More Related Content
Similar to พลังงานไฟฟ้า (20)
พลังงานไฟฟ้า
- 2. จัดทาโดย
• 1.ด.ญ.ชุตกาญจน์
ิ ทวี เลขที่ 25 ม.304
• 2.ด.ญ.นฤมล ยาดี เลขที่ 26 ม.304
• 3.ด.ญ.นันทิชา เสาปั น เลขที่ 27 ม.304
• 4.ด.ญ.วิไลลักษณ์ โหนแหยม เลขที่ 28 ม.304
- 3. เรื่ อง พลังงานไฟฟ้ า
• พลังงานไฟฟาสามารถแบ่ งออกได้ 2 แบบได้ แก่
้
1. ไฟฟาสถิต
้
2. ไฟฟากระแส
้
• ไฟฟาสถิต
้
ในการดาเนินชีวิตประจาวันของเรา เราสามารถพบไฟฟ้ าสถิตได้ เสมอ เช่น เมื่อเรานามือเข้ าไปใกล้
จอโทรทัศน์ที่เพิ่งปิ ดใหม่ ๆ หรื อเมื่อเราหวีผม เส้ นผมมักจะชูตามหวีขึ ้นมาด้ วย หรื อการที่เรานาไม้ บรรทัด
พลาสติก มาถูที่ผมของเรา จากนันไม้ บรรทัดจะมีพลังสามารถที่จะดูดเศษกระดาษชิ ้นเล็กๆ ได้ เราเรี ยน
้
พลังงานเหล่านี ้ว่า ไฟฟ้ าสถิต
ปรากฏการณ์ไฟฟาสถิตนี ้มนุษย์ค้นพบมานานแล้ วเท่าที่มีการบันทึกไว้ เริ่ มมาตังแต่ 600 ปี ก่อนคริ สต
้ ้
ศักราชหรื อราว ๆ สมัยพุทธกาลนันเอง นักปราชญ์ชาวกรี กชื่อ ธาลีสแห่งเมืองมิเลตุล (Thales of
่
Miletus)
นักปราชญ์เทลีส สังเกตว่าเมื่อเขาหยิบแท่งอาพันมาถูกบเสื ้อคลุมซึงทาด้ วยขนสัตว์ เมื่อเขาวางแท่ง
ั ่
อาพันไว้ บนโต๊ ะดังเดิม เศษวัสดุต่าง ๆ เช่น เศษไม้ เล็ก ๆ ต่างก็วิ่งเข้ ามาเกาะแท่งอาพันนันได้ เอง เขา
้
ทดลองถูอีกหลายครังจึงแน่ใจว่านันเป็ นความจริ ง ไม่ใช่ภาพลวงตา เทลีส เรี ยนรู้ว่าถ้ าเอาอาพันถูกบผ้ า
้ ่ ั
ขนสัตว์แล้ วแท่งอาพันจะดูดวัตถุเบา ๆ ได้
- 4. • การเกิดไฟฟาสถิต
้
•
เมื่อมีวสดุท้งสองชนิดเป็ นฉนวนที่มีการสัมผัสกันจะมีประจุบางส่วน (Electrons) ถูกถ่ายโอนจากวัสดุ
ั ั
ฉนวนชิ้นหนึ่งไปสู่วสดุฉนวนอีกชิ้นหนึ่ง และเมื่อฉนวนทั้งสองชิ้นถูกแยกออกจากกัน ประจุดงกล่าวก็จะไม่
ั ั
สามารถย้อนกลับไปยังวัสดุฉนวนชิ้นเดิมได้ จึงทาให้ประจุดงกล่าวก็จะไม่สามารถเคลื่อนที่ในวัสดุฉนวนได้ ซึ่งถ้า
ั
วัสดุท้งสองเป็ นกลางแล้วก็จะเกิดประจุบวกขึ้นในวัสดุฉนวนชิ้นหนึ่ งและเกิดประจุลบกับวัสดุอีกชิ้นหนึ่ง
ั
• ปรากฏการณ์ธรรมชาติฟ้าแลบ ฟ้ าร้อง และฟ้ าผ่าเกิดจากประจุไฟฟ้ าสถิตในก้อนเมฆ มีจานวนมากจนสามารถ
เคลื่อนที่จากเมฆก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่ง เมื่อเกิดพายุฝนฟ้ าคะนองประจุไฟฟ้ าในก้อนเมฆจะเกิดการถ่ายเทไป
ั
ยังอีกก้อนหนึ่งอย่างรวดเร็วทาให้เสี ยดสี กบอากาศจนอากาศร้อนจัด และลุกไหม้เห็นแสงสว่างราบเป็ นทางที่เรา
เรี ยกว่า ฟ้ าแลบ เมื่ออากาศร้อนจัดจึงขยายตัวและหดตัวอย่างรวดเร็ว ทาให้อากาศสันสะเทือนกลายเป็ นเสี ยง ฟ้ า
่
ร้อง
• ่
ส่วนการเกิดฟ้ าผ่า เกิดจากถ่ายเทประจุไฟฟ้ าระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดินเป็ น ถ้ามีสิ่งกีดขวางไม่ยอมให้ประจุผาน
