยุค Generation Alpha เจเนอเรชั่นอัลฟ่า คือ กลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ.2553 เป็นต้นไป เป็นรุ่นลูกของ
Gen Y และ Z วัยนี้กาลังเป็นเด็กอนุบาลที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีอายุมาก มีลูกน้อย มีเงินทองที่ไม่ต้องดิ้นรนมากเท่ารุ่นอื่น
จับอุปกรณ์ดิจิตอล สัมผัสเทคโนโลยีตั้งแต่เกิด ทาให้ความสนใจของเด็กต่อหนังสือเรียนมีไม่ค่อยมากนัก เด็กรุ่นนี้
จะเรียนกันมาตั้งแต่เด็กเล็ก เรียนมานานเพราะสมัยนี้อัตราการแข่งขันทางการศึกษาค่อนข้างสูงมาก บริษัทห้างร้าน
ต่างๆ มักจะรับบุคลากรเข้าทางานโดยพิจารณาที่ผลการเรียนหรือวุฒิการศึกษาเป็นส่วนใหญ่ ทาให้เด็กในรุ่นนี้ต้อง
เรียนหนักและหลากหลายด้วย การเรียนที่หลากหลายนี้ ส่วนใหญ่พ่อแม่จะเป็นคนกาหนดให้ลูกเรียนมากกว่า
การที่เด็กจะสมัครใจเรียนเอง เช่น ให้ลูกเรียนพิเศษหลายคอร์สเพื่อให้ลูกสอบได้คะแนนดี ให้เรียนภาษา ดนตรี ฯลฯ
3
ซึ่งอาจจะทาให้เด็กไขว้เขว ไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เด็กยุคนี้อยู่กับสังคมทุนนิยมตั้งแต่ยังเล็ก มีแนวโน้มเป็นคน
วัตถุนิยมเพราะมีพ่อแม่เป็นตัวอย่าง หรือมีพ่อแม่คอยตามใจ เด็กจะคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะ
สิ่งที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งความคุ้นเคยเหล่านี้เองที่จะทาให้เด็กเป็นคนเบื่อง่ายและ มี
ความอดทนต่าเพราะเข้าใจจากการถูกเลี้ยงดูมาว่าเมื่อไม่ได้สิ่งนี้ พ่อกับแม่ก็คงหาทางเอามาให้ หรือถ้ามีอะไรไม่ได้
ดั่งใจก็แค่เรียกร้องความสนใจ พ่อแม่ของเด็กยุคนี้จะนิยมความรวดเร็วทันใจ จึงมองหาสูตรความสาเร็จที่จะทาให้ลูก
ของตนประสบความสาเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
ปัจจุบันสังคมมีความเป็นพลวัตสูงมาก มีสังคมใหม่เกิดขึ้น คือ สังคมกลางอากาศที่เป็นสังคมไร้พรมแดน
ติดต่อสื่อสารกันผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เด็กสมัยนี้อยู่กับเทคโนโลยีมากกว่าบ้าน วัด โรงเรียน ไม่เหมือนเด็ก
สมัยก่อน เด็กเจนอัลฟ่าจึงมีปัญหาเรื่องปฏิสัมพันธ์ทั้งพ่อแม่และชุมชน มีปัญหาทักษะการสื่อสาร เพราะขาด
การสื่อสารกันด้วยแววตา กายสัมผัส วลีสัมผัส การที่ขาดตรงนี้ทาให้เป็นเด็กไม่มีน้าใจ ไม่รู้จักความเอื้ออาทร ที่สาคัญ
หากเด็กเจนอัลฟ่าไม่ได้รับการพัฒนาอะไรเลย เขาจะอยู่ส่วนตัวมากขึ้น ความผูกพันกับองค์กรและถิ่นฐานเดิมไม่มี
ฉะนั้นเขาไม่จาเป็นต้องอยู่ประเทศไทยก็ได้ เมื่อรากเหง้าวัฒนธรรมตัวเองอาจไม่รู้จักด้วยซ้าไป ทักษะการสื่อสารก็ไม่มี
กลายเป็นโลกแห่งดิจิตอลเทคโนโลยีหมด คุมไม่ได้ กระแสโซเชียลมีเดียหากรู้ไม่ทันก็โดนล่อลวง สภาพแบบนี้
จะเกิดขึ้นอีกมากหากเราไม่รับมือ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ทราบวิธีเลี้ยงดูที่เป็นผลดีกับเด็กเจนฯอัลฟ่ามากที่สุด
2. เพื่อให้เด็กเจนฯอัลฟ่าเติบโตเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความสุข
3. เพื่อหลีกเลี่ยงพร้อมทั้งป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเลี้ยงเด็กเจนฯอัลฟ่า
ขอบเขตโครงงาน
เด็กเจนฯอัลฟ่าที่เกิดช่วงปี ค.ศ.2010-ปัจจุบัน
บุคคลที่มีอายุไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์
หลักการและทฤษฎี
1. ยุค Generation Alpha เด็กกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่เกิดในปี 2010 เป็นต้นมา เด็ก Generation
Alpha เราคาคว่า เป็นกลุ่มเด็กที่ได้รับการศึกษามากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เป็นยุคที่เทคโนโลยี
ข่าวสารเฟื่องฟู มีพ่อแม่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพ่อแม่มีความพร้อมทางด้านการศึกษา ทางด้านการเงิน พร้อมที่จะมีบุตร
พร้อมที่จะเลี้ยงดูบุตร ทาให้บุตรที่เกิดมานั้นมีความพร้อมในทุกๆด้าน มารดาตั้งครรภ์มีการดูแลครรภ์เป็นอย่างดี
ทาให้เด็กที่เกิดมานั้นมีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านกาย และเมื่อเด็กเกิดมาแล้วพ่อแม่ก็ดูแลทั้งกายและใจ ทาให้มีความ
สมบูรณ์มากขึ้น
2. โลกไร้พรมแดน ก็คือ โลกแห่งการติดต่อสื่อสาร เราสามารถพบปะเพื่อนฝูง เครือญาติ เพื่อน โดยอาจ
ไร้ตัวตนของคนที่เราสื่อสาร เป็นนิยามของคาว่าติดต่อกัน เพื่อมิตรภาพที่ไร้พรมแดนทั่วโลก ไม่เลือกเชื้อชาติ ชนชาติ
ศาสนา เพศ อายุ และการสื่อสาร อยู่ที่ไหนก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ หากเรารู้จักกันจากเพื่อนของเพื่อน รวดเร็ว
4
ฉับไว ทันต่อข่าวสารทั่วโลก ทาให้เรารู้ข่าวสารสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย สามารถนาไปใช้ศึกษาเรียนรู้ในชีวิตประจาวัน
ได้เลย
3. เด็ก (Child หรือ Childhood หรือ Pediatrics) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554
นิยามว่า “เด็ก” คือ คนที่มีอายุน้อย และพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 บัญญัติว่า “เด็ก” หมายความ
ว่า บุคคลอายุยังไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ ในทางการแพทย์ “เด็ก” คือ ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 14 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อใช้คา
นาหน้าชื่อว่า เด็ก หญิง หรือ เด็กชาย
4. เทคโนโลยีสารสนเทศ
4.1 บทบาทความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอานวย ความ
สะดวกสบายต่อการดาชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดารงชีวิตได้ เป็น
อย่างดี เทคโนโลยีทาให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อ
ตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้ เป็น
จานวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทาให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทาง
เชื่อมโยงถึงกันทาให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยีทาให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีดาเนินมา
ประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกาเนินบนโลกประมาณ 500
ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา
คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา
มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้า เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้
เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า
มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์
สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทาให้
การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความ
เป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพ
โทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทาให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานีวิทยุ
โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม
เพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนา
เทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วง 4-5
ปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
5
รูปแสดงการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม
ในอดีตยุคที่มนุษย์ยังเร่ร่อน มีอาชีพเกษตรกรรม ล่าสัตว์ ต่อมามีการรวมตัวกันสร้างเมือง และ
สังคมเมืองทาให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิต การผลิตทาให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิต
จานวนมาก สังคมจึงเป็นสังคมเมืองที่มีอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา
ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ก้าวหน้ามาก ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคสังคมสารสนเทศ
ชีวิตความเป็นอยู่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารจานวนมาก การสื่อสารโทรคมนาคมกระจายทั่วถึง ทาให้ข่าวสาร
แพร่กระจ่ายไปอย่างรวดเร็ว สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมไร้พรมแดนเพราะเรื่องราวของประเทศหนึ่งสามารถ
กระจายแพร่ออกไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
4.2 นิยามเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
คาว่าเทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์
การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ และหาทางนามาประยุกต์
ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นค้าที่มีความหมายกว้างไกล เป็นคาที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดมา
ลองนึกดูว่าทรายที่เราเห็นอยู่บนพื้นดิน ตามชายหาด ชายทะเลเป็นสารประกอบของซิลิกอน ทราย
เหล่านั้นมีราคาต่าและเรามองข้ามไป ครั้งมีบางคนที่เรียนรู้วิธีการแยกสกัดเอาสารซิลิกอนให้บริสุทธิ์ และ
เจือสารบางอย่างให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าสารกึ่งตัวนา นามาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์ และไอซี (Integrated
Circuit : IC) ไอซีนี้เป็นอุปกรณ์ที่รวมวงจรอิเล็กทรอนิกส์จานวนมากไว้ด้วยกัน ใช้เป็นชิพซึ่งเป็นส่วนสาคัญ
ของคอมพิวเตอร์ สารซิลิกอนดังกล่าวเมื่อผ่านกรรมวิธีทางเทคโนโลยีแล้วจะมีราคาสูงสามารถนามาขายได้
เงินเป็นจานวนมาก ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
เพราะเรานาเอาวัตถุดิบมาผ่านเทคนิคการดาเนินการ จะได้วัตถุสาเร็จรูป สินค้าเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มจาก
วัตถุดิบนั้นมาก ประเทศใดมีเทคโนโลยีมากมักจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เทคโนโลยีจึงเป็นหาทางที่จะช่วย
ในการพัฒนาให้สินค้าและบริการมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทุกประเทศจึงให้ความสาคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานด้านต่าง ๆ
ส่วนคาว่าสารสนเทศ หมายถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดาเนินชีวิตของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคน
ตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นจานวนมาก เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่ กฎเกณฑ์และวิชาการ
6
ลองจินตนาการดูว่าภายในสมองของเราเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เราคงตอบไม่ได้ แต่สามารถเรียกเอาข้อมูลมา
ใช้ได้ ข้อมูลที่เก็บไว้ในสมองเป็นสิ่งที่สะสมกันมาเป็นเวลานาน ความรอบรู้ของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับการ
เรียกใช้ข้อมูลนั้น ดังนั้นจะเห็นได้ชัดความรู้เกิดจากข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทุกวันนี้มีข้อมูลรอบตัวเรามาก
ข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การสื่อสาร
ระหว่างบุคคล จึงมีผู้กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของสารสนเทศ
รูปแสดงสื่อที่ช่วยในการรับส่งข้อมูล
ภายในสมองมนุษย์ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลไว้มากมายจะมีข้อจากัดในการจัดเก็บ การเรียกใช้
การประมวลผล และการคิดคานวณ ดังนั้นจึงมีผู้พยายามสร้างเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อดาเนินการเกี่ยวกับ
การจัดการสารสนเทศ เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจาได้มาก สามารถ
ให้ข้อมูลได้แม่นยาและถูกต้องเมื่อมีการเรียกค้นหา ทางานได้ตลอดวันไม่เหน็ดเหนื่อย และยังส่งข้อมูลไปได้
ไกลและรวดเร็วมาก เครื่องจักรอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสารสนเทศนั้นมีมากมายตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์
รอบข้าง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ ทาให้เกิดงานบริการที่อานวยความสะดวกต่าง ๆ
ในชีวิตประจาวัน เช่น การฝากถอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม (Automatic Teller Machine : ATM) การจอง
ตั๋วดูภาพยนตร์ การลงทะเบียนเรียนในโรงเรียน
เมื่อรวมคาว่าเทคโนโลยีกับสารสนเทศเข้าด้วยกัน จึงหมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็น
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน
การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทาให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้
และการดูแลข้อมูล
เทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความหมายที่กว้างขวางมาก นักเรียนจะได้พบกับสิ่งรอบ ๆ ตัวที่เกี่ยวกับ
การใช้สารสนเทศอยู่มาก ดังนี้
- การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบ นักเรียนอาจเห็นพนักงานการไฟฟ้าไป
ที่บ้านพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเพื่อบันทึกข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ในการสอบแข่งขันที่มีผู้สอบ
จานวนมาก ก็มีการใช้ดินสอระบายตามช่องที่เลือกตอบ เพื่อให้เครื่องอ่านเก็บรวบรวมข้อมูลได้ เมื่อไปซื้อ
สินค้าที่ห้างสรรพสินค้าก็มีการใช้รหัสแท่ง (bar code) พนักงานจะนาสินค้าผ่านการตรวจของเครื่องเพื่ออ่าน
7
ข้อมูลการซื้อสินค้าที่บรรจุในรหัสแท่ง เมื่อไปที่ห้องสมุดก็พบว่าหนังสือมีรหัสแท่งเช่นเดียวกันการใช้รหัสแท่ง
นี้เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บรวบรวมwbr>wb
- การประมวลผล ข้อมูลที่เก็บมาได้มักจะเก็บในสื่อต่าง ๆ เช่น แผ่นบันทึก แผ่นซีดี หรือเทป เป็นต้น
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนามาประมวลผลตามต้องการ เช่น แยกแยะข้อมูลเป็นกลุ่ม เรียงลาดับข้อมูล คานวณ
หรือจัดการคัดแยกข้อมุลที่จัดเก็บนั้น
รูปแสดง การประมวลผลให้ออกมาในรูปเอกสาร
- การแสดงผลลัพธ์ อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลลัพธ์มีมาก สามารถแสดงเป็นตัวหนังสือ
เป็นรูปภาพ ตลอดจนพิมพ์ออกมาที่กระดาษ การแสดงผลลัพธ์มีทั้งที่แสดงเป็นภาพ เป็นเสียง เป็นวีดิทัศน์
เป็นต้น
รูปแสดง การแสดงผลลัพท์ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
- การทาสาเนา เมื่อมีข้อมูลที่จัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ การทาสาเนาจะทาได้ง่าย และทาได้
เป็นจานวนมาก ดังนั้นอุปกรณ์ช่วยในการทาสาเนา จัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนามาอย่าง
ต่อเนื่อง เรามีเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร อุปกรณ์การเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จานบันทึก
ซีดีรอม ซึ่งสามารถทาสาเนาได้เป็นจานวนมาก
- การสื่อสารโทรคมนาคม เป็นวิธีการที่จะส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง หรือกระจายออกไปยัง
ปลายทางครั้งละมาก ๆ ปัจจุบันมีอุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรคมนาคมหลายประเภท ตั้งแต่โทรเลข โทรศัพท์
เส้นใยนาแสง เคเบิลใต้น้า คลื่นวิทยุไมโครเวฟ ดาวเทียม เป็นต้น
8
4.3 ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
โดยพื้นฐานของเทคโนโลยีย่อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ แต่
เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสังคมสมัยใหม่อยู่มาก ลักษณะเด่นที่สาคัญ
ของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังนี้
- เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน ในการ
ประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม จาเป็นต้องหาวิธีในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน
และเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเข้ามาช่วยทาให้เกิดระบบอัตโนมัติ เรา
สามารถฝากถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มได้ตลอดเวลา ธนาคารสามารถให้บริการได้ดีขึ้น ทาให้การบริการ
โดยรวมมีประสิทธิภาพ ในระบบการจัดการทุกแห่งต้องใช้ข้อมูลเพื่อการดาเนินการและการตัดสินใจ ระบบ
ธุรกิจจึงใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการทางาน เช่น ใช้ในระบบจัดเก็บเงินสด จองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
- เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูล
และการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจาก
ที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมุลผ่านทางโทรศัพท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้คอมพิวเตอร์
สอบถามผลสอบจากที่บ้านได้
- เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จาเป็น สาหรับการดาเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันทุก
หน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใข้ในองค์การประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่
จัดทาด้วยระบบ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษี ในองค์การทุกระดับ
เห็นความสาคัญที่จะนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
- เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ พัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้ชีวิต
ความเป็นอยู่ของคนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ดังจะเห็นได้จาก การพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ การใช้ตารางคานวณ
และใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมแบบต่าง ๆ เป็นต้น
4.4 ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศ
การกาเนิดของคอมพิวเตอร์เมื่อประมาณห้าสิบกว่าปีที่แล้ว เป็นก้าวสาคัญที่นาไปสู่ยุคสารสนเทศ
ในช่วงแรกมีการนาเอาคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องคานวณ แต่ต่อมาได้มีความพยายามพัฒนาให้
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์สาคัญสาหรับการจัดการข้อมูล เมื่อเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ได้ก้าวหน้ามากขึ้น
ทาให้สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น สภาพการใช้งานจึงใช้งานกัน
อย่างแพร่หลาย ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่และสังคมจึงมีมาก มีการเรียนรู้และ
ใช้สารสนเทศกันอย่างกว้างขวาง ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศโดยรวมกล่าวได้ดังนี้
- การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสาร
โทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอานวยความสะดวกภายในบ้าน
เช่น ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใช้ควมคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น
- เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้เกิด
การกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทาให้มีการกระจายโอการการเรียนรู้ มีการใช้ระบบ
9
การเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล นอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่ใช้
ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร
- สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน การเรียนการสอนในโรงเรียนมีการนาคอมพิวเตอร์
และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์
ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คานวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทารายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึง
ปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียน
มากขึ้น
- เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจาเป็นต้องใช้
สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จาเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูล
สภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจาลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวม
ข้อมูลคุณภาพน้าในแม่น้าต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย
ที่เรียกว่าโทรมาตร เป็นต้น
- เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธ
ยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม มีการใช้ระบบป้องกันภัย ระบบ
เฝ้าระวังที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุมการทางาน
- การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม
จาเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้
ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดาเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้
ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น
4.5 เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจาวัน
บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สาคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจ
เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและ
เกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
Modern Mom Focus: Generation Alpha
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ModernMom ทุกท่าน ModernMom Focus กับ Hot Issue เรื่องใกล้ตัวนั่นคือ ลูกน้อย
มีการคาดการณ์ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เด็กในยุค Generation Alpha หรือ เด็กเจนฯ อัลฟ่า กาลังจะเติบโตมา
เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม ด้วยบุคลิกลักษณะที่แตกต่างจากเด็กรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นความเฉลียวฉลาด ความเข้าใจใน
เทคโนโลยีตามมาซึ่งการยึดติดเอาอุปกรณ์ดิจิตอลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อันส่งผลให้เด็กส่วนใหญ่มีความอดทนต่าลง
รอคอยไม่ค่อยได้ เป็นตัวของตัวเองสูงและอีกหลายประการที่หลายฝ่ายวิตกว่า เด็กเจนฯ อัลฟ่าจะเกิดช่องว่างระหว่าง
คนรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันในครอบครัวทาให้เกิดปัญหาในแง่การเลี้ยงดู และการรู้เท่าทันระหว่างเด็กกับพ่อแม่ จึงเป็น
เรื่องจาเป็นที่พ่อแม่ผู้ปกครองและส่วนอื่นๆ ของสังคมจะต้องเตรียมรับมือกับการเติบโตของพวกเขาเหล่านั้น
10
โดยเฉพาะสถาบันครอบครัวคือที่แรกที่จะต้องรู้เท่าทันการมาถึงของเด็กเจน อัลฟ่าอย่างรอบด้าน พบกับ
ModernMom Focus 2 Chapter ที่จะทาให้เข้าใจเด็กเจนฯ อัลฟ่า
ModernMom Focus”
รู้จัก...เข้าใจ Generation Alpha
ปัจเจกนิยม หรือ สนใจตัวเองมากที่สุด
มีพลังที่ปลายนิ้ว หรือ การติดอยู่กับอุปกรณ์ชนิดขาดไม่ได้
เฉลียวฉลาด เรียนรู้เทคโนโลยีได้เร็ว เปลี่ยนแปลงโลกได้
“อายุยืนยาวขึ้น ฉลาดขึ้น รวยขึ้น”
จากประโยคข้างบนนี้ว่ากันว่าคือคา นิยามแห่งอนาคตของพลเมืองยุคใหม่ และนี่คือสิ่งที่ทา ให้โลกกาลังตื่น
ตะลึง ว่าใครคือพลเมืองเหล่านั้นและอะไรทาให้คนเราอายุยาวขึ้น ฉลาดขึ้น แถมยังรวยขึ้นด้วย
คา ตอบของคา นิยามดังกล่าวก็คือคา ว่า “เจเนอเรชั่น อัลฟ่า” (Generation Alpha) หรือเรียกย่อๆ ว่า
เจนฯ อัลฟ่า เป็นคา ใช้เรียก ยุคสมัยตามช่วงวัยพลเมืองที่กาลังมาถึง ซึ่งต่อจากรุ่นของเจเนอเรชั่นซี (Generation Z)
โดยเจน อัลฟ่า คือพลเมืองที่เกิดในช่วงปีพ.ศ.2553 เป็นต้นไปจนถึงราวๆ พ.ศ.2568 โดยประมาณ ตามตัวเลข
มาตรฐานที่ว่าแต่ละเจเนอเรชั่นจะมีช่วงอายุราว 15-20 ปีและขณะนี้พวกเขากาลังอยู่ในวัยอนุบาลโดยเจนฯ อัลฟ่า
รุ่นแรก จะมีอายุราวๆ 4 ปี
ซึ่งก่อนจะเจาะลึกตัวตนของคนยุคอัลฟ่า เราไปดูวิวัฒนาการของเจเนอเรชั่นต่างๆ ก่อนนี้กันดีกว่า
Generation Timeline
- เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers) : เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ปัจจุบันอายุราว 40-60 ปี
มีแบบแผนชีวิต เคารพกฎเกณฑ์ กติกาสังคม ทางานหนัก ทุ่มเท สร้างเนื้อ สร้างตัว อดทน ใช้แรงกาย แรงสมอง
- เจเนอเรชั่น เอ็กซ์ (Generation X) : ปัจจุบันอายุ ประมาณ30-40 ปี ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนนัก อาจเดินตาม
ทางที่พ่อแม่วางไว้ให้ ไม่ชอบการผูกมัด ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ความคิดลื่นไหล เปลี่ยนอาชีพหรือ
สิ่งที่อยากทา ได้เรื่อยๆ
- เจเนอเรชั่น วาย (Generation Y) : ปัจจุบันอายุ 20-30 ปลายๆ โตมากับเทคโนโลยี กล้าแสดงออก
รับข่าวสารหลากหลาย เป็นตัวของตัวเองสูง แต่งงานช้า รักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ไม่ชอบการวางเงื่อนไข เชื่อใน
