SlideShare a Scribd company logo
1 of 16
Download to read offline
พลังงานไฟฟ้ า
 1. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้แสงสว่าง
         ่
 2. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้ความร้อน
           ่
 3. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานกล
             ่
 4. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานเสียง
               ่
   1.เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้แสงสว่าง
          ่

          อุปกรณ์ทเ่ี ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง ได้แก่ หลอดไฟฟ้ า หลอดฟลูออเรส
    เซนต์ และหลอดไฟโฆษณา โธมัส แอลวา เอดิสน (Thomas Alva Edison)
                                                    ั
    นักฟิ สกส์ชาวอเมริกน ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้ า ขึ้นเป็ นครังแรกเมื่อ พ.ศ. 2422 โดยใช้
           ิ              ั                                ้
                                                                                ่
    คาร์บอนเส้นเล็กๆเป็ นไส้หลอดและต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น จนเป็ นหลอดไฟฟ้ าทีใช้ในปั จจุบน
                                                                                         ั
   หลอดไฟฟ้ า
        หลอดไฟฟ้ า มีสวนประกอบดังนี้
                      ่

               • ไส้หลอด ครังแรก เอดิสนใช้คาร์บอนเส้นเล็ก ๆ เป็ นไส้หลอด ซึงมีปัญหาคือ ไส้หลอดขาดง่าย
                             ้           ั                                    ่
    เมื่อได้รบความร้อน ปัจจุบนไส้หลอดทาด้วยทังสเตน ซึงเป็ นโลหะทีหาง่าย ราคาไม่แพง มี ความต้านทานสูง
             ั                   ั                    ่            ่
    มีจดหลอดเหลวสูงมาก เมื่อได้รบความร้อนจึงไม่ขาดง่าย ลักษณะของไส้หลอด ขดไว้เหมือนสปริง มีขนาด
        ุ                          ั
                                                                 ่                ่
    แตกต่างกันขึ้นอยูกบกาลังไฟฟ้ าของหลอดไฟฟ้ า กล่าวคือ หลอดทีมีกาลังไฟฟ้ าตาไส้หลอดจะใหญ่ ความ
                      ่ ั
                               ่
    ต้านทานน้อย ส่วนหลอดทีมีกาลังไฟฟ้ าสูง ไส้หลอดจะเล็ก มีความต้านทานมาก
               • หลอดแก้ว ทาจากหลอดแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ภายในสูบอากาศออกจนหมด แล้วบรรจุ
    แก๊สไนโตรเจน และอาร์กอนเพียงเล็กน้อยไว้แทนที่ แก๊สทีบรรจุไว้น้ ีจะช่วยให้ทงสเตนทีได้รบความร้อนไม่
                                                        ่                       ั    ่ ั
                 ่                     ่
    ระเหิดไปจับทีผิวในของหลอดไฟฟ้ า ซึงจะทาให้หลอดไฟฟ้ าดา
               • ขัวต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าภายในหลอด
                    ้
   หลักการทางานของหลอดไฟฟ้ า
         การทีหลอด ไฟฟ้ าให้แสงสว่างได้เป็ นไปตามหลักการดังนี้ เมื่อกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านไส้
              ่
    หลอด ซึงมีความต้านทานสูง พลังงานไฟฟ้ าจะเปลี่ยนเป็ นพลังงานความร้อน ทาให้ไส้หลอด
            ่
    ร้อนจัดจนเปล่งแสง ออกมาได้ ซึงมีการเปลี่ยนรูปพลังงานดังนี้
                                 ่
              พลังงานไฟฟ้ า ----> พลังงานความร้อน ----> พลังงานแสง
หลอดฟลูออเรสเซนต์
      เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟ้ าให้แก่ไอปรอท ซึงจะทาให้อะตอม ของไอ
                                                                  ่
ปรอทอยูในสภาวะถูกกระตุน (exited state) เป็ นผลให้อะตอมปรอทคายพลังงานออกมา
           ่                   ้
เพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรูปของรังสีอลตราไวโอเลต ซึงมองไม่เห็น เมื่อรังสีชนิดนี้ไปกระทบ
                                          ั              ่
กับสารวาวแสงที่ฉาบไว้ทผวด้านในของหลอดฟลูออเรสเซนต์ สารเหล่านี้จะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสี
                          ี่ ิ
ต่างๆตามชนิดของสารวาวแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนัน เช่น แคดเมียมบอเรท (Cadmium
                                                ้
borate) ให้ แสงสีชมพู แคดเมียมซิลิเคท (Cadmium silicate) ให้แสงสีชมพูออน                    ่
แมกนีเซียมทังสเตท (Magnesium tungstate) ให้แสงสีขาวอมฟ้ า แคลเซียม
ทังสเตท (Calcium tungstate) ให้แสงสีนาเงิน ซิงค์ซลิเคท (Zinc silicate)
                                                    ้          ิ
ให้แสงสีเขียว ซิงค์เบริลเลียมซิลิเคท (Zinc Beryllium silicate) ให้แสงสีเหลือง
นวล นอกจากนี้ยงอาจผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้แสงสีผสมทีแตกต่างกันออกไปได้อกด้วย
                  ั                                          ่                        ี
อุปกรณ์ท่ีตองใช้ประกอบกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีดงนี้
           ้                                  ั
   สตาร์ตเตอร์ (starter) ทาหน้าทีเ่ ป็ นสวิตซ์อตโนมัตในขณะหลอดฟลูออเรสเซนต์ยงไม่
                                                ั     ิ                         ั
    ติด และหยุดทางานเมื่อหลอดติดแล้ว
         แบลลัสต์ (ballast) ทาหน้าทีเ่ พิ่มความต่างศักย์ เพื่อให้หลอดฟลูออเรสเซนต์ตด
                                                                                   ิ
    ในตอนแรก และทาให้กระแสไฟฟ้ าทีผานหลอดไฟลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว พร้อมทังควบคุมให้
                                  ่่                                       ้
    กระแสไฟฟ้ าคงตัว

          การใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ทุกชนิดต้องต่อวงจรเข้ากับสตาร์ตเตอร์และแบลลัสต์ แล้วจึง
    ต่อเข้ากับสายไฟฟ้ าในบ้าน
หลักการทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์
เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟ้ าให้แก่ไอปรอท ซึงจะทาให้อะตอม ของ
                                                             ่
ไอปรอทอยูในสภาวะถูกกระตุน (exited state) เป็ นผลให้อะตอมปรอทคาย
             ่               ้
พลังงานออกมาเพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรูปของรังสีอลตราไวโอเลต ซึงมองไม่
                                                          ั           ่
เห็น เมื่อรังสีชนิดนี้ไปกระทบกับสารวาวแสงทีฉาบไว้ทผิวด้านในของหลอดฟลูออเรสเซนต์
                                           ่      ่ี
                                                                   ่
สารเหล่านี้จะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสีตางๆตามชนิดของสารวาวแสงทีฉาบไว้ภายใน
                                      ่
หลอดนัน เช่น แคดเมียมบอเรท (Cadmium borate) ให้ แสงสีชมพู
         ้
แคดเมียมซิลิเคท (Cadmium silicate) ให้แสงสีชมพูออน แมกนีเซียม    ่
ทังสเตท (Magnesium tungstate) ให้แสงสีขาวอมฟ้ า แคลเซียม
ทังสเตท (Calcium tungstate) ให้แสงสีนาเงิน ซิงค์ซลิเคท (Zinc
                                                      ้        ิ
silicate) ให้แสงสีเขียว ซิงค์เบริลเลียมซิลิเคท (Zinc Beryllium
silicate) ให้แสงสีเหลืองนวล นอกจากนี้ยงอาจผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้
                                             ั
               ่
แสงสีผสมทีแตกต่างกันออกไปได้อกด้วยี
 2.เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน
          ่
 ........ การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานความร้อน เครืองใช้ไฟฟ้ าประเภทนี้ในปั จจุบน
                                                                 ่                      ั
  มีการผลิตและใช้กนมาก เช่น เตาไฟฟ้ า
                    ั
                                             ่                 ่
  เตารีดไฟฟ้ า หม้อหุงข้าว กาต้มนาไฟฟ้ า เครืองปิ้ งขนมปัง เครืองอบผม เป็ นต้น
                                  ้
 ........ เครืองใช้ไฟฟ้ าประเภทนี้อาศัยหลักการที่ว่า เมื่อให้กระแสไฟฟ้ าผ่านขดลวดความ
                 ่
  ต้านทานจะทาให้เกิดความร้อนในขดลวดนันความร้อนจะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กกระแส
                                           ้                                       ั
  ไฟฟ้ า และความต้านทานของขดลวด ถ้ากระแสไฟฟ้ ามากลวดจะร้อนมากขึ้น และถ้าความ
  ต้านทานขดลวดมากก็จะทาให้รอนยิงขึ้น จากหลักการนี้เส้นลวดที่นามาใช้เป็ นตัวให้ความร้อน
                                ้ ่
                              ่
  จึงต้องมีความต้านทานสูงเพือให้มีความร้อนมาก และจุดหลอมเหลวสูงพอที่จะทาให้ความร้อน
  นานๆ และที่สาคัญต้องไม่รวมกับออกซิเจนในอากาศเมื่ออุณหภูมิสงขึ้นเพือไม่ให้ขาดเร็ว
                                                                   ู      ่
 ........ ในทางปฏิบตเส้นลวดที่นามาใช้ทาเป็ นขดลวดความร้อนนี้ ทามาจากโลหะผสม
                        ัิ
  ระหว่างนิกเกิล ประมาณร้อยละ 60 โครเมียม ประมาณร้อยละ 15 และเหล็กประมาณร้อย
  ละ 25 ได้โลหะใหม่ท่ี เรียกว่า นิโครม เป็ นโลหะที่มีความต้านทานประมาณ 50 เท่าของ
  ลวดทองแดง และจุดหลอมเหลวอยู่ 1,500 องศาเซลเซียส ลวดนิโครมที่ประกอบอยู่ใน
      ่                                                                         ่
  เครืองใช้ไฟฟ้ าอาจทาเป็ นเส้นลวดหรือแถบทังนี้ข้ นอยู่กบลักษณะการใช้งาน โดยทัวไปจะนิยม
                                               ้ ึ      ั
  ทาเป็ น
  ลวดขดสปริง เพราะความยาวของขดลวดทาให้ขดลวดมีความต้านทานและความร้อนสูงขึ้น
  ด้วย
 ........ ขดลวดความร้อนหรือขดลวดนิโครมในเครืองใช้ไฟฟ้ าส่วนใหญ่จะขดอยู่ในที่รองรับ
                                                    ่
  เป็ นฉนวนไฟฟ้ า สามารถถ่ายเท่พลังงานความร้อนจากขดลวดให้แก่ภาชนะหรือวัตถุอนได้  ่ื
  นอกจากขดลวดความร้อนแล้วเครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้ความร้อนบางชนิดจะมีสวิตซ์อตโนมัติ
                                     ่                                      ั
  ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ โดยปกติแล้วการทางานของเครืองใช้ไฟฟ้ าให้คงที่ที่อณหภูมิหนึง
                                                        ่                 ุ         ่
  หรือถึงอุณหภูมิท่ีตองการก็ตดวงจรสวิตซ์อตโนมัติที่ทาการควบคุม
                       ้        ั         ั
  อุณหภูมิน้ ี เรียกว่า เทอร์โมสตัท ( Termostat ) ซึงมีหลักการดังนี้
                                                              ่
 ........ เทอร์โมสตัทประกอบด้วยแผ่นโลหะ 2 ชนิดประกบติดกัน โดยที่โลหะทังสองชนิดมี
                                                                              ้
  ความสามารถในการขยายตัวต่างกันเมื่อได้รบความร้อน เช่น แผ่นเหล็กกับทองแดง แผ่น
                                            ั
  เหล็กกับแผ่นทองเหลือง ซึงอาจ เรียกว่าแผ่นโลหะคู่ เมื่อได้รบความร้อนแผ่นโลหะคู่จะ
                              ่                             ั
  ขยายตัว โดยที่โลหะที่มีการขยายตัวมากกว่าจะพยายามดันตัวออก แต่จะถูกโลหะที่ขยายตัว
  น้อยกว่าที่ดงไว้ ทาให้เกิดการโค้งงอไปทางด้านโลหะที่มีการขยายตัวน้อยกว่า หน้าสัมผัสหรือ
                ึ
  คอนแทค ที่ต่อวงจรก็จะแยกออกจากกันแต่เมื่ออุณหภูมิของแผ่นโลหะคู่ลดลงแผ่นโลหะทัง      ้
                                       ่
  สองจะกลับสู่สภาพเดิม ทาให้วงจรต่อเชือมกันดังเดิม
         ่
    3.เครืองใช้ไฟฟ้ าพลังงานกล