ไปได้สะดวก เช่น ต้นไม้ บ้าน รถยนต์ คน สัตว์ต่างๆ ก็จะเกิดความร้อนและลุกไหม้เป็ นอันตรายอย่างมาก หรื อที่
่
เราเรี ยกกันว่า ฟ้ าผ่า ดังนั้นจึงสังเกตได้วาตามอาคารสูงๆ จึงมักติดสายล่อฟ้ า ทาด้วยเหล็กกล้ารู ปสามง่ามไว้บนยอด
สุดของอาคาร เชื่อมต่อกับสายทองแดงลงมาที่พ้ืนดินเพื่อถ่ายเทประจุไฟฟ้ านาลงสู่พ้ืนดิน
• ั ่
เบนจามิน แฟรงคลิน นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริ กน ได้พิสูจน์วาฟ้ าแลบฟ้ าร้อง เป็ นไฟฟ้ าสถิตอย่างหนึ่งในปี
พ.ศ. 2295 เขาได้ทดลองปล่อยว่าวขึ้นท่ามกลางพายุในฟ้ าคะนอง เขาพบว่าไฟฟ้ าไหลลงมาตามสายป่ านที่เปี ยกฝน
ก่อให้เกิดประกายไฟที่ลูกกุญแจโลหะที่แขวนไว้ใกล้ปลายสายป่ าน การทดลองนี้มีอนตรายมากอาจถึงแก่ชีวิตโชคดี
ั
ที่แฟรงคลินรอดชีวิตมาได้ ผูทดลองแบบเดียวกันในปี ต่อมาถูกฟ้ าผ่าเสี ยชีวิต การทดลองของแฟรงคลินก่อให้เกิด
้
การประดิษฐ์สายล่อฟ้ าเพื่อป้ องกันฟ้ าผ่าในเวลาต่อมา
• ่
แม้วาไฟฟ้ าสถิตจากฟ้ าผ่าจะก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวตก็ตามแต่เราได้ใช้ประโยชน์หลายอย่างจากไฟฟ้ า
ิ
สถิต เช่น ทาให้เกิดภาพบนจอโทรทัศน์ ทาให้เกิดภาพในเครื่ องถ่ายเอกสาร เครื่ องเอกซเรย์ ช่วยในการพ่นสี
รถยนต์จนถึงการทางานของไมโครชิพในเครื่ องคอมพิวเตอร์ เป็ นต้น
- 5. • ไฟฟากระแส
้
•
ั ่
ไฟฟ้ าที่เราใช้กนทัวไป หรื อที่เรี ยกว่า ไฟฟ้ ากระแส เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้ า
ไหลผ่านตัวนาไฟฟ้ าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยแหล่งกาเนิดไฟฟ้ าแบบนี้มีมีหลายวิธี
1. เซลล์ไฟฟ้ าเคมี จะเป็ นกรรมวิธีการเปลี่ยนพลังงานจากปฏิกิริยาเคมีมาเป็ นพลังงานไฟฟ้ า
โดยถ้าเราจุ่มแผ่นทองแดงและแผ่นสังกะสี ลงในกรดกามะถันเจือจางโดยวางให้ห่างกัน
พอประมาณ ต่อหลอดไฟระหว่างแผ่นโลหะทั้งสอง หลอดไฟจะติดสว่าง เซลล์ไฟฟ้ านี้
เรี ยกว่า เซลล์เปี ยก โดยจะทาปฏิกิริยาเคมีระหว่างแผ่นโลหะกับกรดกามะถัน จนทาให้เกิด
กระแสไฟฟ้ าไหลในวงจรจากแผ่นทองแดงไปยังแผ่นสังกะสี
• 2. ไฟฟ้ าจากไดนาโม หรื อเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ า โดยปกติน้ นไฟฟ้ าที่ใช้ตามอาคารบ้านเรื อนเป็ น
ั
ไฟฟ้ าที่เกิดจากเครื่ องไดนาโม (เจเนอเรเตอร์) ซึ่งภายในไดนาโม จะประกอบด้วยขด
ลวดทองแดงเคลื่อนที่ตดเส้นแรงแม่เหล็กหรื ออาจเคลื่อนที่แม่เหล็กตัดขวดลวดทองแดงที่อยูกบ
ั ่ ั
ที่ ก็จะเกิดกระแสไฟฟ้ าในขดลวดไหลกลับไปกลับมาระหว่างขั้วบวกและขั้วลบ เรี ยกว่า ไฟฟ้ า
กระแส-สลับ
เครื่ องกาเนิดขนาดใหญ่ ใช้แรงดันไอน้ าเป็ นตัวหมุนแม่เหล็ก ในโรงไฟฟ้ าที่ใช้น้ ามัน ถ่าน
