SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
ปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิทธิมนุษยชน
                      Universal Declaration of Human Rights : UDHR
      ปฏิญญาสากลว่าด้ วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรื อ UDHR) คือการ
ประกาศเจตนารมณ์ในการร่ วมมือระหว่างประเทศที<มีความสําคัญในการวางกรอบเบื @องต้ นเกี<ยวกับสิทธิ
มนุษยชน และเป็ นเอกสารหลักด้ านสิทธิมนุษยชนฉบับแรก ซึงที<ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ให้ การ
                                                              <
รับรองตามข้ อมติที< 217 A (III) เมื<อวันที< 10 ธันวาคม พ.ศ. 2491 โดยประเทศไทยออกเสียงสนับสนุน

       ความเป็ นมาทีปรากฏในคําปรารภ

      "ด้ วยเหตุที<การยอมรับศักดิTศรี ประจําตัว และสิทธิซงเสมอกันและไม่อาจโอนแก่กนได้ ของสมาชิกทั @ง
                                                         ึ<                      ั
ปวงแห่งครอบครัวมนุษย์เป็ นรากฐานของเสรี ภาพ ความยุติธรรม และสันติภาพในพิภพ

         ด้ วยเหตุที<การเมินเฉย และดูหมิ<นเหยียดหยามสิทธิมนุษยชนได้ ก่อให้ เกิดการอันป่ าเถื<อนโหดร้ ายทารุ ณ
ซึงได้ กระทบกระเทือนมโนธรรมของมนุษยชาติอย่างรุนแรง และโดยเหตุที<ได้ มีการประกาศปณิธานอันสูงสุด
  <
ของสามัญชนว่าถึงวาระแห่งโลกแล้ วที<มนุษย์จะมีเสรี ภาพในการพูดและในความเชื<อถือ รวมทั @งมีเสรี ภาพจาก
ความกลัวและความต้ องการ

       ด้ วยเหตุที<เป็ นสิงจําเป็ นสิทธิมนุษยชนควรได้ รับความคุ้มครองโดยหลักนิตธรรม ถ้ าไม่พงประสงค์ให้
                          <                                                    ิ            ึ
มนุษย์ต้องถูกบีบบังคับให้ หาทางออก โดยการกบฏต่อทรราชและการกดขี<อนเป็ นที<พงแห่งสุดท้ าย
                                                                         ั        ึ<

        ด้ วยเหตุที<ประดาประชาชนแห่งสหประชาชาติได้ ยืนยันไว้ ในกฎบัตรถึงความเชื<อมันในสิทธิมนุษย์ชนขั @น
                                                                                      <
พื @นฐานในศักดิTศรี และคุณค่าของตัวบุคคล และในความเสมอกันแห่งสิทธิของ ทั @งชายและหญิง และได้
ตัดสินใจที<จะส่งเสริ มความก้ าวหน้ าทางสังคมตลอดจนมาตรฐานแห่งชาติให้ ดีขึ @น ได้ มีเสรี ภาพมากขึ @น

     ด้ วยเหตุที<รัฐสมาชิกได้ ปฏิญาณที<จะให้ ได้ มา โดยร่ วมมือกับสหประชาชาติ ซึงการส่งเสริ มการเคารพ
                                                                                <
และการถือปฏิบตโดยสากลต่อสิทธิมนุษยชนและเสรี ภาพขันพื @นฐาน
              ั ิ                                          @

       ด้ วยเหตุที<ความเข้ าใจตรงกันในเรื< องสิทธิและเสรี ภาพมีความสําคัญยิ<งเพื<อให้ ปฏิญาณนี @เกิดสัมฤทธิผล
อย่างเต็มเปี< ยม
ดังนัน บัดนี @ สมัชชาจึงประกาศให้ ปฏิญญาสากลว่าด้ วยสิทธิมนุษยชนนี @เป็ นมาตรฐานร่ วมกันแห่ง
             @
ความสําเร็ จ สําหรับประชาชนทั @งหลายและประชาชาติทั @งปวง ด้ วยจุดประสงค์ที<จะให้ ปัจเจกบุคคลทุกผู้ทก   ุ
นามและองค์กรของสังคมทุกหน่วย โดยการระลึกเสมอ ๆ ถึงปฏิญญานี @ พยายามสังสอนและให้ การสอนและ
                                                                                <
ให้ การศึกษาเพื<อส่งเสริมการเคารพต่อสิทธิและเสรี ภาพเหล่านี @ และด้ วยมาตรฐานที<เจริ ญก้ าวหน้ าไปข้ างหน้ า
ทั @งในและระหว่างประเทศ เพื<อให้ ได้ มาซึงการยอมรับและการถือปฏิบติต่อสิทธิเหล่านั @นสากลและได้ ผลทั @งใน
                                         <                           ั
หมู่ประชาชนของรัฐสมาชิกเอง และในหมู่ประชาชนแห่งดินแดนที<อยูภายใต้ ดลอาณาของรัฐสมาชิกดังกล่าว"
                                                                   ่      ุ

     เนือหาของปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิทธิมนุษยชน

    นอกจากเจตนารมณ์ที<ปรากฏในคําปรารภของปฏิญญา หลักการเกี<ยวกับสิทธิมนุษยชนสําคัญ 30
ประการที<ปรากฏในปฏิญญาได้ แก่

