SlideShare a Scribd company logo
1 of 19
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2558
ชื่อโครงงาน โคมไฟจากกระดาษเหลือใช้
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว จุฬาลักษณ์ พัฒนิ่ม เลขที่ 24 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว จุฬาลักษณ์ พัฒนิ่ม เลขที่ 24 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
ชื่อโครงงาน โคมไฟจากกระดาษเหลือใช้
ชื่อโครงงาน Safe your world
ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทประดิษฐ์
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว จุฬาลักษณ์ พัฒนิ่ม เลขที่ 24 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 30 กันยายน – 10 ตุลาคม พ.ศ 2558
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ปัจจุบันได้เกิดภาวะโลกร้อน(Global Warming) ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศ
ของโลก ทาให้อุณหภูมิภายในโลกสูงขึ้นเป็นเหตุให้ฤดูกาลทั่วโลกเปลี่ยนไปและก๊าซที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการเผา
ผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล ภาวะโลกร้อนหรือภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง(Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลก
ในปัจจุบัน สังเกตได้จากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น มีสาเหตุหลักของมาจากก๊าซเรือนกระจก ปรากฏการณ์เรือนกระจก
มีความสาคัญกับโลกเพราะก๊าซจาพวกคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทนจะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลกไม่ให้
สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสี
ความร้อนหรือรังสีอินฟาเรดได้ดี ก๊าซเหล่านี้มีความจาเป็นต่อการรักษาอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกให้คงที่โดย
จะต้องเป็นก๊าซที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ (anthropogenic greenhouse gas emission) เท่านั้น ได้แก่ ก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์(N20) ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน(HFC) ก๊าซเพอร์
ฟลูออโรคาร์บอน(PFC) และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์(SF6) ทั้งนี้ ยังมีก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของ
มนุษย์ที่สาคัญอีกชนิดหนึ่ง คือ สารซีเอฟซี(CFC หรือ Chlorofluorocarbon) ซึ่งใช้เป็นสารทาความเย็นและใช้ในการ
ผลิตโฟม ขยะต่างๆก็เป็นสาเหตุของการเกิดสภาวะโลกร้อนเพราะขยะนั้นจะถูกกาจัดโดยการเผาไหม้และการที่เราทิ้ง
ขยะโดยไม่คัดแยกขยะทาให้เกิดปริมาณขยะเพิ่มมากขึ้น หากเราสามารถลดปริมาณขยะได้ก็จะช่วยลดภาวะโลกร้อน
ได้ ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะ หรือการนาขยะมารีไซเคิล
คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยปีละ 3.9 ล้านตัน หรือ คนละประมาณ 60 กิโลกรัมต่อปี ดังนั้นเพื่อตอบสนองความ
ต้องการต่อการใช้กระดาษของคนไทย จะต้องตัดต้นไม้ถึง 66.3 ล้านต้นต่อปี หรือเท่ากับว่าทุกๆ นาที ต้นไม้ 126 ต้น
จะถูกโค่นลงกระดาษเก่า 1 ตัน สามารถทดแทนการตัดต้นไม้เพื่อมาทาเป็นกระดาษได้ถึง 15 ต้น หากคนไทยทุกคน
ใช้กระดาษอย่างประหยัด โดยการใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า จะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ถึง 1.3 ล้านต้น หากคนไทยทุกคน
หันมาใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้กระดาษทิชชู เพื่อจะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ 3,315,000 ต้นกระดาษมีส่วนสัมพันธ์กับ
ชีวิตประจาวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ยิ่งมีความต้องการกระดาษมากขึ้นเท่าใดเราก็ต้องตัดต้นไม้หรือถากถางพื้นที่
ป่าเพื่อปลูกต้นไม้โตเร็วสาหรับนาเยื่อไม้มาทากระดาษมากขึ้นเท่านั้น หากแต่ทุกวันนี้คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยคนละ
60 กิโลกรัม ต่อปี และมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่วประเทศมีความต้องการกระดาษทุกชนิดรวมกันประมาณ 3.25
ล้านตันต่อปี ในขณะที่มีกาลังผลิต 4 ล้านตันต่อปีในกระบวนการผลิตกระดาษ 1 ตันต้องใช้ต้นไม้มากถึง 17 ต้น ใช้
3
กระแสไฟฟ้ามากถึง 4,100 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ใช้น้าถึง 31,500 ลิตร และปล่อยคลอรีนที่ใช้ในการฟอกกระดาษเป็น
ของเสียกว่า 7 กิโลกรัม นั่นหมายความว่า ในการสนองตอบความต้องการใช้กระดาษของคนไทยให้เพียงพอ เราต้อง
ตัดต้นไม้ถึงปีละประมาณ 55 ล้านต้น
กระดาษเป็นขยะที่มีมากและใกล้ตัวทางผู้จัดทาจึงต้องการเริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัวสิ่งนี้ไปนาให้ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ โดย
เพิ่มเติมความคิดสร้างสรรค์ ประดิษฐ์โคมไฟจากกระดาษ เป็นการฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และบูรณา
การณ์กับวิชาต่างๆ เพื่อให้เกิดชิ้นงานที่ช่วยลดโลกร้อน โดยการนาขยะมารีไซเคิล สร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณภาพ
สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้จริง
วัตถุประสงค์
1. เพื่อฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี ฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเอง หรือร่วมกัน
2. เพื่อศึกษา ค้นคว้า และแก้ปัญหาจากการทางาน มีบทบาทและส่วนร่วมในการเรียนรู้
3. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ครูมีหน้าที่ให้คาปรึกษาเท่านั้น
4. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสามารถนาความรุ้ที่ได้ไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้อง
ขอบเขตโครงงาน
1. ศึกษาจากสื่อต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับวิธีการทาโคมไฟต่างๆ
2. ศึกษาจาก Internet
3. ศึกษาจากหนังสือ วิชาศิลปะหัตกรรมและหนังสือต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์สิ่งของเหลือใช้
หลักการและทฤษฎี
1. ปัญหาภาวะโลกร้อน
ปัจจุบันนี้คาว่า "ภาวะโลกร้อน" เป็นคายอดฮิตที่คุ้นหูคนทั่วโลกกันมากที่สุดคาหนึ่ง เพราะจาก
สภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างมากในช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็นฝนหลงฤดู อากาศที่ร้อนจัด หรืออากาศที่หนาว
จัดจนทาให้เกิดหิมะตกเป็นครั้งแรกในหลาย ๆ พื้นที่ รวมทั้งภัยธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
กาลังส่งสัญญาณบอกให้เรารู้ว่า "ภาวะโลกร้อน" ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมองข้าม เพิกเฉยไปได้อีกต่อไป วันนี้
กระปุกดอทคอม จึงมีเรื่องราวของ "ภาวะโลกร้อน" มาบอกต่อให้นาไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่
ดีขึ้นในโลกของเรา
ภาวะโลกร้อน หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทาให้ภูมิอากาศ
เปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อนอาจจะนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝน ระดับน้าทะเล และมีผลกระทบ
อย่างกว้างขวางต่อพืช สัตว์ และมนุษย์
ที่มาของภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) คือ การที่
อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากผลของภาวะเรือนกระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า Greenhouse Effect
โดยภาวะโลกร้อน ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้
4
เชื้อเพลิงต่างๆ, การขนส่ง และการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
นอกจากนั้นมนุษย์เรายังได้เพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์ และคลอโรฟลูโรคาร์บอน (CFC) เข้าไปอีก
ด้วยพร้อมๆ กับการที่เราตัดและทาลายป่าไม้จานวนมหาศาลเพื่อสร้างสิ่งอานวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทา
ให้กลไกในการดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง และใน
ที่สุดสิ่งต่างๆ ที่เราได้กระทาต่อโลกได้หวนกลับมาสู่เราในลักษณะของ ภาวะโลกร้อน
ปัจจัยสาคัญที่ทาให้เกิดภาวะโลกร้อน
ปรากฏการณ์ทั้งหลายเกิดจากภาวะโลกร้อนขึ้นที่มีมูลเหตุมาจากการปล่อยก๊าซพิษต่าง ๆ จากโรงงาน
อุตสาหกรรม ทาให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นที่รู้จักกันโดย
เรียกว่า สภาวะเรือนกระจก
พลังงานจากดวงอาทิตย์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีทั้งรังสีคลื่นสั้นและคลื่นยาว บรรยากาศของโลกทา
หน้าที่ปกป้องรังสีคลื่นสั้นไม่ให้ลงมาทาอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกได้ โมเลกุลของก๊าซไนโตรเจนและ
ออกซิเจนในบรรยากาศชั้นบนสุดจะดูดกลืนรังสีแกมมาและรังสีเอ็กซ์จนทาให้อะตอมของก๊าซในบรรยากาศ
ชั้นบนมีอุณหภูมิสูง และแตกตัวเป็นประจุ (บางครั้งเราเรียกชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยประจุนี้ว่า "ไอโอโนส
เฟียร์" มีประโยชน์ในการสะท้อนคลื่นวิทยุสาหรับการสื่อสาร) รังสีอุลตราไวโอเล็ตสามารถส่องผ่าน
บรรยากาศชั้นบนลงมา แต่ถูกดูดกลืนโดยก๊าซโอโซนในชั้นสตราโตสเฟียร์ที่ระยะสูงประมาณ 19 - 48
กิโลเมตร แสงแดดหรือแสงที่ตามองเห็นสามารถส่องลงมาถึงพื้นโลก รังสีอินฟราเรดถูกดูดกลืนโดยก๊าซเรือน
กระจก เช่น ไอน้าและคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นโทรโปสเฟียร์ ส่วนคลื่นไมโครเวฟและคลื่นวิทยุในบางความถี่
สามารถส่องทะลุชั้นบรรยากาศได้
สาหรับ บรรยากาศของโลกประกอบด้วยก๊าซไนโตรเจน 78% ก๊าซออกซิเจน 21% ก๊าซอาร์กอน
0.9% นอกนั้นเป็นไอน้า และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จานวนเล็กน้อย แม้ว่าไนโตรเจน ออกซิเจน และ
อาร์กอนจะเป็นองค์ประกอบหลักของบรรยากาศ แต่ก็มิได้มีอิทธิพลต่ออุณหภูมิของโลก ในทางตรงกันข้าม
ก๊าซโมเลกุลใหญ่ เช่น ไอน้า คาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทน แม้จะมีอยู่ในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย กลับมี
ความสามารถในการดูดกลืนรังสีอินฟราเรด และมีอิทธิพลทาให้อุณหภูมิของโลกอบอุ่น เราเรียกก๊าซพวกนี้ว่า
"ก๊าซเรือนกระจก" (Greenhouse gas) เนื่องจากคุณสมบัติในการเก็บกักความร้อน หากปราศจากก๊าซเรือน
กระจกแล้ว พื้นผิวโลกจะมีอุณหภูมิเพียง -18 องศาเซลเซียส ซึ่งนั่นก็หมายความว่าน้าทั้งหมดบนโลกนี้จะ
กลายเป็นน้าแข็ง
5
ก๊าซและสารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน
ก๊าซและสารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน มีทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก่
ไอน้า (H2O)
เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีมากที่สุดบนโลก มีอยู่ในอากาศประมาณ 0- 4% ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิอากาศ และอุณหภูมิ ในบริเวณเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรและชายทะเลจะมีไอน้าอยู่มาก ส่วนในบริเวณเขตหนาว
แถบขั้วโลก อุณหภูมิต่า จะมีไอน้าในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย ไอน้าเป็นสิ่งจาเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ไอน้าเป็นส่วนหนึ่ง
ของวัฏจักรน้าในธรรมชาติ น้าสามารถเปลี่ยนสถานะไปมาทั้ง 3 สถานะ จึงเป็นตัวพาและกระจายความร้อนแก่
บรรยากาศและพื้นผิว
ไอน้าเกิดจากโดยฝีมือมนุษย์ 2 วิธี คือ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงหรือก๊าซธรรมชาติ และจากการหายใจและ
คายน้าของสัตว์และพืชในการทาเกษตรกรรม
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
ในยุคเริ่มแรกของโลกและระบบสุริยะ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศถึง 98% เนื่องจากดวงอาทิตย์
ยังมีขนาดเล็กและแสงอาทิตย์ยังไม่สว่างเท่าทุกวันนี้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยทาให้โลกอบอุ่น เหมาะสาหรับเป็น
ถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ครั้นกาลเวลาผ่านไปดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่ขึ้น น้าฝนได้ละลายคาร์บอนไดออกไซด์ใน
อากาศลงมายังพื้นผิว แพลงก์ตอนบางชนิดและพืชตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ มาสร้างเป็นอาหารโดยการ
สังเคราะห์ด้วยแสง ทาให้ภาวะเรือนกระจกลดลง โดยธรรมชาติก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นจากการหลอมละลาย
ของหินปูน ซึ่งโผล่ขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ และการหายใจของสิ่งมีชีวิต
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง
โรงงานอุตสาหกรรม การเผาป่าเพื่อใช้พื้นที่สาหรับอยู่อาศัยและการทาปศุสัตว์ เป็นต้น โดยการเผาป่าเป็นการปล่อย
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากต้นไม้มีคุณสมบัติในการตรึงก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ไว้ก่อนที่จะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้นเมื่อพื้นที่ป่าลดน้อยลง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จึงลอย
ขึ้นไปสะสมอยู่ในบรรยากาศได้มากยิ่งขึ้น และทาให้พลังงานความร้อนสะสมบนผิวโลกและในบรรยากาศเพิ่มขึ้น
ประมาณ 1.56 วัตต์/ตารางเมตร (ปริมาณนี้ยังไม่คิดรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นทางอ้อม)
เราจะมีส่วนช่วยคลายภาวะโลกร้อนได้อย่างไร?
รายงานฉบับล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี
(Intergovernment Panel on Climate Change : IPCC) ซึ่งเป็นรายงานที่รวบรวมงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์
2,500 คน จากกว่า 30 ประเทศ และใช้เวลาในการวิจัยถึง 6 ปี ระบุไว้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างน้อย 90% ที่การ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และมนุษย์ถือได้ว่าเป็นตัวการสาคัญของปัญหาโลกร้อนใน
ครั้งนี้
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทาคู่มือ 80 วิธีหยุด
6
โลกร้อนขึ้นมา เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจาปี 2550 ไว้ดังนี้
ประชาชนทั่วไป
ลดการใช้พลังงานในบ้านด้วยการปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ได้ใช้
งาน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับ 1 พันปอนด์ต่อปี
ลดการสูญเสียพลังงานในโหมดสแตนด์บาย เครื่องเสียงระบบไฮไฟ โทรทัศน์ เครื่องบันทึกวิดีโอ
คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และอุปกรณ์พ่วงต่างๆ ที่ติดมาด้วยการดึงปลั๊กออก หรือใช้ปลั๊กเสียบพ่วงที่ตัดไฟด้วยตัวเอง
เปลี่ยนหลอดไฟ เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานแบบขดที่เรียกว่า Compact Fluorescent Lightbulb
(CFL) เพราะจะกินไฟเพียง 1 ใน 4 ของหลอดไฟเดิม และมีอายุการใช้งานได้นานกว่าหลายปีมาก
เปลี่ยนไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่าและประหยัดกว่าหลอดปกติ 40% สามารถหาซื้อ
หลอดไฟ LED ที่ใช้สาหรับโคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้นได้ด้วย จะเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการให้มีแสงสว่างส่องทาง เช่น
ริมถนนหน้าบ้าน การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี
ช่วยกันออกความเห็นหรือรณรงค์ให้รัฐบาลพิจารณาข้อดีข้อเสียของการเรียกเก็บภาษีคาร์บอนกับภาคการ
ผลิต ตามอัตราการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลรูปแบบต่างๆ หรือการใช้ก๊าซโซลีน เป็นรูปแบบการใช้ภาษีทาง
ตรงที่เชื่อว่า หากโรงงานต้องจ่ายค่าภาษีแพงขึ้นก็จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตลง ซึ่งจะช่วยลด