ศักยภาพตัวเอง ชอบความสะดวกสบาย
- เจเนอเรชั่น ซี (Generation Z) : ปัจจุบันอายุ 6-20 ปี โตมากับเทคโนโลยีและโซเชียลเน็ตเวิร์ค รักอิสระ
เรียนรู้เร็ว และนานขึ้น สนใจเรื่องราวหลากหลาย อยู่ในโลกแข่งขันสูง สนใจสังคมสิ่งแวดล้อม ชอบชีวิตที่มีทางเลือก
- เจเนอเรชั่น อัลฟ่า (Generation Alpha) : ปัจจุบัน อายุประมาณ 4 ปี หรือวัยอนุบาล ไม่ต้องดิ้นรนมาก
สัมผัสเทคโนโลยีตั้งแต่เกิด อยู่กับการเรียนนาน ฉลาด แต่วัตถุนิยม คุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลง มักประสบความสาเร็จ
ตั้งแต่อายุยังน้อย เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
11
รู้จักเด็ก Generation Alpha
เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง สา หรับตัวตนของคนยุคเจน อัลฟ่าซึ่งเชื่อกันว่า จะเป็นอีกยุคหนึ่งที่ทา ให้โลกมีการ
เปลี่ยนแปลงสูงเนื่องด้วยเด็กเจน อัลฟ่า มักเกิดมาจากพ่อแม่ที่มีความพร้อมและฐานะทางการเงินมั่นคงกว่าคนในยุค
ก่อนๆ แถมนิยมมีลูกเพียง 1-2 คน เด็กเจน อัลฟ่าจึงเกิดมาบนความพร้อมแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะการเงิน ความมั่นคง
ทางเศรษฐกิจความก้าวไกลของเทคโนโลยีการมีสิ่งใหม่ๆ ให้ทดลองตลอดเวลา มีเครื่องอานวยความสะดวกรอบด้าน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เด็กเจน อัลฟ่าจะมีบุคลิกเฉพาะตัวที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
“Each generation goes further than the generation preceding it because it stands on the
shoulders of that generation. You will have opportunities beyond anything we've ever known.”
Ronald Reagan
“แต่ละยุคก็มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งความสาเร็จนั้นก็มาจากคนยุคก่อนที่เป็นฐานให้กับคนยุคต่อไป คุณ
จึงมีโอกาสได้พบสิ่งใหม่ๆ มากกว่าที่เราคาดคิด”
โรนัลด์ เรแกน
เด็กเจน อัลฟ่า เป็นกลุ่มที่เข้าถึงเทคโนโลยีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาจะใช้มันอย่างเต็มที่ เพื่อ
ตอบสนองความต้องการทุกด้าน เด็กเจนอัลฟ่าทุกคนเรียนรู้ได้เร็ว ใช้เวลาไม่นานก็สามารถนาเทคโนโลยีมาใช้ใน
การเรียนรู้และการทางานได้อย่างคล่องแคล่ว เข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนได้ง่าย มีกลยุทธ์สูงในการจัดการกับสิ่งต่างๆ
ความสามารถเหล่านี้ทาให้พวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง มั่นใจในตัวเองมาก รักในอิสระ ไม่ชอบขึ้นอยู่กับใคร
ตัดสินใจสิ่งต่างๆ ได้เอง และยินดีรับผลของมันอย่าง ไม่หวาดกลัว แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น
All about Generation Alpha
Big Advantage Big Concern
มีความพร้อม ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
ทาสิ่งต่างๆ ได้หลายอย่าง ไม่สนใจเวลา อยากทาอะไรก็ทา ไม่ตรงต่อเวลา
มีความรู้รอบด้าน ไม่ค่อยสนใจผู้อื่น
ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ ปกป้องตัวเองสูง
เข้าใจเทคโนโลยีที่ซับซ้อนได้ง่าย จิตอาสาต่อสังคมน้อยลง
เรียนรู้ได้เร็ว ไม่สนใจรากเหง้าของตนเอง
ไม่ยึดติดวัฒนธรรมเก่าๆ ความอดทนน้อย ไม่ชอบรอคอย
พึ่งพาตัวเองได้ดี ไม่ง้อผู้อื่น ไม่พิถีพิถันกับสิ่งรอบตัว เช่น การแต่งตัว
ฉลาด หลักแหลม ทักษะทางสังคมบกพร่อง ไม่สนใจเพื่อนบ้าน
การสื่อสารไร้พรมแดน ติดต่อโลกภายนอกได้ง่ายดาย มักเป็นโรคอ้วน มีปัญหาสุขภาพประเภทเรื้อรังได้ง่าย
12
สังคมใหม่ในยุค Generation Alpha
ผู้เชี่ยวชาญด้านมนุษย์ศาสตร์ เช่น มาร์ก แมคคลินเดิล (Mark McCrindle) ผู้ทุ่มเททา การวิจัยเรื่อง
เจน อัลฟ่า เปิดเผยต่อทั่วโลกว่าการมาถึงของยุคเจน อัลฟ่าจะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
สร้างนวัตกรรมใหม่ให้โลก : ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะในความคิดของมาร์ก มองว่า เด็กรุ่นเจน อัลฟ่า สามารถ
ถ่ายโอนความคิดในแบบออนไลน์ได้ภายในไม่กี่วินาที ความเฉลียวฉลาดของพวกเขานั้น จะช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
ให้กับโลกได้อย่างมหาศาล การเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นมากที่สุดในยุคนี้ และเทคโนโลยีจะ
สามารถเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้ทั้งในแง่ความคิด ความรู้สึก การโน้มน้าวจิตใจ และมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้อย่าง
เหลือเชื่อ เช่น การประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้ เป็นต้น
เปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรในโลก : โฉมหน้าโลกใหม่ในยุค เจน อัลฟ่านั้น ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะ
เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรในโลก โดยอินเดีย และจีนมีประชากรมากที่สุดตามข้อมูลของ
สหประชาชาติ ทั่วโลกจะมีประชากรราว 8.8 พันล้านคน จากเดิม 7 พันล้านคน ซึ่งแต่ละคนมีค่าเฉลี่ยอายุมากกว่า 60
ปี และอาจยืนยาว ถึง 80 ปี นั่นหมายถึงคนมีอายุยืนยาวขึ้น เพราะเทคโนโลยี การแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้น โรค
ร้ายๆ จะสามารถรักษาได้ ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตตอนอายุน้อยมีลดลง
การศึกษาสูง : สาหรับสังคมธุรกิจ โลกในยุคเจน อัลฟ่า จะค้าขายติดต่อกันอย่างไร้พรมแดน ทุกคนใช้
เทคโนโลยีระดับโลกเพื่อการทางานอย่างชานาญ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวัฒนธรรมข้ามชาติกันอย่างเป็นปกติ
ส่วนในโลกการศึกษา เด็กเจน อัลฟ่าจะเรียนรู้ในระบบอย่างรวดเร็ว และอีกนานกว่าพวกเขาจะหยุดการเรียนรู้ จึง
กลายเป็นรุ่นที่มีการศึกษาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีตัวเลขคาดการณ์ว่า เด็ก 90% จะจบอย่างน้อยชั้นมัธยมปลาย
แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ชอบอยู่บ้าน ไม่นิยมออกไปใช้ชีวิตข้างนอกจนกว่าจะอายุราว 20 ปี
เด็กเจน อัลฟ่าจะมีความสามารถรอบด้าน จากความรู้รอบทิศทาง พวกเขาจึงทางานได้หลายอย่างในตัว
คนๆ เดียว ไม่นิยมทางานในองค์กรที่ใหญ่โต มักทาธุรกิจส่วนตัว หรือทางานแบบองค์กรขนาดเล็ก และมีเงินใช้จ่าย
แบบสบายๆ หรืออยู่ในระดับที่ร่ารวย
ว่ากันว่า เด็กในยุคเจน อัลฟ่า แทบจะไม่มีใครใส่นาฬิกากันอีกแล้ว เพราะมันมีอยู่แล้วในโทรศัพท์มือถือ หรือ
อุปกรณ์ติดตัวอื่นๆ ที่พวกเขาสามารถรู้เวลาได้อย่างง่ายดาย และบอกอะไรมากกว่าเวลา
ความกังวลของคนรุ่นก่อนต่อยุค Generation Alpha
ก่อนที่ยุคเจน อัลฟ่าจะมาถึงอย่างเต็มตัว ผู้ผ่านยุคอื่นๆ มาก่อน ทั้งเจน เอ็กซ์,วาย,และซีได้ระดมความ
คิดเห็นที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อคนรุ่นหลังว่า การมาถึงของยุค เจน อัลฟ่า อาจทา ให้โลกก้าวหน้า ในแง่
เทคโนโลยีมากเกินไป ในขณะที่ในแง่สังคมอาจมีปัญหามากมายตามมา พร้อมความล่มสลายของวัฒนธรรมหลาย
ประการ
- เห็นแก่ตัวมากไป : ไม่คานึงถึงผู้อื่น นั่นจึงทาให้สังคมขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เกื้อกูลกันแบบในสังคมยุค
เก่า
- สนใจสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ทา ให้มีสมาธิสั้น : เบื่อหน่ายสิ่งต่างๆ ได้เร็ว จึงมีขีดความอดทนน้อย สังคมแห่ง
การประนีประนอมจะหมดไป เหลือแต่สังคมที่ขัดแย้งกัน
- มีทักษะความรู้ต่างๆ มาก จนไม่คิดจะพึ่งพาผู้อื่น : ทาให้ขาดการเคารพผู้อื่น
13
- เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง : จึงไม่เห็นอกเห็นใจหรือรับรู้ปัญหาของผู้อื่น ปล่อยให้สังคมเป็นไปโดยไม่คิดจะ
ช่วยเหลือ โอบอุ้ม หรือยื่นมือไปช่วยเหลือใครง่ายๆ ไม่เข้าใจความหลากหลาย
- สังคมมีความเหลื่อมล้าสูง : ระหว่างผู้มีความสามารถและใช้เทคโนโลยีเป็น กับผู้ที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี สังคม
จะขาดแรงงานอย่างหนัก
- ปัญหาสุขภาพ : รัฐบาลจะใช้เงินมหาศาลกับการดูแลสุขภาพเรื้อรังและโรคอ้วนของคน
- ติดบ้าน : เพราะเด็กเจน อัลฟ่าจะนิยมอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไว้ใจ และรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ ทาบ้านให้
เป็นทั้งที่ทางาน สถานพักผ่อน ไม่นิยมออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากนัก
- ลักษณะชุมชนจะหายไป : ผู้คนอาศัยในบ้านแบบตัวใครตัวมัน มีการป้องกันตัวเองสูง ไม่เอาธุระของคนอื่น
มาใส่ใจ
เตรียมรับมือเด็กยุคใหม่ ในสังคม Generation Alpha
เป็นเรื่องที่สังคมต้องขยับตัวเพื่อเตรียมรับกับสังคมใหม่ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเกิดในปีพ.ศ.2553 เป็น
ต้นมา นั่นหมายถึงครอบครัวนั้นกาลังมีเด็กเจน อัลฟ่ามาเป็นสมาชิก ทิศทางการเติบโตของเด็กจึงเป็นเรื่องที่
คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจ ฉบับหน้าพบกับแนวทางการเลี้ยงดูเด็กเจน อัลฟ่า แนวทางการให้ความรู้และการศึกษาทั้งที่
บ้านและโรงเรียน บทบาทของพ่อแม่ที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อเด็กอย่าง
เหมาะสม และโดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันกับคนในหลายๆ เจเนอเรชั่นในบ้านหลังเดียวกัน
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับเด็กเจนฯ อัลฟ่าและเทคโนโลยีสารสนเทศ
2. ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รวบรวมมา และจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
3. สรุปวิธีการเลี้ยงเด็กเจนฯ อัลฟ่า เพื่อเป็นแนวทางของพ่อแม่ยุคใหม่
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8
1 คิดหัวข้อโครงงาน         ศุภมิตา, นัฐพร
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล         ศุภมิตา, นัฐพร
3 จัดทาโครงร่างโครงงาน         ศุภมิตา, นัฐพร
4 วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล         ศุภมิตา, นัฐพร
5 การทาเอกสารรายงาน         ศุภมิตา, นัฐพร
6 ประเมินผลงาน         ศุภมิตา, นัฐพร
7 นาเสนอโครงงาน         ศุภมิตา, นัฐพร
14
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
สามารถช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ทราบวิธีเลี้ยงดูที่เป็นผลดีกับเด็กเจนฯอัลฟ่าได้มากขึ้น และพ่อแม่สมัยใหม่
เหล่านี้สามารถเลี้ยงดูเด็กเจนฯ อัลฟ่าจนเจริญเติบโตเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความสุข โดยไม่มีปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจาก
การเลี้ยงเด็กเจนฯอัลฟ่าได้ไม่ดีพอ
สถานที่ดาเนินการ
1. บ้านเลขที่ 53/85 ม.3 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230
2. โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 238 ถนนพระปกเกล้า ตาบล ศรีภูมิ อาเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม - การศึกษาและทาความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมปัจจุบันที่มีเด็กเจนฯ
อัลฟ่าอยู่ด้วย
2. คอมพิวเตอร์ – ได้ใช้ความรู้เกี่ยวกับวิชาคอมพิวเตอร์ในการค้นคว้าข้อมูล ออกแบบวิธีการนาเสนอ
โครงงาน
แหล่งอ้างอิง
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์.
เด็ก หรือ นิยามคาว่าเด็ก (Child). สืบค้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ :
https://goo.gl/i9MkW3
Dr.Chanvit. ทาความรู้จักเด็กยุค Generation Alpha. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ :
http://www1.si.mahidol.ac.th/Healtygamer/information/article/85385
เทคโนโลยีสารสนเทศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ :
https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/network/it/index.html
อาชัญญา จันทร์ขอนแก่น. มหันตภัยโลกไร้พรมแดน. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ :
http://snowysweetcold.blogspot.com/2014/02/blog-post.html
ModernMom Focus. Who's Generation Alpha? สืบค้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ :
http://www.modernmommag.com/download/mmfocus_july2015_1.pdf

