Com
- 2. ชื่อโครงงาน
ทาอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาขยะในทะเล
ประเภทโครงงาน พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวพิชชา รื่นอารมณ์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ไม่อาจดารงอยู่ได้หากไม่มีผืนมหาสมุทรที่กินพื้น
ที่ ร้ อ ย ล ะ 70 ข อ ง ด า ว เ ค ร า ะ ห์ ที่ ชื่ อ ว่ า
โลก มหาสมุทรเป็ นแหล่งผลิตออกซิเจนให้เราหายใจ เป็ นแหล่งอาหาร
อีกทั้งยังเป็นบ้านและแหล่งอนุบาลสิ่งมีชีวิตนับร้อยนับพันลึกลงไปใต้ทะเล นอ
ก จ า ก นี้ แ ล้ว ม ห า ส มุ ท ร ยัง ป ก ป้ อ ง เ ร า จ า ก ภัย ธ ร ร ม ช า ติต่างๆ
ดอกไม้ทะเลและปะการังนั้นเป็นเกราะกาบังเราจากพายุและคลื่นทะเล
สถานที่อันกว้างใหญ่แห่งนี้เต็มไปด้วยที่เรื่องราวน่าอัศจรรย์ใจ
บ้านของสัตว์ทะเลน้อยใหญ่มากกว่าร้อยละ 80 สายพันธุ์ เช่น วาฬ โลมา ฉลาม
พะยูน เต่า และปลากระเบน ข้อมูลจาก World Register of Marine
Species ระบุว่าผืนมหาสมุทรนั้นมีสัตว์ที่อาศัยอยู่กว่า 240,470 สายพันธุ์
เ ชื่ อ กัน ว่ า ยั ง มี สัต ว์ ท ะ เ ล อี ก จ า น ว น ม า ก ที่ ยั ง ไ ม่ ถู ก ค้ น พ บ
และปัจจุบันก็ยังมีการสารวจพบสิ่งมีชีวิตใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ต าม มห าสมุทรใน วัน นี้ ไ ม่เ ห มื อน เดิมอี ก ต่ อ ไ ป
เพราะในทุกๆวันเราได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับการทาลายล้างมหาสมุทร ภัยคุกคา
มที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรนั้นเกิดมีตั้งแต่มลพิษพลาสติกไปจนถึงการรั่วไหลของ
น้ามันดิบ คร่าชีวิตสิ่งมีชีวิตในทะเลไปอย่างเงียบๆ หลายครั้งที่เราพบนกทะเล
โลมาและเต่า เกยตื้นอยู่บริเวณชายหาดทั้งในประเทศ ไทย อินโดนีเซีย
แ ล ะ ฟิ ลิ ป ปิ น ส์
จากสาเหตุการกินขยะพลาสติกที่อยู่ในทะเลและทางผู้จัดทาโครงงาน
ได้เล็งเห็นถึงปัญหาเหล่านี้และอยากที่จะช่วยให้ทะเลกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จึ ง เ ป็ น เ ห ตุ ผ ล ที่ ผู้ จัด ท า โ ค ร ง ง า น ตัด สิ น ใ จ เ ลื อ ก หั ว ข้ อ นี้
เ พ ร า ะ ไ ม่ เ พี ย ง แ ต่ ผู้ จั ด ท า จ ะ ไ ด้ ช่ ว ย ท ะ เ ล เ ท่ า นั้ น
แต่ผู้จัดทายังสามารถเผยแพร่ความรู้นี้ต่อให้คนที่ได้มาอ่านโครงงานนี้ทาให้ทุ
กคนตระหนักและช่วยกันดูแลทะเลให้น่าอยู่
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงผลเสียของการทิ้งขยะลงทะเล
2.สามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้
- 4. ถามว่า ไมโครพลาสติกมีผลกระทบอย่างไรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล??