หิน ก๊าซธรรมชาติ เป็ นเชื้อเพลิงต้มน้ า เพื่อให้เกิดไอน้ าที่มีแรงดันไปหมุนกังหันเทอร์-ไบน์ที่
ต่อไปยังแม่เหล็ก ทาให้เกิดกระแสไฟฟ้ าในขดลวดที่พนรอบแม่เหล็กนั้น
ั
3. ไฟฟ้ าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเราสามารถสร้าง Solar Cell ที่ทาหน้าที่เปลี่ยน
พลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็ นพลังงานไฟฟ้ าได้ ซึ่ งใช้ครั้งแรกในยานอวกาศ ปัจจุบน ั
เครื่ องใช้ไฟฟ้ าหลายชนิดใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้ เช่น นาฬิกาข้อมือ เครื่ องคิดเลข แต่ใช้จ่าย
ในการผลิตกระแสไฟฟ้ าจากแสงอาทิตย์ค่อนข้างสูง
- 6. ไฟฟามาจากไหน
้
• ไฟฟาเกิดขึนได้ หลายวิธี
้ ้
• เกิดขึ ้นเองตามธรรมชาติ ได้ แก่ ฟาแลบ ฟาผ่า
้ ้
• เกิดจากการเปลี่ยนพลังงานความร้ อนเป็ นพลังงานไฟฟา ้
• เกิดจากการเปลี่ยนแสงสว่างให้ เป็ นพลังงานไฟฟา โดยเซลล์แสงอาทิตย์
้
(Solar Cell)หรื อ โฟโตเซลล์(Photo Cell)
• เกิดจากปฎิกิริยาเคมี เช่น แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย เซลล์แห้ งและเซลล์
เชื ้อเพลิง เป็ นต้ น
• เกิดจากการเหนี่ยวนาของอานาจแม่เหล็กโดยเครื่ องกาเนิดไฟฟา ได้ แก่
้
ไฟฟาที่ใช้ อยูตามอาคารบ้ านเรื อนในปั จจุบน
้ ่ ั
- 7. • เครื่ องกาเนิดไฟฟา
้
เครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าเป็ นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าที่เปลี่ยนแปลงพลังงานกลมาเป็ นพลังงานไฟฟ้ า โดยอาศัยการเหนี่ยวนาของ
แม่เหล็กตามหลักการของ ไมเคิล ฟาราเดย์ คือ การเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนาผ่านสนามแม่เหล็ก หรื อการเคลื่อนที่
แม่เหล็กผ่านขดลวดตัวนา จะทาให้เกิดแรงดันไฟฟ้ าเหนี่ยวนาขึ้นในขดลวดตัวนานั้น
• เครื่ องกาเนิดไฟฟ้ ามี 2 ชนิด คือชนิดกระแสตรงเรี ยกว่า ไดนาโม(Dynamo) และชนิดกระแสสลับเรี ยกว่า อัล
เตอร์เนเตอร์(Alternator) สาหรับเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าที่ใช้งานในเชิงอุตสาหกรรมนั้น โดยมากจะเป็ นเครื่ อง
กาเนิดไฟฟ้ าชนิดกระแสสลับ ซึ่งมีท้งแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส โดยเฉพาะเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าขนาดใหญ่ที่ใช้ตาม
ั
โรงไฟฟ้ าจะเป็ นเครื่ องกาเนิดแบบ 3 เฟสทั้งหมด เนื่องจากสามารถผลิตและจ่ายกาลังไฟฟ้ าได้เป็ นสามเท่าของเครื่ อง
กาเนิดไฟฟ้ าแบบ 1 เฟส
• โดยทัวไปแล้วเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าจะประกอบด้วยส่วนสาคัญ 2 ส่วน คือส่วนที่เรี ยกว่า โรเตอร์(Rotor) ซึ่งจะมี
่
่