                                                            @ T
    1. มนุษย์ทั @งหลายเกิดมาอิสระเสรี และเท่าเทียมกันทังศักดิศรี และสิทธิทก คนได้ รับการประสิทธิประสาท
                                                                              ุ
       เหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบติต่อกันอย่างฉันพี<น้อง
                                               ั
    2. บุคคลชอบที<จะมีสทธิและเสรี ภาพประดาที<ระบุไว้ ในปฏิญาณนี @ ทังนี @โดยไม่มีการจําแนกความแตกต่าง
                           ิ                                                @
       ในเรื< องใดๆ เช่น เชื @อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรื อทางอื<นใด ชาติหรื อ
       สังคมอันเป็ นที<มาเดิม ทรัพย์สน กําเนิด หรื อสถานะอื<นใด นอกจากนี @การจําแนกข้ อแตกต่างโดยอาศัย
                                         ิ
       มูลฐานแห่งสถานะทางการเมืองทางดุลอาณา หรื อทางเรื< องระหว่างประเทศของประเทศ หรื อดินแดน
       ซึงบุคคลสังกัดจะทํามิได้ ทั @งนี @ไม่ว่าดินแดนดังกล่าวจะเป็ นเอกราชอยูในความพิทกษ์ มิได้ ปกครอง
         <                                                                      ่     ั
       ตนเองหรื ออยู่ภายใต้ การจํากัดแห่งอธิปไตยอื<นใด
    3. บุคคลมีสทธิในการดํารงชีวิต ในเสรี ธรรมและในความมันคงแห่งร่ างกาย
                  ิ                                             <
    4. บุคคลใดจะถูกบังคับให้ เป็ นทาส หรื ออยู่ภาระจํายอมใดๆ มิได้ การเป็ นทาสและการค้ าทาสจะมีไม่ได้
       ในทุกรูปแบบ
    5. บุคคลใดจะถูกทรมาน หรื อได้ รับการปฏิบติ หรื อการลงทัณฑ์ซงทารุ ณโหดร้ ายไร้ มนุษยธรรมหรื อหยาม
                                                    ั                  ึ<
       เกียรติมิได้
    6. ทุกๆ คนมีสทธิที<จะได้ รับการยอมรับว่าเป็ นบุคคลในกฎหมายไม่วา ณ ที<ใด
                    ิ                                                     ่
    7. ทุกๆ คนต่างเสมอกันในกฎหมายและชอบที<จะได้ รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน โดย
       ปราศจากการเลือกปฏิบติใดๆ ทุกๆ คนชอบที<จะได้ รับการคุ้มครองอย่างเสมอหน้ าจากการเลือกปฏิบติ
                                  ั                                                                    ั
       ใดๆ อันเป็ นการล่วงละเมิดปฏิญญานี @ และต่อการยุยงส่งเสริ มให้ เกิดการเลือกปฏิบตเิ ช่นนัน
                                                                                        ั        @
8. บุคคลมีสทธิที<จะได้ รับการเยียวยาอย่างได้ ผลโดยศาลแห่งชาติ ซึงมีอํานาจเนื<องจากการกระทําใดๆ
               ิ                                                        <
    อันละเมิดต่อสิทธิขั @นมูลฐาน ซึงตนได้ รับจากรัฐธรรมนูญหรื อจากกฎหมาย
                                        <
9. บุคคลใดจะถูกจับ กักขัง หรื อเนรเทศโดยพลการมิได้
10. บุคคลชอบที<จะเท่าเทียมกันอย่างบริ บูรณ์ในอันที<จะได้ รับการพิจารณา อย่างเป็ นธรรมและเปิ ดเผยโดย
    ศาลซึ<งเป็ นอิสระและไร้ อคติ ในการวินิจฉัยชี @ขาดสิทธิและหน้ าที< ตลอดจนข้ อที<ตนถูกกล่าวหาใดๆ ทาง
    อาญา
11. (1) บุคคลซึงถูกกล่าวหาด้ วยความผิดทางอาญา มีสทธิที<จะได้ รับการสันนิฐานไว้ ก่อนว่าบริ สทธิTจนกว่า
                   <                                     ิ                                     ุ
    จะมีการพิสจน์ว่า มีความผิดตามกฎหมายในการพิจารณาโดยเปิ ดเผย ณ ที<ซงตนได้ รับหลักประกัน
                     ู                                                           ึ<
    ทั @งหมดที<จําเป็ นในการต่อสู้คดี (2) บุคคลใดจะถูกถือว่ามีความผิดอันมีโทษทางอาญาใดๆ ด้ วยเหตุผล
    ที<ตนได้ กระทํา หรื อ และเว้ นการกระทําการใดๆ ซึงกฎหมายของประเทศหรื อกฎหมายระหว่างประเทศ
                                                      <
    ในขณะที<มีการกระทํานั @นมิได้ ระบุวาเป็ นความผิดทางอาญามิได้ และโทษที<จะลงแก่บคคลนั @นจะหนัก
                                            ่                                            ุ
    กว่าโทษที<ใช้ อยูในขณะที<การกระทําความผิด ทางอาญานันเกิดขึ @นมิได้
                               ่                               @
12. การเข้ าไปแทรกสอดโดยพลการในกิจส่วนตัว ครอบครัว เคหะสถาน การส่งข่าสาร ตลอดจนการโจมตี
    ต่อเกียรติยศและชื<อเสียงของบุคคลนั @นจะทํามิได้ ทุกๆ คน มีสทธิที<จะได้ รับความคุ้มครองตาม
                                                                  ิ
    กฎหมายจากการแทรกสอดและโจมตีดงกล่าว          ั
13. (1) บุคคลมิสทธิที<จะมีเสรี ภาพในการเคลื<อนย้ าย และในถิ<นที<อยูภายในขอบเขตดินแดนของแต่ละรัฐ
                         ิ                                            ่
    (2) บุคคลมิสทธิที<จะเดินทางออกจากประเทศใดๆ รวมทั @งของตนเองและที<จะกลับคืนสู่บ้านเกิดเมือง
                       ิ
    นอน
14. (1) บุคคลมีสทธิที<จะแสวงหาและพักพิงในประเทศอื<นๆ เพื<อลี @ภัยจากการกดขี<ข่มเหง (2) สิทธินี @จะ
                           ิ
    กล่าวอ้ างมิได้ ในกรณีการฟองคดี ซึงโดยความจริ งเกิดจากความผิดที<ไม่ใช่เรื< องการเมือง หรื อจากการ
                                   ้          <
    กระทําที<ขดต่อความมุ่งประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ
                 ั
15. (1) บุคคลมีสทธิในการถือสัญชาติ (2) การถอนสัญชาติโดยพลการ หรื อการปฏิเสธสิทธิที<จะเปลี<ยน
                             ิ
    สัญชาติของบุคคลใดนันจะกระทํามิได้
                                 @
16. (1) ชายและหญิงเมื<อเจริ ญวัยบริ บรณ์แล้ ว มีสทธิที<จะสมรสและที<จะสร้ างครอบครัวโดยไม่มีการจํากัด
                                          ู        ิ
    ใดๆ เนื<องจากเชื @อชาติ สัญชาติ หรื อศาสนา บุคคลชอบที<จะมีสทธิเท่าเทียมกันในเรื< องการสมรส ใน
                                                                    ิ
    ระหว่างการสมรสและในการขาดการสมรส (2) การสมรสจะกระทําได้ ก็โดยความยินยอมอย่างเสรี
    และเต็มใจของคู่บ่าวสาวผู้ตงใจจะกระทําการสมรส (3) ครอบครัว คือ กลุมซึงเป็ นหน่วยธรรมชาติและ
                                     ั@                                      ่ <
    พื @นฐานของสังคมและชอบที<จะได้ รับการคุ้มครอง โดยสังคมและรัฐ
17. (1) บุคคลมีสทธิในการเป็ นเจ้ าของทรัพย์สนโดยลําพังตนเอง และโดยการร่วมกับผู้อื<น (2) การยึดเอา
                       ิ                         ิ
       ทรัพย์สินของบุคคลใดไปเสียโดยพลการกระทํามิได้
   18. บุคคลมีสทธิในเสรี ภาพแห่งความคิด มโนธรรม และศาสนา สิทธินี @รวมถึงเสรี ภาพที<จะเปลี<ยนศาสนา
                  ิ
       หรื อความเชื<อถือ และเสรี ภาพ ที<จะแสดงให้ ศาสนาหรื อความเชื<อถือประจักษ์ ในรูปของการสังสอน
                                                                                              <
       การปฏิบตกิจความเคารพสักการะบูชา สวดมนต์ และการถือปฏิบตพิธีกรรม ไม่วาโดยลําพังตนเอง
                 ั ิ                                                  ั ิ            ่
       หรื อร่ วมกับผู้อื<นในประชาคมและในที<สาธารณะหรื อส่วนตัว
   19. บุคคลมีสทธิในเสรี ภาพแห่งความเห็นและการแสดงออก สิทธินี @รวมถึงเสรี ภาพที<จะยึดมันในความเห็น
                    ิ                                                                     <
       โดยปราศจากการแทรกสอดและที<จะ แสวงหารับ ตลอดจนแจ้ งข่าว รวมทั @งความคิดเห็นโดยผ่านสื<อ
       ใดๆ และโดยมิต้องคํานึงถึงเขตแดน
   20. (1) บุคคลมีสทธิในเสรี ภาพแห่งการชุมนุม และการสมาคมโดยสงบ (2) การบังคับให้ บุคคลเข้ าเป็ น
                         ิ
       สมาชิกของสมาคมจะทํามิได้
   21. (1) บุคคลมีสทธิที<จะเข้ าร่ วมในรัฐบาลแห่งประเทศของตน ไม่ว่าโดยตรงหรื อโดยผู้แทนซึงผ่านการ
                           ิ                                                                <
       เลือกอย่างเสรี