พลาสติกมีส่วนผสมทางเคมีที่ใช้ในการกาหนดคุณสมบัติ (additive
chemicals) ที่จะถูกปล่อยออกมาเมื่อเกิดการย่อยสลาย
ที่อาจสะสมและเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตที่รับไมโครพลาสติกเข้าไป
ซึ่งจากการศึกษาในสัตว์หลายชนิด
พบมีการสะสมของสารพิษที่มาจากพลาสติกเกือบทั่วโลก, พื้นที่ผิวของไมโคร
พลาสติกจะเป็นพื้นที่ให้สารมลพิษหรือแบคทีเรียมายึดเกาะและสะสมได้
เมื่อสิ่งมีชีวิตรับเข้าไปจะส่งผลกระทบได้ต่อสิ่งมีชีวิตนั้น, ไมโครพลาสติ
กส่งผลกระทบต่อทางกายภาพ หรือทางชีววิทยาต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น
การพบว่ามีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของแพลงตอนสัตว์บางชนิด
รวมทั้งมีผลกระทบที่อาจเกิดกับมนุษย์ที่เป็นผู้บริโภคอาหารและผลิตภัณฑ์จาก
ทะเล
แม้กระทั่งในสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลที่มีความลึกถึง 10 กิโลเมตร
ก็ยังพบว่า มีไมโครพลาสติกปนเปื้อนเช่นกัน
กว่า "ขยะ" ในทะเลจะย่อยสลาย กว่า "มนุษย์" จะเปลี่ยนพฤติกรรม
ขยะแต่ละชนิดอาจใช้ระยะเวลาย่อยสลายเป็นเวลาหลายสิบหลายร้อยปี ทีเดียว
Cr.http://www.judprakai.com/life/503
- 5. Cr.https://news.thaipbs.or.th/infographic/66
�ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน�
�ขยะส่งผลกระทบเสี่ยงสัตว์ทะเลสูญพันธุ์
รายงานจากองค์กรอนุรักษ์ท้องทะเล (Ocean Conservancy) ระบุว่า
หลายประเทศในอาเซียนทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากสุดในโลก
โดยขยะพลาสติกกว่า 8 ล้านตัน มาจากประเทศจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
เวียดนาม และไทย หากยังไม่มีการแก้ไขจะทาให้ขยะเพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัว
และอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลเสี่ยงสูญพันธุ์มากขึ้น
ด้านรายงานสถานการณ์สัตว์ทะเลหายากเสี่ยงสูญพันธุ์
จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) พบว่า เต่าทะเล พะยูน โลมา
และวาฬ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
มีแนวโน้มการเกยตื้นเพิ่มขึ้น โดยผลสารวจ 3 ปีย้อนหลัง พบว่า
สัตว์ทะเลเกยตื้นเฉลี่ยปีละ 400 ตัว แบ่งเป็นเต่าทะเล 54% โลมาและวาฬ
41% และพะยูน 5%
ด้านสถิติในช่วงปี 2546-2560 พบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นรวม 3,702 ตัว
โดยช่วงที่พบมากสุด คือปี 2560 จานวน 566 ครั้ง และปี 2559 จานวน 449
ครั้ง
�ขยะพลาสติกจุดจบชีวิตสัตว์ทะเล
ขยะทะเลมีทั้งขยะที่เกิดจากการท่องเที่ยว การทาประมง
ภาคอุตสาหกรรม การเดินเรือพาณิชย์
รวมถึงการทิ้งขยะลงทะเลโดยผิดกฎหมาย
โดยแหล่งที่มาของขยะทะเลส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมบนฝั่ง เช่น ชุมชน
แหล่งทิ้งขยะบนฝั่ง บริเวณท่าเรือ และการท่องเที่ยวชายหาด
และจากกิจกรรมในทะเล เช่น การขนส่งทางทะเล การประมง
และการท่องเที่ยวทางทะเล เป็นต้น
ขยะพลาสติกเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทาให้สัตว์ทะเลเหล่านี้ต้องจบชีวิตลงอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเต่าทะเลที่เกยตื้นจากผลกระทบของขยะทะเล เช่น