ปริมาณการปล่อย CO2 ลงได้ประมาณ 5%
ขับรถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง ด้วยการปั่นจักรยาน ใช้รถโดยสารประจาทาง หรือใช้การเดินแทนเมื่อต้องไป
ทากิจกรรมหรือธุระใกล้ๆ บ้าน เพราะการขับรถยนต์น้อยลง หมายถึงการใช้น้ามันลดลง และลดการปล่อย
คาร์บอนไดออกไซด์ด้วย เพราะน้ามันทุกๆ แกลลอนที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 20 ปอนด์
7
ไปร่วมกันประหยัดน้ามันแบบ Car Pool นัดเพื่อนร่วมงานที่มีบ้านอาศัยใกล้ๆ นั่งรถยนต์ไป
ทางานด้วยกัน ช่วยประหยัดน้ามัน และยังเป็นการลดจานวนรถติดบนถนน ช่วยลดการปล่อย
คาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมด้วย
จัดเส้นทางรถรับส่งพนักงาน ถ้าในหน่วยงานมีพนักงานจานวนมากอาศัยอยู่ในเส้นทางใกล้ๆ กัน
ควรมีสวัสดิการจัดหารถรับส่งพนักงานตามเส้นทางสาคัญๆ เป็น Car Pool ระดับองค์กร
เปิดหน้าต่างรับลมแทนเปิดเครื่องปรับอากาศ ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้
ไฟฟ้าเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ
มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ประหยัดไฟเบอร์ 5
มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพราะการจะได้ใบรับรองนั้น จะต้องมีการประเมินสินค้า
ตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ
ไปตลาดสดแทนซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ซื้อผัก ผลไม้ หมู ไก่ ปลา ในตลาดสดใกล้บ้าน แทนการช็อปปิ้งใน
ซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ที่อาหารสดทุกอย่างมีการหีบห่อด้วยพลาสติกและโฟม ทาให้เกิดขยะจานวนมาก
เลือกซื้อเลือกใช้ เมื่อต้องซื้อรถยนต์ใช้ในบ้าน หรือรถยนต์ประจาสานักงานก็หันมาเลือกซื้อรถ
ประหยัดพลังงาน รวมทั้งเลือกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟ ทั้งในบ้านและอาคารสานักงาน
เลือกซื้อรถยนต์ที่มีขนาดตามความจาเป็น โดยพิจารณาจากขนาดครอบครัวและประโยชน์การใช้
งาน รวมทั้งพิจารณารุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อเปรียบเทียบราคา
ไม่จาเป็นก็ไม่ต้องเลือกรถโฟว์วีลขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ เพราะกินน้ามันมาก และตะแกรงขน
สัมภาระบนหลังคารถก็ไม่ใช่สิ่งจาเป็น เพราะเป็นการเพิ่มน้าหนักรถให้เปลืองน้ามัน
ขับรถอย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะทางไกลการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จะช่วยลดการใช้น้ามันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์แต่ละคันที่
ใช้งานราว 3 หมื่นกิโลเมตรต่อปี
ขับรถเที่ยวไปลดคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมกัน เพราะมีบริษัทเช่ารถใหญ่ๆ 2-3 รายมีรถรุ่นเป็น
มิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใช้เอทานอล หรือน้ามันเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆ ด้วย ลองสอบถามบริษัทรถเช่าเมื่อ
เดินทางไปถึง
เลือกใช้บริการโรงแรมที่มีสัญลักษณ์สิ่งแวดล้อม เช่น มีมาตรการประหยัดน้า ประหยัดพลังงาน
และมีระบบจัดการของเสีย มองหาป้ายสัญลักษณ์ เช่น โรงแรมใบไม้สีเขียว มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพ
8
เช็กลมยาง การขับรถที่ยางลมมีน้อยอาจทาให้เปลืองน้ามันได้ถึง 3% จากภาวะปกติ
เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล ให้มากขึ้น
โละทิ้งตู้เย็นรุ่นเก่า ตู้เย็นที่ผลิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพราะใช้ไฟฟ้ามากเป็น 2 เท่าของตู้เย็น
สมัยใหม่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟลงได้มาก และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กิโลกรัม
ต่อปี
ยืดอายุตู้เย็นด้วยการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานให้ตู้เย็นด้วยการใช้อย่าง
ฉลาด ไม่นาอาหารร้อนเข้าตู้เย็น หลีกเลี่ยงการนาถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทาให้ตู้เย็นจ่ายความ
เย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร ควรย้ายตู้เย็นออกจากห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ละลายน้าแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็น
ประจา เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้าแข็งเกาะ และทาความสะอาดตู้เย็นทุกสัปดาห์
ริเริ่มใช้พลังงานทางเลือกในอาคารสานักงาน เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานจาก
แสงอาทิตย์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเฉพาะจุด
ใช้แสงแดดให้เป็นประโยชน์ ในการตากเสื้อผ้าที่ซักแล้วให้แห้ง ไม่ควรใช้เครื่องปั่นผ้าแห้งหากไม่
จาเป็น เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า
ใช้น้าประปาอย่างประหยัด เพราะระบบการผลิตน้าประปาของเทศบาลต่างๆ ต้องใช้พลังงาน
จานวนมากในการทาให้น้าสะอาด และดาเนินการจัดส่งไปยังอาคารบ้านเรือน
ติดตั้งฝักบัวอาบน้าที่ปรับความแรงน้าต่าๆ ได้ เพื่อจะได้เปลืองน้าอุ่นน้อยๆ (เหมาะทั้งในบ้านและ
โรงแรม)
ติดตั้งเครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการปลดปล่อย
คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากโรงผลิตกระแสไฟฟ้า
สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle ทั้งในบ้านและอาคารสานักงาน เพื่อให้เกิดการ
ใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดพลังงานในการกาจัดขยะ ลดมลพิษและลดปริมาณการปล่อย
ก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกาจัด
ป้องกันการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ ด้วยการแยกขยะอินทรีย์ เช่น เศษผัก เศษอาหาร ออก
จากขยะอื่นๆ ที่สามารถนาไปรีไซเคิลได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์
ทาหลังคาบ้านด้วยสีอ่อน เพื่อช่วยลดการดูดซับความร้อน
9
นาแสงธรรมชาติมาใช้ในอาคารบ้านเรือน โดยใช้การออกแบบบ้าน และตาแหน่งของช่องแสงเป็น
ปัจจัย ซึ่งจะช่วยลดจานวนหลอดไฟและพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้
ปลูกต้นไม้ในสวนหน้าบ้าน ต้นไม้ 1 ต้น จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน
ปลูกไผ่แทนรั้ว ต้นไผ่เติบโตเร็ว เป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม และยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี
ใช้ร่มเงาจากต้นไม้ช่วยลดความร้อนในตัวอาคารสานักงานหรือบ้านพักอาศัย ทาให้สามารถลด
ความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นการลดการใช้ไฟฟ้า
ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีในสวนไม้ประดับที่บ้าน แต่ขอให้เลือกใช้ปุ๋ยหมักจากธรรมชาติแทน
ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก เพราะถุงพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และ
การเผากาจัดในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธีต้องใช้พลังงานจานวนมาก ซึ่งทาให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มใน
บรรยากาศ
เลือกซื้อสินค้าที่มีหีบห่อน้อยๆ หีบห่อหลายชั้นหมายถึงการเพิ่มขยะอีกหลายชิ้นที่จะต้องนาไป
กาจัด เป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโดยไม่จาเป็น
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเติมใหม่ได้ เพื่อเป็นการลดขยะจากหีบห่อของบรรจุภัณฑ์
ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า เพราะกระบวนการผลิตกระดาษแทบทุกขั้นตอนใช้พลังงานจากน้ามันและ
ไฟฟ้าจานวนมาก
เลือกใช้กระดาษรีไซเคิล กระดาษรีไซเคิลช่วยลดขั้นตอนหลายขั้นตอนในกระบวนการผลิต
กระดาษ
10
ตั้งเป้าลดการผลิตขยะของตัวเองให้ได้ 1 ใน 4 ส่วน หรือมากกว่า เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรและลด
ก๊าซเรือนกระจกได้อีกจานวนมาก เมื่อลองคูณ 365 วัน กับจานวนปีที่เหลือก่อนเกษียณ
สนับสนุนสินค้าและผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่นใกล้บ้าน ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่ต้องขนส่ง
ผลิตผลให้พ่อค้าคนกลางนาไปขายในพื้นที่ไกลๆ
บริโภคเนื้อวัวให้น้อยลง ทานผัก (ปลอดสารพิษ) ให้มากขึ้น ฟาร์มเลี้ยงวัว คือ แหล่งหลักในการ
ปลดปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ หันมารับประทานผักให้มากขึ้น ทานเนื้อวัวให้น้อยลง
ทานสเต๊กและแฮมเบอร์เกอร์ในร้านใหญ่ๆ ให้น้อยลง เพราะอุตสาหกรรมเนื้อระดับนานาชาติ
ผลิตก๊าซเรือนกระจกถึง 18% สาเหตุหลักก็คือไนตรัสออกไซด์จากมูลวัวและมีเทน ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมา
จากลักษณะทางธรรมชาติของวัวที่ย่อยอาหารได้ช้า (มีกระเพาะอาหาร 4 ตอน) มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่
ทาให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า ในขณะที่ไนตรัสออกไซด์ก่อผลได้
มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ 296 เท่า
ชักชวนคนอื่นๆ รอบข้างให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาภาวะโลกร้อน ให้ความรู้ความ
เข้าใจและชักชวนคนใกล้ตัว รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบๆ ตัวคุณ เพื่อขยายเครือข่ายผู้ร่วมหยุดโลกร้อนให้
กว้างขวางขึ้น
ร่วมกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อมในชุมชน แล้วลองเสนอกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้และกระตุ้นให้
เกิดการร่วมมือ เพื่อลงมือทากิจกรรมสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่อง และส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เลือกโหวตแต่พรรคการเมืองที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน จริงใจ และตั้งใจทาจริง เพราะ
นักการเมืองคือคนที่เราส่งไปเป็นตัวแทนทาหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โปรดใช้ประโยชน์จากพวกเขาตาม
สิทธิที่คุณมี ด้วยการเลือกนักการเมืองจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลด
ปัญหาโลกร้อน
ซื้อให้น้อยลง แบ่งปันให้มากขึ้น อยู่อย่างพอเพียง
เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา
ลดการเผาป่าหญ้า ไม้ริมทุ่ง และต้นไม้ชายป่า เพื่อกาจัดวัชพืชและเปิดพื้นที่ทาการเกษตร เพราะ
เป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศจานวนมาก นอกจากนั้นการตัดและเผาทาลายป่ายังเป็น
การทาลายแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สาคัญ
ปลูกพืชผักให้หลากหลายและปลูกตามฤดูกาลในท้องถิ่น เป็นการลดการปลูกพืชผักนอกฤดูกาลที่
ต้องใช้พลังงานเพื่อถนอมอาหาร และผ่านกระบวนการบรรจุเป็นอาหารกระป๋อง
11
รวมกลุ่มสร้างตลาดผู้บริโภค-ผู้ผลิตโดยตรงในท้องถิ่น เพื่อลดกระบวนการขนส่งผ่านพ่อค้าคน
กลาง ที่ต้องใช้พลังงานและน้ามันในการคมนาคมขนส่งพืชผักผลไม้ไปยังตลาด
ลดการใช้สารเคมีในการเกษตร นอกจากจะเป็นการลดปัญหาการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่
บรรยากาศโลกแล้ว ในระยะยาวยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต และทาให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น
โปรดปรึกษาและเรียนรู้จากกลุ่มเกษตรกรทางเลือกที่มีอยู่เป็นจานวนมากในประเทศไทย
สถาปนิกและนักออกแบบ
ออกแบบพิมพ์เขียวบ้านพักอาศัยที่สามารถช่วย "หยุดโลกร้อน" การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก
โดยคิดถึงการติดตั้งระบบการใช้พลังงานที่ง่าย ไม่จาเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสูงๆ แต่ใช้งานได้จริง ลองคิดถึง
วิธีการที่คนรุ่นปู่ย่าใช้ในการสร้างบ้านสมัยก่อน ซึ่งมีการพึ่งพาทิศทางลม การดูทิศทางการขึ้น-ตกของดวง
อาทิตย์ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานในบ้านได้ถึง 40%
ช่วยออกแบบสร้างบ้านหลังเล็ก บ้านหลังเล็กใช้พลังงานน้อยกว่าบ้านหลังใหญ่ และใช้วัสดุ
อุปกรณ์การก่อสร้างน้อยกว่า
สื่อมวลชน นักสื่อสารและโฆษณา
ใช้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเพื่อให้ความรู้ และสร้างความตระหนักกับสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหา
ภาวะโลกร้อน และทาให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นของท้องถิ่น
สร้างความสนใจกับสาธารณชน เพื่อทาให้ประเด็นโลกร้อนอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอย่าง
ต่อเนื่อง
ช่วยกันเล่าความจริงเรื่องโลกร้อน โปรดช่วยกันสื่อสารให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจสถานการณ์
จริงที่เกิดขึ้น
เป็นผู้นากระแสของสังคมเรื่องชีวิตที่พอเพียง ต้นตอหนึ่งของปัญหาโลกร้อนก็คือกระแสการ
บริโภคของผู้คน ทาให้เกิดการบริโภคทรัพยากรจานวนมหาศาล ชีวิตที่ยึดหลักของความพอเพียง โดยมีฐาน
ของความรู้และคุณธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงน่าจะเป็นหนทางป้องกันและลดปัญหาโลก
ร้อนที่สังคมโลกกาลังเผชิญหน้าอยู่
ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อร่วมรับผิดชอบสังคม ออกแบบงานโฆษณาที่สอดแทรกประเด็นปัญหา
ของภาวะโลกร้อนอย่างมีรสนิยม เรื่องที่เป็นจริงและไม่โกหก
12
ครู อาจารย์
สอนเด็กๆ ในขั้นเรียน เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน
ใช้เทคนิคการเรียนรู้หลากหลายจากกิจกรรม ดีกว่าสอนโดยให้เด็กฟังครูพูดและท่องจาอย่าง
เดียว
นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกร
ค้นคว้าวิจัยหาแนวทางและเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการลดการปลดปล่อยก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์
ศึกษาและทาวิจัยในระดับพื้นที่ เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อ
พื้นที่เสี่ยงของประเทศไทย
ประสานและทางานร่วมกับนักสื่อสารและโฆษณา เพื่อแปลงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปสู่การรับรู้
และเข้าใจของประชาชนในสังคมวงกว้าง
นักธุรกิจ อุตสาหกรรมและบริการ
นาก๊าซมีเทนจากกองขยะมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ด้วยการลงทุนพัฒนาให้เป็นพลังงานทดแทน
ที่มีประสิทธิภาพ แต่มีต้นทุนต่า
สนับสนุนนักวิจัยในองค์กร ค้นคว้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีประสิทธิภาพในการ
ลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
เป็นผู้นาของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม หากยังไม่มีใครเริ่มต้นโครงการที่ช่วย
หยุดปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง ก็จงเป็นผู้นาเสียเอง
สร้างแบรนด์องค์กรที่เน้นการดูแลและใส่ใจโลก ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็น
การสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความรับผิดชอบที่มาจากภายในองค์กร
นักการเมือง ผู้ว่าราชการฯ และรัฐบาล
วางแผนการจัดหาพลังงานในอนาคต รัฐจาเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อมุ่งจัดการแก้ไข
ปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่มองไปข้างหน้าอย่างน้อยที่สุด 50 ปี
13
สนับสนุนให้มีการพัฒนาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัย และ
การพัฒนาระบบให้มีต้นทุนต่าและคุ้มค่าในการใช้งาน
สนับสนุนกลไกต่างๆ สาหรับพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับปรุงเทคโนโลยีและ
การลดต้นทุน
สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน รัฐบาลควร
หามาตรการที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เช่น พลังงาน