       (2) บุคคลมีสทธิเข้ าถึงเท่ากันในบริ การสาธารณะในประเทศของตน
                   ิ

           (3) เจตจํานงของประชาชนจะเป็ นฐานแห่งอํานาจของรัฐบาล เจตจํานงนีจะแสดงออกโดยการเลือกตั @ง
                                                                                 @
เป็ นครังเป็ นคราวอย่างแท้ จริ ง ด้ วยการให้ สทธิออกเสียงอย่างทัวถึงและเท่าเทียมกันและโดยการลงคะแนนลับ
         @                                    ิ                 <
หรื อวิธีการลงคะแนนอย่างเสรี ที<คล้ ายคลึงกัน

      22. ในฐานะสมาชิกของสังคมด้ วยความเพียรพยายามของชาติตลอดจนความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ
และโดยสอดคล้ องกับการจัดระเบียบและทรัยากรของแต่ละรัฐ บุคคลมีสทธิในความมั<นคงทางสังคมและชอบที<
                                                                   ิ
จะได้ รับผลแห่งสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมซึงจําเป็ นต่อศักดิTศรี และการพัฒนาบุคคลิกภาพอย่าง
                                                   <
เสรี ของตน

     23. (1) บุคคลมีสทธิที<จะทํางานที<จะเลือกงานอย่างเสรี ที<จะมีสภาวะการทํางานที<ยติธรรมและพอใจ และ
                      ิ                                                            ุ
ที<จะได้ รับความคุ้มครองจากการว่างงาน

      (2) บุคคลมิสทธิในการรับค่าตอบแทนเท่ากันสําหรับการทํางานที<เท่ากัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบตใดๆ
                  ิ                                                                         ั ิ
(3) บุคคลผู้ทํางานมีสทธิในรายได้ ซงยุติธรรม และเอื @อประโยชน์เพื<อประกันสําหรับตนเองและครอบครัว
                             ิ             ึ<
ให้ การดํารงชีวิตมีค่าควร แก่ศกดิTศรี ของมนุษย์ และถ้ าจําเป็ นก็ชอบที<จะได้ รับความคุ้มครองทางสังคมอื<นๆ
                               ั
เพิ<มเติม

      (4) บุคคลมีสทธิที<จะก่อตังและเข้ าร่ วมกับสหภาพแรงงานเพื<อคุ้มครองผลประโยชน์ของตน
                  ิ            @

     24. บุคคลมีสทธิในการพักผ่อนและเวลาว่าง รวมทั @งการจํากัดเวลาทํางานที<ชอบด้ วยเหตุผลและมีวนหยุด
                     ิ                                                                        ั
ครังคราวที<ได้ รับค่าตอบแทน
   @

