8. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
223
ผังมโนทัศน์
รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ๓๒๑๐๑
UNIT 1
Press Star to
Repeat
GRAMMAR
• Simple present tense (review)
• Expressions of frequency
• Time expression
FUNCTIONS
• To give personal information
• To use the language of technology
• To talk on the phone
LANGUAGE
• What’s your PIN number?
• Press two for customer service.
9. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
224
ผังมโนทัศน์
รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ๓๒๑๐๑
UNIT 2
What Are You
Doing Tonight?
GRAMMAR
• Present progressive (for the future)
• Verb + gerund
FUNCTIONS
• To talk about plans
• To talk about likes and dislikes
• To discuss types of music, movies,
and TV programs
• To talk about entertainment
LANGUAGE
• What are you diong tomorrow night?
• I’m playing tennis tomorrow.
• I enjoy watching sitcoms.
• I can’t stand watching reality shows.
10. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
225
ผังมโนทัศน์
รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ๓๒๑๐๑
UNIT 3
I’ll Call You When
I Get Home
GRAMMAR
• When and If clauses (to express
future time)
• Conjunctions of time: before, after,
as soon as, until
FUNCTIONS
• To make arrangements
• To make promises
LANGUAGE
• I’ll call you when I arrive.
• If we hurry, we’ll catch the bus.
• I’ll come as soon as I finish.
12. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
227
ผังมโนทัศน์
รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ๓๒๑๐๑
UNIT 5
It’s No Use
Complaining
GRAMMAR
• Present perfect progressive
• Present perfect progressive versus
present perfect
FUNCTIONS
• To talk about actions that continue
happening over time
• To make complaints
LANGUAGE
• How long have they been waiting?
• The traffic light hasn’t been working
for two days.
• How many times have you called?
• I’ve called three times.
13. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
228
ผังมโนทัศน์
รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ๓๒๑๐๑
UNIT 6
Once Upon
a Time
GRAMMAR
• Past perfect
• Past progressive with while
FUNCTIONS
• To talk about past events
• To tell stories
• To discuss things that went wrong
• To discuss sequence of events
LANGUAGE
• By the time the hare arrived, the
tortoise had already crossed the
finish line.
• While she was riding in the coach,
it turned into a pumpkin.
15. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
230
บทเรียนย่อยที่ ๒
- maiden name (n.): the family name that a woman had before she got married (นามสกุลก่อนแต่งงาน
ของผู้หญิง)
- verify (v.): to find out if a fact, statement, etc. is correct or true (พิสูจน์ความจริง)
- an immediate stop (n.): a stop without delay (การระงับ, การอายัดการใช้งาน)
- telemarketer (n.): a person who is employed by a business company to sell their products
to the customers and the phone by offering attractive packages (พนักงานขาย
สินค้าทางโทรศัพท์)
- issue (v.): to officially produce something such as new stamps, new card (ผลิตออก, ตีพิมพ์)
บทเรียนย่อยที่ ๓
- rotate (v.): to turn around a fixed point (หมุนรอบ)
- orbit (v.): to travel in a circle around a much larger object (โคจร)
- habit (n.): something that you do regularly, often without thinking about it because you have
done it many times before (นิสัย)
- habitual (adj.): done as a habit or doing something from habit (โดยเป็นนิสัย)
- subway (n.): a railway that runs under the ground (รถไฟใต้ดิน)
บทเรียนย่อยที่ ๔
- telemarketing (n.): a method of selling things and taking orders for sales by telephone (การขายตรง
ผ่านโทรศัพท์)
- so and so (n.): used to donate a person, any person not named (ใครก็ได้)
- XYZ, Inc. (n.): a pretend name of a company given as an example (ชื่อสมมติของบริษัท)
- India’s Silicon Valley (n.): a reference to the original Silicon Valley, a region around San Francisco
and San Jose in California, which has a dense concentration of electronics and
computer companies (ย่านธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์)
- transaction (n.): a business deal (การด�ำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจ)
บทเรียนย่อยที่ ๕
- founder (n.): a person who found an organization (ผู้ก่อตั้งองค์กร)
- corp. (n.): the abbreviation of corporation (a big company) or a group of companies acting
togetherasasingleorganization(ย่อมาจากcorporationหมายถึงบริษัทขนาดใหญ่)
- campaign (n.): a service of actions intended to achieve a particular result, especially in politics or
business (การรณรงค์)
- service (n.): an act of help or assistance (การบริการ)
17. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
232
๘. กิจกรรมการเรียนรู้
บทเรียนย่อยที่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ครูพูดเกี่ยวกับเทคโนโลยีโดยให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารที่นักเรียนรู้จักหรือใช้
และถามว่านักเรียนใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นได้ดีหรือไม่และใช้บ่อยแค่ไหน เช่น
- What type of technology do you use?
๒. นักเรียนอ่านชื่อเรื่องและหัวข้อในกิจกรรม New Language ในหนังสือเรียน หน้า ๒ และ ถามค�ำถามให้
นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพ เช่น
- What are these people doing?
- What is the woman in the first picture doing?
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงกิจกรรมNewLanguageในหนังสือเรียนหน้า ๒ให้นักเรียนฟังและออกเสียงตาม
แล้วครูถามค�ำถามให้นักเรียนตอบ เช่น
- What do you do to make a new reservation?
- What do you do to repeat the menu?
๓. ครูถามให้นักเรียนตอบเกี่ยวกับตนเองโดยดูภาพในกิจกรรมNewLanguageในหนังสือเรียนหน้า ๒โดยใช้
ความรู้เดิมเรื่องค�ำหรือกลุ่มค�ำที่แสดงความถี่ของเวลา เช่น
T: How often do you use your cell phone/mobile phone?
Ss: Often/Always/Sometimes/Usually, etc.