   มอเตอร์ เป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าทีเ่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกล ประกอบด้วยขดลวดทีพน
                     ่                                                                  ่ ั
    รอบแกนโลหะทีวางอยูระหว่างขัวแม่เหล็ก โดยเมื่อผ่านกระแสไฟฟ้ าเข้าไปยังขดลวดทีอยู่
                   ่      ่           ้                                            ่
    ระหว่างขัวแม่เหล็ก จะทาให้ขดลวดหมุนไปรอบแกน และเมื่อสลับขัวไฟฟ้ า การหมุนของขดลวด
             ้                                                        ้
    จะหมุนกลับทิศทางเดิม
 มอเตอร์ มี 2 ประเภท คือ มอเตอร์กระแสตรง และมอเตอร์กระแสสลับ
 มอเตอร์กระแสตรง เป็ นมอเตอร์ทตองใช้ไฟฟ้ ากระแสตรงผ่านเข้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์เพื่อทาให้เกิด
                                    ่ี ้
  การดูดและผลักกันของแม่เหล็กถาวรกับแม่เหล็กไฟฟ้ าที่เกิดจากขดลวดมอเตอร์จงหมุนได้
                                                                               ึ
 มอเตอร์กระแสสลับ เป็ นมอเตอร์ทตองใช้กบไฟฟ้ ากระแสสลับ โดยใช้หลักการดูดและผลักกันของแม่เหล็ก
                                      ี่ ้   ั
  ถาวรกับแม่เหล็กไฟฟ้ าจากขดลวดมาทาให้เกิดการหมุนของมอเตอร์
 ข้อควรระวังในการใช้เครืองใช้ไฟฟ้ าทีมีมอเตอรเป็ นส่วนประกอบ คือ ห้ามใช้เครืองใช้ประเภทนี้ในช่วงทีไฟ
                         ่               ่                                   ่                     ่
  ตก หรือแรงดันไฟฟ้ าไม่ถึง 220 โวลต์ เนื่องจากมอเตอร์จะไม่หมุนและทาให้เกิดกระแสไฟฟ้ าดันกลับ
  จะทาให้ขดลวดร้อนจัดจนเกิดไหม้เสียหายได้
 ขณะทีมอเตอร์กาลังหมุนจะเกิดการเหนี่ยวนาไฟฟ้ าขึ้นทาให้เกิดกระแสไฟฟ้ าซ้อนขึ้นภายในขดลวด แต่มี
        ่
                                           ่
  ทิศทางการไหลสวนทางกับกระแสไฟฟ้ าทีมาจากแหล่งกาเนิดพลังงานไฟฟ้ าเดิม ทาให้ขดลวดของมอเตอร์
  ไม่รอนจนเกิดไฟไหม้ได้
      ้
   4.เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานเสียง
          ่

