โครงงานคอมคู่

1. โครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2558
ชื่อโครงงาน กล่องรีไซเคิล (Recycle Box)

2. ชื่อผู้ทาโครงงาน
1. นายไตรภพ ด่านตระกูล เลขที่ 32 ชั้น ม.6 ห้อง 11
2. นางสาววรัตถ์เอก ศิริ เลขที่ 39 ชั้น ม.6 ห้อง 11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์

3. ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
กล่องไซเคิล
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Recycle Box
ประเภทโครงงาน : เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน : 1. นายไตรภพ ด่านตระกูล เลขที่ 32 ชั้น ม.6 ห้อง 11
2. นางสาววรัตถ์เอก ศิริ เลขที่ 32 ชั้น ม.6 ห้อง 11
ชื่อที่ปรึกษา : ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน : 5 พฤศจิกายน 2558 – มกราคม 2559

4. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และ
เหตุผล ของการทาโครงงาน)
ปัจจุบันขยะในสังคมเริ่มมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นขยะที่เกิดจากกระดาษ พลาสติก ขวดกระป๋ อง
ต่างๆ แก้ว เหล็ก โฟม และยังรวมไปถึงขยะที่เกิดจากการเกษตรอีกด้วย ซึ่งวิธีการกาจัดขยะเหล่านี้นั้นก็คือการ
นาไปเผาไหม้และผลที่ตามมาก็คือเกิดมลภาวะทางอากาศที่เป็นพิษ เพราะถ้าเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์จะทาให้
เกิด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือ co2 ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก และถ้าเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จะทา
ให้เกิด คาร์บอนมอนนอกไซด์หรือ co และควันเขม่า ซึ่งเป็นพิษต่อระบบหายใจของสิ่งมีชีวิต
จากสาเหตุเหล่านี้ผู้จัดทาจึงเห็นคุณค่าความสาคัญของขยะบางประเภทที่ยังสามารถนากลับมาใช้ประโยชน์
ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการนามาใช้ใหม่ นามาใช้ซ้า และนามาแปรรูป จึงได้มีการนาเปลือกของข้าวสาลีและกระดาษ
หนังสือพิมพ์ที่เหลือใช้นามาแปรรูปใหม่ให้กลายเป็นกระดาษสา และผู้จัดทายังนามาต่อยอดทาเป็นกล่องเพื่อให้
เกิดการใช้งานได้อย่างหลากหลาย และยังสามารถทาให้เกิดรายได้ระหว่างเรียนได้อีกด้วย

5. วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อลดปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
2. เพื่อลดปริมาณการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
3. เพื่อเสริมสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัวในระหว่างเรียน
4. สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการหาซื้อวัสดุใหม่ โดยใช้วัสดุที่นามา
รีไซเคิลได้แทน
5. เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

6. ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
 ปริมาณการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผากระดาษและขยะต่างๆ
 ปริมาณการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมือเผากระดาษและขยะหลังจากการทาโครงงาน

7. หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
1.1 ภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน คือ การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือน กระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ว่า Green house effect
ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จาก การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ การขนส่ง และ การผลิต
ในโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนั้น มนุษย์เรายังได้เพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์และคลอโรฟลูโรคาร์บอน (CFC) เข้าไป
อีก ด้วย พร้อมๆกับการที่เราตัดและทาลาย ป่าไม้จานวนมหาศาลเพื่อสร้างสิ่งอานวย ความสะดวกให้แก่มนุษย์ทาให้กลไกใน
การดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป จากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิ ภาพลง และในที่สุดสิ่งต่างๆที่เราได้
กระทา ต่อโลกได้หวนกลับมาสู่เราในลักษณะของ ภาวะโลกร้อน

8. 1.2 สาเหตุภาวะโลกร้อน
สาเหตุภาวะโลกร้อนเป็นภัยพิบัติที่มาถึง โดยที่เราทุกคนต่างทราบถึงสาเหตุของการเกิดเป็นอย่างดี นั่นคือ การที่มนุษย์เผา
ผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ามัน และก๊าซธรรมชาติ เพื่อผลิตพลังงาน ทาให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุ
สาคัญในการเกิดภาวะโลกร้อน

9. 1.3 ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas)
กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์กาลังเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ (อาจยกเว้นไอน้า)
- การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน น้ามันและก๊าซธรรมชาติ
- การตัดไม้ทาลายป่าทาให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- การทาการเกษตรและการปศุสัตว์ปล่อยก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซด์
- ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ปล่อยก๊าซโอโซน

