SlideShare a Scribd company logo
1 of 10
เศรษฐกิ จ พอ
เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง    คื อ อะไร?
                                   เพี ย ง
           “เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง ” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
มีพระราชดำารัสชี้แนะแนวทาง การดำาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด
นานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรง
เน้นยำ้าแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและ
ยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง
           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาต
ให้นำาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุก
ฝ่ายและประชาชนโดยทั่วไป ดังนี้
           เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติ
ตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้ง
ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำาเนินไป ในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ
พัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์
           ความพอเพี ย ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมี เ หตุ ผ ล รวม
ถึงความจำาเป็นที่จะต้องมีร ะบบภู ม ิ ค ุ ้ ม กั น ในตั ว ที ่ ด ี พอสมควรต่อการมีผลกระ
ทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัย
ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำาวิชาการต่าง ๆ
มาใช้ในการวางแผนและการดำาเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริม
สร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนัก
ธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่
เหมาะสมดำาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ
เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี (สำา
นักงาน กปร.2550 : 5)
หลั ก แนวคิ ด ของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง
           การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน
ของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำานึงถึง ความพอประมาณ ความมี
เหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และ
คุณธรรมประกอบการวางแผน การตัดสินใจและ การกระทำา
ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง
มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้
           1.           กรอบแนวคิ ด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำารงอยู่
                        และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถี
                        ชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำามาประยุกต์ใช้ได้
                        ตลอดเวลาและเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง
                        อยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยวิกฤติเพื่อความ
                        มั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
2.                 คุ ณ ลั ก ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำามาประยุกต์ใช้
                             กับการปฏิบัติได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสาย
                             กลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
           3.                คำ า นิ ย าม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3
                             คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน คือ ความพอประมาณ
                             (Moderation) ความมีเหตุผล (Reasonableness) และ
                             การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี (Self-immunity) ถ้าขาด
                             คุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งไปก็จะไม่สามารถเรียกได้ว่า
                             เป็นความพอเพียง ได้แก่
         ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไปในมิติ
ต่าง ๆ ของการกระทำา 5 ประการ คือ
                      1.1 ด้านจิตใจ คือ เริ่มต้นจากตนเองต้องตั้งสติ มีปัญญา มี
จิตสำานึกที่ดี มีเมตตา เอื้ออาทร มีความเข้าใจและประนีประนอม คำานึงถึงผล
ประโยชน์ส่วนรวม เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้
                      1.2 ด้านสังคม คือ การสร้างความพอดีในทุกระดับของสังคม
โดยเริ่มจากครอบครัว ชุมชนและสังคม ซึ่งต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข้ม
แข็งให้แก่ชุมชน รู้จักผนึกกำาลัง และที่สำาคัญมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจาก
ฐานรากที่มั่นคงและแข็งแรง
                      1.3 ด้านเศรษฐกิจ คือ ต้องอยู่อย่างพอดี พอมีพอกิน ไม่หรูหรา
ฟุ่มเฟือย
                      1.4 ด้านเทคโนโลยี คือ ควรเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะและ
ความต้องการของประเทศ และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้
สอดคล้องเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของเรา
                      1.5 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ ใช้อย่าง
ประหยัดและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรณรงค์รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้เกิด
ความยั่งยืนสูงสุด
 ความมี เ หตุ ผ ล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะ
    ต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน
    คำานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำานั้น ๆ อย่างรอบคอบ ซื่อตรงและ
    ไม่โลภอย่างมาก
 การมี ภ ู ม ิ ค ุ ้ ม กั น ที ่ ด ี ใ นตั ว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและ
    การ
เปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์
ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
           4.                เงื ่ อ นไข การตัดสินใจและการดำาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่
                             ในระดับพอเพียงนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็น
                             พื้นฐาน กล่าวคือ
 เงื ่ อ นไขความรู ้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
    อย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อม เพื่อ
    ประกอบการวางแผนและการใช้ความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
 เงื ่ อ นไขคุ ณ ธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักใน
    คุณธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาใน
    การดำารงชีวิต
ที่มา : สำานักงาน กปร. (2550:23)
          5.แนวทางปฏิ บ ั ต ิ /ผลที ่ ค าดว่ า จะได้ ร ั บ จากการนำาปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการ
เปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี
การปฏิบัติในระดับตนเองและในระดับองค์กร
         “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระ
ราชดำา รัสชี้แนะแนวทางการดำา เนิ นชีวิต แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนาน
กว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นยำ้า
แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำา รงอยู่ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน
ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
         เศรษฐกิ จ พอเพี ย งจึ ง เป็ น ปรั ช ญาแห่ ง วิ ถี ชี วิ ต ที่ มี ค วามหลากหลาย และ
สามารถยื ด หยุ่ น ความเป็ น อยู่ ข องชี วิ ต ของตนได้ ด้ ว ยเหตุ นี้ พระบาทสมเด็ จ
พระเจ้าอยู่หัว จึงได้พระราชทานความหมายของความพอเพีย งไว้ ตามพระราช
ดำา รั ส ที่ พ ระราชทานในโอกาสวั น เฉลิ ม พระชนมพรรษา เมื่ อ วั น ที่ 4 ธั น วาคม
2541 ดังนี้

       “...คำาว่าพอเพียงมีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอ
สำาหรับใช้เองเท่านั้น แต่มีความหมายว่าพอมีพอกิน...พอมี พ อกิ น นี้ก็แปลว่า
เศรษฐกิ จ พอเพี ย งนั ่ น เอง...”
       “...ให้พอเพียงนี้ก็หมายความว่า มีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่า
พอแม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ถ้าทำาให้มีความสุข ถ้าทำาได้ก็สมควรที่จะทำา
สมควรที่จะปฏิบัติ...”
       “Self-sufficiency (พึ่งพาตนเอง) นั่นหมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้
ไม่ต้องไปขอซื้อคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง...”
       “...แต่พอเพียงนี้ มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือคำาว่า พอก็พอเพียง
เพียงนี้ก็พอ ดังนั้นเอง คนเราถ้าพอในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความ
โลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด-อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มี
ความคิดว่าทำาอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภ
อย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข...”

