More Related Content
More from อำนาจ ศรีทิม (20)
องค์ประกอบของดนตรีไทย ม.2 56
- 1. องค์ประกอบของดนตรีไทย (ดนตรี – นาฎศิลป์ ม.2)
นายอานาจ ศรีทิม ครูชานาญการ โรงเรียนสามง่ามชนูปถัมภ์ สพม.เขต 41 หน้า 1
องค์ประกอบของดนตรีไทย
1. เสียงของดนตรีไทย ประกอบด้วยระดับเสียง7 เสียง แต่ละเสียงมีช่วงห่างเท่ากันทุกเสียง เสียงดนตรีไทย
แต่ละเสียงเรียกชื่อแตกต่างกันไปในดนตรีไทยเรียกระดับเสียงว่า“ทาง”
2. จังหวะของดนตรีไทย “จังหวะ” มีความหมายถึงมาตราส่วนของระบบดนตรีที่ดาเนินไปในช่วงของ
การบรรเลงเพลงอย่างสม่าเสมอ เป็นตัวกาหนดให้ผู้บรรเลงจะต้องใช้เป็นหลักในการบรรเลงเพลง จังหวะของดนตรี
ไทยจาแนกได้ 3 ประเภท คือ
2.1. จังหวะสามัญ หมายถึงจังหวะทั่วไปที่นักดนตรียึดเป็นหลักสาคัญในการบรรเลงและขับร้องโดย
ปกติจังหวะสามัญที่ใช้กัน ในวงดนตรีจะมี 3 ระดับ คือ
จังหวะช้า ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ สามชั้น
จังหวะปานกลาง ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ สองชั้น
จังหวะเร็ว ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ ชั้นเดียว
2.2 จังหวะฉิ่ง หมายถึง จังหวะที่ใช้ฉิ่งเป็นหลักในการตี โดยปกติจังหวะฉิ่งจะตี“ฉิ่ง…ฉับ”
สลับกันไป ตลอดทั้งเพลง แต่จะมีเพลงบางประเภทตีเฉพาะ “ฉิ่ง” ตลอดเพลง บางเพลงตี “ฉิ่ง ฉิ่ง ฉับ” ตลอดทั้ง
เพลง หรืออาจจะตีแบบอื่นๆ ก็ได้จังหวะฉิ่งนี้นักฟังเพลงจะใช้เป็นแนวในการพิจารณาว่าช่วงใดเป็นอัตราจังหวะ
สามชั้น สองชั้น หรือ ชั้นเดียวก็ได้เพราะฉิ่งจะตีเพลงสามชั้นให้มีช่วงห่างตามอัตราจังหวะของเพลง หรือ ตีเร็ว
กระชั้นจังหวะ ในเพลงชั้นเดียว
2.3 จังหวะหน้าทับ หมายถึงเกณฑ์การนับจังหวะที่ใช้เครื่องดนตรี ประเภทเครื่องตีประเภทหนังซึ่ง
เลียนเสียงการตีมาจาก“ทับ” เป็นเครื่องกาหนดจังหวะเครื่องดนตรีเหล่านี้ ได้แก่ ตะโพน กลองแขก สองหน้า
โทน - รามะนา หน้าทับ
3. ทานองดนตรีไทย คือลักษณะทานองเพลงที่มีเสียงสูงๆ ต่าๆ สั้นๆ ยาวๆ สลับ คละเคล้ากันไป ตาม
จินตนาการของคีตกวีที่ประพันธ์บทเพลงซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ เหมือนกันทุกชาติภาษาจะมีความแตกต่างกันตรง
ลักษณะประจาชาติที่มีพื้นฐานทางสังคม วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน เช่น เพลงของอเมริกัน อินโดนีเซีย อินเดีย จีน
ไทย ย่อมมีโครงสร้างของทานองที่แตกต่างกันทานองของดนตรีไทยประกอบด้วยระบบของเสียง การเคลื่อนที่
ของเสียง ความยาว ความกว้างของเสียง และระบบหลักเสียงเช่นเดียวกับทานองเพลงทั่วโลก
3.1 ทานองทางร้อง เป็นทานองที่ประดิษฐ์เอื้อนไปตามทานองบรรเลงของเครื่องดนตรี และมีบท
ร้องซึ่งเป็นบทร้อยกรอง ทานองทางร้องคลอเคล้าไปกับทานองทางรับหรือร้องอิสระได้การร้องนี้ต้องถือทานองเป็น
สาคัญ
3.2 ทานองการบรรเลง หรือทางรับ เป็นการบรรเลงของเครื่องดนตรีในวงดนตรี ซึ่งคีตกวีแต่ง
ทานองไว้สาหรับบรรเลง ทานองหลักเรียกลูกฆ้อง “Basic Melody” เดิม นิยมแต่งจากลูกฆ้องของฆ้องวงใหญ่ และ
แปรทางเป็นทางของเครื่องดนตรีชนิดต่างๆดนตรีไทยนิยมบรรเลงเพลงในแต่ละท่อน 2 ครั้งซ้ากันภายหลังได้มีการ
แต่งทานองเพิ่มใช้บรรเลงในเที่ยวที่สองแตกต่างไปจากเที่ยวแรกเรียกว่า “ทางเปลี่ยน”