๔. ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงให้นักเรียนฟังการออกเสียงค�ำแสดงความถี่ของเวลา (Expressions of frequency) ใน
กิจกรรม New Language ในหนังสือเรียน หน้า ๒ ให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมายของแต่ละกลุ่มค�ำ
๕. ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงกิจกรรมPracticeในหนังสือเรียนหน้า ๒ให้นักเรียนฝึกใช้กลุ่มค�ำที่แสดงความถี่ของ
เวลา โดยครูถามค�ำถามเกี่ยวกับเครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร เช่น
- How often do you use your computer?
- How often do you use the GPS device?
นักเรียนจับคู่สลับกันฝึกถาม-ตอบเกี่ยวกับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจ�ำวันครูสุ่ม
นักเรียนแต่ละคู่แสดงบทบาทสมมติการถาม-ตอบเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจ�ำวัน
๖. ครูให้นักเรียนดูกรอบLanguageNoteในหนังสือเรียนหน้า ๒โดยอธิบายถึงที่มาของตัวย่อแต่ละค�ำ เช่นATM
บางคนเรียกATMmachineและtellerในความหมายของATMคือผู้ให้บริการลูกค้าที่เคาน์เตอร์ในธนาคาร
บทเรียนย่อยที่ ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ครูพูดถึงบัตรเครดิต แล้วถามค�ำถามให้นักเรียนตอบ เช่น
- What are the advantages of having credit cards?
- Who has a credit card?
๒. ให้นักเรียนดูภาพและอ่านค�ำถามในกิจกรรมAbouttheConversationในหนังสือเรียนหน้า ๓เพื่อให้นักเรียน
มีเป้าหมายในการฟัง
18. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
233
๓. ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงกิจกรรม Conversationให้นักเรียนฟัง โดยไม่ให้นักเรียนดูบทสนทนาในหนังสือเรียน
แล้วครูถามค�ำถามให้นักเรียนตอบ
๔. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือแล้วฟังบทสนทนาในกิจกรรมConversationอีกครั้งโดยอ่านบทสนทนาตามแล้ว
ให้นักเรียนจับคู่ และตอบค�ำถามในกิจกรรม About the Conversation
๕. ครูให้นักเรียนฟังบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า ๓ อีกครั้ง เพื่อตรวจค�ำตอบ
๖. ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงในกิจกรรมListeningในหนังสือเรียนหน้า ๓ให้นักเรียนฟังบทสนทนาระหว่างtele-
marketer กับ customer แล้วถามค�ำถาม เช่น
- Who is making a phone call?
- Who is answering the phone?
๗. ครูให้นักเรียนฟังบทสนทนาอีกครั้งแล้วตอบค�ำถามในกิจกรรมListeningในหนังสือเรียนหน้า ๓ด้วยตนเอง
แล้วตรวจค�ำตอบร่วมกันทั้งชั้น
บทเรียนย่อยที่ ๓ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ครูทบทวนการใช้ Simple present tense โดยให้นักเรียนอ่านวิธีใช้ tense นี้ ในกรอบ Grammar ในหนังสือ
เรียน หน้า ๔ และช่วยกันสรุป
๒. ครูและนักเรียนท�ำแบบฝึกหัดโดยให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าประโยคนั้นกล่าวถึง habitual actions หรือ facts
or truth
๓. ครูให้นักเรียนท�ำแบบฝึกหัด ข้อ A ในกิจกรรม Language in Context ในหนังสือเรียน หน้า นักเรียนช่วยกัน
เติมค�ำกริยาลงในประโยคแรก แล้วอ่านออกเสียงประโยคที่สมบูรณ์แล้วพร้อมกัน นักเรียน เขียนเติม
ประโยคอื่นๆ ที่เหลือให้สมบูรณ์ แล้วอ่านออกเสียงทุกข้อพร้อมกัน
๔. ให้นักเรียนฝึกตั้งค�ำถามโดยให้ท�ำแบบฝึกหัดข้อBในกิจกรรมLanguageinContextในหนังสือเรียนหน้า ๔
ช่วยกันท�ำประโยคข้อ๑เป็นตัวอย่างและสังเกตต�ำแหน่งของค�ำ ครูอธิบายเพิ่มเติมหลังจากนั้นครูให้นักเรียน
จับคู่ท�ำแบบฝึกหัดที่เหลือตั้งแต่ข้อ ๒-๘ แล้วให้นักเรียนทั้งชั้นช่วยกันบอกค�ำตอบ
๕. ครูอธิบายค�ำสั่งให้นักเรียนเข้าใจก่อนที่จะท�ำแบบฝึกหัดข้อCในกิจกรรมLanguageinContextในหนังสือ
เรียน หน้า ๕ นักเรียนบอกค�ำที่แสดงความถี่ของเวลาอื่นๆ แล้วเขียนลงในตาราง
๖. ให้นักเรียนเขียนกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มในตารางใต้ภาพ แล้วใช้ time expressions ในตารางบนและ everyday
activities ในตารางล่าง เขียนประโยคบอกความถี่ของกิจกรรมต่างๆ ที่ท�ำ
๗. ให้นักเรียนจับคู่กันฝึกถาม-ตอบเกี่ยวกับความถี่ของกิจกรรมที่คู่ของตนกระท�ำ โดยใช้ค�ำถามHowoften…?
บทเรียนย่อยที่ ๔ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ครูให้นักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับประเทศอินเดียในด้านเศรษฐกิจนักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแหล่ง
ทรัพยากรธรรมชาติของอินเดีย อุตสาหกรรมที่ส�ำคัญและผลผลิต หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของอินเดีย โดยตั้ง
ค�ำถามน�ำ เช่น
- How big is India?/What is the population of India?
- What do most people do for a living?
19. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
234
๒. ให้นักเรียนดูภาพในกิจกรรมReadingในหนังสือเรียนหน้า ๖แล้วถามว่า Wheredoyouthinkthesepeople
are working? ถ้านักเรียนไม่ทราบ ครูอธิบายว่า This is a call center, where customers can call to ask for
information or some kinds of service.