- 6. การเกี่ยวพันของอวน มีสัดส่วนสูงถึง 20-40%
และเกิดจากการกลืนขยะทะเลเข้าไปสะสมอยู่ในระบบทางเดินอาหาร
มีสัดส่วน 2-3%
ทั้งนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าขยะทะเลส่วนใหญ่เกิดจากน้ามือของมนุษย์ทั้งทางตรงและทาง
อ้อม เช่น ถุงพลาสติก ขวด ภาชนะใส่อาหาร และวัสดุสาหรับบรรจุหีบห่อ
รวมทั้งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น สายรัด แผ่นพลาสติก เครื่องมือประมง
เช่น แห อวน ลอบ เป็นต้น
�เรากาลังเผชิญกับ “การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่”
เมื่อเร็วๆนี้ องค์การสหประชาชาติเปิดเผยรายงานที่ระบุว่า สปีชีส์กว่า 1
ล้านสายพันธุ์กาลังเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงต่อ
การสูญพันธุ์ใหญ่ ครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ซึ่งรายงานจากคณะทางานระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพแ
ละนิเวศบริการ (IPBES)
นี้ทาให้เรากังวลต่อความหลากหลายทางชีวภาพของโลก ดอกเตอร์รัสเซล
นอร์แมน ผู้อานวยการบริหารจากกรีนพีซ นิวซีแลนด์
ให้ความเห็นเกี่ยวกับความกังวลในครั้งนี้ว่า
“เราทราบดีว่าจะเกิดสถานการณ์ที่เลวร้าย
แต่เราคาดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายขนาดนี้ เรากาลังเผชิญกับ
การสูญพันธุ์ใหญ่ครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งมนุษย์เรามีส่วนกับเรื่องนี้
ตอนนี้สิ่งที่เราทาไว้กับธรรมชาติได้ย้อนกลับมาทาร้ายพวกเราแล้ว”
ปลาและหอยกินพลาสติกชิ้นเล็ก ๆ เข้าไป
พลาสติกเหล่านั้นจะเข้าไปสะสมในตัวปลา
หลังจากนั้นพวกมันถูกกินโดยปลาใหญ่ ลาพังพลาสติกนั้นก็เป็นพิษอยู่แล้ว
แต่ก็ยังดูดซับสารเคมีที่เป็นพิษจานวนมากจากมหาสมุทรเข้าไปอีก
ปลาเหล่านี้ถูกจับและกินโดยมนุษย์พร้อมกับพลาสติกและสารเคมีที่สะสมอยู่ใน
ตัวมัน
โดยพื้นฐานแล้วก็คือคุณกาลังกินพลาสติกที่คุณเป็นคนทิ้งลงไปในมหาสมุทรนั่
นเอง
- 7. 3 เหตุผล ที่เราต้องช่วยกันปกป้ องมหาสมุทรโลก��
1. เพิ่มเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล = เพิ่มชีวิตสัตว์ทะเล!�
จากผลวิจัยระบุว่า “เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล”
จะช่วยให้ชีวมวลของสัตว์ทะเลและพืชเพิ่มขึ้นถึง 4
เท่า และยังขยายพื้นที่ออกเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ยังทาหน้าที่เป็นแหล่งเพาะพั
นธุ์ของเหล่าสัตว์ทะเลที่ถูกคุกคามอีกด้วย เช่น วาฬและเต่าทะเล
ยิ่งไปกว่านั้น
เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลยังช่วยปกป้ องห่วงโซ่อาหารใต้ทะเลและสร้าง
ความยั่งยืนในกับความหลากหลายทางชีวภาพ
และสิ่งสาคัญอีกข้อของเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลนี้ก็คือ
จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรในการต่อสู้กับผลกระทบ
จากวิกฤตสภาพภูมิอากาศและสภาวะความเป็นกรดในมหาสมุทร
2.เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล
ทาให้ฝูงปลาในทะเลเพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจที่ดีขึ้น�
จากการวิจัยของเนชั่นแนล