10. 1.4 ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
ผลกระทบด้านนิเวศวิทยา
นักวิจัยได้มีการคาดประมาณอุณหภูมิผิวโลกในอีก 100 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2643 ว่า อุณหภูมิจะสูงขึ้นจากปัจจุบันราว
4.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากคาดการณ์ว่า จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงร้อยละ 63 และก๊าซมีเทนร้อยละ 27 ของ
ก๊าซเรือนกระจก
สาหรับประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 1 องศาเซลเซียส ในช่วง 40 ปี อย่างไรก็ตาม
หากอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น 2- 4 องศาเซลเซียส จะทาให้พายุไต้ฝุ่นเปลี่ยนทิศทาง เกิดความรุนแรง
และมีจานวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 ในอนาคต นอกจากนี้ ฤดูร้อนจะขยายเวลายาวนานขึ้น ในขณะที่ฤดูหนาวจะสั้นลง

11. ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
รัฐที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ของทวีปอเมริกาจะได้รับผลจากระดับน้าทะเลที่สูงขึ้นกัดกร่อนชายฝั่ง จะสร้างความเสียหายแก่ระบบ
นิเวศ แนวปะการังจะถูกทาลาย ปลาทะเลประสบปัญหา เนื่องจากระบบนิเวศที่แปรเปลี่ยนไป ธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลที่
สาคัญจะสูญเสียรายได้มหาศาล
นอกจากนี้ ในเอเชียยังมีโอกาสร้อยละ 66-90 ที่อาจเกิดฝนกระหน่าและมรสุมอย่างรุนแรง รวมถึงเกิดความแห้งแล้งในฤดูร้อน
ที่ยาวนาน ทั้งนี้ ในปี 2532-2545 ประเทศไทยเกิดความเสียหาย จากอุทกภัย พายุและภัยแล้ง คิดเป็นมูลค่าเสียหายทาง
เศรษฐกิจมากกว่า 70,000 ล้านบาท

12. ผลกระทบด้านสุขภาพ
ภาวะโลกร้อนไม่เพียง ทาให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปแต่มีสิ่งซ่อนเร้นที่แอบแฝงมาพร้อม ปรากฏการณ์นี้ด้วยว่าโลกร้อน
ขึ้นจะสร้างสภาวะที่พอเหมาะพอควรให้เชื้อโรคเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
โลกร้อนขึ้นจะก่อให้เกิด สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การฟักตัวของเชื้อโรคและศัตรูพืช ที่เป็นอาหารของมนุษย์บางชนิด
โรคที่ฟักตัวได้ดีในสภาพร้อนชื้นของโลก จะสามารถเพิ่มขึ้นมากในอีก 20 ปีข้างหน้า ทั้งจะมีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในโรค
มาลาเรีย ไข้ส่า อหิวาตกโรค และอาหารเป็นพิษ

13. 1.5 วิธีการแก้ไขและป้องกันภาวะโลกร้อน
1. ลดการใช้พลังงานที่ไม่จาเป็นจากเครื่องใช้ไฟฟ้า

14. 2. เลือกใช้ระบบขนส่งมวลชน ในกรณีที่สามารถทาได้ได้แก่ รถไฟฟ้า รถตู้รถเมล์เนื่องจากพาหนะ แต่ละคัน จะเกิดการเผา
ผลาญเชื้อเพลิง

15. 3. พยายามรับประทานอาหารให้หมด เศษอาหารที่เหลือทิ้งไว้จะก่อให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งก่อให้เกิดปริมาณ
ความร้อนต่อโลก

16. 4. ช่วยกันปลูกต้นไม้เพราะต้นไม้จะคายความชุ่มชื้นให้กับโลก

17. 5. เวลาซื้อของพยายามไม่รับภาชนะที่เป็นโฟม หรือกรณีที่เป็นพลาสติก

18. 6.ไม่สนับสนุนกิจการใดๆ ที่สิ้นเปลืองทรัพยากรของโลกเรา และควรสนับสนุนกิจการที่มีการคานึงถึง
การรักษาสิ่งแวดล้อม

19. วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
ขั้นตอนที่ 1 การนาเปลือกข้าวสาลีและหนังสือพิมพ์มาทาให้เป็นเยื่อเพื่อนาไปทาเป็นกระดาษสา
การทาให้เป็นเยื่อ มี 2 วิธี ได้แก่
1.1 การทุบด้วยมือ
1.2 การใช้เครื่องปั่น
เปลือกข้าวสาลีและหนังสือพิมพ์ในปริมาณ 50 กรัม ใช้เวลาในการทุบ 1 ชั่วโมง เนื่องจากการทุบด้วยมือใช้เวลานาน จึงเปลี่ยน
จากการทุบด้วยมือมาเป็นการใช้เครื่องปั่นแทน โดยนาเปลือกข้าวสาลีและหนังสือพิมพ์ในปริมาณ 50 กรัมมาปั่น ใช้เวลาเพียง
แค่ 40 นาที โดยการที่จะนาเปลือกข้าวสาลีและหนังสือพิมพ์มาทาให้เกิดเยื่อเพื่อใช้ในการทากระดาษสา คือ นาเปลือกข้าวลา
ลีและกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่น้าให้พอประมาณ แล้วนาไปปั่น จากนั้นก็จะได้เยื่อของกระดาษหนังสือพิมพ์และเปลือกข้าวลา
ลีตามที่เราต้องการ