          เครืองใช้ไฟฟ้ าทีให้พลังงานเสียง เป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าทีเ่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง
               ่           ่                        ่
             ่               ่                  ่
    เช่น เครืองรับวิทยุ เครืองบันทึกเสียง เครืองขยายเสียง

        ่
    เครืองรับวิทยุ
          เป็ นอุปกรณ์ทเี่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง โดยเครืองรับวิทยุอาศัยการรับคลื่นวิทยุ
                                                                       ่
                                                                    ่ ่
    จากสถานีสง แล้วใช้อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณเสียงทีอยูในรูปของสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้น
                 ่
                   ่                 ่
    จนเพียงพอทีทาให้ลาโพงเสียงสันสะเทือนเป็ นเสียงให้เราได้ยน ดังแผนผัง
                                                                 ิ
       ่
    เครืองบันทึกเสียง
          เครืองบันทึกเสียงเป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าทีเ่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง โดยขณะ
               ่                    ่
    บันทึกใช้การพูดผ่านไมโครโฟน ซึงจะเปลี่ยนเสียงเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า แล้วบันทึกลงในแถบ
                                      ่
    บันทึกเสียงซึงฉาบด้วยสารแม่เหล็กในรูปของสัญญาณแม่เหล็ก เมื่อนาแถบบันทึกเสียงทีบนทึกไว้
                 ่                                                                           ่ ั
    มาเล่น สัญญาณแม่เหล็กจะถูกเปลี่ยนกลับไปเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า และสัญญาณไฟฟ้ าจะถูกขยาย
                                                                                    ่
    ให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้ า สัญญาณไฟฟ้ าจะถูกส่งไปถึงลาโพง ทาให้ลาโพงสันสะเทือนกลับเป็ น
    เสียงขึ้นอีกครังหนึ่ง ดังแผนผัง
                   ้
       ่
    เครืองขยายเสียง
          เป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง โดยการใช้ไมโครโฟนเปลี่ยน
                    ่
    เสียงเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า แล้วขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ จนทา
                 ่
    ให้ลาโพงสันสะเทือนเป็ นเสียง
               ่
          เครืองขยายเสียงมีสวนประกอบดังนี้
                                 ่
                   • ไมโครโฟน เปลี่ยนพลังงานเสียงให้เป็ นสัญญาณไฟฟ้ า
                   • เครืองขยายสัญญาณไฟฟ้ า ขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้น
                         ่
                   • ลาโพง เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้ าให้เป็ นพลังงานเสียง

         เครืองใช้ไฟฟ้ าหลายชนิด สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานอืนๆ หลายรูปได้
             ่                                                           ่
    พร้อมกัน เช่น โทรทัศน์สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง และพลังงานเสียงใน
    เวลาเดียวกัน
จัดทาโดย
 ด.ช.กฤษฎิ์ คลายทุกข์ เลขที่ 1
 ด.ช. เจตน์ ใจบาล เลขที2 ่
 ด.ช. ชานนท์ จุมปา เลขที่ 3

 ด.ช. ฌัฐวัฒน์ ชัยยืน เลขที4
                            ่

More Related Content

What's hot

พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)Nontawat Rupsung
 
เครื่องใช..
เครื่องใช..เครื่องใช..
เครื่องใช..Boyz Bill
 
งานนำเสนอ
งานนำเสนองานนำเสนอ
งานนำเสนอwantnan
 
งานนำเสนอ
งานนำเสนองานนำเสนอ
งานนำเสนอwantnan
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123wantnan
 
1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน
1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน
1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้านvisavavit Phonthioua
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าSiwush Pormchai
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Karnchana Duangta
 
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305Jiraporn
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าUp To You's Toey
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า0834799610
 

What's hot (13)

พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)
 
เครื่องใช..
เครื่องใช..เครื่องใช..
เครื่องใช..
 