1. กรอบแนวคิ ด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่
ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำามา
ประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลาและเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่
ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤติเพื่อความมั่นคงและความยั่งยืน
ของการพัฒนา
2. คุ ณ ลั ก ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้
ในทุกระดับโดยเน้นการปฏิบัติ บนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
3. คำ า นิ ย าม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้
          ความพอประมาณ หมายถึงความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป
โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอ
ประมาณ
          ความมี เ หตุ ผ ล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น
จะต้องเป็นไป              อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจน
คำานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการกระทำานั้น ๆ อย่างรอบคอบ
          การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตนเอง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ
และการ             เปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
4. เงื ่ อ นไข การตัดสินใจและการดำาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง
นั้น ต้องอาศัยทั้งความรอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน
เพื่อประกอบการวางแผน
และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
          เงื ่ อ นไขความรู ้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน มีความรอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้
เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
          เงื ่ อ นไขคุ ณ ธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักใน
คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการ
ดำาเนินชีวิตไม่โลภ ไม่ตระหนี่
5. แนวทางปฏิ บ ั ต ิ /ผลที ่ ค าดว่ า จะได้ ร ั บ จากการนำาปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาประยุกต์ใช้คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการ
เปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี

              แนวความคิดหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ เข็มทิศเพื่อการ
ดำารงอยู่และปฏิบัติตนหรือการขับเคลื่อนการพัฒนาให้ประเทศเจริญอย่างมั่นคง
และยั่งยืนในมิติต่าง ๆ เป็นการดำาเนินตามทาง สายกลางก้าวทันต่อโลก โดย
ใช้ได้ทั้งระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน ประเทศ เป็นการมองโลกในลักษณะที่เป็น
พลวัต มีการเปลี่ยนแปลง มีความไม่แน่นอน เป็นการปฏิบัติมุ่งผลทั้งระยะสั้นและ
ระยะยาว
        ความพอเพียง เป็นทั้งผลและวิธีการ (End and mean) จากการกระทำา โดย
ผล คือ การพัฒนาที่สมดุลใน ทุก ๆ ด้าน และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้าน
เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ในขณะเดียวกัน วิธีการนำาความรู้ไป
ใช้ต้องมองทั้งในด้านเหตุและผลควบคู่กันไป ภายใต้พลวัตทั้งภายใน และ
ภายนอกประเทศ
               การนำาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ สามารถ
ดำาเนินการโดยผ่านการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีระดับต่าง ๆ และนำาไปปรับ
ใช้ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมทั้งทางกายภาพและทางสังคม (ภูม-สังคม) ของ
                                                              ิ
ตนเอง สำาหรับการประยุกต์ใช้ทเห็นเป็นรูปธรรมง่าย ๆ เช่น การส่งเสริมการออม
                                 ี่
               จากผลการสำารวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าสามารถนำา
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำาวันได้ทั้งกับธุรกิจ
ครอบครัว และชีวิตประจำาวัน สำาหรับความเข้าใจผิดที่ว่าหากยึดเศรษฐกิจพอ
เพียงไม่ควรกู้เงิน หรือธุรกิจที่เน้นกำาไรต้องไม่ใช้เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช้บัตร
เครดิต ตรงจุดนี้สามารถทำาได้หากรู้เท่าทัน ประมาณตน ใช้จ่ายอย่างพอดี และ
เชื่อว่า ถ้ามีความร่วมมืออย่างดีของคนไทย เศรษฐกิจพอเพียงจะฝังรากในสังคม
ไทยได้ และจะนำาไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนมั่นคง

ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย งในภาครั ฐ : แนวคิ ด สู ่ ก ารปฏิ บ ั ต ิ
                                             รศ.ดร.ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี
                                          คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ NIDA

             ภาครัฐจะต้องมีการกำาหนดและบริหารนโยบายและมาตรการ
สาธารณะที่ให้บริการแก่ประชาชนเพื่อการพัฒนาสังคม ดังนั้น การประยุกต์
ปรัชญาของภาครัฐ คือ การกำาหนดและบริหารนโยบายและมาตรการที่มี
กระบวนการเป็นไปตามหลักของปรัชญา เป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรการของภาครัฐ
ในอดีตที่มีปัญหาไม่บรรลุวัตถุประสงค์ มักจะไม่สอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง
             การเริ่มต้นของการปฏิบัติ คือ เริ่มด้วยความศรัทธา มีความเชื่อและ
ความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะใช้ปรัชญานี้เป็นหลักในการดำาเนินงาน ต้องพิจารณา
ว่าเป็นไปตาม 3 ห่วง 2 เงื่อนไข หรือไม่
             ในด้านความพอประมาณ จะต้องพิจารณาว่าเป้าหมายมีความเหมาะ
สมหรือไม่ สุดโต่งหรือไม่ เป็นไปตามหลักสายกลางหรือไม่ ผลกระทบต่อคนกลุ่ม
ไหน ทำาให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมทั้งพิจารณาว่าทำาให้ความ
สามารถในการพึ่งตนเองมากขึ้นหรือน้อยลง
             ด้านความมีเหตุมีผล คือ พิจารณาว่านโยบายนี้ได้มีการศึกษา
วางแผนอย่างรอบคอบเพียงใด ผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวเป็นอย่างไร
สามารถบรรลุผลได้หรือไม่ ยั่งยืนหรือไม่
             เครื่องมือสำาคัญของความพอประมาณ และความมีเหตุมีผล ก็คือ
การวางแผนและวิเคราะห์โครงการตามกรอบของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ในการวางกรอบและกำาหนดนโยบาย จะต้องมีพื้นฐานของความรู้
และการมีคุณธรรม หลักธรรมาภิบาล ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และความโปร่งใส
              ส่วนประเด็นด้านการมีภูมิคุ้มกัน คือ การพิจารณาว่ามีความเสี่ยงใด
บ้างที่ทำาให้นโยบายไม่สามารถบรรลุผลตามที่ตั้งไว้ได้ มีการเตรียมที่จะรับความ
เสี่ยงหรือไม่ ในการมีภูมิคุ้มกันนี้สามารถทำาได้ โดยมีแผนการบริหารความเสี่ยง
โดยมีการระบุความเสี่ยง ตัวอย่างความเสี่ยง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงอัตราการ
แลกเปลี่ยนทางการเงิน เทคโนโลยี การดำาเนินงาน เสี่ยงจากการทุจริต ฯลฯ
โดยสรุปการประเมินความเสี่ยง การวางกลยุทธ์จัดการความเสี่ยง และการติดตาม
ประเมินผล จึงเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโดยการมีตาข่ายรองรับภัยพิบัติ




        ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าสถานการณ์บ้านเมืองค่อนข้างเป็นที่น่า
จับตามองในสภาวะที่สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลง ไปอย่างมากเข้าสู่ ระบบ
ทุนนิยม ที่ “เงินตรา” มีความสำาคัญนำาหน้าจิตใจความรับรู้สิ่งที่ถูกผิด ศีลธรรม จริ
ยธรรมถูกละเลย
เป็นเรื่องรองลงมาจนบางครั้งผมเองรู้สึกว่า “เงิน” สามารถซื้อ ความเป็นมนุษย์
ความเป็นคนหรือซื้อศักดิ์ศรีความเป็นไทย
ไปแล้วสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมไทย แทบทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าในสังคมเมืองหรือ
ชนบท ระบบทุนนิยมได้เริ่มสร้าง
ปัญหาสังคมต่างๆ ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม ความ
ยากจน ความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนถึงปัญหาอาชญากรรมการรับรู้
ข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ถือเป็นสิ่งสำาคัญยิ่งที่ประชาชนต้อง
คอยติดตามและใช้วิจารณญาณ คิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พ่อของแผ่นดิน” พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทรง
มองการณ์ไกลเสมือนหนึ่งเล็งเห็น
เหตุการณ์ล่วงหน้า ที่อาจจะเกิดขึ้นกับผืนแผ่นดินไทย พระองค์ท่าน ได้
พระราชทานปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศมา
เป็นเวลานานแล้วและดูเหมือนว่าในสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้น
กับ
ประเทศไทย ถ้าแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงนี้ไม่ถูกละเลย และเป็นที่ยึดถือปฏิบัติ
อยู่ในจิตสำานึกของพสกนิกร
ชาวไทย และที่สำาคัญคือผู้ที่ทำาหน้าที่เป็นผู้นำาประเทศ และดูแลความสงบสุข
เรียบร้อยในบ้านเมือง
โอกาสนี้ผมจะขออัญเชิญ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้
ศึกษาครับโดยปรัชญานี้มีเนื้อหาสาระดังนี้ครับ
“เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตนของ
ประชาชนในทุกระดับ ตังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนถึงระดับรัฐ ทั้งในการ
                        ้
พัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำาเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนา
เศรษฐกิจ
เพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียงหมายถึงความพอประมาณความมี
เหตุผลรวมถึงความจำาเป็นที่จะต้องมีระบบ
ภูมิคุ้มกันในตัวดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้ง
ภายนอกและภายใน

ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำา
วิชาต่างๆมาใช้ในการวางแผน
และดำาเนินการทุกขั้นตอน และ ขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของ
คนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และ นักธุรกิจในทุกระดับ ให้มี
สำานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำาเนินชีวิต
ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบเพื่อให้สมดุลและพร้อม
ต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคมสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลก
ภายนอกได้เป็นอย่างดี”
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำาริ จึงประกอบหลักการหลัก
วิชาการ และหลักธรรมหลายประการ อาทิ