๓. ให้นักเรียนอ่านบทอ่าน เพื่อจับใจความส�ำคัญอย่างคร่าวๆ โดยใช้เวลาประมาณ ๒-๓ นาที
๔. ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงให้นักเรียนฟังบทอ่านในกิจกรรมReading ในหนังสือเรียนหน้า ๖ และอ่านตามในใจ
แล้วขีดเส้นใต้ค�ำศัพท์ใหม่ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมายของค�ำศัพท์โดยครูอธิบายเพิ่มเติม
๕. ให้นักเรียนอ่านบทอ่านอีกครั้ง แล้วท�ำแบบฝึกหัด ข้อ A-C ในกิจกรรม About the Reading ในหนังสือเรียน
หน้า ๗ แล้วตรวจค�ำตอบกับเพื่อน (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
บทเรียนย่อยที่ ๕ เวลา ๒ ชั่วโมง
๑. นักเรียนอ่านออกเสียงค�ำถามในกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า ๗ แล้วแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ
๓-๔ คน โดยแต่ละกลุ่มเลือกหัวข้อที่จะอภิปรายจากค�ำถาม ๓ ข้อ
๒. ให้นักเรียนเริ่มอภิปรายโดยใช้เวลากลุ่มละ ๕-๖ นาที เมื่อหมดเวลา ครูสุ่มนักเรียน ๓ กลุ่มให้สรุปความคิด
เห็นของกลุ่มในแต่ละหัวข้อตามล�ำดับ โดยครูให้ข้อสรุปเพิ่มเติม
๓. ครูประเมินการอภิปรายกลุ่ม โดยใช้เกณฑ์การประเมินการอภิปรายกลุ่ม
๔. ครูพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชีวิตประจ�ำวันที่นักเรียนอาจพบเจอให้นักเรียนยกตัวอย่างการถูกเพื่อนๆญาติ
พี่น้องหรือคนรู้จักชักชวนให้ท�ำบางสิ่งบางอย่างโดยให้ข้อเสนอเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนแต่นักเรียนไม่เห็นด้วย
และไม่เต็มใจรับข้อเสนอนั้นนักเรียนจะตอบปฏิเสธหรือตอบรับอย่างไรครูยกตัวอย่างโดยพูดให้ฟังแล้วเขียน
บนกระดานด�ำ เช่น
- Mybrotherwantstogooutandasksmenottotellourparents.Hetellsmethathewillbuymeacomic
book. I say no to him. However, he says he will buy me an MP๓ player. Then I say yes.
๕. จากนั้นนักเรียนยกตัวอย่างเหตุการณ์ของตนเองโดยครูสุ่มให้นักเรียนบอกเหตุการณ์แล้วครูเขียนบนกระดาน
ด�ำ ๑ ตัวอย่างให้ทั้งชั้นได้ดู
๖. นักเรียนคิดถึงเหตุการณ์ที่ตนเอง หรือคนในครอบครัวประสบเกี่ยวกับการได้รับโทรศัพท์จากบริษัทเพื่อให้
ข้อเสนอรางวัลโบนัสหรือบริการต่างๆหากนักเรียนหรือคนในครอบครัวตกลงซื้อสินค้าบางอย่างของบริษัท
จากนั้นนักเรียนเขียนร่างเรื่องราวในกิจกรรมWritingในหนังสือเรียนหน้า ๗แล้วให้เพื่อนอ่านโดยช่วยกัน
แสดงความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงการเขียน
๗. นักเรียนเขียนเรื่องที่ได้แก้ไขให้สมบูรณ์แล้วอีกครั้ง
๘. แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ ๓-๔ คน ให้นักเรียนในกลุ่มระดมสมอง (brainstorm) เพื่อวางแผน การเขียนการ
โฆษณาสินค้าทางโทรศัพท์ (A Telemarketing Campaign) ในกิจกรรม Project ในหนังสือเรียน หน้า ๗
ครูเขียนข้อเสนอแนะบนกระดานด�ำ เช่น
- What is the product your company wants to sell?
- What service does your company want to give?
๙. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มท�ำกิจกรรม Project ในหนังสือเรียน หน้า ๗ เรื่อง A Telemarketing Campaign
ให้สมบูรณ์ แล้วน�ำเสนอในชั้นเรียน
20. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
235
๙. สื่อการเรียนรู้
• หนังสือเรียน My World Book 5 หน้า ๒-๗
• หนังสือแบบฝึกหัด My World Book 5 หน้า ๒-๔
• ซีดีบันทึกเสียง
• เครื่องเล่นซีดี
• สื่ออิเล็กทรอนิกส์
- http://en.wikipedia.org/wiki/Mobile
- www.howstuffworks.com/cell-phone.htm
- http://darkdest.wordpress.com/
- http://en.wikipedia.org/wiki/Talking_ATM
21. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
236
๑. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
สาระที่ ๑ : ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต ๑.๑ ม.๔-๖/๑, ต ๑.๑ ม.๔-๖/๒, ต ๑.๑ ม.๔-๖/๓, ต ๑.๑ ม.๔-๖/๔, ต ๑.๒ ม.๔-๖/๑,
ต ๑.๒ ม.๔-๖/๔, ต ๑.๒ ม.๔-๖/๕, ต ๑.๓ ม.๔-๖/๑
สาระที่ ๒ : ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต ๒.๑ ม.๔-๖/๑, ต ๒.๑ ม.๔-๖/๒, ต ๒.๒ ม.๔-๖/๑
สาระที่ ๓ : ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐาน ต ๓.๑ ม.๔-๖/๑
สาระที่ ๔ : ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต ๔.๒ ม.๔-๖/๑
๒. สาระส�ำคัญ/ความคิดรวบยอด
ปัจจุบันสิ่งบันเทิงต่างๆ เช่นวิทยุ โทรทัศน์ น�ำเสนอสิ่งที่น่าสนใจและใช้ภาษาอังกฤษในการน�ำเสนอ การฝึก
นักเรียนให้เรียนภาษาอังกฤษจากสิ่งบันเทิง จะช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาและสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ
๓. สาระการเรียนรู้
โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์
- Present progressive tense (for the future)
- Present progressive tense (for events taking place now)
- Verb + gerund
- Simple present tense
- Simple past tense
ค�ำศัพท์และส�ำนวนภาษา
บทเรียนย่อยที่ ๑
- entertainment (n.): things such as movies, television programs, shows or performances, etc. that
amuse or interest people (ความบันเทิง)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒
เรื่อง What Are You Doing Tonight?