แสงอาทิตย์ พลังงานลม เพื่อให้สามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมพลังงานอื่นๆ ที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิง
ฟอสซิล ที่เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ
มีนโยบายทางการเมืองที่ชัดเจนในการสนับสนุนการ "หยุดภาวะโลกร้อน" เสนอต่อประชาชน
สนับสนุนโครงสร้างทางกายภาพ เมื่อประชาชนตระหนักและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการลด
การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น จัดการให้มีโครงข่ายทางจักรยานที่ปลอดภัยให้กับประชาชนในเมือง
สามารถขับขี่จักรยาน ลดการใช้รถยนต์
ลดจานวนรถยนต์ส่วนตัวบนถนนในกรุงเทพมหานครอย่างจริงจัง ด้วยการสนับสนุนระบบขนส่ง
มวลชนที่มีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมเครือข่ายการตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกรทางเลือก เกษตรกรจานวนมากเป็นตัวอย่างที่ดี
ของการลดปัญหาโลกร้อน ด้วยการลดและเลิกการใช้สารเคมีที่ทาให้เกิดการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่
บรรยากาศโลก ซึ่งการส่งเสริมการตลาดสีเขียวด้วยการสร้างเครือข่ายการตลาดที่กระจายศูนย์ไปสู่กลุ่ม
จังหวัดหรือภูมิภาค จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการขนส่งผลผลิตไปยังตลาดไกลๆ
อีกด้วย
ริเริ่มอย่างกล้าหาญกับระบบพลังงานแบบกระจายศูนย์ เพื่อลงทุนกับทางเลือกและทางรอดใน
ระยะยาว
พิจารณาใช้กฎหมายการเก็บภาษีเป็นเครื่องมือในการควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะ
คาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) สาหรับภาคอุตสาหกรรม
เปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บภาษี นั่นคือการสร้างระบบการจัดเก็บภาษีที่สามารถสะท้อนให้เห็น
ต้นทุนทางอ้อมจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งทาให้สังคมต้องแบกรับภาระนั้นอย่างชัดเจน เช่น
ภาษีที่เรียกเก็บจากถ่านหิน ก็จะต้องรวมถึงต้นทุนในการดูแลรักษาสุขภาพที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากปัญหามลพิษ
และต้นทุนความเสียหายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
ปฏิรูปภาษีสิ่งแวดล้อม เป็นก้าวต่อไปที่ท้าทายของนักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
14
อย่างใหญ่หลวงในการปรับเปลี่ยนและสร้างจิตสานึกใหม่ให้สังคม การเพิ่มการจัดเก็บภาษีสาหรับกิจกรรมที่มี
ผลทาลายสภาพแวดล้อมให้สูงขึ้นเป็นการชดเชย เช่น กิจกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอน ภาษีจากกองขยะ
ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกนาแนวคิดนี้ไปใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 ปัจจุบัน
นี้ประเทศใหญ่ๆ ในสหภาพยุโรปก็ร่วมดาเนินการด้วย และพบว่าการปรับเปลี่ยนระบบการจัดเก็บภาษี
ดังกล่าว ไม่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนระดับการจัดเก็บภาษี หากแต่มีผลกับโครงสร้างของระบบภาษีเท่านั้น
กาหนดทิศทางประเทศให้มุ่งสู่แนวทางของการดาเนินชีวิตอย่างพอเพียง ที่สามารถยืนหยัดอยู่
รอดอย่างเข้มแข็งในสังคมโลก เริ่มต้นด้วยการใส่ประโยคที่ว่า ประเทศไทยจะต้องยึดหลักเศรษฐกิจตามแนว
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแกนหลักของการพัฒนาประเทศไว้ใน
รัฐธรรมนูญได้หรือไม่
๑. ปัญหาการใช้กระดาษ
ลดการใช้กระดาษ เท่ากับ ลดการตัดต้นไม้
ปัญหาน้าท่วมที่ผ่านมาของประเทศไทยเรา หลายๆ หน่วยงานให้ความคิดเห็นตรงกันว่า ปัญหามาจากการตัดไม้
ทาลายป่า ซึ่งทาให้ป่า ไม่สามารถกักเก็บน้าได้ ทาให้น้าท่วมเกือบทั้่งประเทศไทยของเราเลย หลายๆ แห่งก็ต้องใช้
เวลาในการแก้ไขปัญหาอยู่หลายเดือน แต่คุณคิดไหมว่า หลังจากนี้เป็นต้นไม้ ปัญหานี้จะแก้ไขได้อย่างไร แล้วปัญหา
การตัดไม้ ทาลายป่า จะแก้ไขได้ด้วยวิธีใด อย่างหนึ่งที่ผมคิดออกก็คือ การลดความต้องการการใช้ไม้ โดยเฉพาะการ
นาเยื่อไม้มาทาเป็นกระดาษ การลดการใช้กระดาษ ก็คือการลดการตัดต้นไม้ที่ต้นตออย่างหนึ่งเหมือนกัน
ลดการใช้กระดาษ อีกหนึ่งทางในการประหยัดเงิน และลดการต้นไม้ได้อีกด้วย
ทิป การใช้งานกระดาษให้คุ้มค่า และประหยัดสุดๆ
ทิปประหยัดกระดาษ สาหรับสานักงาน หรือออฟฟิคทั่วไป
 ใช้กระดาษให้ครบทั้งสองหน้า โดยเฉพาะกับสานักงาน
 ลดการพิมพ์ ใช้ไฟล์อีเล็คทรอนิกส์แทน เช่น ไฟล์ PDF เป็นต้น ส่งต่อถึงกัน
 เครื่องแฟ๊กซ์ หลีกเลี่ยงการส่งกระดาษปะหน้า (เสียกระดาษเพิ่มอีกหนึ่งใบ)
 ส่งข้อความ หรือประกาศ ด้วยอีเมล แทนการพิมพ์
 ถ้าจาเป็นต้องพิมพ์อีเมลออกมาทางกระดาษ แนะนาให้ลบส่วนต่างๆ ที่ไม่จาเป็นออก โดยเฉพาะรูปภาพ
เพราะจะประหยัดหมึกได้มาก
 หลีกเลี่ยง การถ่ายเอกสารซ้า เพื่อสาเนาให้แต่ละแผนก แนะนาให้พิมพ์ชุดเดียว และใช้การส่งต่อแทน
(ประหยัดได้มาก)
 งานสังสรรค์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้จานกระดาษ ถ้วยกระดาษ ใช้พลาสติกแทนดีกว่า ใช้ซ้าได้
 หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร สามารถนาไปขายต่อ หรือพับเป็นถุงกระดาษได้
 หนังสือพิมพ์ สามารถขุบน้า เช็คกระดาษได้ใสแจ๋วไปเลย
 สนับสนุนองค์กรที่มีการนากระดาษมาใช้ซ้า
15
นอกเหนือจากกระดาษแล้ว ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทาจากต้นไม้จริงก็จะยิ่งดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ โต๊ะ
ทางาน หรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทาจากไม้ แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การปลุกต้นไม้ทดแทนก็ควรจะต้องทาร่วมกันด้วย
แต่ต้องปลูกเพิ่มหลายๆ เท่าตัวหน่อย เพราะกว่าต้นไม้ต้นหนึ่งจะเจริญเติบโตได้ ก็ต้องใช้เวลานานหลายๆ ปี เลย
ทีเดียว
๒. โคมไฟ
โคมไฟฟ้าทาหน้าที่บังคับทิศทางแสงของหลอดให้ไปในทิศทางที่ต้องการ โคมไฟฟ้ามีใช้กันมากมายหลายชนิด
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน สาหรับโคมไฟฟ้ากับการประหยัดพลังงาน จาเป็นต้องเลือกโคมไฟฟ้าที่สามารถประหยัดพลังงาน
และมีคุณภาพที่ดีต้องได้รับมาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ด้วย
๓. ความสัมพันธ์ของกระดาษและต้นไม้
วัตถุดิบที่สาคัญในกระบวนการผลิตกระดาษคือ เยื่อกระดาษ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากไม้โดยเริ่มต้นจาก
การตัดไม้ที่ได้อายุ และ ขนาดตามความต้องการจากป่า ขนส่งลาเลียงเข้าสู่โรงงานในลักษณะของไม้ซุง แล้ว
เข้าสู่กระบวนการลอกเปลือก (debarking) จากนั้นเป็นการสับย่อยไม้เป็นชิ้นเล็กๆ (chipping) ปัจจุบันนี้ใน
ต่างประเทศมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถ ถอนต้นไม้ทั้งต้นแล้วป้อนเข้าเครื่องสับออกมาเป็นชิ้นไม้ได้ทันที
วิธีนี้จะทาได้ในป่าและช่วยให้ใช้ไม้ได้ทั้งกิ่ง ก้าน และยอด ไม่มีเศษเหลือทิ้งเหมือนการตัดซุง แต่การสับไม้ทั้ง
ต้นนี้มีข้อเสียตรงที่มีเปลือกไม้ปนเข้าสู่กระบวนการต้ม เยื่อ ซึ่งทาให้เกิด ปัญหาในการฟอกเยื่อ
 การผลิตกระดาษมีหลายวิธี จาแนกออกเป็นวิธีกว้างๆ ได้ดังนี้
 การผลิตเยื่อกระดาษโดยวิธีทางกล (mechanical pulping)
ใช้หลักการบดไม้ให้ป่น เป็นเยื่อด้วยเครื่องมือแบบต่างๆ กัน เช่น ใช้หินบด เรียกว่า stone
groundwood pulping ใช้จานหรือเฟืองบด เรียกว่า refiner groundwood pulping ใช้ความร้อนช่วย
ขณะที่ใช้จานหรือเฟืองบดเรียกว่า thermomechanical pulping
 การผลิตเยื่อกระดาษโดยวิธีกึ่งเคมี (semichemical pulping)
เป็นการผลิตเยื่อโดยใช้กระบวนการสองขั้นตอน โดยที่กระบวนการเคมีจะใช้สารเคมีน้อยกว่าวิธี
ทางเคมี และกระบวนการทางกลจะใช้การบดที่แยกเส้นใย ออกเท่านั้น เยื่อที่ได้มักจะมีลิกนินเหลืออยู่
ครึ่งหนึ่งของปริมาณที่มีอยู่ในวัตถุดิบ การผลิตเยื่อโดยวิธีนี้จะเรียกว่า chemimechanical pulping หรือ
chemithermomechanical pulping ก็ได้
 การผลิตเยื่อกระดาษโดยวิธีเคมี (chemical pulping)
เป็นการผลิตเยื่อโดยใช้สารเคมีสกัดลิกนิน และส่วนประกอบทางเคมีอื่นๆ ออกจากเนื้อไม้ให้มาก
ที่สุดเหลือไว้แต่เซลลูโลส สารเคมีที่ใช้มีหลายชนิด และเรียกชื่อกรรมวิธีต่างๆ กัน ตามชนิดของสารเคมีที่ใช้
เช่น sulphate pulping, sulphite pulping, soda pulping เยื่อที่ได้จะมีคุณภาพดีกว่าเยื่อชนิด อื่นๆ
ทางด้านความเหนียวและปฏิกิริยาตอบต่อการฟอกสี แต่ผลผลิตเยื่อจะต่ากว่า ขึ้นอยู่กับปริมาณของเซลลูโลส
ที่มีอยู่ในวัตถุดิบ
16
เยื่อกระดาษที่ได้จากกรรมวิธีดังกล่าวมาแล้ว ถ้าต้องการนาไปใช้ทากระดาษที่มีสีขาวก็ต้องผ่าน
กระบวนการฟอกเยื่อ โดยใช้สารเคมีจาพวก ผงฟอกสี เช่น ไฮโปรคลอไรต์ (hypochlorite) คลอรีนได
ออกไซด์ (chlorinedioxide) ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (hydrogenperoxide)
การผลิตกระดาษได้ จากการนาเยื่อ กระดาษหลายชนิด ในอัตราส่วนที่เหมาะสมมาผสมกันในน้า
เพื่อให้ได้กระดาษคุณภาพตามต้องการ ก่อนการผสมเยื่อต้องบดเยื่อแต่ละ ชนิดให้เส้นใย แตกแขนงสาหรับ
จับสานกัน แล้วกวนเยื่อผสมให้กระจายตัวสม่าเสมอ ถ้าจะเติมสารเคมีบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพของ
กระดาษ (fillers, sizings, wet-strength resin) ก็ทาได้ในขั้นตอนนี้ ผ่านเยื่อผสมนี้ไปตามตะแกรงลวดซึ่ง
เคลื่อนที่ ส่วนที่เป็นน้าจะไหลผ่านตะแกรง เหลือเยื่อจับตัวสานกัน เป็นแผ่น แล้วผ่านเข้าลูกอบทาให้แห้ง จะ
ได้กระดาษตามต้องการ
คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยปีละ 3.9 ล้านตัน หรือ คนละประมาณ 60 กิโลกรัมต่อปี ดังนั้นเพื่อ
ตอบสนองความต้องการต่อการใช้กระดาษของคนไทย จะต้องตัดต้นไม้ถึง 66.3 ล้านต้นต่อปี หรือเท่ากับว่า
ทุกๆ นาที ต้นไม้ 126 ต้นจะถูกโค่นลง
กระดาษเก่า 1 ตัน สามารถทดแทนการตัดต้นไม้เพื่อมาทาเป็นกระดาษได้ถึง 15 ต้น หากคนไทยทุก
คนใช้กระดาษอย่างประหยัด โดยการใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า จะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ถึง 1.3 ล้านต้น หาก
คนไทยทุกคนหันมาใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้กระดาษทิชชู เพื่อจะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ 3,315,000 ต้น
กระดาษมีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตประจาวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ยิ่งมีความต้องการกระดาษมาก
ขึ้นเท่าใด เราก็ต้องตัดต้นไม้หรือถากถางพื้นที่ป่า เพื่อปลูกต้นไม้โตเร็วสาหรับนาเยื่อไม้มาทากระดาษมากขึ้น
เท่านั้น หากแต่ทุกวันนี้คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยคนละ 60 กิโลกรัม ต่อปี และมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่ว
ประเทศมีความต้องการกระดาษทุกชนิดรวมกันประมาณ 3.25 ล้านตันต่อปี ในขณะที่มีกาลังผลิต 4 ล้านตัน
ต่อปี
ในกระบวนการผลิตกระดาษ 1 ตันต้องใช้ต้นไม้มากถึง 17 ต้น ใช้กระแสไฟฟ้ามากถึง 4,100
กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ใช้น้าถึง 31,500 ลิตร และปล่อยคลอรีนที่ใช้ในการฟอกกระดาษเป็นของเสียกว่า 7
กิโลกรัม นั่นหมายความว่า ในการสนองตอบความต้องการใช้กระดาษของคนไทยให้เพียงพอ เราต้องตัด
ต้นไม้ถึงปีละประมาณ 55 ล้านต้น
สาหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า 1 กิโลวัตต์ ชั่วโมง จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.71 กิโลกรัม
และต้นไม้ 1 ต้นดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 15 กิโลกรัม ทว่าในความเป็นจริงแล้วเราทุกคน
สามารถช่วยกันลดการตัดต้นไม้ รวมทั้งการใช้น้าและพลังงานไฟฟ้าในการผลิตกระดาษลงได้ ด้วยการนา
กระดาษที่ใช้แล้วหมุนเวียนกลับมาผลิตเป็นกระดาษใหม่ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 50 ซึ่ง
เป็นการช่วยลดปัญหาโลกร้อนไปในตัว รวมทั้งช่วยลดปริมาณขยะในสานักงาน บ้านเรือน และ
กรุงเทพมหานครลงด้วย
ในบรรดาขยะที่คนไทยเราทิ้งกันทุกวันนี้เฉลี่ยคนละ 1 กิโลกรัมต่อวัน คิดขยะทั่วประเทศวันละ
40,000 ตัน หรือปีละ 14.6 ล้านตัน เฉพาะในกรุงเทพมหานครมีขยะเกือบ 10,000 ตันต่อวัน แต่สานักงาน
กรุงเทพมหานครจัดเก็บได้ไม่หมด คงเหลือตกค้างตามที่ต่างๆ ส่งผลต่อสุขภาพอนามัยและเป็นมลภาวะต่อ
สภาพแวดล้อม
ทั้งนี้ ในกองขยะทั่วไป เกือบครึ่งหนึ่งเป็นขยะที่มีราคาสามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งแยกเป็น
17
กระดาษ 19% พลาสติก 13% แล้ว 8% โลหะ 5% จะเห็นว่าขยะกระดาษ มีจานวนมากที่สุด คิดเป็นขยะที่
เกิดขึ้นทั่วประเทศ ประมาณ 2.47 ล้านตัน ซึ่งเศษกระดาษเหล่านี้ ควรถูกรวบรวมป้อนให้แก่โรงงานผลิต
กระดาษ เพื่อนาไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษรีไซเคิล ซึ่งโรงงานผลิตกระดาษมีความต้องการเศษ
กระดาษปีละ 2.5 ล้านตัน แต่เรากลับสามารถหาเศษกระดาษภายในประเทศป้อนโรงงานได้ไม่ถึงร้อยละ 50
ที่เหลือต้องนาเข้าเศษกระดาษจากต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่ประเทศไทยต้องนาเข้าเศษกระดาษ
กว่าปีละ 1 ล้านตัน ทั้งๆ ที่มีขยะกระดาษภายในประเทศถึงปีละ 2.7 ล้านตัน
ดังนั้นทางที่ดีที่จะทาให้มีการนากระดาษใช้แล้วมาหมุนเวียนผลิตมาใช้ใหม่ (Recycle) มีปริมาณมาก
ขึ้นก็คือ การรวบรวมเศษกระดาษใช้แล้วในสานักงานและบ้านเรือน โดยแยกแยะเศษกระดาษเหล่านี้ออกจาก
ขยะชนิดอื่นเพื่อสะดวกในการจัดเก็บและนากลับไปรีไซเคิล เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในทาง
เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ
แนวทางการดาเนินงาน
1. กาหนดหัวข้อเรื่อง
1.1 ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อที่จะศึกษาถึงเรื่องที่จะทา
1.2 วางแผนในการปฏิบัติ
1.3 แหล่งสืบค้นข้อมูล
1.3.1ไปศึกษาในห้องสมุด
1.3.2 ไปศึกษาตามสื่อ VDO ต่างๆ
1.3.3 ไปศึกษาใน Internet
2. รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ศึกษามาสรุปและวิเคราะห์
3. นาข้อมูลที่ได้มาจัดทาในรูปแบบ Microsoft word
4. นาข้อมูลที่ได้มาจัดทาในรูปแบบ Microsoft Power Point-[งานนาเสนอ]
5. นาไปให้อาจารย์ดูเพื่อทาการแก้ไขให้ถูกต้อง
6. นาไฟล์งานไปแปลงใน Slide share
7. นาไปโพสลงในบล็อกของตัวเอง
18
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. อินเทอร์เน็ต
งบประมาณ
50-100 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดั
บ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอ
บ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข้อโครงงาน จุฬาลักษณ์
2 ศึกษาและค้นคว้า
ข้อมูล
จุฬาลักษณ์
3 จัดทาโครงร่างงาน จุฬาลักษณ์
4 ปฏิบัติการสร้าง
โครงงาน
จุฬาลักษณ์
5 ปรับปรุงทดสอบ จุฬาลักษณ์
6 การทาเอกสารรายงาน จุฬาลักษณ์
7 ประเมินผลงาน จุฬาลักษณ์
8 นาเสนอโครงงาน จุฬาลักษณ์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อคิดค้นโครงงานการลดปัญหาโลกร้อนโดยการประดิษฐ์โคมไฟจากเศษกระดาษ
2. เพื่อช่วยลดสภาวะโลกร้อนโดยวิธีการลดปริมาณขยะ
3. เพื่อฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
4. เพื่อสามารถนาประโยชน์ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
19
สถานที่ดาเนินการ
1. ห้องคอมพิวเตอร์
2. ห้องสมุด
3. บ้าน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1. วิชาเทคโนโลยีและสารสนเทศ
2. วิชาการงาน
3. วิชาคอมพิวเตอร์
4. วิชา IS
แหล่งอ้างอิง
ศิริลักษณ์ วงษ์วิจิตสุข, และฉัตรปวีณ์ จรัสวราวัฒน์. (2551).F8.โคมไฟถูกและดี ทาได้ง่ายๆในบ้านDIY, 18(2), 26-
31.
เกรียงศักดิ อุดมสินโรจน์ . (2542).เปิดประตูสู่โลกไม่มีต้นไม้. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สยามสเตชั่นเนอรี่ซัพ
พลายส์.
สาธิต บุษบก. (22 มิถุนายน 2552). ภาวะโลกร้อนอยู่แค่เอื้อม. ไทยรัฐ, หน้า 5.