งานนำเสนอ
งานนำเสนองานนำเสนอ
งานนำเสนอ
 
งานนำเสนอ
งานนำเสนองานนำเสนอ
งานนำเสนอ
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123
 
วิทย์1
วิทย์1วิทย์1
วิทย์1
 
1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน
1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน
1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
ไฟฟ้ากลุ่มที่ 1 ม305
 
G8injv'.=hwaahk
G8injv'.=hwaahkG8injv'.=hwaahk
G8injv'.=hwaahk
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 

Similar to ไฟฟ้า 303

เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าSiwush Pormchai
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าchindekthai01
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า0887946598532
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า0887946598532
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า0286983445
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วjaturong2012
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วjaturong20155
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1boom500937
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1boom500937
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..Powergift_vip
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..Powergift_vip
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..Powergift_vip
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123wantnan
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123wantnan
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123Chanukid Chaisri
 
งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้างานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้าSarun Boonwong
 
งานคูแหวว.Pdf
งานคูแหวว.Pdfงานคูแหวว.Pdf
งานคูแหวว.PdfPanatsaya
 
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305คณากรณ์ อุปปิง
 

Similar to ไฟฟ้า 303 (20)

เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
 
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้วเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
เรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้าเส็จแล้ว
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..
 
ไฟฟ้ากลุ..
 ไฟฟ้ากลุ.. ไฟฟ้ากลุ..
ไฟฟ้ากลุ..
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123
 
งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123งานนำเสนอ123
งานนำเสนอ123
 
ประเภทพลังงานไฟฟ้า
ประเภทพลังงานไฟฟ้าประเภทพลังงานไฟฟ้า
ประเภทพลังงานไฟฟ้า
 
งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้างานเครื่องใช้ไฟฟ้า
งานเครื่องใช้ไฟฟ้า
 