เวลา ๖ ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ
รหัสวิชา อ๓๒๑๐๑
22. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
237
- action movie (n.): a movie with fighting or exciting events and usually relates to hunting, killing or
getting wounded (ภาพยนตร์แนวสู้รบหรือตื่นเต้น ไล่ล่า ฆ่าฟัน)
- comedy (n.): a play, movie, etc. that is intended to entertain people and make them laugh
(ละครหรือภาพยนตร์ชวนหัว ตลกขบขัน)
- romance (n.): a play or a movie with a story about the love between two people (ภาพยนตร์หรือ
ละครรัก)
- science fiction (n.): a kind of story in which imaginary future developments in science and their effect
on life are described (ภาพยนตร์หรือหนังสือแนววิทยาศาสตร์ บางครั้งเรียกย่อว่า
“sci-fi” อ่านว่า ไซไฟ)
บทเรียนย่อยที่ ๒
- can’t stand (v.): to not like someone or something at all or think that something is extremely
unpleasant (ไม่ชอบ, ทนไม่ได้)
- depressing (adj.): making you feel very sad (เศร้า, สะเทือนใจ)
- movie freak (n.): someone who is so interested in movies that other people think they are strange or
unusual (คนที่ชอบดูภาพยนตร์มากจนกระทั่งคนอื่นเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกหรือ
ผิดปกติ)
- merchandising (n.): products sold to make additional profit based on a popular film or TV show, etc.
(สินค้าซึ่งถูกโฆษณาเพื่อให้ขายได้ก�ำไรเพิ่มขึ้นโดยขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์หรือรายการ
โทรทัศน์ที่เป็นที่นิยม)
- be keen on (adj.): interested or eager to do something (สนใจหรือกระตือรือร้นที่จะท�ำอะไรบางอย่าง)
บทเรียนย่อยที่ ๓
- avoid (v.): to stay away from someone or something, or prevent something from happening
or not allow yourself do something (หลบเลี่ยงที่จะไม่ท�ำ)
- be fond of (adj.): to like someone or something very much (ชอบใคร หรือชอบอะไรบางอย่างเป็น
อย่างมาก)
- can’t help (v.): to be unable to stop yourself from doing something (หยุดไม่ได้ อดไม่ได้ หรือ
ช่วยไม่ได้ที่จะ...)
- feel like (v.): to want to have or do something (ต้องการหรืออยากที่จะท�ำ)
- give up (v.): to stop doing or having something, especially something that you do regularly
(หยุดหรือเลิกท�ำบางอย่างโดยเฉพาะสิ่งที่ท�ำอยู่เป็นปกติ)
- junk food (n.): foodthatisnothealthybecauseitcontainsalotoffat,sugarorcarbohydrate(อาหาร
ที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากมีไขมัน นํ้าตาล หรือคาร์โบไฮเดรตจ�ำนวนมาก)
บทเรียนย่อยที่ ๔
- dub (v.): tochangetheoriginalspokenlanguageofafilmorTVprogramintoanotherlanguage
(พากย์)
- typically (adv.): usually (ตามปกติ)
23. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
238
- feature (v.): toshowapersonorthinginafilm,show,etc.(เป็นนักแสดงหรือตัวส�ำคัญในภาพยนตร์)
- humorous (adj.): deliberately funny and entertaining, especially in a clever way (ตลก, น่าขบขัน)
- originate (v.): to start or to develop in a particular place (เริ่มต้นหรือพัฒนาขึ้น)
บทเรียนย่อยที่ ๕
- media (n.): all the organizations, such as television, radio, and the newspapers, that give infor-
mation for the public (สื่อสารมวลชน)
- process (n.): aseriesofnaturaldevelopmentsoneventsthatproducegradualchange(กระบวนการ)
- constant evolution (n.): the change and development of an idea, event or object that is happening slowly
and regularly all the time (การวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง)
- undergo (v.): experience or be subjected to (ประสบ)
- action figure (n.): a small-scale figure (as of a superhero) used especially as a toy (หุ่นจ�ำลองของเล่น
เช่น หุ่นของซูเปอร์แมน)
ข้อมูลด้านวัฒนธรรม
บทเรียนย่อยที่ ๓
- สองปีหลังจากการตายของเอ็ดวูดจูเนียร์(EdWood,Jr.)คือปีค.ศ.๑๙๘๐เขาก็ได้รับรางวัลGoldenTurkey
ซึ่งเป็นรางวัลผู้ก�ำกับยอดแย่ที่สุด เขามีชื่อเสียงโด่งดังมาจากหนังสยองขวัญต้นทุนตํ่า หนังคาวบอย และ
หนังแนววิทยาศาสตร์(Sci-fi)เรื่องPlan9FromOuterSpaceซึ่งหนังมักจะถูกโหวตว่าเป็นหนังยอดแย่ที่สุด
เท่าที่เคยมีมา
บทเรียนย่อยที่ ๕