ขดลวดตัวนาฝังอยูในร่ องรอบแกนโรเตอร์ที่ทาจากแผ่นเหล็กซิลิคอน(Silicon Steel Sheet) ขนาดหนา
ประมาณ 0.35-0.5 มิลลิเมตร นามาอัดแน่นโดยระหว่างแผ่นเหล็กซิลิคอนจะมีฉนวนเคลือบ ทั้งนี้เพื่อลดการสูญเสี ย
ที่เกิดจากกระแสไฟฟ้ าไหลวน (Eddy Current) ภายในแกนเหล็กของโรเตอร์จะได้รับไฟฟ้ ากระแสตรง
จากเอ็กไซเตอร์(Excitor) เพื่อทาหน้าที่ในการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้ าขึ้น อีกส่วนหนึ่งของเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ า
่ ั
คือส่วนที่อยูกบที่ เรี ยกว่า สเตเตอร์(Stator) ภายในร่ องแกนสเตเตอร์ มีขดลวดซึ่งทาจากแผ่นเหล็กอัดแน่น
เช่นเดียวกับโรเตอร์ฝังอยู่ อาศัยหลักการของการเคลื่อนที่ของแม่เหล็กผ่านลวดตัวนา จะทาให้เกิดการเหนี่ยวนา
แรงดันไฟฟ้ าที่สเตเตอร์และนาแรงดันไฟฟ้ านี้ไปใช้ต่อไป
• ่
อุปกรณ์ประกอบที่สาคัญอีกอย่างหนึ่งของเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าขนาดใหญ่ คือ เอ็กไซเตอร์อยูแกนเดียวกับโรเตอร์ ทา
หน้าที่ผลิตไฟฟ้ ากระแสตรงป้ อนให้แก่โรเตอร์ (D.C. Exciting Current) เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นบนโร
เตอร์ ชนิดของเอ็กไซเตอร์จะเป็ นแบบไฟฟ้ ากระแสตรง หรื ออาจจะใช้แบบกระแสสลับ แล้วผ่านวงจรแปลงไฟฟ้ า
ให้เป็ นกระแสตรงก่อนป้ อนเข้าสู่โรเตอร์ เครื่ องกาเนิดไฟฟ้ าขนาดใหญ่มกจะใช้เอ็กไซเตอร์ชนิดหลังเป็ นส่นมาก
ั
• การควบคุมแรงดันไฟฟ้ าของเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ า สามารถกระทาได้โดยการปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กที่โร
ั ่ ั
เตอร์สร้างขึ้นด้วยการปรับกระแสไฟฟ้ าตรงที่ป้อนให้กบโรเตอร์ ส่วนความถี่ของไฟฟ้ าที่ผลิตขึ้นอยูกบปัจจัย 2 อย่าง
คือ ความเร็วรอบที่โรเตอร์หมุน ยิงหมุนรอบมากความถี่ไฟฟ้ าก็จะยิงสูง และจานวนขั้วแม่เหล็กไฟฟ้ าที่สร้างขึ้นบน
่ ่
โรเตอร์ ยิงมีข้วมากเท่าไร ความถี่ไฟฟ้ าก็จะมาก
่ ั
- 8. พลังงานไฟฟ้ า
• เมื่อต่อเครื่ องใช้ ไฟฟ้ าเข้ ากับแหล่งกาเนิดไฟฟ้ า ประจุไฟฟาจะเคลื่อนที่ ทาให้ มีกระแสไฟฟาผ่าน
้ ้
เครื่ องใช้ ไฟฟา พลังงานไฟฟาจะถูกเปลี่ยนเป็ นพลังงานรูปอื่นตามชนิดของเครื่ องใช้ ไฟฟา เช่น เมื่อ
้ ้ ้
ต่อหลอดไฟกับแหล่งกาเนิดไฟฟ้ า จะได้ พลังงานแสงสว่าง ถ้ าต่อเตาไฟฟาเข้ ากับแหล่งกาเนิด
้
ไฟฟา จะได้ พลังงานความร้ อน ถ้ าต่อ
้
แหล่งกาเนิดไฟฟ้ าเข้ ากับเครื่ องซักผ้ า พัดลม และสว่านไฟฟา ก็จะได้ พลังงานกล เป็ นต้ น
้
กาลังไฟฟา ้ กาลังไฟฟ้ า คือ พลังงานไฟฟาที่ใช้ ไปในหนึงหน่วยเวลา มีหน่วยเป็ น จูลต่อวินาที
้ ่
หรื อวัตต์ เขียนสมการ
ได้ ดงนี ้ …
ั
• เมื่อ...