    25. (1) บุคคลมีสทธิในมาตรฐานการครองชีพที<เพียงพอสํากรับสุขภาพ และความอยู่ดีของตนและ
                    ิ
ครอบครัว รวมทังอาหาร เสื @อผ้ า ที<อยูอาศัย การรักษาพยาบาล และบริ การสังคมที<จําเป็ นและสิทธิในความ
                @                    ่
มันคงในกรณีว่างงาน เจ็บป่ วย ทุพพลภาพ เป็ นหม้ าย วัยชรา หรื อการขาดปั จจัยในการเลี @ยงชีพอื<นใดใน
  <
พฤติการณ์อนเกิดจากที<ตนจะควบคุม ได้
            ั

     (2) มารดาและบุตรชอบที<จะได้ รับการดูแลแลความช่วยเหลือเป็ นพิเศษ เด็กทั @งหลายไม่ว่าจะเป็ นบุตรใน
หรื อนอกสมรสย่อมได้ รับความคุ้มครองทางสังคม เช่นเดียวกัน

     26. (1) บุคคลมีสทธิในการศึกษา การศึกษาจะเป็ นสิ<งที<ให้ เปล่าโดยไม่คิดมูลค่า อย่างน้ อยที<สดในขั @น
                     ิ                                                                            ุ
ประถมศึกษาและขั @นพื @นฐาน ขั @นประถมศึกษาให้ เป็ นการศึกษาภาคบังคับ ขั @นเทคนิคและขั @นประกอบอาชีพ
เป็ นการศึกษาที<จะต้ องจัดมีขึ @นโดยทัวๆ ไป และขั @นสูงเป็ นขั @นที<จะเปิ ดให้ ทกคนเท่ากันตามความสามารถ
                                      <                                         ุ

     (2) การศึกษาจะมุ่งไปในทางพัฒนาบุคคลิกภาพของมนุษย์อย่างเต็มที<และเพื<อเสริ ม พลังเคารพต่อสิทธิ
มนุษยชน และเสรี ภาพขั @นมูลฐานให้ แข็งแกร่ ง ทั @งจะมุ่งเสริ มความเข้ าใจ ขันติ และมิตรภาพในระหว่าง
ประชาชาติ กลุมเชื @อชาติ หรื อกลุมศาสนา และจะมุ่งขยายกิจกรรมของสหประชาชาติเพื<อการธํารงสันติภาพ
             ่                  ่

     (3) ผู้ปกครองมีสทธิก่อนผู้อื<นที<จะเลือกชนิดของการศึกษาสําหรับบุตรหลานของตน
                     ิ

   27. (1) บุคคลมีสทธิที<จะเข้ าร่ วมการใช้ ชีวิตทางด้ านวัฒนธรรมในประชาคมอย่างเสรี ที<จะพึงใจในศิลปะและ
                   ิ
มีสวนในความคืบหน้ าและผลประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์
   ่

     (2) บุคคลมีสทธิในการรับความคุ้มครองประโยชน์ ทางด้ านศีลธรรมและทางวัตถุอนเป็ น ผลได้ จากการ
                 ิ                                                          ั
ประดิษฐ์ ทางวิทยาศาสตร์ วรรณกรรมและศิลปะซึงตนเป็ นเจ้ าของ
                                           <
28. บุคคลชอบที<จะได้ รับประโยชน์ จากระเบียบสังคมและระหว่างประเทศอันจะอํานวย ให้ การใช้ สทธิและ
                                                                                          ิ
เสรี ภาพบรรดาที<ได้ ระบุในปฏิญญานี @ทําได้ อย่างเต็มที<

 29. (1) บุคคลมีหน้ าที<ตอประชาชนอันเป็ นที<เดียวซึงบุคคิกภาพของตนจะพัฒนาได้ อย่างเสรี และเต็ม
                         ่                         <
ความสามารถ

       (2) ในการใช้ สิทธิและเสรี ภาพ บุคคลต้ องอยูใต้ เพียงเช่นที<จํากัดโดยกําหนดแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื<อ
                                                 ่
ความมุ่งประสงค์ให้ ได้ มาซึงการยอมรับ และการเคารพโดยชอบในสิทธิ เสรี ภาพของผู้อื<น และเพื<อให้ สอดคล้ อง
                            <
กับข้ อกําหนดอันยุติธรรมของศีลธรรม ความสงบเรี ยบร้ อยของประชาชาติและสวัสดิการโดยทัวๆ ไป ในสังคม
                                                                                          <
ประชาธิปไตย

    (3) สิทธิและอิสรภาพเหล่านี @ มิว่าจะด้ วยกรณีใดจะใช้ ให้ ขดกับความมุ่งประสงค์และหลักการของ
                                                              ั
สหประชาชาติไม่ได้

 30. ข้ อความต่างๆ ตามปฏิญญานี @ไม่เปิ ดช่องที<จะแปลความได้ ว่าให้ สิทธิใดๆ แก่รัฐ กลุมชนหรื อบุคคลใดๆ ที<
                                                                                     ่
จะประกอบกิจกรรม หรื อกระทําการใดๆ อันมุ่งต่อการทําลายสิทธิและเสรี ภาพใดๆ บรรดาที<ได้ ระบุไว้ ใน
บทบัญญัติฉบับนี @



ข้ อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/ปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิทธิมนุษยชน

ค้ นคว้ าเพิมเติม www.un.org/en/documents/udhr/

More Related Content

Similar to ปฏิญญาสากลฯ

สิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลสิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลluckana9
 
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนbenjalakpitayaschool
 
เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายthnaporn999
 
เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายthnaporn999
 
09 moral education
09 moral education09 moral education
09 moral educationetcenterrbru
 
กระบวนการยุติธรรมทางอาญา
กระบวนการยุติธรรมทางอาญา กระบวนการยุติธรรมทางอาญา
กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ssuserd18196
 