งานคูแหวว.Pdf
งานคูแหวว.Pdfงานคูแหวว.Pdf
งานคูแหวว.Pdf
 
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มที่ 3 305
 

ไฟฟ้า 303

  • 2.  1. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้แสงสว่าง ่  2. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้ความร้อน ่  3. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานกล ่  4. เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานเสียง ่
  • 3. 1.เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้แสงสว่าง ่ อุปกรณ์ทเ่ี ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง ได้แก่ หลอดไฟฟ้ า หลอดฟลูออเรส เซนต์ และหลอดไฟโฆษณา โธมัส แอลวา เอดิสน (Thomas Alva Edison) ั นักฟิ สกส์ชาวอเมริกน ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้ า ขึ้นเป็ นครังแรกเมื่อ พ.ศ. 2422 โดยใช้ ิ ั ้ ่ คาร์บอนเส้นเล็กๆเป็ นไส้หลอดและต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น จนเป็ นหลอดไฟฟ้ าทีใช้ในปั จจุบน ั
  • 4. หลอดไฟฟ้ า หลอดไฟฟ้ า มีสวนประกอบดังนี้ ่ • ไส้หลอด ครังแรก เอดิสนใช้คาร์บอนเส้นเล็ก ๆ เป็ นไส้หลอด ซึงมีปัญหาคือ ไส้หลอดขาดง่าย ้ ั ่ เมื่อได้รบความร้อน ปัจจุบนไส้หลอดทาด้วยทังสเตน ซึงเป็ นโลหะทีหาง่าย ราคาไม่แพง มี ความต้านทานสูง ั ั ่ ่ มีจดหลอดเหลวสูงมาก เมื่อได้รบความร้อนจึงไม่ขาดง่าย ลักษณะของไส้หลอด ขดไว้เหมือนสปริง มีขนาด ุ ั ่ ่ แตกต่างกันขึ้นอยูกบกาลังไฟฟ้ าของหลอดไฟฟ้ า กล่าวคือ หลอดทีมีกาลังไฟฟ้ าตาไส้หลอดจะใหญ่ ความ ่ ั ่ ต้านทานน้อย ส่วนหลอดทีมีกาลังไฟฟ้ าสูง ไส้หลอดจะเล็ก มีความต้านทานมาก • หลอดแก้ว ทาจากหลอดแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ภายในสูบอากาศออกจนหมด แล้วบรรจุ แก๊สไนโตรเจน และอาร์กอนเพียงเล็กน้อยไว้แทนที่ แก๊สทีบรรจุไว้น้ ีจะช่วยให้ทงสเตนทีได้รบความร้อนไม่ ่ ั ่ ั ่ ่ ระเหิดไปจับทีผิวในของหลอดไฟฟ้ า ซึงจะทาให้หลอดไฟฟ้ าดา • ขัวต่อไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟ้ าภายในหลอด ้
  • 5. หลักการทางานของหลอดไฟฟ้ า การทีหลอด ไฟฟ้ าให้แสงสว่างได้เป็ นไปตามหลักการดังนี้ เมื่อกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านไส้ ่ หลอด ซึงมีความต้านทานสูง พลังงานไฟฟ้ าจะเปลี่ยนเป็ นพลังงานความร้อน ทาให้ไส้หลอด ่ ร้อนจัดจนเปล่งแสง ออกมาได้ ซึงมีการเปลี่ยนรูปพลังงานดังนี้ ่ พลังงานไฟฟ้ า ----> พลังงานความร้อน ----> พลังงานแสง
  • 6. หลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟ้ าให้แก่ไอปรอท ซึงจะทาให้อะตอม ของไอ ่ ปรอทอยูในสภาวะถูกกระตุน (exited state) เป็ นผลให้อะตอมปรอทคายพลังงานออกมา ่ ้ เพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรูปของรังสีอลตราไวโอเลต ซึงมองไม่เห็น เมื่อรังสีชนิดนี้ไปกระทบ ั ่ กับสารวาวแสงที่ฉาบไว้ทผวด้านในของหลอดฟลูออเรสเซนต์ สารเหล่านี้จะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสี ี่ ิ ต่างๆตามชนิดของสารวาวแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนัน เช่น แคดเมียมบอเรท (Cadmium ้ borate) ให้ แสงสีชมพู แคดเมียมซิลิเคท (Cadmium silicate) ให้แสงสีชมพูออน ่ แมกนีเซียมทังสเตท (Magnesium tungstate) ให้แสงสีขาวอมฟ้ า แคลเซียม ทังสเตท (Calcium tungstate) ให้แสงสีนาเงิน ซิงค์ซลิเคท (Zinc silicate) ้ ิ ให้แสงสีเขียว ซิงค์เบริลเลียมซิลิเคท (Zinc Beryllium silicate) ให้แสงสีเหลือง นวล นอกจากนี้ยงอาจผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้แสงสีผสมทีแตกต่างกันออกไปได้อกด้วย ั ่ ี
  • 7. อุปกรณ์ท่ีตองใช้ประกอบกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีดงนี้ ้ ั  สตาร์ตเตอร์ (starter) ทาหน้าทีเ่ ป็ นสวิตซ์อตโนมัตในขณะหลอดฟลูออเรสเซนต์ยงไม่ ั ิ ั ติด และหยุดทางานเมื่อหลอดติดแล้ว แบลลัสต์ (ballast) ทาหน้าทีเ่ พิ่มความต่างศักย์ เพื่อให้หลอดฟลูออเรสเซนต์ตด ิ ในตอนแรก และทาให้กระแสไฟฟ้ าทีผานหลอดไฟลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว พร้อมทังควบคุมให้ ่่ ้ กระแสไฟฟ้ าคงตัว การใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ทุกชนิดต้องต่อวงจรเข้ากับสตาร์ตเตอร์และแบลลัสต์ แล้วจึง ต่อเข้ากับสายไฟฟ้ าในบ้าน