More Related Content

Similar to เค้าโครงร่างโครงงาน

The butterfly-effect
The butterfly-effectThe butterfly-effect
The butterfly-effectKPainapa
 
โครงงานคอมคู่
โครงงานคอมคู่โครงงานคอมคู่
โครงงานคอมคู่0866589628
 
Save wolrdsaveenergy com58projectf1
Save wolrdsaveenergy   com58projectf1Save wolrdsaveenergy   com58projectf1
Save wolrdsaveenergy com58projectf1parwaritfast
 
โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)
โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)
โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)Prapatsorn Chaihuay
 
งานเดี่ยวคอม (1)
งานเดี่ยวคอม (1)งานเดี่ยวคอม (1)
งานเดี่ยวคอม (1)0866589628
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Nuntachat Sangtong
 
Jern (1)
Jern (1)Jern (1)
Jern (1)KUMBELL
 
ภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อนภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อนbambam bam
 
ใบงานที่ 5 โครงงาน
ใบงานที่ 5 โครงงานใบงานที่ 5 โครงงาน
ใบงานที่ 5 โครงงานThanatchaporn Phookham
 
โครงงาน ปัญหาที่มากับฝน
โครงงาน ปัญหาที่มากับฝนโครงงาน ปัญหาที่มากับฝน
โครงงาน ปัญหาที่มากับฝนPloy Pony
 
Save wolrdsaveenergy com58projectf
Save wolrdsaveenergy   com58projectfSave wolrdsaveenergy   com58projectf
Save wolrdsaveenergy com58projectfparwaritfast
 
Save wolrdsaveenergy com58projectf
Save wolrdsaveenergy   com58projectfSave wolrdsaveenergy   com58projectf
Save wolrdsaveenergy com58projectfparwaritfast
 

Similar to เค้าโครงร่างโครงงาน (20)

The butterfly-effect
The butterfly-effectThe butterfly-effect
The butterfly-effect
 
โครงงานคอมคู่
โครงงานคอมคู่โครงงานคอมคู่
โครงงานคอมคู่
 
Save wolrdsaveenergy com58projectf1
Save wolrdsaveenergy   com58projectf1Save wolrdsaveenergy   com58projectf1
Save wolrdsaveenergy com58projectf1
 
โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)
โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)
โครงงานกล่องแฟนซีรีไซเคิล (Recycle Fancy Box)
 
Global warming
Global warmingGlobal warming
Global warming
 
งานเดี่ยวคอม (1)
งานเดี่ยวคอม (1)งานเดี่ยวคอม (1)
งานเดี่ยวคอม (1)
 
Global warmin-t
Global warmin-tGlobal warmin-t
Global warmin-t
 
ภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อนภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Work1
Work1Work1
Work1
 
Jern (1)
Jern (1)Jern (1)
Jern (1)
 
Jern
JernJern
Jern
 
Com
ComCom
Com
 
ภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อนภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน
 
ใบงานที่ 5 โครงงาน
ใบงานที่ 5 โครงงานใบงานที่ 5 โครงงาน
ใบงานที่ 5 โครงงาน
 
โครงงาน ปัญหาที่มากับฝน
โครงงาน ปัญหาที่มากับฝนโครงงาน ปัญหาที่มากับฝน
โครงงาน ปัญหาที่มากับฝน
 
Save wolrdsaveenergy com58projectf
Save wolrdsaveenergy   com58projectfSave wolrdsaveenergy   com58projectf
Save wolrdsaveenergy com58projectf
 
Save wolrdsaveenergy com58projectf
Save wolrdsaveenergy   com58projectfSave wolrdsaveenergy   com58projectf
Save wolrdsaveenergy com58projectf
 
1800
18001800
1800
 
2558 project
2558 project 2558 project
2558 project
 

More from Jah Jadeite

เค้าโครงร่างงานคู่
เค้าโครงร่างงานคู่เค้าโครงร่างงานคู่
เค้าโครงร่างงานคู่Jah Jadeite
 
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพJah Jadeite
 
เค้าโครงร่างอีฟ
เค้าโครงร่างอีฟเค้าโครงร่างอีฟ
เค้าโครงร่างอีฟJah Jadeite
 
เค้าโครงร่างคู่คอม
เค้าโครงร่างคู่คอมเค้าโครงร่างคู่คอม
เค้าโครงร่างคู่คอมJah Jadeite
 
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่งแบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่งJah Jadeite
 
เค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋าเค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋าJah Jadeite
 
โครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋าโครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋าJah Jadeite
 

More from Jah Jadeite (8)

เค้าโครงร่างงานคู่
เค้าโครงร่างงานคู่เค้าโครงร่างงานคู่
เค้าโครงร่างงานคู่
 
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
 
เค้าโครงร่างอีฟ
เค้าโครงร่างอีฟเค้าโครงร่างอีฟ
เค้าโครงร่างอีฟ
 
เค้าโครงร่างคู่คอม
เค้าโครงร่างคู่คอมเค้าโครงร่างคู่คอม
เค้าโครงร่างคู่คอม
 
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่งแบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
 
เค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋าเค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋า
 
โครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋าโครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋า
 