การถ่ายรูป
การถ่ายรูปการถ่ายรูป
การถ่ายรูปTorTor Peerachai
 
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้านสอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน0866589628
 
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้านสอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน0866589628
 
Social onet a
Social onet aSocial onet a
Social onet apeemai12
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนssuserd18196
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนssuserd18196
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1Prapatsorn Chaihuay
 
ความเป็นธรรมในสังคม
ความเป็นธรรมในสังคมความเป็นธรรมในสังคม
ความเป็นธรรมในสังคมpajaree_musikapong
 

Similar to ปฏิญญาสากลฯ (20)

Book
BookBook
Book
 
สิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลสิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาล
 
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
 
เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมาย
 
เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมาย
 
09 moral education
09 moral education09 moral education
09 moral education
 
ใบงาน ม.2
ใบงาน ม.2ใบงาน ม.2
ใบงาน ม.2
 
กระบวนการยุติธรรมทางอาญา
กระบวนการยุติธรรมทางอาญา กระบวนการยุติธรรมทางอาญา
กระบวนการยุติธรรมทางอาญา
 
การถ่ายรูป
การถ่ายรูปการถ่ายรูป
การถ่ายรูป
 
Au01
Au01Au01
Au01
 
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้านสอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
 
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้านสอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
สอดคล้องกับโลกมิติโลก 8 ด้าน
 
Social onet a
Social onet aSocial onet a
Social onet a
 
Human1
Human1Human1
Human1
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1
 
Law and SocialNetwork
Law and SocialNetworkLaw and SocialNetwork
Law and SocialNetwork
 