P = กาลังไฟฟ้ า มีหน่วยเป็ นจูลต่อวินาทีหรื อวัตต์
W = พลังงานไฟฟา มีหน่วยเป็ นจูล
้
t = เวลา มีหน่วยเป็ นวินาที
- 9. • แหล่งกาเนิดไฟฟา คือ แหล่งกาเนิดที่ทาให้ เกิดความต่างศักย์ไฟฟา
้ ้
ระหว่างปลายทังสองของตัวนาอยูตลอดเวลาและทาให้ เกิดกระแสไฟฟา
้ ่ ้
ผ่านตัวนาอยูตลอดเวลา ได้ แก่ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ เครื่ องกาเนิด
่
ไฟฟา เป็ นต้ น แหล่งกาเนิดไฟฟา ที่ควรทราบมีดงนี ้
้ ้ ั
เซลล์ไฟฟาเคมี (eletrochemical cell)
้
เครื่ องกาเนิดไฟฟา (generator)
้
คูควบความร้ อน (thermocouple)
่
เซลล์สริยะ (solar cell)
ุ
แหล่งกาเนิดไฟฟาจากสิงมีชีวิต
้ ่
- 10. เครื่องมือวัดทางไฟฟ้ า
•
แอมมิเตอร์ โวลต์มิเตอร์ และโอห์มมิเตอร์ เป็ นเครื่ องวัดทางไฟฟา เพื่อใช้ วดปริมาณต่างๆ ทางไฟฟา
้ ั ้
เครื่ องวัดทางไฟฟาต่างๆ นี ้ สามารถสร้ างขึ ้น โดยดัดแปลงมาจาก แกลแวนอมิเตอร์ (Galvanometer) ชนิด
้
ขดลวดเคลื่อนที่ ซึงประกอบด้ วยขดลวดวางระหว่างขัวแม่เหล็ก
่ ้
แกลแวนอมิเตอร์ (Galvanometer) คือ เครื่ องมือวัดพื ้นฐานทางไฟฟาที่สามารถวัดได้ ทงกระแส
้ ั้
ไฟฟาและความต่างศักย์ไฟฟา แต่จะวัดได้ ปริมาณน้ อยๆ ดังนันจึงนิยมนาไปดัดแปลงใช้ วดกระแสไฟฟา ความ
้ ้ ้ ั ้
ต่างศักย์ไฟฟา และความต้ านทาน
้
หลักการทางานของแกลแวนอมิเตอร์
เมื่อมีกระแสไฟฟาผ่านเข้ าไปในขดลวด จะทาให้ ขดลวดหมุนได้ เนื่องจากเกิดแรงกระทาระหว่างสนาม
้
แม่เหล็กไฟฟารอบๆ ขดลวดกับสนามแม่เหล็กจากขัวแม่เหล็ก และถ้ ามีเข็มติดกับขดลวดเข็มก็จะเบนไปด้ วย
้ ้
การเบนของเข็มจะมากหรื อน้ อยขึ ้นอยู่กบปริมาณกระแสไฟฟาที่ผ่านเข้ าไปในขดลวด กระแสไฟฟาที่ทาให้ เข็มของ
ั ้ ้
แกลแวนอมิเตอร์ เบนได้ สงสุด จะมีค่าจากัดค่าหนึง เรี ยกว่า "กระแสสูงสุดของแกลแวนอมิเตอร์ " ถ้ ากระแสไฟฟา
ู ่ ้
ผ่านเข้ าไปในแกลแวนอมิเตอร์ มากกว่าค่าจากัดดังกล่าวนี ้ จะทาให้ แกลแวนอมิเตอร์ เสียหายได้
ดังนัน การที่จะนาแกลแวนนอมิเตอร์ ไปใช้ วดค่ากระแสไฟฟาและความต่างศักย์ไฟฟาในวงจรไฟฟา จึงต้ อง
้ ั ้ ้ ้
ทาการดัดแปลงเสียก่อนสัญลักษณ์ของแกลแวนอมิเตอร์ คือ
- 11. วงจรไฟฟาในบ้ าน
้