(๑) เป็นปรัชญาแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน
     จนถึงระดับรัฐ
(๒) เป็นปรัชญาในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำาเนินไปในทางสายกลาง
(๓) จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันโลกยุคโลกาภิวัตน เพื่อให้สมดุล และพร้อม
ต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่าง
     รวดเร็ว กว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม จากโลก
ภายนอกได้เป็นอย่างดี
(๔) ความพอเพียง หมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจำาเป็นที่
จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอ
      สมควรต่อ การมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและ
ภายใน
(๕) จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง อย่างยิ่งใน
การนำาวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผน
      และดำาเนินการ ทุกขั้นตอน
(๖) จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นัก
ทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ
ให้มีสำานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม
ดำาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร
        มีสติปัญญาและความรอบคอบ
หากจะทำาให้เข้าใจง่าย ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน
หรือ เพื่อง่ายต่อการจดจำา และนำาไปปฏิบัติ
อาจเรียกว่า 3 ลักษณะ 2 เงื่อนไข ก็ได้
องค์ ป ระกอบด้ า นลั ก ษณะ ความพอเพี ย งต้ อ งประกอบด้ ว ย 3 ลั ก ษณะ
ดั ง นี ้
• ความพอประมาณ
หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและ
ผู้อื่น
เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ อาจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือการ
ยึดตนอยู่บนทางสายกลางก็เป็นได้
• ความมีเหตุผล
หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมี
เหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัย
ที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำานั้น ๆ อย่าง
รอบคอบ
• การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะ
เกิดขึ้นโดยคำานึงถึง
ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และ
ไกล คือการ
เตรียมพร้อมรับมือกับการแก้ปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
องค์ ป ระกอบด้ า น เงื ่ อ นไข ความพอเพี ย งต้ อ งอาศั ย 2 เงื ่ อ นไข ดั ง นี ้
• เงื่อนไขความรู้
ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความ
รอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้น
มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้น
ปฏิบัติ
• เงื่อนไขคุณธรรม
ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต
และมีความอดทน มีความเพียร
ใช้สติปัญญาในการดำาเนินชีวิต
เศรษฐกิ จ พอเพี ย งกั บ เกษตร ทฤษฎี ใ หม่ และ ประสานความมั ่ น คง
เศรษฐกิ จ
เศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบัติของ ทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางในการพัฒนาที่
นำาไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเอง
ในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นตอน โดยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผันแปรของ
ธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ
โดยอาศัยความพอประมาณและความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้
ความเพียรและความอดทน สติและปัญญา
การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความสามัคคี
เศรษฐกิจพอเพียงมีความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นก
รอบแนวคิดที่ชี้บอกหลักการ
และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ในขณะที่ แนวพระราชดำาริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่
หรือเกษตรทฤษฎีใหม่
ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรอย่างเป็นขั้นตอนนั้น เป็นตัวอย่างการใช้
หลักเศรษฐกิจพอเพียงในทางปฏิบัติ
ที่เป็นรูปธรรมเฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำาริ อาจ
เปรียบเทียบกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบพื้นฐานกับแบบก้าวหน้า ได้ดังนี้
ทฤษฎี ใ หม่ แ บบพื ้ น ฐาน
ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัวโดยเฉพาะเกษตรกร เป็นเศรษฐกิจพอ
เพียงแบบพื้นฐาน
เทียบได้กับทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 ที่มุ่งแก้ปัญหาของเกษตรกรที่อยู่ห่างไกลแหล่งนำ้า
ต้องพึ่งนำ้าฝนและประสบความเสี่ยง
จากการที่นำ้าไม่พอเพียง แม้กระทั่งสำาหรับการปลูกข้าวเพื่อบริโภค และมีข้อสมมติ
ว่า
มีที่ดินพอเพียงในการขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวจากการแก้ปัญหาความ
เสี่ยงเรื่องนำ้า
จะทำาให้เกษตรกรสามารถมีข้าวเพื่อการบริโภคยังชีพในระดับหนึ่งได้ และใช้ที่ดิน
ส่วนอื่น ๆ สนองความต้องการพื้นฐาน
ของครอบครัว รวมทั้งขายในส่วนที่เหลือเพื่อมีรายได้ที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่
ไม่สามารถผลิตเองได้
ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวให้เกิดขึ้นในระดับครอบครัว อย่างไรก็ตาม
แม้กระทั่ง ในทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1
ก็จำาเป็นที่เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนราชการ มูลนิธิ และภาค
เอกชน ตามความเหมาะสม
ทฤษฎี ใ หม่ แ บบก้ า วหน้ า
ความพอเพียงในระดับชุมชนและระดับองค์กรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า
ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2
เป็นเรื่องของการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ หรือ
การที่ธุรกิจต่าง ๆ รวมตัวกัน
ในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจ กล่าวคือ เมื่อสมาชิกในแต่ละครอบครัวหรือองค์กร
ต่าง ๆ
มีความพอเพียงขั้นพื้นฐานเป็นเบื้องต้นแล้วก็จะรวมกลุ่มกันเพื่อร่วมมือกันสร้าง
ประโยชน์ให้แก่กลุ่มและส่วนรวม
บนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนกัน
การแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำาลังและความสามารถของตนซึ่งจะ
สามารถทำาให้
ชุมชนโดยรวมหรือเครือข่ายวิสาหกิจนั้น ๆ เกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบัติอย่าง
แท้จริง ความพอเพียงในระดับประเทศ
เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3
ซึ่งส่งเสริมให้ชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจสร้างความร่วมมือกับองค์กรอื่น ๆ ใน
ประเทศ เช่น บริษัทขนาดใหญ่
ธนาคาร สถาบันวิจัย เป็นต้น การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในลักษณะเช่นนี้จะ
เป็นประโยชน์ในการสืบทอดภูมิปัญญา
แลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และบทเรียนจากการพัฒนา หรือร่วมมือกันพัฒนา
ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ทำาให้ประเทศอันเป็นสังคมใหญ่อันประกอบด้วยชุมชน องค์กร และธุรกิจต่าง ๆ
ที่ดำาเนินชีวิตอย่างพอเพียงกลายเป็นเครือข่ายชุมชนพอเพียงที่เชื่อมโยงกันด้วย
หลัก ไม่เบียดเบียน แบ่งปัน
และช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในที่สุด

จากการยึด หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางปฏิบัตินั้น คาดว่าผลที่จะ
ได้รับจากการประยุกต์ใช้คือ
การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้าน
เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ความรู้และเทคโนโลยี
จะเห็นได้ว่าหากประชาชนในทุกระดับ ตังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึง
                                      ้
ระดับรัฐ ยึดถือปรัชญานี้เป็นแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตน มีสำานึกใน
คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำาเนินชีวิตด้วยความ
อดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ ประเทศไทยจะสงบสุข ร่มเย็นยืน
หยัดอยู่ได้ด้วย
ความสามารถ ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน

สุดท้ายนี้ผมขออัญเชิญ “พระบรมราโชวาท” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่
พระราชทานแก่นิสิตที่สำาเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ ๑๒
กรกฎาคม ๒๔๙๙ ความว่า

“การที่จะประกอบกิจการใดๆ ให้เจริญเป็นผลดีนั้น ย่อมต้องอาศัยความอุตสาหะ
พากเพียร และความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นรากฐานสำาคัญ ประกอบกับจะต้องเป็นผู้มี
จิตเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และพร้อมที่จะบำาเพ็ญประโยชน์ ให้เกิดแก่ส่วน
รวมตามโอกาสอีกด้วย”

More Related Content

What's hot

เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
Witayanun Sittisomboon
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
saoBenz
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
Kruwaw-ru Kan
 
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
Anchalee BuddhaBucha
 
หน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทย
หน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทยหน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทย
หน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทย
Paew Tongpanya
 
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พัน พัน
 
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนาบทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
Padvee Academy
 

What's hot (20)

ผู้นำในดวงใจ , พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ผู้นำในดวงใจ , พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ผู้นำในดวงใจ , พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ผู้นำในดวงใจ , พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
 
งานนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
งานนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียงงานนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
งานนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
 
หน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทย
หน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทยหน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทย
หน่วยที่-4 สหกรณ์และการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาชุมชนของไทย
 
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 
3 dynamic of behavioural management
3 dynamic of behavioural management3 dynamic of behavioural management
3 dynamic of behavioural management
 