Pat7.4 ch 53_1
Pat7.4 ch 53_1Pat7.4 ch 53_1
Pat7.4 ch 53_1
 

เค้าโครงร่างโครงงาน

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2558 ชื่อโครงงาน โคมไฟจากกระดาษเหลือใช้ ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว จุฬาลักษณ์ พัฒนิ่ม เลขที่ 24 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม นางสาว จุฬาลักษณ์ พัฒนิ่ม เลขที่ 24 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 ชื่อโครงงาน โคมไฟจากกระดาษเหลือใช้ ชื่อโครงงาน Safe your world ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทประดิษฐ์ ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว จุฬาลักษณ์ พัฒนิ่ม เลขที่ 24 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน 30 กันยายน – 10 ตุลาคม พ.ศ 2558 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน ปัจจุบันได้เกิดภาวะโลกร้อน(Global Warming) ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศ ของโลก ทาให้อุณหภูมิภายในโลกสูงขึ้นเป็นเหตุให้ฤดูกาลทั่วโลกเปลี่ยนไปและก๊าซที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการเผา ผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล ภาวะโลกร้อนหรือภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง(Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลก ในปัจจุบัน สังเกตได้จากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น มีสาเหตุหลักของมาจากก๊าซเรือนกระจก ปรากฏการณ์เรือนกระจก มีความสาคัญกับโลกเพราะก๊าซจาพวกคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทนจะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลกไม่ให้ สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสี ความร้อนหรือรังสีอินฟาเรดได้ดี ก๊าซเหล่านี้มีความจาเป็นต่อการรักษาอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกให้คงที่โดย จะต้องเป็นก๊าซที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ (anthropogenic greenhouse gas emission) เท่านั้น ได้แก่ ก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์(N20) ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน(HFC) ก๊าซเพอร์ ฟลูออโรคาร์บอน(PFC) และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์(SF6) ทั้งนี้ ยังมีก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของ มนุษย์ที่สาคัญอีกชนิดหนึ่ง คือ สารซีเอฟซี(CFC หรือ Chlorofluorocarbon) ซึ่งใช้เป็นสารทาความเย็นและใช้ในการ ผลิตโฟม ขยะต่างๆก็เป็นสาเหตุของการเกิดสภาวะโลกร้อนเพราะขยะนั้นจะถูกกาจัดโดยการเผาไหม้และการที่เราทิ้ง ขยะโดยไม่คัดแยกขยะทาให้เกิดปริมาณขยะเพิ่มมากขึ้น หากเราสามารถลดปริมาณขยะได้ก็จะช่วยลดภาวะโลกร้อน ได้ ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะ หรือการนาขยะมารีไซเคิล คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยปีละ 3.9 ล้านตัน หรือ คนละประมาณ 60 กิโลกรัมต่อปี ดังนั้นเพื่อตอบสนองความ ต้องการต่อการใช้กระดาษของคนไทย จะต้องตัดต้นไม้ถึง 66.3 ล้านต้นต่อปี หรือเท่ากับว่าทุกๆ นาที ต้นไม้ 126 ต้น จะถูกโค่นลงกระดาษเก่า 1 ตัน สามารถทดแทนการตัดต้นไม้เพื่อมาทาเป็นกระดาษได้ถึง 15 ต้น หากคนไทยทุกคน ใช้กระดาษอย่างประหยัด โดยการใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า จะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ถึง 1.3 ล้านต้น หากคนไทยทุกคน หันมาใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้กระดาษทิชชู เพื่อจะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ 3,315,000 ต้นกระดาษมีส่วนสัมพันธ์กับ ชีวิตประจาวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ยิ่งมีความต้องการกระดาษมากขึ้นเท่าใดเราก็ต้องตัดต้นไม้หรือถากถางพื้นที่ ป่าเพื่อปลูกต้นไม้โตเร็วสาหรับนาเยื่อไม้มาทากระดาษมากขึ้นเท่านั้น หากแต่ทุกวันนี้คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยคนละ 60 กิโลกรัม ต่อปี และมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่วประเทศมีความต้องการกระดาษทุกชนิดรวมกันประมาณ 3.25 ล้านตันต่อปี ในขณะที่มีกาลังผลิต 4 ล้านตันต่อปีในกระบวนการผลิตกระดาษ 1 ตันต้องใช้ต้นไม้มากถึง 17 ต้น ใช้
  • 3. 3 กระแสไฟฟ้ามากถึง 4,100 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ใช้น้าถึง 31,500 ลิตร และปล่อยคลอรีนที่ใช้ในการฟอกกระดาษเป็น ของเสียกว่า 7 กิโลกรัม นั่นหมายความว่า ในการสนองตอบความต้องการใช้กระดาษของคนไทยให้เพียงพอ เราต้อง ตัดต้นไม้ถึงปีละประมาณ 55 ล้านต้น กระดาษเป็นขยะที่มีมากและใกล้ตัวทางผู้จัดทาจึงต้องการเริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัวสิ่งนี้ไปนาให้ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ โดย เพิ่มเติมความคิดสร้างสรรค์ ประดิษฐ์โคมไฟจากกระดาษ เป็นการฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และบูรณา การณ์กับวิชาต่างๆ เพื่อให้เกิดชิ้นงานที่ช่วยลดโลกร้อน โดยการนาขยะมารีไซเคิล สร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณภาพ สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้จริง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี ฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเอง หรือร่วมกัน 2. เพื่อศึกษา ค้นคว้า และแก้ปัญหาจากการทางาน มีบทบาทและส่วนร่วมในการเรียนรู้ 3. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ครูมีหน้าที่ให้คาปรึกษาเท่านั้น 4. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสามารถนาความรุ้ที่ได้ไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้อง ขอบเขตโครงงาน 1. ศึกษาจากสื่อต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับวิธีการทาโคมไฟต่างๆ 2. ศึกษาจาก Internet 3. ศึกษาจากหนังสือ วิชาศิลปะหัตกรรมและหนังสือต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์สิ่งของเหลือใช้ หลักการและทฤษฎี 1. ปัญหาภาวะโลกร้อน ปัจจุบันนี้คาว่า "ภาวะโลกร้อน" เป็นคายอดฮิตที่คุ้นหูคนทั่วโลกกันมากที่สุดคาหนึ่ง เพราะจาก สภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างมากในช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็นฝนหลงฤดู อากาศที่ร้อนจัด หรืออากาศที่หนาว จัดจนทาให้เกิดหิมะตกเป็นครั้งแรกในหลาย ๆ พื้นที่ รวมทั้งภัยธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ กาลังส่งสัญญาณบอกให้เรารู้ว่า "ภาวะโลกร้อน" ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมองข้าม เพิกเฉยไปได้อีกต่อไป วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงมีเรื่องราวของ "ภาวะโลกร้อน" มาบอกต่อให้นาไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ ดีขึ้นในโลกของเรา ภาวะโลกร้อน หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทาให้ภูมิอากาศ เปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อนอาจจะนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝน ระดับน้าทะเล และมีผลกระทบ อย่างกว้างขวางต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ ที่มาของภาวะโลกร้อน ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) คือ การที่ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากผลของภาวะเรือนกระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า Greenhouse Effect โดยภาวะโลกร้อน ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้
  • 4. 4 เชื้อเพลิงต่างๆ, การขนส่ง และการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนั้นมนุษย์เรายังได้เพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์ และคลอโรฟลูโรคาร์บอน (CFC) เข้าไปอีก ด้วยพร้อมๆ กับการที่เราตัดและทาลายป่าไม้จานวนมหาศาลเพื่อสร้างสิ่งอานวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทา ให้กลไกในการดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง และใน ที่สุดสิ่งต่างๆ ที่เราได้กระทาต่อโลกได้หวนกลับมาสู่เราในลักษณะของ ภาวะโลกร้อน ปัจจัยสาคัญที่ทาให้เกิดภาวะโลกร้อน ปรากฏการณ์ทั้งหลายเกิดจากภาวะโลกร้อนขึ้นที่มีมูลเหตุมาจากการปล่อยก๊าซพิษต่าง ๆ จากโรงงาน อุตสาหกรรม ทาให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นที่รู้จักกันโดย เรียกว่า สภาวะเรือนกระจก พลังงานจากดวงอาทิตย์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีทั้งรังสีคลื่นสั้นและคลื่นยาว บรรยากาศของโลกทา หน้าที่ปกป้องรังสีคลื่นสั้นไม่ให้ลงมาทาอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกได้ โมเลกุลของก๊าซไนโตรเจนและ ออกซิเจนในบรรยากาศชั้นบนสุดจะดูดกลืนรังสีแกมมาและรังสีเอ็กซ์จนทาให้อะตอมของก๊าซในบรรยากาศ ชั้นบนมีอุณหภูมิสูง และแตกตัวเป็นประจุ (บางครั้งเราเรียกชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยประจุนี้ว่า "ไอโอโนส เฟียร์" มีประโยชน์ในการสะท้อนคลื่นวิทยุสาหรับการสื่อสาร) รังสีอุลตราไวโอเล็ตสามารถส่องผ่าน บรรยากาศชั้นบนลงมา แต่ถูกดูดกลืนโดยก๊าซโอโซนในชั้นสตราโตสเฟียร์ที่ระยะสูงประมาณ 19 - 48 กิโลเมตร แสงแดดหรือแสงที่ตามองเห็นสามารถส่องลงมาถึงพื้นโลก รังสีอินฟราเรดถูกดูดกลืนโดยก๊าซเรือน กระจก เช่น ไอน้าและคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นโทรโปสเฟียร์ ส่วนคลื่นไมโครเวฟและคลื่นวิทยุในบางความถี่ สามารถส่องทะลุชั้นบรรยากาศได้ สาหรับ บรรยากาศของโลกประกอบด้วยก๊าซไนโตรเจน 78% ก๊าซออกซิเจน 21% ก๊าซอาร์กอน 0.9% นอกนั้นเป็นไอน้า และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จานวนเล็กน้อย แม้ว่าไนโตรเจน ออกซิเจน และ อาร์กอนจะเป็นองค์ประกอบหลักของบรรยากาศ แต่ก็มิได้มีอิทธิพลต่ออุณหภูมิของโลก ในทางตรงกันข้าม ก๊าซโมเลกุลใหญ่ เช่น ไอน้า คาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทน แม้จะมีอยู่ในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย กลับมี ความสามารถในการดูดกลืนรังสีอินฟราเรด และมีอิทธิพลทาให้อุณหภูมิของโลกอบอุ่น เราเรียกก๊าซพวกนี้ว่า "ก๊าซเรือนกระจก" (Greenhouse gas) เนื่องจากคุณสมบัติในการเก็บกักความร้อน หากปราศจากก๊าซเรือน กระจกแล้ว พื้นผิวโลกจะมีอุณหภูมิเพียง -18 องศาเซลเซียส ซึ่งนั่นก็หมายความว่าน้าทั้งหมดบนโลกนี้จะ กลายเป็นน้าแข็ง
  • 5. 5 ก๊าซและสารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ก๊าซและสารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน มีทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก่ ไอน้า (H2O) เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีมากที่สุดบนโลก มีอยู่ในอากาศประมาณ 0- 4% ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และอุณหภูมิ ในบริเวณเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรและชายทะเลจะมีไอน้าอยู่มาก ส่วนในบริเวณเขตหนาว แถบขั้วโลก อุณหภูมิต่า จะมีไอน้าในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย ไอน้าเป็นสิ่งจาเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ไอน้าเป็นส่วนหนึ่ง ของวัฏจักรน้าในธรรมชาติ น้าสามารถเปลี่ยนสถานะไปมาทั้ง 3 สถานะ จึงเป็นตัวพาและกระจายความร้อนแก่ บรรยากาศและพื้นผิว ไอน้าเกิดจากโดยฝีมือมนุษย์ 2 วิธี คือ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงหรือก๊าซธรรมชาติ และจากการหายใจและ คายน้าของสัตว์และพืชในการทาเกษตรกรรม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในยุคเริ่มแรกของโลกและระบบสุริยะ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศถึง 98% เนื่องจากดวงอาทิตย์ ยังมีขนาดเล็กและแสงอาทิตย์ยังไม่สว่างเท่าทุกวันนี้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยทาให้โลกอบอุ่น เหมาะสาหรับเป็น ถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ครั้นกาลเวลาผ่านไปดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่ขึ้น น้าฝนได้ละลายคาร์บอนไดออกไซด์ใน อากาศลงมายังพื้นผิว แพลงก์ตอนบางชนิดและพืชตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ มาสร้างเป็นอาหารโดยการ สังเคราะห์ด้วยแสง ทาให้ภาวะเรือนกระจกลดลง โดยธรรมชาติก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นจากการหลอมละลาย ของหินปูน ซึ่งโผล่ขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ และการหายใจของสิ่งมีชีวิต ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง โรงงานอุตสาหกรรม การเผาป่าเพื่อใช้พื้นที่สาหรับอยู่อาศัยและการทาปศุสัตว์ เป็นต้น โดยการเผาป่าเป็นการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากต้นไม้มีคุณสมบัติในการตรึงก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ไว้ก่อนที่จะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้นเมื่อพื้นที่ป่าลดน้อยลง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จึงลอย ขึ้นไปสะสมอยู่ในบรรยากาศได้มากยิ่งขึ้น และทาให้พลังงานความร้อนสะสมบนผิวโลกและในบรรยากาศเพิ่มขึ้น ประมาณ 1.56 วัตต์/ตารางเมตร (ปริมาณนี้ยังไม่คิดรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นทางอ้อม) เราจะมีส่วนช่วยคลายภาวะโลกร้อนได้อย่างไร? รายงานฉบับล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี (Intergovernment Panel on Climate Change : IPCC) ซึ่งเป็นรายงานที่รวบรวมงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ 2,500 คน จากกว่า 30 ประเทศ และใช้เวลาในการวิจัยถึง 6 ปี ระบุไว้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างน้อย 90% ที่การ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และมนุษย์ถือได้ว่าเป็นตัวการสาคัญของปัญหาโลกร้อนใน ครั้งนี้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทาคู่มือ 80 วิธีหยุด
  • 6. 6 โลกร้อนขึ้นมา เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจาปี 2550 ไว้ดังนี้ ประชาชนทั่วไป ลดการใช้พลังงานในบ้านด้วยการปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ได้ใช้ งาน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับ 1 พันปอนด์ต่อปี ลดการสูญเสียพลังงานในโหมดสแตนด์บาย เครื่องเสียงระบบไฮไฟ โทรทัศน์ เครื่องบันทึกวิดีโอ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และอุปกรณ์พ่วงต่างๆ ที่ติดมาด้วยการดึงปลั๊กออก หรือใช้ปลั๊กเสียบพ่วงที่ตัดไฟด้วยตัวเอง เปลี่ยนหลอดไฟ เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานแบบขดที่เรียกว่า Compact Fluorescent Lightbulb (CFL) เพราะจะกินไฟเพียง 1 ใน 4 ของหลอดไฟเดิม และมีอายุการใช้งานได้นานกว่าหลายปีมาก เปลี่ยนไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่าและประหยัดกว่าหลอดปกติ 40% สามารถหาซื้อ หลอดไฟ LED ที่ใช้สาหรับโคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้นได้ด้วย จะเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการให้มีแสงสว่างส่องทาง เช่น ริมถนนหน้าบ้าน การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี ช่วยกันออกความเห็นหรือรณรงค์ให้รัฐบาลพิจารณาข้อดีข้อเสียของการเรียกเก็บภาษีคาร์บอนกับภาคการ ผลิต ตามอัตราการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลรูปแบบต่างๆ หรือการใช้ก๊าซโซลีน เป็นรูปแบบการใช้ภาษีทาง ตรงที่เชื่อว่า หากโรงงานต้องจ่ายค่าภาษีแพงขึ้นก็จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตลง ซึ่งจะช่วยลด ปริมาณการปล่อย CO2 ลงได้ประมาณ 5% ขับรถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง ด้วยการปั่นจักรยาน ใช้รถโดยสารประจาทาง หรือใช้การเดินแทนเมื่อต้องไป ทากิจกรรมหรือธุระใกล้ๆ บ้าน เพราะการขับรถยนต์น้อยลง หมายถึงการใช้น้ามันลดลง และลดการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ด้วย เพราะน้ามันทุกๆ แกลลอนที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 20 ปอนด์