• ใช้ ไฟฟากระแสสลับ มีความต่างศักย์ไฟฟาเฉลี่ย 220 โวลต์ สายไฟที่เข้ ามาในบ้ าน
้ ้
จะมี 2 สาย ต่อจากสายหลักที่เสาไฟฟาผ่านมาตรกิโลวัตต์-ชัวโมง แล้ วเข้ าไปในบ้ าน โดยสาย 2 สาย
้ ่
นั ้น
สายหนึ่งจะเป็ นสายกลาง (N) และอีกสายจะเป็ นสายมีศกย์ (L) สายมีศกย์จะผ่านฟิ วส์ ซึงจะเป็ นตัว
ั ั ่
ปองกัน
้
อันตรายที่เกิดจากไฟฟาช็อต หรื อการใช้ กระแสไฟฟาเกินขนาดที่ฟิวส์จะทนได้ เครื่องใช้ ไฟฟาภายในบ้ าน
้ ้ ้
จะต่อกันแบบขนาน หลังจากผ่านสะพานไฟรวมไปแล้ ว ดังรูป
• อุปกรณ์ และเครื่ องใช้ ไฟฟาในบ้ าน ได้ แก่ หลอดไฟ หม้ อหุงข้ าว เตารี ด พัดลม โทรทัศน์
้
เครื่ องปรับอากาศ อุปกรณ์เหล่านี ้ทุกชิ ้น จะมีตวเลขบอกความต่างศักย์ (V) และกาลังไฟฟา (P) ที่เกิดขึ ้น
ั ้
เป็ น
วัตต์ (W) แต่บางชนิดก็กาหนดค่าความต่างศักย์ (V) กับกระแสที่ผ่านเครื่ องใช้ ไฟฟาเป็ นแอมแปร์ (A)
้
เครื่ องใช้ ไฟฟาทุกชิ ้นควรต่อสายดิน เพื่อปองกันไฟดูด
้ ้
•
- 12. วงจรไฟฟา
้
•
วงจรไฟฟ้ า ประกอบด้วย ความต้านทานหลายตัวต่อเข้าด้วยกันแบบต่างๆ เซลล์ไฟฟ้ าหลายๆ เซลล์ต่อเข้า
ด้วยกัน มีการใช้แอมมิเตอร์ โวลต์มิเตอร์วดในจุดต่างๆ ซึ่งเมื่อต่อตัวนาหรื อตัวต้านทานเข้ากับแหล่งกาเนิด
ั
ไฟฟ้ า จะมี
กระแสไฟฟ้ าไหลผ่านตัวต้านทานและแหล่งกาเนิดไฟฟ้ านั้น กระแสไฟฟ้ าที่เกิดก็เนื่องจากการเคลื่อนที่ของ
ประจุ
ไฟฟ้ า โดยประจุไฟฟ้ าได้รับพลังงานจากแหล่งกาเนิดไฟฟ้ า
แรงเคลือนไฟฟา (electromotive force ; e.m.f.)
่ ้
แรงเคลื่อนไฟฟ้ า หรื อ electromotive force (emf ; E) ของแหล่งกาเนิดไฟฟ้ าใดๆ นิยามว่า เป็ น
พลังงาน
ที่แหล่งกาเนิดนั้นจะสามารถให้ได้ต่อหน่วยประจุไฟฟ้ า ตัวอย่างเช่น
เมื่อกล่าวว่า ถ่านไฟฉายก้อนหนึ่งมีแรงเคลื่อนไฟฟ้ า 1.5 โวลต์ (V) หรื อจูลต่อคูลอมบ์ (J/C) จะหมายความว่า
ถ่านไฟฉายก้อนนั้น สามารถให้พลังงานได้ 1.5 จูลต่อประจุไฟฟ้ าทุกๆ 1 คูลอมบ์ ที่เคลื่อนที่ระหว่างขั้วไฟฟ้ า
ภายในถ่านไฟฉายนั้นหรื ออาจหมายความว่า ถ่านไฟฉายนั้นสามารถทาให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้ าระหว่างขั้วของ
ถ่านไฟฉายได้ 1.5 โวลต์ เมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้ า