20. ขั้นตอนที่ 2 การทาให้เป็นแผ่นกระดาษสา
นาเยื่อของเปลือกข้าวสาลีและกระดาษหนังสือพิมพ์จากที่เราปั่นเสร็จแล้ว ก็ใส่สีผสมอาหารลงไป เพื่อ
ช่วยเพิ่มสีสันให้กับกระดาษ จากนั้นนามาเทลงบนแม่พิมพ์หรือตะแกรงที่เราเตรียมไว้เทให้ทั่วอย่าง
สม่าเสมอเพราะจะทาให้กระดาษสาที่ได้ออกมานั้นมีความสวยงามยิ่งขึ้น จากนั้นให้นาตะแกรงไปตาก
แดดทิ้งไว้ประมาณ 1 - 3 ชั่วโมง

21. ขั้นตอนที่ 3 การลอกแผ่นกระดาษสา
หลังจากที่นาไปตากแดดเสร็จ กระดาษสาจะแห้งติดกันเป็นแผ่น จากนั้นให้ลอกกระดาษสาออกจาก
แม่พิมพ์หรือตะแกรง ในการลอกกระดาษสานั้นควรทาอย่างค่อยๆ เพราะอาจเสี่ยงต่อการฉีกขาดได้
กระดาษสาที่ได้สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง มีการดัดแปลงมาใช้ทาสิ่งของต่าง ๆ มาก
ขึ้น แต่เดิมส่วนใหญ่ใช้ทาร่ม ว่าว กระดาษห่อของ ฯลฯ เป็นต้น ปัจจุบันนามาใช้อย่าง
กว้างขวาง เช่น สมุดจดที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ดอกไม้ประดิษฐ์ โคมไฟ กระดาษห่อของขวัญ
ฯลฯ เป็นต้น ทาให้กระดาษสาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมากขึ้นในปัจจุบัน

22. ขั้นตอนที่ 4 การนากระดาษสามาทาเป็นกล่อง
นากระดาษลังที่ไม่ใช้แล้วนามาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัดมาจานวน 5 แผ่น
เพื่อที่เราจะนามาประกอบกันให้กลายเป็นกล่องจากนั้นก็นากระดาษสาที่เราทาเสร็จเรียบร้อยแล้ว นามา
วัดขนาดให้เท่ากับกระดาษลังที่เราตัด ทากาวแล้วติดลงไปบนกระดาษลังจากนั้นก็ตกแต่งให้สวยงามตาม
ความชอบ

23. เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.เปลือกข้าวสาลีที่ไม่ใช้แล้ว 2 กิโลกรัม
2.กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้ว 10 ฉบับ
3.เครื่องปั่นผลไม้ทั่วไป 1 เครื่อง
4.สีผสมอาหาร 4-5 ซอง
5.ตะแกรงลวด 1 แผง
6.กล่องรังเปล่าที่ไม่ใช้แล้ว 1 กล่อง
7.กาว 1 กระปุก

24. งบประมาณ
1.เปลือกข้าวสาลี 20 บาท
2.กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้ว - บาท
3.สีผสมอาหาร (ซองละ) 5 บาท
4.กาว 15 บาท

25. ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน

26. ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.จะได้กระดาษสาที่ทาจากเปลือกข้าวสาลีและหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้ว
2.ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่เกิดขึ้น คือกระดาษสาและกล่องลังที่ทาจากกระดาษสา
3.ได้นาทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

27. สถานที่ดาเนินการ
บ้านของ นางสาววรัตถ์เอก ศิริ เลขที่ 39 ม.6/11

28. กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.วิชาทัศนศิลป์ เกี่ยวข้องในเรื่องของการผสมสีเพื่อให้กระดาษสา มีสีสันที่สวยงาม
2.วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี เกี่ยวข้องในเรื่องของการออกแบบรูปทรงกระดาษสา
3.วิชาวิชาสังคมศึกษา เกี่ยวข้องในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (7R)

29. แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
ขยะทั่วไปมีอะไรบ้าง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/krutermsaksuwan
ความรู้เกี่ยวกับการรีไซเคิล. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/panlop15112
ภาวะเรือนกระจก. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=20
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :
http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/1741-00/

30. ภาคผนวก

34. “
”
ผู้จัดทา
นาย ไตรภพ ด่านตระกูล เลขที่ 32 ม.6/11 นางสาว วรัตถ์เอก ศิริ เลขที่ 39 ม.6/11

35. ขอบคุณครับ/ค่ะ