Emergency department triage
Emergency department triageEmergency department triage
Emergency department triage
 
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออกปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
พุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์
พุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์พุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์
พุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์
 
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนาบทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
บทที่ 3 ความแตกต่างระหว่างปรัชญากับศาสนา
 
ผู้ประสานงานคุณภาพ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
ผู้ประสานงานคุณภาพ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงผู้ประสานงานคุณภาพ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
ผู้ประสานงานคุณภาพ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
 
Macro Economics c5 นโยบายการเงิน
Macro Economics c5 นโยบายการเงินMacro Economics c5 นโยบายการเงิน
Macro Economics c5 นโยบายการเงิน
 
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับวิถีไทย
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับวิถีไทยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับวิถีไทย
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกับวิถีไทย
 
การใช้แมลงน้ำเป็นดัชนีชี้วัด
การใช้แมลงน้ำเป็นดัชนีชี้วัดการใช้แมลงน้ำเป็นดัชนีชี้วัด
การใช้แมลงน้ำเป็นดัชนีชี้วัด
 
ไตรลักษณ์
ไตรลักษณ์ไตรลักษณ์
ไตรลักษณ์
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 

Similar to 1942 เศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
banlangkhao
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
sudza
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
sapay
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
jo
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
Jiraprapa Suwannajak
 
หมู่บ้านพอเพียง --100 นักธุรกิจชั้นนำ
หมู่บ้านพอเพียง  --100 นักธุรกิจชั้นนำหมู่บ้านพอเพียง  --100 นักธุรกิจชั้นนำ
หมู่บ้านพอเพียง --100 นักธุรกิจชั้นนำ
freelance
 
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
wilai2510
 
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
wilai2510
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
IFon Lapthavon
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
sukhom
 
เอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
เอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
เอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
Daungthip Pansomboon
 

Similar to 1942 เศรษฐกิจพอเพียง (20)

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
Sufficiency
SufficiencySufficiency
Sufficiency
 
Crumu
CrumuCrumu
Crumu
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
Pp
PpPp
Pp
 
Pp
PpPp
Pp
 
หมู่บ้านพอเพียง --100 นักธุรกิจชั้นนำ
หมู่บ้านพอเพียง  --100 นักธุรกิจชั้นนำหมู่บ้านพอเพียง  --100 นักธุรกิจชั้นนำ
หมู่บ้านพอเพียง --100 นักธุรกิจชั้นนำ
 
Vass iry wed83254
Vass iry wed83254Vass iry wed83254
Vass iry wed83254
 
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
 
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอเศรษฐกิจพอเพียง
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
เอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
เอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
เอกสารเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
 