  • 8. หลักการทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟ้ าให้แก่ไอปรอท ซึงจะทาให้อะตอม ของ ่ ไอปรอทอยูในสภาวะถูกกระตุน (exited state) เป็ นผลให้อะตอมปรอทคาย ่ ้ พลังงานออกมาเพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรูปของรังสีอลตราไวโอเลต ซึงมองไม่ ั ่ เห็น เมื่อรังสีชนิดนี้ไปกระทบกับสารวาวแสงทีฉาบไว้ทผิวด้านในของหลอดฟลูออเรสเซนต์ ่ ่ี ่ สารเหล่านี้จะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสีตางๆตามชนิดของสารวาวแสงทีฉาบไว้ภายใน ่ หลอดนัน เช่น แคดเมียมบอเรท (Cadmium borate) ให้ แสงสีชมพู ้ แคดเมียมซิลิเคท (Cadmium silicate) ให้แสงสีชมพูออน แมกนีเซียม ่ ทังสเตท (Magnesium tungstate) ให้แสงสีขาวอมฟ้ า แคลเซียม ทังสเตท (Calcium tungstate) ให้แสงสีนาเงิน ซิงค์ซลิเคท (Zinc ้ ิ silicate) ให้แสงสีเขียว ซิงค์เบริลเลียมซิลิเคท (Zinc Beryllium silicate) ให้แสงสีเหลืองนวล นอกจากนี้ยงอาจผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้ ั ่ แสงสีผสมทีแตกต่างกันออกไปได้อกด้วยี
  • 9.  2.เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน ่  ........ การเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานความร้อน เครืองใช้ไฟฟ้ าประเภทนี้ในปั จจุบน ่ ั มีการผลิตและใช้กนมาก เช่น เตาไฟฟ้ า ั ่ ่ เตารีดไฟฟ้ า หม้อหุงข้าว กาต้มนาไฟฟ้ า เครืองปิ้ งขนมปัง เครืองอบผม เป็ นต้น ้  ........ เครืองใช้ไฟฟ้ าประเภทนี้อาศัยหลักการที่ว่า เมื่อให้กระแสไฟฟ้ าผ่านขดลวดความ ่ ต้านทานจะทาให้เกิดความร้อนในขดลวดนันความร้อนจะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กกระแส ้ ั ไฟฟ้ า และความต้านทานของขดลวด ถ้ากระแสไฟฟ้ ามากลวดจะร้อนมากขึ้น และถ้าความ ต้านทานขดลวดมากก็จะทาให้รอนยิงขึ้น จากหลักการนี้เส้นลวดที่นามาใช้เป็ นตัวให้ความร้อน ้ ่ ่ จึงต้องมีความต้านทานสูงเพือให้มีความร้อนมาก และจุดหลอมเหลวสูงพอที่จะทาให้ความร้อน นานๆ และที่สาคัญต้องไม่รวมกับออกซิเจนในอากาศเมื่ออุณหภูมิสงขึ้นเพือไม่ให้ขาดเร็ว ู ่  ........ ในทางปฏิบตเส้นลวดที่นามาใช้ทาเป็ นขดลวดความร้อนนี้ ทามาจากโลหะผสม ัิ ระหว่างนิกเกิล ประมาณร้อยละ 60 โครเมียม ประมาณร้อยละ 15 และเหล็กประมาณร้อย ละ 25 ได้โลหะใหม่ท่ี เรียกว่า นิโครม เป็ นโลหะที่มีความต้านทานประมาณ 50 เท่าของ ลวดทองแดง และจุดหลอมเหลวอยู่ 1,500 องศาเซลเซียส ลวดนิโครมที่ประกอบอยู่ใน ่ ่ เครืองใช้ไฟฟ้ าอาจทาเป็ นเส้นลวดหรือแถบทังนี้ข้ นอยู่กบลักษณะการใช้งาน โดยทัวไปจะนิยม ้ ึ ั ทาเป็ น ลวดขดสปริง เพราะความยาวของขดลวดทาให้ขดลวดมีความต้านทานและความร้อนสูงขึ้น ด้วย
  • 10.  ........ ขดลวดความร้อนหรือขดลวดนิโครมในเครืองใช้ไฟฟ้ าส่วนใหญ่จะขดอยู่ในที่รองรับ ่ เป็ นฉนวนไฟฟ้ า สามารถถ่ายเท่พลังงานความร้อนจากขดลวดให้แก่ภาชนะหรือวัตถุอนได้ ่ื นอกจากขดลวดความร้อนแล้วเครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้ความร้อนบางชนิดจะมีสวิตซ์อตโนมัติ ่ ั ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ โดยปกติแล้วการทางานของเครืองใช้ไฟฟ้ าให้คงที่ที่อณหภูมิหนึง ่ ุ ่ หรือถึงอุณหภูมิท่ีตองการก็ตดวงจรสวิตซ์อตโนมัติที่ทาการควบคุม ้ ั ั อุณหภูมิน้ ี เรียกว่า เทอร์โมสตัท ( Termostat ) ซึงมีหลักการดังนี้ ่  ........ เทอร์โมสตัทประกอบด้วยแผ่นโลหะ 2 ชนิดประกบติดกัน โดยที่โลหะทังสองชนิดมี ้ ความสามารถในการขยายตัวต่างกันเมื่อได้รบความร้อน เช่น แผ่นเหล็กกับทองแดง แผ่น ั เหล็กกับแผ่นทองเหลือง ซึงอาจ เรียกว่าแผ่นโลหะคู่ เมื่อได้รบความร้อนแผ่นโลหะคู่จะ ่ ั ขยายตัว โดยที่โลหะที่มีการขยายตัวมากกว่าจะพยายามดันตัวออก แต่จะถูกโลหะที่ขยายตัว น้อยกว่าที่ดงไว้ ทาให้เกิดการโค้งงอไปทางด้านโลหะที่มีการขยายตัวน้อยกว่า หน้าสัมผัสหรือ ึ คอนแทค ที่ต่อวงจรก็จะแยกออกจากกันแต่เมื่ออุณหภูมิของแผ่นโลหะคู่ลดลงแผ่นโลหะทัง ้ ่ สองจะกลับสู่สภาพเดิม ทาให้วงจรต่อเชือมกันดังเดิม