  • 7. 7 ไปร่วมกันประหยัดน้ามันแบบ Car Pool นัดเพื่อนร่วมงานที่มีบ้านอาศัยใกล้ๆ นั่งรถยนต์ไป ทางานด้วยกัน ช่วยประหยัดน้ามัน และยังเป็นการลดจานวนรถติดบนถนน ช่วยลดการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมด้วย จัดเส้นทางรถรับส่งพนักงาน ถ้าในหน่วยงานมีพนักงานจานวนมากอาศัยอยู่ในเส้นทางใกล้ๆ กัน ควรมีสวัสดิการจัดหารถรับส่งพนักงานตามเส้นทางสาคัญๆ เป็น Car Pool ระดับองค์กร เปิดหน้าต่างรับลมแทนเปิดเครื่องปรับอากาศ ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ ไฟฟ้าเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพราะการจะได้ใบรับรองนั้น จะต้องมีการประเมินสินค้า ตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ ไปตลาดสดแทนซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ซื้อผัก ผลไม้ หมู ไก่ ปลา ในตลาดสดใกล้บ้าน แทนการช็อปปิ้งใน ซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ที่อาหารสดทุกอย่างมีการหีบห่อด้วยพลาสติกและโฟม ทาให้เกิดขยะจานวนมาก เลือกซื้อเลือกใช้ เมื่อต้องซื้อรถยนต์ใช้ในบ้าน หรือรถยนต์ประจาสานักงานก็หันมาเลือกซื้อรถ ประหยัดพลังงาน รวมทั้งเลือกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟ ทั้งในบ้านและอาคารสานักงาน เลือกซื้อรถยนต์ที่มีขนาดตามความจาเป็น โดยพิจารณาจากขนาดครอบครัวและประโยชน์การใช้ งาน รวมทั้งพิจารณารุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อเปรียบเทียบราคา ไม่จาเป็นก็ไม่ต้องเลือกรถโฟว์วีลขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ เพราะกินน้ามันมาก และตะแกรงขน สัมภาระบนหลังคารถก็ไม่ใช่สิ่งจาเป็น เพราะเป็นการเพิ่มน้าหนักรถให้เปลืองน้ามัน ขับรถอย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะทางไกลการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยลดการใช้น้ามันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์แต่ละคันที่ ใช้งานราว 3 หมื่นกิโลเมตรต่อปี ขับรถเที่ยวไปลดคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมกัน เพราะมีบริษัทเช่ารถใหญ่ๆ 2-3 รายมีรถรุ่นเป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใช้เอทานอล หรือน้ามันเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆ ด้วย ลองสอบถามบริษัทรถเช่าเมื่อ เดินทางไปถึง เลือกใช้บริการโรงแรมที่มีสัญลักษณ์สิ่งแวดล้อม เช่น มีมาตรการประหยัดน้า ประหยัดพลังงาน และมีระบบจัดการของเสีย มองหาป้ายสัญลักษณ์ เช่น โรงแรมใบไม้สีเขียว มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพ
  • 8. 8 เช็กลมยาง การขับรถที่ยางลมมีน้อยอาจทาให้เปลืองน้ามันได้ถึง 3% จากภาวะปกติ เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล ให้มากขึ้น โละทิ้งตู้เย็นรุ่นเก่า ตู้เย็นที่ผลิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพราะใช้ไฟฟ้ามากเป็น 2 เท่าของตู้เย็น สมัยใหม่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟลงได้มาก และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กิโลกรัม ต่อปี ยืดอายุตู้เย็นด้วยการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานให้ตู้เย็นด้วยการใช้อย่าง ฉลาด ไม่นาอาหารร้อนเข้าตู้เย็น หลีกเลี่ยงการนาถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทาให้ตู้เย็นจ่ายความ เย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร ควรย้ายตู้เย็นออกจากห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ละลายน้าแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็น ประจา เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้าแข็งเกาะ และทาความสะอาดตู้เย็นทุกสัปดาห์ ริเริ่มใช้พลังงานทางเลือกในอาคารสานักงาน เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานจาก แสงอาทิตย์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเฉพาะจุด ใช้แสงแดดให้เป็นประโยชน์ ในการตากเสื้อผ้าที่ซักแล้วให้แห้ง ไม่ควรใช้เครื่องปั่นผ้าแห้งหากไม่ จาเป็น เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า ใช้น้าประปาอย่างประหยัด เพราะระบบการผลิตน้าประปาของเทศบาลต่างๆ ต้องใช้พลังงาน จานวนมากในการทาให้น้าสะอาด และดาเนินการจัดส่งไปยังอาคารบ้านเรือน ติดตั้งฝักบัวอาบน้าที่ปรับความแรงน้าต่าๆ ได้ เพื่อจะได้เปลืองน้าอุ่นน้อยๆ (เหมาะทั้งในบ้านและ โรงแรม) ติดตั้งเครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการปลดปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากโรงผลิตกระแสไฟฟ้า สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle ทั้งในบ้านและอาคารสานักงาน เพื่อให้เกิดการ ใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดพลังงานในการกาจัดขยะ ลดมลพิษและลดปริมาณการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกาจัด ป้องกันการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ ด้วยการแยกขยะอินทรีย์ เช่น เศษผัก เศษอาหาร ออก จากขยะอื่นๆ ที่สามารถนาไปรีไซเคิลได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทาหลังคาบ้านด้วยสีอ่อน เพื่อช่วยลดการดูดซับความร้อน
  • 9. 9 นาแสงธรรมชาติมาใช้ในอาคารบ้านเรือน โดยใช้การออกแบบบ้าน และตาแหน่งของช่องแสงเป็น ปัจจัย ซึ่งจะช่วยลดจานวนหลอดไฟและพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้ ปลูกต้นไม้ในสวนหน้าบ้าน ต้นไม้ 1 ต้น จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน ปลูกไผ่แทนรั้ว ต้นไผ่เติบโตเร็ว เป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม และยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี ใช้ร่มเงาจากต้นไม้ช่วยลดความร้อนในตัวอาคารสานักงานหรือบ้านพักอาศัย ทาให้สามารถลด ความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นการลดการใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีในสวนไม้ประดับที่บ้าน แต่ขอให้เลือกใช้ปุ๋ยหมักจากธรรมชาติแทน ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก เพราะถุงพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และ การเผากาจัดในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธีต้องใช้พลังงานจานวนมาก ซึ่งทาให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มใน บรรยากาศ เลือกซื้อสินค้าที่มีหีบห่อน้อยๆ หีบห่อหลายชั้นหมายถึงการเพิ่มขยะอีกหลายชิ้นที่จะต้องนาไป กาจัด เป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโดยไม่จาเป็น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเติมใหม่ได้ เพื่อเป็นการลดขยะจากหีบห่อของบรรจุภัณฑ์ ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า เพราะกระบวนการผลิตกระดาษแทบทุกขั้นตอนใช้พลังงานจากน้ามันและ ไฟฟ้าจานวนมาก เลือกใช้กระดาษรีไซเคิล กระดาษรีไซเคิลช่วยลดขั้นตอนหลายขั้นตอนในกระบวนการผลิต กระดาษ
  • 10. 10 ตั้งเป้าลดการผลิตขยะของตัวเองให้ได้ 1 ใน 4 ส่วน หรือมากกว่า เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรและลด ก๊าซเรือนกระจกได้อีกจานวนมาก เมื่อลองคูณ 365 วัน กับจานวนปีที่เหลือก่อนเกษียณ สนับสนุนสินค้าและผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่นใกล้บ้าน ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่ต้องขนส่ง ผลิตผลให้พ่อค้าคนกลางนาไปขายในพื้นที่ไกลๆ บริโภคเนื้อวัวให้น้อยลง ทานผัก (ปลอดสารพิษ) ให้มากขึ้น ฟาร์มเลี้ยงวัว คือ แหล่งหลักในการ ปลดปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ หันมารับประทานผักให้มากขึ้น ทานเนื้อวัวให้น้อยลง ทานสเต๊กและแฮมเบอร์เกอร์ในร้านใหญ่ๆ ให้น้อยลง เพราะอุตสาหกรรมเนื้อระดับนานาชาติ ผลิตก๊าซเรือนกระจกถึง 18% สาเหตุหลักก็คือไนตรัสออกไซด์จากมูลวัวและมีเทน ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมา จากลักษณะทางธรรมชาติของวัวที่ย่อยอาหารได้ช้า (มีกระเพาะอาหาร 4 ตอน) มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ ทาให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า ในขณะที่ไนตรัสออกไซด์ก่อผลได้ มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ 296 เท่า ชักชวนคนอื่นๆ รอบข้างให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาภาวะโลกร้อน ให้ความรู้ความ เข้าใจและชักชวนคนใกล้ตัว รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบๆ ตัวคุณ เพื่อขยายเครือข่ายผู้ร่วมหยุดโลกร้อนให้ กว้างขวางขึ้น ร่วมกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อมในชุมชน แล้วลองเสนอกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้และกระตุ้นให้ เกิดการร่วมมือ เพื่อลงมือทากิจกรรมสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่อง และส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เลือกโหวตแต่พรรคการเมืองที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน จริงใจ และตั้งใจทาจริง เพราะ นักการเมืองคือคนที่เราส่งไปเป็นตัวแทนทาหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โปรดใช้ประโยชน์จากพวกเขาตาม สิทธิที่คุณมี ด้วยการเลือกนักการเมืองจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลด ปัญหาโลกร้อน ซื้อให้น้อยลง แบ่งปันให้มากขึ้น อยู่อย่างพอเพียง เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา ลดการเผาป่าหญ้า ไม้ริมทุ่ง และต้นไม้ชายป่า เพื่อกาจัดวัชพืชและเปิดพื้นที่ทาการเกษตร เพราะ เป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศจานวนมาก นอกจากนั้นการตัดและเผาทาลายป่ายังเป็น การทาลายแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สาคัญ ปลูกพืชผักให้หลากหลายและปลูกตามฤดูกาลในท้องถิ่น เป็นการลดการปลูกพืชผักนอกฤดูกาลที่ ต้องใช้พลังงานเพื่อถนอมอาหาร และผ่านกระบวนการบรรจุเป็นอาหารกระป๋อง
  • 11. 11 รวมกลุ่มสร้างตลาดผู้บริโภค-ผู้ผลิตโดยตรงในท้องถิ่น เพื่อลดกระบวนการขนส่งผ่านพ่อค้าคน กลาง ที่ต้องใช้พลังงานและน้ามันในการคมนาคมขนส่งพืชผักผลไม้ไปยังตลาด ลดการใช้สารเคมีในการเกษตร นอกจากจะเป็นการลดปัญหาการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่ บรรยากาศโลกแล้ว ในระยะยาวยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต และทาให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น โปรดปรึกษาและเรียนรู้จากกลุ่มเกษตรกรทางเลือกที่มีอยู่เป็นจานวนมากในประเทศไทย สถาปนิกและนักออกแบบ ออกแบบพิมพ์เขียวบ้านพักอาศัยที่สามารถช่วย "หยุดโลกร้อน" การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยคิดถึงการติดตั้งระบบการใช้พลังงานที่ง่าย ไม่จาเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสูงๆ แต่ใช้งานได้จริง ลองคิดถึง วิธีการที่คนรุ่นปู่ย่าใช้ในการสร้างบ้านสมัยก่อน ซึ่งมีการพึ่งพาทิศทางลม การดูทิศทางการขึ้น-ตกของดวง อาทิตย์ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานในบ้านได้ถึง 40% ช่วยออกแบบสร้างบ้านหลังเล็ก บ้านหลังเล็กใช้พลังงานน้อยกว่าบ้านหลังใหญ่ และใช้วัสดุ อุปกรณ์การก่อสร้างน้อยกว่า สื่อมวลชน นักสื่อสารและโฆษณา ใช้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเพื่อให้ความรู้ และสร้างความตระหนักกับสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหา ภาวะโลกร้อน และทาให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นของท้องถิ่น สร้างความสนใจกับสาธารณชน เพื่อทาให้ประเด็นโลกร้อนอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอย่าง ต่อเนื่อง ช่วยกันเล่าความจริงเรื่องโลกร้อน โปรดช่วยกันสื่อสารให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจสถานการณ์ จริงที่เกิดขึ้น เป็นผู้นากระแสของสังคมเรื่องชีวิตที่พอเพียง ต้นตอหนึ่งของปัญหาโลกร้อนก็คือกระแสการ บริโภคของผู้คน ทาให้เกิดการบริโภคทรัพยากรจานวนมหาศาล ชีวิตที่ยึดหลักของความพอเพียง โดยมีฐาน ของความรู้และคุณธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงน่าจะเป็นหนทางป้องกันและลดปัญหาโลก ร้อนที่สังคมโลกกาลังเผชิญหน้าอยู่ ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อร่วมรับผิดชอบสังคม ออกแบบงานโฆษณาที่สอดแทรกประเด็นปัญหา ของภาวะโลกร้อนอย่างมีรสนิยม เรื่องที่เป็นจริงและไม่โกหก
  • 12. 12 ครู อาจารย์ สอนเด็กๆ ในขั้นเรียน เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน ใช้เทคนิคการเรียนรู้หลากหลายจากกิจกรรม ดีกว่าสอนโดยให้เด็กฟังครูพูดและท่องจาอย่าง เดียว นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกร ค้นคว้าวิจัยหาแนวทางและเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการลดการปลดปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ศึกษาและทาวิจัยในระดับพื้นที่ เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อ พื้นที่เสี่ยงของประเทศไทย ประสานและทางานร่วมกับนักสื่อสารและโฆษณา เพื่อแปลงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปสู่การรับรู้ และเข้าใจของประชาชนในสังคมวงกว้าง นักธุรกิจ อุตสาหกรรมและบริการ นาก๊าซมีเทนจากกองขยะมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ด้วยการลงทุนพัฒนาให้เป็นพลังงานทดแทน ที่มีประสิทธิภาพ แต่มีต้นทุนต่า สนับสนุนนักวิจัยในองค์กร ค้นคว้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีประสิทธิภาพในการ ลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นผู้นาของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม หากยังไม่มีใครเริ่มต้นโครงการที่ช่วย หยุดปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง ก็จงเป็นผู้นาเสียเอง สร้างแบรนด์องค์กรที่เน้นการดูแลและใส่ใจโลก ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็น การสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความรับผิดชอบที่มาจากภายในองค์กร นักการเมือง ผู้ว่าราชการฯ และรัฐบาล วางแผนการจัดหาพลังงานในอนาคต รัฐจาเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อมุ่งจัดการแก้ไข ปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่มองไปข้างหน้าอย่างน้อยที่สุด 50 ปี