- แฟรงค์ ลอยด์ ไรท์ (Frank Lloyd Wright) (ค.ศ. ๑๘๖๙ - ๑๙๕๙) เป็นสถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกัน มีชื่อเสียง
ระดับโลกด้านการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างงานศิลปะและสถาปัตยกรรมจากประเทศต่างๆ ได้แก่
อังกฤษ ออสเตรีย และญี่ปุ่นอย่างลงตัว เป็นสิ่งแปลกใหม่และอมตะจนถึงยุคปัจจุบัน
- Soap Opera เป็นศัพท์แสลงที่ใช้เรียกรายการวิทยุกระจายเสียงหรือรายการโทรทัศน์ประเภทการแสดงเป็น
ชุดๆ ต่อกัน ออกอากาศเป็นประจ�ำตลอดสัปดาห์ ใช้เวลาในการออกอากาศประมาณ ๑๕-๒๐ นาที มักเป็น
รายการซํ้าซาก น่าเบื่อ หรือพวกละครวิทยุ
Soap Opera พัฒนาขึ้นครั้งแรกในรายการวิทยุช่วงทศวรรษ ๑๙๒๐ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และช่วง
ทศวรรษ ๑๙๔๐ ก็เริ่มแพร่หลายเข้าไปในรายการโทรทัศน์ มักออกอากาศในเวลากลางวัน สาเหตุที่เรียก
รายการประเภทนี้ว่า Soap Opera หรือละครสบู่ก็เพราะแต่เดิมผู้อุปถัมภ์รายการประเภทนี้มักเป็นบริษัท
ผู้ผลิตผงซักฟอกและสินค้าที่เกี่ยวกับการท�ำความสะอาด ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นแม่บ้านที่มักดู Soap Opera
ในเวลากลางวันนั่นเอง จึงใช้ค�ำนี้เรียกรายการดังกล่าวมาโดยตลอด
๔. สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร
24. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
239
๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
มีสุนทรียภาพทางภาษา : นักเรียนใช้ค�ำทับศัพท์ภาษาอังกฤษในภาษาไทยเท่าที่จ�ำเป็น
๖. ชิ้นงาน / ภาระงาน
• การอ่านออกเสียงบทสนทนา
• ค�ำตอบที่ได้จากการฟังค�ำพูดของบุคคลระบุรายการบันเทิงที่ชอบ/ไม่ชอบ
• ค�ำตอบที่ได้จากการอ่านข้อความบรรยาย sitcoms
• ค�ำพูดสนทนาเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ที่ชอบ
• ข้อเขียนโครงเรื่องละครโทรทัศน์
• โครงงานบรรยายโครงเรื่องละครโทรทัศน์ที่ชอบหรือรู้จัก
๗. การวัดและประเมินผล
• ประเมินการอ่านออกเสียงบทสนทนาโดยใช้แบบประเมินการอ่านออกเสียง
• ประเมินผลการตอบค�ำถาม
• ประเมินการพูดโต้ตอบโดยใช้เกณฑ์การประเมินการพูดสื่อสารตัวต่อตัว
• ประเมินการเขียนบรรยายโครงเรื่องบทละครโทรทัศน์ที่ชอบโดยใช้เกณฑ์การประเมินการเขียน
• ประเมินโครงเรื่องละครโทรทัศน์โดยใช้แบบประเมินการเขียน
• ประเมินการท�ำงานกลุ่มโดยใช้เกณฑ์การประเมินการท�ำงานกลุ่ม
๘. กิจกรรมการเรียนรู้
บทเรียนย่อยที่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ครูพูดเกี่ยวกับรูปแบบของความบันเทิง โดยนักเรียนตอบค�ำถาม เช่น
T: What do you like to do in your free time?
Ss: (The answer will vary, such as go to the movie, watch T.V., play computer games, go shopping, etc.)
๒. ให้นักเรียนดูหนังสือเรียน หน้า ๘ แล้วอ่านออกเสียงชื่อเรื่อง “What Are You Doing Tonight?” นักเรียน
ตอบค�ำถาม
๓. นักเรียนดูภาพในกิจกรรม New Language ในหนังสือเรียน หน้า ๘ และอ่านออกเสียง Movies-Kinds of
Movies และค�ำศัพท์เกี่ยวกับภาพยนตร์ประเภทต่างๆ TV-Types of Programs และค�ำศัพท์เกี่ยวกับรายการ
ต่างๆ ทางโทรทัศน์ Other Entertainment และค�ำศัพท์เกี่ยวกับความบันเทิงรูปแบบอื่นๆ
๔. นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงแล้วอ่านออกเสียงตามและนักเรียนเลือกประเภทของภาพยนตร์ที่ชอบในภาพที่๑
โดยท�ำเครื่องหมายในช่องหน้ารายการ(นักเรียนสามารถเลือกได้มากกว่า ๑รายการ)และให้นักเรียนเพิ่มเติม
ประเภทของภาพยนตร์นอกเหนือจากรายการที่มีอยู่ในช่องOthersเช่นcartoon,detective,western,fantasy,
tragedy, etc.
25. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
240
๕. นักเรียนเปรียบเทียบประเภทของภาพยนตร์รายการโทรทัศน์และความบันเทิงอื่นๆที่ตนเองเลือกกับที่เพื่อน
เลือก แล้วพูดคุยเพื่อแสดงความคิดเห็น
๖. นักเรียนฟังบทสนทนาสั้นๆ ๒ บท แล้วออกเสียงตามซีดีบันทึกเสียงในกิจกรรม Practice ในหนังสือเรียน
หน้า ๘ แล้วฝึกอ่านบทสนทนาอีกครั้งโดยจับคู่กับเพื่อนแล้วสลับบทบาทเป็น A และ B
๗. นักเรียนจับคู่แล้วช่วยกันแต่งบทสนทนาตามแบบในกิจกรรม Practice ในหนังสือเรียน หน้า ๘ โดยใช้
ความคิดของตนเอง แล้วครูให้นักเรียนแต่ละคู่ออกมาพูดบทสนทนาของตนเองให้ทุกคน
บทเรียนย่อยที่ ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ครูพูดคุยเรื่องสิ่งที่นักเรียนมักจะท�ำเป็นนิสัยในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยนักเรียนตอบค�ำถาม
T: What do you usually do on the weekends?
Ss: (The answer will vary; such as watch T.V., stay at home, do homework, study, etc.)