More Related Content

What's hot

เอกสารรู้เท่าทันสื่อ
เอกสารรู้เท่าทันสื่อเอกสารรู้เท่าทันสื่อ
เอกสารรู้เท่าทันสื่อRujroad Kaewurai
 
รู้เท่าทันสื่อ
รู้เท่าทันสื่อรู้เท่าทันสื่อ
รู้เท่าทันสื่อRujroad Kaewurai
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project First7211
 
2562 final project-32
2562 final project-322562 final project-32
2562 final project-32ssuser015151
 
Facebook123
Facebook123Facebook123
Facebook123Anchali1
 
2562 final-project (1) (1)
2562 final-project  (1) (1)2562 final-project  (1) (1)
2562 final-project (1) (1)Thawanongpao
 
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ amornrat paipat
 
2562 final-project-32
2562 final-project-322562 final-project-32
2562 final-project-32ssuser015151
 
2562 final-project (1) (1)
2562 final-project  (1) (1)2562 final-project  (1) (1)
2562 final-project (1) (1)Thawanongpao
 
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกโครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกFah Philip
 

What's hot (17)

2559 project paradon
2559 project paradon2559 project paradon
2559 project paradon
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project
 
เอกสารรู้เท่าทันสื่อ
เอกสารรู้เท่าทันสื่อเอกสารรู้เท่าทันสื่อ
เอกสารรู้เท่าทันสื่อ
 
รู้เท่าทันสื่อ
รู้เท่าทันสื่อรู้เท่าทันสื่อ
รู้เท่าทันสื่อ
 
โครงงาน Hydroponic
โครงงาน Hydroponicโครงงาน Hydroponic
โครงงาน Hydroponic
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
Good life if no fat
Good life if no fatGood life if no fat
Good life if no fat
 
2561 project
2561 project 2561 project
2561 project
 
2562 final project-32
2562 final project-322562 final project-32
2562 final project-32
 
Facebook123
Facebook123Facebook123
Facebook123
 
2
22
2
 
2562 final-project (1) (1)
2562 final-project  (1) (1)2562 final-project  (1) (1)
2562 final-project (1) (1)
 
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
2562 final-project-32
2562 final-project-322562 final-project-32
2562 final-project-32
 
2562 final-project (1) (1)
2562 final-project  (1) (1)2562 final-project  (1) (1)
2562 final-project (1) (1)
 
Aunchalee norfa no.16
Aunchalee norfa no.16Aunchalee norfa no.16
Aunchalee norfa no.16
 
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกโครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
 

Similar to เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข

กิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
กิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
กิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพpaifahnutya
 
กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน
กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงานกิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน
กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงานwaew jittranut
 
งานนนนน
งานนนนนงานนนนน
งานนนนนachirayaRchi
 
Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01
Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01
Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01Pikicha Tualek
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Phimwaree
 
วัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษา
วัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษาวัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษา
วัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษาNo Zilla
 