สิทธฺ 1
สิทธฺ 1สิทธฺ 1
สิทธฺ 1
 
ความเป็นธรรมในสังคม
ความเป็นธรรมในสังคมความเป็นธรรมในสังคม
ความเป็นธรรมในสังคม
 

ปฏิญญาสากลฯ

  • 1. ปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิทธิมนุษยชน Universal Declaration of Human Rights : UDHR ปฏิญญาสากลว่าด้ วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรื อ UDHR) คือการ ประกาศเจตนารมณ์ในการร่ วมมือระหว่างประเทศที<มีความสําคัญในการวางกรอบเบื @องต้ นเกี<ยวกับสิทธิ มนุษยชน และเป็ นเอกสารหลักด้ านสิทธิมนุษยชนฉบับแรก ซึงที<ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ให้ การ < รับรองตามข้ อมติที< 217 A (III) เมื<อวันที< 10 ธันวาคม พ.ศ. 2491 โดยประเทศไทยออกเสียงสนับสนุน ความเป็ นมาทีปรากฏในคําปรารภ "ด้ วยเหตุที<การยอมรับศักดิTศรี ประจําตัว และสิทธิซงเสมอกันและไม่อาจโอนแก่กนได้ ของสมาชิกทั @ง ึ< ั ปวงแห่งครอบครัวมนุษย์เป็ นรากฐานของเสรี ภาพ ความยุติธรรม และสันติภาพในพิภพ ด้ วยเหตุที<การเมินเฉย และดูหมิ<นเหยียดหยามสิทธิมนุษยชนได้ ก่อให้ เกิดการอันป่ าเถื<อนโหดร้ ายทารุ ณ ซึงได้ กระทบกระเทือนมโนธรรมของมนุษยชาติอย่างรุนแรง และโดยเหตุที<ได้ มีการประกาศปณิธานอันสูงสุด < ของสามัญชนว่าถึงวาระแห่งโลกแล้ วที<มนุษย์จะมีเสรี ภาพในการพูดและในความเชื<อถือ รวมทั @งมีเสรี ภาพจาก ความกลัวและความต้ องการ ด้ วยเหตุที<เป็ นสิงจําเป็ นสิทธิมนุษยชนควรได้ รับความคุ้มครองโดยหลักนิตธรรม ถ้ าไม่พงประสงค์ให้ < ิ ึ มนุษย์ต้องถูกบีบบังคับให้ หาทางออก โดยการกบฏต่อทรราชและการกดขี<อนเป็ นที<พงแห่งสุดท้ าย ั ึ< ด้ วยเหตุที<ประดาประชาชนแห่งสหประชาชาติได้ ยืนยันไว้ ในกฎบัตรถึงความเชื<อมันในสิทธิมนุษย์ชนขั @น < พื @นฐานในศักดิTศรี และคุณค่าของตัวบุคคล และในความเสมอกันแห่งสิทธิของ ทั @งชายและหญิง และได้ ตัดสินใจที<จะส่งเสริ มความก้ าวหน้ าทางสังคมตลอดจนมาตรฐานแห่งชาติให้ ดีขึ @น ได้ มีเสรี ภาพมากขึ @น ด้ วยเหตุที<รัฐสมาชิกได้ ปฏิญาณที<จะให้ ได้ มา โดยร่ วมมือกับสหประชาชาติ ซึงการส่งเสริ มการเคารพ < และการถือปฏิบตโดยสากลต่อสิทธิมนุษยชนและเสรี ภาพขันพื @นฐาน ั ิ @ ด้ วยเหตุที<ความเข้ าใจตรงกันในเรื< องสิทธิและเสรี ภาพมีความสําคัญยิ<งเพื<อให้ ปฏิญาณนี @เกิดสัมฤทธิผล อย่างเต็มเปี< ยม
  • 2. ดังนัน บัดนี @ สมัชชาจึงประกาศให้ ปฏิญญาสากลว่าด้ วยสิทธิมนุษยชนนี @เป็ นมาตรฐานร่ วมกันแห่ง @ ความสําเร็ จ สําหรับประชาชนทั @งหลายและประชาชาติทั @งปวง ด้ วยจุดประสงค์ที<จะให้ ปัจเจกบุคคลทุกผู้ทก ุ นามและองค์กรของสังคมทุกหน่วย โดยการระลึกเสมอ ๆ ถึงปฏิญญานี @ พยายามสังสอนและให้ การสอนและ < ให้ การศึกษาเพื<อส่งเสริมการเคารพต่อสิทธิและเสรี ภาพเหล่านี @ และด้ วยมาตรฐานที<เจริ ญก้ าวหน้ าไปข้ างหน้ า ทั @งในและระหว่างประเทศ เพื<อให้ ได้ มาซึงการยอมรับและการถือปฏิบติต่อสิทธิเหล่านั @นสากลและได้ ผลทั @งใน < ั หมู่ประชาชนของรัฐสมาชิกเอง และในหมู่ประชาชนแห่งดินแดนที<อยูภายใต้ ดลอาณาของรัฐสมาชิกดังกล่าว" ่ ุ เนือหาของปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิทธิมนุษยชน นอกจากเจตนารมณ์ที<ปรากฏในคําปรารภของปฏิญญา หลักการเกี<ยวกับสิทธิมนุษยชนสําคัญ 30 ประการที<ปรากฏในปฏิญญาได้ แก่ @ T 1. มนุษย์ทั @งหลายเกิดมาอิสระเสรี และเท่าเทียมกันทังศักดิศรี และสิทธิทก คนได้ รับการประสิทธิประสาท ุ เหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบติต่อกันอย่างฉันพี<น้อง ั 2. บุคคลชอบที<จะมีสทธิและเสรี ภาพประดาที<ระบุไว้ ในปฏิญาณนี @ ทังนี @โดยไม่มีการจําแนกความแตกต่าง ิ @ ในเรื< องใดๆ เช่น เชื @อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรื อทางอื<นใด ชาติหรื อ สังคมอันเป็ นที<มาเดิม ทรัพย์สน กําเนิด หรื อสถานะอื<นใด นอกจากนี @การจําแนกข้ อแตกต่างโดยอาศัย ิ มูลฐานแห่งสถานะทางการเมืองทางดุลอาณา หรื อทางเรื< องระหว่างประเทศของประเทศ หรื อดินแดน ซึงบุคคลสังกัดจะทํามิได้ ทั @งนี @ไม่ว่าดินแดนดังกล่าวจะเป็ นเอกราชอยูในความพิทกษ์ มิได้ ปกครอง < ่ ั ตนเองหรื ออยู่ภายใต้ การจํากัดแห่งอธิปไตยอื<นใด 3. บุคคลมีสทธิในการดํารงชีวิต ในเสรี ธรรมและในความมันคงแห่งร่ างกาย ิ < 4. บุคคลใดจะถูกบังคับให้ เป็ นทาส หรื ออยู่ภาระจํายอมใดๆ มิได้ การเป็ นทาสและการค้ าทาสจะมีไม่ได้ ในทุกรูปแบบ 5. บุคคลใดจะถูกทรมาน หรื อได้ รับการปฏิบติ หรื อการลงทัณฑ์ซงทารุ ณโหดร้ ายไร้ มนุษยธรรมหรื อหยาม ั ึ< เกียรติมิได้ 6. ทุกๆ คนมีสทธิที<จะได้ รับการยอมรับว่าเป็ นบุคคลในกฎหมายไม่วา ณ ที<ใด ิ ่ 7. ทุกๆ คนต่างเสมอกันในกฎหมายและชอบที<จะได้ รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน โดย ปราศจากการเลือกปฏิบติใดๆ ทุกๆ คนชอบที<จะได้ รับการคุ้มครองอย่างเสมอหน้ าจากการเลือกปฏิบติ ั ั ใดๆ อันเป็ นการล่วงละเมิดปฏิญญานี @ และต่อการยุยงส่งเสริ มให้ เกิดการเลือกปฏิบตเิ ช่นนัน ั @