๒. นักเรียนดูภาพประกอบกิจกรรมConversationในหนังสือเรียนหน้า ๙แล้วอ่านออกเสียงค�ำถามในกิจกรรม
About the Conversation โดยยังไม่ต้องอ่านบทสนทนาและไม่ต้องตอบค�ำถาม เพื่อเป็นแนวทางในการฟัง
๓. นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า ๙ โดยไม่ดูบทสนทนาเพื่อจับใจ
ความส�ำคัญ
๔. นักเรียนฟังบทสนทนาอีก ๑ ครั้ง โดยอ่านออกเสียงบทสนทนาตามไปด้วย แล้วจับคู่กันอ่านออกเสียง
บทสนทนา
๕. นักเรียนตอบค�ำถามในกิจกรรมAbouttheConversationในหนังสือเรียนหน้า ๙แล้วตรวจค�ำตอบพร้อมกัน
๖. นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า ๙ ระหว่าง Mei, Larry, Yasmin และ
Ryan ๑-๒ ครั้ง และฟังบทสนทนาอีกครั้งโดยดูบทสนทนา แล้วเขียนค�ำตอบลงในตาราง
๗. นักเรียนฟังบทสนทนาอีกครั้งหากต้องการ แล้วตรวจค�ำตอบพร้อมกัน
๘. นักเรียนท�ำกิจกรรม Language in Context ข้อ A ในหนังสือเรียน หน้า ๑๐ ให้นักเรียนบอกว่าประโยคใด
แสดงการกระท�ำในขณะที่พูด ประโยคใดแสดงการกระท�ำในอนาคต เสร็จแล้วให้ช่วยกันเฉลยค�ำตอบ
บทเรียนย่อยที่ ๓ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ให้นักเรียนศึกษาการใช้presentprogressivetenseในกรอบGrammarในหนังสือเรียนหน้า ๑๐ครูอธิบายว่า
รูป present progressive tense อาจหมายถึง ความตั้งใจหรือการวางแผนอนาคต ครูเขียนประโยค ๒ ประโยค
บนกระดานด�ำ ดังนี้
- What are you doing? (= now)
- What are you doing tonight? (= future)
นักเรียนบอกความแตกต่างของหน้าที่ทางภาษาของ ๒ ประโยคนี้
๒. ครูให้นักเรียนท�ำแบบฝึกหัด เพื่อตรวจสอบว่านักเรียนเข้าใจความแตกต่างของการใช้ present progressive
tense แสดงการกระท�ำขณะที่พูดและการกระท�ำในอนาคต แล้วเปรียบเทียบค�ำตอบกับเพื่อน
๓. ครูให้นักเรียนท�ำแบบฝึกหัดเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนเข้าใจความแตกต่างระหว่างSimplepresenttenseและ
Present progressive tense แล้วจับคู่ช่วยกันตรวจค�ำตอบ แล้วอ่านประโยคที่สมบูรณ์พร้อมกัน
26. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
241
๔. ครูให้นักเรียนท�ำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียน โดยเริ่มจากพูดคุยเรื่องการถ่ายท�ำภาพยนตร์ ครูถามค�ำถามโดย
ให้นักเรียนระดมสมองเพื่อช่วยกันตอบค�ำถาม ดังนี้
T: Who usually work in filming of a movie?
Ss: Actors/actresses/director/camera operator/lighting technician, etc.
๕. ครูเขียนค�ำศัพท์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพยนตร์บนกระดานด�ำ
๖. ให้นักเรียนดูภาพในแบบฝึกหัด ข้อ C ในกิจกรรม Language in Context ในหนังสือเรียน หน้า ๑๑ แล้วตอบ
ค�ำถาม
๗. นักเรียนดูภาพอีกครั้งและหาสิ่งที่ผิดปกติในภาพ๕แห่งโดยครูให้ตัวอย่างสิ่งผิดปกติ๑แห่งแล้วถามค�ำถาม
เช่น นักเรียนเขียนประโยคเพื่ออธิบายสิ่งผิดปกติที่พบโดยใช้รูปประโยค Present progressive tense
๘. นักเรียนเปรียบเทียบค�ำตอบกับเพื่อน และครูสุ่มเรียกนักเรียน ๔-๕ คน อ่านออกเสียงค�ำตอบ แล้วครูเขียน
ค�ำตอบบนกระดานด�ำเพื่อให้ทุกคนได้ดู จากนั้นให้นักเรียนคนที่มีค�ำตอบที่ต่างออกไปบอกค�ำตอบของตน
ครูและนักเรียนช่วยกันแก้ไขการเขียน
๙. นักเรียนดูกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า ๑๐ เรื่อง Verb + gerund โดยอ่านออกเสียงค�ำกริยาทุกตัว
แล้วช่วยกันบอกความหมายของค�ำ ครูอธิบายว่า ค�ำกริยาทั้งหมดนี้ต้องตามด้วยgerund(verbที่ต้องเติม–ing)
นักเรียนอ่านประโยคตัวอย่างพร้อมกัน นักเรียนฝึกแต่งประโยค
๑๐. นักเรียนฝึกแต่งประโยคโดยใช้ค�ำกริยา dislike, enjoy, finish, imagine, mind, miss, stop, suggest โดยแบ่ง
นักเรียนเป็นทีมนักเรียนแต่ละทีมแต่งประโยคที่ใช้ค�ำกริยาทั้ง๘ตัวแล้วส่งตัวแทนไปเขียนประโยคของทีม
บนกระดานด�ำ แล้วช่วยกันตรวจประโยคดูว่า ทีมใดแต่งประโยคได้ถูกต้อง และมีความหมายเหมาะสม
มากที่สุด เป็นทีมที่ชนะ
๑๑. นักเรียนอ่านออกเสียงส�ำนวน be fond of, to be keen on, can’t stand, can’t help, feel like, give up โดยครู
อธิบายความหมายของส�ำนวนแต่ละค�ำ
๑๒. นักเรียนฝึกแต่งประโยคที่ใช้ส�ำนวนทั้ง๖แบ่งนักเรียนเป็น๖กลุ่มให้แต่ละกลุ่มแต่งประโยคของแต่ละส�ำนวน
ให้ได้มากที่สุดแล้วตัวแทนกลุ่มไปเขียนประโยคของกลุ่มบนกระดานด�ำโดยให้กลุ่มเลือกประโยคที่ชอบที่สุด
กลุ่มละ ๓ ประโยค แล้วช่วยกันตรวจ และนักเรียนทั้งชั้นอ่านออกเสียงประโยคทั้งหมดบนกระดานด�ำ
พร้อมกัน
๑๓. นักเรียนท�ำแบบฝึกหัด ข้อ D ในกิจกรรม Language in Context ในหนังสือเรียน หน้า ๑๑ โดยนักเรียน