  • 13. 13 สนับสนุนให้มีการพัฒนาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัย และ การพัฒนาระบบให้มีต้นทุนต่าและคุ้มค่าในการใช้งาน สนับสนุนกลไกต่างๆ สาหรับพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับปรุงเทคโนโลยีและ การลดต้นทุน สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน รัฐบาลควร หามาตรการที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เช่น พลังงาน แสงอาทิตย์ พลังงานลม เพื่อให้สามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมพลังงานอื่นๆ ที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิง ฟอสซิล ที่เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ มีนโยบายทางการเมืองที่ชัดเจนในการสนับสนุนการ "หยุดภาวะโลกร้อน" เสนอต่อประชาชน สนับสนุนโครงสร้างทางกายภาพ เมื่อประชาชนตระหนักและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการลด การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น จัดการให้มีโครงข่ายทางจักรยานที่ปลอดภัยให้กับประชาชนในเมือง สามารถขับขี่จักรยาน ลดการใช้รถยนต์ ลดจานวนรถยนต์ส่วนตัวบนถนนในกรุงเทพมหานครอย่างจริงจัง ด้วยการสนับสนุนระบบขนส่ง มวลชนที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมเครือข่ายการตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกรทางเลือก เกษตรกรจานวนมากเป็นตัวอย่างที่ดี ของการลดปัญหาโลกร้อน ด้วยการลดและเลิกการใช้สารเคมีที่ทาให้เกิดการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่ บรรยากาศโลก ซึ่งการส่งเสริมการตลาดสีเขียวด้วยการสร้างเครือข่ายการตลาดที่กระจายศูนย์ไปสู่กลุ่ม จังหวัดหรือภูมิภาค จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการขนส่งผลผลิตไปยังตลาดไกลๆ อีกด้วย ริเริ่มอย่างกล้าหาญกับระบบพลังงานแบบกระจายศูนย์ เพื่อลงทุนกับทางเลือกและทางรอดใน ระยะยาว พิจารณาใช้กฎหมายการเก็บภาษีเป็นเครื่องมือในการควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะ คาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) สาหรับภาคอุตสาหกรรม เปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บภาษี นั่นคือการสร้างระบบการจัดเก็บภาษีที่สามารถสะท้อนให้เห็น ต้นทุนทางอ้อมจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งทาให้สังคมต้องแบกรับภาระนั้นอย่างชัดเจน เช่น ภาษีที่เรียกเก็บจากถ่านหิน ก็จะต้องรวมถึงต้นทุนในการดูแลรักษาสุขภาพที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากปัญหามลพิษ และต้นทุนความเสียหายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ปฏิรูปภาษีสิ่งแวดล้อม เป็นก้าวต่อไปที่ท้าทายของนักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
  • 14. 14 อย่างใหญ่หลวงในการปรับเปลี่ยนและสร้างจิตสานึกใหม่ให้สังคม การเพิ่มการจัดเก็บภาษีสาหรับกิจกรรมที่มี ผลทาลายสภาพแวดล้อมให้สูงขึ้นเป็นการชดเชย เช่น กิจกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอน ภาษีจากกองขยะ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกนาแนวคิดนี้ไปใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 ปัจจุบัน นี้ประเทศใหญ่ๆ ในสหภาพยุโรปก็ร่วมดาเนินการด้วย และพบว่าการปรับเปลี่ยนระบบการจัดเก็บภาษี ดังกล่าว ไม่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนระดับการจัดเก็บภาษี หากแต่มีผลกับโครงสร้างของระบบภาษีเท่านั้น กาหนดทิศทางประเทศให้มุ่งสู่แนวทางของการดาเนินชีวิตอย่างพอเพียง ที่สามารถยืนหยัดอยู่ รอดอย่างเข้มแข็งในสังคมโลก เริ่มต้นด้วยการใส่ประโยคที่ว่า ประเทศไทยจะต้องยึดหลักเศรษฐกิจตามแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแกนหลักของการพัฒนาประเทศไว้ใน รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ๑. ปัญหาการใช้กระดาษ ลดการใช้กระดาษ เท่ากับ ลดการตัดต้นไม้ ปัญหาน้าท่วมที่ผ่านมาของประเทศไทยเรา หลายๆ หน่วยงานให้ความคิดเห็นตรงกันว่า ปัญหามาจากการตัดไม้ ทาลายป่า ซึ่งทาให้ป่า ไม่สามารถกักเก็บน้าได้ ทาให้น้าท่วมเกือบทั้่งประเทศไทยของเราเลย หลายๆ แห่งก็ต้องใช้ เวลาในการแก้ไขปัญหาอยู่หลายเดือน แต่คุณคิดไหมว่า หลังจากนี้เป็นต้นไม้ ปัญหานี้จะแก้ไขได้อย่างไร แล้วปัญหา การตัดไม้ ทาลายป่า จะแก้ไขได้ด้วยวิธีใด อย่างหนึ่งที่ผมคิดออกก็คือ การลดความต้องการการใช้ไม้ โดยเฉพาะการ นาเยื่อไม้มาทาเป็นกระดาษ การลดการใช้กระดาษ ก็คือการลดการตัดต้นไม้ที่ต้นตออย่างหนึ่งเหมือนกัน ลดการใช้กระดาษ อีกหนึ่งทางในการประหยัดเงิน และลดการต้นไม้ได้อีกด้วย ทิป การใช้งานกระดาษให้คุ้มค่า และประหยัดสุดๆ ทิปประหยัดกระดาษ สาหรับสานักงาน หรือออฟฟิคทั่วไป  ใช้กระดาษให้ครบทั้งสองหน้า โดยเฉพาะกับสานักงาน  ลดการพิมพ์ ใช้ไฟล์อีเล็คทรอนิกส์แทน เช่น ไฟล์ PDF เป็นต้น ส่งต่อถึงกัน  เครื่องแฟ๊กซ์ หลีกเลี่ยงการส่งกระดาษปะหน้า (เสียกระดาษเพิ่มอีกหนึ่งใบ)  ส่งข้อความ หรือประกาศ ด้วยอีเมล แทนการพิมพ์  ถ้าจาเป็นต้องพิมพ์อีเมลออกมาทางกระดาษ แนะนาให้ลบส่วนต่างๆ ที่ไม่จาเป็นออก โดยเฉพาะรูปภาพ เพราะจะประหยัดหมึกได้มาก  หลีกเลี่ยง การถ่ายเอกสารซ้า เพื่อสาเนาให้แต่ละแผนก แนะนาให้พิมพ์ชุดเดียว และใช้การส่งต่อแทน (ประหยัดได้มาก)  งานสังสรรค์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้จานกระดาษ ถ้วยกระดาษ ใช้พลาสติกแทนดีกว่า ใช้ซ้าได้  หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร สามารถนาไปขายต่อ หรือพับเป็นถุงกระดาษได้  หนังสือพิมพ์ สามารถขุบน้า เช็คกระดาษได้ใสแจ๋วไปเลย  สนับสนุนองค์กรที่มีการนากระดาษมาใช้ซ้า
  • 15. 15 นอกเหนือจากกระดาษแล้ว ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทาจากต้นไม้จริงก็จะยิ่งดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ โต๊ะ ทางาน หรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทาจากไม้ แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การปลุกต้นไม้ทดแทนก็ควรจะต้องทาร่วมกันด้วย แต่ต้องปลูกเพิ่มหลายๆ เท่าตัวหน่อย เพราะกว่าต้นไม้ต้นหนึ่งจะเจริญเติบโตได้ ก็ต้องใช้เวลานานหลายๆ ปี เลย ทีเดียว ๒. โคมไฟ โคมไฟฟ้าทาหน้าที่บังคับทิศทางแสงของหลอดให้ไปในทิศทางที่ต้องการ โคมไฟฟ้ามีใช้กันมากมายหลายชนิด ขึ้นอยู่กับการใช้งาน สาหรับโคมไฟฟ้ากับการประหยัดพลังงาน จาเป็นต้องเลือกโคมไฟฟ้าที่สามารถประหยัดพลังงาน และมีคุณภาพที่ดีต้องได้รับมาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ด้วย ๓. ความสัมพันธ์ของกระดาษและต้นไม้ วัตถุดิบที่สาคัญในกระบวนการผลิตกระดาษคือ เยื่อกระดาษ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากไม้โดยเริ่มต้นจาก การตัดไม้ที่ได้อายุ และ ขนาดตามความต้องการจากป่า ขนส่งลาเลียงเข้าสู่โรงงานในลักษณะของไม้ซุง แล้ว เข้าสู่กระบวนการลอกเปลือก (debarking) จากนั้นเป็นการสับย่อยไม้เป็นชิ้นเล็กๆ (chipping) ปัจจุบันนี้ใน ต่างประเทศมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถ ถอนต้นไม้ทั้งต้นแล้วป้อนเข้าเครื่องสับออกมาเป็นชิ้นไม้ได้ทันที วิธีนี้จะทาได้ในป่าและช่วยให้ใช้ไม้ได้ทั้งกิ่ง ก้าน และยอด ไม่มีเศษเหลือทิ้งเหมือนการตัดซุง แต่การสับไม้ทั้ง ต้นนี้มีข้อเสียตรงที่มีเปลือกไม้ปนเข้าสู่กระบวนการต้ม เยื่อ ซึ่งทาให้เกิด ปัญหาในการฟอกเยื่อ  การผลิตกระดาษมีหลายวิธี จาแนกออกเป็นวิธีกว้างๆ ได้ดังนี้  การผลิตเยื่อกระดาษโดยวิธีทางกล (mechanical pulping) ใช้หลักการบดไม้ให้ป่น เป็นเยื่อด้วยเครื่องมือแบบต่างๆ กัน เช่น ใช้หินบด เรียกว่า stone groundwood pulping ใช้จานหรือเฟืองบด เรียกว่า refiner groundwood pulping ใช้ความร้อนช่วย ขณะที่ใช้จานหรือเฟืองบดเรียกว่า thermomechanical pulping  การผลิตเยื่อกระดาษโดยวิธีกึ่งเคมี (semichemical pulping) เป็นการผลิตเยื่อโดยใช้กระบวนการสองขั้นตอน โดยที่กระบวนการเคมีจะใช้สารเคมีน้อยกว่าวิธี ทางเคมี และกระบวนการทางกลจะใช้การบดที่แยกเส้นใย ออกเท่านั้น เยื่อที่ได้มักจะมีลิกนินเหลืออยู่ ครึ่งหนึ่งของปริมาณที่มีอยู่ในวัตถุดิบ การผลิตเยื่อโดยวิธีนี้จะเรียกว่า chemimechanical pulping หรือ chemithermomechanical pulping ก็ได้  การผลิตเยื่อกระดาษโดยวิธีเคมี (chemical pulping) เป็นการผลิตเยื่อโดยใช้สารเคมีสกัดลิกนิน และส่วนประกอบทางเคมีอื่นๆ ออกจากเนื้อไม้ให้มาก ที่สุดเหลือไว้แต่เซลลูโลส สารเคมีที่ใช้มีหลายชนิด และเรียกชื่อกรรมวิธีต่างๆ กัน ตามชนิดของสารเคมีที่ใช้ เช่น sulphate pulping, sulphite pulping, soda pulping เยื่อที่ได้จะมีคุณภาพดีกว่าเยื่อชนิด อื่นๆ ทางด้านความเหนียวและปฏิกิริยาตอบต่อการฟอกสี แต่ผลผลิตเยื่อจะต่ากว่า ขึ้นอยู่กับปริมาณของเซลลูโลส ที่มีอยู่ในวัตถุดิบ
  • 16. 16 เยื่อกระดาษที่ได้จากกรรมวิธีดังกล่าวมาแล้ว ถ้าต้องการนาไปใช้ทากระดาษที่มีสีขาวก็ต้องผ่าน กระบวนการฟอกเยื่อ โดยใช้สารเคมีจาพวก ผงฟอกสี เช่น ไฮโปรคลอไรต์ (hypochlorite) คลอรีนได ออกไซด์ (chlorinedioxide) ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (hydrogenperoxide) การผลิตกระดาษได้ จากการนาเยื่อ กระดาษหลายชนิด ในอัตราส่วนที่เหมาะสมมาผสมกันในน้า เพื่อให้ได้กระดาษคุณภาพตามต้องการ ก่อนการผสมเยื่อต้องบดเยื่อแต่ละ ชนิดให้เส้นใย แตกแขนงสาหรับ จับสานกัน แล้วกวนเยื่อผสมให้กระจายตัวสม่าเสมอ ถ้าจะเติมสารเคมีบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพของ กระดาษ (fillers, sizings, wet-strength resin) ก็ทาได้ในขั้นตอนนี้ ผ่านเยื่อผสมนี้ไปตามตะแกรงลวดซึ่ง เคลื่อนที่ ส่วนที่เป็นน้าจะไหลผ่านตะแกรง เหลือเยื่อจับตัวสานกัน เป็นแผ่น แล้วผ่านเข้าลูกอบทาให้แห้ง จะ ได้กระดาษตามต้องการ คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยปีละ 3.9 ล้านตัน หรือ คนละประมาณ 60 กิโลกรัมต่อปี ดังนั้นเพื่อ ตอบสนองความต้องการต่อการใช้กระดาษของคนไทย จะต้องตัดต้นไม้ถึง 66.3 ล้านต้นต่อปี หรือเท่ากับว่า ทุกๆ นาที ต้นไม้ 126 ต้นจะถูกโค่นลง กระดาษเก่า 1 ตัน สามารถทดแทนการตัดต้นไม้เพื่อมาทาเป็นกระดาษได้ถึง 15 ต้น หากคนไทยทุก คนใช้กระดาษอย่างประหยัด โดยการใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า จะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ถึง 1.3 ล้านต้น หาก คนไทยทุกคนหันมาใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้กระดาษทิชชู เพื่อจะช่วยรักษาชีวิตต้นไม้ได้ 3,315,000 ต้น กระดาษมีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตประจาวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ยิ่งมีความต้องการกระดาษมาก ขึ้นเท่าใด เราก็ต้องตัดต้นไม้หรือถากถางพื้นที่ป่า เพื่อปลูกต้นไม้โตเร็วสาหรับนาเยื่อไม้มาทากระดาษมากขึ้น เท่านั้น หากแต่ทุกวันนี้คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยคนละ 60 กิโลกรัม ต่อปี และมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่ว ประเทศมีความต้องการกระดาษทุกชนิดรวมกันประมาณ 3.25 ล้านตันต่อปี ในขณะที่มีกาลังผลิต 4 ล้านตัน ต่อปี ในกระบวนการผลิตกระดาษ 1 ตันต้องใช้ต้นไม้มากถึง 17 ต้น ใช้กระแสไฟฟ้ามากถึง 4,100 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ใช้น้าถึง 31,500 ลิตร และปล่อยคลอรีนที่ใช้ในการฟอกกระดาษเป็นของเสียกว่า 7 กิโลกรัม นั่นหมายความว่า ในการสนองตอบความต้องการใช้กระดาษของคนไทยให้เพียงพอ เราต้องตัด ต้นไม้ถึงปีละประมาณ 55 ล้านต้น สาหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า 1 กิโลวัตต์ ชั่วโมง จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.71 กิโลกรัม และต้นไม้ 1 ต้นดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 15 กิโลกรัม ทว่าในความเป็นจริงแล้วเราทุกคน สามารถช่วยกันลดการตัดต้นไม้ รวมทั้งการใช้น้าและพลังงานไฟฟ้าในการผลิตกระดาษลงได้ ด้วยการนา กระดาษที่ใช้แล้วหมุนเวียนกลับมาผลิตเป็นกระดาษใหม่ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 50 ซึ่ง เป็นการช่วยลดปัญหาโลกร้อนไปในตัว รวมทั้งช่วยลดปริมาณขยะในสานักงาน บ้านเรือน และ กรุงเทพมหานครลงด้วย ในบรรดาขยะที่คนไทยเราทิ้งกันทุกวันนี้เฉลี่ยคนละ 1 กิโลกรัมต่อวัน คิดขยะทั่วประเทศวันละ 40,000 ตัน หรือปีละ 14.6 ล้านตัน เฉพาะในกรุงเทพมหานครมีขยะเกือบ 10,000 ตันต่อวัน แต่สานักงาน กรุงเทพมหานครจัดเก็บได้ไม่หมด คงเหลือตกค้างตามที่ต่างๆ ส่งผลต่อสุขภาพอนามัยและเป็นมลภาวะต่อ สภาพแวดล้อม ทั้งนี้ ในกองขยะทั่วไป เกือบครึ่งหนึ่งเป็นขยะที่มีราคาสามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งแยกเป็น
  • 17. 17 กระดาษ 19% พลาสติก 13% แล้ว 8% โลหะ 5% จะเห็นว่าขยะกระดาษ มีจานวนมากที่สุด คิดเป็นขยะที่ เกิดขึ้นทั่วประเทศ ประมาณ 2.47 ล้านตัน ซึ่งเศษกระดาษเหล่านี้ ควรถูกรวบรวมป้อนให้แก่โรงงานผลิต กระดาษ เพื่อนาไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษรีไซเคิล ซึ่งโรงงานผลิตกระดาษมีความต้องการเศษ กระดาษปีละ 2.5 ล้านตัน แต่เรากลับสามารถหาเศษกระดาษภายในประเทศป้อนโรงงานได้ไม่ถึงร้อยละ 50 ที่เหลือต้องนาเข้าเศษกระดาษจากต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่ประเทศไทยต้องนาเข้าเศษกระดาษ กว่าปีละ 1 ล้านตัน ทั้งๆ ที่มีขยะกระดาษภายในประเทศถึงปีละ 2.7 ล้านตัน ดังนั้นทางที่ดีที่จะทาให้มีการนากระดาษใช้แล้วมาหมุนเวียนผลิตมาใช้ใหม่ (Recycle) มีปริมาณมาก ขึ้นก็คือ การรวบรวมเศษกระดาษใช้แล้วในสานักงานและบ้านเรือน โดยแยกแยะเศษกระดาษเหล่านี้ออกจาก ขยะชนิดอื่นเพื่อสะดวกในการจัดเก็บและนากลับไปรีไซเคิล เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในทาง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ แนวทางการดาเนินงาน 1. กาหนดหัวข้อเรื่อง 1.1 ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อที่จะศึกษาถึงเรื่องที่จะทา 1.2 วางแผนในการปฏิบัติ 1.3 แหล่งสืบค้นข้อมูล 1.3.1ไปศึกษาในห้องสมุด 1.3.2 ไปศึกษาตามสื่อ VDO ต่างๆ 1.3.3 ไปศึกษาใน Internet 2. รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ศึกษามาสรุปและวิเคราะห์ 3. นาข้อมูลที่ได้มาจัดทาในรูปแบบ Microsoft word 4. นาข้อมูลที่ได้มาจัดทาในรูปแบบ Microsoft Power Point-[งานนาเสนอ] 5. นาไปให้อาจารย์ดูเพื่อทาการแก้ไขให้ถูกต้อง 6. นาไฟล์งานไปแปลงใน Slide share 7. นาไปโพสลงในบล็อกของตัวเอง
  • 18. 18 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1. คอมพิวเตอร์ 2. อินเทอร์เน็ต งบประมาณ 50-100 บาท ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดั บ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอ บ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 1 2 1 3 1 4 1 5 1 6 1 7 1 คิดหัวข้อโครงงาน จุฬาลักษณ์ 2 ศึกษาและค้นคว้า ข้อมูล จุฬาลักษณ์ 3 จัดทาโครงร่างงาน จุฬาลักษณ์ 4 ปฏิบัติการสร้าง โครงงาน จุฬาลักษณ์ 5 ปรับปรุงทดสอบ จุฬาลักษณ์ 6 การทาเอกสารรายงาน จุฬาลักษณ์ 7 ประเมินผลงาน จุฬาลักษณ์ 8 นาเสนอโครงงาน จุฬาลักษณ์ ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อคิดค้นโครงงานการลดปัญหาโลกร้อนโดยการประดิษฐ์โคมไฟจากเศษกระดาษ 2. เพื่อช่วยลดสภาวะโลกร้อนโดยวิธีการลดปริมาณขยะ 3. เพื่อฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. เพื่อสามารถนาประโยชน์ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
  • 19. 19 สถานที่ดาเนินการ 1. ห้องคอมพิวเตอร์ 2. ห้องสมุด 3. บ้าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1. วิชาเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2. วิชาการงาน 3. วิชาคอมพิวเตอร์ 4. วิชา IS แหล่งอ้างอิง ศิริลักษณ์ วงษ์วิจิตสุข, และฉัตรปวีณ์ จรัสวราวัฒน์. (2551).F8.โคมไฟถูกและดี ทาได้ง่ายๆในบ้านDIY, 18(2), 26- 31. เกรียงศักดิ อุดมสินโรจน์ . (2542).เปิดประตูสู่โลกไม่มีต้นไม้. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สยามสเตชั่นเนอรี่ซัพ พลายส์. สาธิต บุษบก. (22 มิถุนายน 2552). ภาวะโลกร้อนอยู่แค่เอื้อม. ไทยรัฐ, หน้า 5.