183356
183356183356
183356
 

1942 เศรษฐกิจพอเพียง

  • 1. เศรษฐกิ จ พอ เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง คื อ อะไร? เพี ย ง “เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง ” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง มีพระราชดำารัสชี้แนะแนวทาง การดำาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด นานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรง เน้นยำ้าแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและ ยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้นำาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุก ฝ่ายและประชาชนโดยทั่วไป ดังนี้ เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติ ตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้ง ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำาเนินไป ในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ พัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ความพอเพี ย ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมี เ หตุ ผ ล รวม ถึงความจำาเป็นที่จะต้องมีร ะบบภู ม ิ ค ุ ้ ม กั น ในตั ว ที ่ ด ี พอสมควรต่อการมีผลกระ ทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัย ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำาวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำาเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริม สร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนัก ธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่ เหมาะสมดำาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี (สำา นักงาน กปร.2550 : 5) หลั ก แนวคิ ด ของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำานึงถึง ความพอประมาณ ความมี เหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และ คุณธรรมประกอบการวางแผน การตัดสินใจและ การกระทำา ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดังนี้ 1. กรอบแนวคิ ด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำารงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถี ชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำามาประยุกต์ใช้ได้ ตลอดเวลาและเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยวิกฤติเพื่อความ มั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
  • 2. 2. คุ ณ ลั ก ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำามาประยุกต์ใช้ กับการปฏิบัติได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสาย กลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน 3. คำ า นิ ย าม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน คือ ความพอประมาณ (Moderation) ความมีเหตุผล (Reasonableness) และ การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี (Self-immunity) ถ้าขาด คุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งไปก็จะไม่สามารถเรียกได้ว่า เป็นความพอเพียง ได้แก่  ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไปในมิติ ต่าง ๆ ของการกระทำา 5 ประการ คือ 1.1 ด้านจิตใจ คือ เริ่มต้นจากตนเองต้องตั้งสติ มีปัญญา มี จิตสำานึกที่ดี มีเมตตา เอื้ออาทร มีความเข้าใจและประนีประนอม คำานึงถึงผล ประโยชน์ส่วนรวม เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ 1.2 ด้านสังคม คือ การสร้างความพอดีในทุกระดับของสังคม โดยเริ่มจากครอบครัว ชุมชนและสังคม ซึ่งต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข้ม แข็งให้แก่ชุมชน รู้จักผนึกกำาลัง และที่สำาคัญมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจาก ฐานรากที่มั่นคงและแข็งแรง 1.3 ด้านเศรษฐกิจ คือ ต้องอยู่อย่างพอดี พอมีพอกิน ไม่หรูหรา ฟุ่มเฟือย 1.4 ด้านเทคโนโลยี คือ ควรเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะและ ความต้องการของประเทศ และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ สอดคล้องเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของเรา 1.5 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ ใช้อย่าง ประหยัดและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรณรงค์รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้เกิด ความยั่งยืนสูงสุด  ความมี เ หตุ ผ ล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะ ต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน คำานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำานั้น ๆ อย่างรอบคอบ ซื่อตรงและ ไม่โลภอย่างมาก  การมี ภ ู ม ิ ค ุ ้ ม กั น ที ่ ด ี ใ นตั ว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและ การ เปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล 4. เงื ่ อ นไข การตัดสินใจและการดำาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ ในระดับพอเพียงนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็น พื้นฐาน กล่าวคือ  เงื ่ อ นไขความรู ้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อม เพื่อ ประกอบการวางแผนและการใช้ความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
  • 3.  เงื ่ อ นไขคุ ณ ธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาใน การดำารงชีวิต ที่มา : สำานักงาน กปร. (2550:23) 5.แนวทางปฏิ บ ั ต ิ /ผลที ่ ค าดว่ า จะได้ ร ั บ จากการนำาปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการ เปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี การปฏิบัติในระดับตนเองและในระดับองค์กร “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระ ราชดำา รัสชี้แนะแนวทางการดำา เนิ นชีวิต แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนาน กว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นยำ้า แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำา รงอยู่ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เศรษฐกิ จ พอเพี ย งจึ ง เป็ น ปรั ช ญาแห่ ง วิ ถี ชี วิ ต ที่ มี ค วามหลากหลาย และ สามารถยื ด หยุ่ น ความเป็ น อยู่ ข องชี วิ ต ของตนได้ ด้ ว ยเหตุ นี้ พระบาทสมเด็ จ พระเจ้าอยู่หัว จึงได้พระราชทานความหมายของความพอเพีย งไว้ ตามพระราช ดำา รั ส ที่ พ ระราชทานในโอกาสวั น เฉลิ ม พระชนมพรรษา เมื่ อ วั น ที่ 4 ธั น วาคม 2541 ดังนี้ “...คำาว่าพอเพียงมีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอ สำาหรับใช้เองเท่านั้น แต่มีความหมายว่าพอมีพอกิน...พอมี พ อกิ น นี้ก็แปลว่า เศรษฐกิ จ พอเพี ย งนั ่ น เอง...” “...ให้พอเพียงนี้ก็หมายความว่า มีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่า พอแม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ถ้าทำาให้มีความสุข ถ้าทำาได้ก็สมควรที่จะทำา สมควรที่จะปฏิบัติ...” “Self-sufficiency (พึ่งพาตนเอง) นั่นหมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอซื้อคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง...” “...แต่พอเพียงนี้ มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือคำาว่า พอก็พอเพียง เพียงนี้ก็พอ ดังนั้นเอง คนเราถ้าพอในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความ โลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด-อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มี ความคิดว่าทำาอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภ อย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข...” 1. กรอบแนวคิ ด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำามา ประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลาและเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤติเพื่อความมั่นคงและความยั่งยืน ของการพัฒนา 2. คุ ณ ลั ก ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ ในทุกระดับโดยเน้นการปฏิบัติ บนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