  • 11. ่ 3.เครืองใช้ไฟฟ้ าพลังงานกล  มอเตอร์ เป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าทีเ่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานกล ประกอบด้วยขดลวดทีพน ่ ่ ั รอบแกนโลหะทีวางอยูระหว่างขัวแม่เหล็ก โดยเมื่อผ่านกระแสไฟฟ้ าเข้าไปยังขดลวดทีอยู่ ่ ่ ้ ่ ระหว่างขัวแม่เหล็ก จะทาให้ขดลวดหมุนไปรอบแกน และเมื่อสลับขัวไฟฟ้ า การหมุนของขดลวด ้ ้ จะหมุนกลับทิศทางเดิม
  • 12.  มอเตอร์ มี 2 ประเภท คือ มอเตอร์กระแสตรง และมอเตอร์กระแสสลับ  มอเตอร์กระแสตรง เป็ นมอเตอร์ทตองใช้ไฟฟ้ ากระแสตรงผ่านเข้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์เพื่อทาให้เกิด ่ี ้ การดูดและผลักกันของแม่เหล็กถาวรกับแม่เหล็กไฟฟ้ าที่เกิดจากขดลวดมอเตอร์จงหมุนได้ ึ  มอเตอร์กระแสสลับ เป็ นมอเตอร์ทตองใช้กบไฟฟ้ ากระแสสลับ โดยใช้หลักการดูดและผลักกันของแม่เหล็ก ี่ ้ ั ถาวรกับแม่เหล็กไฟฟ้ าจากขดลวดมาทาให้เกิดการหมุนของมอเตอร์  ข้อควรระวังในการใช้เครืองใช้ไฟฟ้ าทีมีมอเตอรเป็ นส่วนประกอบ คือ ห้ามใช้เครืองใช้ประเภทนี้ในช่วงทีไฟ ่ ่ ่ ่ ตก หรือแรงดันไฟฟ้ าไม่ถึง 220 โวลต์ เนื่องจากมอเตอร์จะไม่หมุนและทาให้เกิดกระแสไฟฟ้ าดันกลับ จะทาให้ขดลวดร้อนจัดจนเกิดไหม้เสียหายได้  ขณะทีมอเตอร์กาลังหมุนจะเกิดการเหนี่ยวนาไฟฟ้ าขึ้นทาให้เกิดกระแสไฟฟ้ าซ้อนขึ้นภายในขดลวด แต่มี ่ ่ ทิศทางการไหลสวนทางกับกระแสไฟฟ้ าทีมาจากแหล่งกาเนิดพลังงานไฟฟ้ าเดิม ทาให้ขดลวดของมอเตอร์ ไม่รอนจนเกิดไฟไหม้ได้ ้
  • 13. 4.เครืองใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานเสียง ่ เครืองใช้ไฟฟ้ าทีให้พลังงานเสียง เป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าทีเ่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง ่ ่ ่ ่ ่ ่ เช่น เครืองรับวิทยุ เครืองบันทึกเสียง เครืองขยายเสียง ่ เครืองรับวิทยุ เป็ นอุปกรณ์ทเี่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง โดยเครืองรับวิทยุอาศัยการรับคลื่นวิทยุ ่ ่ ่ จากสถานีสง แล้วใช้อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณเสียงทีอยูในรูปของสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้น ่ ่ ่ จนเพียงพอทีทาให้ลาโพงเสียงสันสะเทือนเป็ นเสียงให้เราได้ยน ดังแผนผัง ิ
  • 14. ่ เครืองบันทึกเสียง เครืองบันทึกเสียงเป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าทีเ่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง โดยขณะ ่ ่ บันทึกใช้การพูดผ่านไมโครโฟน ซึงจะเปลี่ยนเสียงเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า แล้วบันทึกลงในแถบ ่ บันทึกเสียงซึงฉาบด้วยสารแม่เหล็กในรูปของสัญญาณแม่เหล็ก เมื่อนาแถบบันทึกเสียงทีบนทึกไว้ ่ ่ ั มาเล่น สัญญาณแม่เหล็กจะถูกเปลี่ยนกลับไปเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า และสัญญาณไฟฟ้ าจะถูกขยาย ่ ให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้ า สัญญาณไฟฟ้ าจะถูกส่งไปถึงลาโพง ทาให้ลาโพงสันสะเทือนกลับเป็ น เสียงขึ้นอีกครังหนึ่ง ดังแผนผัง ้
  • 15. ่ เครืองขยายเสียง เป็ นเครืองใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานเสียง โดยการใช้ไมโครโฟนเปลี่ยน ่ เสียงเป็ นสัญญาณไฟฟ้ า แล้วขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้นด้วยอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ จนทา ่ ให้ลาโพงสันสะเทือนเป็ นเสียง ่ เครืองขยายเสียงมีสวนประกอบดังนี้ ่ • ไมโครโฟน เปลี่ยนพลังงานเสียงให้เป็ นสัญญาณไฟฟ้ า • เครืองขยายสัญญาณไฟฟ้ า ขยายสัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้น ่ • ลาโพง เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้ าให้เป็ นพลังงานเสียง เครืองใช้ไฟฟ้ าหลายชนิด สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานอืนๆ หลายรูปได้ ่ ่ พร้อมกัน เช่น โทรทัศน์สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็ นพลังงานแสง และพลังงานเสียงใน เวลาเดียวกัน
  • 16. จัดทาโดย  ด.ช.กฤษฎิ์ คลายทุกข์ เลขที่ 1  ด.ช. เจตน์ ใจบาล เลขที2 ่  ด.ช. ชานนท์ จุมปา เลขที่ 3  ด.ช. ฌัฐวัฒน์ ชัยยืน เลขที4 ่