จีโอกราฟฟิกร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับชุมชน โดยเข
ตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลนี้มีส่วนช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวและการทาประม
งนอกเขตคุ้มครอง
โดยต้นทุนสาหรับการพัฒนาเขตคุ้มครองทางทะเลสามารถเห็นผลไดภายในเว
ลา 5 ปี ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก
ตัวอย่างเช่น
ในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ชิลี นิวซีแลนด์ และเกาะปาเลา ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่
ามีความเป็นไปได้ในเชิงนโยบายที่จะกาหนดพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ห้ามไม่ให้อุตส
าหกรรมเช่น อุตสาหกรรมการประมง เหมืองแร่และการขุดเจาะน้ามัน
เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ได้
นอกจากประเทศเหล่านี้แล้วยังมีแคนาดาที่เพิ่งประกาศจากัดพื้นที่สาหรับอุตสา
หกรรมเหล่านี้อีกด้วย
ดังนั้น
การกาหนดเขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเลในน่านน้าสากลก็เปรียบเสมือนก
ารนาไปสู่การกระจายเขตคุ้มครองให้กับทรัพยากรใต้ทะเลทั่วๆกัน
- 10. ตรวจสอบความยั่งยืนของแบรนด์อาหารทะเลต่างๆได้ที่รายงานของกรีนพีซ ร
ายงานการจัดอันดับความยั่งยืนปลาทูน่ากระป๋องปี พ.ศ.2561
4.สนับสนุนหลักสูตรเกี่ยวกับทะเลและมหาสมุทรให้กับเยาวชน
ความรู้นั้นเป็นสิ่งสาคัญและความรู้เกี่ยวกับทะเลและมหาสมุทรก็เป็ นสิ่งสาคัญ
ที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ควรศึกษาไว้
ไม่ใช่เพีงแค่ประเด็นทะเลและมหาสมุทรเท่านั้น
แต่อาจเป็นประเด็นสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ในโลกก็ได้
โรงเรียนควรมีหลักสูตรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เยาวชน และครอบครัว
ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงสถานการณ์
ความสาคัญจาเป็นที่พวกเขาต้องปกป้ องสิ่งแวดล้อมบนโลกต่อไป
เ ด็กๆถือป้ ายรูปสัตว์ทะเลที่ชอบเพื่อรณรงค์ปกป้ องมหาสมุทรโลกแ ละสัตว์ที่พวกเ ขารัก © Luis Liwanag / Greenpeace
เมื่อเยาวชนเหล่านี้เติบโตไปขึ้นไปในระดับมัธยมหรือมหาวิทยาลัย
พวกเขาจะสามารถเป็นผู้นา เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจในการปกป้องมหาสมุทร
ซึ่งเราหวังว่าวิธีการนี้จะเปลี่ยนแปลงและสามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ในระย
ะยาว
5.เรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุน “สนธิสัญญาทะเลหลวง”
โดยองค์การสหประชาชาติ
สนธิสัญญาทะเลหลวง
เป็นสนธิสัญญาใหม่ที่จะช่วยปกป้องมหาสมุทรของเราให้พ้นจากภัยคุกคามทุก
รูปแบบ
รัฐบาลจากหลายประเทศเริ่มทางานเกี่ยวกับสนธิสัญญาฉบับนี้ร่วมกับองค์การ
สหประชาชาติ โดยหวังว่าจะสามารถปกป้องมหาสมุทร 1 ใน 3 ส่วนของโลก
โดยไม่อนุญาตให้ทาประมงขนาดใหญ หรือทาเหมืองใต้ทะเล
รวมถึงการทาอุตสาหกรรมแบบทาลายล้างทุกรูปแบบ
- 12. รู้จักปฏิเสธ ไม่รับหลอดพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน
หรือเมื่อคุณสั่งเครื่องดื่มตามร้านอาหารใด ๆ ก็ตาม