  • 4. 3. คำ า นิ ย าม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้ ความพอประมาณ หมายถึงความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอ ประมาณ ความมี เ หตุ ผ ล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไป อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจน คำานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการกระทำานั้น ๆ อย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตนเอง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการ เปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล 4. เงื ่ อ นไข การตัดสินใจและการดำาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง นั้น ต้องอาศัยทั้งความรอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ เงื ่ อ นไขความรู ้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน มีความรอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ เงื ่ อ นไขคุ ณ ธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วยมีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการ ดำาเนินชีวิตไม่โลภ ไม่ตระหนี่ 5. แนวทางปฏิ บ ั ต ิ /ผลที ่ ค าดว่ า จะได้ ร ั บ จากการนำาปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาประยุกต์ใช้คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการ เปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี แนวความคิดหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ เข็มทิศเพื่อการ ดำารงอยู่และปฏิบัติตนหรือการขับเคลื่อนการพัฒนาให้ประเทศเจริญอย่างมั่นคง และยั่งยืนในมิติต่าง ๆ เป็นการดำาเนินตามทาง สายกลางก้าวทันต่อโลก โดย ใช้ได้ทั้งระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน ประเทศ เป็นการมองโลกในลักษณะที่เป็น
  • 5. พลวัต มีการเปลี่ยนแปลง มีความไม่แน่นอน เป็นการปฏิบัติมุ่งผลทั้งระยะสั้นและ ระยะยาว ความพอเพียง เป็นทั้งผลและวิธีการ (End and mean) จากการกระทำา โดย ผล คือ การพัฒนาที่สมดุลใน ทุก ๆ ด้าน และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ในขณะเดียวกัน วิธีการนำาความรู้ไป ใช้ต้องมองทั้งในด้านเหตุและผลควบคู่กันไป ภายใต้พลวัตทั้งภายใน และ ภายนอกประเทศ การนำาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ สามารถ ดำาเนินการโดยผ่านการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีระดับต่าง ๆ และนำาไปปรับ ใช้ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมทั้งทางกายภาพและทางสังคม (ภูม-สังคม) ของ ิ ตนเอง สำาหรับการประยุกต์ใช้ทเห็นเป็นรูปธรรมง่าย ๆ เช่น การส่งเสริมการออม ี่ จากผลการสำารวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าสามารถนำา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำาวันได้ทั้งกับธุรกิจ ครอบครัว และชีวิตประจำาวัน สำาหรับความเข้าใจผิดที่ว่าหากยึดเศรษฐกิจพอ เพียงไม่ควรกู้เงิน หรือธุรกิจที่เน้นกำาไรต้องไม่ใช้เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช้บัตร เครดิต ตรงจุดนี้สามารถทำาได้หากรู้เท่าทัน ประมาณตน ใช้จ่ายอย่างพอดี และ เชื่อว่า ถ้ามีความร่วมมืออย่างดีของคนไทย เศรษฐกิจพอเพียงจะฝังรากในสังคม ไทยได้ และจะนำาไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนมั่นคง ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย งในภาครั ฐ : แนวคิ ด สู ่ ก ารปฏิ บ ั ต ิ รศ.ดร.ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ NIDA ภาครัฐจะต้องมีการกำาหนดและบริหารนโยบายและมาตรการ สาธารณะที่ให้บริการแก่ประชาชนเพื่อการพัฒนาสังคม ดังนั้น การประยุกต์ ปรัชญาของภาครัฐ คือ การกำาหนดและบริหารนโยบายและมาตรการที่มี กระบวนการเป็นไปตามหลักของปรัชญา เป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรการของภาครัฐ ในอดีตที่มีปัญหาไม่บรรลุวัตถุประสงค์ มักจะไม่สอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง การเริ่มต้นของการปฏิบัติ คือ เริ่มด้วยความศรัทธา มีความเชื่อและ ความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะใช้ปรัชญานี้เป็นหลักในการดำาเนินงาน ต้องพิจารณา ว่าเป็นไปตาม 3 ห่วง 2 เงื่อนไข หรือไม่ ในด้านความพอประมาณ จะต้องพิจารณาว่าเป้าหมายมีความเหมาะ สมหรือไม่ สุดโต่งหรือไม่ เป็นไปตามหลักสายกลางหรือไม่ ผลกระทบต่อคนกลุ่ม ไหน ทำาให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมทั้งพิจารณาว่าทำาให้ความ สามารถในการพึ่งตนเองมากขึ้นหรือน้อยลง ด้านความมีเหตุมีผล คือ พิจารณาว่านโยบายนี้ได้มีการศึกษา วางแผนอย่างรอบคอบเพียงใด ผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวเป็นอย่างไร สามารถบรรลุผลได้หรือไม่ ยั่งยืนหรือไม่ เครื่องมือสำาคัญของความพอประมาณ และความมีเหตุมีผล ก็คือ การวางแผนและวิเคราะห์โครงการตามกรอบของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
  • 6. ในการวางกรอบและกำาหนดนโยบาย จะต้องมีพื้นฐานของความรู้ และการมีคุณธรรม หลักธรรมาภิบาล ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และความโปร่งใส ส่วนประเด็นด้านการมีภูมิคุ้มกัน คือ การพิจารณาว่ามีความเสี่ยงใด บ้างที่ทำาให้นโยบายไม่สามารถบรรลุผลตามที่ตั้งไว้ได้ มีการเตรียมที่จะรับความ เสี่ยงหรือไม่ ในการมีภูมิคุ้มกันนี้สามารถทำาได้ โดยมีแผนการบริหารความเสี่ยง โดยมีการระบุความเสี่ยง ตัวอย่างความเสี่ยง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงอัตราการ แลกเปลี่ยนทางการเงิน เทคโนโลยี การดำาเนินงาน เสี่ยงจากการทุจริต ฯลฯ โดยสรุปการประเมินความเสี่ยง การวางกลยุทธ์จัดการความเสี่ยง และการติดตาม ประเมินผล จึงเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโดยการมีตาข่ายรองรับภัยพิบัติ ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าสถานการณ์บ้านเมืองค่อนข้างเป็นที่น่า จับตามองในสภาวะที่สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลง ไปอย่างมากเข้าสู่ ระบบ ทุนนิยม ที่ “เงินตรา” มีความสำาคัญนำาหน้าจิตใจความรับรู้สิ่งที่ถูกผิด ศีลธรรม จริ ยธรรมถูกละเลย เป็นเรื่องรองลงมาจนบางครั้งผมเองรู้สึกว่า “เงิน” สามารถซื้อ ความเป็นมนุษย์ ความเป็นคนหรือซื้อศักดิ์ศรีความเป็นไทย ไปแล้วสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมไทย แทบทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าในสังคมเมืองหรือ ชนบท ระบบทุนนิยมได้เริ่มสร้าง ปัญหาสังคมต่างๆ ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม ความ ยากจน ความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนถึงปัญหาอาชญากรรมการรับรู้ ข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ถือเป็นสิ่งสำาคัญยิ่งที่ประชาชนต้อง คอยติดตามและใช้วิจารณญาณ คิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พ่อของแผ่นดิน” พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทรง มองการณ์ไกลเสมือนหนึ่งเล็งเห็น เหตุการณ์ล่วงหน้า ที่อาจจะเกิดขึ้นกับผืนแผ่นดินไทย พระองค์ท่าน ได้ พระราชทานปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศมา เป็นเวลานานแล้วและดูเหมือนว่าในสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้น กับ ประเทศไทย ถ้าแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงนี้ไม่ถูกละเลย และเป็นที่ยึดถือปฏิบัติ อยู่ในจิตสำานึกของพสกนิกร