โครงงานคอมเวิด
โครงงานคอมเวิดโครงงานคอมเวิด
โครงงานคอมเวิดmaddemon madden
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Thanaporn Sripoug
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Sarunphat Saelee
 
Work 5
Work 5Work 5
Work 5npyp
 
แบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงานแบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงานsirinya55555
 

Similar to เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข (20)

กิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
กิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
กิจกรรมที่5 อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
 
2562 final-project (1)
2562 final-project  (1)2562 final-project  (1)
2562 final-project (1)
 
2562 final-project 32
2562 final-project 322562 final-project 32
2562 final-project 32
 
กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน
กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงานกิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน
กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน
 
งานนนนน
งานนนนนงานนนนน
งานนนนน
 
Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1
 
Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1
 
Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01
Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01
Projectm6 2-2554-120930112649-phpapp01
 
2560 project (2)
2560 project  (2)2560 project  (2)
2560 project (2)
 
Project1
Project1Project1
Project1
 
Beopgjeopf
BeopgjeopfBeopgjeopf
Beopgjeopf
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
วัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษา
วัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษาวัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษา
วัยรุ่นไทยใส่ใจเพศศึกษา
 
โครงงานคอมเวิด
โครงงานคอมเวิดโครงงานคอมเวิด
โครงงานคอมเวิด
 
2559 project -1
2559 project -12559 project -1
2559 project -1
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Work 5
Work 5Work 5
Work 5
 
Worf 34-608
Worf 34-608Worf 34-608
Worf 34-608
 
แบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงานแบบร่างโครงงาน
แบบร่างโครงงาน
 

เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2560 ชื่อโครงงาน เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวศุภมิตา ยาวิธี ชั้น ม.6/8 เลขที่ 1 นางสาวนัฐพร ไชยสารฟุ่น ชั้น ม.6/8 เลขที่ 18 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ ผู้จัดทาโครงงาน นางสาวศุภมิตา ยาวิธี เลขที่ 1 นางสาวนัฐพร ไชยสารฟุ่น เลขที่ 18 ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) How to raise a generation Alpha children to be smart and happy ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.ศุภมิตา ยาวิธี, น.ส.นัฐพร ไชยสารฟุ่น ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน 2 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทาให้สภาพของสังคมกลายเป็นสังคมไร้พรมแดน ทั้งจากโซเชียลเน็ตเวิร์คและโซเชียล มีเดียที่อยู่ในมือ ส่งผลให้เด็กในยุคนี้ยึดติดกับตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างสูงและมีสมาธิสั้น ขาดปฏิสัมพันธ์ กับผู้อื่น ท่ามกลางสังคมในยุคที่โซเชียลมีเดียต่างๆ มีอิทธิพลต่อแทบทุกสิ่งในชีวิตประจาวัน ทาให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องสอนลูกหลานของตนให้มีความรู้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและสังคมดังกล่าวด้วย แต่ การเลี้ยงลูกในยุคสมัยนี้แตกต่างจากในสมัยก่อนมาก เนื่องจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท ในการดาเนินชีวิตประจาวัน ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ดังนั้น พ่อแม่ของเด็กในยุคนี้ต้องยอมรับว่า เราไม่อาจ เลี้ยงลูกในแบบเดียวกับที่เคยถูกพ่อแม่เลี้ยงมาในอดีตได้อีกต่อไป เพราะคนในแต่ละยุคนั้นมีบุคลิกภาพแตกต่างตาม สมัย โลกยุคใหม่หมุนไกลเกินตามทัน ด้วยอิทธิพลจากสิ่งรอบตัวที่ส่งผลต่อความคิดและทัศนคติการใช้ชีวิต ยุค Generation Alpha เจเนอเรชั่นอัลฟ่า คือ กลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ.2553 เป็นต้นไป เป็นรุ่นลูกของ Gen Y และ Z วัยนี้กาลังเป็นเด็กอนุบาลที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีอายุมาก มีลูกน้อย มีเงินทองที่ไม่ต้องดิ้นรนมากเท่ารุ่นอื่น จับอุปกรณ์ดิจิตอล สัมผัสเทคโนโลยีตั้งแต่เกิด ทาให้ความสนใจของเด็กต่อหนังสือเรียนมีไม่ค่อยมากนัก เด็กรุ่นนี้ จะเรียนกันมาตั้งแต่เด็กเล็ก เรียนมานานเพราะสมัยนี้อัตราการแข่งขันทางการศึกษาค่อนข้างสูงมาก บริษัทห้างร้าน ต่างๆ มักจะรับบุคลากรเข้าทางานโดยพิจารณาที่ผลการเรียนหรือวุฒิการศึกษาเป็นส่วนใหญ่ ทาให้เด็กในรุ่นนี้ต้อง เรียนหนักและหลากหลายด้วย การเรียนที่หลากหลายนี้ ส่วนใหญ่พ่อแม่จะเป็นคนกาหนดให้ลูกเรียนมากกว่า การที่เด็กจะสมัครใจเรียนเอง เช่น ให้ลูกเรียนพิเศษหลายคอร์สเพื่อให้ลูกสอบได้คะแนนดี ให้เรียนภาษา ดนตรี ฯลฯ
  • 3. 3 ซึ่งอาจจะทาให้เด็กไขว้เขว ไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เด็กยุคนี้อยู่กับสังคมทุนนิยมตั้งแต่ยังเล็ก มีแนวโน้มเป็นคน วัตถุนิยมเพราะมีพ่อแม่เป็นตัวอย่าง หรือมีพ่อแม่คอยตามใจ เด็กจะคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะ สิ่งที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งความคุ้นเคยเหล่านี้เองที่จะทาให้เด็กเป็นคนเบื่อง่ายและ มี ความอดทนต่าเพราะเข้าใจจากการถูกเลี้ยงดูมาว่าเมื่อไม่ได้สิ่งนี้ พ่อกับแม่ก็คงหาทางเอามาให้ หรือถ้ามีอะไรไม่ได้ ดั่งใจก็แค่เรียกร้องความสนใจ พ่อแม่ของเด็กยุคนี้จะนิยมความรวดเร็วทันใจ จึงมองหาสูตรความสาเร็จที่จะทาให้ลูก ของตนประสบความสาเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ปัจจุบันสังคมมีความเป็นพลวัตสูงมาก มีสังคมใหม่เกิดขึ้น คือ สังคมกลางอากาศที่เป็นสังคมไร้พรมแดน ติดต่อสื่อสารกันผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค เด็กสมัยนี้อยู่กับเทคโนโลยีมากกว่าบ้าน วัด โรงเรียน ไม่เหมือนเด็ก สมัยก่อน เด็กเจนอัลฟ่าจึงมีปัญหาเรื่องปฏิสัมพันธ์ทั้งพ่อแม่และชุมชน มีปัญหาทักษะการสื่อสาร เพราะขาด การสื่อสารกันด้วยแววตา กายสัมผัส วลีสัมผัส การที่ขาดตรงนี้ทาให้เป็นเด็กไม่มีน้าใจ ไม่รู้จักความเอื้ออาทร ที่สาคัญ หากเด็กเจนอัลฟ่าไม่ได้รับการพัฒนาอะไรเลย เขาจะอยู่ส่วนตัวมากขึ้น ความผูกพันกับองค์กรและถิ่นฐานเดิมไม่มี ฉะนั้นเขาไม่จาเป็นต้องอยู่ประเทศไทยก็ได้ เมื่อรากเหง้าวัฒนธรรมตัวเองอาจไม่รู้จักด้วยซ้าไป ทักษะการสื่อสารก็ไม่มี กลายเป็นโลกแห่งดิจิตอลเทคโนโลยีหมด คุมไม่ได้ กระแสโซเชียลมีเดียหากรู้ไม่ทันก็โดนล่อลวง สภาพแบบนี้ จะเกิดขึ้นอีกมากหากเราไม่รับมือ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ทราบวิธีเลี้ยงดูที่เป็นผลดีกับเด็กเจนฯอัลฟ่ามากที่สุด 2. เพื่อให้เด็กเจนฯอัลฟ่าเติบโตเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความสุข 3. เพื่อหลีกเลี่ยงพร้อมทั้งป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเลี้ยงเด็กเจนฯอัลฟ่า ขอบเขตโครงงาน เด็กเจนฯอัลฟ่าที่เกิดช่วงปี ค.ศ.2010-ปัจจุบัน บุคคลที่มีอายุไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ หลักการและทฤษฎี 1. ยุค Generation Alpha เด็กกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่เกิดในปี 2010 เป็นต้นมา เด็ก Generation Alpha เราคาคว่า เป็นกลุ่มเด็กที่ได้รับการศึกษามากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เป็นยุคที่เทคโนโลยี ข่าวสารเฟื่องฟู มีพ่อแม่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพ่อแม่มีความพร้อมทางด้านการศึกษา ทางด้านการเงิน พร้อมที่จะมีบุตร พร้อมที่จะเลี้ยงดูบุตร ทาให้บุตรที่เกิดมานั้นมีความพร้อมในทุกๆด้าน มารดาตั้งครรภ์มีการดูแลครรภ์เป็นอย่างดี ทาให้เด็กที่เกิดมานั้นมีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านกาย และเมื่อเด็กเกิดมาแล้วพ่อแม่ก็ดูแลทั้งกายและใจ ทาให้มีความ สมบูรณ์มากขึ้น 2. โลกไร้พรมแดน ก็คือ โลกแห่งการติดต่อสื่อสาร เราสามารถพบปะเพื่อนฝูง เครือญาติ เพื่อน โดยอาจ ไร้ตัวตนของคนที่เราสื่อสาร เป็นนิยามของคาว่าติดต่อกัน เพื่อมิตรภาพที่ไร้พรมแดนทั่วโลก ไม่เลือกเชื้อชาติ ชนชาติ ศาสนา เพศ อายุ และการสื่อสาร อยู่ที่ไหนก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ หากเรารู้จักกันจากเพื่อนของเพื่อน รวดเร็ว
  • 4. 4 ฉับไว ทันต่อข่าวสารทั่วโลก ทาให้เรารู้ข่าวสารสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย สามารถนาไปใช้ศึกษาเรียนรู้ในชีวิตประจาวัน ได้เลย 3. เด็ก (Child หรือ Childhood หรือ Pediatrics) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 นิยามว่า “เด็ก” คือ คนที่มีอายุน้อย และพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 บัญญัติว่า “เด็ก” หมายความ ว่า บุคคลอายุยังไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ ในทางการแพทย์ “เด็ก” คือ ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 14 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อใช้คา นาหน้าชื่อว่า เด็ก หญิง หรือ เด็กชาย 4. เทคโนโลยีสารสนเทศ 4.1 บทบาทความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอานวย ความ สะดวกสบายต่อการดาชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดารงชีวิตได้ เป็น อย่างดี เทคโนโลยีทาให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อ ตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้ เป็น จานวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทาให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทาง เชื่อมโยงถึงกันทาให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา พัฒนาการของเทคโนโลยีทาให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีดาเนินมา ประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทาให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกาเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้า เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้ เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์ สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทาให้ การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความ เป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพ โทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทาให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนา เทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
  • 5. 5 รูปแสดงการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม ในอดีตยุคที่มนุษย์ยังเร่ร่อน มีอาชีพเกษตรกรรม ล่าสัตว์ ต่อมามีการรวมตัวกันสร้างเมือง และ สังคมเมืองทาให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิต การผลิตทาให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิต จานวนมาก สังคมจึงเป็นสังคมเมืองที่มีอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ก้าวหน้ามาก ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคสังคมสารสนเทศ ชีวิตความเป็นอยู่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารจานวนมาก การสื่อสารโทรคมนาคมกระจายทั่วถึง ทาให้ข่าวสาร แพร่กระจ่ายไปอย่างรวดเร็ว สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมไร้พรมแดนเพราะเรื่องราวของประเทศหนึ่งสามารถ กระจายแพร่ออกไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว 4.2 นิยามเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ คาว่าเทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ และหาทางนามาประยุกต์ ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นค้าที่มีความหมายกว้างไกล เป็นคาที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดมา ลองนึกดูว่าทรายที่เราเห็นอยู่บนพื้นดิน ตามชายหาด ชายทะเลเป็นสารประกอบของซิลิกอน ทราย เหล่านั้นมีราคาต่าและเรามองข้ามไป ครั้งมีบางคนที่เรียนรู้วิธีการแยกสกัดเอาสารซิลิกอนให้บริสุทธิ์ และ เจือสารบางอย่างให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าสารกึ่งตัวนา นามาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์ และไอซี (Integrated Circuit : IC) ไอซีนี้เป็นอุปกรณ์ที่รวมวงจรอิเล็กทรอนิกส์จานวนมากไว้ด้วยกัน ใช้เป็นชิพซึ่งเป็นส่วนสาคัญ ของคอมพิวเตอร์ สารซิลิกอนดังกล่าวเมื่อผ่านกรรมวิธีทางเทคโนโลยีแล้วจะมีราคาสูงสามารถนามาขายได้ เงินเป็นจานวนมาก ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพราะเรานาเอาวัตถุดิบมาผ่านเทคนิคการดาเนินการ จะได้วัตถุสาเร็จรูป สินค้าเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มจาก วัตถุดิบนั้นมาก ประเทศใดมีเทคโนโลยีมากมักจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เทคโนโลยีจึงเป็นหาทางที่จะช่วย ในการพัฒนาให้สินค้าและบริการมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทุกประเทศจึงให้ความสาคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานด้านต่าง ๆ ส่วนคาว่าสารสนเทศ หมายถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดาเนินชีวิตของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคน ตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เป็นจานวนมาก เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่ กฎเกณฑ์และวิชาการ