เลือกค�ำและเปลี่ยนทุกค�ำให้เป็นรูปgerundแล้วจึงเติมค�ำลงในประโยคหลังจากนั้นสุ่มนักเรียนอ่านออกเสียง
ค�ำตอบทีละคนเพื่อตรวจค�ำตอบ
๑๔. นักเรียนดูแบบฝึกหัด ข้อ E ในกิจกรรม Language in Context ในหนังสือเรียน หน้า ๑๑ แล้วอ่านค�ำขึ้นต้น
ประโยคและครูอธิบายความหมายว่า I wouldn’t mind มีความหมายเท่ากับ I would like แล้วให้นักเรียน
ช่วยกันแต่งประโยค ครูเลือก ๑ ประโยคแล้วเขียนบนกระดานด�ำ
๑๕. นักเรียนทุกคนอ่านออกเสียงทั้งประโยคบนกระดานด�ำนักเรียนแต่งประโยคข้อ๒-๖ด้วยความคิดของตนเอง
แล้วจึงจับคู่เพื่อแลกกันอ่านประโยคของเพื่อน ครูสุ่มให้นักเรียนอ่านออกเสียงประโยคของตนเองจนครบ
ทุกข้อ และอภิปรายประโยคที่มีความหมายน่าสนใจ
27. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
242
บทเรียนย่อยที่ ๔ เวลา ๑ ชั่วโมง
๑. ครูพูดถึงการแสดงโชว์ตลก(comedyshow)ในประเทศไทยโดยเน้นให้นักเรียนคิดถึงตลกประเภทอื่นๆเช่น
ประเภทที่มีผู้เล่าเรื่องคนเดียว (stand-up comedy) และอื่นๆ โดยให้นักเรียนบอกเกี่ยวกับรายการที่ชอบ
๒. นักเรียนดูภาพประกอบกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า ๑๒ ครูและนักเรียนพูดโต้ตอบกัน
๓. นักเรียนอ่านบทอ่านในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า ๑๒ แล้วบอกคำ�ศัพท์หรือวลีที่นักเรียนไม่รู้
ความหมายครูเขียนคำ�ศัพท์บนกระดานดำ�แล้วให้นักเรียนลองเดาความหมายจากบริบทครูบอกความหมาย
ที่ถูกต้องของคำ�ศัพท์บนกระดานดำ�
๔. นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงกิจกรรม Reading และอ่านออกเสียงตามเบาๆ เพื่อฝึกการออกเสียงให้ถูกต้อง
๕. นักเรียนทำ�แบบฝึกหัดข้อAในกิจกรรมAbouttheReadingในหนังสือเรียนหน้า ๑๓โดยนักเรียนอ่านออก
เสียงคำ�ข้อ๑-๖แล้วหาคำ�ที่มีความหมายเหมือนกับคำ�ทั้ง๖คำ�จากบทอ่านแล้วเปรียบเทียบคำ�ตอบกับเพื่อน
และตรวจคำ�ตอบพร้อมกันทั้งชั้น
๖. นักเรียนดูแบบฝึกหัดข้อBในกิจกรรมAbouttheReadingในหนังสือเรียนหน้า ๑๓แล้วตอบคำ�ถามWhere
do you think the word “sitcom” comes from? ครูทบทวนความรู้จากการเรียนคำ�ศัพท์ sitcom ในชั่วโมงแรก
ของหน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ว่า “sitcom” is a blend of two words situation and comedy พร้อมทั้งนำ�เสนอ
ตัวอย่างคำ�ประเภทนี้ที่ใช้ในวงการสื่อสารมวลชนและวงการบันเทิง (media) เพิ่มเติม
๗. นักเรียนอ่านบทอ่านในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า ๑๒ อีกครั้ง แล้วตอบคำ�ถามในแบบฝึกหัด
ข้อ C ในกิจกรรม About the Reading ในหนังสือเรียน หน้า ๑๓
บทเรียนย่อยที่ ๕ เวลา ๒ ชั่วโมง
๑. ครูเขียนคำ�พูด (quote/quotation) ของ Frank Lloyd Wright บนกระดานดำ� ดังนี้ “TV-chewing gum for the
eyes” แล้วถามคำ�ถาม
๒. นักเรียนอ่านออกเสียงคำ�ถามในกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า ๑๓ แล้วจับคู่อภิปรายคำ�ถาม
๓. นักเรียนแต่ละคู่จับคู่กับคู่อื่น รวมเป็นกลุ่มละ ๔ คน แล้วอภิปรายเกี่ยวกับคำ�ตอบของคำ�ถาม ๖ ข้อ ครู
เดินรอบๆเพื่อสังเกตการอภิปรายในกลุ่มของนักเรียนและแนะนำ�ให้นักเรียนถามและตอบเป็นภาษาอังกฤษ
๔. ครูสุ่มนักเรียน ๑ กลุ่มนำ�เสนอการอภิปรายของกลุ่มให้เพื่อนในชั้นฟัง โดยกลุ่มอื่นสามารถแสดงความ
คิดเห็นเพิ่มเติมได้
๕. นักเรียนอ่านออกเสียงคำ�สั่งกิจกรรม Writing ในหนังสือเรียน หน้า ๑๓ แล้วครูชี้แจงคำ�สั่งและถามว่า
โครงเรื่องของละคร sitcom ควรจะประกอบด้วยอะไรบ้าง แล้วครูเขียนคำ�ตอบของนักเรียนบนกระดานดำ�
๖. ครูให้นักเรียนเขียนโครงเรื่องละคร sitcom ที่นักเรียนชอบหรือเรื่องที่ได้ดูเมื่อไม่นานมานี้
๗. นักเรียนแลกกันอ่านเค้าโครงเรื่องละครsitcomที่นักเรียนเขียนแล้วช่วยกันให้ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปรับปรุง
การเขียน
๘. นักเรียนเขียนเค้าโครงเรื่อง sitcom ให้สมบูรณ์ ครูสุ่มให้นักเรียน ๑-๒ คน อ่านเค้าโครงเรื่องของตนเองให้
เพื่อนในชั้นฟัง ส่วนกลุ่มอื่นๆ ให้นำ�ผลงานไปติดไว้ที่ผนังรอบห้องเรียน เพื่อให้คนอื่นได้อ่าน
๙. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทำ�กิจกรรม Project ในหนังสือเรียน หน้า ๑๓ ให้นักเรียนสร้าง เค้าโครงเรื่อง
soap opera โดยให้นักเรียนทำ�งานเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน แนะนำ�ให้นักเรียนช่วยกันแต่งเรื่องเองโดยไม่
ยืมความคิดจากเรื่องที่เคยดูมา
28. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
243
๙. สื่อการเรียนรู้
• หนังสือเรียน My World Book 5 หน้า ๘-๑๓
• หนังสือแบบฝึกหัด My World Book 5 หน้า ๕-๘
• ซีดีบันทึกเสียง