หรืออาจเปลี่ยนมาใช้หลอดสแตนเลสหรือหลอดซิลิโคนที่สามารถนากลับมาใช้
ใหม่ได้แทน
หลอดพลาสติกมักเป็นสินค้าแบบใช้ครั้งเดียวที่ไม่จาเป็น มันใช้เวลานานถึง
200 ปีในการย่อยสลาย แต่มันจะไม่มีวันหมดไปจากโลก
เพราะพลาสติกเหล่านี้เพียงแค่แตกตัวเป็นพลาสติกชิ้นเล็กๆ
หรือไมโครพลาสติก และที่แย่ไปกว่านั้น
พลาสติกเหล่านี้จะปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม
และสุดท้ายก็จะย้อนกลับมาหาตัวเราเอง
3. ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้า ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน
ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนอาหารกลางวันแบบเดิม ๆ
ของคุณ ที่เต็มไปด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
เปลี่ยนมาแพ็คอาหารกลางวันของคุณในภาชนะและขวดที่สามารถนากลับมาใ
ช้ใหม่ได้ เช่น กล่องข้าวและขวดน้าซิลิโคนที่สามารถพับได้
หรือห่อขนมแซนวิชด้วย Beewax Wrap เป็นต้น ไม่ว่าจะนาไปจากบ้าน
หรือไปซื้ออาหาร เครื่องดื่มที่ไหนก็ตาม
4.ช่วยเก็บผ้าเช็ดหน้าของฉันหน่อยได้ไหม เพราะฉันทามันตก
- 13. “ทิชชูเปียก” กลายเป็นสิ่งจาเป็นและขาดไม่ได้สาหรับใครหลาย ๆ คน
เพราะมันแสนจะสะดวกสบายและใช้ง่าย ตามรายงานของสถาบัน
EarthWatch พบว่าทิชชูเปียกเป็นต้นเหตุของการที่ระบบท่อน้าเสียอุดตัน
และทิชชูเปียกกว่า 9.3
ล้านแผ่นถูกใช้ในการล้างเครื่องสาอางหรือใช้เช็ดมือแทนการล้างมือ
แต่ทราบหรือเปล่าคะว่าเจ้าทิชชูเปียกนี้ใช้เวลานานกว่า 100
ปีในการย่อยสลายทางชีวภาพเลยทีเดียว
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะมันทามาจากโพลีเอสเตอร์ที่มีส่วนประกอบของใยพลาส
ติก และผ่านกระบวนการทางเคมี
จึงไม่สามารถย่อยสลายได้อย่างรวดเร็วเหมือนทิชชูหรือผ้าทั่วไป
เมื่อถูกใช้และทิ้งจึงกลายเป็นขยะที่ไม่ต่างอะไรกับขยะพลาสติก
หากเราเปลี่ยนมาใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนก็จะเป็นการช่วยลดขยะพลาสติกไปได้อีก
ทางหนึ่ง นอกจากนี้ผ้าเช็ดหน้ายังสามารถซักและนามากลับใช้ซ้าได้เรื่อย ๆ
ด้วยค่ะ
5.แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม เลือกให้เธอไม่ไปได้หรือเปล่า
- 14. เราอาจจะไม่สามารถเลือกให้ใครอยู่กับเราตลอดไปได้ แต่เราสามารถฉลาดเลื
อก ฉลาดซื้อได้ โดยเลือกซื้อสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้มีใช้ไปนาน ๆ
และไม่ต้องซื้อใหม่บ่อย หรือเลือกซื้อแบบการเติม (Refill) ตามร้าน refill
ทั่วไปที่เริ่มมีมากขึ้นในปัจจุบัน
เพื่อลดการซื้อของในบรรจุภัณฑ์ใหม่ สิ่งนี้จะเป็นการช่วยลดขยะพลาสติกได้เ
ป็นอย่างดี หรือบางท่านอาจจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแพจเกจเป็นกระดาษ
แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่า เพจเกจกระดาษนั้นไม่มีการเคลือบพลาสติกใดๆ
ทั้งสิ้น เพื่อจะไม่เป็นการทาลายธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
6.ถุงผ้านี้ๆๆๆๆ ใช้แล้วดีๆๆๆๆ ทุกอย่างมีๆๆๆๆ
- 16. ขอบคุณภาพโดย Ryan McGuire จาก Pixabay © Ryan McGuire
นี่คือวิธีง่าย ๆ ที่เรานาเสนอ
แล้วคุณล่ะคะมีวิธีอื่นอีกไหมที่จะช่วยลดขยะพลาสติก
แถมมมม!!!