  • 6. 6 ลองจินตนาการดูว่าภายในสมองของเราเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เราคงตอบไม่ได้ แต่สามารถเรียกเอาข้อมูลมา ใช้ได้ ข้อมูลที่เก็บไว้ในสมองเป็นสิ่งที่สะสมกันมาเป็นเวลานาน ความรอบรู้ของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับการ เรียกใช้ข้อมูลนั้น ดังนั้นจะเห็นได้ชัดความรู้เกิดจากข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทุกวันนี้มีข้อมูลรอบตัวเรามาก ข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การสื่อสาร ระหว่างบุคคล จึงมีผู้กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของสารสนเทศ รูปแสดงสื่อที่ช่วยในการรับส่งข้อมูล ภายในสมองมนุษย์ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลไว้มากมายจะมีข้อจากัดในการจัดเก็บ การเรียกใช้ การประมวลผล และการคิดคานวณ ดังนั้นจึงมีผู้พยายามสร้างเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อดาเนินการเกี่ยวกับ การจัดการสารสนเทศ เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจาได้มาก สามารถ ให้ข้อมูลได้แม่นยาและถูกต้องเมื่อมีการเรียกค้นหา ทางานได้ตลอดวันไม่เหน็ดเหนื่อย และยังส่งข้อมูลไปได้ ไกลและรวดเร็วมาก เครื่องจักรอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสารสนเทศนั้นมีมากมายตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ รอบข้าง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ ทาให้เกิดงานบริการที่อานวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน เช่น การฝากถอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม (Automatic Teller Machine : ATM) การจอง ตั๋วดูภาพยนตร์ การลงทะเบียนเรียนในโรงเรียน เมื่อรวมคาว่าเทคโนโลยีกับสารสนเทศเข้าด้วยกัน จึงหมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทาให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล เทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความหมายที่กว้างขวางมาก นักเรียนจะได้พบกับสิ่งรอบ ๆ ตัวที่เกี่ยวกับ การใช้สารสนเทศอยู่มาก ดังนี้ - การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบ นักเรียนอาจเห็นพนักงานการไฟฟ้าไป ที่บ้านพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเพื่อบันทึกข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ในการสอบแข่งขันที่มีผู้สอบ จานวนมาก ก็มีการใช้ดินสอระบายตามช่องที่เลือกตอบ เพื่อให้เครื่องอ่านเก็บรวบรวมข้อมูลได้ เมื่อไปซื้อ สินค้าที่ห้างสรรพสินค้าก็มีการใช้รหัสแท่ง (bar code) พนักงานจะนาสินค้าผ่านการตรวจของเครื่องเพื่ออ่าน
  • 7. 7 ข้อมูลการซื้อสินค้าที่บรรจุในรหัสแท่ง เมื่อไปที่ห้องสมุดก็พบว่าหนังสือมีรหัสแท่งเช่นเดียวกันการใช้รหัสแท่ง นี้เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บรวบรวมwbr>wb - การประมวลผล ข้อมูลที่เก็บมาได้มักจะเก็บในสื่อต่าง ๆ เช่น แผ่นบันทึก แผ่นซีดี หรือเทป เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนามาประมวลผลตามต้องการ เช่น แยกแยะข้อมูลเป็นกลุ่ม เรียงลาดับข้อมูล คานวณ หรือจัดการคัดแยกข้อมุลที่จัดเก็บนั้น รูปแสดง การประมวลผลให้ออกมาในรูปเอกสาร - การแสดงผลลัพธ์ อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลลัพธ์มีมาก สามารถแสดงเป็นตัวหนังสือ เป็นรูปภาพ ตลอดจนพิมพ์ออกมาที่กระดาษ การแสดงผลลัพธ์มีทั้งที่แสดงเป็นภาพ เป็นเสียง เป็นวีดิทัศน์ เป็นต้น รูปแสดง การแสดงผลลัพท์ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ - การทาสาเนา เมื่อมีข้อมูลที่จัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ การทาสาเนาจะทาได้ง่าย และทาได้ เป็นจานวนมาก ดังนั้นอุปกรณ์ช่วยในการทาสาเนา จัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนามาอย่าง ต่อเนื่อง เรามีเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร อุปกรณ์การเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จานบันทึก ซีดีรอม ซึ่งสามารถทาสาเนาได้เป็นจานวนมาก - การสื่อสารโทรคมนาคม เป็นวิธีการที่จะส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง หรือกระจายออกไปยัง ปลายทางครั้งละมาก ๆ ปัจจุบันมีอุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรคมนาคมหลายประเภท ตั้งแต่โทรเลข โทรศัพท์ เส้นใยนาแสง เคเบิลใต้น้า คลื่นวิทยุไมโครเวฟ ดาวเทียม เป็นต้น
  • 8. 8 4.3 ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยพื้นฐานของเทคโนโลยีย่อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ แต่ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสังคมสมัยใหม่อยู่มาก ลักษณะเด่นที่สาคัญ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังนี้ - เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน ในการ ประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม จาเป็นต้องหาวิธีในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเข้ามาช่วยทาให้เกิดระบบอัตโนมัติ เรา สามารถฝากถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มได้ตลอดเวลา ธนาคารสามารถให้บริการได้ดีขึ้น ทาให้การบริการ โดยรวมมีประสิทธิภาพ ในระบบการจัดการทุกแห่งต้องใช้ข้อมูลเพื่อการดาเนินการและการตัดสินใจ ระบบ ธุรกิจจึงใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการทางาน เช่น ใช้ในระบบจัดเก็บเงินสด จองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น - เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูล และการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจาก ที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมุลผ่านทางโทรศัพท์ นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้คอมพิวเตอร์ สอบถามผลสอบจากที่บ้านได้ - เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จาเป็น สาหรับการดาเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันทุก หน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใข้ในองค์การประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่ จัดทาด้วยระบบ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษี ในองค์การทุกระดับ เห็นความสาคัญที่จะนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ - เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ พัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้ชีวิต ความเป็นอยู่ของคนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ดังจะเห็นได้จาก การพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ การใช้ตารางคานวณ และใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมแบบต่าง ๆ เป็นต้น 4.4 ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศ การกาเนิดของคอมพิวเตอร์เมื่อประมาณห้าสิบกว่าปีที่แล้ว เป็นก้าวสาคัญที่นาไปสู่ยุคสารสนเทศ ในช่วงแรกมีการนาเอาคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องคานวณ แต่ต่อมาได้มีความพยายามพัฒนาให้ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์สาคัญสาหรับการจัดการข้อมูล เมื่อเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ได้ก้าวหน้ามากขึ้น ทาให้สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น สภาพการใช้งานจึงใช้งานกัน อย่างแพร่หลาย ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่และสังคมจึงมีมาก มีการเรียนรู้และ ใช้สารสนเทศกันอย่างกว้างขวาง ผลของเทคโนโลยีสารสนเทศโดยรวมกล่าวได้ดังนี้ - การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสาร โทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอานวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใช้ควมคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น - เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้เกิด การกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทาให้มีการกระจายโอการการเรียนรู้ มีการใช้ระบบ
  • 9. 9 การเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล นอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่ใช้ ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร - สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน การเรียนการสอนในโรงเรียนมีการนาคอมพิวเตอร์ และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คานวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทารายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึง ปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียน มากขึ้น - เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจาเป็นต้องใช้ สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จาเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูล สภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจาลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวม ข้อมูลคุณภาพน้าในแม่น้าต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่าโทรมาตร เป็นต้น - เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธ ยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม มีการใช้ระบบป้องกันภัย ระบบ เฝ้าระวังที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุมการทางาน - การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม จาเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้ ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดาเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น 4.5 เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจาวัน บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สาคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและ เกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง Modern Mom Focus: Generation Alpha “สวัสดีค่ะคุณแม่ ModernMom ทุกท่าน ModernMom Focus กับ Hot Issue เรื่องใกล้ตัวนั่นคือ ลูกน้อย มีการคาดการณ์ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เด็กในยุค Generation Alpha หรือ เด็กเจนฯ อัลฟ่า กาลังจะเติบโตมา เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม ด้วยบุคลิกลักษณะที่แตกต่างจากเด็กรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นความเฉลียวฉลาด ความเข้าใจใน เทคโนโลยีตามมาซึ่งการยึดติดเอาอุปกรณ์ดิจิตอลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อันส่งผลให้เด็กส่วนใหญ่มีความอดทนต่าลง รอคอยไม่ค่อยได้ เป็นตัวของตัวเองสูงและอีกหลายประการที่หลายฝ่ายวิตกว่า เด็กเจนฯ อัลฟ่าจะเกิดช่องว่างระหว่าง คนรุ่นอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันในครอบครัวทาให้เกิดปัญหาในแง่การเลี้ยงดู และการรู้เท่าทันระหว่างเด็กกับพ่อแม่ จึงเป็น เรื่องจาเป็นที่พ่อแม่ผู้ปกครองและส่วนอื่นๆ ของสังคมจะต้องเตรียมรับมือกับการเติบโตของพวกเขาเหล่านั้น
  • 10. 10 โดยเฉพาะสถาบันครอบครัวคือที่แรกที่จะต้องรู้เท่าทันการมาถึงของเด็กเจน อัลฟ่าอย่างรอบด้าน พบกับ ModernMom Focus 2 Chapter ที่จะทาให้เข้าใจเด็กเจนฯ อัลฟ่า ModernMom Focus” รู้จัก...เข้าใจ Generation Alpha ปัจเจกนิยม หรือ สนใจตัวเองมากที่สุด มีพลังที่ปลายนิ้ว หรือ การติดอยู่กับอุปกรณ์ชนิดขาดไม่ได้ เฉลียวฉลาด เรียนรู้เทคโนโลยีได้เร็ว เปลี่ยนแปลงโลกได้ “อายุยืนยาวขึ้น ฉลาดขึ้น รวยขึ้น” จากประโยคข้างบนนี้ว่ากันว่าคือคา นิยามแห่งอนาคตของพลเมืองยุคใหม่ และนี่คือสิ่งที่ทา ให้โลกกาลังตื่น ตะลึง ว่าใครคือพลเมืองเหล่านั้นและอะไรทาให้คนเราอายุยาวขึ้น ฉลาดขึ้น แถมยังรวยขึ้นด้วย คา ตอบของคา นิยามดังกล่าวก็คือคา ว่า “เจเนอเรชั่น อัลฟ่า” (Generation Alpha) หรือเรียกย่อๆ ว่า เจนฯ อัลฟ่า เป็นคา ใช้เรียก ยุคสมัยตามช่วงวัยพลเมืองที่กาลังมาถึง ซึ่งต่อจากรุ่นของเจเนอเรชั่นซี (Generation Z) โดยเจน อัลฟ่า คือพลเมืองที่เกิดในช่วงปีพ.ศ.2553 เป็นต้นไปจนถึงราวๆ พ.ศ.2568 โดยประมาณ ตามตัวเลข มาตรฐานที่ว่าแต่ละเจเนอเรชั่นจะมีช่วงอายุราว 15-20 ปีและขณะนี้พวกเขากาลังอยู่ในวัยอนุบาลโดยเจนฯ อัลฟ่า รุ่นแรก จะมีอายุราวๆ 4 ปี ซึ่งก่อนจะเจาะลึกตัวตนของคนยุคอัลฟ่า เราไปดูวิวัฒนาการของเจเนอเรชั่นต่างๆ ก่อนนี้กันดีกว่า Generation Timeline - เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers) : เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ปัจจุบันอายุราว 40-60 ปี มีแบบแผนชีวิต เคารพกฎเกณฑ์ กติกาสังคม ทางานหนัก ทุ่มเท สร้างเนื้อ สร้างตัว อดทน ใช้แรงกาย แรงสมอง - เจเนอเรชั่น เอ็กซ์ (Generation X) : ปัจจุบันอายุ ประมาณ30-40 ปี ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนนัก อาจเดินตาม ทางที่พ่อแม่วางไว้ให้ ไม่ชอบการผูกมัด ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ความคิดลื่นไหล เปลี่ยนอาชีพหรือ สิ่งที่อยากทา ได้เรื่อยๆ - เจเนอเรชั่น วาย (Generation Y) : ปัจจุบันอายุ 20-30 ปลายๆ โตมากับเทคโนโลยี กล้าแสดงออก รับข่าวสารหลากหลาย เป็นตัวของตัวเองสูง แต่งงานช้า รักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรอบ ไม่ชอบการวางเงื่อนไข เชื่อใน ศักยภาพตัวเอง ชอบความสะดวกสบาย - เจเนอเรชั่น ซี (Generation Z) : ปัจจุบันอายุ 6-20 ปี โตมากับเทคโนโลยีและโซเชียลเน็ตเวิร์ค รักอิสระ เรียนรู้เร็ว และนานขึ้น สนใจเรื่องราวหลากหลาย อยู่ในโลกแข่งขันสูง สนใจสังคมสิ่งแวดล้อม ชอบชีวิตที่มีทางเลือก - เจเนอเรชั่น อัลฟ่า (Generation Alpha) : ปัจจุบัน อายุประมาณ 4 ปี หรือวัยอนุบาล ไม่ต้องดิ้นรนมาก สัมผัสเทคโนโลยีตั้งแต่เกิด อยู่กับการเรียนนาน ฉลาด แต่วัตถุนิยม คุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลง มักประสบความสาเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อย เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