• เครื่องเล่นซีดี
• สื่ออิเล็กทรอนิกส์
- http://edwood.the-croc.com/
- www.answers.com/soap%20opera
- www.mthai.com/mag/knowledge/nana015.htm
- www.bareo-isyss.com/frank/flw_01.php
29. คู่มือครูสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง
244
๑. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
สาระที่ ๑ : ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต ๑.๑ ม.๔-๖/๑, ต ๑.๑ ม.๔-๖/๒, ต ๑.๑ ม.๔-๖/๓, ต ๑.๑ ม.๔-๖/๔, ต ๑.๒ ม.๔-๖/๑,
ต ๑.๒ ม.๔-๖/๔, ต ๑.๒ ม.๔-๖/๕, ต ๑.๓ ม.๔-๖/๑
สาระที่ ๒ : ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต ๒.๑ ม.๔-๖/๑, ต ๒.๑ ม.๔-๖/๒, ต ๒.๒ ม.๔-๖/๑
สาระที่ ๓ : ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐาน ต ๓.๑ ม.๔-๖/๑
สาระที่ ๔ : ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต ๔.๒ ม.๔-๖/๑
๒. สาระส�ำคัญ/ความคิดรวบยอด
ปัจจุบันการเมือง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของประชาชน การเรียนรู้เรื่องการเมืองควบคู่ไปกับการเรียนภาษา จะ
สามารถช่วยให้นักเรียนใช้ภาษาในการสื่อสารขั้นสูงได้เช่นการเขียนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งการเขียนแสดงความคิดเห็น
๓. สาระการเรียนรู้
โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์
- When and If clauses (to express future time)
- Conjunctions of time: before, after, as soon as, until
- Simple past tense
- Simple present tense
ค�ำศัพท์และส�ำนวนภาษา
บทเรียนย่อยที่ ๑
- appreciate (v.): to be or to feel thankful for something that someone has done (ขอบคุณ,
เห็นคุณค่า, แสดงความพอใจ)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓
เรื่อง I call you when I get home
เวลา ๖ ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ
รหัสวิชา อ๓๒๑๐๑
30. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๗
245
- be on the road (v.): to travel, to be on tour as a plan made by a group of musicians, etc. (เดินทางหรือ
ออกทัวร์ตามก�ำหนดที่วงดนตรีวางแผนไว้)
- fan (n.): someone who likes or admires a particular famous sport player, actor, actress or a
musician, etc. (คนที่นิยมชมชอบนักกีฬา นักแสดง หรือนักดนตรี)
- duplicity (n.): dishonest behavior that is intended to deceive someone (การตีสองหน้า,
การหลอกลวง)
- downfall (n.): a loss of power, prosperity, or status (ความหายนะ, ความตกตํ่า)
บทเรียนย่อยที่ ๒
- after (conj.): atalatertimewhenaparticulareventhashappenedorisfinished(ในเวลาต่อมาหรือ
ภายหลัง)
- as soon as (conj.): immediately after something has happened (ทันทีที่)
- before (conj.): earlier than a particular event or action (ก่อน, ก่อนหน้านี้)
- until (conj.): up to but not later than (จนกระทั่ง)
- recognize (v.): remember (จ�ำได้)
บทเรียนย่อยที่ ๓
- execute (v.): to carry out, especially official duties (ปฏิบัติ, บริหาร)
- prosper (v.): to be successful and become rich (มั่งคั่ง, รํ่ารวย, เจริญรุ่งเรือง)
- fulfill (v.): to do or have what is require or necessary (ท�ำให้บรรลุ)
- solemnly (adv.): with seriousness and formality (อย่างเคร่งครัด จริงจัง และเป็นทางการ)
- defend (v.): to do something to protect someone or something from being attacked (ป้องกัน)
บทเรียนย่อยที่ ๔
- run for president (v.): to try to be elected in an election (หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี)
- campaign speech (n.): speech which is intended to achieve a particular result, especially in politics or
business (การพูดปราศรัยเพื่อหาเสียง)
- celebrated quote (n.): famous sentence or phrase from a book, speech, etc. which you repeat in your
speech or piece of writing because it is interesting, amusing, etc. (ประโยคหรือ
ค�ำพูดที่มีชื่อเสียงจากหนังสือหรือค�ำปราศรัยซึ่งถูกน�ำมากล่าวอ้างถึง)
- insulting remark (n.): word or sentence which is very rude and likely to upset people (ค�ำพูดหรือประโยค
ที่หยาบคาย ท�ำให้ผู้อื่นรู้สึกโกรธ)
- immortalized (adj.): to be made famous for a long time (ท�ำให้เป็นอมตะ)
- rival (n.): a person, group, or organization that you compete with in sport, business, a fight,
politics, etc. (คู่แข่ง)