  • 3. 8. บุคคลมีสทธิที<จะได้ รับการเยียวยาอย่างได้ ผลโดยศาลแห่งชาติ ซึงมีอํานาจเนื<องจากการกระทําใดๆ ิ < อันละเมิดต่อสิทธิขั @นมูลฐาน ซึงตนได้ รับจากรัฐธรรมนูญหรื อจากกฎหมาย < 9. บุคคลใดจะถูกจับ กักขัง หรื อเนรเทศโดยพลการมิได้ 10. บุคคลชอบที<จะเท่าเทียมกันอย่างบริ บูรณ์ในอันที<จะได้ รับการพิจารณา อย่างเป็ นธรรมและเปิ ดเผยโดย ศาลซึ<งเป็ นอิสระและไร้ อคติ ในการวินิจฉัยชี @ขาดสิทธิและหน้ าที< ตลอดจนข้ อที<ตนถูกกล่าวหาใดๆ ทาง อาญา 11. (1) บุคคลซึงถูกกล่าวหาด้ วยความผิดทางอาญา มีสทธิที<จะได้ รับการสันนิฐานไว้ ก่อนว่าบริ สทธิTจนกว่า < ิ ุ จะมีการพิสจน์ว่า มีความผิดตามกฎหมายในการพิจารณาโดยเปิ ดเผย ณ ที<ซงตนได้ รับหลักประกัน ู ึ< ทั @งหมดที<จําเป็ นในการต่อสู้คดี (2) บุคคลใดจะถูกถือว่ามีความผิดอันมีโทษทางอาญาใดๆ ด้ วยเหตุผล ที<ตนได้ กระทํา หรื อ และเว้ นการกระทําการใดๆ ซึงกฎหมายของประเทศหรื อกฎหมายระหว่างประเทศ < ในขณะที<มีการกระทํานั @นมิได้ ระบุวาเป็ นความผิดทางอาญามิได้ และโทษที<จะลงแก่บคคลนั @นจะหนัก ่ ุ กว่าโทษที<ใช้ อยูในขณะที<การกระทําความผิด ทางอาญานันเกิดขึ @นมิได้ ่ @ 12. การเข้ าไปแทรกสอดโดยพลการในกิจส่วนตัว ครอบครัว เคหะสถาน การส่งข่าสาร ตลอดจนการโจมตี ต่อเกียรติยศและชื<อเสียงของบุคคลนั @นจะทํามิได้ ทุกๆ คน มีสทธิที<จะได้ รับความคุ้มครองตาม ิ กฎหมายจากการแทรกสอดและโจมตีดงกล่าว ั 13. (1) บุคคลมิสทธิที<จะมีเสรี ภาพในการเคลื<อนย้ าย และในถิ<นที<อยูภายในขอบเขตดินแดนของแต่ละรัฐ ิ ่ (2) บุคคลมิสทธิที<จะเดินทางออกจากประเทศใดๆ รวมทั @งของตนเองและที<จะกลับคืนสู่บ้านเกิดเมือง ิ นอน 14. (1) บุคคลมีสทธิที<จะแสวงหาและพักพิงในประเทศอื<นๆ เพื<อลี @ภัยจากการกดขี<ข่มเหง (2) สิทธินี @จะ ิ กล่าวอ้ างมิได้ ในกรณีการฟองคดี ซึงโดยความจริ งเกิดจากความผิดที<ไม่ใช่เรื< องการเมือง หรื อจากการ ้ < กระทําที<ขดต่อความมุ่งประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ ั 15. (1) บุคคลมีสทธิในการถือสัญชาติ (2) การถอนสัญชาติโดยพลการ หรื อการปฏิเสธสิทธิที<จะเปลี<ยน ิ สัญชาติของบุคคลใดนันจะกระทํามิได้ @ 16. (1) ชายและหญิงเมื<อเจริ ญวัยบริ บรณ์แล้ ว มีสทธิที<จะสมรสและที<จะสร้ างครอบครัวโดยไม่มีการจํากัด ู ิ ใดๆ เนื<องจากเชื @อชาติ สัญชาติ หรื อศาสนา บุคคลชอบที<จะมีสทธิเท่าเทียมกันในเรื< องการสมรส ใน ิ ระหว่างการสมรสและในการขาดการสมรส (2) การสมรสจะกระทําได้ ก็โดยความยินยอมอย่างเสรี และเต็มใจของคู่บ่าวสาวผู้ตงใจจะกระทําการสมรส (3) ครอบครัว คือ กลุมซึงเป็ นหน่วยธรรมชาติและ ั@ ่ < พื @นฐานของสังคมและชอบที<จะได้ รับการคุ้มครอง โดยสังคมและรัฐ
  • 4. 17. (1) บุคคลมีสทธิในการเป็ นเจ้ าของทรัพย์สนโดยลําพังตนเอง และโดยการร่วมกับผู้อื<น (2) การยึดเอา ิ ิ ทรัพย์สินของบุคคลใดไปเสียโดยพลการกระทํามิได้ 18. บุคคลมีสทธิในเสรี ภาพแห่งความคิด มโนธรรม และศาสนา สิทธินี @รวมถึงเสรี ภาพที<จะเปลี<ยนศาสนา ิ หรื อความเชื<อถือ และเสรี ภาพ ที<จะแสดงให้ ศาสนาหรื อความเชื<อถือประจักษ์ ในรูปของการสังสอน < การปฏิบตกิจความเคารพสักการะบูชา สวดมนต์ และการถือปฏิบตพิธีกรรม ไม่วาโดยลําพังตนเอง ั ิ ั ิ ่ หรื อร่ วมกับผู้อื<นในประชาคมและในที<สาธารณะหรื อส่วนตัว 19. บุคคลมีสทธิในเสรี ภาพแห่งความเห็นและการแสดงออก สิทธินี @รวมถึงเสรี ภาพที<จะยึดมันในความเห็น ิ < โดยปราศจากการแทรกสอดและที<จะ แสวงหารับ ตลอดจนแจ้ งข่าว รวมทั @งความคิดเห็นโดยผ่านสื<อ ใดๆ และโดยมิต้องคํานึงถึงเขตแดน 20. (1) บุคคลมีสทธิในเสรี ภาพแห่งการชุมนุม และการสมาคมโดยสงบ (2) การบังคับให้ บุคคลเข้ าเป็ น ิ สมาชิกของสมาคมจะทํามิได้ 21. (1) บุคคลมีสทธิที<จะเข้ าร่ วมในรัฐบาลแห่งประเทศของตน ไม่ว่าโดยตรงหรื อโดยผู้แทนซึงผ่านการ ิ < เลือกอย่างเสรี (2) บุคคลมีสทธิเข้ าถึงเท่ากันในบริ การสาธารณะในประเทศของตน ิ (3) เจตจํานงของประชาชนจะเป็ นฐานแห่งอํานาจของรัฐบาล เจตจํานงนีจะแสดงออกโดยการเลือกตั @ง @ เป็ นครังเป็ นคราวอย่างแท้ จริ ง ด้ วยการให้ สทธิออกเสียงอย่างทัวถึงและเท่าเทียมกันและโดยการลงคะแนนลับ @ ิ < หรื อวิธีการลงคะแนนอย่างเสรี ที<คล้ ายคลึงกัน 22. ในฐานะสมาชิกของสังคมด้ วยความเพียรพยายามของชาติตลอดจนความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และโดยสอดคล้ องกับการจัดระเบียบและทรัยากรของแต่ละรัฐ บุคคลมีสทธิในความมั<นคงทางสังคมและชอบที< ิ จะได้ รับผลแห่งสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมซึงจําเป็ นต่อศักดิTศรี และการพัฒนาบุคคลิกภาพอย่าง < เสรี ของตน 23. (1) บุคคลมีสทธิที<จะทํางานที<จะเลือกงานอย่างเสรี ที<จะมีสภาวะการทํางานที<ยติธรรมและพอใจ และ ิ ุ ที<จะได้ รับความคุ้มครองจากการว่างงาน (2) บุคคลมิสทธิในการรับค่าตอบแทนเท่ากันสําหรับการทํางานที<เท่ากัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบตใดๆ ิ ั ิ
  • 5. (3) บุคคลผู้ทํางานมีสทธิในรายได้ ซงยุติธรรม และเอื @อประโยชน์เพื<อประกันสําหรับตนเองและครอบครัว ิ ึ< ให้ การดํารงชีวิตมีค่าควร แก่ศกดิTศรี ของมนุษย์ และถ้ าจําเป็ นก็ชอบที<จะได้ รับความคุ้มครองทางสังคมอื<นๆ ั เพิ<มเติม (4) บุคคลมีสทธิที<จะก่อตังและเข้ าร่ วมกับสหภาพแรงงานเพื<อคุ้มครองผลประโยชน์ของตน ิ @ 24. บุคคลมีสทธิในการพักผ่อนและเวลาว่าง รวมทั @งการจํากัดเวลาทํางานที<ชอบด้ วยเหตุผลและมีวนหยุด ิ ั ครังคราวที<ได้ รับค่าตอบแทน @ 25. (1) บุคคลมีสทธิในมาตรฐานการครองชีพที<เพียงพอสํากรับสุขภาพ และความอยู่ดีของตนและ ิ ครอบครัว รวมทังอาหาร เสื @อผ้ า ที<อยูอาศัย การรักษาพยาบาล และบริ การสังคมที<จําเป็ นและสิทธิในความ @ ่ มันคงในกรณีว่างงาน เจ็บป่ วย ทุพพลภาพ เป็ นหม้ าย วัยชรา หรื อการขาดปั จจัยในการเลี @ยงชีพอื<นใดใน < พฤติการณ์อนเกิดจากที<ตนจะควบคุม ได้ ั (2) มารดาและบุตรชอบที<จะได้ รับการดูแลแลความช่วยเหลือเป็ นพิเศษ เด็กทั @งหลายไม่ว่าจะเป็ นบุตรใน หรื อนอกสมรสย่อมได้ รับความคุ้มครองทางสังคม เช่นเดียวกัน 26. (1) บุคคลมีสทธิในการศึกษา การศึกษาจะเป็ นสิ<งที<ให้ เปล่าโดยไม่คิดมูลค่า อย่างน้ อยที<สดในขั @น ิ ุ ประถมศึกษาและขั @นพื @นฐาน ขั @นประถมศึกษาให้ เป็ นการศึกษาภาคบังคับ ขั @นเทคนิคและขั @นประกอบอาชีพ เป็ นการศึกษาที<จะต้ องจัดมีขึ @นโดยทัวๆ ไป และขั @นสูงเป็ นขั @นที<จะเปิ ดให้ ทกคนเท่ากันตามความสามารถ < ุ (2) การศึกษาจะมุ่งไปในทางพัฒนาบุคคลิกภาพของมนุษย์อย่างเต็มที<และเพื<อเสริ ม พลังเคารพต่อสิทธิ มนุษยชน และเสรี ภาพขั @นมูลฐานให้ แข็งแกร่ ง ทั @งจะมุ่งเสริ มความเข้ าใจ ขันติ และมิตรภาพในระหว่าง ประชาชาติ กลุมเชื @อชาติ หรื อกลุมศาสนา และจะมุ่งขยายกิจกรรมของสหประชาชาติเพื<อการธํารงสันติภาพ ่ ่ (3) ผู้ปกครองมีสทธิก่อนผู้อื<นที<จะเลือกชนิดของการศึกษาสําหรับบุตรหลานของตน ิ 27. (1) บุคคลมีสทธิที<จะเข้ าร่ วมการใช้ ชีวิตทางด้ านวัฒนธรรมในประชาคมอย่างเสรี ที<จะพึงใจในศิลปะและ ิ มีสวนในความคืบหน้ าและผลประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ ่ (2) บุคคลมีสทธิในการรับความคุ้มครองประโยชน์ ทางด้ านศีลธรรมและทางวัตถุอนเป็ น ผลได้ จากการ ิ ั ประดิษฐ์ ทางวิทยาศาสตร์ วรรณกรรมและศิลปะซึงตนเป็ นเจ้ าของ <
  • 6. 28. บุคคลชอบที<จะได้ รับประโยชน์ จากระเบียบสังคมและระหว่างประเทศอันจะอํานวย ให้ การใช้ สทธิและ ิ เสรี ภาพบรรดาที<ได้ ระบุในปฏิญญานี @ทําได้ อย่างเต็มที< 29. (1) บุคคลมีหน้ าที<ตอประชาชนอันเป็ นที<เดียวซึงบุคคิกภาพของตนจะพัฒนาได้ อย่างเสรี และเต็ม ่ < ความสามารถ (2) ในการใช้ สิทธิและเสรี ภาพ บุคคลต้ องอยูใต้ เพียงเช่นที<จํากัดโดยกําหนดแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื<อ ่ ความมุ่งประสงค์ให้ ได้ มาซึงการยอมรับ และการเคารพโดยชอบในสิทธิ เสรี ภาพของผู้อื<น และเพื<อให้ สอดคล้ อง < กับข้ อกําหนดอันยุติธรรมของศีลธรรม ความสงบเรี ยบร้ อยของประชาชาติและสวัสดิการโดยทัวๆ ไป ในสังคม < ประชาธิปไตย (3) สิทธิและอิสรภาพเหล่านี @ มิว่าจะด้ วยกรณีใดจะใช้ ให้ ขดกับความมุ่งประสงค์และหลักการของ ั สหประชาชาติไม่ได้ 30. ข้ อความต่างๆ ตามปฏิญญานี @ไม่เปิ ดช่องที<จะแปลความได้ ว่าให้ สิทธิใดๆ แก่รัฐ กลุมชนหรื อบุคคลใดๆ ที< ่ จะประกอบกิจกรรม หรื อกระทําการใดๆ อันมุ่งต่อการทําลายสิทธิและเสรี ภาพใดๆ บรรดาที<ได้ ระบุไว้ ใน บทบัญญัติฉบับนี @ ข้ อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/ปฏิญญาสากลว่ าด้ วยสิทธิมนุษยชน ค้ นคว้ าเพิมเติม www.un.org/en/documents/udhr/