  • 11. 11 รู้จักเด็ก Generation Alpha เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง สา หรับตัวตนของคนยุคเจน อัลฟ่าซึ่งเชื่อกันว่า จะเป็นอีกยุคหนึ่งที่ทา ให้โลกมีการ เปลี่ยนแปลงสูงเนื่องด้วยเด็กเจน อัลฟ่า มักเกิดมาจากพ่อแม่ที่มีความพร้อมและฐานะทางการเงินมั่นคงกว่าคนในยุค ก่อนๆ แถมนิยมมีลูกเพียง 1-2 คน เด็กเจน อัลฟ่าจึงเกิดมาบนความพร้อมแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะการเงิน ความมั่นคง ทางเศรษฐกิจความก้าวไกลของเทคโนโลยีการมีสิ่งใหม่ๆ ให้ทดลองตลอดเวลา มีเครื่องอานวยความสะดวกรอบด้าน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เด็กเจน อัลฟ่าจะมีบุคลิกเฉพาะตัวที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย “Each generation goes further than the generation preceding it because it stands on the shoulders of that generation. You will have opportunities beyond anything we've ever known.” Ronald Reagan “แต่ละยุคก็มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งความสาเร็จนั้นก็มาจากคนยุคก่อนที่เป็นฐานให้กับคนยุคต่อไป คุณ จึงมีโอกาสได้พบสิ่งใหม่ๆ มากกว่าที่เราคาดคิด” โรนัลด์ เรแกน เด็กเจน อัลฟ่า เป็นกลุ่มที่เข้าถึงเทคโนโลยีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาจะใช้มันอย่างเต็มที่ เพื่อ ตอบสนองความต้องการทุกด้าน เด็กเจนอัลฟ่าทุกคนเรียนรู้ได้เร็ว ใช้เวลาไม่นานก็สามารถนาเทคโนโลยีมาใช้ใน การเรียนรู้และการทางานได้อย่างคล่องแคล่ว เข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนได้ง่าย มีกลยุทธ์สูงในการจัดการกับสิ่งต่างๆ ความสามารถเหล่านี้ทาให้พวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง มั่นใจในตัวเองมาก รักในอิสระ ไม่ชอบขึ้นอยู่กับใคร ตัดสินใจสิ่งต่างๆ ได้เอง และยินดีรับผลของมันอย่าง ไม่หวาดกลัว แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น All about Generation Alpha Big Advantage Big Concern มีความพร้อม ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ทาสิ่งต่างๆ ได้หลายอย่าง ไม่สนใจเวลา อยากทาอะไรก็ทา ไม่ตรงต่อเวลา มีความรู้รอบด้าน ไม่ค่อยสนใจผู้อื่น ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ ปกป้องตัวเองสูง เข้าใจเทคโนโลยีที่ซับซ้อนได้ง่าย จิตอาสาต่อสังคมน้อยลง เรียนรู้ได้เร็ว ไม่สนใจรากเหง้าของตนเอง ไม่ยึดติดวัฒนธรรมเก่าๆ ความอดทนน้อย ไม่ชอบรอคอย พึ่งพาตัวเองได้ดี ไม่ง้อผู้อื่น ไม่พิถีพิถันกับสิ่งรอบตัว เช่น การแต่งตัว ฉลาด หลักแหลม ทักษะทางสังคมบกพร่อง ไม่สนใจเพื่อนบ้าน การสื่อสารไร้พรมแดน ติดต่อโลกภายนอกได้ง่ายดาย มักเป็นโรคอ้วน มีปัญหาสุขภาพประเภทเรื้อรังได้ง่าย
  • 12. 12 สังคมใหม่ในยุค Generation Alpha ผู้เชี่ยวชาญด้านมนุษย์ศาสตร์ เช่น มาร์ก แมคคลินเดิล (Mark McCrindle) ผู้ทุ่มเททา การวิจัยเรื่อง เจน อัลฟ่า เปิดเผยต่อทั่วโลกว่าการมาถึงของยุคเจน อัลฟ่าจะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล สร้างนวัตกรรมใหม่ให้โลก : ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะในความคิดของมาร์ก มองว่า เด็กรุ่นเจน อัลฟ่า สามารถ ถ่ายโอนความคิดในแบบออนไลน์ได้ภายในไม่กี่วินาที ความเฉลียวฉลาดของพวกเขานั้น จะช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับโลกได้อย่างมหาศาล การเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นมากที่สุดในยุคนี้ และเทคโนโลยีจะ สามารถเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้ทั้งในแง่ความคิด ความรู้สึก การโน้มน้าวจิตใจ และมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้อย่าง เหลือเชื่อ เช่น การประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้ เป็นต้น เปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรในโลก : โฉมหน้าโลกใหม่ในยุค เจน อัลฟ่านั้น ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรในโลก โดยอินเดีย และจีนมีประชากรมากที่สุดตามข้อมูลของ สหประชาชาติ ทั่วโลกจะมีประชากรราว 8.8 พันล้านคน จากเดิม 7 พันล้านคน ซึ่งแต่ละคนมีค่าเฉลี่ยอายุมากกว่า 60 ปี และอาจยืนยาว ถึง 80 ปี นั่นหมายถึงคนมีอายุยืนยาวขึ้น เพราะเทคโนโลยี การแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้น โรค ร้ายๆ จะสามารถรักษาได้ ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตตอนอายุน้อยมีลดลง การศึกษาสูง : สาหรับสังคมธุรกิจ โลกในยุคเจน อัลฟ่า จะค้าขายติดต่อกันอย่างไร้พรมแดน ทุกคนใช้ เทคโนโลยีระดับโลกเพื่อการทางานอย่างชานาญ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวัฒนธรรมข้ามชาติกันอย่างเป็นปกติ ส่วนในโลกการศึกษา เด็กเจน อัลฟ่าจะเรียนรู้ในระบบอย่างรวดเร็ว และอีกนานกว่าพวกเขาจะหยุดการเรียนรู้ จึง กลายเป็นรุ่นที่มีการศึกษาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีตัวเลขคาดการณ์ว่า เด็ก 90% จะจบอย่างน้อยชั้นมัธยมปลาย แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ชอบอยู่บ้าน ไม่นิยมออกไปใช้ชีวิตข้างนอกจนกว่าจะอายุราว 20 ปี เด็กเจน อัลฟ่าจะมีความสามารถรอบด้าน จากความรู้รอบทิศทาง พวกเขาจึงทางานได้หลายอย่างในตัว คนๆ เดียว ไม่นิยมทางานในองค์กรที่ใหญ่โต มักทาธุรกิจส่วนตัว หรือทางานแบบองค์กรขนาดเล็ก และมีเงินใช้จ่าย แบบสบายๆ หรืออยู่ในระดับที่ร่ารวย ว่ากันว่า เด็กในยุคเจน อัลฟ่า แทบจะไม่มีใครใส่นาฬิกากันอีกแล้ว เพราะมันมีอยู่แล้วในโทรศัพท์มือถือ หรือ อุปกรณ์ติดตัวอื่นๆ ที่พวกเขาสามารถรู้เวลาได้อย่างง่ายดาย และบอกอะไรมากกว่าเวลา ความกังวลของคนรุ่นก่อนต่อยุค Generation Alpha ก่อนที่ยุคเจน อัลฟ่าจะมาถึงอย่างเต็มตัว ผู้ผ่านยุคอื่นๆ มาก่อน ทั้งเจน เอ็กซ์,วาย,และซีได้ระดมความ คิดเห็นที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อคนรุ่นหลังว่า การมาถึงของยุค เจน อัลฟ่า อาจทา ให้โลกก้าวหน้า ในแง่ เทคโนโลยีมากเกินไป ในขณะที่ในแง่สังคมอาจมีปัญหามากมายตามมา พร้อมความล่มสลายของวัฒนธรรมหลาย ประการ - เห็นแก่ตัวมากไป : ไม่คานึงถึงผู้อื่น นั่นจึงทาให้สังคมขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เกื้อกูลกันแบบในสังคมยุค เก่า - สนใจสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ทา ให้มีสมาธิสั้น : เบื่อหน่ายสิ่งต่างๆ ได้เร็ว จึงมีขีดความอดทนน้อย สังคมแห่ง การประนีประนอมจะหมดไป เหลือแต่สังคมที่ขัดแย้งกัน - มีทักษะความรู้ต่างๆ มาก จนไม่คิดจะพึ่งพาผู้อื่น : ทาให้ขาดการเคารพผู้อื่น
  • 13. 13 - เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง : จึงไม่เห็นอกเห็นใจหรือรับรู้ปัญหาของผู้อื่น ปล่อยให้สังคมเป็นไปโดยไม่คิดจะ ช่วยเหลือ โอบอุ้ม หรือยื่นมือไปช่วยเหลือใครง่ายๆ ไม่เข้าใจความหลากหลาย - สังคมมีความเหลื่อมล้าสูง : ระหว่างผู้มีความสามารถและใช้เทคโนโลยีเป็น กับผู้ที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี สังคม จะขาดแรงงานอย่างหนัก - ปัญหาสุขภาพ : รัฐบาลจะใช้เงินมหาศาลกับการดูแลสุขภาพเรื้อรังและโรคอ้วนของคน - ติดบ้าน : เพราะเด็กเจน อัลฟ่าจะนิยมอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไว้ใจ และรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ ทาบ้านให้ เป็นทั้งที่ทางาน สถานพักผ่อน ไม่นิยมออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากนัก - ลักษณะชุมชนจะหายไป : ผู้คนอาศัยในบ้านแบบตัวใครตัวมัน มีการป้องกันตัวเองสูง ไม่เอาธุระของคนอื่น มาใส่ใจ เตรียมรับมือเด็กยุคใหม่ ในสังคม Generation Alpha เป็นเรื่องที่สังคมต้องขยับตัวเพื่อเตรียมรับกับสังคมใหม่ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเกิดในปีพ.ศ.2553 เป็น ต้นมา นั่นหมายถึงครอบครัวนั้นกาลังมีเด็กเจน อัลฟ่ามาเป็นสมาชิก ทิศทางการเติบโตของเด็กจึงเป็นเรื่องที่ คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจ ฉบับหน้าพบกับแนวทางการเลี้ยงดูเด็กเจน อัลฟ่า แนวทางการให้ความรู้และการศึกษาทั้งที่ บ้านและโรงเรียน บทบาทของพ่อแม่ที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อเด็กอย่าง เหมาะสม และโดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันกับคนในหลายๆ เจเนอเรชั่นในบ้านหลังเดียวกัน วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน 1. รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับเด็กเจนฯ อัลฟ่าและเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รวบรวมมา และจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. สรุปวิธีการเลี้ยงเด็กเจนฯ อัลฟ่า เพื่อเป็นแนวทางของพ่อแม่ยุคใหม่ ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 1 คิดหัวข้อโครงงาน         ศุภมิตา, นัฐพร 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล         ศุภมิตา, นัฐพร 3 จัดทาโครงร่างโครงงาน         ศุภมิตา, นัฐพร 4 วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล         ศุภมิตา, นัฐพร 5 การทาเอกสารรายงาน         ศุภมิตา, นัฐพร 6 ประเมินผลงาน         ศุภมิตา, นัฐพร 7 นาเสนอโครงงาน         ศุภมิตา, นัฐพร
  • 14. 14 ผลที่คาดว่าจะได้รับ สามารถช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ทราบวิธีเลี้ยงดูที่เป็นผลดีกับเด็กเจนฯอัลฟ่าได้มากขึ้น และพ่อแม่สมัยใหม่ เหล่านี้สามารถเลี้ยงดูเด็กเจนฯ อัลฟ่าจนเจริญเติบโตเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความสุข โดยไม่มีปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจาก การเลี้ยงเด็กเจนฯอัลฟ่าได้ไม่ดีพอ สถานที่ดาเนินการ 1. บ้านเลขที่ 53/85 ม.3 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230 2. โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 238 ถนนพระปกเกล้า ตาบล ศรีภูมิ อาเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200 กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม - การศึกษาและทาความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมปัจจุบันที่มีเด็กเจนฯ อัลฟ่าอยู่ด้วย 2. คอมพิวเตอร์ – ได้ใช้ความรู้เกี่ยวกับวิชาคอมพิวเตอร์ในการค้นคว้าข้อมูล ออกแบบวิธีการนาเสนอ โครงงาน แหล่งอ้างอิง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์. เด็ก หรือ นิยามคาว่าเด็ก (Child). สืบค้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ : https://goo.gl/i9MkW3 Dr.Chanvit. ทาความรู้จักเด็กยุค Generation Alpha. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ : http://www1.si.mahidol.ac.th/Healtygamer/information/article/85385 เทคโนโลยีสารสนเทศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ : https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/network/it/index.html อาชัญญา จันทร์ขอนแก่น. มหันตภัยโลกไร้พรมแดน. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ : http://snowysweetcold.blogspot.com/2014/02/blog-post.html ModernMom Focus. Who's Generation Alpha? สืบค้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560, จากเว็บไซต์ : http://www.modernmommag.com/download/mmfocus_july2015_1.pdf