- 2. องค์ประกอบของดนตรีไทย (ดนตรี – นาฎศิลป์ ม.2)
นายอานาจ ศรีทิม ครูชานาญการ โรงเรียนสามง่ามชนูปถัมภ์ สพม.เขต 41 หน้า 2
4. การประสานเสียง หมายถึง การทาเสียงดนตรีพร้อมกัน2 เสียง พร้อมกันเป็นคู่ขนานหรือเหลื่อมล้ากัน
ตามลีลาเพลงก็ได้
4.1 การประสานเสียงในเครื่องดนตรีเดียวกันเครื่องดนตรีบางชนิดสามารถบรรเลงสอดเสียง พร้อม
กันได้ โดยเฉพาะทาเสียงขั้นคู่ (คู่2 คู่3 คู่4 คู่5 คู่6 และ คู่7)
4.2 การประสานเสียงระหว่างเครื่องดนตรี คือ การบรรเลงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีต่างชนิดกัน
สุ้มเสียง และความรู้สึกของเครื่องดนตรีเหล่านั้นก็ออกมาไม่เหมือนกันแม้ว่าจะบรรเลงเหมือนกันก็ตาม
4.3 การประสานเสียงโดยการทาทาง การแปรทานองหลักคือ ลูกฆ้อง “Basic Melody” ให้เป็น
ทานองของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดเรียกว่า“การทาทาง” ทางของเครื่องดนตรี (ทานอง)แต่ละชนิดไม่เหมือนกันดังนั้น
เมื่อบรรเลงเป็นวงเครื่องดนตรีต่างเครื่องก็จะบรรเลงตามทางหรือทานองของตนโดยถือทานองหลักเป็นสาคัญ
ของ การบรรเลง
จังหวะในดนตรีไทย
“จังหวะ” มีความหมายถึงมาตราส่วนของระบบดนตรีที่ดาเนินไปในช่วงของการบรรเลงเพลงอย่าง
สม่าเสมอ เป็นตัวกาหนดให้ผู้บรรเลงจะต้องใช้เป็นหลักในการบรรเลงเพลง จังหวะของดนตรีไทยจาแนกได้
3 ประเภทคือ
1. จังหวะสามัญ หมายถึงจังหวะทั่วไปที่นักดนตรียึดเป็นหลักสาคัญในการบรรเลงและขับร้องโดยปกติ
จังหวะสามัญที่ใช้กัน ในวงดนตรีจะมี 3 ระดับ คือ
จังหวะช้า ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ สามชั้น
จังหวะปานกลาง ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ สองชั้น
จังหวะเร็ว ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ ชั้นเดียว
2. จังหวะฉิ่งหมายถึง จังหวะที่ใช้ฉิ่ง เป็นหลักในการตี โดยปกติจังหวะฉิ่งจะตี“ฉิ่ง…ฉับ” สลับกันไป
ตลอดทั้งเพลง แต่จะมีเพลงบางประเภทตีเฉพาะ “ฉิ่ง” ตลอดเพลง บางเพลงตี “ฉิ่ง ฉิ่ง ฉับ” ตลอดทั้งเพลง หรือ
อาจจะตีแบบอื่นๆ ก็ได้จังหวะฉิ่งนี้นักฟังเพลงจะใช้เป็นแนวในการพิจารณาว่าช่วงใดเป็นอัตราจังหวะสาม
ชั้น สองชั้น หรือ ชั้นเดียวก็ได้เพราะฉิ่งจะตีเพลงสามชั้นให้มีช่วงห่างตามอัตราจังหวะของเพลง หรือ ตีเร็ว
กระชั้นจังหวะในเพลงชั้นเดียว
- 3. องค์ประกอบของดนตรีไทย (ดนตรี – นาฎศิลป์ ม.2)
นายอานาจ ศรีทิม ครูชานาญการ โรงเรียนสามง่ามชนูปถัมภ์ สพม.เขต 41 หน้า 3
การตีฉิ่งแบบธรรมดา
อัตราจังหวะ 3 ชั้น
- - - - - - - ฉิ่ง - - - - - - - ฉับ - - - - - - - ฉิ่ง - - - - - - - ฉับ
อัตราจังหวะ 2 ชั้น
- - - ฉิ่ง - - - ฉับ - - - ฉิ่ง - - - ฉับ - - - ฉิ่ง - - - ฉับ - - - ฉิ่ง - - - ฉับ
อัตราจังหวะชั้นเดียว
- ฉิ่ง - ฉับ - ฉิ่ง - ฉับ - ฉิ่ง - ฉับ - ฉิ่ง - ฉับ - ฉิ่ง - ฉับ - ฉิ่ง - ฉับ - ฉิ่ง - ฉับ -ฉิ่ง - ฉับ
การตีฉิ่งแบบพิเศษ
การตีฉิ่งแบบฉิ่งตัดเช่น ในเพลงชมตลาด
- - - - - - - ฉิ่ง - - - - - - - ฉับ - - - - - - - ฉิ่ง - - - ฉับ
การตีฉิ่งในเพลงสาเนียงจีน
- - - - - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉับ - - - - - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉับ
การตีฉิ่งแบบ“ฉิ่ง” อย่างเดียว เช่น เพลงสาธุการ เพลงเชิด เพลงกราวใน เป็นต้น
- - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง - - - ฉิ่ง
การตีฉิ่งแบบ“ฉับ” อย่างเดียว เช่น เพลงเชิดจีน เป็นต้น
- - - ฉับ - - - ฉับ - - - ฉับ - - - ฉับ - - - ฉับ - - - ฉับ - - - ฉับ - - - ฉับ
3. จังหวะหน้าทับ หมายถึงเกณฑ์การนับจังหวะที่ใช้เครื่องดนตรี ประเภทเครื่องตีประเภทหนังซึ่งเลียนเสียง
การตีมาจาก“ทับ” เป็นเครื่องกาหนดจังหวะ เครื่องดนตรีเหล่านี้ ได้แก่ ตะโพน กลองแขกสองหน้า โทน - รามะนา
หน้าทับ
- 4. องค์ประกอบของดนตรีไทย (ดนตรี – นาฎศิลป์ ม.2)
นายอานาจ ศรีทิม ครูชานาญการ โรงเรียนสามง่ามชนูปถัมภ์ สพม.เขต 41 หน้า 4
หน้าทับปรบไก่
3 ชั้น
- - ทั่ง ติง ทั่งติงโจ๊ะจ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - - - - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ
- ติง - ติง - ทั่งติงทั่ง ติงทั่ง - ติง - โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง - ติง - ติง - ทั่ง - ติง - ติง - ทั่ง
2 ชั้น
- - ทั่ง ติง ทั่งติงโจ๊ะจ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - ติง - ทั่ง - ติง - ติง - ทั่ง - ติง - ติง - ทั่ง
ชั้นเดียว
- - ติง ทั่ง - ติง - - ติง ทั่ง - ติง - ทั่ง ติง ทั่ง
หน้าทับสองไม้
3 ชั้น
- - ทั่ง ติง ทั่งติงโจ๊ะจ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - ติง– ติง - ทั่ง ติง ทั่ง - ติง– ติง - ทั่ง ติง ทั่ง
2 ชั้น
(ติ้ง)- -โจ๊ะจ๊ะ ติงติง-ติง - - โจ๊ะ จ๊ะ ติงติง-ทั่ง
ชั้นเดียว
(ติ้ง)- -โจ๊ะจ๊ะ ติงติง-ทั่ง
หน้าทับเขมร
3 ชั้น
- - - - - โจ๊ะ - จ๊ะ - โจ๊ะ - จ๊ะ - โจ๊ะ - จ๊ะ - - - - - โจ๊ะ - จ๊ะ - โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง
- - - - - โจ๊ะ - จ๊ะ - โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง - โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง - ติง - ทั่ง - โจ๊ะ - จ๊ะ
2 ชั้น
- - - - - โจ๊ะ - จ๊ะ - โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง - โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง - ติง - ทั่ง - โจ๊ะ - จ๊ะ
- 5. องค์ประกอบของดนตรีไทย (ดนตรี – นาฎศิลป์ ม.2)
นายอานาจ ศรีทิม ครูชานาญการ โรงเรียนสามง่ามชนูปถัมภ์ สพม.เขต 41 หน้า 5
ชั้นเดียว
- โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง - ติง - ทั่ง - โจ๊ะ - จ๊ะ
หน้าทับแขก
3 ชั้น
- - ทั่ง ติง ทั่งติงโจ๊ะจ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - - - - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ
- - ติง ติง - - ทั่ง ทั่ง - - ทั่ง ทั่ง - - ติง ติง - - ติง ติง - ติง - ทั่ง - ติง - ทั่ง ติง ทั่ง - ติง
2 ชั้น
- - ทั่ง ติง ทั่งติงโจ๊ะจ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - - โจ๊ะ จ๊ะ - ติง - ทั่ง ติง ทั่ง - ติง - ติง - ทั่ง ติง ทั่ง - ติง
ชั้นเดียว
- - โจ๊ะ จ๊ะ - โจ๊ะ - จ๊ะ - ติง - ทั่ง ติง ทั่ง - ติง
หน้าทับลาว (2ชั้น)
- ติง - โจ๊ะ - ติง - ติง - - ติง ทั่ง - ติง - ทั่ง
หน้าทับมอญ (2ชั้น)
- - - - - โจ๊ะ - จ๊ะ - - ทั่ง ติง - - ทั่ง ติง
หน้าทับญวน (2ชั้น)
- - - - - ติง - ทั่ง - ติง - ทั่ง - ติง - ติง