  • 7. ชาวไทย และที่สำาคัญคือผู้ที่ทำาหน้าที่เป็นผู้นำาประเทศ และดูแลความสงบสุข เรียบร้อยในบ้านเมือง โอกาสนี้ผมจะขออัญเชิญ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้ ศึกษาครับโดยปรัชญานี้มีเนื้อหาสาระดังนี้ครับ “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชนในทุกระดับ ตังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนถึงระดับรัฐ ทั้งในการ ้ พัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำาเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนา เศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียงหมายถึงความพอประมาณความมี เหตุผลรวมถึงความจำาเป็นที่จะต้องมีระบบ ภูมิคุ้มกันในตัวดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้ง ภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำา วิชาต่างๆมาใช้ในการวางแผน และดำาเนินการทุกขั้นตอน และ ขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของ คนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และ นักธุรกิจในทุกระดับ ให้มี สำานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำาเนินชีวิต ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบเพื่อให้สมดุลและพร้อม ต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคมสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลก ภายนอกได้เป็นอย่างดี” ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำาริ จึงประกอบหลักการหลัก วิชาการ และหลักธรรมหลายประการ อาทิ (๑) เป็นปรัชญาแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ (๒) เป็นปรัชญาในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำาเนินไปในทางสายกลาง (๓) จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันโลกยุคโลกาภิวัตน เพื่อให้สมดุล และพร้อม ต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว กว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม จากโลก ภายนอกได้เป็นอย่างดี (๔) ความพอเพียง หมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจำาเป็นที่ จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอ สมควรต่อ การมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและ ภายใน (๕) จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวัง อย่างยิ่งใน การนำาวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผน และดำาเนินการ ทุกขั้นตอน (๖) จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นัก ทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ
  • 8. ให้มีสำานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ หากจะทำาให้เข้าใจง่าย ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่วน หรือ เพื่อง่ายต่อการจดจำา และนำาไปปฏิบัติ อาจเรียกว่า 3 ลักษณะ 2 เงื่อนไข ก็ได้ องค์ ป ระกอบด้ า นลั ก ษณะ ความพอเพี ย งต้ อ งประกอบด้ ว ย 3 ลั ก ษณะ ดั ง นี ้ • ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและ ผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ อาจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือการ ยึดตนอยู่บนทางสายกลางก็เป็นได้ • ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมี เหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัย ที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำานั้น ๆ อย่าง รอบคอบ • การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะ เกิดขึ้นโดยคำานึงถึง ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และ ไกล คือการ เตรียมพร้อมรับมือกับการแก้ปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้น องค์ ป ระกอบด้ า น เงื ่ อ นไข ความพอเพี ย งต้ อ งอาศั ย 2 เงื ่ อ นไข ดั ง นี ้ • เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความ รอบคอบที่จะนำาความรู้เหล่านั้น มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้น ปฏิบัติ • เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำาเนินชีวิต เศรษฐกิ จ พอเพี ย งกั บ เกษตร ทฤษฎี ใ หม่ และ ประสานความมั ่ น คง เศรษฐกิ จ เศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบัติของ ทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางในการพัฒนาที่ นำาไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเอง ในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นตอน โดยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผันแปรของ ธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ โดยอาศัยความพอประมาณและความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้ ความเพียรและความอดทน สติและปัญญา
  • 9. การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความสามัคคี เศรษฐกิจพอเพียงมีความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นก รอบแนวคิดที่ชี้บอกหลักการ และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ในขณะที่ แนวพระราชดำาริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรอย่างเป็นขั้นตอนนั้น เป็นตัวอย่างการใช้ หลักเศรษฐกิจพอเพียงในทางปฏิบัติ ที่เป็นรูปธรรมเฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำาริ อาจ เปรียบเทียบกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบพื้นฐานกับแบบก้าวหน้า ได้ดังนี้ ทฤษฎี ใ หม่ แ บบพื ้ น ฐาน ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัวโดยเฉพาะเกษตรกร เป็นเศรษฐกิจพอ เพียงแบบพื้นฐาน เทียบได้กับทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 ที่มุ่งแก้ปัญหาของเกษตรกรที่อยู่ห่างไกลแหล่งนำ้า ต้องพึ่งนำ้าฝนและประสบความเสี่ยง จากการที่นำ้าไม่พอเพียง แม้กระทั่งสำาหรับการปลูกข้าวเพื่อบริโภค และมีข้อสมมติ ว่า มีที่ดินพอเพียงในการขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวจากการแก้ปัญหาความ เสี่ยงเรื่องนำ้า จะทำาให้เกษตรกรสามารถมีข้าวเพื่อการบริโภคยังชีพในระดับหนึ่งได้ และใช้ที่ดิน ส่วนอื่น ๆ สนองความต้องการพื้นฐาน ของครอบครัว รวมทั้งขายในส่วนที่เหลือเพื่อมีรายได้ที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ ไม่สามารถผลิตเองได้ ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวให้เกิดขึ้นในระดับครอบครัว อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่ง ในทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 ก็จำาเป็นที่เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนราชการ มูลนิธิ และภาค เอกชน ตามความเหมาะสม ทฤษฎี ใ หม่ แ บบก้ า วหน้ า ความพอเพียงในระดับชุมชนและระดับองค์กรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2 เป็นเรื่องของการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ หรือ การที่ธุรกิจต่าง ๆ รวมตัวกัน ในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจ กล่าวคือ เมื่อสมาชิกในแต่ละครอบครัวหรือองค์กร ต่าง ๆ มีความพอเพียงขั้นพื้นฐานเป็นเบื้องต้นแล้วก็จะรวมกลุ่มกันเพื่อร่วมมือกันสร้าง ประโยชน์ให้แก่กลุ่มและส่วนรวม บนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนกัน การแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำาลังและความสามารถของตนซึ่งจะ สามารถทำาให้ ชุมชนโดยรวมหรือเครือข่ายวิสาหกิจนั้น ๆ เกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบัติอย่าง แท้จริง ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3 ซึ่งส่งเสริมให้ชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจสร้างความร่วมมือกับองค์กรอื่น ๆ ใน
  • 10. ประเทศ เช่น บริษัทขนาดใหญ่ ธนาคาร สถาบันวิจัย เป็นต้น การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในลักษณะเช่นนี้จะ เป็นประโยชน์ในการสืบทอดภูมิปัญญา แลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และบทเรียนจากการพัฒนา หรือร่วมมือกันพัฒนา ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทำาให้ประเทศอันเป็นสังคมใหญ่อันประกอบด้วยชุมชน องค์กร และธุรกิจต่าง ๆ ที่ดำาเนินชีวิตอย่างพอเพียงกลายเป็นเครือข่ายชุมชนพอเพียงที่เชื่อมโยงกันด้วย หลัก ไม่เบียดเบียน แบ่งปัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในที่สุด จากการยึด หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางปฏิบัตินั้น คาดว่าผลที่จะ ได้รับจากการประยุกต์ใช้คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าหากประชาชนในทุกระดับ ตังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึง ้ ระดับรัฐ ยึดถือปรัชญานี้เป็นแนวทางการดำารงอยู่และปฏิบัติตน มีสำานึกใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำาเนินชีวิตด้วยความ อดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ ประเทศไทยจะสงบสุข ร่มเย็นยืน หยัดอยู่ได้ด้วย ความสามารถ ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน สุดท้ายนี้ผมขออัญเชิญ “พระบรมราโชวาท” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ พระราชทานแก่นิสิตที่สำาเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๙๙ ความว่า “การที่จะประกอบกิจการใดๆ ให้เจริญเป็นผลดีนั้น ย่อมต้องอาศัยความอุตสาหะ พากเพียร และความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นรากฐานสำาคัญ ประกอบกับจะต้องเป็นผู้มี จิตเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และพร้อมที่จะบำาเพ็ญประโยชน์ ให้เกิดแก่ส่วน รวมตามโอกาสอีกด้วย”